ลูกเล็ก เริ่มเรียนว่ายน้ำได้ตอนไหน ต้องใช้อะไรบ้าง?

คุณแม่หลาย ๆ ท่านคงเคยดูคลิปทารกน้อยใส่ห่วงลอยน้ำ ฝึกน้ำดำ และฝึกลอยตัวอยู่ในน้ำกันใช่ไหมคะ เป็นคลิปที่น่าเอ็นดูมากเลย และหากลูกรักของเราได้ลองทำดูบ้างคงน่ารักมากแน่นอน แต่ก็ยังมีข้อสงสัยว่าจะให้ลูกเริ่มเรียนว่ายน้ำได้ตอนไหน ใช้อุปกรณ์อะไร ปลอดภัยแค่ไหน แล้วจะเลือกโรงเรียนว่ายน้ำแบบไหนให้ลูกดี เรามีคำตอบมาฝากกันค่ะ
ลูกทารกเริ่มเรียนว่ายน้ำได้เมื่อไร?
เด็กทารกสามารถเรียนว่ายน้ำได้ตั้งแต่อายุ 3-4 เดือนขึ้นไป โดยให้คุณพ่อคุณแม่สังเกตว่าร่างกายของลูกพร้อมแค่ไหน ให้ลองเริ่มใช้ห่วงยางสวมศีรษะของลูกเพื่อช่วยพยุงตัวในน้ำ เมื่อปล่อยลูกลงสระน้ำแล้วลูกสามารถลอยตัวได้โดยไม่กลัวน้ำเลย การฝึกแบบนี้ก่อนจะช่วยให้ลูกมีความเคยชินกับน้ำ ไม่กลัวน้ำ และเพื่อในอนาคตจะได้หัดว่ายน้ำได้อย่างสบาย
หรือจะเริ่มฝึกหรือเรียนว่ายน้ำในช่วงวัย 1 ขวบขึ้นไป ก็เป็นวัยที่เหมาะสมที่สุด เพราะเป็นช่วงที่ลูกมีพัฒนาการด้านภาษาดีขึ้น เข้าใจภาษาที่ผู้ใหญ่หรือพ่อแม่สื่อสาร เริ่มควบคุมการเคลื่อนไหวแขนขาได้ดีขึ้นมากแล้ว

สระน้ำแบบไหน ปลอดภัยต่อเด็กเล็ก
- สระน้ำระบบน้ำเกลือ
สระน้ำระบบน้ำเกลือจะเป็นระบบควบคุมความสะอาดของน้ำด้วยเกลือธรรมชาติ มีค่า pH balance ในใกล้เคียงกับน้ำตาธรรมชาติของคน ทำให้ไม่ระคายเคืองต่อตาหรือผิวหนังของเด็กทารก
- สระน้ำระบบโอโซน
สระน้ำระบบโอโซน จะเป็นระบบที่เอาก๊าซโอโซนมาบำบัดน้ำในสระ มีประสิทธิภาพสูง สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ในเวลาอันสั้น และไม่มีสารเคมีตกค้าง ไม่ทำให้ดวงตาหรือผิวหนังทารกระคายเคือง ซึ่งสระระบบนี้ยังไม่ค่อยมีให้บริการมากนัก
- สระน้ำระบบน้ำอุ่น
เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของทารกยังไม่แข็งแรง สระน้ำควรจะควบคุมอุณหภูมิน้ำให้อยู่ที่ประมาณ 30- 35 องศาเซลเซียส เพื่อให้ร่างกายของลูกสามารถปรับอุณหภูมิได้ง่าย ไม่ป่วย
อุปกรณ์สำคัญเมื่อลูกเล็กต้องว่ายน้ำ
- ของเล่นลอยน้ำ เพื่อดึงดูดความสนใจลูก ให้ลูกรู้สึกมีความสุขระหว่างฝึกว่ายน้ำด้วย
- ห่วงยางทารก ที่ช่วยประคองช่วงคอ หรือ ช่วยซัพพอร์ตทั้งตัวเด็กได้ ให้ลูกสามารถนอนคว่ำหรือหงายลอยตัวได้ หรือจะเลือกแบบที่มีปลอกแขนสวมเพื่อช่วยในการลอยตัว ควรเลือกขนาดที่พอดีตัวลูก เรามีห่วงยางทารกและอุปกรณ์เล่นน้ำแบบปลอดภัยมาแนะนำ เช่น แบรนด์ Nai-B, Lele

