ทำไม? ลูกไม่กินนมสต๊อก และวิธีฝึกลูกน้อยกินได้สำเร็จ

เพราะลูกน้อยคือที่สุดของความรักจากใจแม่ไม่มีอะไรเทียบได้ คุณแม่ทุกท่านจึงต้องเลือกและหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกน้อยเสมอ และ “น้ำนมแม่” คือหนึ่งในอาหารที่มีคุณค่ามากที่สุด และดีที่สุดต่อลูกน้อย เป็นอาหารที่ไม่ต้องไปซื้อหาที่ไหน  ด้วยเพราะน้ำนมนั้นกลั่นมาจากอกจากธรรมชาติในร่างกายแม่ที่มุ่งมั่นตั้งใจจะให้ลูกน้อยได้รับคุณค่าสารอาหารเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการอย่างครบถ้วน

ซึ่งการให้นมแม่ได้ยาวนานที่สุด และเต็มที่ที่สุดแก่ลูกน้อย  นอกจากจะส่งผลดีเยี่ยมต่อพัฒนาการในทุกด้าน สร้างเสริมภูมิต้านทานทำให้ลูกกินนมแม่ไม่ป่วยง่าย ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากมาย รวมถึงการให้นมแม่ยังดีต่อสุขภาพแม่ในแง่มุมต่างๆ ทั้งการช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็ว มีส่วนช่วยคุมกำเนิดได้ในช่วงหนึ่ง  พร้อมกับทำให้สุขภาพและรูปร่างของคุณแม่กลับคืนมาหุ่นดีได้เร็วและง่ายขึ้นด้วย

ดังนั้นเพื่อให้ลูกน้อยได้รับพลังคุณค่าสารอาหารจากน้ำนมนมแม่ให้ยาวนานเต็มที่ คุณแม่ทุกท่านจึงมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำสต๊อกน้ำนมสะสมไว้ให้ลูกมากๆ  และหลายๆ ท่านก็เป็นคุณแม่นักปั๊มได้สำเร็จ มีน้ำนมแม่ให้ลูกเต็มที่ เต็มตู้แช่  แต่ทว่าปัญหาที่คุณแม่กลับต้องพบเจอ คือ ลูกไม่กินนมสต๊อก ที่ทำไว้  จึงมีคำถามมากมายว่าทำไม? ลูกจึงไม่ยอมกิน เพราะเป็นนมแม่เหมือนกัน

เราจึงชวนมาดูสาเหตุที่ลูกน้อยไม่ยอมกินนมสต๊อก พร้อมกับวิธีการฝึกลูกน้อยกินนมแม่จากสต๊อกว่าต้องทำอย่างไร เพื่อแก้ปัญหาให้สำเร็จ ให้ลูกน้อยกินนมได้แม่ยาวนาน ได้รับที่สุดของโภชนาการนมแม่นี้อย่างเต็มที่ไปจนโตค่ะ

สาเหตุที่ ลูกไม่กินนมสต๊อก

  • ลูกติดกินนมแม่จากเต้า ด้วยเพราะความอบอุ่นจากเต้า การได้อิงแอบแนบชิดกับคุณแม่ตลอดเวลา ทำให้ลูกน้อยมีความสุข มีความมั่นคงปลอดภัย  ดังนั้นเมื่อคุณแม่นำนมแม่สต๊อกใส่ขวดมาให้ลูก ลูกจึงไม่ยอมกิน รวมถึงอาจไม่รู้ว่าการดูดนมจากขวดจะช่วยทำให้อิ่มได้เพราะไม่เคยกินมาก่อน
  • ลูกติดกินนมแม่อุ่นๆ เพราะน้ำนมแม่จากเต้ามีอุณหภูมิอุ่นพอเหมาะพอดี ซึ่งการกินนมสต๊อก บางครั้งคุณแม่อาจละลายน้ำนมหรืออุ่นนมแม่ได้ไม่ดี ไม่พอเหมาะแบบที่ลูกเคยกิน จึงทำให้ลูกปฏิเสธน้ำนมสต๊อกนั่นเอง
  • ลูกติดวิธีการดูดนมแม่จากเต้า ไม่คุ้นเคยกับการดูดนมจากขวด ทำให้สับสนระหว่างการดูดนมจากเต้า กับดูดนมสต๊อกจากขวดนม  เนื่องจากวิธีการดูดนมจากทั้งสองแบบไม่เหมือนกัน โดยการดูดนมแม่จากเต้าลูกน้อยจะต้องอมหัวนมและลานนมให้มิด ลึกและกว้างเพียงพอ และใช้ลิ้น ร่วมกับขากรรไกรช่วยในการดูดนมแม่ทั้งหมด แต่การดูดนมจากขวด จะใช้เพียงปากและลิ้นช่วยในการดูดเท่านั้น ไม่ต้องอ้าปากกว้างเพื่อดูดนมให้น้ำนมไหลออกมาเหมือนดูดจากเต้าแม่
  • นมสต๊อกมีกลิ่นแรง รสชาติเปลี่ยนไป ทำให้ลูกน้อยที่ติดรสชาติน้ำนมสดๆ จากเต้าคุณแม่ ไม่ยอมกินนมสต๊อก แม้คุณแม่จะนำนมสต๊อกนั้นมาละลายให้หายเย็นหรืออุ่นแล้วก็ตาม เนื่องจากมีกลิ่นเหม็นหืนบ้าง และรสชาติ หรืออุณหภูมิน้ำนมก็เปลี่ยนไป ลูกจึงไม่ยอมกิน

