คนจะเป็นแม่ต้องรู้ 9 ข้อห้ามสำหรับคนท้องอ่อน

ขอแสดงความยินดีกับว่าที่คุณแม่คนใหม่ด้วยนะคะ! กำลังกังวลกันอยู่ใช่มั้ยล่ะ ว่าตอนท้องอ่อนๆ จะสามารถทำอะไรได้บ้างทำอะไรไม่ได้บ้าง วันนี้เราเลยนำเรื่องที่คุณแม่มือใหม่ควรหลีกเลี่ยงมาบอกกันค่ะ ไม่แปลกใจที่คุณแม่บางท่านจะกังวลมากๆ ในช่วงท้องอ่อน เพราะในช่วงสามเดือนแรกนั้น อวัยวะต่างๆ ของลูกน้อยในท้องของคุณแม่ยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ค่ะ ดังนั้นในระยะนี้จึงมีความเสี่ยงต่อการแท้งมากกว่าในไตรมาสอื่นๆ ช่วงนี้คุณแม่ที่ท้องอ่อนๆ ต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการรับประทานอาหาร สิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัว หรือการใช้ยาต่างๆ ดังนั้น เรื่องความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญ กังวลได้แต่อย่าเครียดนะ เพราะความเครียดก็เป็นสิ่งที่คุณแม่ต้องพึงระวังไว้ด้วย
- ลาก่อนอาหารดิบ

กำลังคิดจะไปทานแซลมอน ลาบก้อย หอยนางรมฉลองสมาชิกใหม่กันอยู่รึเปล่า ช่วงนี้คุณแม่อาจจะต้องงดไว้ก่อนนะ เพราะอาหารที่ปรุงไม่สุกส่วนใหญ่อาจปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียที่จะทำให้คุณแม่ท้องเสียหรืออาเจียนได้ แถมยังอาจทำให้เป็นโรคทอกโซพลาสโมซิส (Toxoplasmosis) ซึ่งเจ้าโรคนี้เนี่ยมันเกิดจากเชื้อปรสิตทอกโซพลาสมา กอนดิไอ(Toxoplasma gondii) ที่สามารถแพร่ไปสู่ลูกน้อยในท้องของคุณแม่ได้ค่ะ เห็นชื่อน่ากลัวแบบนี้ มันก็น่ากลัวจริงๆ นะ เพราะหากติดโรคนี้ตอนท้องก็อาจจะทำให้แท้งไปเลย หรือไม่ก็ลูกอาจจะเสียชีวิตในท้อง ไม่ก็อาจมีอาการของโรคเมื่อคลอดออกมา สังเกตง่ายๆ เลยค่ะ ถ้าคุณแม่ที่ติดเชื้อนี้ตอนท้อง ลูกคลอดออกมาจะมีขนาดศีรษะที่ไม่ปกติ อาจจะเล็กหรือไม่ก็ใหญ่กว่าเด็กคนอื่นๆ แถมพอโตไปก็อาจจะตาบอดหรือสติปัญญาอาจจะด้อยกว่าเด็กอื่นๆ ด้วยนะ แต่แต่แต่ ถ้าคุณแม่เคยเป็นโรคนี้ก่อนท้องแล้วก็ชิวชิวค่า เพราะร่างกายคุณแม่มีภูมิคุ้มกันแล้ว ไม่กลับมาเป็นอีกแล้วล่ะ
- ยานี่แหละตัวดี