- ชุดว่ายน้ำ หรือ กางเกงผ้าอ้อมสำหรับว่ายน้ำ ควรเลือกชุดว่ายน้ำที่มีขนาดพอดีกับตัวลูก ไม่คับหรือหลวมจนเกินไป หากลูกยังเล็กบอกความต้องการว่าอยากฉี่หรืออึ ยังไม่ได้ ควรจะใส่กางเกงผ้าอ้อมสำหรับว่ายน้ำป้องกันลูกฉี่หรืออึในสระ แบรนด์แนะนำ เช่น Beffys
- ครีมกันแดด ควรใช้ครีมกันแดดสำหรับเด็กแบบทาผิวหน้าและตัวได้ ควรเลือกแบบที่มีสารกันแดดที่กันน้ำ (waterproof) และปราศจากสารเคมีทุกชนิด เพราะจะทำให้ผิวลูกระคายเคือง สำหรับลูกอายุน้อยกว่า 6 เดือน หากไม่จำเป็นจริง ๆ ไม่ควรใช้ครีมกันแดด เนื่องจากผิวยังบอบบางแพ้ง่ายมาก

เลือกโรงเรียนสอนว่ายน้ำทารกแบบไหน ปลอดภัยเหมาะสม
- โรงเรียนสอนว่ายน้ำสำหรับทารกที่ได้มาตรฐานความปลอดภัย มีสระว่ายน้ำที่มีมาตรฐานความสะอาด ใช้ระบบสระแบบเกลือหรือโอโซน
- สถานที่มีความสะอาด มีระบบรักษาความปลอดภัย มีบุคลากรผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำที่มั่นใจได้ว่าลูกจะได้เรียนว่ายน้ำอย่างมีความสุข
- ได้รับความนิยมจากบรรดาคุณแม่ที่เคยใช้บริการ โดยลองสอบถามข้อมูล ดูรีวิว เข้าไปดูการเรียนการสอนการบริการก่อนล่วงหน้า หรือปรึกษาครอบครัวที่มีประสบการณ์มาก่อน
- มีหลักสูตรและช่วงเวลาในการเรียนเหมาะสมกับเด็กเล็ก ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถลงไปเรียนหรือช่วยลูกได้ด้วย เพื่อความมั่นใจและได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกให้ลูกรู้สึกอบอุ่นเมื่อมีคุณพ่อคุณแม่อยู่ด้วยใกล้ ๆ ตลอดเวลา

ข้อดี เมื่อเบบี๋ได้ฝึกว่ายน้ำ
- พัฒนาทักษะการควบคุมร่างกาย มีการทรงตัวที่ดี นั่ง คลาน ยืน เดิน ได้เร็ว รวมถึงยังช่วยพัฒนาให้สมองทำงานประสานกับการรับรู้ของร่างกายได้ดี มีการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วว่องไว
- พัฒนาการด้านสติปัญญาและการจดจำดี ฝึกว่ายน้ำทำให้ลูกได้พบสิ่งแวดล้อมใหม่ พบครูสอนว่ายน้ำ ได้ลองฝึกดำน้ำ จดจำจังหวะการหายใจ ทำให้มีพัฒนาการด้านสติปัญญาที่ดีขึ้น
- ช่วยให้ลูกน้อยอารมณ์ดีจิตใจแจ่มใส เพราะการได้ไปว่ายน้ำจะช่วยปรับให้อุณหภูมิในร่างกายเย็นลง ลูกจะรู้สึกเย็นสบาย ได้ผ่อนคลาย อารมณ์ดี
- ลูกน้อยสุขภาพดี เจริญเติบโตดี เนื่องจากร่างกายได้ออกกำลังกาย มีความสุขสนุกกับการว่ายน้ำ ก็จะส่งผลให้นอนหลับได้ง่าย ทำให้ Growth Hormone หรือฮอร์โมนเพื่อการเจริญเติบโตหลั่งได้ดี
