คนจะเป็นแม่ต้องรู้ 9 ข้อห้ามสำหรับคนท้องอ่อน

ขอแสดงความยินดีกับว่าที่คุณแม่คนใหม่ด้วยนะคะ! กำลังกังวลกันอยู่ใช่มั้ยล่ะ ว่าตอนท้องอ่อนๆ จะสามารถทำอะไรได้บ้างทำอะไรไม่ได้บ้าง วันนี้เราเลยนำเรื่องที่คุณแม่มือใหม่ควรหลีกเลี่ยงมาบอกกันค่ะ ไม่แปลกใจที่คุณแม่บางท่านจะกังวลมากๆ ในช่วงท้องอ่อน เพราะในช่วงสามเดือนแรกนั้น อวัยวะต่างๆ ของลูกน้อยในท้องของคุณแม่ยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ค่ะ ดังนั้นในระยะนี้จึงมีความเสี่ยงต่อการแท้งมากกว่าในไตรมาสอื่นๆ ช่วงนี้คุณแม่ที่ท้องอ่อนๆ ต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการรับประทานอาหาร สิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัว หรือการใช้ยาต่างๆ ดังนั้น เรื่องความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญ กังวลได้แต่อย่าเครียดนะ เพราะความเครียดก็เป็นสิ่งที่คุณแม่ต้องพึงระวังไว้ด้วย
- ลาก่อนอาหารดิบ

กำลังคิดจะไปทานแซลมอน ลาบก้อย หอยนางรมฉลองสมาชิกใหม่กันอยู่รึเปล่า ช่วงนี้คุณแม่อาจจะต้องงดไว้ก่อนนะ เพราะอาหารที่ปรุงไม่สุกส่วนใหญ่อาจปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียที่จะทำให้คุณแม่ท้องเสียหรืออาเจียนได้ แถมยังอาจทำให้เป็นโรคทอกโซพลาสโมซิส (Toxoplasmosis) ซึ่งเจ้าโรคนี้เนี่ยมันเกิดจากเชื้อปรสิตทอกโซพลาสมา กอนดิไอ(Toxoplasma gondii) ที่สามารถแพร่ไปสู่ลูกน้อยในท้องของคุณแม่ได้ค่ะ เห็นชื่อน่ากลัวแบบนี้ มันก็น่ากลัวจริงๆ นะ เพราะหากติดโรคนี้ตอนท้องก็อาจจะทำให้แท้งไปเลย หรือไม่ก็ลูกอาจจะเสียชีวิตในท้อง ไม่ก็อาจมีอาการของโรคเมื่อคลอดออกมา สังเกตง่ายๆ เลยค่ะ ถ้าคุณแม่ที่ติดเชื้อนี้ตอนท้อง ลูกคลอดออกมาจะมีขนาดศีรษะที่ไม่ปกติ อาจจะเล็กหรือไม่ก็ใหญ่กว่าเด็กคนอื่นๆ แถมพอโตไปก็อาจจะตาบอดหรือสติปัญญาอาจจะด้อยกว่าเด็กอื่นๆ ด้วยนะ แต่แต่แต่ ถ้าคุณแม่เคยเป็นโรคนี้ก่อนท้องแล้วก็ชิวชิวค่า เพราะร่างกายคุณแม่มีภูมิคุ้มกันแล้ว ไม่กลับมาเป็นอีกแล้วล่ะ
- ยานี่แหละตัวดี

คุณแม่ที่กำลังใช้ยาอยู่ หยุดก่อนค่ะ! ได้ถามคุณหมอรึยังว่ายาตัวนั้นคนท้องทานได้มั้ย คุณแม่อย่าชะล่าใจไปน้าเพราะยามีหลายประเภทแล้วก็ออกฤทธิ์แตกต่างกัน เพราะงั้นยาบางตัวอาจมีผลต่อการสร้างอวัยวะของลูกน้อยได้ เช่นพวกยารักษาสิว Isotretinoin นี่ตัวดีเลยค่ะ เพราะมันเป็นยาที่รุนแรงมาก มากจนอาจทำให้ลูกพิการได้เลยนะ หรือพวกยาที่ใช้รักษาไมเกรน เช่น Cafergot เพราะมันทำให้มดลูกของพวกเราบีบตัวจึงอาจทำให้คลอดก่อนกำหนดได้ พอคุณแม่ทานยาเข้าไปปุ๊ป ลูกก็จะได้ยาพวกนี้ผ่านทางรกด้วยค่ะ แต่ผลกระทบต่อลูกก็จะขึ้นอยู่กับปริมาณยาที่คุณแม่ทานเข้าไปนะ เพราะฉะนั้นหากจะทานยา ให้คุณแม่ปรึกษาคุณหมอที่ฝากครรภ์ด้วยด่วนเลยค่ะ
