ซื้อขวดนม ยี่ห้อไหนดี ? ชวนคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ไปช้อปของจำเป็นให้ลูกกัน !

ขวดนมเป็นอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นสำหรับทารกในช่วงแรกเกิด ยิ่งหากว่าคุณแม่จำเป็นต้องทำงาน หรือเดินทาง การใช้ขวดนมก็จะเป็นตัวช่วยที่บุคคลอื่นสามารถช่วยให้ลูกน้อยมีนมไว้กินได้ หรือในคุณแม่บางคนที่อาจจะมีภาวะแทรกซ้อนหลังคลอด ก็ใช้ขวดนมเป็นตัวช่วยได้อีกเช่นกัน เรียกได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวก เพิ่มความสบายให้กับคุณพ่อคุณแม่ที่เลี้ยงลูกน้อยเลยหล่ะค่ะ และในบทความนี้ BabyGift จะชวนคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ไปดูยี่ห้อขวดนมคุณภาพดี ราคามิตรภาพ พร้อมคำแนะนำต่างๆ ที่ควรรู้ในการเลือกซื้อขวดนมกันค่ะ
ขวดนม ยี่ห้อไหนดี ? รวมยี่ห้อดี คุณภาพแน่น ที่บรรดาคุณแม่ไว้วางใจ !
ก่อนที่เราจะพูดถึงเรื่องซื้อขวดนม ยี่ห้อไหนดี BabyGift ขอชวนคุณพ่อคุณแม่มาดูคำแนะนำในการเลือกซื้อขวดนมกันก่อนสักหน่อยค่ะ สิ่งที่ต้องโฟกัสก็คือ วัสดุ ที่มีทั้งแก้ว หรือพาสติก รูปทรงขวด จุกนม ความง่ายในการทำความสะอาด และที่สำคัญก็คือควรเลือกยี่ห้อที่มีคุณภาพ ใช้วัสดุที่ปลอดภัยต่อลูกน้อยของเราค่ะ สำหรับพ่อแม่มือใหม่ที่อยากเข้าใจวิธีการเลือกซื้อขวดนมให้มากขึ้นกว่านี้ เราเคยเขียนบทความไว้แล้วลองอ่านเพิ่มเติมกันดูนะคะ เอาหล่ะค่ะ ตอนนี้ได้เวลาของการแนะนำขวดนม ยี่ห้อไหนดี ? ที่เราเลือกมาแนะนำแล้ว ตามไปดูยี่ห้อดีๆ กันเลยค่ะ

BabyGift แนะนำ ขวดนม ยี่ห้อไหนดี ?

1. HAENIM ขวดนม รุ่น NOTHING™ ขนาด 5 ออนซ์ (ไม่รวมจุกนม)
หากกำลังมองหาขวดนมที่ใสเหมือนแก้ว มองเห็นน้ำนมชัดแจ๋วต้อง ต้องเลือกขวดนม จาก HAENIM รุ่น NOTHING™ นี้เลยค่ะ นี่คือขวดนมที่เป็น Medical Grade ผ่านมาตรฐานสากล มั่นใจไร้กังวลเรื่องสารปนเปื้อน ขวดคอกว้าง ง่ายต่อการทำความสะอาด ทนความร้อนได้สูงถึง 160 องศา สามารถฆ่าเชื้อได้ทุกรูปแบบ ฝาขวดน้ำหนักเบา เปิดได้ด้วยมือเดียว พร้อมวางตั้งเป็นแก้วน้ำได้ รุ่นนี้ไม่มีจุกนมมาให้นะคะ แต่สามารถใช้จุกนมขวดทรงคอกว้างของ PIGEON หรือ Dr.Betta ได้ค่ะ
จุดเด่น
- ใช้วัสดุ PA (Polyamide)ที่ใสเหมือนแก้ว โดยไม่มีการฟอกสี หรือ เคลือบสี ทนทานต่อรอยขีดข่วนและการตกแตก โปร่งใส ช่วยให้มองเห็นความผิดปกติของน้ำนมได้ดีกว่าวัสดุชนิดอื่น
- ขวด 5 ออนซ์ น้ำหนักเบาเพียง 36 กรัม ช่วยลูกน้อยฝึกจับเองได้ง่าย มีขีดปริมาณละเอียดทุก 10 ml. ทำให้คำนวณการดื่มนมในแต่ละมื้อได้ง่ายขึ้น
