อุ่นนมแม่อย่างไร ไม่ให้เสียคุณค่าน้ำนมแม่

อุ่นนมแม่ น้ำนมแม่ สารอาหารที่มากไปด้วยคุณประโยชน์ที่จำเป็นต่อการเติบโตของลูกน้อย และสร้างภูมิคุ้มกันที่สำคัญให้กับลูกน้อย ในปัจจุบัน คุณแม่จึงมักนิยมให้ลูกได้ทานน้ำแม่มากขึ้น แต่ด้วยภาระที่คุณแม่ที่ไม่สะดวกต่อการให้น้ำนมลูกได้ตลอดเวลา จึงทำให้คุณแม่นิยมปั้มนมใส่ถุงสต๊อกนำไปแช่เย็นไว้อย่างดี และในเวลาที่ลูกหิวก็นำนมแม่ออกมาอุ่นให้กับลูกน้อยกิน ซึ่งวิธีนี้ยังเพิ่มความสะดวกสบายให้กับคุณแม่ได้เป้นอย่างมากอีกด้วย เพราะไม่ว่าจะเป็น คุณพ่อ คุณตา คุณยาย ใครๆก็สามารถนำนมมาอุ่นแล้วก็ป้อนให้กับลูกน้อยได้
แต่ทุกคนรู้กันไหวว่า ถ้าอุ่นนมผิดวิธี จะทำให้น้ำนมแม่นั้นเสียคุณค่าทางอาหารไป วันนี้ทาง BABY GIFT EXPERT จึงจะมาแชร์วิธีการ การอุ่นนมที่ถูกวิธีให้กับทุกคนได้รู้กันค่ะ
ก่อนอื่นที่จะไปรู้วิธีการการอุ่นนม เรามารู้จักกันก่อนว่าก่อนอุ่นนมที่ดี มีข้อห้ามหรือข้อแนะนำอะไรบ้าง
- อุ่นนมแม่ ห้ามนำน้ำนมแม่ในขวดนมอุ่นในไมโครเวฟ หรือในน้ำร้อนเด็ดขาด เนื่องจากวิตามินบางตัว รวมไปถึงสารภูมิคุ้มกันเซลล์เม็ดเลือดขาวอาจลดลงเพราะความร้อนได้ และอาจลวกปากลูกได้
- อุณหภูมิที่เหมาะสมของน้ำนมในขณะอุ่นนมและทาน ไม่ควรเกินอุณหภูมิปกติของร่างกาย ประมาณ 37.5 °C ซึ่งอุณหภูมินี้จะทำให้น้ำนมแม่ไม่เสียคุณค่าทางสารอาหาร

วิธีการอุ่นนมแม่แบบทั่วไป
- นำน้ำนมแม่ในถุงสต๊อกจากช่องแช่แข็งมาไว้ที่ช่องธรรมดา ซึ่งวิธีการแค่นี้ควรนำนมแม่ในถุงสต๊อกลงมาไว้ล่วงหน้ามาไว้ที่ช่องธรรมดาก่อนจะให้ลูกกินหนึ่งคืน
- เมื่อจะนำให้ลูกกิน ให้นำถุงสต๊อกน้ำนมแม่ออกมาจากตู้เย็น ทิ้งไว้ด้านนอกเพื่อคลายความเย็นก่อนพักหนึ่ง
- ระหว่างรอนมคลายความเย็น ให้เตรียมน้ำอุ่นหรือน้ำอุณภูมิห้องไว้
- ถ่ายน้ำนมแม่ในถุงสต๊อกลงใส่ขวดนม แล้วนำไปแช่ในพาชนะที่ใส่น้ำอุ่นหรือน้ำอุณภูมิห้อง จากนั้นแช่ขวดนมไว้สักพัก เพื่อให้น้ำนมแม่อุ่นพร้อมทาน ในขั้นตอนนี้หากน้ำนมแยกตัวเป็นชั้น ให้เขย่าน้ำนมแม่ในถุงสต๊อกก่อน เพื่อให้น้ำนมกลายเป็นเนื้อเดียวกัน
- นำน้ำนมแม่ที่อุ่นได้ที่แล้ว ป้อนให้กับลูกน้อย
อุ่นนมแม่ด้วยวิธีแบบทั่วไปนั้นใครๆก็สามารถทำได้ แต่ข้อเสียของวิธีการนี้คือ อุณหภูมิน้ำอาจจะไม่อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสมตลอดเวลา ต้องใช้ระยะเวลา มีความยุ่งยาก และหลายขั้นตอน ทำให้คุณพ่อ คุณแม่ ที่ไม่สะดวก หรือไม่มีเวลามาก อาจจะไม่เหมาะกับวิธีการนี้ และที่สำคัญยังไม่ทันต่อการใช้งาน เพราะบางครั้งลูกน้อยอาจจะหิวไม่เป็นเวลา หรือตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วร้องทานนม

