เตรียมตัวให้พร้อมก่อนเริ่ม กฎหมายคาร์ซีท

หลังจากเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ กฎหมายคาร์ซีท เกี่ยวกับเด็กที่อายุไม่เกิน 6 ปี หรือสูงไม่เกิน 135 ซม. ผู้ปกครองต้องจัดหาที่นั่งพิเศษให้สำหรับเด็ก หรือนั่งในที่นั่งพิเศษสำหรับเด็ก (คาร์ซีท) เพื่อป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ หากไม่ทำตามกฏหมายก็จะถูกปรับ 2,000 บาท โดยจะมีผลบังคับใช้ในอีก 120 วันข้างหน้า ซึ่งตรงกับวันที่ 5 กันยายน 2565 นี้

เมื่อมี กฎหมายคาร์ซีท ออกมาแล้วคุณพ่อคุณแม่หลายท่านก็ต้องมองหาคาร์ซีทให้ลูกอย่างจริงจังเลยใช่ไหมคะ แล้วคาร์ซีทแบบไหนเหมาะสำหรับลูกเรา แบบไหนปลอดภัยกว่า วันนี้ Baby Gift ได้รวบรวมข้อมูลมาให้กับคุณพ่อคุณแม่ได้เตรียมความพร้อมแล้วค่ะ ไปดูกันเลย

หลังจากเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ กฎหมายคาร์ซีท เกี่ยวกับเด็กที่อายุไม่เกิน 6 ปี หรือสูงไม่เกิน 135 ซม. ผู้ปกครองต้องจัดหาที่นั่งพิเศษให้สำหรับเด็ก หรือนั่งในที่นั่งพิเศษสำหรับเด็ก (คาร์ซีท) เพื่อป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ หากไม่ทำตามกฏหมายก็จะถูกปรับ 2,000 บาท โดยจะมีผลบังคับใช้ในอีก 120 วันข้างหน้า ซึ่งตรงกับวันที่ 5 กันยายน 2565 นี้

เมื่อมี กฎหมายคาร์ซีท ออกมาแล้วคุณพ่อคุณแม่หลายท่านก็ต้องมองหาคาร์ซีทให้ลูกอย่างจริงจังเลยใช่ไหมคะ แล้วคาร์ซีทแบบไหนเหมาะสำหรับลูกเรา แบบไหนปลอดภัยกว่า วันนี้ Baby Gift ได้รวบรวมข้อมูลมาให้กับคุณพ่อคุณแม่ได้เตรียมความพร้อมแล้วค่ะ ไปดูกันเลย

ก่อนเริ่ม กฎหมายคาร์ซีท ต้องรู้วิธีเลือกซื้อคาร์ซีทที่เหมาะกับลูกก่อน

คาร์ซีท มีกี่ประเภท

โดยปกติแล้วในท้องตลาดมีคาร์ซีทที่วางจำหน่ายเอาไว้มากมายหลายประเภท และแบ่งการใช้งานตามช่วงอายุและน้ำหนักแต่หลัก ๆ เราสามารถแบ่งคาร์ซีททออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ คาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิด และคาร์ซีทสำหรับเด็กโต ซึ่งในแต่ละประเภทสามารถแยกย่อยได้อีกเป็นอย่างละ 2 ประเภท รวมแล้วเราจะสามารถแบ่งคาร์ซีทออกได้ทั้งหมดเป็น 4 ประเภท เป็นคาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิด 2 ประเภท และคาร์ซีทสำหรับเด็กโต 2 ประเภท

คาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิด

1. Carrier Carseat คาร์ซีทแบบกระเช้า คาร์ซีทประเภทนี้เป็นคาร์ซีทที่มีมานานแล้ว ลักษณะจะเหมือนกับกระเช้าขนาดเล็ก สามารถวางไว้ในรถได้เลย ในบางรุ่นสามารถปรับใช้งานเป็นรถเข็นได้เลยในตัว ใช้งานได้สองรูปแบบในตัวเดียว สามารถใช้งานได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิด จนถึงเด็กอายุประมาณ 18 เดือนหรือประมาณขวบครึ่ง คาร์ซีทแบบนี้จะเป็นการติดตั้งหันหน้าเข้าหาเบาะรถยนต์ ซึ่งเป็นการนั่งที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเด็กแรกเกิด