- ขวดทรงสูง ขนาดพอเหมาะกับการจับหรือถือ มี 2 ขนาด คือ 150 ml. (5 ออนซ์) และ 270 ml. (9 ออนซ์) และมี 4 สี ให้เลือก ได้แก่ Beige, Yellow, Pink และ White

2. PIGEON ขวดนม รุ่น PPSU WN3 Howapipi ขนาด 160 มล. (แพ็ค 2 ขวด)
ขวดนม PIGEON ทรงใหม่ที่มีรูปทรงจับได้ง่ายขึ้น มาพร้อมลวดลายสุดน่ารัก และจุกนม SoftTouch ที่พัฒนามาจากการเลียนแบบการดูดตามธรรมชาติของทารก ผลิตจากซิลิคอนที่อ่อนนุ่มพิเศษ สัมผัสเสมือนเต้านมมารดามากยิ่งขึ้น หมดปัญหาเรื่องการสับสนเต้า ตรงขวดมีเส้นบอกตำแหน่งริมฝีปากเพื่อให้พอดีกับปากทารก มีให้เลือกด้วยกัน 2 ขนาด คือ ขนาด 5 ออนซ์จะมาพร้อมจุกขนาด SS และ ขนาด 8 ออนซ์จะมาพร้อมจุกขนาด M
จุดเด่น
- เป็นขวดนมสีชาทนต่อความร้อนได้สูงถึง 180 องศาเซลเซียส ส่วนจุกนมทนความร้อนได้ถึง 120 องศาเซลเซียส
- ตัวขวดนมมีอายุการใช้งาน 1-2 ปี ปลอดสาร BPA & BPS ( BPA&BPS FREE)
- ขวดนม PIGEON มีระบบ Air Ventilation System (AVS™) ควบคุมการไหลเวียนของอากาศ ช่วยปรับสมดุลความดันอากาศภายในขวด ทำให้รู้สึกสบายท้องขณะดูด
- ส่วนของรูจุกนมออกแบบให้น้ำนมไหลตามปริมาณที่ทารกต้องการ หมดปัญหาสำลักนม

3. HEGEN ขวดนม ขนาด 2 oz. / 60 ml.
ขวดนมที่ผลิตจากพลาสติก PPSU พลาสติกคุณภาพสูงที่ทนต่อความร้อนได้ถึง 180 องศาเซลเซียส มาพร้อมกับจุกนมที่ไหลช้าเป็นพิเศษที่เหมาะสำหรับทารกที่คลอดก่อนกำหนดหรือน้ำหนักแรกเกิดต่ำกว่าเกณฑ์ที่ยังต้องค่อยๆ เรียนรู้ที่จะดูดนมและกลืน ดีไซน์เก๋ไก๋ใช้งานได้หลากหลาย แถมคุณแม่ยังสามารถเปลี่ยนขวดนมให้เป็นกล่องเก็บน้ำนม ขนม หรือผลไม้ได้อีก แค่เปลี่ยนจุกนมเป็นฝาผิด (ตัวฝาปิดแยกจำหน่าย) เรียกว่าตอบโจทย์คุณแม่ยุคใหม่เลยล่ะค่ะ
จุดเด่น
- เป็นขวดนมที่สามารถเปิด-ปิดได้ด้วยมือข้างเดียว หรือ PCTO (กดเพื่อปิด-บิดเพื่อเปิด) หยิบถือได้ง่าย และลดการหกเลอะเทอะ
- ออกแบบให้มีช่องลมของขวดนมที่ให้ลมเข้าได้น้อย ลดการเกิดฟองอากาศและลดการสูญเสียคุณค่าของน้ำนม ช่วยลดปริมาณลมที่จะเข้าสู่ท้องของลูกน้อยจากการดื่มนม
- จุกนมเป็นรูปทรงวงรีที่เลียนแบบหัวนมของแม่เพื่อกระตุ้นการดูดนมของเด็ก ทำให้การสลับระหว่างการเข้าเต้าแม่กับขวดนมเป็นไปอย่างราบรื่น และตำแหน่งหัวจุกนมที่ไม่ได้อยู่ตรงกลางของขวด ทำให้ลูกน้อยสามารถยกดื่มด้วยองศาที่เป็นไปอย่างธรรมชาติได้
- ล้างได้ง่าย และสะอาดกว่าที่เคย เข้าถึงทุกซอกทุกมุม ด้วยการออกแบบรูปทรงขวดนมที่มีปากกว้างและไม่มีเหลี่ยมมุม

