Q&A ตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับ เครื่องอบยูวี รวมคำถามยอดฮิตที่พ่อแม่ควรรู้

คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ที่กำลังจัดเตรียมอุปกรณ์ของใช้ต่างๆ สำหรับลูกน้อย อาจได้รับคำแนะนำจากเพื่อนๆ หรือแพทย์ สำหรับการจัดเตรียมอุปกรณ์ ฆ่าเชื้อโรคของใช้ต่างๆ ให้พร้อมก่อนคลอด จากในอดีตหลายๆ บ้าน อาจคุ้นเคยกับการลวกด้วยน้ำร้อน 100 องศาขึ้นไป ในการฆ่าเชื้อขวดนม ภาชนะ ไปจนถึงเสื้อผ้า ปลอกหมอนผ้าปูที่นอน ของเด็กได้ แต่ด้วยสถานการณ์การระบาดของโควิดในปัจจุบัน ทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายบ้านอดห่วงไม่ได้ว่าเชื้อไวรัสนั้นจะหลุดรอดเข้ามาถึงตัวลูกน้อยของเราได้จากของใช้อื่นๆ ที่ไม่สามารถฆ่าเชื้อด้วยการ ลวก หรือการนึ่งได้ และมีบทความทางการแพทย์มากมาย ระบุว่า การนำพลาสติกไปลวกด้วยความร้อนสูง จะก่อให้เกิดการตกค้าง ปนเปื้อนของ ไมโครพลาสติก ที่สามารถเข้าสู่ร่างกายของลูกน้อยก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ จึงมีการผลิตคิดค้น และนำเข้า เครื่องอบยูวี สำหรับใช้ในบ้าน ซึ่งเป็นการใช้พลังงานจากรังสี UV-C ในการฆ่าเชื้อโรคร้ายที่อาจติดอยู่ตามข้าวของเครื่องใช้ของลูกน้อย และฆ่าเชื้อของใช้คุณพ่อคุณแม่ได้อีกด้วย

ประโยชน์ของรังสี UV-C

ส่วนประกอบสำคัญของ เครื่องอบ UV-C คือหลอด UV-C ซึ่งมีคุณสมบัติในการปล่อยรังสี UV-C มาใช้ในการฆ่าเชื้อโรคได้จริง แม้แต่เชื้อไวรัสโควิดก็ไม่รอด ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก และมีผลวิจัยต่างๆ จากหลากหลายสถาบันยืนยันแล้วว่า รังสี UV-C สามารถฆ่าเชื้อไวรัสโควิดได้ 99.99% ทั้งในของเหลว บนพื้นผิวต่างๆ และในอากาศ และนอกจากไวรัสแล้ว ยังช่วยกำจัดเชื้อโรคปนเปื้อนอื่นๆ ได้อีกด้วย เช่น เชื้ออีโคไล (E. Coli) ที่ทำให้ท้องเสีย สแตฟีโลคอกคัส (Staphylococcus aureus) ก่อให้เกิดอาหารเป็นพิษ ซาลโมเนลลา (Salmonella Typhimurium) ทำให้ติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร ไวรัส H1N1 เป็นต้น โดยรังสี UV-C จะเข้าไปทำลาย DNA และ RNA ของไวรัส

ในอุตสาหกรรมอาหาร ได้มีการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้นานแล้ว และมีการพัฒนามาใช้ในการฆ่าเชื้อโรคให้กับสิ่งในครัวเรือน โดยทำให้มีขนาดเล็กลง และฟังก์ชั่นการใช้งานที่ง่ายขึ้น และประกอบกับสถานการณ์ไวรัสโควิดระบาด ทำให้ เครื่องอบ UV ฆ่าเชื้อสำหรับใช้ในบ้านเกิดดวามต้องการมากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีการวางจำหน่ายมากมายหลากหลายยี่ห้อ ดังนั้น ก่อนที่คุณพ่อคุณแม่จะตัดสินใจซื้อ เบบี้กิ๊ฟขอมอบคำแนะนำ 7 ข้อสงสัยในการเลือกซื้อ เครื่องอบยูวี สำหรับฆ่าเชื้อของใช้ลูกน้อย เพื่อช่วยให้ตัดสินใจ และลดความกังวลจากการใช้งานได้ ดังนี้ค่ะ

1. หลอด UV ควรเลือกแบบไหนดี ใช้กี่หลอด หลอดUV ควรอยู่ตรงไหน?

สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ ให้คำแนะนำในการเลือกใช้หลอด UVC ว่า

  • หากเป็นหลอด UV-C ประเภท LED ควรเลือกชนิดที่เปล่งรังสีในช่วง 240-313 นาโนเมตร หรือ 260-275 นาโนเมตร จะเป็นค่าที่ดี และมีประสิทธิภาพมากพอในการฆ่าเชื้อ โดยข้อดีของ หลอดไฟ UV-C LED คือ ใช้งานได้ยาวนาน ไม่มีการปล่อยก๊าซโอโซนออกมา ไม่ก่อให้เกิดกลิ่นตกค้างหลังจากฆ่าเชื้อโรคเสร็จ
  • หากเป็นหลอด UV-C Lamp หรือ หลอดไอปรอท/อะมัลกัม แรงดันต่ำ (Ozone Free germicidal lamp) ควรเลือกที่ปราศจากก๊าซโอโซน (Ozone Free) และเปล่งรังสีในช่วง 254 นาโนเมตร ข้อดีคือ บำรุงดูแลรักษาได้ง่าย สามารถซื้อหลอดเปลี่ยนเองได้เหมือนหลอดไฟบ้าน

ที่สำคัญ ควรเลือกยี่ห้อที่ผ่านการทดสอบมาตรฐานสินค้า เช่น CE, RoHS, มอก., มาตรฐาน ISO 15858:2016, มาตรฐาน ISO 14644 -1: 1999 เป็นต้น

นอกจากหลอด UV-C ที่มากับ เครื่องอบยูวี จะต้องได้มาตรฐาน ควรมีผลวิจัยรับรองประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรียยืนยัน ประกอบกับการจดทะเบียนรับรองต่างๆ จากสถาบันระดับสากลที่น่าเชื่อถือ เอกสารการจดทะเบียนและนำเข้าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และต้องผ่านมาตรฐานความปลอดภัยในการใช้งานด้วย

สำหรับจำนวนของหลอด UV-C Lamp นั้น ขึ้นอยู่กับขนาดของความจุภายในตู้ และค่าความยาวคลื่นแสงของรังสี UV-C ระยะเวลาในการฉายแสง วัดออกมาเป็นหน่วยไมโครวัตต์ต่อวินาที ต่อตารางเซนติเมตร (Ws/cm2) สำหรับบางเครื่องที่มีหลอดเดียวแต่ตู้มีขนาดเล็กอาจเพียงพอในการฆ่าเชื้อภายในตู้ แต่อาจใส่ของได้ไม่มากนัก หากเป็นตู้ที่มีขนาดใหญ่ และมีหลอดถึง 2 หลอด มีวัสดุที่กระจายแสงสะท้อนแสงได้ดี ก็จะช่วยให้ฆ่าเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่า ตามสูตรคำนวณที่อ้างอิง : https://bit.ly/2wFvbuN

สำหรับจุดวางหลอด UV-C นั้น ควรอยู่ด้านบน และด้านข้าง ไม่ควรอยู่บริเวณด้านล่าง หากใช้ในการอบแห้งสิ่งของที่ต้องมีการล้างน้ำ เพราะคราบน้ำอาจหยดใส่หลอดไฟ จนก่อให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้

2. เครื่องอบยูวี ที่เป็นประตูกระจก อันตรายไหม?