คุณแม่ที่กำลังใช้ยาอยู่ หยุดก่อนค่ะ! ได้ถามคุณหมอรึยังว่ายาตัวนั้นคนท้องทานได้มั้ย คุณแม่อย่าชะล่าใจไปน้าเพราะยามีหลายประเภทแล้วก็ออกฤทธิ์แตกต่างกัน เพราะงั้นยาบางตัวอาจมีผลต่อการสร้างอวัยวะของลูกน้อยได้ เช่นพวกยารักษาสิว Isotretinoin นี่ตัวดีเลยค่ะ เพราะมันเป็นยาที่รุนแรงมาก มากจนอาจทำให้ลูกพิการได้เลยนะ หรือพวกยาที่ใช้รักษาไมเกรน เช่น Cafergot เพราะมันทำให้มดลูกของพวกเราบีบตัวจึงอาจทำให้คลอดก่อนกำหนดได้ พอคุณแม่ทานยาเข้าไปปุ๊ป ลูกก็จะได้ยาพวกนี้ผ่านทางรกด้วยค่ะ แต่ผลกระทบต่อลูกก็จะขึ้นอยู่กับปริมาณยาที่คุณแม่ทานเข้าไปนะ เพราะฉะนั้นหากจะทานยา ให้คุณแม่ปรึกษาคุณหมอที่ฝากครรภ์ด้วยด่วนเลยค่ะ
- บุหรี่นี่พักไว้ก่อน

อย่าเพิ่งอ้างว่าบุหรี่ทำให้คุณแม่หายเครียด ถ้าสูบมากๆ อาจจะทำให้เครียดกว่าเดิมนะ ความจริงไม่ใช่แค่บรรดาคุณแม่ท้องอ่อนเท่านั้นที่ควรลดละเลิก แต่คุณแม่ท้องแก่ใกล้คลอดก็ควรจะอยู่ให้ไกลจากบุหรี่เลยค่ะ เพราะบุหรี่มีสารนิโคติน (Nicotine) ซึ่งเจ้าสารตัวนี้อาจทำให้ลูกเป็นเด็กสมาธิสั้น หรืออาจทำให้คุณแม่แท้ง ไม่ก็คลอดก่อนกำหนดได้นะ แถมลูกที่คลอดออกมาอาจตัวเล็กกว่าเกณฑ์แล้วก็หัวใจเต้นเร็วอีกต่างหาก ร้ายสุดอาจพิการเลยเชียวล่ะ และถึงแม้ว่าคุณแม่จะไม่ได้เป็นผู้สูบบุหรี่เองโดยตรงก็เถอะ ควันบุหรี่ที่ผู้อื่นสูบก็อาจมีผลต่อลูกน้อยในท้องด้วยนะคะ
- เลิกกันกับแอลกอฮอล์

เบียร์ที่คุณแม่ดื่มเข้าไป ลูกก็ได้ดื่มผ่านทางรกด้วยนะ! เวลาคุณแม่ดื่ม ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดของลูกก็จะสูงพอๆ กับของคุณแม่เลย ไม่เคยทราบกันใช่มั้ยคะ? ข่าวร้ายคือลูกจะต้องใช้เวลามากกว่าถึงสองเท่าเพื่อที่จะขับพวกแอลกอฮอล์เหล่านี้ออกไปจากร่างกาย เพราะแบบนี้การดื่มแอลกอฮอล์จึงมีผลร้ายต่อลูกสุดๆ โดยเฉพาะในแง่ของพัฒนาการ คุณแม่ขาเที่ยวที่ดื่มจัดตอนท้องอาจมีลูกที่มีใบหน้าผิดแปลกไปจากเด็กคนอื่นๆ หรือระบบหัวใจมีความบกพร่องได้ค่ะ
- อบซาวน่าสบายใจแต่ร้อนไปก็ไม่ไหว

ถึงแม้ว่าการอบเซาว์น่าจะทำให้คุณแม่รู้สึกสบายก็เถอะ แต่การเข้าเซาว์น่าในช่วงท้องอ่อนก็อาจมีผลเสียร้ายแรงถึงขั้นทำให้เกิดการแท้งได้เลยนะ เพราะถ้าร่างกายของคุณแม่ร้อนเกิน 38.9 องศาเซลเซียสเป็นเวลานานๆ ก็จะส่งผลเสียต่อลูกในท้อง แถมอาจทำให้เกิดภาวะพิการแต่กำเนิดของลูกได้อีก นอกจากนี้ การอบเซาว์น่าเป็นเวลานานๆ ก็อาจทำให้คุณแม่เสียน้ำมากจนเป็นลมหมดสติไปได้ค่ะ ถ้าอยากผ่อนคลายจริงๆ ลองเอาเท้าแช่น้ำอุ่นๆ ดูมั้ย แค่นี้ก็ฟินอยู่นะ
- เครียดเช้าเย็นระวังเครียดสะสม