วิธีฝึกลูกน้อยกินนมสต๊อก

เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาลูกน้อยไม่กินนมสต๊อก คุณแม่จะต้องเตรียมตัวหรือฝึกลูกน้อยให้กินนมแม่สต๊อกจากขวดล่วงหน้า และแก้ปัญหาด้วยวิธีการต่างๆ ดังนี้

  1. เริ่มฝึกให้ลูกกินนมสต๊อกให้เร็ว ก่อนคุณแม่ต้องกลับไปทำงาน  โดยคุณแม่ควรฝึกให้ลูกกินนมสต๊อกได้หลังคลอดประมาณ 1 เดือน หรือก่อนกลับไปทำงานประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งน่าจะเป็นเวลาใกล้เคียงที่คุณแม่จะเริ่มปั๊มนมทำสต๊อกหลังจากที่ช่วงแรกต้องให้ลูกน้อยวัยทารกกินนมจากเต้าเป็นส่วนใหญ่ เพื่อให้คุ้นเคยและกินต่อเนื่อง  รวมถึงหากป้อนนมขวดให้ลูกเร็วเกินไป อาจทำให้ลูกติดใจการดูดนมขวดที่ดูดง่ายและไหลคล่องกว่าได้  ด้วยวิธีการคือ- ฝึกให้ลูกกินนมสต๊อกจากขวดวันละครั้ง โดยใช้จุกนมไซส์เล็กสุด เพื่อไม่ให้น้ำนมไหลเร็วเกินไปจนลูกสำลัก และหากใช้จุกนมที่ไซส์ใหญ่เกินไป จะทำให้ลูกติดการกินนมที่ไหลเร็วไหลง่าย จนทำให้ลูกไม่ยอมกลับมากินนมจากเต้าคุณแม่ได้อีก– อาจเลือกใช้จุกนมที่คล้ายนมแม่ที่มีฐานกว้างใหญ่และมีความนุ่ม  เพื่อเลียนแบบการดูดนมให้ใกล้เคียงกับการดูดนมจากเต้า ป้องกันลูกน้อยสับสนและสร้างความคุ้นเคย  นอกจากนี้จุกนมที่คล้ายนมแม่หรือเสมือนนมแม่ มักจะออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกน้อยดูดลมเข้าไปในท้อง จนเกิดแก๊สในท้อง  จึงมีส่วนช่วยทำให้ลูกสบายท้อง ป้องกันอาการปวดท้อง แน่นท้องได้
  2. ผสมนมแม่ที่ปั๊มสดจากเต้า กับน้ำนมสต๊อกที่ละลายแล้ว  หมายถึงให้คุณแม่ผสมนมแม่ที่ปั๊มสดจากเต้า กับน้ำนมสต๊อกที่นำมาทำละลายแล้ว ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นทีละนิดทีละหน่อยทุกๆ 3 วัน เช่น- 1-3 วันแรก หากลูกดื่มนมครั้งละ 4 ออนซ์ ให้ใช้นมแม่ปั๊มสด 3 ออนซ์ ผสมนมสต๊อก 1 ออนซ์– วันที่ 4-6  ให้ผสมนมแม่ปั๊มสดเพิ่มเป็น 2 ออนซ์ ผสมนมสต๊อก 2 ออนซ์(สัดส่วนเท่ากับ 50:50) แล้วพอวันที่ 7-9 ให้เพิ่มนมสต๊อกขึ้นเรื่อยๆ เป็น 3 ออนซ์ ผสมนมแม่ปั๊มสด 1 ออนซ์ จนวันที่ 10 เป็นต้นไป คุณแม่ก็สามารถให้ลูกกินนมสต๊อกได้ทั้งขวด  หรือตามปริมาณที่ลูกดื่ม