หลายคนอาจกังวลว่า หากเลือกซื้อ เครื่องอบยูวี ที่มีฝาประตูตู้บานหน้าเป็นกระจก เวลาใช้งานโหมดฆ่าเชื้อด้วยUV รังสี UV-C จะทะลุผ่านตู้อบออกมาเป็นอันตรายต่อดวงตาและผิวหนังได้ไหม สำหรับเรื่องนี้มีทั้งบทความ และการทดสอบยืนยันแล้วว่า ว่าคุณสมบัติของ UV-C ไม่สามารถทะลุผ่านกระจกได้ หากเป็นกระจกแท้ ไม่ใช่พลาสติกหนา เพื่อความสบายใจสามารถเลือก ชนิดที่เป็นกระจกเคลือบสีปรอท เพื่อเพิ่มความมั่นใจอีกชั้นในการป้องกันการทะลุ และเพิ่มการสะท้อนแสงภายในตู้ได้ดียิ่งขึ้น

ดูคลิปวิดิโอทดลอง การทะลุผ่านของรังสี UV-C Click
แหล่งที่มาข้อมูล UV-C ไม่สามารถทะลุผ่านกระจก Click

3. ทำไมความร้อนในการอบแห้ง ไม่ควรเกิน 50 องศา?

ข้อนี้ เกิดจากความสับสนระหว่างการฆ่าเชื้อด้วย น้ำร้อน หรือการนึ่ง ที่ต้องต้มน้ำให้เดือดถึง 100 องศา ในการฆ่าเชื้อโรค จึงคิดว่า การฆ่าเชื้อโรคด้วยเครื่องอบยูวี ก็ควรจะ 100 องศา เหมือนกันสิ? ซึ่งความจริงแล้ว การฆ่าเชื้อด้วยรังสี UV-C นั้น เป็นการใช้พลังงานแสงในการทำลาย DNA และ RNA ของเชื้อโรค ไม่ได้ใช้ความร้อนในการฆ่าเชื้อเหมือนกับ การลวกหรือนึ่ง แต่การอบแห้งขวดนม ด้วยโหมด DRY ต่างหาก ที่ใช้ความร้อนและลม ในการเป่าให้ขวดนมแห้ง การเลือกใช้ความร้อนที่ไม่เกิน 50 องศา ซึ่งไม่ร้อนมากเกินไป จะช่วยให้ขวดนมใช้งานได้ยาวนานตามอายุการใช้งานที่กำหนด ไม่กรอบแห้ง แตกร้าว เสียหายไว และไม่ก่อให้เกิดการระเหยของไมโครพลาสม่า จากพลาสติก ที่มักเกิดจากการต้มในน้ำร้อนด้วย

อ่านข่าวเรื่อง ไมโครพลาสติก เพิ่มเติมที่ Click

4. ขวดนม และของใช้อะไรบ้าง ไม่ควรนำเข้า เครื่องอบยูวี

สิ่งที่สามารถนำเข้าไปฆ่าเชื้อใน เครื่องอบยูวี ได้ ได้แก่ ขวดนมพลาสติกที่ได้มาตรฐาน ไม่มีสาร BBA หรือที่มีสัญลักษณ์ BPA FREE ได้แก่วัสดุ PP, PES, PPSU แก้ว และซิลิโคน สามารถนำเข้าฆ่าเชื้อด้วยเครื่องอบยูวี ได้ รวมไปถึงกรวยปั๊มนม ภาชนะทานอาหาร หรืออุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ กุญแจบ้าน ธนบัตร กระเป๋าสตางค์ ที่สัมผัสเป็นประจำ ของคุณพ่อคุณแม่

แต่สิ่งที่ห้ามนำเข้าฆ่าเชื้อเด็ดขาด ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากลาเท็กซ์ พลาสติก PET และยางพาราธรรมชาติ ฟองน้ำ เพราะอาจทำให้ละลาย กรอบ หรือแข็งขึ้น เป็นอันตรายต่อการนำไปใช้งานต่อนั่นเองค่ะ

5. วางเรียงของใช้ใน เครื่องอบยูวี แบบไหนถูกต้อง

หลักการฆ่าเชื้อด้วยรังสี UV-C นั้น เกิดจากแสงที่ตกกระทบลงบนผิววัตถุนั้น การที่บริเวณโดยรอบตู้และฝาตู้ เป็นวัสดุสะท้อนแสง เช่น Stainless Steel หรือ กระจกเคลือบสีปรอท จะช่วยให้การกระจายแสง สะท้อนไปมาได้โดยรอบมากก็จริง แต่หากการวางของทับกัน หรือวางผิด อาจทำให้การฆ่าเชื้อโรคส่งไปไม่ถึงของชิ้นอื่นๆ ในเครื่องอบได้ เพราะรังสี UV-C ไม่สามารถทะลุจากขวดชั้นบน ลงไปยังขวดชั้นล่างได้นั่นเอง

