เทคนิค กล่อมลูกนอน ด้วย White noise

ปัญหาลูกทารกนอนยาก ไม่ยอมนอน ถือเป็นหนึ่งปัญหาปวดหัวใจ ทำคุณพ่อคุณแม่หลายๆ บ้านเครียดและไม่สบายใจไปตามๆ กัน เพราะเมื่อลูกนอนยาก งอแง ไม่ยอมหลับ ก็มักจะงอแงร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหล ปลอบอย่างไรก็ไม่หาย กว่าจะนอนได้ก็นานเป็นชั่วโมง  แถมเวลาลูกหลับแล้วตื่นมาทีไรก็ยังงอแง อารมณ์ไม่ดี เลี้ยงยากจนคุณแม่ๆ ทั้งหลายเพลียใจ

ลูกน้อยทารกควรนอนมากแค่ไหน ?

คุณแม่รู้ไหมว่าลูกทารกวัยแรกเกิด- 1 เดือน นอนกลางวันถึงวันละ 8-9 ชั่วโมง และกลางคืนอีก 8-9 ชั่วโมง รวม 15-18 ชั่วโมงต่อวัน  ส่วนลูกวัย 1 -3 เดือน นอนกลางวันวันละ 6-7 ชั่วโมง และกลางคืนอีก 9-10 ชั่วโมง   รวมประมาณ 15 ชั่วโมง  จนเมื่อลูกน้อยวัย 6 เดือน เริ่มนอนน้อยลง คือ นอนกลางวันลงเหลือ 3-4 ชั่วโมง และกลางคืน 10-11 ชั่วโมง รวม 14-15 ชั่วโมง  จนลูกโตถึงวัย 1 ปี จะนอนกลางวันน้อยลงเหลือ 2-3 ชั่วโมง และกลางคืน 11-12 ชั่วโมง

จะเห็นได้ว่าลูกน้อยจำเป็นต้องนอนยาวนานมากเพียงพอ  ซึ่งปัญหาลูกไม่ยอมนอน นอนยาก หลับไม่สนิท ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่คุณพ่อคุณแม่ต้องรีบแก้ไข เนื่องจากหากปล่อยไว้นาน จะส่งผลทำให้การเจริญเติบโตของลูกไม่เต็มที่ พัฒนาการทางร่างกาย สมองและอารมณ์ไม่พัฒนาได้ดีตามวัย เพราะการนอนหลับที่ยาวนานและเพียงพอ มีส่วนสำคัญต่อการช่วยให้ลูกน้อยเติบโตได้ดี มีพัฒนาการที่ก้าวหน้าทุกด้าน ฉะนั้นอย่ารอช้า  ควรรีบหาวิธีการแก้ปัญหานี้ทันทีค่ะ

White noise ตัวช่วยกล่อมลูกนอน ดี มีสมาธิ

คุณแม่รู้ไหมว่า มีเทคนิคการกล่อมลูกน้อยให้นอนหลับได้ง่าย แก้ปัญหาลูกนอนยาก ด้วยการใช้ White noise กล่อมลูกน้อยให้นอนหลับง่าย ผ่อนคลาย แถมยังช่วยสร้างสมาธิให้ลูกเบบี๋ได้อีกด้วย

White noise คืออะไร?

White noise คือเสียงบำบัดสีขาว หรือเสียงที่ได้ยินแล้วทำให้เพลิดเพลิน ผ่อนคลาย สบายใจ  โดยเป็นเสียงที่มีความถี่สม่ำเสมอ มีความราบเรียบ เมื่อได้ยินแล้วจะทำให้คนฟังมีสมาธิ มีความสงบในจิตใจ และทำให้คนฟังจดจ่ออยู่กับเสียงนั้น ตัดความวุ่นวายหรือสนใจเสียงอื่นๆ ทำให้คนที่ได้ยินเสียง White noise เกิดความรู้สึกสงบ ผ่อนคลาย มีสมาธิ และนอนหลับได้ง่ายนั่นเอง

เสียงแบบไหน เรียกว่า White Noise ?