- บุหรี่นี่พักไว้ก่อน

อย่าเพิ่งอ้างว่าบุหรี่ทำให้คุณแม่หายเครียด ถ้าสูบมากๆ อาจจะทำให้เครียดกว่าเดิมนะ ความจริงไม่ใช่แค่บรรดาคุณแม่ท้องอ่อนเท่านั้นที่ควรลดละเลิก แต่คุณแม่ท้องแก่ใกล้คลอดก็ควรจะอยู่ให้ไกลจากบุหรี่เลยค่ะ เพราะบุหรี่มีสารนิโคติน (Nicotine) ซึ่งเจ้าสารตัวนี้อาจทำให้ลูกเป็นเด็กสมาธิสั้น หรืออาจทำให้คุณแม่แท้ง ไม่ก็คลอดก่อนกำหนดได้นะ แถมลูกที่คลอดออกมาอาจตัวเล็กกว่าเกณฑ์แล้วก็หัวใจเต้นเร็วอีกต่างหาก ร้ายสุดอาจพิการเลยเชียวล่ะ และถึงแม้ว่าคุณแม่จะไม่ได้เป็นผู้สูบบุหรี่เองโดยตรงก็เถอะ ควันบุหรี่ที่ผู้อื่นสูบก็อาจมีผลต่อลูกน้อยในท้องด้วยนะคะ
- เลิกกันกับแอลกอฮอล์

เบียร์ที่คุณแม่ดื่มเข้าไป ลูกก็ได้ดื่มผ่านทางรกด้วยนะ! เวลาคุณแม่ดื่ม ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดของลูกก็จะสูงพอๆ กับของคุณแม่เลย ไม่เคยทราบกันใช่มั้ยคะ? ข่าวร้ายคือลูกจะต้องใช้เวลามากกว่าถึงสองเท่าเพื่อที่จะขับพวกแอลกอฮอล์เหล่านี้ออกไปจากร่างกาย เพราะแบบนี้การดื่มแอลกอฮอล์จึงมีผลร้ายต่อลูกสุดๆ โดยเฉพาะในแง่ของพัฒนาการ คุณแม่ขาเที่ยวที่ดื่มจัดตอนท้องอาจมีลูกที่มีใบหน้าผิดแปลกไปจากเด็กคนอื่นๆ หรือระบบหัวใจมีความบกพร่องได้ค่ะ
- อบซาวน่าสบายใจแต่ร้อนไปก็ไม่ไหว

ถึงแม้ว่าการอบเซาว์น่าจะทำให้คุณแม่รู้สึกสบายก็เถอะ แต่การเข้าเซาว์น่าในช่วงท้องอ่อนก็อาจมีผลเสียร้ายแรงถึงขั้นทำให้เกิดการแท้งได้เลยนะ เพราะถ้าร่างกายของคุณแม่ร้อนเกิน 38.9 องศาเซลเซียสเป็นเวลานานๆ ก็จะส่งผลเสียต่อลูกในท้อง แถมอาจทำให้เกิดภาวะพิการแต่กำเนิดของลูกได้อีก นอกจากนี้ การอบเซาว์น่าเป็นเวลานานๆ ก็อาจทำให้คุณแม่เสียน้ำมากจนเป็นลมหมดสติไปได้ค่ะ ถ้าอยากผ่อนคลายจริงๆ ลองเอาเท้าแช่น้ำอุ่นๆ ดูมั้ย แค่นี้ก็ฟินอยู่นะ
- เครียดเช้าเย็นระวังเครียดสะสม