อุ่นนมแม่ อย่างไรถึงจะอุ่นนมได้อย่างถูกวิธี และสะดวกต่อการใช้งานของคุณพ่อ คุณแม่
BABY GIFT EXPERT จะมาแนนนำวิธีการดีๆ ที่จะช่วยให้การใช้ชีวิตของคุณพ่อ คุณแม่สะดวกมากขึ้น และทำให้ลูกน้อยได้ทานนมแม่ได้อย่างมีสารอาหารครบถ้วนไปพร้อมกัน นั้นก็คือการเลือกใช้เครื่องอุ่นนม เพราะเครื่องอุ่นนมในสมัยนี้ต้องบอกว่าสามารถอุ่นนมพร้อมทานได้อย่างรวดเร็ว แล้วอยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม อุ่นแล้วจะไม่ไปทำลายสารอาหารที่อยู่ในน้ำนมแม่ ทำให้ลูกน้อยได้ทานนมแม่อย่างสะดวกและรับสารอาหารที่ดีในทุกครั้ง นอกจากนี้การใช้เลือกใช้เครื่องอุ่นนควรเลือกเครื่องอุ่นนมที่มีฟังก์ชั่นในการละลายน้ำแข็ง เพราะจะทำให้คุณพ่อคุณแม่ สามารถลดเวลาในการละลายน้ำนม ทำให้การอุ่นนมของคุณพ่อ คุณแม่ ไม่ยุ่งยากหลายขั้นตอนอีกต่อไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : www.trueplookpanya.com






Help Center
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
วันหยุดสัปดาห์นี้ คุณพ่อคุณแม่ท่านไหนอยู่บ้านกับเจ้าตัวเล็ก ยังไม่มีแพลนทำอะไรกันบ้าง?ลองมาดู กิจกรรมครอบครัว สนุกๆแม้อยู่ที่บ้าน ที่ Baby Gift นำมาฝากกันค่ะ รับรองว่าวันหยุดนี้ไม่เงียบเหงาแน่นอน ถ้าพร้อมแล้ว ตามมาดูกันเลย !! ทำอาหารเมนูพิเศษร่วมกัน สิ่งที่มีค่ามากกว่า การมอบของขวัญให้แก่กัน คือ การที่ครอบครัวพูดคุยและใช้เวลาดีๆด้วยกัน เชื่อว่าในวันจันทร์ถึงศุกร์ คนในครอบครัวก็ต่างมีหน้าที่การงานที่ต้องทำ จนอาจไม่มีเวลาว่างที่จะได้อยู่ร่วมกันมาก การทำอาหารเมนูพิเศษร่วมกันในวันหยุด จึงเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมครอบครัว ที่สามารถสร้างช่วงเวลาดีๆให้กับลูกน้อย และสร้างความสันพันธ์ในครอบครัวได้ดีเลยทีเดียว นอกจากจะช่วยฝึกทักษะด้านทำครัวให้กับเจ้าตัวเล็กแล้ว การได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริง จะช่วยกระตุ้นพัฒนาการและกระบวนการคิดได้หลายๆด้าน เสริมสร้างจินตนาการได้ดี เด็กจะจดจำและเรียนรู้ได้ง่ายกว่าการมองเห็นเพียงภาพจากในหนังสือ หรือจากที่โรงเรียน รับรองว่าคุณพ่อคุณแม่จะได้เห็นแววตาที่ตื่นเต้น และมีความสุขของเขาอย่างแน่นอน แต่งานนี้ไม่ง่ายเลย คุณแม่อาจจะต้องเตรียมตัวรับมือกับความวุ่นวายของลูกๆเป็นพิเศษ วันหยุดสัปดาห์นี้ อย่าลืมลองถามเจ้าตัวเล็กว่าอยากทานเมนูอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า แล้วเตรียมของให้พร้อมเข้าครัวกันเลย จัดสวนปลูกต้นไม้กับเจ้าตัวเล็ก อีกหนึ่งกิจกรรมที่ทำได้ง่ายๆที่บ้านกับเจ้าตัวเล็ก สำหรับบ้านที่ชอบธรรมชาติและมีพื้นที่ว่างนอกตัวบ้าน