White noise เป็นเสียงหรือดนตรีที่มีความถี่สม่ำเสมอต่อเนื่อง มีลักษณะคล้ายกับเสียงพัดลม  เสียงฝน เสียงไดร์เป่าผม เสียงเครื่องดูดฝุ่น เสียงวิทยุซ่าๆ เสียงของน้ำไหล เสียงของลมที่พัดผ่านใบไม้ เสียงนกร้อง เสียงของสัตว์ตามธรรมชาติ ซึ่งมีทั้งเสียงที่เกิดจากเครื่องใช้ไฟฟ้า และเสียงที่เกิดจากธรรมชาติ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเสียงที่ดังในระดับเดียวกันและสม่ำเสมอ

ทำไม? White noise ช่วย กล่อมลูกนอน ได้

เพราะขณะที่ลูกน้อยยังอยู่ในครรภ์คุณแม่ตลอดเวลา 9 เดือน ลูกจะคุ้นเคยกับเสียงที่ได้ยินเป็นประจำผ่านหน้าท้องคุณแม่ ได้แก่ เสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอของคุณแม่  เสียงหึ่งๆ จากอากาศและเสียงน้ำเวลาที่ลูกน้อยกำลังลอยอยู่ในน้ำคร่ำ  ทำให้ลูกน้อยเบบี๋คุ้นชินกับเสียงในลักษณะนี้มายาวนาน  ซึ่งเสียงแบบนี้คือเสียง White noise ที่มีความราบเรียบ สม่ำเสมอและต่อเนื่อง ดังนั้นการใช้เสียง White noise ที่มีถี่สม่ำเสมอคล้ายหรือเลียนแบบเสียงหัวใจแม่และอื่นๆ จึงทำให้ลูกทารกรู้สึกคุ้นเคยกับบรรยากาศเดิม ทำให้ลูกเคลิ้มหลับหรือเงียบสงบลงได้

มาใช้ White noise กล่อมลูกนอน กันเถอะ

ปัจจุบันมีตัวช่วยมากมาย ที่สร้างเสียง White noise ให้ลูกน้อยทารกฟังได้ง่าย ช่วยให้คุณแม่กล่อมลูกด้วยเสียงดีๆ แก้ปัญหาหลับยากได้ แถมยังมีผลไม่ได้ช่วยแค่เด็กทารกเท่านั้น เพราะสามารถใช้เสียงดีๆ นี้ได้ทั้งกับเด็กโตและในผู้ใหญ่ เพื่อช่วยให้หลับได้ง่ายเช่นกัน

  • สร้างเสียง White noise เอง เช่น เปิดพัดลมให้ได้ยินเสียงพัดลมพอเบาๆ เปิดซีดีเสียงน้ำตกไหลให้ลูกฟัง และเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าเช่น เครื่องดูดฝุ่น หรืออื่นๆ  แต่วิธีการนี้อาจไม่ได้ยินเสียงที่สม่ำเสมอเท่าไร หรือบางครั้งเสียงเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านที่เราควบคุมไม่ได้ อาจไม่ได้ดังพอดี  เสียงดังบ้างเงียบมาก หรือมีเสียงดังมากเกินไปจนทำให้ลูกไม่หลับ  และยังอาจดังจนไปรบกวนคนในครอบครัวได้อีกด้วย
  • ใช้เสียง White noise จาก App เพราะปัจจุบันคุณพ่อคุณแม่เกือบทุกท่านจะใช้สมาร์ทโฟน ซึ่งสามารถโหลดแอพพลิเคชั่นที่มีเสียง White noise มาเปิดให้ลูกฟังได้  ซึ่งไม่ว่าจะใช้โทรศัพท์ระบบ iOS หรือ Android ก็สามารถโหลดแอพมาแล้วเปิดให้ลูกฟังได้เลย ตัวอย่างแอพที่มีเสียง White noise เช่น White Noise Free, Baby  White Noise Box  แต่การใช้เสียง White noise ผ่านแอพฯ นั้น จะต้องเปิดให้ลูกฟังเป็นเวลาค่อนข้างนาน ก็อาจจะทำให้โทรศัพท์หรืออุปกรณ์ของคุณพ่อคุณแม่แบตหมดได้ และยังทำให้ไม่สามารถใช้โทรศัพท์เพื่อทำงานหรือติดต่อเรื่องอื่นๆ ได้ด้วย
  • ใช้เปลไกวไฟฟ้า/เปลไกวอัตโนมัติ ที่มี White noise สำหรับครอบครัวยุคใหม่แนะนำให้เลือกใช้เปลไกวไฟฟ้าหรือเปลไกวอัตโนมัติที่รวมทุกฟังก์ชั่นเพื่อช่วยให้ลูกน้อยนอนหลับได้ง่ายดาย สะวดก สบายใจ ประหยัดเวลาและคุ้มค่าไปพร้อมกัน