4. DR.BETTA ขวดนม คอกว้าง รุ่น Brain WS2 240 ml.
ขวดนม ยี่ห้อไหนดี อีกหนึ่งยี่ห้อที่อยากแนะนำก็คือ DR.BETTA เป็นขวดนมที่คิดค้นโดยกุมารแพทย์ชาวอเมริกา และผลิตในประเทศญี่ปุ่น ออกแบบให้มีลักษณะโค้งมน ได้มุมการป้อนนมแบบเดียวกับที่มารดาให้นมบุตร รับรองคุณภาพด้วยรางวัล Kids Design Award และ Good Design Award ปลอดสาร BPA BPS วัสดุเป็นพลาสติก PPSU แบบใส ทนความร้อนได้มากถึง 180 องศาเซลเซียส มาพร้อมจุกนมที่คิดค้นจากประสบการณ์ของพยาบาลผดุงครรภ์ให้ลูกน้อยดูดนมได้ตามจังหวะที่เหมาะสมของตัวเอง
จุดเด่น
- ขวดนม Doctor Bétta คิดค้นโดยกุมารแพทย์ชาวอเมริกา และผลิตในประเทศญี่ปุ่น
- มีลักษณะโค้งมน ได้มุมการป้อนนมแบบเดียวกับที่มารดาให้นมบุตร ซึ่งให้ประโยชน์ถึง 3 อย่าง ได้แก่ ปลอดภัยต่อหูชั้นกลาง ช่วยให้สะดวกในการกลืน และ ช่วยลดการกลืนอากาศที่ไม่จำเป็น อันเป็นต้นเหตุของโรคโคลิค
- จุกนมที่คิดค้นพัฒนาจากแรงบันดาลใจ และประสบการณ์จริงของพยาบาลผดุงครรภ์
- ตัวขวดนมเป็นวัสดุ PPSU ทนความร้อนได้ถึง 180 องศาเซลเซียส ฝาครอบทำจากโพลิโพรพิลีน ทนความร้อนได้ถึง 120 องศาเซลเซียส และจุกนมทำจากซิลิโคน ทนความร้อนได้ถึง 120 องศาเซลเซียส

5. MAM ขวดนมป้องกันโคลิค PPSU 9 oz (จุกเบอร์ 2) คละสี
MAM เป็นขวดนมป้องกันโคลิค หรืออาการจุกเสียดของเด็กที่ทำให้ทารกร้องไห้หนัก
MAM ผลิตด้วยคุณภาพที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยจากยุโรป แถมยัง ปราศจากสาร BPS และ BPA มาพร้อมจุกนมที่ทำจากซิลิโคนเนื้อนุ่ม ทำให้ลูกไม่รู้สึกถึงความแตกต่างจากการดูดนมจากเต้าของแม่ น้ำนมไหลอย่างสม่ำเสมอ ไม่ต้องกังวลเรื่องการสำลัก ตัวขวดมีสีสัน ลวดลายน่ารัก ถูกใจเด็กน้อย มีให้เลือกด้วยกัน 2 แบบ ตามความชอบค่ะ
จุดเด่น
- ผลิตจากพลาสติก Polyphenylsulfone ปราศจากสาร BPS และ BPA ทนต่อความร้อนได้สูงถึง 180 องศาเซลเซียส ไม่ดูดซับสี และ กลิ่น แข็งแรงทนต่อแรงกระแทก
- มีฐานและวาล์วป้องกันโคลิคอยู่ใต้ขวด ซึ่งต่างจากขวดป้องกันโคลิคยี่ห้ออื่นที่มีรูระบายอากาศอยู่ที่จุกนม
- MAM ได้จดสิทธิบัตรจุกนมที่ทำให้ลูกไม่รู้สึกถึงความแตกต่างจากการดูดนมจากเต้าแม่ ตัวจุกนมทำจากซิลิโคนเนื้อนุ่ม ปลอดสารก่อมะเร็ง

