5 แบบ 10 ตัวเลือก เบาะนอนเด็ก หายใจผ่านได้ ที่คุณแม่วางใจ อัปเดตปี 2024

เบาะนอนเด็ก เรียกว่ามีความสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับทารก และเด็กเล็ก เนื่องจากเหตุผลหลายอย่าง เช่น ความปลอดภัย ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคไหลตายในเด็ก (SIDS) และป้องกันการติดขัดหรือหายใจไม่ออก เบาะที่มีความแน่นพอเหมาะจะช่วยสนับสนุนกระดูกสันหลังที่กำลังพัฒนาของเด็ก ป้องกันปัญหาสรีระในอนาคต ช่วยให้เด็กนอนหลับได้ลึกและยาวนานขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อพัฒนาการทางร่างกายและสมอง อีกทั้งเบาะเด็กที่ได้มาตรฐาน ปราศจากสารเคมีอันตรายยังส่งผลต่อสุขภาพของเด็กด้วย ดังนั้น การเลือกเบาะนอนสำหรับเด็กที่เหมาะสม และได้มาตรฐานจึงเป็นเรื่องสำคัญมากเพื่อความปลอดภัยและพัฒนาการที่ดีของเด็กนั่นเองค่ะ
รวม 10 ตัวเลือก เบาะนอนเด็ก ที่คุณแม่วางใจ เบาะนอนทารกหายใจผ่านได้ มียี่ห้อไหนบ้าง ?
BabyGift เชื่อว่าคุณพ่อ คุณแม่ หลายคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้ คงจะให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อเบาะนอนทารกกันมาก เพราะฉะนั้นในบทความนี้เราจะมาแนะนำ 10 ตัวเลือกเบาะนอนสำหรับเด็กคุณภาพดี หายใจผ่านได้ ราคาไม่แรง มาให้ได้เลือกกันค่ะ แต่ก่อนจะไปแนะนำยี่ห้อกัน เราขอแนะนำวิธีการเลือกซื้อให้เบื้องต้น ดังนี้ค่ะ

คำแนะนำในการเลือกซื้อเบาะนอนเด็ก
- เลือกวัสดุที่นุ่มนวล และระบายอากาศได้ดี จะช่วยรองรับการนอนของทารกได้อย่างเหมาะสม
- ใส่ใจเรื่องความปลอดภัย หลีกเลี่ยงเบาะนอนที่มีชิ้นส่วนเล็กๆ ที่อาจหลุดออกมาได้ รวมถึงเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานความปลอดภัย
- เลือกเบาะที่สามารถซักได้ง่าย เพื่อรักษาสุขอนามัย และความสะอาดซึ่งจะส่งผลต่อลูกของเรา
BabyGift แนะนำเบาะนอนเด็ก 5 แบบ 10 ตัวเลือก ที่คุณแม่ไว้ใจประจำปี 2024

1. เบาะนอนทารก Baby Crown Nest – PRINCE & PRINCESS
เบาะนอนเด็กยี่ห้อแรกที่ BabyGift อยากแนะนำก็คือ Baby Crown Nest ของ PRINCE & PRINCESS ค่ะ แบรนด์นี้ออกแบบด้วยความใส่ใจ นอนแล้วไม่ยุบตัว ไม่แข็งไม่นุ่มเกินไป กระจายน้ำหนักได้ดี ทำให้ทารกรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่ในท้องของแม่ ทำจากเส้นใยฝ้ายธรรมชาติ Cotton 80% ผสมกับเส้นใย Dracon 20% ที่มีความเหนียวนุ่ม ยืดหยุ่น ทักทอด้วยเทคนิคพิเศษ Breathable 3D Air Mesh ทำให้ช่วยให้ระบายอากาศ หายใจผ่านได้ และความร้อนชื้นได้ดี
จุดเด่น