ฉะนั้นการวางขวดนมที่ถูกต้อง ควรถอดแยกชิ้นส่วน ระหว่างจุกนม และขวดนม วางขวดนมหงายขึ้นด้านบนเพื่อให้แสงส่องเข้าไปภายในขวดนมได้ จุกนมให้วางด้านดูดขึ้นด้านบน เพื่อฆ่าเชื้อบริเวณที่ต้องนำเข้าปาก หากเป็นตุ๊กตาชิ้นใหญ่ อาจต้องสลับกลับด้าน เพื่อให้ได้รับรังสี UV-C ได้ครบรอบด้าน หากเข้าใจหลักการดังนี้ก็สามารถนำไปปรับใช้กับการฆ่าเชื้อสิ่งของอื่นๆ ได้ค่ะ

6. วิธีการดูแลรักษา ทำเองได้ไหม? ดูแลยากรึเปล่า

ข้อดีของเครื่องอบยูวี นอกจากจะใช้งานง่ายไม่ยุ่งยากแล้ว ยังดูแลทำความสะอาดเองได้ง่ายมากๆ เพราะไม่ใช้น้ำในการอบจึงไม่มีคราบตะกรัน หรือเชื้อราเกิดขึ้น สามารถทำความสะอาดเพียงแค่ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำเปล่าหมาดๆ เช็ดบริเวณที่น้ำหยดบ่อยๆ เท่านั้น เพื่อลดการเกิดคราบน้ำ โดยไม่ตอ้งใช้น้ำยาใดๆ มาเช็ด เพราะจะทำให้ความเงาวาวลดลง ทำให้การสะท้อนแสงเสื่อมประสิทธิภาพได้

VDO สาธิต วิธีการดูแลทำความสะอาด เครื่องอบยูวี รุ่น Baby UV Gen 3 แบรนด์ Prince&Princess

สำหรับหลอด UV-C สามารถติดต่อศูนย์บริการหลังการขายเพื่อสั่งซื้อ และเปลี่ยนได้เอง โดยสังเกตจากสัญลักษณ์ หรือไฟแจ้งเตือนเมื่อหลอดไฟขาด ก็สามารถถอดเปลี่ยนได้เองเหมือนการเปลี่ยนหลอดไฟทั่วไป และอีกสิ่งหนึ่งที่หลายคนไม่ทราบคือ การดูแลบริเวณพัดลมระบายอากาศ หมั่นล้างหรือเปลี่ยน Filter กรองอากาศไม่ให้ฝุ่นเกาะหนา ทุก 30 วัน เพื่อให้พัดลมทำงานได้ดี ลดการเกิดปัญหาเครื่องทำงานหนักได้ค่ะ

7. นำของกิน เข้าเครื่องอบยูวีได้ไหม?

หลายๆ บ้าน มีความกังวลว่า เชื้อไวรัส หรือแบคทีเรีย อาจปนเปื้อนอยู่ในอาหารที่ปรุงกึ่งสุกกึ่งดิบ เช่น ส้มตำ ปลาแซลมอน จึงอยากนำเข้าเครื่องอบยูวี เพื่อฆ่าเชื้อ ไม่มีข้อห้ามในการอบฆ่าเชื้ออาหาร หากเครื่องอบ UV มีขนาดใหญ่เพียงพอ ที่สามารถจะเทใส่จาน แล้ววางเพื่อรับรังสี UV-C ได้พอดี แต่สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ กลิ่นอาหารที่ยังติดค้างอยู่ภายในเครื่อง หากนำไปใช้ฆ่าเชื้อขวดนมของลูกต่อ อาจทำให้กลิ่นไปติดที่ขวดนม ทำให้ลูกอาจไม่ยอมทานนมด้วยขวดนั้นไปเลยได้ และห้ามนำเข้าทั้งถุงพลาสติก ถุงร้อน โดยเด็ดขาด เพราะอาจละลาย หรือก่อให้เกิดการระเหยของสารพิษในพลาสติก เป็นอันตรายมากกว่าเดิมได้ค่ะ

แหล่งข้อมูลอ้างอิงเพิ่มเติม :

สำนักวิชาสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ https://arch.wu.ac.th/?p=6971
สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ (มว.) http://www.nimt.or.th/main/?p=31767
GET GET GOT https://www.getgetgot.com/blog/uv-sterilisers-best-for-baby-bottles
ประชาชาติธุรกิจ https://www.prachachat.net/rama-health/news-469601
MGR Online https://mgronline.com/qol/detail/9630000043446
ข่าวสารจุฬาฯ https://www.chula.ac.th/news/44406/

สำหรับคุณพ่อคุณแม่คนไหนที่กำลังชั่งใจอยู่ว่าควรซื้อเครื่องอบยูวีหรือไม่  สามารถเข้ามาเลือกชมสินค้าได้ที่ร้าน BabyGift ร้านจำหน่ายสินค้าแม่และเด็กระดับคุณภาพ มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี สามารถมาเยี่ยมชมสินค้าต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องอบยูวีหรือสินค้าอื่นๆ ก็ตาม ทั้งยังสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ร้านเบบี้กิ๊ฟทั้ง 6 สาขา ใกล้บ้าน หรือสอบถามผ่านช่องทาง Online ทีมงาน BabyGift ยินดีให้คำแนะนำค่ะ

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00

บทความแนะนำ

ปัญหาลูกทารกนอนยาก ไม่ยอมนอน ถือเป็นหนึ่งปัญหาปวดหัวใจ ทำคุณพ่อคุณแม่หลายๆ บ้านเครียดและไม่สบายใจไปตามๆ กัน เพราะเมื่อลูกนอนยาก งอแง ไม่ยอมหลับ ก็มักจะงอแงร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหล ปลอบอย่างไรก็ไม่หาย กว่าจะนอนได้ก็นานเป็นชั่วโมง  แถมเวลาลูกหลับแล้วตื่นมาทีไรก็ยังงอแง อารมณ์ไม่ดี เลี้ยงยากจนคุณแม่ๆ ทั้งหลายเพลียใจ ลูกน้อยทารกควรนอนมากแค่ไหน ? คุณแม่รู้ไหมว่า…ลูกทารกวัยแรกเกิด- 1 เดือน นอนกลางวันถึงวันละ 8-9 ชั่วโมง และกลางคืนอีก 8-9 ชั่วโมง รวม 15-18 ชั่วโมงต่อวัน  ส่วนลูกวัย 1 -3 เดือน นอนกลางวันวันละ 6-7 ชั่วโมง และกลางคืนอีก 9-10 ชั่วโมง   รวมประมาณ 15 ชั่วโมง  จนเมื่อลูกน้อยวัย 6 เดือน เริ่มนอนน้อยลง คือ นอนกลางวันลงเหลือ 3-4 ชั่วโมง และกลางคืน 10-11 ชั่วโมง รวม […]

ลดอาการแพ้ท้อง ตอนตั้งครรภ์ทำให้คุณแม่หลายคนคิดว่าการจะมีลูกซักคนไม่ใช่เรื่องง่ายเลยใช่ไหมคะ อาการแพ้ท้องส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในช่วง 3 เดือนแรก อาการหลัก ๆ ก็เลยจะมีวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ถ้าหากคุณแม่มีอาการนี้แบบนี้อยู่ หรืออยากลดอาการแพ้ท้อง เราเลยมีเคล็ดลับง่าย ๆ ที่มาช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องมาฝากกันค่ะ แพ้ท้อง เกิดจากอะไร? อาการแพ้ท้องเกิดจากฮอร์โมน HCG (Human Chorionic Gonadotropin) ในร่างกายของคุณแม่เพิ่มสูงขึ้น จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางทางร่างกายและจิตใจ จนมีอาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน และอื่น ๆ  8 เคล็ดลับที่ช่วยลดอาการแพ้ท้อง 1. กลิ่นหอมสดชื่นเบา ๆ ช่วยได้ คุณแม่ที่ได้กลิ่นน้ำหอมฉุน กลิ่นเทียน กลิ่นธูป หรืออื่น ๆ แล้วมีอาการคลื่นไส้ ให้รีบออกมาจากตรงนั้นเลยค่ะ เพราะเรื่องกลิ่นก็มีผลกับอาการแพ้ท้อง คุณแม่ควรจะอยู่ในที่ที่มีอากาศถ่ายเท หากลิ่นสดชื่นธรรมชาติ ไม่ฉุน ก็จะช่วยให้คุณแม่อาการดีขึ้น รู้สึกเวียนหัวน้อยลง แล้วก็ช่วยให้ผ่อนคลายได้ด้วย 2. ดื่มน้ำลดอาการหน้ามืด อาการแพ้ท้องส่วนใหญ่จะมาในรูปแบบของการอาเจียน การดื่มน้ำเปล่าอุณภูมิปกติหรือน้ำส้มคั้นสักแก้วก็จะช่วยให้คุณแม่สดชื่นขึ้นได้ ช่วยให้ร่างกายไม่ขาดน้ำด้วยค่ะ และที่สำคัญคุณแม่ต้องดื่มน้ำเปล่าเป็นประจำด้วยนะคะ […]