เปลไกวอัตโนมัติบางรุ่น มีเสียงประเภท White noise ประกอบเพื่อกล่อมลูกน้อยให้นอนหลับสนิท หลับได้เร็วและยาวนาน  โดยมีเสียงดนตรีและเสียงธรรมชาติให้เลือกถึง 8 แบบ ช่วยสร้างบรรยากาศการนอนหลับให้ลูกน้อยได้อย่างดี หรือแม้จะเป็นการนั่งเล่นนอนเล่น ก็เปิดเสียงดนตรีเพื่อพัฒนาและกระตุ้นการได้ยิน ให้ลูกน้อยเพลิดเพลิน สงบ มีสมาธิ ให้ลูกอารมณ์ดีและนอนหลับได้ยิ่งขึ้น

และไม่ใช่แค่เสียงดนตรีที่ช่วยให้ลูกนอนหลับได้ง่ายและยาวนาน การใช้เปลไกวไฟฟ้ายังช่วยแกว่งไกวให้ลูกนอนสบายคล้ายการอยู่ในท้องแม่ เรียกได้ว่าซื้อครั้งเดียวสุดคุ้มค่า เพราะคุณพ่อคุณแม่จะได้ทั้งเปลนอนลูก แบบที่ไม่ต้องมานั่งไกวเอง เพราะเปลสามารถตั้งระดับการไกวและตั้งเวลาไกวเปลได้อัตโนมัติ พร้อมกับมีเสียง  White noise กล่อมลูกน้อยให้เลือกมากมาย ให้ครอบครัวคุ้มค่าสะดวกสบายแบบ 2 in 1