- ตัวเบาะนอนทารกสามารถปรับขนาดได้ ใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 9 เดือน และรับน้ำหนักได้ 2.5 กิโลกรัม
- ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ สามารถใช้วางบนที่นอนกับผู้ใหญ่ ป้องกันการพลิกตัวไปโดนลูกน้อยขณะนอนหลับ หรือวางบนเปลนอนทารกได้อย่างลงตัว และใช้กับเตียงเด็กแรกเกิดได้ วางบนโซฟาได้
- ผ้าปูนอนชั้นบนสุดทำจากโพลีเอสเตอร์ 100% ที่ออกแบบให้มีรูระบายอากาศตลอดทั้งผืน ช่วยให้ลูกน้อยสามารถหายใจผ่านได้ ลดโอกาสการเกิดโรค SIDS หรือการเสียชีวิตเฉียบพลันในเด็กทารก
- มาพร้อมบาร์ของเล่น โมบายผ้านุ่มนิ่ม สีสันน่ารักสดใส ช่วยกระตุ้นพัฒนาการของลูกน้อยตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึง 4 เดือน
- ผ้าปูที่นอนโดยรอบเบาะนอน สามารถถอดซักได้

2. OXY BABY Mattress เบาะนอนหายใจผ่านได้แบบมีขอบกั้น
OXY BABY Mattress เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อของเบาะนอนเด็กที่เหล่าคุณแม่ไว้ใจ รุ่นนี้สามารถหายใจผ่านได้ รุ่นนี้จะมีขอบกั้นกันน้องกลิ้งตก กันคุณแม่นอนทับ ทำให้สามารถนอนบนเตียงเดียวกับคุณแม่ได้ มีความนุ่มแน่น แต่ยืดหยุ่นเพื่อความสบายสูงสุด และช่วยรักษารูปทรงธรรมชาติของกระดูกสันหลังให้กับทารกได้ ระบายอากาศได้รอบทุกด้าน หายใจผ่านได้ ทำให้อากาศไหลเวียนได้สะดวกจึงช่วยลดผดผื่นที่เกิดจากความร้อน และชื้นได้
จุดเด่น
- นอนสบายกว่า ด้วยโครงสร้าง รูปตัวX มีจุดรองรับน้ำหนักที่สม่ำเสมอ ป้องกันปัญหาเกี่ยวกับกระดูกสันหลังในระยะยาวได้
- รองรับน้ำหนักได้ดี ไม่เสียรูปทรงเมื่อใช้งานในระยะยาว
- ใช้วัสดุ Tencel 3D Air Mesh Cover และ Polyester Mattress ปลอดภัยจากสารเคมี
- ซักล้างทำความสะอาดได้ ไม่เสียรูปทรง (ซักมือ หรือ ซักเครื่องใส่ถุงซัก)

3. OXY BABY Mattress เบาะนอนหายใจผ่านได้
เบาะนอนเด็กอีกหนึ่งรุ่นของ OXY BABY Mattress รุ่นนี้ไม่ได้มีขอบกั้น แต่แถมผ้าปูที่นอนให้ค่ะ ตัวเบาะใช้วัสดุที่ปลอดภัยจากสารเคมี มีจุดรองรับน้ำหนักที่สม่ำเสมอ ป้องกันปัญหาเกี่ยวกับกระดูกสันหลังในระยะยาวได้เช่นกัน หายใจผ่านได้ ระบายอากาศรอบด้าน อากาศไหลเวียนได้สะดวก จะวางบนพื้น วางบนเตียงนอนเด็กแรกเกิด หรือเตียงนอนแม่ก็สามารถทำได้ค่ะ มีให้เลือกด้วยกัน 2 ขนาด ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน และความชอบค่ะ
จุดเด่น
- ตัวเบาะมีความนุ่มแน่น แต่ยืดหยุ่น นอนสบายด้วยโครงสร้าง รูปตัว X
- รองรับน้ำหนักได้ดี ไม่เสียรูปทรงเมื่อใช้งานในระยะยาว
- ตัวเบาะทำความสะอาดง่ายเพียงแค่ฉีดล้าง และแห้งไว ส่วนผ้าปูที่นอนสามารถซักล้างทำความสะอาดได้ ไม่เสียรูปทรง (ซักมือ หรือ ซักเครื่องใส่ถุงซัก)