แม่ท้องร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย เนื่องฮอร์โมนฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) เพิ่มสูงขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ โดยการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนดังกล่าวจะส่งผลให้เส้นเอ็นและข้อต่อเกิดการคลายตัวมากขึ้น รวมทั้งทำให้โครงสร้างภายในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง เพื่อรองรับทารกในครรภ์ หนึ่งในนั้นการเปลี่ยนแปลของร่างกายก็คือสภาพผิวที่แห้งง่าย สีผิวเปลี่ยน คุณแม่บางคนเกิดกระได้ง่ายขึ้น รวมไปถึงขนาดท้องที่ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ผิวหนังบริเวณท้อง หน้าอก ต้นขา เกิดการยืดตึงจนเกิดรอยแตก การดูแลตัวเองขณะตั้งครรภ์จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ รวม ITEM ดูแลคุณแม่ตั้งครรภ์ BabyGift คัดสรรคุณภาพ 1. ผลิตภัณฑ์ป้องกันการแตกลาย ขึ้นอยู่กับความชื่นชอบของคุณแม่ว่าเป็นเนื้อครีมหรือเนื้อเซรั่ม ควรใช้ก่อนที่จะเกิดปัญหาเรื่องผิวแตกลายจะเป็นการดูและผิวได้ดีที่สุด  2. เข็มขัดพยุงครรภ์  รองรับน้ำหนักของครรภ์ที่ขยายใหญ่และมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ที่สำคัญยังช่วยในการบรรเทาอาการปวดหลังของแม่ท้องได้อีกด้วย การเริ่มใช้ขึ้นอยู่กับคุณแม่แต่ละคนเลยว่ารู้สึกหนักหรือหน่วงท้องเมื่อไหร่ 3. คาร์ซีทสำหรับแม่ท้อง   อุปกรณ์เสริมบนรถยนต์ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้แม่ท้องและลูกในครรภ์  คาร์ซีทแม่ท้อง แบรนด์ Tummy Shleid  นวัตกรรมจากประเทศออสเตรเลีย เปลี่ยนจากการที่เข็มขัดนิรภัยรถรัดหน้าท้อง มารัดที่ต้นขาแทน  4. ผลิตภัณฑ์น้ำฆ่าเชื้อธรรมชาติ   แม่ท้องอยู่ในช่วงฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง อาจทำให้ป่วยง่าย ไม่สบายบ่อย ติดเชื้อได้ง่าย การใช้แอลกอฮอล์เป็นอันตรายต่ออวัยวะภายใน การใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อจากธรรมชาติเพิ่มความปลอดภัยได้   5. เครื่องอบ UV   นวัตกรรมการฆ่าเชื้อขั้นสูงด้วยแสงยูวีหรือรังสีอัลตราไวโอเลตที่มีมาตรฐานใกล้เคียงกับการฆ่าเชื้อในวงการแพทย์ สามารถใช้ได้ทั้ง โทรศัพท์มือถือ ของใช้ต่างๆ