ไม่แปลกหรอกถ้าคุณแม่จะเครียด เอาจริงคงไม่มีใครที่ไม่เครียดหรอกใช่มั้ยล่ะคะ ยิ่งคุณแม่บางคนที่แพ้ท้องมากก็อาจจะทำให้เกิดอาการเครียดไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ความเครียดเหล่านี้จะส่งผลให้คุณแม่นอนไม่หลับ ปวดหลัง ปวดหัว อีกทั้งยังทำให้ภูมิต้านทานต่ำ ความเครียดที่สั่งสมไว้เยอะๆ อาจส่งผลให้เกิดภาวะเสี่ยงแท้ง หรือลูกน้อยในท้องเติบโตช้า เวลาเครียดคุณแม่จะหลั่งฮอร์โมนออกมาตัวนึงค่ะ ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้เนี่ยมันจะไปขัดขวางการเจริญเติบโตของสมองของลูกในส่วนของเส้นใยประสาท คุณแม่อาจจะเคยได้ยินผู้ใหญ่พูดกันว่า ท้องอย่าเครียด เดี๋ยวลูกขี้แง อันนี้ก็มีส่วนนะ เพราะลูกของคุณแม่ที่ชอบเครียดตอนท้องมักจะถูกกระตุ้นด้วยสิ่งเร้าได้ง่าย เช่น ตกใจง่าย โมโหง่าย ในขณะเดียวกันกลับปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมรอบตัวได้ค่อนข้างยากค่ะ
- แม่อดข้าว หนูอดด้วย

เคยหุ่นเป๊ะอยู่ดีๆ เริ่มเผละซะอย่างนั้น คุณแม่อย่าเพิ่งร้องไห้เสียใจกลัวหุ่นเสีย อาหารก็ห้ามอดเลยนะ เพราะถ้าคุณแม่อด ลูกจะทานอะไรล่ะ ลูกน้อยในท้องของคุณแม่จะได้รับสารอาหารก็ต่อเมื่อคุณแม่ได้รับประทานอาหารเข้าไปนะคะ สารอาหารเหล่านี้จะช่วยไปสร้างเซลล์ประสาทและเซลล์ที่สำคัญอื่นๆ ซึ่งพอคุณแม่อดอาหารบ่อยครั้งเข้า ลูกน้อยก็จะขาดสารอาหาร ทำให้เกิดผลเสียต่อสมองของลูกโดยตรง อีกทั้งยังทำให้ลูกมีพัฒนาการที่ช้ากว่าเด็กปกติทั่วไป นอกจากนี้ การอดอาหารก็จะทำให้คุณแม่เป็นโรคกระเพาะหรือเกิดภาวะกรดไหลย้อนได้ด้วยอีก
- ถึงจะท้องแต่ไม่ปล่อยสามีเหงา

มันก็ไม่ได้มีข้อห้ามไม่ให้กุ๊กกิ๊กกับคุณพ่อนะคะช่วงนี้ แต่คุณแม่บางท่านอาจจะถูกสั่งห้ามจากคุณหมอเพราะเคยแท้งน้องมาก่อน ส่วนคุณแม่ที่มีภาวะรกเกาะต่ำนี่ควรพักไว้ก่อน เพราะเวลากุ๊กกิ๊กกับคุณพ่ออาจจะไปกระตุ้นให้เลือดออกในปริมาณมากทำให้เกิดอันตรายได้ค่ะ แต่เอาจริง คุณแม่บางคนที่แพ้ท้องหนักๆ ก็อาจจะไม่ได้มีความต้องการด้านนี้เท่าไหร่นะ
- แม่รักสะอาด ขอคลีนช่องคลอดทุกเช้าเย็น

รักษาความสะอาดไม่ใช่เรื่องผิด แต่เช้าเย็นนี่ก็มากไป๊ เอาจริงช่วงท้องนี้คุณแม่ทำความสะอาดน้องหนูแค่เฉพาะภายนอกก็พอแล้วค่ะ เพราะการสวนล้างช่องคลอดจะไปทำลายแบคทีเรียที่มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ที่คอยปกป้องช่องคลอดจากเชื้อโรคต่างๆ แถมยังจะทำให้เกิดแผลซึ่งเสี่ยงต่อการรับและติดเชื้อมากขึ้นไปอีกนะ