4. AIRY เบาะนอนหายใจผ่านได้สำหรับทารก, ไซส์ L/70 (รุ่น DUO)
เบาะนอนเด็ก Duo ของ Airy ตัวนี้เป็นไซส์ L ค่ะ สามารถใช้นอนได้ 2 ด้าน ทั้งด้านแน่น เหมาะสำหรับแรกเกิดเป็นต้นไป และด้านนุ่มเหมาะสำหรับช่วงวัย 6 เดือน – 1ปี ขึ้นไป โดยแบ่งตามสรีระของแต่ละช่วงวัย ไม่ยวบง่าย ตัวไส้เบาะใช้วัสดุพิเศษ (EVA) ชนิดเดียวกับที่ใช้ทำยางกัดของทารก มาพร้อมโครงสร้างแบบรังนก 3 มิติ มีความยืดหยุ่นแต่ไม่ยวบ ผลิตจากวัสดุปลอดสารพิษระดับ food grade เนื้อเบาะ นุ่มแน่น รองรับสรีระของทารกได้อย่างเหมาะสม อากาศถ่ายเทได้ดี หายใจผ่านได้ มีให้เลือกด้วยกัน 3 ขนาด ทั้ง S, M, L
จุดเด่น
- หายใจผ่านได้ดีเยี่ยม ผ่านการทดสอบจากสถาบันวิจัยประเทศเบลเยี่ยมว่าหายใจได้ “จริง” และดีกว่าเบาะทั่วไปถึง 7 เท่า
- เนื้อเบาะนุ่ม รองรับสรีระที่เปลี่ยนแปลงไปของลูก ได้แก่ ลำคอ ช่วงบ่า รวมถึง น้ำหนักที่มากขึ้นด้วย
- ตัวเบาะสามารถหายใจผ่านได้ ลดความเสี่ยง การขาดอากาศหายใจในทารก ล้างทำความสะอาดง่าย ไม่สะสมไรฝุ่น ลดการเกิดภูมิแพ้
- เนื้อเบาะแน่นไม่ยวบ เหมาะสำหรับการทำ Tummy Time ฝึกกล้ามเนื้อและพัฒนาการ

5. AIRY O2 เบาะนอนหายใจผ่านได้สำหรับทารก ไซส์ L/70
เบาะนอนเด็ก Duo ของ Airy ตัวนี้เป็นไซส์ L ค่ะ สามารถใช้นอนได้ 2 ด้าน ทั้งด้านแน่น เหมาะสำหรับแรกเกิดเป็นต้นไป และด้านนุ่มเหมาะสำหรับช่วงวัย 6 เดือน – 1ปี ขึ้นไป โดยแบ่งตามสรีระของแต่ละช่วงวัย ไม่ยวบง่าย ตัวไส้เบาะใช้วัสดุพิเศษ (EVA) ชนิดเดียวกับที่ใช้ทำยางกัดของทารก มาพร้อมโครงสร้างแบบรังนก 3 มิติ มีความยืดหยุ่นแต่ไม่ยวบ ผลิตจากวัสดุปลอดสารพิษระดับ food grade เนื้อเบาะ นุ่มแน่น รองรับสรีระของทารกได้อย่างเหมาะสม อากาศถ่ายเทได้ดี หายใจผ่านได้ มีให้เลือกด้วยกัน 3 ขนาด ทั้ง S, M, L
จุดเด่น
- หายใจผ่านได้ดีเยี่ยม ผ่านการทดสอบจากสถาบันวิจัยประเทศเบลเยี่ยมว่าหายใจได้ “จริง” และดีกว่าเบาะทั่วไปถึง 7 เท่า
- เนื้อเบาะนุ่ม รองรับสรีระที่เปลี่ยนแปลงไปของลูก ได้แก่ ลำคอ ช่วงบ่า รวมถึง น้ำหนักที่มากขึ้นด้วย
- ตัวเบาะสามารถหายใจผ่านได้ ลดความเสี่ยง การขาดอากาศหายใจในทารก ล้างทำความสะอาดง่าย ไม่สะสมไรฝุ่น ลดการเกิดภูมิแพ้
- เนื้อเบาะแน่นไม่ยวบ เหมาะสำหรับการทำ Tummy Time ฝึกกล้ามเนื้อและพัฒนาการ