5. MOYUUM ขวดนม PPSU ขนาด 170 ml.
MOYUUM เป็นขวดนมเด็กที่ผลิตจากวัสดุ PPSU ปลอดภัยต่อลูกน้อย คุณแม่ไร้กังวล มาพร้อมกับจุกนมที่ใช้ได้กับเด็กทารก จนถึงอายุ 2 เดือน ตัวขวดนมคอกว้าง ทำให้ง่ายต่อการชงนม และทำความสะอาด น้ำหนักเบา สามารถปรับเปลี่ยนเป็นที่จับขวดนมได้ ขึ้นอยู่กับการใช้งานสำหรับเด็กแต่ละช่วงวัย และสามารถเปลี่ยนเอาจุกนมออกและใส่หลอดดูดหัดดื่มเพื่อฝึกดื่มได้ ทนความร้อนได้ถึง 200 องศาเซลเซียส มีหลายสี และหลายลวดลายน่ารัก น่าใช้
จุดเด่น
- ขวดนมใช้วัสดุ PPSU ปลอดภัย ไร้กังวล เชื่อถือได้ ใช้งานได้ดีและปลอดภัยแน่นอน
- ขวดนมเด็ก และจุกนมซิลิโคน MOYUUM มีคุณภาพระดับโลก ได้มาตรฐานการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของสหรัฐอเมริกา
- ขวดนมใช้กับเครื่องอบฆ่าเชื้อได้ ใช้กับเครื่องล้างอัตโนมัติได้ ฆ่าเชื้อโรคในน้ำร้อน-ไอน้ำได้ ทนต่อความร้อนได้ถึง 200 องศาเซลเซียส
การเลือกซื้อขวดนม และความเข้าใจถึงความจำเป็นของขวดนมเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับคุณแม่มือใหม่ เพราะขวดนมคืออุปกรณ์ที่จะช่วยให้คุณแม่ใช้ป้อนอาหารที่ดีที่สุดให้กับเด็กทารกในตลอดช่วงแรกของชีวิตลูก ดังนั้นการเลือกขวดนมที่เหมาะสม ปลอดภัย ได้มาตรฐาน และเอื้อต่อการพัฒนาการการดูดกลืนน้ำนมของลูกน้อยนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่คุณแม่มือใหม่ที่ควรให้ความใส่ใจนั่นเองค่ะ สำหรับคุณแม่ที่มีปัญหาเรื่องน้ำนม ลองอ่านเรื่องวิธีกระตุ้นน้ำนมเพิ่มเติมได้อีกนะคะ และหากใครสนใจผลิตภัณฑ์ขวดนม ลังเลในการเลือกขวดนม ยี่ห้อไหนดี ? หรือสนใจสินค้าแม่ และเด็กอื่นๆ ก็สามารถมาเยี่ยมชมสินค้าหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ BabyGift ร้านจำหน่ายสินค้าแม่และเด็กระดับคุณภาพ มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี คุณพ่อคุณแม่สามารถมาเยี่ยมมสินค้าได้ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ร้านเบบี้กิ๊ฟ ทั้ง 4 สาขา ใกล้บ้าน หรือ สอบถามผ่านช่องทาง Online ทีมงาน BabyGift ยินดีให้คำแนะนำค่ะ
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
คุณแม่ท้อง..เคยมีผู้ใหญ่หรือคนรู้จักทักหรือเตือนเรื่องความเชื่อต่างๆ บ้างไหม? เราเชื่อค่ะว่าคุณแม่ท้องหลายๆ ท่านจะต้องเคยได้ยินได้ฟังความเชื่อต่างๆ ที่เคยบอกกันมาระหว่างท้องแน่นอน ซึ่งความเชื่อที่มีมาช้านานในบางสิ่งก็เป็นเรื่องกุศโลบายที่ดีและน่าเชื่อถือ เพื่อป้องกันไม่ให้คุณแม่ตั้งครรภ์เกิดอันตรายหรือส่งผลเสียต่อสุขภาพ แต่ความเชื่อบางอย่างก็ไม่เหมาะสมที่จะนำมาใช้ในปัจจุบันกันแล้ว ครั้งนี้เราจึงจะมาแนะนำว่าความเชื่อแบบไหนที่ไม่เหมาะกับยุคสมัยนี้ และไม่น่าจะนำมาปฏิบัติกันแล้ว เพื่อให้คุณแม่ดูแลตัวเองขณะตั้งครรภ์ได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องนำมาคิดให้เป็นกังวลกันต่อไปค่ะ เชื่อแบบนี้ …ไม่ดีแน่ มาดูความเชื่อที่ไม่เหมาะสมกับยุคสมัยและข้อมูลความเป็นจริงในปัจจุบันว่ามีอะไรบ้าง ห้ามแม่ท้องเตรียมของใช้ไว้ให้ลูกก่อน เพราะแต่เดิมการแพทย์ยังไม่ทันสมัยเท่าตอนนี้ การตั้งครรภ์และคลอดลูกน้อยสมัยก่อนจึงยังไม่ค่อยมีความปลอดภัยมากนัก หลายบ้านจึงมีความเชื่อว่าการเตรียมของใช้เด็กอ่อนไว้ล่วงหน้า อาจจะทำให้ลูกไม่ได้เกิดมาหรือมีเหตุบางอย่างทำให้คุณแม่เป็นอันตราย แต่ยุคสมัยและความเจริญทางการแพทย์เปลี่ยนไป แม่ตั้งครรภ์ยุคใหม่เกือบทุกคนมักคลอดได้อย่างเรียบร้อยดี และลูกน้อยก็ออกมาลืมตาดูโลกได้อย่างปลอดภัย เนื่องจากมีการฝากครรภ์ การตรวจและดูแลครรภ์ตลอด 9 เดือนจากแพทย์ จึงไม่มีความจำเป็นจะต้องงดการซื้อของใช้เพื่อการเลี้ยงลูกไว้ล่วงหน้าแต่อย่างใด ซึ่งหากคุณแม่ยังมีความเชื่อแบบนี้ โดยไม่ได้เตรียมของใช้ให้ลูกไว้ ในช่วงหลังคลอดทั้งคุณแม่คุณพ่อและครอบครัวอาจเกิดความยุ่งยาก เมื่อต้องการใช้อุปกรณ์ต่างๆ เพื่อความสะดวกในการเลี้ยงลูก ไม่ว่าจะเป็นผ้าอ้อม อุปกรณ์ทำความสะอาด ใช้อาบน้ำสระผมลูก เครื่องปั๊มนม คาร์ซีทที่ควรต้องใช้ติดรถไว้เพื่อพาลูกน้อยกลับบ้านทันทีหลังคลอด และอื่นๆ หากไม่มีก็จะต้องรีบไปซื้อหามาอย่างฉุกละหุก จนเกิดความวุ่นวายหลังคลอดได้นั่นเอง ดังนั้นหากคุณแม่ได้เตรียมของใช้ไว้พร้อมทุกอย่างก่อนตั้งครรภ์ หลังคลอดก็สามารถหยิบจับมาดูแลลูกได้ทั้นที เรียกว่าเตรียมมีไว้ใช้อย่างสะดวกดีที่สุดค่ะ คนท้องห้ามกินของดำ จากความเชื่อเดิมที่มีหลายคนบอกว่า แม่ท้องห้ามดื่มกินอาหารที่มีสีดำ เช่น เฉาก๊วย โอเลี้ยง ซีอิ๊ว กาละแม และอื่นๆ เพราะจะทำให้ลูกน้อยที่คลอดออกมาผิวดำนั้น ทุกวันนี้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ก็พิสูจน์ให้ทุกคนได้รู้กันแล้วว่า […]
ตัวช่วยสำคัญที่จะช่วยให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้เต็มที่ตามความตั้งใจ เพื่อให้ลูกน้อยทารกได้กินน้ำนมแม่ตั้งแต่แรกเกิดและต่อเนื่องยาวนานที่สุด คือ เครื่องปั๊มนม เพราะเครื่องปั๊มนมที่ดีจะมีข้อดีและมีประโยชน์ต่อคุณแม่และลูกน้อยมากมาย ได้แก่ แต่การที่คุณแม่จะใช้ เครื่องปั๊มนม ให้ได้คุ้มค่า จำเป็นต้องศึกษาข้อมูล ปรึกษาผู้มีประสบการณ์และเลือกซื้อให้เหมาะสมกับการใช้งานของคุณแม่เอง เพราะปัจจุบันมีเครื่องปั๊มนมให้คุณแม่เลือกซื้อมากมาย หลายแบบ และมีราคาที่แตกต่าง คุณแม่จึงต้องพิจารณาเลือกถึงความจำเป็นที่จะต้องใช้ และเรียนรู้ว่าเลือกแบบไหนจะเหมาะกับเราและลูกน้อย ฉะนั้นเราจึงขอแนะนำให้คุณแม่ได้รู้จักกับเครื่องปั๊มนมแบบต่างๆ ที่มีขายในปัจจุบัน การทำงานที่น่าสนใจลักษณะการใช้งาน และคุณสมบัติที่น่ารู้ รวมถึงวิธีการเลือกซื้อในแบบที่ใช่มากที่สุด 1. เครื่องปั๊มนม แบบปั๊มมือ 2. เครื่องปั๊มนมแบบใช้แบตเตอรี่ 3. เครื่องปั๊มนมแบบใช้ไฟฟ้า เลือก เครื่องปั๊มนม แบบไหน? ที่ใช่สำหรับคุณแม่ เพราะเครื่องปั๊มนมเป็นตัวช่วยคู่ใจ ให้คุณแม่ทำสต๊อกน้ำนมแม่ให้ลูกน้อยได้เต็มที่ ดังนั้นคุณแม่จำเป็นต้องคำนึงถึงคุณภาพของเครื่องปั๊มนมเป็นสำคัญ โดยควรเลือกเครื่องปั๊มนมที่เหมาะกับครอบครัว และมีประสิทธิภาพต่างๆ ดังนี้