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00

บทความแนะนำ

ใช้เครื่องปั๊มนม ดียังไงนะ? คุณแม่รู้ไหมว่า การปั๊มนมมีส่วนช่วยคุณแม่และลูกน้อยได้มากมายกว่าที่คิด แต่เชื่อว่าสำหรับคุณแม่มือใหม่ การปั๊มนมครั้งแรกอาจไม่ใช่เรื่องง่าย อาจมีความกังวลใจต่างๆ นาๆ  ว่าจะเริ่มยังไง ต้องทำอะไรบ้าง  เราจึงอยากจะมาแนะนำวิธีการปั๊มนมครั้งแรก พร้อมกับเทคนิคการปั๊มนมให้เกลี้ยงเต้า เพื่อให้คุณแม่ได้ ใช้เครื่องปั๊มนมได้เก่ง คุ้มค่าอย่างมืออาชีพ ลูกน้อยก็มีน้ำนมแม่กินอิ่มอยู่เสมอค่ะ สอนคุณแม่ ใช้เครื่องปั๊มนม แม้คุณแม่จะลองปั๊มนมแล้ว น้ำนมจะยังไม่มี ก็ไม่ควรเครียด หรือตกใจ คิดว่าตัวเองไม่มีน้ำนม เพราะการปั๊มนมช่วงนี้เป็นการปั๊มนมเพื่อกระตุ้น และฝึก ใช้เครื่องปั๊มนมให้คุ้นเคย เมื่อคุณแม่ได้ใช้เครื่องปั๊มนมร่วมกับให้ลูกดูดกระตุ้นบ่อยๆ น้ำนมแม่จะมาเร็วขึ้น เมื่อ ใช้เครื่องปั๊มนม ปั๊มนมแบบไหน? ให้เกลี้ยงเต้า  การปั๊มนมให้เกลี้ยงเต้า คือการระบายน้ำนมให้หมดจากเต้านมคุณแม่ในครั้งนั้นๆ เพื่อให้เต้านมคุณแม่ได้มีพื้นที่สำหรับการผลิตน้ำนมขึ้นใหม่อยู่เสมอ เพราะน้ำนมแม่จะมีรอบของการผลิตใหม่ๆ ในเต้านมตลอดเวลา เมื่อน้ำนมผลิตจนเต็มเต้า เต็มพื้นที่เก็บน้ำนม จะทำให้เต้านมคุณแม่คัดตึง ต้องให้ลูกน้อยดูดหรือปั๊มนมระบายออกมา  ซึ่งการปั๊มนมออกมานั้น ยิ่งระบายน้ำนมออกได้เกลี้ยงเต้ามากเท่าไร ก็จะยิ่งช่วยให้นมแม่ผลิตออกมาสม่ำเสมอได้มากขึ้นเท่านั้นค่ะ เทคนิคปั๊มเกลี้ยงเต้า คุณแม่จะรู้ได้ว้าน้ำนมที่ปั๊มนั้นเกลี้ยงเต้าแล้ว เมื่อรู้สึกได้ว่าเต้านมอ่อนนุ่มนิ่มลง อาการคัดตึงเต้านมก่อนที่จะปั๊มนม (เพราะมีน้ำนมอยู่เต็มเต้านม) ก็จะหายไปด้วย

ในความคิดหรือความเชื่อของคุณแม่ตั้งครรภ์หลายๆ ท่าน ยังมีความคิดและดูจากโฆษณาต่างๆ จนทำให้เชื่อว่า ตอนท้องแม่ต้องดื่มนมมากๆ  เพื่อบำรุงให้แม่และลูกแข็งแรง  ซึ่งความจริงแล้วข้อมูลนี้เป็นความเข้าใจที่ผิดค่ะ เพราะเรื่องของการกินอาหารและกินนมของแม่ท้องนั้น วิธีที่ดีและถูกต้องที่สุดคือกินอย่างเหมาะสม หลากหลายไม่ซ้ำและกินมากจนเกินไป โดยเฉพาะเรื่องการกินนมในแม่ท้อง ยิ่งเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจ เพราะมีข้อมูลออกมาบอกว่า การที่คุณแม่ตั้งครรภ์ดื่มนมวัวมากเกินไป จะเป็นสาเหตุให้ลูกแพ้นมวัวได้ตั้งแต่แรกเกิด  เราจึงขอนำความรู้ดีๆ เกี่ยวกับโภชนาการและการกินนมวัวมาอธิบายให้คุณแม่ตั้งครรภ์ได้เข้าใจ เพื่อให้กินอาหารและดื่มเครื่องดื่มต่างๆ ได้อย่างเหมาะสมมาฝากค่ะ แม่ท้องกินนมวัวมาก ลูกอาจแพ้ได้จริงหรือ? ข้อมูลนี้เป็นความจริงค่ะ เพราะการที่ร่างกายคุณแม่ได้รับสารอาหารอะไรมากจนเกินไป จะสามารถกระตุ้นให้ลูกน้อยมีอาการแพ้อาหารชนิดนั้นๆ ได้ตั้งแต่หลังคลอด  นั่นคือนมวัวที่กินมากไปนั้น จะไปทำให้เกิดการสะสมของแคลเซียมและโปรตีนนมวัว  เป็นหนึ่งในสารก่อภูมิแพ้ที่ส่งผลกับลูกน้อยในครรภ์ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ จนกระตุ้นให้เกิดการแพ้  โดยจะมีอาการแสดงของการแพ้นมวัวได้แก่ ซึ่งปกติแล้วการที่ลูกน้อยจะแพ้นมวัว แพ้อาหาร หรือเป็นภูมิแพ้ได้นั้น สาเหตุใหญ่หลักๆ คือ นอกจากนี้ยังไม่รวมกับโปรตีนในนมวัวที่คุณแม่ได้รับจากอาหารอื่นๆ ที่แฝงไปด้วยนมอีก เช่น เบเกอรี่ ไอศกรีม เนย ชีส  ยิ่งทำให้คุณแม่ได้รับโปรตีนจากนมวัวมากเกินไป ทำให้ลูกน้อยแพ้นมวัวได้ตั้งแต่หลังคลอด นมอะไร? ที่คุณแม่ท้องดื่มได้บ้าง โดยนมวัวที่คุณแม่ดื่มได้ในปัจจุบัน มีหลายรูปแบบ ซึ่งนมสำหรับแม่ท้องที่แนะนำคือ นมนมสดพาสเจอไรส์ชนิดพร่องมันเนย เพราะได้คุณค่าสารอาหารที่ต้องการโดยที่ตัวแม่ตั้งครรภ์ไม่ต้องรับไขมันมากเกินไป แต่ข้อเสียคือนมชนิดนี้อายุสั้น เก็บไว้ได้ไม่นาน  กรณีที่คุณแม่ดื่มนมชนิดนี้ไม่ได้ก็อาจเลือกนมชนิดอื่นแทน เช่น […]