เมื่อต้องเดินทางหรือท่องเที่ยวพร้อมกับลูกวัยเบบี๋ อาจทำให้คุณแม่หลายๆ บ้านกังวลใจในการ พาลูกขึ้นเครื่อง ไม่ว่าจะเรื่องสุขภาพอนามัยความปลอดภัย ลูกน้อยจะเดินทางไหวไหม? ต้องเตรียมของใช้อะไรไปบ้าง? ลูกเดินทางได้อายุเท่าไร? มีอะไรที่เอาขึ้นเครื่องบินไปได้หรือไม่ได้บ้าง?  จะนั่งตรงไหนให้ปลอดภัยเลี้ยงลูกได้สะดวก? ลูกหิวหรือร้องงอแงจะทำอย่างไรได้บ้างนะ? ทุกเรื่องที่คุณแม่กังวลใจจัดการได้ไม่ยาก แค่เพียงทำตามข้อมูลและคำแนะนำเหล่านี้ค่ะ 4 เรื่องต้องรู้ก่อน พาลูกขึ้นเครื่องบิน เมื่อคุณแม่รู้ว่าจะต้องเพินทางพร้อมลูกวัยเบบี๋ สิ่งแรกที่ต้องทำคือการหาข้อมูล สอบถามกฎและรายละเอียดจากสายการบิน และวางแผนการเดินทางและอุปกรณ์ของใช้ให้ครบถ้วน อาทิ » หาข้อมูลก่อนเดินทาง ตรวจสอบกับสายการบิน ว่าอายุเด็กทารกที่เดินทางได้คือเท่าไร เพราะแต่ละสายการบินอาจมีข้อกำหนดที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งตามความจริงและพัฒนาการของเบบี๋แล้ว ควรให้ลูกอายุประมาณ 3-4 เดือนขึ้นไปจึงเดินทางได้เพื่อสุขภาพ สุขอนามัยและความปลอดภัย แต่หากมีความจำเป็นก็สามารถพาลูกเล็กขึ้นเครื่องบินได้ โดยบางสายการบินเด็กทารกที่เดินทางได้ต้องอายุไม่น้อยกว่า 7 วัน หรือบางสายการบินอาจให้ทารกอายุตั้งแต่ 14 วันขึ้นไป  หรืออาจอนุญาตให้อายุน้อยกว่านั้นขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์ สอบถามหาข้อมูลเรื่องการจองตั๋ว การเลือกที่นั่ง และค่าโดยสารสำหรับเด็กเล็ก  แจ้งสายการบินล่วงหน้า สอบถามเรื่องเอกสารที่ต้องใช้สำหรับเด็ก   ศึกษาข้อบังคับและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ บนเครื่องบิน สอบถามหรือหาข้อมูลข้อกำหนดต่างๆ ในการขึ้นเครื่องบิน ว่าสามารถนำอุปกรณ์ของใช้อะไรบ้าง ที่ขึ้นเครื่องบินเพื่อดูแลลูกทารกระหว่างการเดินทางได้ เช่น » เตรียมพร้อมอุปกรณ์ของใช้ในการเดินทางให้ลูกทารก รถเข็นเด็ก […]