นู่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้ อดทนไว้เพื่อลูกนะ! นอกจากข้อห้ามยาวยืดที่บอกไปแล้ว คุณแม่อย่าลืมไปฝากครรภ์ตามนัดกับทานยาบำรุงให้ครบด้วยนะคะ ถ้าคุณแม่รู้สึกมีอะไรแปลกๆ ก็อย่าปล่อยผ่าน รีบปรึกษาคุณหมอเลยค่ะ เผื่อมีอะไรร้ายแรงคุณหมอจะได้รักษาทันเนอะ
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
เพราะนมแม่ คือสุดยอดอาหารมื้อแรกและเป็นอาหารที่ดีที่สุดของลูกน้อย คุณแม่ทุกท่านจึงตั้งใจมอบคุณค่าน้ำนมแม่นี้ให้แก่ลูกรักได้นานที่สุดและมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยส่วนใหญ่มักจะเตรียมพร้อมตั้งแต่ตั้งครรภ์ และหลังคลอดก็ให้นมแม่จากเต้าทันทีและเต็มที่ และเชื่อว่าคุณแม่ทุกคนยอ่มวางแผนที่จะ ทำสต๊อกน้ำนมแม่ เพื่อให้ลูกได้กินนมแม่ในช่วงที่ต้องไปทำงาน และมีน้ำนมเก็บไว้ให้ลูกได้กินต่อเนื่องยาวนาน แต่การ ทำสต๊อกน้ำนมแม่ นอกจากคุณแม่ต้องมีวินัยในการปั๊มนมสม่ำเสมอทุกๆ 2-3 ชั่วโมงอย่างต่อเนื่องแล้ว คุณแม่จำเป็นเรียนรู้ข้อมูลและอุปกรณ์ต่างๆ ในการเก็บน้ำนมแม่ เพื่อให้น้ำนมแม่ที่นำมาให้ลูกกินในภายหน้ายังมีคุณค่าครบถ้วนเต็มที่ ให้ลูกรักมีพัฒนาการดีทุกด้าน เก่ง ฉลาด และสุขภาพแข็งแรงอยู่เสมอ ฉะนั้นมาดูกันว่า วิธีการทำสต๊อกน้ำนมแม่ต้องทำอย่างไร อุปกรณ์ ทำสต๊อกน้ำนมแม่ เครื่องปั๊มนม เป็นผู้ช่วยสำคัญที่ทำให้คุณแม่ได้ปั๊มนมเก็บไว้ และกระตุ้นให้น้ำนมมาได้มากอย่างต่อเนื่อง และสามารถปั๊มนมแม่ได้ ตั้งแต่ที่บ้านไปจนถึงเมื่อต้องกลับไปทำงาน ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องปั๊มนมให้เลือกมากมาย หาซื้อได้ง่ายทั้งทางออนไลน์และห้างสรรพสินค้าต่างๆ โดยคุณแม่ควรพิถีพิถันหาข้อมูล และเลือกซื้อเครื่องปั๊มนมที่ถูกใจ เหมาะสมกับชีวิตประจำวัน รวมถึงการใช้งานเมื่อต้องไปทำงานนอกบ้านหรือออกข้างนอก เช่น คุณแม่ที่ต้องทำงานนอกบ้าน กับคุณแม่ที่อยู่บ้านเลี้ยงลูก อาจจะต้องเลือกเครื่องปั๊มนมที่ให้ความสะดวก และมีระบบการทำงานที่แตกต่างกันนั่นเอง เครื่องปั๊มนมยุคใหม่ ก็มีให้คุณแม่ได้เลือกมากมายหลายแบบ หลายการใช้งานและหลายราคา อาทิ เครื่องปั๊มนมชนิดปั๊มมือ เครื่องปั๊มนมชนิดใช้แบตเตอรี่ และ เครื่องปั๊มนมชนิดใช้ไฟฟ้า แถมยังมีทั้งแบบที่ปั๊มนมเดี่ยวข้างเดียว แบบปั๊มนมได้คู่พร้อมกันสองข้าง รวมถึงสามารถชาร์จไฟจากพาวเวอร์ได้อีกด้วย สิ่งสำคัญคือการเลือกเครื่องปั๊มนมที่ได้มาตรฐาน มีแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับหรือได้รับความนิยมจากคุณแม่ทั่วไป ราคาเหมาะสม […]