เมื่อเพื่อนหรือคนรู้จักคลอดลูกน้อย การไปเยี่ยมเยียนพร้อมของเยี่ยมเด็กแรกเกิดที่มีประโยชน์ ถือเป็นการแสดงความยินดีและส่งกำลังใจที่ดีที่สุด แต่จะเลือกซื้ออะไรดีที่ไม่ซ้ำใครและได้ใช้งานจริง? BabyGift ได้รวบรวม 10 ของขวัญให้เด็กแรกเกิด ที่รับรองว่าคุณแม่ปลื้มปริ่ม ลูกน้อยได้ใช้แน่นอน พร้อมเคล็ดลับการเลือกซื้ออย่างผู้เชี่ยวชาญ วิธีเลือกซื้อของเยี่ยมคนคลอดลูก ควรเลือกอย่างไร การเลือกซื้อของเยี่ยมเด็กแรกเกิด หรือของขวัญให้เด็กแรกเกิด ควรพิจารณาจากความเหมาะสมและประโยชน์ใช้สอย เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ผู้รับ 10 ไอเดียของเยี่ยมเด็กแรกเกิดมีอะไรบ้าง การเลือกของเยี่ยมเด็กแรกเกิดที่ดีที่สุดคือการเลือกสิ่งที่ช่วยให้ชีวิตคุณแม่สะดวกสบายขึ้น และส่งเสริมพัฒนาการของลูก นี่คือ 10 ไอเดียที่คัดสรรมาแล้วว่าดีต่อใจและใช้งานได้จริงแน่นอน 1. ผ้าอ้อมเด็กแรกเกิด ผ้าอ้อมเป็น ของเยี่ยมเด็กแรกเกิดที่ทุกคนต้องใช้และใช้ในปริมาณมากไม่ว่าจะเลือกแบบผ้าหรือสำเร็จรูป เพราะทารกแรกเกิดต้องเปลี่ยนผ้าอ้อมบ่อยถึง 6-10 ครั้งต่อวัน ควรเลือกผ้าอ้อมสำเร็จรูปที่มีขนาดเหมาะสมกับน้ำหนักของเด็กแรกเกิด มีวัสดุที่นุ่ม ระบายอากาศได้ดีเยี่ยม และมีแถบวัดความเปียกชื้นจะช่วยคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ได้มาก 2. โมบายเสริมพัฒนาการ โมบายแขวนเตียงเป็นของขวัญให้เด็กแรกเกิดที่ช่วยกระตุ้นพัฒนาการด้านการมองเห็นและการได้ยินของทารก การมองตามการเคลื่อนไหวของโมบายช่วยฝึกการประสานงานของสายตาได้ดี ควรเลือกโมบายที่มีสีสันสดใสตัดกัน มีลวดลายน่ารักสมวัย และมีเสียงเพลงที่ไพเราะนุ่มนวล ไม่ดังจนเกินไป ควรตรวจสอบความแข็งแรงในการติดตั้งเพื่อความปลอดภัยของลูกน้อยด้วยนะคะ 3. ชุดของบำรุงหลังคลอด มอบของขวัญให้เด็กแรกเกิดที่หันมาดูแลคุณแม่บ้างก็เป็นไอเดียที่ดี ชุดบำรุงหลังคลอด เช่น ครีมลดรอยแตกลาย ผลิตภัณฑ์บำรุงน้ำนม หรือน้ำมันนวดตัว เป็นการแสดงความใส่ใจในสุขภาพและความงามของคุณแม่ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ปลอดภัยต่อคุณแม่ที่ให้นมบุตร […]
พอใกล้จะสิ้นปีคุณพ่อคุณแม่ก็เริ่มวางแพลนเที่ยวกันแล้วใช่มั้ยล่ะคะ ก่อนจะเริ่มจองที่พัก คุณแม่ก็คงจะฉุกคิดว่า เอ๊ะ คนท้องขึ้นเครื่องบินได้มั้ยนะ? แล้วขึ้นได้ถึงกี่เดือน? สองคำถามนี้เป็นคำถามยอดฮิตสำหรับแม่ท้องทั้งหลายทุกช่วงวันหยุดยาวเลยค่ะ วันนี้เราก็มีคำตอบมาให้คุณแม่หายสงสัยกันนะคะ ขอบอกข่าวดี คุณแม่สามารถเดินทางโดยเครื่องบินได้นะ แต่จะขึ้นได้จนถึงอายุครรภ์ประมาณ 35-36 สัปดาห์เท่านั้นโดยขึ้นอยู่กับข้อบังคับของสายการบิน ความจริงแล้วการเดินทางโดยเครื่องบินก็ไม่ได้มีผลอะไรต่อลูกน้อยในท้องของคุณแม่เลยค่ะ ถ้าคุณแม่มีสุขภาพที่แข็งแรงแล้วก็ได้คอนเฟิร์มกับคุณหมอแล้วว่าไม่ได้มีภาวะเสี่ยงอะไร