ไม่แปลกหรอกถ้าคุณแม่จะเครียด เอาจริงคงไม่มีใครที่ไม่เครียดหรอกใช่มั้ยล่ะคะ ยิ่งคุณแม่บางคนที่แพ้ท้องมากก็อาจจะทำให้เกิดอาการเครียดไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ความเครียดเหล่านี้จะส่งผลให้คุณแม่นอนไม่หลับ ปวดหลัง ปวดหัว อีกทั้งยังทำให้ภูมิต้านทานต่ำ ความเครียดที่สั่งสมไว้เยอะๆ อาจส่งผลให้เกิดภาวะเสี่ยงแท้ง หรือลูกน้อยในท้องเติบโตช้า เวลาเครียดคุณแม่จะหลั่งฮอร์โมนออกมาตัวนึงค่ะ ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้เนี่ยมันจะไปขัดขวางการเจริญเติบโตของสมองของลูกในส่วนของเส้นใยประสาท คุณแม่อาจจะเคยได้ยินผู้ใหญ่พูดกันว่า ท้องอย่าเครียด เดี๋ยวลูกขี้แง อันนี้ก็มีส่วนนะ เพราะลูกของคุณแม่ที่ชอบเครียดตอนท้องมักจะถูกกระตุ้นด้วยสิ่งเร้าได้ง่าย เช่น ตกใจง่าย โมโหง่าย ในขณะเดียวกันกลับปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมรอบตัวได้ค่อนข้างยากค่ะ
- แม่อดข้าว หนูอดด้วย

เคยหุ่นเป๊ะอยู่ดีๆ เริ่มเผละซะอย่างนั้น คุณแม่อย่าเพิ่งร้องไห้เสียใจกลัวหุ่นเสีย อาหารก็ห้ามอดเลยนะ เพราะถ้าคุณแม่อด ลูกจะทานอะไรล่ะ ลูกน้อยในท้องของคุณแม่จะได้รับสารอาหารก็ต่อเมื่อคุณแม่ได้รับประทานอาหารเข้าไปนะคะ สารอาหารเหล่านี้จะช่วยไปสร้างเซลล์ประสาทและเซลล์ที่สำคัญอื่นๆ ซึ่งพอคุณแม่อดอาหารบ่อยครั้งเข้า ลูกน้อยก็จะขาดสารอาหาร ทำให้เกิดผลเสียต่อสมองของลูกโดยตรง อีกทั้งยังทำให้ลูกมีพัฒนาการที่ช้ากว่าเด็กปกติทั่วไป นอกจากนี้ การอดอาหารก็จะทำให้คุณแม่เป็นโรคกระเพาะหรือเกิดภาวะกรดไหลย้อนได้ด้วยอีก
- ถึงจะท้องแต่ไม่ปล่อยสามีเหงา

มันก็ไม่ได้มีข้อห้ามไม่ให้กุ๊กกิ๊กกับคุณพ่อนะคะช่วงนี้ แต่คุณแม่บางท่านอาจจะถูกสั่งห้ามจากคุณหมอเพราะเคยแท้งน้องมาก่อน ส่วนคุณแม่ที่มีภาวะรกเกาะต่ำนี่ควรพักไว้ก่อน เพราะเวลากุ๊กกิ๊กกับคุณพ่ออาจจะไปกระตุ้นให้เลือดออกในปริมาณมากทำให้เกิดอันตรายได้ค่ะ แต่เอาจริง คุณแม่บางคนที่แพ้ท้องหนักๆ ก็อาจจะไม่ได้มีความต้องการด้านนี้เท่าไหร่นะ
- แม่รักสะอาด ขอคลีนช่องคลอดทุกเช้าเย็น

รักษาความสะอาดไม่ใช่เรื่องผิด แต่เช้าเย็นนี่ก็มากไป๊ เอาจริงช่วงท้องนี้คุณแม่ทำความสะอาดน้องหนูแค่เฉพาะภายนอกก็พอแล้วค่ะ เพราะการสวนล้างช่องคลอดจะไปทำลายแบคทีเรียที่มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ที่คอยปกป้องช่องคลอดจากเชื้อโรคต่างๆ แถมยังจะทำให้เกิดแผลซึ่งเสี่ยงต่อการรับและติดเชื้อมากขึ้นไปอีกนะ
นู่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้ อดทนไว้เพื่อลูกนะ! นอกจากข้อห้ามยาวยืดที่บอกไปแล้ว คุณแม่อย่าลืมไปฝากครรภ์ตามนัดกับทานยาบำรุงให้ครบด้วยนะคะ ถ้าคุณแม่รู้สึกมีอะไรแปลกๆ ก็อย่าปล่อยผ่าน รีบปรึกษาคุณหมอเลยค่ะ เผื่อมีอะไรร้ายแรงคุณหมอจะได้รักษาทันเนอะ