สำหรับ Working Women หลายๆ คน การทำงานก็คือการสร้างคุณค่าให้กับตัวเอง และเป็นความสุขในการใช้ชีวิต แต่เมื่อบริบทเปลี่ยนไป มีครอบครัว มีลูกขึ้นมาแล้ว ก็ต้องยอมรับว่าการปรับรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ แล้วถ้าเราขับรถเป็นประจำ พอท้องแล้วยังจะขับรถได้อยู่มั้ย ในบทความนี้ BabyGift จะมานำเสนอเรื่องเกี่ยวกับคนท้องขับรถได้มั้ย และคำแนะนำต่างๆ เพื่อให้คุณแม่อุ่นใจกันมากขึ้นค่ะ คนท้องขับรถได้ไหม ? ชวนคุณแม่ดูคำแนะนำ ข้อควรระวังเพื่อความปลอดภัยก่อนขับรถ ตลอดระยะเวลา 9 เดือนของการตั้งครรภ์ คุณแม่มักจะเผชิญกับคำถามมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ ซึ่งหนึ่งในคำถามที่พบบ่อยคือ “คนท้องขับรถได้ไหม?” คำถามนี้มักสร้างความกังวลให้กับคุณแม่หลายคน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องเดินทางเป็นประจำ การตัดสินใจว่าจะขับรถหรือไม่ในระหว่างตั้งครรภ์นั้นเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของทั้งแม่และลูกน้อยในครรภ์ ดังนั้น การทำความเข้าใจถึงข้อควรระวังและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการตัดสินใจที่เหมาะสมในแต่ละสถานการณ์ เราลองมาดูรายละเอียดกันค่ะ คนท้องขับรถได้ไหม ? โดยทั่วไปหากมีความจำเป็นคนท้องสามารถขับรถได้นะคะ แต่หากเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงดีกว่า โดยไม่ควรขับรถในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ เนื่องจากอาจมีอาการแพ้ท้องกะหันทัน จนไม่สามารถโฟกัสที่การขับขี่ได้ดีเท่าที่ควร (อ่านเคล็ดลับลดอาการแพ้ท้องของคุณแม่เพิ่มเติมได้อีกนะคะ) และในช่วงอายุครรภ์ 7-9 เดือน ควรงดขับรถโดยเด็ดขาด เนื่องจากครรภ์ใหญ่ขึ้น หากเบรกกระทันหันอาจทำให้ท้องกระแทกพวงมาลัยได้ อีกทั้งเป็นช่วงเวลาของการเตรียมตัวคลอด ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยหากจำเป็นต้องขับรถ BabyGift มีคำแนะนำเพื่อความปลอดภัยมาฝากดังนี้ค่ะ คำแนะนำเพิ่มเติมเมื่อคนท้องต้องขับรถ คนท้องขับรถมอไซค์อันตรายไหม […]