- มีทักษะการว่ายน้ำ มีความเคยชินกับน้ำ ไม่กลัวน้ำ ฝึกการเอาตัวรอดในน้ำได้ตั้งแต่ยังเล็กเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการจมน้ำไว้ในวันข้างหน้า

สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
เป้อุ้มเด็กเป็นตัวช่วยอย่างหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต่างให้ความสนใจไม่แพ้กับคาร์ซีทและรถเข็นเด็กที่เป็นของจำเป็นสำหรับการเลี้ยงลูกน้อย โดยเฉพาะพ่อแม่เด็กอ่อนที่ต้องอุ้มลูกแทบจะตลอดเวลา หากอุ้มลูกนาน ๆ ก็อาจจะทำให้เมื่อยล้า ปวดแขน ปวดไหล่ ปวดหลัง และมีปัญหาด้านสุขภาพตามมาได้ จึงมองหาเป้อุ้มเด็กแรกเกิดที่จะมาช่วยทุ่นแรงให้อุ้มลูกน้อยได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น ในบทความนี้ BabyGift จะขอแนะนำยี่ห้อเป้อุ้มทารกที่คุณภาพดี เป็นที่นิยมกันในตลาด พร้อมคำแนะนำในการเลือกให้กับคุณพ่อคุณแม่กันค่ะ BabyGift แนะนำยี่ห้อเป้อุ้มทารกคุณภาพดี พร้อมวิธีการเลือกที่พ่อแม่ต้องรู้ ! เป้อุ้มเด็ก หรือ เป้อุ้มทารก เป็นอุปกรณ์ทุ่นแรงให้กับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ เพื่อให้อุ้มลูกน้อยได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น ไม่เหนื่อยไม่เมื่อยจนเกินไปในเวลาที่ต้องอุ้มลูกนาน ๆ และยังสามารถทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้ในขณะเดียวกัน โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีใครดูลูก หรือต้องปล่อยให้ลูกอยู่ห่างจากตัว เป้อุ้มเด็กนั้นเหมาะสำหรับการอุ้มเด็กเล็กตั้งแต่ช่วงแรกเกิดไปจนถึงอายุ 2 – 3 ขวบ ซึ่งเป้อุ้มเด็กจะมีประโยชน์อย่างมากในครอบครัวที่ไม่มีคนดูแลเด็กเมื่อคุณพ่อคุณแม่ต้องออกไปทำธุระอื่น ๆ นอกบ้าน หรือโดยเฉพาะคุณแม่ที่ต้องทำงานบ้านไปด้วยเลี้ยงลูกไปด้วย ก็สามารถใช้เป้อุ้มเด็กเพื่อให้ลูกอยู่กับตัวเองได้ และสามารถทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้ด้วย โดยสามารถใช้เป้อุ้มเด็กแรกเกิดไปจนถึง 1 ขวบขึ้นไป และบางรุ่นก็สามารถใช้ได้จนถึง 3 ขวบเลยทีเดียว ซึ่งเป้อุ้มเด็กในท้องตลาดก็มีอยู่มากมายหลายยี่ห้อด้วยกัน แล้วคุณพ่อคุณแม่จะเลือกยังไง วันนี้เรามียี่ห้อมาแนะนำกันค่ะ 1. Hugpapa แบรนด์ Hugpapa เป็นแบรนด์ดังจากประเทศเกาหลีใต้ ที่ทางแบรนด์เน้นการผลิตและจำหน่ายเป้อุ้มเด็กโดยเฉพาะ และขึ้นชื่อเรื่องนวัตกรรมเป้อุ้มเด็กที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ให้ได้มากที่สุด