ไม่ว่าแม่ท้องท่านไหนก็ไม่มีใครอยากจะอยู่ในภาวะครรภ์เสี่ยงกันทั้งนั้นแหละใช่มั้ยคะ คุณแม่บางท่านอาจจะเคยได้ยินเรื่องภาวะครรภ์เสี่ยงมาบ้างแต่ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นอาการแบบไหนกันแน่ วันนี้เราจะนำเรื่องเกี่ยวกับภาวะครรภ์เสี่ยงมาฝากคุณแม่กันค่ะ ภาวะครรภ์เสี่ยงก็คือการตั้งครรภ์ที่มีภาวะเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบทั้งต่อตัวคุณแม่เองและลูกในท้อง ซึ่งภาวะนี้อาจทำให้ลูกเสียชีวิตตั้งแต่ยังไม่คลอด ในขณะคลอด หรือหลังคลอดได้ค่ะ ภาวะครรภ์เสี่ยงมักจะเกิดกับคุณแม่ที่เคยแท้งมาก่อน หรือเคยคลอดก่อนกำหนด คุณแม่ที่มีโรคประจำตัวต่างๆ หรือตั้งครรภ์ในขณะที่มีอายุน้อยกว่า 15 ปี หรือมากกว่า 40 ปี นอกจากนี้อาจจะมีสาเหตุมาจากเนื้องอกในมดลูก ความผิดปกติที่เกิดขึ้นในช่วงที่คุณแม่ท้อง การท้องลูกแฝดหรือแม้แต่การที่ลูกในท้องอยู่ในท่าที่ไม่ปกติ มีข้อไหนที่ตรงกับคุณแม่บ้างมั้ยคะ ถ้ามีคุณแม่รีบปรึกษาคุณหมอแล้วก็เข้ารับการตรวจตามกำหนดและปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัดนะคะ เพราะคุณแม่ที่มีภาวะเสี่ยงจะต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด แล้วก็คุณแม่จะต้องได้รับการตรวจประเมินอย่างน้อยหนึ่งอย่างโดยคุณหมอตามด้านล่างนี้ด้วยค่ะ การตรวจประเมินภาวะครรภ์เสี่ยงโดยคุณหมอ 1. อัลตราซาวด์ (Ultrasound) การตรวจแบบอัลตราซาวด์ก็คือการตรวจโดยใช้คลื่นความถี่สูงเพื่อตรวจหาความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นตอนตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นความผิดปกติของรกหรือของลูกน้อยในท้องค่ะ นอกจากนี้ การตรวจอัลตราซาวด์ยังสามารถบอกปริมาณน้ำคร่ำ รูปร่างของมดลูกและอัตราการเต้นของหัวใจทารกได้ด้วยนะ 2. การตรวจกรองทารกกลุ่มอาการดาวน์  กลุ่มอาการดาวน์ก็คือดาวน์ซินโดรมที่เราเรียกกันโดยทั่วไปนี่แหละค่ะ สำหรับการตรวจหากลุ่มดาวน์นี้จะสามารถทำได้หลายวิธี เช่น 3. การเจาะน้ำคร่ำ การตรวจโดยเจาะน้ำคร่ำนี้จะทำเมื่อคุณแม่มีอายุครรภ์ระหว่าง 18-20 สัปดาห์ค่ะ เอาตรงๆ การเจาะน้ำคร่ำนี่เจ็บมาก แต่ก็ต้องทนอ่ะเนอะเพื่อความปลอดภัยของลูกเรา คุณหมอจะเจาะน้ำคร่ำเพื่อนำเซลล์ของลูกมาใช้ตรวจวิเคราะห์หาโรคและความผิดปกติต่างๆ เช่นพวกโรคธาลัสซีเมีย โครโมโซมผิดปกติ หรือโรคทางพันธุกรรมอื่นๆ ค่ะ 4. การตรวจอื่นๆ ตามความเห็นของแพทย์ ยกตัวอย่างเช่น การเจาะเลือดจากสายสะดือ การตรวจการทำงานของหัวใจทารกในครรภ์ (Non-Stress […]