วันหยุดนี้ลองจูงมือลูกน้อยของคุณและคนในครอบครัว มาจัดสวนปลูกต้นไม้ง่ายๆ คุณพ่อคุณแม่ทราบไหมคะ นอกจากของเล่นที่ซื้อให้เด็กๆจะช่วยเสริมพัฒนาการแล้ว ของเล่นจากธรรมชาติก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่สำคัญและเป็นประโยชน์มากๆเช่นกัน การที่เด็กได้คลุกคลีกับพื้นดิน ต้นไม้ หรือแมลง จะทำให้เด็กเข้าใกล้ธรรมชาติและรู้จักโลกนี้มากยิ่งขึ้น การปลูกต้นไม้เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้ลูกเรียนรู้การมีความรับผิดชอบและดูแลต้นไม้นั้นๆ นอกจากจะทำให้สนุกสนานเพลิดเพลินกับธรรมชาติแล้ว ยังช่วยทำให้คนในบ้านมีเวลาร่วมกันมากขึ้น เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้บ้านร่มรื่นน่าอยู่ ระหว่างปลูกต้นไม้นั้นคุณพ่อคุณแม่ยังสามารถสอนเจ้าตัวเล็กได้ ทั้งเรื่องดิน เรื่องพืช […]
เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ สิ่งแรกๆ ที่คุณแม่ส่วนใหญ่นึกถึงก็คือเรื่องของการคลอดใช่มั้ยล่ะคะ ส่วนวิธีการคลอดนั้น ก็อย่างที่คุณแม่ทราบกันดีว่ามีอยู่ด้วยกัน 2 วิธี ก็คือการคลอดธรรมชาติกับการผ่าคลอดค่ะ เราลองเปรียบเทียบกันดูดีกว่าว่าสองวิธีนี้ต่างกันยังไงบ้าง การคลอดธรรมชาติคืออะไร มีอะไรที่ต้องกังวลบ้าง? การคลอดธรรมชาติก็คือการที่คุณแม่เบ่งลูกน้อยออกมาทางช่องคลอด ซึ่งการคลอดแบบนี้คุณแม่จะต้องรอให้มีน้ำเดินหรือเจ็บท้องคลอด รวมถึงปากมดลูกเปิดมากพอที่จะทำการคลอดได้นั่นเอง ส่วนใหญ่แล้ว คุณแม่จะเจ็บท้องคลอดกันที่ช่วง 37-40 สัปดาห์ค่ะ การคลอดธรรมชาติมักเป็นที่นิยมเพราะคุณแม่ส่วนใหญ่ก็อยากมีประสบการณ์ อยากรับรู้ถึงความเจ็บปวดในการเบ่งคลอด แถมยังมีราคาถูกกว่าผ่าคลอดอีกด้วยนะ แม้ว่าการคลอดธรรมชาติจะเป็นวิธีที่ปลอดภัย แผลหายเร็ว และคุณแม่ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน แต่ก็มีหลายปัจจัยที่คุณแม่ควรทราบกันไว้ซักนิดนึงน้า ปัจจัยที่อาจทำให้การคลอดธรรมชาติไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเสมอไป 1. ลูกไม่กลับหัว ปัจจัยนี้เป็นปัจจัยที่น่ากลัวที่สุดสำหรับการคลอดธรรมชาติ และมักจะจบลงด้วยการที่คุณหมอเปลี่ยนไปเป็นผ่าคลอดแทนค่ะ โดยปกติ เวลาที่จะคลอด ลูกน้อยจะต้องกลับหัวเพื่อใช้หัวดันออกมาจากช่องคลอด มีทารกบางรายที่ไม่ยอมกลับหัว หรืออาจจะกลับหัวผิดตำแหน่ง ทำให้คุณหมอไม่สามารถทำคลอดได้ 2. คุณแม่มีแรงเบ่งไม่พอ หรือเบ่งไม่เป็น แรงเบ่งนั้นมีความสำคัญกับการคลอดธรรมชาติมากๆ เลยล่ะค่ะ เพราะถ้าคุณแม่มีแรงเบ่งไม่พอ หรือเบ่งไม่เป็น ลูกน้อยก็จะไม่สามารถคลอดออกมาได้ แต่เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงนะ เพราะโรงพยาบาลส่วนใหญ่ที่คุณแม่ไปฝากครรภ์ เค้าจะมีการอบรม สอนวิธีการเบ่ง การหายใจ เพื่อให้คุณแม่สามารถเบ่งได้อย่างถูกวิธีค่ะ 3. คุณแม่มีโรคประจำตัว โรคประจำตัวก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างเช่น โรคเบาหวาน […]