และนอกจากนี้ ก็มีอุปกรณ์เสริมอื่นๆ จำหน่ายแยกอีกด้วย สำหรับเป้อุ้มทารกจากแบรนด์ Hugpapa ที่ BabyGift อยากจะแนะนำก็คือ เป้อุ้ม Hugpapa รุ่น Dial-Fit Pro (3in1 Hip Seat Carrier) ที่มีเทคโนโลยี BOA ช่วยปรับให้เป้มีความกระชับตัวได้ง่ายมากขึ้นเพียงแค่หมุน ใช้งานได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และสามารถปรับได้พอดีกับสรีระของทุกคน ตัว Hipseat เป็น EPP […]
คุณอรุณศรี พิริยเลิศศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบบี้ กิ๊ฟ (ไทยแลนด์) จำกัด ได้รับเกียรติเชิญให้เป็นวิทยากรให้ความรู้แก่บุคลลากรทางการศึกษา จำนวน 70 ท่าน ภายใต้ชื่อ “ความจำเป็นของคาร์ซีทและการเลือกใช้คาร์ซีทอย่างไรให้ถูกวิธี” ณ โรงเรียนเลิศหล้า ทั้งนี้ความรู้เกี่ยวกับการเลือกใช้คาร์ซีทอย่างถูกวิธี เพื่อให้บุคลลากรทางการศึกษาได้มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับความจำเป็นของคาร์ซีท และสามารถนำมาปรับใช้กับนักเรียนในโรงเรียนได้ เพื่อให้สอดคล้องกับการบังคับใช้คาร์ซีทสำหรับเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 กันยายน 2565 นี้
แม้ผู้หญิงจะตั้งครรภ์ ก็ต้องดูแลความสวย ความงาม และดูแลตัวเองอยู่เสมอ แต่ก็คงจะเป็นไปไม่ได้ตลอด เพราะตามธรรมชาติเค้าสร้างผู้หญิงขึ้นมาเพื่อเกิดมาตั้งครรภ์ ให้กำเนิดบุตร โดยเฉพาะช่วง 9 เดือนที่ตั้งครรภ์ ร่างกายของเราจะถูกเปลี่ยนแปลงไปมากที่สุด บางอย่างก็ไม่อยากให้เกิด โดยเฉพาะเรื่องผิวพรรณการแตกลายของบริเวณท้องนั้นเป็นสิ่งที่คุณแม่กังวลเป็นอย่างมาก แต่วิธีป้องกันคุณแม่ตั้งครรภ์หลายๆคนคงรู้กันดีอยู่แล้ว แต่ถ้าท้องเราเกิดแตกลายขึ้นมาแล้วจะแก้ไขอย่างไรดี ท้องลาย หรือ รอยผิวแตกลาย เป็นเส้นที่ปรากฏบริเวณผิวหนังหน้าท้อง ส่วนใหญ่เป็นปัญหาที่มาพร้อมกับการขยายขนาดของหน้าท้องอย่างรวดเร็ว รอยแตกลายจะเป็นริ้วสีขาว สีชมพู สีแดง สีม่วง หรือสีน้ำตาล ตามแต่สภาพผิวหนัง ความตึงของผิวหนังบริเวณนั้น ของแต่ละคน สาเหตุท้องลาย ท้องลาย เป็นการฉีกขาดของผิวหนังชั้นหนังแท้ที่อยู่ลึกลงไปบริเวณหน้าท้อง ซึ่งเกิดจากการขยายขนาดของท้องทำให้เห็นเส้นเลือดที่อยู่ในชั้นลึกลงไป จึงเห็นเป็นลายเข้ม ต่อมาเส้นเลือดหดตัวจึงเห็นพื้นที่ขาวมากขึ้น โดยท้องลายเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 3 (อายุครรภ์ 7-9 