เบาะนอนที่ดีจะช่วยให้ลูกน้อยของคุณนอนหลับสบาย ปลอดภัย และมีการพัฒนาการที่ดี ดังนั้น การลงทุนซื้อเบาะนอนคุณภาพสูงจึงคุ้มค่าอย่างแน่นอนค่ะ และถ้าหากใครสนใจผลิตภัณฑ์เบาะนอนเด็ก หรือสินค้าแม่ และเด็กอื่นๆ ก็สามารถมาเยี่ยมชมสินค้าหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ BabyGift ร้านจำหน่ายสินค้าแม่และเด็กระดับคุณภาพ มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี คุณพ่อคุณแม่สามารถมาเยี่ยมมสินค้าได้ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ร้านเบบี้กิ๊ฟ ทั้ง 4 สาขา ใกล้บ้าน หรือ สอบถามผ่านช่องทาง Online ทีมงาน BabyGift ยินดีให้คำแนะนำค่ะ
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
ไหนๆ คุณแม่ท่านไหนกำลังแพ้ท้องบ้าง ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับคุณแม่ที่ไม่แพ้ท้องด้วยนะคะ เพราะคุณแม่โชคดีมาก การแพ้ท้องเป็นอะไรที่ทรมานมากๆ เลยค่ะ แต่คุณแม่ที่แพ้ท้องก็ไม่ต้องกลัวเหงานะ เพราะมีคุณแม่อีกกว่า 80% ที่ต้องเผชิญกับอาการนี้เช่นกัน อาการแพ้ท้องนี้มักจะเกิดขึ้นในช่วง 1-3 เดือนแรก แต่คุณแม่บางคนอาจจะต้องเผชิญกับอาการแพ้ท้องจนถึงไตรมาสสุดท้ายเลยก็ได้ค่ะ อาการแพ้ท้องเกิดจากอะไรกันนะ? รกที่เชื่อมระหว่างคุณแม่กับลูกน้อยนั้นจะสร้างฮอร์โมนตัวหนึ่งขึ้นมาชื่อว่า Human Chorionic Gonadotropin (HCG) ค่ะ ซึ่งเจ้าฮอร์โมนตัวนี้มีไว้เพื่อกระตุ้นให้รังไข่สร้างฮอร์โมนอื่นๆ ในช่วงระยะแรกของการตั้งครรภ์ค่ะ ระดับฮอร์โมน HCG ที่สูงขึ้นจะทำให้ประสาทรับกลิ่นของคุณแม่สูงขึ้นตามไปด้วย ในขณะที่ประสาทการรับรสชาติจะเปลี่ยนไป นอกจากนี้ เจ้า HCG ยังจะไปกระตุ้นศูนย์ควบคุมการอาเจียน ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายต่างๆ คุณแม่จึงรู้สึกคลื่นไส้ เวียนหัว หรืออ่อนเพลียอยู่ตลอดเวลาค่ะ อาการแพ้ท้องเป็นยังไงหนอ?
สวัสดีค่ะ ^_^ อุปกรณ์คู่ใจของแม่ ๆ สุดสตรองทุกท่านก็คงหนีไม่พ้น “รถเข็นเด็ก” จริงไหมคะ..? ส่วนตัวมดเอง ลองใช้รถเข็นมาหลายยี่ห้อ แต่ตอนนี้บ้านเรากำลังจะไปเที่ยวต่างจังหวัดกันหลายวัน รถเข็นคันเดิมเริ่มไม่ตอบโจทย์เรื่องการพกพาอีกต่อไปแล้ว เพราะแค่ของใช้ก็เต็มรถแล้วค่ะ เราจึงมีโจทย์ในการหารถเข็นคันใหม่ว่า ต้องมีน้ำหนักเบา พับเก็บง่าย และแน่นอนว่าต้องเป็นแบรนด์ดังที่แม่ ๆ ไว้ใจ เหมือนสวรรค์มีตา 555 เพราะไม่กี่วันต่อมา เราก็ไปเจอใน IG คุณโอปอล์ว่า เพิ่งถอยรถเข็นใหม่ให้น้องอลิน อลันเหมือนกัน แถมยังเชียร์ว่ามันเบา ใช้งานสะดวกมากกก คุณแม่ขาช็อปอย่างเราก็ไม่รอช้าค่ะ ไปซื้อตามด่วน ๆ คุณโอปอล์ซื้อรถเข็นจากร้าน BABYGIFT ค่ะ มดเองไม่มีเวลาไปที่ร้าน เลยสั่งซื้อออนไลน์ กดสั่งปุ๊บ รอไม่นานก็มีน้องเสียงสวยโทรมานัดวันจัดส่งทันที 2 วันก็ได้ของค่ะ สะดวกมากก