ว่าที่คุณแม่มือใหม่หลายคนคงจะปวดหัวไม่น้อย ว่าลูกน้อยของเราควรจะหนุน หมอนทารก นอนหรือไม่ แล้ว หมอนหัวทุย จำเป็นไหม กดมือถือหาข้อมูลทีไรก็หาข้อสรุปไม่ได้เสียที ไม่ต้องกังวลไปค่ะ วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจให้หายสงสัยกันค่า หมอนทารก ทารกควรหนุนหรือไม่ คำแนะนำจากกุมารแพทย์ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยกล่าวว่า ท่านอนที่ดีและปลอดภัยสำหรับทารกที่สุดก็คือ การนอนหงายโดยไม่หนุนอะไรทั้งสิ้น เพราะสรีระของกะโหลกศีรษะของทารก ซึ่งจะมีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับลำตัว ทำให้พอดีในการนอนแล้วถึงแม้จะนอนหงาย และนอกจากนี้จะต้องไม่มีสิ่งของอื่นๆ เช่น ผ้าห่ม ตุ๊กตา ของเล่น ฯลฯ อยู่บนเตียงขณะลูกน้อยนอนหลับ เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุจากการนอน หรือโรคไหลตายในทารก (SIDS) ซึ่งเป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิตเด็กๆ มากมายทั่วโลก และโรคนี้มักจะเกิดกับเด็กอายุไม่เกิน 4 เดือนมากที่สุด โดยที่เด็กยังแข็งแรงดีอีกด้วย แม้ปัจจุบันจะยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่หนึ่งในปัจจัยที่ชัดเจนและกระตุ้นให้เกิดการเสียชีวิตคือการที่มีผ้า วัตถุนุ่มๆ หรือการใช้ที่นอนที่อ่อนยวบเกินไป ไปอุดกั้นทางเดินหายใจของลูก จากการที่ลูกเกิดพลิกตัวนอนคว่ำ หรือคว้าวัตถุเหล่านั้นมาโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งเด็กยังเล็กเกินไปที่จะชันคอหรือพลิกตัวกลับได้ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ทารกจึงยังไม่จำเป็นต้องใช้หมอนหนุนนอนจนกว่าจะเข้าสู่วัยเตาะแตะหรือ 18 เดือนขึ้นไป หรือช้ากว่านั้นได้ยิ่งดีค่ะ กลัวลูกหัวแบน ทำไงดี อีกหนึ่งความกังวลใหญ่ของบรรดาแม่ๆ คือ กลัวลูกหัวแบน เพราะต้องนอนหงายตลอดเวลา ปัจจุบันจึงได้มีการผลิตคิดค้นหมอนหนุนสำหรับทารกเพื่อป้องกันหัวแบน และลูกน้อยยังคงนอนหงายได้ด้วย แต่ทั้งนี้คุณหมอและผู้เชี่ยวชาญก็ยังไม่แนะนำให้ใช้หมอนหนุนมากนัก เพราะหากใช้หมอนที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีคุณภาพ […]