เดือน) น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ร่างกายมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ท้องลายเป็นเพียงรอยแตกลายที่เกิดขึ้นและจะค่อย ๆ จางลงเมื่อเวลาผ่านไป แต่ไม่สามารถกำจัดรอยที่เคยมีออกไปได้ทั้งหมด หรือเมื่อได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม ทางออกในการแก้ปัญหาท้องลาย 1. ควบคุมอาหาร คุณแม่ตั้งครรภ์ควรควบคุมเรื่องอาหาร ควรทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งคุณแม่และลูกน้อย ไม่ควรกินอาหารที่เพิ่มน้ำหนักมากๆ เพราะจะทำให้ผิวหนังบริเวณท้องขยายเร็ว […]
Ailebebe รุ่น Kurutto R The First 1 และ Kurutto R The First 2 เป็นคาร์ซีทเด็กแรกเกิดที่ผลิตจากประเทศญี่ปุ่น ที่มีนวัตกรรมความปลอดภัยล้ำสมัย ช่วยให้การเดินทางของลูกน้อยทั้งปลอดภัยและสะดวกสบาย และทั้ง 2 รุ่น มีคุณสมบัติที่เด่นและแตกต่างกัน ซึ่งสามารถตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย เราจะพาคุณพ่อคุณแม่มาทำความรู้จักกับความแตกต่างเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่เลือกคาร์ซีทที่เหมาะสมกับความต้องการของครอบครัวได้ค่ะ เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจเลือกซื้อคาร์ซีท Ailebebe รุ่น Kurutto R ได้อย่างเหมาะสมกับลูกน้อยมากที่สุด มาเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจกันก่อนว่าทำไมรุ่นนี้ถึงเป็นที่นิยมและมีจุดเด่นอะไรบ้างนะคะ ทำไมต้องเลือก Ailebebe รุ่น Kurutto R ? 1. มาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงสุด : ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากสหภาพยุโรป R129 (i-Size) 2. การทดสอบที่แม่นยำ : ใช้เซ็นเซอร์วัดแรงกระแทกสูงสุดถึง 32 จุดบนหุ่นจำลอง และหุ่นไม่ได้รับการบาดเจ็บ 3. ทดสอบการชนที่เข้มงวด : ทดสอบการชนที่ความเร็ว 70-100 กม./ชม. เพื่อความปลอดภัยสูงสุด […]
Q: ขวดนม อุปกรณ์ปั๊มนม ต้องต้ม หรือนึ่ง ให้ปราศจากเชื้อทุกวัน ? A: การนึ่ง หรือต้มฆ่าเชื้อขวดนมและจุกนมหลังใช้งานทุกวันจะทำให้ขวดนมพลาสติกและจุกนมเสื่อมสภาพเร็วขึ้นกว่าปกติ และไม่ได้ช่วยป้องกันโรคให้ทารกเพิ่มขึ้นมากไปกว่าล้างด้วยน้ำสบู่อุ่น ๆ หรือล้างด้วยน้ำร้อนผสมน้ำยาล้างขวดนมหลังใช้งาน การขยันทำให้ปลอดเชื้อมากเกินไป (over-sterilize) ไม่มีประโยชน์กลับเป็นการสร้างสิ่งแวดล้อมให้เชื้อที่ทนความร้อน