แล้วเราก็ได้รถเข็นที่ตอบโจทย์การใช้งานมา 1 คัน และนี่คือ “Aprica Magical Air Plus Highseat” รุ่นนี้มีจุดเด่นตรงที่ เล็ก และน้ำหนักเบา ที่สุด ตัวนี้เค้าแนะนำสำหรับเด็กไม่เกิน 15 โล แต่ลูกบ้านนี้หนัก 16 โลก็ยังนั่งสบาย ๆ เลยค่ะ ราคาอยู่ที่ 10,335 บาท อย่างที่ทราบกันดีว่า “ถ้ารถเข็นต้อง Aprica” ดังนั้นเค้าจึงมีความพิเศษค่ะรุ่นนี้น้ำหนักเบาเพียง 3.3 kg ถือมือเดียวได้สบาย ๆ และที่นั่งเป็นแบบ High Seat สูงจากพื้นดิน 52 cm. ซึ่งจะทำให้ฝุ่นละอองและความร้อนจากพื้นนั้นห่างจากลูกยิ่งขึ้น แถมยังสามารถพับเก็บได้แบบ One Step และล้อทั้ง 4 ก็จะติดกับพื้น ลากได้สบาย ๆ […]
เพราะความสวย หุ่นดี เป็นสิ่งที่คู่ควรกับผู้หญิงอย่างเราอยู่เสมอ… การเป็นคุณแม่ นอกจากต้องเสียสละ ความเป็นส่วนตัวไปแล้ว ยังต้องเสียสละการมีหุ่นที่สวยเป๊ะ เหมือนสาววัยแรกแย้มอีก เพราะต้องยอมรับก่อนเลยว่าการตั้งครรภ์นี่หุ่นของคุณแม่จะพังแน่นอน และยิ่งขณะตั้งครรภ์ไม่ดูแลรูปร่างตัวเอง น้ำหนักขึ้นมาเยอะอีกหล่ะก็ไม่ต้องพูดถึง หลังคลอดคุณแม่ต้องมานั่งกลุ้มใจเรื่องหุ่นแน่ๆ แต่สุดท้ายแล้วทุกปัญหามีทางออก ถ้าคุณแม่ให้ลูกกินนมแม่น้ำหนักก็จะลดเร็ว และยิ่งได้อยู่ไฟหลังคลอด ตามคำบอกเล่าโบราณอีก ก็พอทำให้หุ่นคุณแม่กลับมาเป๊ะเหมือนเดิมแน่นอน แถมบางคนยังมีผิวพรรณสดใสกว่าตอนก่อนตั้งครรภ์อีก…งานนี้แม่ๆ อยากจะรู้จักวิธีการอยู่ไฟแล้วใช่ไหม มันดียังไงกันนะ??? “อยู่ไฟ” หลังคลอด คงเป็นคำที่คุณแม่ทั้งหลายครุ่นคิดอยู่ในสมองว่า เราควรจะอยู่ไฟหลังคลอดดีไหม อยู่แล้วดีอย่างไร และควรทำที่ไหน วันนี้เราจะมาไขคำตอบคุณแม่ให้หายสงสัยกัน เพราะร่างกายของคุณแม่หลังคลอดจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแทบจะทุกระบบ ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ไม่ว่าจะเป็นผมร่วง เกิดจากฮอร์โมนในร่างกายลดลงอย่างรวดเร็ว หน้าอกขยายขึ้น เพราะมีการสร้างน้ำนมขึ้นมา ไปจนถึงมดลูกขยายตัวมาก ซึ่งเป็นปัญหาหลักของคุณแม่หลังคลอด การอยู่ไฟ เป็นการฟื้นฟูสุขภาพอีกรูปแบบหนึ่งสำหรับแม่หลังคลอด ซึ่งในสมัยก่อนยังไม่มียาปฏิชีวนะ ไม่มียาหยุดเลือด ไม่มียากระตุ้นน้ำนม การอยู่ไฟสมัยก่อนจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อช่วยฟื้นฟูร่างกายจากความเหนื่อยล้าให้กลับคืนสภาพปกติ แต่ในปัจจุบัน การอยู่ไฟถูกลดบทบาทลง ถ้าไม่อยู่ไฟในปัจจุบัน ถือว่าไม่อันตรายเพราะมียาครบครันกว่าสมัยก่อน ดังนั้นการอยู่ไฟจำเป็นต้องได้รับการปฏิบัติอย่างถูกต้องและเหมาะสม จึงจะช่วยฟื้นฟูสุขภาพหลังคลอดให้กลับคืนสู่สภาวะปกติได้โดยเร็ว ประโยชน์ที่ได้จากการอยู่ไฟ คือร่างกายคุณแม่จะฟื้นตัวเร็ว รูปร่างจะกลับมาดีขึ้น, น้ำหนักตัวลดลง, น้ำนมไหลดีขึ้น, เลือดไหลเวียนดี มีเลือดฝาด, ผิวพรรณผ่องใส, มดลูกเข้าอู่เร็ว, […]
ลูกควรเลิกใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปเมื่อไหร่? อยากฝึกให้ลูกนั่งกระโถน นั่งชักโครกขับถ่ายเองได้เริ่มเมื่อไหร่ดี? คงเป็นคำถามที่คุณพ่อคุณแม่มักสงสัยกันใช่ไหมคะ เพราะการฝึกลูกให้เลิกใส่ผ้าอ้อม ฝึกลูกนั่งกระโถน ไปจนฝึกให้เข้าห้องน้ำเองได้ก่อนที่จะเข้าโรงเรียน ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกพร้อมที่จะเลิกใส่ผ้าอ้อม พร้อมนั่งกระโถนแล้ว มาเช็กกันเลยค่ะ ทำไมต้องฝึกลูกเรื่องขับถ่าย การฝึกลูกขับถ่ายให้เหมาะสม จะช่วยส่งเสริมให้ลูกมีพัฒนาการทางร่างกาย อารมณ์ ที่เหมาะสมตามวัย รวมถึงเป็นการปลูกฝังด้านสุขอนามัย ความสะอาด รู้จักร่างกายตัวเอง และรู้จักการช่วยเหลือตัวเองในเบื้องต้นได้ หากพ่อแม่ไม่สอนลูกเรื่องการขับถ่าย ปล่อยให้ขับถ่ายในผ้าอ้อมไปจนโต จะทำให้ลูกมีการขับถ่ายที่ไม่เหมาะสมตามวัย เมื่อลูกต้องไปโรงเรียน จะทำให้มีปัญหาในการดูแลความสะอาด อาจเกิดการขับถ่ายเล็ดราด หรือยังต้องใส่ผ้าอ้อมจนอึดอัด ส่งผลเสียต่อการเรียนรู้ ส่งผลต่อพัฒนาการตามวัยได้ ฝึกลูกนั่งชักโครก เลิกใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปได้ตอนไหน? วัยที่มีพัฒนาการและพฤติกรรมพร้อมพี่จะเริ่มฝึกได้ ควรเริ่มเมื่ออายุ 1 ปี – 1 ปี 6 เดือน และมักจะทำได้ดีตอนอายุ 2 ปี หรือเด็กบางคนอาจจะมาฝึกตอนอายุ 2 ปี และนั่งกระโถนได้เองตอนอายุ 3 ปี หรือบางคนอาจทำได้เมื่อโตกว่านั้น ขึ้นอยู่กับความพร้อมและสัญญาณต่าง ๆ ที่แสดงออกมาทั้งทางร่างกาย การสื่อสาร และความต้องการของลูก ไม่ควรเกิดจากการบังคับลูก 8 สัญญาณที่บอกว่าลูกพร้อมนั่งกระโถนเองได้แล้ว 7 เทคนิคฝึกลูกขับถ่าย […]
ชื่อลูกเป็นอะไรที่ยากที่สุดในทั้งหมดทั้งมวลของการท้อง คุณแม่บางคนอาจมีชื่อลูกที่คิดไว้ในใจอยู่แล้ว แต่ก็อาจจะมีอุปสรรคบ้างประปราย อย่างเช่น ไม่ถูกใจคุณพ่อ หรือไม่ถูกโฉลกกับวันเกิดของลูกน้อย ยิ่งพอโลกก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วแบบนี้ คุณแม่ก็อาจจะรู้สึกกลัวว่าชื่อของลูกน้อยที่เราตั้งไปจะตกยุคตกสมัยรึเปล่า เพราะงั้นมันก็เลยเป็นเรื่องยากมากเลยจริงๆ นะคะ ความจริงแล้ว การตั้งชื่อก็มีหลักอยู่นะ ถ้าคุณแม่ยังไม่ทราบ เราจะเล่าให้ฟังค่ะ 1.