แต่สายการบินมักจะกลัวคุณแม่เจ็บท้องคลอดลูกบนเครื่องบินต่างหากล่ะ เพราะหากคุณแม่คลอดลูกบนเครื่องบินแล้วก็จะทำให้สายการบินมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แถมอาจจะยังไม่ค่อยสะดวกอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าแม่ท้องทั้งหลายจะซื้อตั๋วแล้วก็เดินขึ้นเครื่องได้เลยนะ มีเอกสารนิดหน่อยที่คุณแม่จะต้องเตรียมแล้วก็แจ้งเจ้าหน้าที่ตามด้านล่างนี้เลยค่ะ สิ่งที่คุณแม่ต้องทำก่อนขึ้นเครื่อง 1. อย่าลืมพกใบรับรองแพทย์ คุณแม่ที่มีอายุครรภ์มากกว่า 27 สัปดาห์ ก่อนเดินทางคุณแม่อย่าลืมขอใบรับรองแพทย์ติดตัวไปด้วยนะคะ ใบรับรองแพทย์นี้จะเป็นสิ่งช่วยยืนยันว่าคุณแม่มีสุขภาพที่แข็งแรง คุณหมออนุญาตให้เดินทางได้ และคุณแม่มีอายุครรภ์ที่ไม่เกินจากที่ทางสายการบินกำหนด ดูดีๆ นะ ใบรับรองแพทย์อย่าให้เกิน 30 วันล่ะ ไม่งั้นอดขึ้นไม่รู้ด้วย 2. บอกเจ้าหน้าที่ว่าคุณแม่กำลังตั้งท้อง เมื่อเช็คอินที่เคาน์เตอร์ให้คุณแม่รีบแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่เลยค่ะว่าคุณแม่กำลังท้องอยู่ ทางเจ้าหน้าที่จะให้คุณแม่เซ็นเอกสารจำกัดขอบเขตความรับผิด พูดง่ายๆ ก็คือเป็นเอกสารที่บอกว่าคุณแม่จะไม่เอาผิดกับสายการบินหากมีอะไรเกิดขึ้นกับคุณแม่และลูกในท้องนั่นแหละ เอกสารนี้จะต้องนำไปยื่นให้กับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินด้วยตัวคุณแม่เอง นอกจากนี้ หากคุณแม่ไปเช็คอินแต่เนิ่นๆ คุณแม่ก็อาจจะรีเควสขอที่นั่งดีๆ มีพื้นที่กว้างๆ ด้านหน้าให้คุณแม่ยืดขาคลายเมื่อยด้วยนะ 3. ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล ก่อนจะเดินทางคุณแม่อย่าลืมค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานพยาบาลในที่ที่คุณแม่จะไปนะคะ เผื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นคุณแม่จะได้ถึงมือคุณหมอได้ทันเวลา นอกจากสถานพยาบาลแล้วคุณแม่ก็ควร จะหาข้อมูลเกี่ยวกับประกันการเดินทางที่ครอบคลุมการตั้งครรภ์ไว้ด้วยจะได้อุ่นใจขึ้นไปอีกระดับนึงค่ะ […]
แพมเพิส หรือผ้าอ้อมสำเร็จรูป เรียกว่าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับเด็กเล็กที่จะใช้กันตั้งแต่แรกเกิด เพราะว่าช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สะดวกสบายมากขึ้น ประหยัดเวลาในการซักทำความสะอาด แถมเวลาออกจากบ้านก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการเปื้อนเลอะ ซึ่งคุณแม่หลายๆ คนอาจจะมีคำถามในใจว่าจะให้ลูกเลิกแพมเพิสกี่ขวบดี ดังนั้นในบทความนี้ BabyGift จะมาไขข้อข้องใจให้กับคุณแม่กันค่ะ ให้ลูกเลิกแพมเพิสกี่ขวบดี ? ชวนคุณแม่ทำความเข้าใจก่อนให้ลูกเลิกใช้แพมเพิส หนึ่งในคำถามยอดนิยมของเหล่าคุณแม่ก็หนีไม่พ้นเรื่องที่ว่าจะให้ลูกเลิกใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปเมื่อไหร่ดี เนื่องจากเรื่องของค่าใช้จ่าย ความกังวลที่ว่าลูกจะติดแพมเพิส