อาหารที่จะช่วยบำรุงสายตาให้กับลูกน้อย >>>ขอบคุณข้อมูล : Mother&Care

ความเชื่อแรกที่ต้องมี..คาร์ซีทคือสิ่งสำคัญ เคยคิดไหมว่าถ้าวันหนึ่งคุณขับรถประสบอุบัติเหตุจนทำให้ลูกน้อยๆ ของคุณได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต คุณจะใช้ชีวิตต่อไปยังไง?? ผมถือว่าผมเป็นคนที่โชคดีคนหนึ่งที่ได้รับการปลูกฝังให้เห็นความสำคัญของคาร์ซีทสำหรับเด็กๆ ทั้งจากคุณหมอประจำตัวลูกๆ พี่สาว ภรรยา ตลอดจนเพื่อนๆของผมและภรรยาที่เคยมีลูกมาก่อน ที่พร่ำสอนว่า ต้องให้เด็กนั่งคาร์ซีททุกครั้งที่ขึ้นรถนะ… ทุกครั้งที่ผมเดินทางไม่ว่าจะใกล้หรือไกล ผมกับภรรยาจะให้ลูกๆนั่งคาร์ซีทตลอดเวลา ถึงแม้ช่วงแรกๆ (รวมถึงช่วงหลังๆด้วยบางเวลา) เค้าจะร้องไห้ฟูมฟายก็ตาม เราก็ต้องใจแข็งปล่อยให้ร้องไห้ไป เพราะถือคติว่า “safety first” พอนานๆเข้า เด็กๆก็จะเริ่มรู้เงื่อนไขเองว่า ถ้าไม่นั่งบนคาร์ซีทจะไม่ได้ขึ้นรถไปด้วย แม้แต่วันแรกที่พาลูกออกจากโรงพยาบาลหลังคลอด ผมและภรรยาก็ให้ลูกน้อยนั่งคาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิด …เชื่อว่าพ่อแม่หลายคนมักจะใจอ่อน และมักจะคิดว่านิดหน่อยคงไม่เป็นอะไร แต่อย่าลืมว่าอุบัติเหตุมันเกิดขึ้นได้ทุกวินาทีจริงๆ แข็งใจปล่อยให้ลูกร้องไห้ ดีกว่าไม่มีโอกาสให้เขาได้ร้องไห้นะครับ… กระนั้นก็ดี ด้วยความที่คาร์ซีทยี่ห้อดีๆมักจะมีราคาสูง(มาก) เดิมทีผมมีลูกชายคนเดียวก็มีสำหรับเด็กแรกเกิดถึงสองขวบ ต่อมาพอน้องปัณณ์โตขึ้นก็กัดฟันควักกระเป๋าซื้อสำหรับเด็ก 1-5 ขวบ มาอีกตัว จากนั้นพอผมมีน้องปุณณ์ ลูกสาวอีกคนที่อายุย่างเข้า 9 เดือน ภรรยาก็อยากได้ คาร์ซีทที่แข็งแรงๆ อีกอันไว้ให้น้องปัณณ์นั่ง ส่วนน้องปุณณ์จะขยับมานั่งอันที่สองแทน ผมก็คัดค้านเพราะเห็นว่าสิ้นเปลือง อันแรกยังใช้ได้อยู่เลย… แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหว ยอมควักเงินอีกสองหมื่นกว่าซื้อมาอีกตัวอย่างเสียไม่ได้ หลังจากซื้อมาได้เพียงเดือนเดียว เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันและร้ายแรงที่สุดในชีวิตผมก็เกิดขึ้นจนได้ ผมกับครอบครัวเดินทางไป กทม. โดยลูกชายผมนั่งคาร์ซีทตัวใหม่อยู่ด้านข้างคนขับ (ขยับเบาะให้ไกลจาก […]