และสร้างสปอร์ได้เพิ่มมากขึ้น (เพราะคุณไม่ได้ใช้หม้อความดัน หรือฉายรังสี) และทารกจะอาจได้สารพวกโพลีเมอร์ หรือฟอร์มัลดีไฮด์ปนเปื้อนออกมาจากพลาสติกที่เสื่อมสภาพแทน สมาคมกุมารแพทย์อเมริกัน และ USFDA แนะนำให้ต้มหรือนึ่งฆ่าเชื้อขวดนม และอุปกรณ์ปั๊มนมเฉพาะครั้งแรกที่ใช้งานจากนั้นให้ล้างด้วยน้ำสบู่ หรือน้ำยาล้างขวดนมผสมน้ำอุ่น ทุกครั้งหลังใช้งานก่อนผึ่งให้แห้ง โดยไม่ให้้ใช้ผ้าเช็ด กรณีที่ต้องต้มหรือนึ่งฆ่าเชื้อทุกวันคือช่วงทารกป่วย เช่น ท้องร่วง หรือ เป็นฝ้าขาวในปาก คุณแม่ที่กังวลอาจนึ่งหรือต้ม ทุก 3-4 วัน สำหรับนมชง ทุก 1 สัปดาห์สำหรับนมแม่ทั้งนี้ จะต้องไม่มีการปล่อยให้นมบูดคาขวด (ถ้านมบูดคาขวดต้องต้มหรือนึ่งฆ่าเชื้อใหม่เสมอ) อย่างไรก็ตามไม่มีกฎตายตัว หากบ้านมีสภาพแวดล้อมที่ไม่สะอาด อยู่ใกล้แหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค อาจพิจารณาต้มหรือนึ่งให้บ่อยขึ้น สำหรับประเทศไทยที่มีภูมิอากาศร้อนชื้นมีโรคเขตร้อนที่เป็นโรคทางเดินอาหารมาก และประชากรมีสุขอนามัยไม่แน่นอน กุมารแพทย์ไทยหลายท่านอาจแนะนำให้คุณแม่ต้มหรือนึ่งขวดนมทุกวัน และกรณีที่ห้องครัวมีความสกปรกอับชื้นท่อน้ำไม่สะอาด หรือมีกระบะทรายแมวในห้องครัว (ซึ่งไม่ควรมี) คุณแม่อาจเลี่ยงไปตากขวดนม และจุกนมที่อื่นที่มีอากาศถ่ายเทคุณแม่ที่ปั๊มนมห้ามใช้สบู่เหลวในห้องน้ำที่ทำงานล้างขวดนม หรือ […]
รถเข็นเด็ก Aprica รุ่น Optia สำหรับเด็กแรกเกิด – 3 ปี หรือน้ำหนัก 2.5 – 15 kg เพื่อความสุขแบบ Double ประสบการณ์ใหม่ในการเดินทางที่สบายกว่าช่วยให้การเดินทางสำหรับคุณแม่และลูกน้อยเป็นเรื่องง่าย สะดวก สบาย ด้วยนวัตกรรมที่เหนือกว่า Function 1 : ลดแรงสั่นสะเทือนแบบ Double ด้วยระบบรองรับแรงกระแทกถึง 2 จุดระบบรองรับแรงกระแทกใต้ที่นั่ง และระบบรองรับแรงกระแทกที่ล้อ ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนได้ถึง 40% Function 2 : ระบายอากาศแบบ Double ด้วยเบาะรองนอน Silky Air และผ้าระบายอากาศทุกชั้นเบาะรองนอน ถักทอด้วยเส้นใย Silky Air มีความอ่อนนุ่ม ระบายอากาศได้ดี ให้ความรู้สึกเบาสบายเมื่อสัมผัสกับผิวที่บอบบางของทารก Function 3 : ลดความอับชื้นแบบ Double ด้วยระบบ DoubleThermo Medical Sysem ช่วยระบายอากาศให้ความรู้สึกสบายตัวแผ่นฉนวนกันความร้อนพิเศษด้านหลัง ลดความร้อนสะสมบริเวณหลัง และลดอุณหภูมิของร่างกายลูกน้อยในขณะหลับได้ดี Function […]