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
ไม่ใช่แค่ผู้ใหญ่ที่เป็นกรดไหลย้อนได้ เพราะลูกน้อยวัยทารกเบบี๋ก็เป็นได้เช่นกัน ! แถมคุณแม่รู้ไหมว่าเด็กทารกส่วนใหญ่เป็นกรดไหลย้อนได้มากถึง 25 คน จากทารกทั้งหมด 100 คนทีเดียว (ข้อมูลจาก คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ม.มหิดล) ดังนั้นเชื่อว่าทุกท่านคงจะอยากรู้ว่าทำไม? เด็กเล็กๆ จึงเป็นกรดไหลย้อนได้ สาเหตุมาจากอะไร แล้วคุณพ่อคุณแม่จะมีวิธีป้องกันได้อย่างไรบ้าง เพราะขนาดผู้ใหญ่อย่างเราป่วยกรดไหลย้อน ยังทรมานและใช้ชีวิตลำบาก เราจึงไม่อยากให้เกิดขึ้นกับลูกรักตัวน้อย ที่พูดบอกอาการไม่ได้ แถมยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อีกด้วย ทำไม? กรดไหลย้อนจึงเกิดได้ กับลูกวัยทารก อาการของเบบี๋ เมื่อมีกรดไหลย้อน หากปล่อยให้ลูกเป็นเรื้องรัง อาจมีอาการไอ หลอดลมอักเสบ มีอาการที่รุนแรงลุกลาม จนอาจต้องใช้การผ่าตัดในการรักษาเพื่อให้หายได้ ป้องกันกรดไหลย้อนให้ลูกน้อยวันนี้! คุณแม่จะคงจะคลายกังวลได้ หากรู้ว่าสามารถป้องกันกรดไหลย้อนให้ลูกน้อยได้ ด้วยวิธีการต่างๆ นั่นคือ เตียงนอนปรับระดับศีรษะลูกน้อยได้ เป็นเตียงนอนสำหรับเด็กที่สามารถปรับระดับเตียงสูงต่ำได้ตามต้องการ ที่สำคัญยังช่วยป้องกันกรดไหลย้อนให้ลูกได้ เพราะสามารถปรับหัวเตียงให้ด้านศีรษะของลูกยกสูงขึ้นได้ง่ายๆ โดยที่คุณแม่ไม่ต้องหาหมอนมาหนุนศีรษะลูก เช่นเตียง เตียงนอนทารก Dreamie Bed Side Crib – Prince & Princess ที่สามารถปรับระดับศีรษะของลูกให้นอนสูงขึ้นได้ถึง 2 ระดับ ป้องกันอาการท้องอืดและกรดไหลย้อนหลังกินนม […]
ในเด็กเล็กที่มักจะมีปัญหาสุขภาพาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ไม่ว่าจะด้วยปัญหาฝุ่นควัน เชื้อโรค ไวรัส เป็นหวัดคัดจมูก หรือเป็นโรคประจำตัวอย่างหอบหืด เป็นภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ การล้างจมูกจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยและช่วยขจัดเชื้อโรคได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการล้างจมูกเด็ก 1 ขวบที่เด็กเล็กยังสั่งน้ำมูกไม่เป็น การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือจะช่วยขจัดเชื้อโรคและสิ่งสกปรกได้เป็นอย่างดี