  3. ละลายหรืออุ่นนมสต๊อก ไม่ให้มีความเย็น นั่นคือการนำนมสต๊อกที่แช่แข็งมาทำให้ละลายและมีเนื้อน้ำนมที่เข้ากันดี  ป้องกันปัญหาลูกไม่กินเพราะนมเย็นหรืออุณหภูมิผิดไป  ลูกติดกินนมอุ่นๆ หรือนมจากเต้าคุณแม่ด้วยวิธีการอุ่นนมต่างๆ  เช่น นำนมแม่จากช่องฟรีซมาทิ้งไว้ในช่องล่างของตู้เย็นธรรมดาให้นมละลายก่อน 1 วัน แล้ว ทำให้หายเย็น ด้วยการแช่ในน้ำอุ่น  แต่วิธีการนี้อาจทำให้คุณแม่ลืมทิ้งไว้ หรือน้ำที่แช่ร้อนเกินไปจนทำนมแม่เสียคุณค่าอาหารดังนั้นจึงแนะนำวิธีการใช้เครื่องอุ่นนม เพื่อความรวดเร็วและสะดวก ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกหลายหลาย ราคาย่อมเยาและมีการทำงานหลายฟังก์ชั่น ทั้งอุ่นนม อุ่นอาหารและละลายน้ำแข็งได้  เนื่องจากจะช่วยให้คุณแม่สามารถนำนมสต๊อกแช่งแข็งมาอุ่นในเครื่องอุ่นนมได้ทันที  สามารถตั้งอุณหภูมิได้ตามความเหมาะสม เพื่อไม่ให้น้ำนมร้อนหรือเย็นเกินไป  ถือเป็นตัวช่วยที่ดีที่จะทำให้ลูกน้อยกินนมแม่จากสต๊อกได้ง่ายขึ้น
  4. หากลูกอายุเกิน 12 เดือน อาจเติมรสชาติเพิ่มเติม ในนมสต๊อกได้ เพราะด้วยวัยที่โตขึ้นลูกจะรับรู้และคุ้นเคยกับรสชาติต่างๆ  จนทำให้ติดรสชาติและกินนมแม่จากสต๊อกที่มีกลิ่นและรสที่แตกต่างได้ยากมากขึ้น   คุณแม่จึงอาจเติมรสชาติที่ลูกชอบลงไปในนมแม่สต๊อกนิดหน่อย เพื่อเปลี่ยนกลิ่นหืนและรสในนมแม่สต๊อก  เช่น การเติมน้ำผลไม้ อาทิ น้ำส้มคั้น น้ำแอปเปิ้ล หรือน้ำหวาน  แต่ต้องระวังไม่ใส่เยอะหรือหวานมากเกินไป  เพราะลูกจะอ้วนและฟันผุได้ หรืออาจนำนมแม่สต๊อกนั้นไปเป็นอาหารที่ไม่ผ่านความร้อน เช่น ทำไอศกรีม กินนมผสมผลไม้ ทำนมปั่นสมูทตี้ เพราะลูกวัย 1 ปีสามารถกินอาหารได้หลากหลายมากขึ้น
  5. ไม่ให้ลูกกินนมอื่นๆ ควบคู่กับนมแม่ที่ทำสต๊อกไว้  เพราะหากลูกได้เคยกินรสชาติหรือกลิ่นจากนมผสมหรือนมอื่นๆ จะยิ่งทำให้ลูกกินนมสต๊อกได้ยากขึ้น หรือไม่ยอมกินเลย  แต่หากลูกไม่เคยลิ้มรสชาติของนมอื่นเลย เมื่อถึงวันที่ต้องกินนมสต๊อก ก็จะยอมกินนมได้หมดหรือกินนมแม่จากสต๊อกได้มากขึ้น