1.เลือกจากประเภทการใช้งานให้เหมาะสมกับสรีระและน้ำหนักของเด็กค่ะโดยทั่วไปรถเข็นจะแบ่งออกเป็นสองประเภทคือ 2. วัสดุโครงสร้างของรถเข็นเด็กต้องแข็งแรงและที่สำคัญน้ำหนักต้องเบาเพราะว่าบางครั้งคุณแม่อาจจะต้องเดินทางโดยลำพังกับลูกน้อย นอกจากนี้เบาะที่สัมผัสของตัวน้องควรทำจากวัสดุที่นุ่มสบายเพื่อให้เด็กนั่งได้นาน อีกทั้งยังต้องมีคุณสมบัติในการระบายความร้อนที่ดีเนื่องจากอากาศที่เมืองไทยค่อนข้างร้อนและระบบปรับอุณหภูมิในเด็กเล็กนั้นยังทำงานได้ไม่ดีนักทำให้เด็กจะร้อนและเหงื่อออกได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ 3. ล้อต้องเป็นล้อที่สามารถหมุนได้สะดวกและแข็งแรง เพราะจะทำให้การเคลื่อนตัวของรถเข็นคล่องตัวขึ้นแม้ว่าคุณแม่จะต้องเข็นรถในที่ที่แคบ 4. โครงสร้างของผลิตภัณฑ์ต้องออกแบบมาเพื่อรักษาให้ขาและข้อต่อสะโพกอยู่ในรูปทรงตามธรรมชาติโดยประคองขาและข้อต่อสะโพกในอยู่ในรูปทรงตัว“M” ซึ่งเป็นท่าที่จะทำให้ขาและสะโพกของลูกน้อยมั่นคงที่สุดรวมทั้งจะส่งเสริมการเจริญเติบโตของกระดูกทั้งสองส่วนให้เป็นไปตามธรรมชาติที่ดีที่สุด 5. มีหลังคาที่สามารถปกป้องลูกน้อยจากแสงแดดและรังสียูวีเพราะผิวหนังของเด็กนั้นยังบอบบางโดยที่บังแดดควรจะปรับได้ตามทิศทางของแสงแดดที่ปรับเปลี่ยนตามช่วงเวลาในแต่ละวัน นอกจากนี้ที่บังแดดยังช่วยบังลมให้ลูกน้อยได้อีกด้วย 6. โครงสร้างของรถเข็นเด็ก ต้องออกแบบมาเพื่อปกป้องระบบการหายใจในกรณีที่เด็กอาจจะเผลอหลับบนรถเข็น โดยมีเบาะที่จะทำให้ศีรษะเด็กไม่เคลื่อนที่และป้องกันการบิดของลำคอจึงช่วยป้องกันภาวะหยุดหายใจขณะหลับเนื่องจากทางเดินหายใจอุดกั้น 7. ข้อสำคัญอีกประการก็คือหากคุณใช้รถเข็นเด็กแรกเกิด ควรจะเลือกประเภทที่สามารถหันที่นั่งรถเอาหาตัวคุณแม่ได้ เนื่องจากเด็กเล็กต้องการความเอาใจใส่จากแม่เป็นพิเศษ เมื่อน้องออกไปข้างนอกเขาต้องการจะมองเห็นคุณแม่เพื่อความอุ่นใจค่ะ แต่ถ้าเป็นเด็กโตแล้ว เด็กจะให้ความสนใจกับสิ่งรอบตัวซึ่งในวัยนี้คุณแม่อาจจะปรับที่นั่งรถเข็นให้มองออกไปข้างนอกได้ค่ะ หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้จากผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำปรึกษาและคำแนะนำอย่างถูกต้อง
การใช้ชีวิตในสังคมยุคปัจจุบันเรียกได้ว่าต้องเป็นคุณแม่สายแข็งสายสตรอง ไหนจะมลพิษ ไหนจะฝุ่นขนาดเล็กอย่าง PM2.5 ที่ถาโถมมาประดังกันอย่างไม่หยุดหย่อน ซ้ำร้ายกว่านั้น เจ้าภัยร้าย PM2.5 ยังมองด้วยตาเปล่าไม่เห็นอีกซะนี่ แต่ไหนๆ ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว งั้นเรามาทำความรู้จักกับเจ้า PM2.5 พร้อมวิธีการป้องกันกันดีกว่าค่ะ PM2.5 คืออะไร? PM2.5 คือฝุ่นละอองไซส์เล็กจิ๋วที่มีขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน ถ้าคุณแม่คิดภาพไม่ออก ลองมองดูที่เส้นผมเราค่ะ เจ้าฝุ่นตัวนี้มีขนาดเล็กกว่าผมเราประมาณ 25 เท่าเลยเชียวนะ และขนาดที่เล็กมากเนี่ยแหละที่เป็นอันตราย เพราะแม้แต่จมูกของเราที่สามารถกรองฝุ่นได้อย่างดีเยี่ยมยังไม่สามารถทำอะไรได้ ตอนนี้ก็เลยเป็นหน้าที่ของเราแล้วนะที่จะต้องป้องกันตัวเอง PM 2.5 เกิดจากอะไร? สาเหตุหลักๆ ของ PM2.5 มาจากการเผาขยะ โรงงานอุตสาหกรรม การคมนาคมขนส่งอะไรพวกนี้ค่ะ แต่ฝุ่นนี้ก็ไม่ได้มาแค่ฝุ่นนะคะ เพราะมันจะพาพวกสารเคมีอันตรายจำนวนมากมาด้วย ไม่ว่าจะเป็นสารพิษที่ทำให้เกิดมะเร็งอย่าง P-A-Hs สารเคมีที่ไปทำลายระบบประสาทอย่างปรอท รวมถึงแคดเมียมซึ่งเป็นสารพิษจากการทำอุตสาหกรรมต่าง ๆ และสารหนูที่ส่งผลต่อระบบประสาทอีกด้วยเช่นกัน ผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ เพราะฝุ่นชนิดนี้มีขนาดเล็กมาก ทำให้สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายๆ ลูกน้อยของเราจึงมีความเสี่ยงมากเป็นพิเศษ แถมยังมีก๊าซต่างๆ ที่ลอยคลุ้งอยู่กับฝุ่นละออง ไม่ว่าจะเป็นก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และโอโซน ซึ่งล้วนมีผลต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ทั้งสิ้น […]
โดยปกติแล้วคุณพ่อคุณแม่ที่ซื้อคาร์ซีท รถเข็นเด็กไป จะไม่ค่อยได้คำนึงถึงว่าใช้งานไปนานเท่าไหร่แล้ว แล้วเมื่อไหร่ถึงจะต้องซักทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรค คาร์ซีท รถเข็นเด็ก จนกระทั้งเกิดความสกปรกขึ้น เช่น ฝุ่นควัน นม อาหาร หรือขนมต่างๆ หกใส่เบาะ คราบน้ำลาย คราบอาเจียน ที่ไม่สามารถเช็ดออกได้ เป็นคราบสกปรกเห็นได้ชัด ถึงจะทำความสะอาด แต่รู้ไหมว่ายิ่งทิ้งคราบแบบนั้นไว้นานเท่าไหร่ พวกเชื้อแบคทีเรียต่างๆที่เกิดขึ้นจากการหมักหม่น ก็จะเกิดการสะสมมากขึ้น ส่งผลร้ายต่อเด็ก โดยเฉพาะเด็กที่มีความบอบบาง แพ้ง่าย ทำให้เกิดโรคต่างๆได้ แนะนำการซักทำความสะอาดคาร์ซีท รถเข็นเด็ก เพื่อยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานขึ้น ควรซักทำความสะอาดทุกๆ 3-6 เดือน ตามการใช้งาน เพื่อช่วยให้คาร์ซีท รถเข็นเด็ก ของลูกสะอาดพร้อมใช้งานอยู่เสมอ เพื่อสุขภาพที่ดีของลูกน้อย สำหรับการซักทำความสะอาด ปัจจุบันคุณพ่อคุณแม่สามารถส่งซักทำความสะอาดได้จากร้านที่ซื้อสินค้ามา เช่น ร้าน BabyGift ที่รับบริการถึง 3 สาขา ใกล้บ้าน แต่ในช่วงวิกฤตโควิดแบบนี้ ทางเราจึงมีเทคนิคการซักทำความสะอาดด้วยตัวเองมาฝากกันค่ะ วิธีทำความสะอาด คาร์ซีท รถเข็นเด็ก แยกการทำความสะอาดออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือผ้าหุ้มเบาะ […]