คุณแม่มือใหม่กับการเอาลูกน้อยเข้าเต้า ให้นมทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง ฟังดูไม่ใช่เรื่องง่ายเลยใช่ไหมคะ เพราะการที่แขนของคุณแม่ต้องแบกรับน้ำหนักลูกและต้องก้มตัวให้นมลูกน้อยบ่อย ๆ อาจจะทำให้คุณแม่ปวดไหล่ ปวดหลัง ปวดแขน หรือ เมื่อยล้าได้สะสมจนส่งผลต่อสุขภาพระยะยาวได้ เพราะเห็นถึงปัญหาของคุณแม่หลังคลอด หมอนรองให้นม เบาะอุ้มให้นม จึงถูกออกแบบมาเพื่อคุณแม่ให้นมโดยเฉพาะเลยค่ะ หมอนออกแบบตามสรีระศาสตร์ทารก ช่วยประคองคอและหลังของลูกน้อย พร้อมช่วยลดอาการปวดเมื่อยของคุณพ่อคุณแม่เวลาอุ้มทารกได้ด้วยค่ะ หมอนรองให้นม เบาะอุ้มให้นม จำเป็นต้องมีไหม? คุณแม่ที่เชี่ยวชาญในการอุ้มทารกเป็นอย่างดี อุ้มลูกน้อยได้สบายหายห่วง เบาะอุ้มให้นมอาจจะดูไม่จำเป็นเท่าไหร่ค่ะ แต่สำหรับคุณแม่มือใหม่ที่เวลาให้นมลูกยังต้องเกร็งแขน จนต้องใช้วิธีเอาหมอนหนุนมาวางซ้อนกันหลาย ๆ ใบ เพื่อรองรับลูกน้อย ยกลูกให้ถึงเต้านม หมอนรองให้นมก็ถือว่าจำเป็นต้องมีค่ะ เพราะจะช่วยให้ลูกน้อยอยู่ในระดับที่ให้นมได้สะดวกมากขึ้น ลดอาการปวดเมื่อยของคุณแม่ และที่สำคัญหมอนทั่วไปไม่เหมาะกับการให้ทารกนอนระหว่างให้นม เพราะหมอนไม่ได้โค้งกระชับรองรับสรีระทารกค่ะ วิธีเลือกซื้อหมอนรองให้นม 1. เลือกจากรูปทรงหมอนรองให้นมมีหลายรูปแบบ เช่น รูปตัวยู, เบาะตามสรีระทารก เป็นต้น คุณแม่ควรจะเลือกแบบที่ตัวเองถนัด ที่สำคัญคุณสมบัติหลักควรจะกระชับรองรับสรีระทารกได้เป็นอย่างดี 2. กระชับแนบตัวลูก หรือ ตัวคุณแม่หมอนรองให้นมควรจะแนบกระชับตัวลูกน้อย รองรับตามสรีระเด็กทารก เพื่อให้คุณแม่อุ้มได้ถูกท่า หากเป็นแบบหมอนรูปตัวยู ควรจะปรับสายได้เพื่อให้แนบกระชับกับเอวคุณแม่ ไม่ให้หมอนเลื่อนหลุดง่าย […]

จากเหตุการณ์ครั้งนี้ คุณนานาอยากฝากไปถึงคุณพ่อคุณแม่ทุกท่าน ให้ตระหนักถึงความสำคัญของการใช้คาร์ซีท ในทุกครั้งที่เดินทาง ไม่ว่าใกล้หรือไกล ก็ต้องให้ลูกนั่งคาร์ซีทเสมอ เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ขอปรบมือให้กับคุณนานาและคุณเวย์ ที่เป็นครอบครัวตัวอย่าง ฝึกให้น้องบีน่าและน้องบรู๊คลีน มีวินัยในการนั่งคาร์ซีททุกครั้งที่อยู่บนรถ คาร์ซีท หรือเบาะนั่งนิรภัยในรถยนต์สำหรับเด็ก ช่วยลดโอกาสการบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ การใช้ คาร์ซีท จะช่วยรองรับศีรษะ คอ กระดูกสันหลัง ที่ยังไม่แข็งแรงของเด็กเล็ก ช่วยไม่ให้สมองและไขสันหลังถูกทำลายจากการกระแทกในขณะเกิดอุบัติเหตุ และสิ่งสำคัญควรติดตั้งคาร์ซีทอย่างถูกต้อง ให้ลูกคาดเข็มขัดนิรภัยที่ตัวคาร์ซีทด้วยทุกครั้ง และปรับสายให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ไม่ให้ลูกอึดอัดและไม่หลวมเกินไป เพราะถ้าหลวมเกินไป เมื่อเกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงและไม่คาดฝัน ก็อาจทำให้เด็กหลุดออกจากคาร์ซีท และหลุดออกนอกตัวรถไปจนเป้นอันตรายถึงชีวิต ครอบครัวตัวอย่างเดินทางอย่างปลอดภัย คุณพ่อคุณแม่คาดเบลล์ ลูกๆนั่งคาร์ซีท ว้าว เยี่ยมไปเลย !!! น้องบีน่าและน้องบรู๊คลิน เดินทางอย่างปลอดภัยและหลับสบ๊ายสบายด้วยค่ะ

Menu
All Categories
All Brands
All Ages
Promotions
Locations
BabyGift Family
BabyGift Care
Parents Guide
News & Event

All Categories

All Categories
All Brands
All Ages