เมื่อคุณแม่รู้สาเหตุของการปฏิเสธนมสต๊อกของลูกแล้ว ก็สามารถแก้ไขและฝึกลูกได้ โดยขอเพียงหมั่นฝึกฝนตามวิธีการต่างๆ ที่แนะนำ พร้อมกับใช้ตัวช่วยต่างๆ เช่น เครื่องอุ่นนม จุกนมที่ดี  ร่วมกับการละลายนมสต๊อกที่ถูกต้อง และเทคนิคอื่นๆ โดยที่ไม่ให้ลูกกินนมอื่นๆ เด็ดขาด ก็มั่นใจได้ว่าลูกน้อยจะยอมกินนมแม่ที่สต๊อกไว้ได้ต่อเนื่อง  เติบโตแข็งแรงด้วยพลังคุณค่าจากน้ำนมแม่ยาวนานแน่นอนค่ะ

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00

บทความแนะนำ

คาร์ซีท Ailebebe นวัตกรรมสุดล้ำ ปกป้องลูกน้อยได้ดีที่สุด คาร์ซีท เป็นผลิตภัณฑ์จำเป็นสำหรับเด็กชนิดหนึ่ง ที่พ่อแม่ต้องมั่นใจเป็นอย่างมากก่อนการตัดสินใจ ว่าสินค้านี้จะปลอดภัยมากเพียงพอในการปกป้องดูแลลูกน้อยตลอดการเดินทาง แบรนด์ Ailebebe ผู้นำด้านการผลิตคาร์ซีทในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับมาตรฐานระดับอุตสาหกรรมการออกแบบและพัฒนาชิ้นส่วนรถยนต์ ได้เข้าใจในเรื่องความปลอดภัยนี้ จนสามารถคิดค้นนวัตกรรมต่าง ๆ ที่เป็นเอกสิทธิ์หนึ่งเดียวในคาร์ซีท Ailebebe แบรนด์นี้แตกต่างจากคาร์ซีททั่วไปอย่างไร มาทำความรู้จัก คาร์ซีทเอเลเบเบ ไปพร้อม ๆ กันเลย คาร์ซีทเอเลเบเบ คืออะไร Ailebebe (Ai-le-be-be) อ่านว่า เอ-เล-เบ-เบ คือแบรนด์คาร์ซีทที่ผลิตจากประเทศญี่ปุ่น ออกแบบและผลิตโดยบริษัท Carmate จากเดิมเป็นผู้ออกแบบและพัฒนาชิ้นส่วนรถยนต์ที่มีความปลอดภัยที่สุดในประเทศญี่ปุ่น เริ่มก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2509 จนถึงปัจจุบัน มากว่า 50 ปีแล้ว  และด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จึงได้ออกแบบเบาะนั่งในรถยนต์สำหรับเด็ก หรือ คาร์ซีท ด้วยการใช้ประสบการณ์ความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย รวมถึงคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อให้ผู้ใช้คาร์ซีทปลอดภัยมากขึ้น ภายใต้แนวคิด “Safety and Comfort ความปลอดภัยที่มาพร้อมกับความสบาย” จนเป็นแบรนด์ Ailebebe คาร์ซีทที่คุณพ่อคุณแม่วางใจใช้มากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น  […]