ในบทความนี้ BabyGift จะมาแนะนำวิธีการล้างจมูกให้ลูกน้อย ต้องเตรียมอุปกรณ์อะไรบ้าง มีขั้นตอนอย่างไร ไปดูพร้อมๆ กันเลยค่ะ แชร์วิธีการล้างจมูกเด็ก 1 ขวบ ขจัดสิ่งสกปรกและเชื้อโรค ให้ลูกน้อยหายใจโล่งขึ้น การล้างจมูกเป็นการทำความสะอาดโพรงจมูกด้วยการสวนล้างโดยใช้น้ำเกลือ เพื่อขจัดสิ่งสกปรกที่อยู่ภายในโพรงจมูกอย่างน้ำมูกหรือสารที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ให้หมดไป ซึ่งสามารถลดปัญหาน้ำมูกไหลลงคอ และอาการคัดจมูกได้ดี ทั้งยังช่วยให้โพรงจมูกมีความชุ่มชื้นมากขึ้นด้วย ทำให้หายใจได้โล่งขึ้นนั่นเอง ทั้งนี้ การล้างจมูกไม่ได้ทำเฉพาะในเด็กที่มีอาการป่วย หรือเป็นภูมิแพ้เท่านั้น แต่การล้างจมูกเด็ก 1 ขวบที่มีสุขภาพแข็งแรงดีก็สามารถทำได้ โดยเฉพาะในช่วงที่มีฝุ่นควันหรือมีการระบาดของโรคทางเดินหายใจ ผู้ปกครองบางคนอาจพาลูกไปข้างนอกโดยใช้เป้อุ้มเด็ก ซึ่งทำให้เด็กได้สัมผัสกับอากาศนอกบ้านดังนั้นการล้างจมูกเป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะหลังจากกลับมาบ้านแล้ว ก็จะช่วยขจัดเชื้อโรค และสิ่งสกปรกที่อยู่ภายในโพรงจมูก ทำให้ลูกน้อยมีสุขภาวะที่ดีขึ้น จะทำได้อย่างไร มาดูวิธีกันเลยค่ะ อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม ขั้นตอนวิธีล้างจมูกเด็ก 1 ขวบ ในกรณีที่เด็กไม่ให้ความร่วมมือ และสั่งน้ำมูกเองไม่ได้ สำหรับเด็ก 1 ขวบที่ให้ความร่วมมือ และสามารถสั่งน้ำมูกเองได้ […]
คาร์ซีทเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมีสำหรับลูกน้อยของเราตั้งแต่ช่วงแรกเกิดไปจนถึงอายุ 6 ปี เพื่อความปลอดภัยขณะนั่งรถยนต์ ประกอบกับมีการออกกฏหมายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม 2566 ให้ใช้คาร์ซีทในเด็กที่อายุไม่เกิน 6 ปี ยกเว้นรถรับจ้างหรือรถสาธารณะ ดังนั้นทุกบ้านควรจะต้องเตรียมคาร์ซีทให้พร้อมตั้งแต่ก่อนคลอด เพราะต้องให้ลูกน้อยนั่งตั้งแต่วันแรกที่ออกจากโรงพยาบาล ปัจจุบันคาร์ซีทก็มีหลายแบบมาก คุณพ่อคุณแม่หลายท่านอาจจะยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกแบบไหนดี หรือจะเลือกคาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี ที่มีคุณภาพดี ปลอดภัยได้มาตรฐาน และใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้ BabyGift มีมาแนะนำแล้วค่ะ จะเลือกคาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี ? แนะนำวิธีเลือกคาร์ซีทเด็กแรกเกิด