คุณแม่ยุคใหม่หลายๆ ท่านอาจจะรู้จัก วิธีการให้อาหารเสริมลูกน้อยแบบ Baby Led Weaning หรือการ กินแบบ BLW กันบ้างแล้ว  เพราะเป็นวิธีการที่หลายบ้านเริ่มนิยมใช้ เนื่องจากเป็นการฝึกลูกกินอาหารเสริมด้วยตัวเองตั้งแต่มื้อแรก  ในแบบที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องป้อน และไม่ต้องบดหรือปั่นอาหารให้ลูกน้อย ที่สำคัญคือการให้ลูกกินอาหารเสริมด้วยวิธีนี้ ยังมีข้อดีหลายอย่าง เพราะเป็นการฝึกให้ลูกได้ใช้พัฒนาการทั้งด้านกล้ามเนื้อ สายตา ได้เรียนรู้รสชาติอาหารที่แตกต่าง และเป็นการฝึกพื้นฐานการช่วยเหลือตัวเองเพื่อพัฒนาให้ลูกสามารถทำอะไรได้เองเก่งขึ้นในอนาคต กินแบบ BLW มีขั้นตอนอย่างไร? วิธีการ กินแบบ BLW มีขั้นตอนต่างๆ ดังนี้ ซึ่งการให้ลูกกินด้วยวิธีการแบบนี้ จะช่วยให้ทั้งคุณแม่และคุณลูกรักมีความสุขกับมื้ออาหารของลูกมากขึ้น เพราะไม่ต้องเหนื่อยเดินป้อนข้าวลูก ลูกน้อยเองก็รู้สึกสนุก เพลิดเพลินกับการได้หยิบจับอาหารเข้าปาก ทำให้การ กินแบบ BLW เป็นที่นิยมกันในครอบครัวต่างประเทศ และนิยมในเมืองไทยบ้านเรามากขึ้น แต่การจะเริ่มให้ลูกกิน BLW จะต้องมีการเตรียมพร้อมก่อนให้มื้อแรก และคุณแม่ต้องเรียนรู้ข้อจำกัดและข้อควรระวังหลายๆ อย่าง ดังนั้นไปดูกันว่ามีอะไรที่คุณแม่ต้องพิถีพิถันใส่ใจบ้าง แม่ต้องเตรียมอะไรบ้าง? เมื่อเริ่มให้ลูก กินแบบ BLW แม้จะดูเหมือนการให้อาหารเสริมลูกด้วยวิธีการ BLW นี้ จะไม่ได้ยุ่งยากนัก แต่ก็มีเรื่องสำคัญต่างๆ ที่คุณแม่จะต้องใส่ใจและพิถีพิถันเลือกให้ลูกน้อย เพื่อความปลอดภัย และให้อาหารลูกในแบบ BLW ได้สำเร็จ […]

Menu
All Categories
All Brands
All Ages
Promotions
Locations
BabyGift Family
BabyGift Care
Parents Guide
News & Event

All Categories

All Categories
All Brands
All Ages