รถเข็นเด็ก แบบไหน ขึ้นเครื่องบินได้? เมื่อลูกน้อยเข้าสู่วัย 6 เดือน เริ่มมีภูมิคุ้มกันที่มากขึ้น คุณพ่อคุณแม่ก็คงอยากจะพาลูกน้อยออกไปท่องเที่ยว ดูโลกกว้าง หรือพาบินลัดฟ้าไปเยี่ยมคุณปู่คุณย่าที่ต่างจังหวัด รถเข็นเด็ก จึงเป็นตัวช่วยให้การเดินทางของคุณและลูกน้อยสะดวกสบาย แล้วรถเข็นแบบไหนกัน ที่สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ และจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มหรือไม่? Babygift ได้เตรียมคำตอบรอไว้ให้คุณพ่อคุณแม่แล้วค่ะ กฎของการนำ รถเข็นเด็ก ขึ้นเครื่องบินของสายการบิน รถเข็นเด็กจัดเป็นสัมภาระติดตัวชนิดหนึ่ง ที่สามารถนำขึ้นเครื่องบินไปได้ โดยเด็ก/ทารก 1 คน มีสิทธิ์ในการนำรถเข็นขึ้นเครื่องได้ 1 คัน โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ในกรณีที่มีมากกว่า 1 คัน ผู้โดยสารจะต้องซื้อน้ำหนักสัมภาระเพิ่ม โดยที่รถเข็นเด็กที่นำขึ้นเครื่องบินไปด้วยนั้น ไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของขนาดพับเล็ก หรือพับใหญ่ แต่จะต้องเป็นรถเข็นที่พับได้เท่านั้น และจะต้องเป็นรถเข็นที่มีน้ำหนักตามที่สายการบินกำหนด โดยสามารถเช็คได้จากขนาดสัมภาระที่สายการบินอนุญาตให้นำติดตัวขึ้นเครื่องบินได้นั่นเองค่ะ วิธีการนำรถเข็นเด็กติดตัวขึ้นเครื่องบิน หมายเหตุ *แต่ละสายการบินมีนโยบายที่แตกต่างกัน รวมถึงนโยบายของสนามบินปลายทาง รวมถึงสภาพอากาศในวันที่เดินทาง กรุณาตรวจสอบเงื่อนไขกับสายการบินทุกครั้งก่อนวันออกเดินทาง เพื่อความสะดวกสบายสูงสุดของท่าน รถเข็นเด็กแบบ “พับเล็ก” สามารถนำเก็บบนช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะ (Overhead bin) ได้หรือไม่? คำตอบคือ ได้ค่ะ หากรถเข็นเมื่อพับแล้วมีขนาดเล็ก ตามขนาดสัมภาระที่สายการบินกำหนด […]

เชื่อว่าอาการปวดหลังหรืออาการปวดเมื่อยตามร่างกายนั้น ต้องเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนเคยสัมผัสมาก่อน โดยเฉพาะในผู้ที่ต้องนั่งหรืออยู่ในท่าทางเดิมเป็นเวลานาน ๆ และก็อาจจะมองหาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอย่างเบาะยางพาราและเบาะเมมโมรี่โฟมเพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย เนื่องจากวัสดุดังกล่าวให้ความรู้สึกที่นุ่มสบายและช่วยคลายความปวดได้ แต่ทราบหรือไม่คะว่า ปัจจุบันนี้มีสิ่งที่เรียกว่า Vetagel (เวทาเจล) ซึ่งเป็นวัสดุเจลประเภทหนึ่งที่มีความยืดหยุ่นสูง คืนตัวได้เร็ว และลดแรงกดทับได้ดีกว่ามาก ทั้งยังเป็นที่นิยมในประเทศเกาหลีอีกด้วย vetagel คืออะไร มีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง มีประโยชน์ทางด้านสุขภาพของเราอย่างไร ไปอ่านพร้อม ๆ กันเลยค่ะ   Vetagel คือ อะไร ? ชวนรู้จักเจลชนิดพิเศษเพื่อสุขภาพ นำเข้าจากเกาหลีใต้ vetagel คือวัสดุเจลชนิดหนึ่ง เป็นเจลใสสีเขียวชนิดพิเศษ ผลิตขึ้นในประเทศเกาหลีใต้ เนื้อเจลจะมีคุณสมบัติเหนียว แข็งแรง มีความยืดหยุ่นสูงมาก แม้มีแรงกดทับหนัก ๆ ก็ไม่เสียรูปทรงง่าย สามารถกระจายแรงกดทับได้ดีและคืนตัวได้เร็ว เมื่อเรากดลงไปในเนื้อเจล เนื้อเจลจะเด้งดึ๋งคืนตัวทันที (Fast Recovery Property) ทำให้เกิดแรงกดทับได้น้อยมาก ๆ ซึ่งแตกต่างจากวัสดุชนิดอื่น ๆ เช่น เมมโมรี่โฟมหรือยางพาราที่เมื่อเราใช้มือกดลงไป วัสดุจะค่อย ๆ คืนตัวช้า ๆ […]