มั่นใจได้ในเรื่องคุณภาพและความปลอดภัย ผู้ปกครองบางท่านอาจเกิดคำถามขึ้นมาว่า ทำไมต้องใช้คาร์ซีทสำหรับลูกน้อย ขอบอกว่า คาร์ซีทนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ ค่ะ คาร์ซีทเป็นอุปกรณ์เสริมที่ติดตั้งในรถยนต์ของคุณพ่อคุณแม่เพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเด็กๆ ในขณะที่นั่งรถยนต์ เพื่อป้องกันหากเกิดอุบัติเหตุไม่คาดคิด คาร์ซีทจะช่วยลดโอกาสบาดเจ็บรุนแรง หรือลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตได้ ซึ่งคาร์ซีทก็มีหลายแบบมาก มีตั้งแต่คาร์ซีทเด็กแรกเกิด คาร์ซีทแบบกระเช้า คาร์ซีทสำหรับเด็กเล็ก และคาร์ซีทสำหรับเด็กโต นอกจากจะมีหลากหลายแบบแล้วก็ยังมีหลายยี่ห้อด้วย แล้วจะเลือกอย่างไรดี จะเลือกคาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี ? ให้กับลูกรักของเรา มารู้จักกับแต่ละประเภทของคาร์ซีทให้มากขึ้นก่อน ไปดูยี่ห้อที่ BabyGift แนะนำกันค่ะ คาร์ซีทเด็กแรกเกิด […]
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ คุณนานาอยากฝากไปถึงคุณพ่อคุณแม่ทุกท่าน ให้ตระหนักถึงความสำคัญของการใช้คาร์ซีท ในทุกครั้งที่เดินทาง ไม่ว่าใกล้หรือไกล ก็ต้องให้ลูกนั่งคาร์ซีทเสมอ เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ขอปรบมือให้กับคุณนานาและคุณเวย์ ที่เป็นครอบครัวตัวอย่าง ฝึกให้น้องบีน่าและน้องบรู๊คลีน มีวินัยในการนั่งคาร์ซีททุกครั้งที่อยู่บนรถ คาร์ซีท หรือเบาะนั่งนิรภัยในรถยนต์สำหรับเด็ก ช่วยลดโอกาสการบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ การใช้ คาร์ซีท จะช่วยรองรับศีรษะ คอ กระดูกสันหลัง ที่ยังไม่แข็งแรงของเด็กเล็ก ช่วยไม่ให้สมองและไขสันหลังถูกทำลายจากการกระแทกในขณะเกิดอุบัติเหตุ และสิ่งสำคัญควรติดตั้งคาร์ซีทอย่างถูกต้อง ให้ลูกคาดเข็มขัดนิรภัยที่ตัวคาร์ซีทด้วยทุกครั้ง และปรับสายให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ไม่ให้ลูกอึดอัดและไม่หลวมเกินไป เพราะถ้าหลวมเกินไป เมื่อเกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงและไม่คาดฝัน ก็อาจทำให้เด็กหลุดออกจากคาร์ซีท และหลุดออกนอกตัวรถไปจนเป้นอันตรายถึงชีวิต ครอบครัวตัวอย่างเดินทางอย่างปลอดภัย คุณพ่อคุณแม่คาดเบลล์ ลูกๆนั่งคาร์ซีท ว้าว เยี่ยมไปเลย !!! น้องบีน่าและน้องบรู๊คลิน เดินทางอย่างปลอดภัยและหลับสบ๊ายสบายด้วยค่ะ