ตั้งชื่อลูกแบบมีความหมายมงคล อันนี้เป็นวิธีที่นิยมที่สุด เพราะเราก็อยากให้ลูกประสบกับความมีสิริมงคลในชีวิต คุณแม่อาจจะซื้อหนังสือการตั้งชื่อลูกมาอ่าน หรืออาจจะลองเซิร์ชหาจากอินเตอร์เน็ตก็ได้ หลักการตั้งชื่อแบบนี้มีมาแต่โบราณเลยนะคะ อย่างเมื่อก่อน เค้าก็จะนิยมใช้คำว่า ทอง หรือ บุญ นำหน้าชื่อ เพราะสองคำนี้มีความหมายที่ดีเป็นสิริมงคล ส่วนสมัยนี้ อาจจะไม่ได้ใช้คำตรงๆ แบบนี้ แต่ก็สื่อถึงความหมายที่ดีเหมือนกัน 2. การตั้งชื่อตามหลักความเชื่อหรือศาสนา เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรมและศาสนา ไม่น่าแปลกใจเลยล่ะค่ะ ที่เราอาจจะเคยได้ยินชื่อแปลกๆ ที่เราไม่คุ้นหู เช่น ฟาติฮะ ยามิละห์ ฯลฯ เพราะชื่อเหล่านี้เป็นชื่อในศาสนา แต่ทั้งนี้ ชื่อที่เป็นชื่อทางศาสนาที่ใช้เป็นชื่อจริงจะสามารถตั้งได้เฉพาะตอนเกิดเท่านั้นนะคะ เพราะว่าสมมติถ้าคุณแม่ตั้งชื่อธรรมดาไป แล้วไปขอทางเขตเปลี่ยนชื่อตอนโต ทางนายทะเบียนก็จะไม่ให้เราเปลี่ยนค่ะ เพราะชื่อที่เราจะนำมาเปลี่ยนจะต้องมีความหมายอยู่ในพจนานุกรมภาษาไทยด้วย 3. การตั้งชื่อจากวันเกิด คนไทยมีความเชื่อเรื่องดวงอย่างมาก เพราะงั้นการตั้งชื่อลูกจากวันเกิดจึงเป็นเรื่องที่ปกติมากๆ เลย ส่วนมากเราก็จะไปให้พระช่วยตั้งให้ โดยให้วันเดือนปีเกิดของลูกเราไป […]
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ คุณนานาอยากฝากไปถึงคุณพ่อคุณแม่ทุกท่าน ให้ตระหนักถึงความสำคัญของการใช้คาร์ซีท ในทุกครั้งที่เดินทาง ไม่ว่าใกล้หรือไกล ก็ต้องให้ลูกนั่งคาร์ซีทเสมอ เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ขอปรบมือให้กับคุณนานาและคุณเวย์ ที่เป็นครอบครัวตัวอย่าง ฝึกให้น้องบีน่าและน้องบรู๊คลีน มีวินัยในการนั่งคาร์ซีททุกครั้งที่อยู่บนรถ คาร์ซีท หรือเบาะนั่งนิรภัยในรถยนต์สำหรับเด็ก ช่วยลดโอกาสการบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ การใช้ คาร์ซีท จะช่วยรองรับศีรษะ คอ กระดูกสันหลัง ที่ยังไม่แข็งแรงของเด็กเล็ก ช่วยไม่ให้สมองและไขสันหลังถูกทำลายจากการกระแทกในขณะเกิดอุบัติเหตุ และสิ่งสำคัญควรติดตั้งคาร์ซีทอย่างถูกต้อง ให้ลูกคาดเข็มขัดนิรภัยที่ตัวคาร์ซีทด้วยทุกครั้ง และปรับสายให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ไม่ให้ลูกอึดอัดและไม่หลวมเกินไป เพราะถ้าหลวมเกินไป เมื่อเกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงและไม่คาดฝัน ก็อาจทำให้เด็กหลุดออกจากคาร์ซีท และหลุดออกนอกตัวรถไปจนเป้นอันตรายถึงชีวิต ครอบครัวตัวอย่างเดินทางอย่างปลอดภัย คุณพ่อคุณแม่คาดเบลล์ ลูกๆนั่งคาร์ซีท ว้าว เยี่ยมไปเลย !!! น้องบีน่าและน้องบรู๊คลิน เดินทางอย่างปลอดภัยและหลับสบ๊ายสบายด้วยค่ะ