แม่ๆ ดาราเซเลบคนดังร่วมแสดงความยินดีกับงานฉลองเปิดร้าน BabyGift สาขา เซ็นทรัลเวิลด์แบรนด์ผู้นำเข้า คาร์ซีท, รถเข็นเด็ก, เก้าอี้ทานข้าว, เป้อุ้มเด็ก และผลิตภัณฑ์สำหรับลูกน้อยที่ดีที่สุดทั้งจากประเทศญี่ปุ่น, เกาหลี และ สหรัฐอเมริกาอย่าง #APRICA #AILEBEBE #PRINCEANDPRINCESS #REALKIDS และอีกมากมาย และในงานยังเปิดตัวสินค้านวัตกรรม 3 รุ่นใหม่ได้แก่ รถเข็นเด็กพับเล็ก #Aprica #NanoSmart, คาร์ซีท #Ailebebe #Kurutto4Grance และ #Ecowell เครื่องผลิตสเปรย์ฆ่าเชื้ออเนกประสงค์ #BabyGift #CentralWorld #BabyBestItems #BabyProducts BabyGift สาขา Central World ชั้น 2 โซนลานไอซ์สเก็ตเปิดบริการ 10.00 – 22.00 น. ทุกวันโทร. 095-851-8521LINE ID : bbg_ctw

แข็งแรง ทนทาน พับ-กางง่าย ลูกน้อยนอนสบาย นี่แหละคุณสมบัติรถเข็นเด็กที่แม่ๆต้องการ 1. รถเข็นเด็กที่แข็งแรง ทนทาน ต้องไม่มีรอยต่อหรือพับเล็กมากเกินไป โครงสร้างควรเชื่อมเป็นชิ้นเดียวกัน เพราะเมื่อผ่านการใช้งาน มักมีการขยับของข้อต่อ เป็นสาเหตุให้โครงสร้างไม่แข็งแรงและเกิดการสั่นสะเทือนเมื่อเข็นในที่ขรุขระ รถเข็นเด็กที่ดีควรมีการเชื่อมต่อส่วนที่สำคัญเป็นชิ้นเดียว จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงแม้ผ่านการใช้งานที่ยาวนาน 2. พับ-กางง่าย ด้วยมือเดียว เพราะต้องพาลูกเดินทางคนเดียวบ่อยๆ แน่นอนว่าแม่ๆ ที่ต้องเลี้ยงลูกเองไปไหนมาไหนกับลูกลำพัง เช่น ไปเดินห้าง เดินสวนสาธารณะ ต้องเลือกรถเข็นเด็กที่ให้ความคล่องตัว ใช้งานง่าย พับกางง่าย ไม่ซับซ้อน คุณแม่สามารถพับรถเข็นเด็กได้เองด้วยมือเพียงข้างเดียวได้ เพราะมืออีกข้างหนึ่งต้องอุ้มลูก พับแล้วตั้งกับพื้นได้โดยไม่ล้มกองบนพื้น จะช่วยให้คุณสามารถลากไปมาสะดวกและยังปลอดจากสิ่งสกปรกบนพื้นที่อาจเป็นอันตรายต่อลูกน้อยได้ 3. ชุด Support สำหรับเด็กแรกเกิด ชุดเบาะรองนอนสำหรับเด็กทารกเป็นสิ่งจำเป็นมาก รถเข็นเด็กแรกเกิด ควรมีหมอนรองรับสรีระเด็กทั้งศีรษะ คอ และหลัง เพราะเด็กทารกจะมีกระดูกสันหลังและคอที่ยังไม่แข็งแรง จึงต้องนอนบนเบาะที่ช่วยรองรับสรีระตั้งแต่ศีรษะ ต้นคอ หลัง และสะโพกเพื่อให้ท่านทนที่ถูกต้องหลังไม่โค้งงอผิดรูป และไม่เกิดการปิดกั้นทางเดินทางหายใจ Aprica รถเข็นเด็ก สำหรับวัยแรกเกิดอย่างแท้จริงๆ คิดค้นและวิจัยโดยกุมารแพทย์ จากประเทศญี่ปุ่น

Menu
All Categories
All Brands
All Ages
Promotions
Locations
BabyGift Family
BabyGift Care
Parents Guide
News & Event

All Categories

All Categories
All Brands
All Ages