เคล็ดลับการฝึกลูกนั่งคาร์ซีท car seat จากประสบการณ์จริงคุณแม่ลูกสอง โดย แม่ป่าน เพจ เลี้ยงลูกอย่างมีความสุข by mommy Arpan 1. ฝึกเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ : ถ้าเป็นไปได้จัดเตรียมคาร์ซีท car seat ไว้ก่อนคลอด และให้ลูกนั่งตั้งแต่วันแรกที่ออกจากโรงพยาบาล จะช่วยสร้างความคุ้นเคยให้กับทั้งตัวลูกและพ่อแม่ 2. ต่อเนื่อง และสม่ำเสมอจนกลายเป็น routine (กิจวัตร) : ไม่ว่าจะไปไหน ใกล้หรือไกลต้องให้เด็กนั่ง car seat ทุกครั้ง เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ ปฏิบัติจนคุ้นชิน และทุกอย่างจะง่ายขึ้นเองค่ะ 3. ปรับทัศนคติให้ตรงกัน (ปัญหาหลักที่หลายบ้านพบเจอ) : โดยเฉพาะผู้ใหญ่ในบ้านที่อาจจะยังไม่เข้าใจ หรือยังมองไม่เห็นความสำคัญ ลองนั่งพูดคุยบอกเล่าเหตุการณ์ๆต่างๆในข่าว ที่เวลาเกิดอุบัติเหตุและเด็กที่นั่ง car seat รอดชีวิต เปรียบเทียบกับเด็กที่ไม่ได้นั่งและเกิดความสูญเสียร้ายแรงตามมา และลองคุยปรับความเข้าใจกับท่านดู เชื่อว่าถ้าท่านรักและห่วงหลานๆเป็นทุน ยังไงวันหนึ่งท่านจะเข้าใจค่ะ อีกวิธีหนึ่งที่แนะนำคือลองหาวิดิโอใน Youtube สาธิตแรงกระแทกที่เกิดขณะรถชน (จะมีสาธิตเปรียบเทียบระหว่างมีคนอุ้มเด็ก กับเด็กนั่งคาร์ซีท ….หวังว่าภาพที่เห็นจะสามารถเปลี่ยนใจของบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านได้นะคะ […]
Baby Shower เป็นการจัดงานเลี้ยงฉลองเพื่อรับขวัญทารกที่ใกล้คลอด แขกที่มาร่วมงานส่วนใหญ่จะเป็นญาติและเพื่อนสนิท ซึ่งจะนำของขวัญมามอบให้คุณแม่ เพื่อต้อนรับเจ้าตัวน้อยของครอบครัวนั่นเอง เป็นการแบ่งปันความรักให้กับครอบครัวและเพื่อนๆ เป็นที่นิยมในต่างประเทศ และปัจจุบันคนไทยเริ่มนิยมธรรมเนียมนี้เพิ่มมากขึ้น เริ่มจากการตั้งงบประมาณ ดูจากจำนวนแขกที่เชิญ หาสถานที่ ที่เราและแขกเดินทางสะดวก หรือถ้าบ้านมีบริเวณรับแขกจำนวนเยอะได้ ก็จัดที่บ้านได้เลยค่ะ เลือกธีมงาน ส่งคำเชิญแบบออนไลน์สะดวกที่สุดค่ะ เตรียมของตกแต่งในงาน เตรียมอาหารและเครื่องดื่ม ตามธรรมเนียมว่าที่คุณแม่ จะมี Registered list ว่าของที่อยากได้มีอะไรบ้าง ก็จะทำให้คุณแม่ได้ของใช้เบบี๋ได้ตรงกับใจที่ต้องการ และลิสต์ของรับขวัญจะมีตามนี้นะคะ 1. เสื้อผ้าเด็กอ่อน รวมไปถึงถุงมือ ถุงเท้า หมวก ผ้าห่อตัว ผ้าห่ม จัดแบบยกเซตไปเลยรับรองว่าคุณแม่เป็นปลื้มแน่ๆ 2. เก้าอี้ทานข้าว บางคนอาจคิดว่า กว่าจะได้ใช้ต้องรอเด็กโตก่อน ประมาณ 6 เดือนขึ้นไป แต่เอาจริงๆแล้ว แป๊บๆเองนะคะ ได้ใช้ยาวๆจนเด็กโต 3 – 4 ปีได้เลย นะคะ 3. เปลไกว ยิ่งเป็นแบบอัตโนมัติยิ่งดี จะได้ช่วยให้แม่ๆได้พักผ่อนไปพร้อมกับลูกๆ 4. เป้อุ้มเด็ก ไอเทมนี้ไม่ควรพลาด ตัวช่วยคุณแม่ที่คุณพ่อสามารถแบ่งเบาได้ด้วย พ่อใช้ก็ชิลๆ แม่ใช้ก็ชิคๆ […]