ความสะดวกสบายในการสวมใส่ของเด็ก ฯลฯ อีกมากมาย สำหรับเรื่องของช่วงเวลาของการเลิกแพมเพิสนั้นจะเป็นยังไงบ้าง เรามาดูรายละเอียดกันเลยค่ะ เลิกแพมเพิสกี่ขวบดี ? ถ้าจะถามว่าควรเลิกใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปเมื่อไหร่ดี จริงๆ ไม่ได้มีกำหนดตายตัวค่ะ อยากให้ดูจากความพร้อมของลูก และคุณพ่อ คุณแม่ มากกว่า เด็กบางคน 8 เดือนก็เลิกได้แล้ว บางคนก็มาเลิกได้ตอนช่วงก่อนเข้าโรงเรียนในช่วง 3 – 4 ขวบ ดังนั้น BabyGift จึงพูดได้ว่าไม่ได้มีกำหนดเวลาตายตัวจริงๆ และคุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ควรไปกดดันน้องๆ ให้ลูกของเรามีความพร้อมจะดีที่สุดค่ะ ซึ่งสิ่งสำคัญคือต้องอดทนและให้กำลังใจเด็ก เพราะว่าการฝึกขับถ่ายเป็นก้าวสำคัญของพัฒนาการ และแต่ละคนมีจังหวะที่แตกต่างกัน ไม่ควรกดดันหรือเปรียบเทียบกับเด็กคนอื่น และหากว่าคุณแม่มีข้อกังวลอื่นๆ อาจปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำค่ะ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่า ลูกของเราพร้อมที่จะเลิกแพมเพิส ? สิ่งสำคัญของเรื่องนี้คือ ให้ลูกสบายใจ […]
พอใกล้คลอด คุณแม่หลายคนก็มองหาวิธีหรือเคล็ดลับที่จะทำให้คลอดลูกง่าย หรือคุณแม่บางคนก็อาจจะเริ่มหาข้อมูลตั้งแต่เริ่มท้องเลยก็ว่าได้ คุณแม่สมัยนี้ส่วนใหญ่มักจะเลือกผ่าคลอดกันอยู่เยอะ เพราะสามารถเลือกฤกษ์งามยามดี แถมไม่ต้องทนเจ็บท้อง หรือรอลุ้นว่าจะปวดท้องคลอดตอนไหน ส่วนคุณแม่ที่อยากคลอดธรรมชาติ ก็อาจจะเคยได้ยินมาว่าการเดินบ่อยๆ จะช่วยทำให้คลอดลูกได้ง่าย ความเชื่อนี้จริงหรือไม่ แล้วถ้าจริง มันเป็นไปได้ยังไง สำหรับในบทความนี้ เรานำความรู้ดีๆ มาฝากกันค่า ประโยชน์ของการเดิน 1.การเดินเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่ง แน่นอนว่าคุณหมอต่างก็แนะนำให้คุณแม่ท้องทุกคนออกกำลังกายเบาๆ ไม่หักโหม หรือไม่ออกแรงมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นเล่นโยคะ ว่ายน้ำ หรือแม้แต่การเดิน เพราะการออกกำลังกายจะทำให้คุณแม่และลูกน้อยมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และรับออกซิเจนได้เต็มปอด 2. การเดินช่วยกระตุ้นฮอร์โมน การเดินจะช่วยหลั่งฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่มีชื่อเรียกว่าออกซิโตซิน ซึ่งสร้างมาจากต่อมใต้สมอง เจ้าฮอร์โมนตัวนี้เป็นฮอร์โมนที่จะหลั่งออกมากระตุ้นให้มดลูกหดบีบตัว และทำให้ลูกน้อยออกมาลืมตาดูโลกได้อย่างไม่นานเกินรอค่ะ 3.เรียนรู้จังหวะการหายใจ ในตอนที่คุณแม่เดิน ก็เหมือนกับคุณแม่ได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง เรียนรู้ลมหายใจ เรียนรู้การหายใจเข้า หายใจออก อย่าลืมว่าการหายใจเข้าออกแต่ละครั้งก็ควรทิ้งช่วงห่าง อย่าหายใจถี่เกินไป เพราะจะทำให้คุณแม่เหนื่อยมากขึ้นกว่าเดิม คุณแม่ที่คุ้นชินกับการหายใจจะช่วยให้สามารถบังคับแรงเบ่งได้ในตอนคลอดได้ด้วยนะ ข้อเสียของการเดินที่เยอะเกินไป […]