คุณแม่อาจป้อนอาหารบดละเอียดให้ลูกเสริมกับการกินนมแม่เป็นหลัก หรือถ้าคุณพ่อคุณแม่คนไหนอยากฝึก BLW ให้ลูกกินข้าวด้วยตัวเองเป็นก็อาจให้ลูกหยิบจับอาหารนิ่ม ๆ กินเองโดยที่ไม่ต้องป้อนซึ่งอาจเป็นอาหารที่ไม่ผ่านการปรุงมาก อย่างเช่น ผักต้มนิ่มๆ ผลไม้นิ่มๆ เนื้อปลาต้มนิ่มๆ และเมื่อลูกย่างเข้าสู่เดือนที่ 8 เป็นต้นไป ลูกก็จะเริ่มกินอาหารได้หลากหลายมากขึ้น คุณพ่อคุณแม่ก็อาจมองหาเมนูอาหารใหม่ๆ ให้กับลูกน้อย ซึ่งในบทความนี้ BabyGift มีเมนูอาหารเด็ก 8 เดือน 5 เมนูอร่อยมาแนะนำกัน จะมีอะไรบ้างนั้น ลองไปดูกันค่ะ ชวนเข้าครัวเตรียมเมนูอาหารเด็ก 8 เดือนให้ลูกน้อย เด็ก 8 เดือนกินอะไรได้บ้าง ? พอลูกของเราอายุ 6 เดือนขึ้นไป ก็จะสามารถกินอาหารเสริมนอกเหนือจากนมแม่เพิ่มเติมได้ และถ้าเป็นไปได้ คุณแม่ก็ควรให้นมแม่ควบคู่กับการเพิ่มมื้ออาหารให้ลูก ซึ่งอาหารสำหรับเด็กอ่อนนั้น สามารถใช้วัตถุดิบได้หลากหลาย และเมื่อลูกอายุ 8 เดือนก็จะเริ่มมีฟันน้ำนม สามารถกินอาหารได้อย่างหลากหลายมากขึ้น เนื้อสัมผัสอาหารมีความหยาบได้มากขึ้น รวมถึงกินผลิตภัณฑ์จากนมอย่าง เนย ชีส และโยเกิร์ตได้ สำหรับเมนูอาหารเด็ก 8 เดือนที่เราจะแนะนำกันนั้น สามารถใช้วัตถุดิบอะไรได้บ้าง มาดูกันค่ะ แนะนำ […]
เด็กบางคนจะมีเหงื่อออกมาก ทั้งบนศีรษะ หน้า หน้าอก แผ่นหลัง จนหมอน และชุดนอนเปียกชื้น โดยเฉพาะเด็กที่ปกติมีเหงื่อมาก เมื่อนอนไปได้สักระยะหนึ่งอุณหภูมิของร่างกายจะสูงขึ้น ทำให้มีเหงื่อออกจนคุณพ่อคุณแม่ตกใจเกรงลูกจะเป็นโรคร้าย เพราะมีคนกล่าวว่า เหงื่อออกมากเวลากลางคืนอาจจะเป็นอาการระยะเริ่มต้นของโรคต่างๆ ดังนี้ >>>ขอบคุณข้อมูลจาก : เว็ปไซด์ maerakluke.com

ร้านสินค้าแม่และเด็กที่คัดสรรนวัตกรรมของใช้แม่และเด็กที่มี
คุณภาพให้คำปรึกษาและบริการ อย่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อช่วยให้การเลี้ยงลูกเป็นเรื่องง่าย ปลอดภัย และมีความสุข
Online Shopping
สาขา ปิ่นเกล้า ราชพฤกษ์
สาขา Mega บางนา
สาขา Central World
สาขา The Crystal รามอินทรา
สาขา BTS วงเวียนใหญ่ (Outlet)
Copyright 2024 © Baby Gift (Retail) Co., Ltd.