2. Convertible Carseat คาร์ซีทเด็กแรกเกิดจนถึงเด็กโต สามารถปรับใช้ 2 รูปแบบ คือ หันหน้าเข้าหาเบาะรถ (Rear-Facing) และหันหน้าไปหน้ารถ (Forward facing) จึงสามารถใช้งานกับเด็กได้หลากหลายช่วงอายุ ในบางรุ่นสามารถใช้ได้ถึง 4 ปี , 7 ปี ไปจนถึง 12 ปี คาร์ซีทประเภทนี้เป็นคาร์ซีทที่พ่อแม่ส่วนใหญ่นิยมใช้ ซึ่งตัวคาร์ซีทจะมีขนาดใหญ่ขึ้นมากว่าตัวคาร์ซีทแบบกระเช้า คาร์ซีทประเภท Convertible นี้จะเป็นประเภทที่ใช้กันอย่างหลากหลาย เพราะมีฟังก์ชั่นในการใช้งานเยอะ และสะดวกต่อการใช้งาน

คาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิด

  • ผ่านการรับรองความปลอดภัยในระดับสากล ECE R44/04 และ ECE R129 (i-size)
  • ฟังก์ชั่นการใช้งานออกแบบมาเพื่อคุณพ่อ-คุณแม่สะดวกสบายในทุกครั้งของการใช้งาน
  • ตัวคาร์ซีทคิดค้นมาเพื่อเด็กแรกเกิดโดยเฉพาะ รองรับกับสรีระได้เป็นอย่างดี

เลือกคาร์ซีทที่ใช่ เพราะชีวิตของลูกไม่สามารถประเมินมูลค่าได้

คาร์ซีทสำหรับเด็กโต กฎหมายคาร์ซีท   

1. Forward Facing Carseat คาร์ซีทสำหรับเด็กโต คาร์ซีทที่มีพนักพิงหลังใช้สำหรับเป็นคาร์ซีทตัวที่ 2 ให้กับเด็ก เหมาะกับเด็กที่นั่งชันหลังได้อย่างแข็งแรง ซึ่งส่วนมากคาร์ซีทจะใช้ได้ตั้งแต่ 1 ปี ไปจนถึง 12 ปี หรือบางรุ่นพิเศษหน่อยก็สามารถใช้ได้ตั้งแต่ 9 เดือน ขึ้นไป ตัวคาร์ซีทจะมีลักษณะที่เบาะกว้าง พนักพิงใหญ่และสูง เพื่อทำให้เด็กนั่งได้สบายที่สุด และเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของเด็กในช่วงวัยนั้น ๆ

2. Booster Carseat คาร์ซีทสำหรับเด็กโตเหมือนกับ Forward facing แต่แตกต่างกันที่ ตัวคาร์ซีทแบบ Booster seat จะไม่มีพนักพิงหลัง และไม่มีฟังก์ชั่นมากเท่ากับคาร์ซีทแบบอื่นๆ แต่มีน้ำหนักเบา เหมาะกับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป ที่นั่งชันหลังได้อย่างแข็งแรง และเป็นการเดินทางใกล้ๆ ไม่ต้องใช้ระยะเวลานาน

    คาร์ซีทสำหรับเด็กโต

    • ผ่านการรับรองความปลอดภัยในระดับสากล ECE R44/04 และ ECE R129 (i-size)
    • โครงสร้างที่มีขนาดใหญ่ รองรับกับสรีระและการเจริญเติบโตของเด็กได้เป็นอย่างดี
    • ลูกน้อยนั่งสบายด้วยการระบายอากาศรอบทิศทาง

    เพราะเข็มขัดนิรภัยในรถยนต์ออกแบบมารองรับกับช่วงอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป

    ระบบในการติดตั้งคาร์ซีท

    คุณพ่อคุณแม่ได้ทำความรู้จักกับคาร์ซีทและ กฎหมายนั่งคาร์ซีท กันไปแล้ว แต่อย่าพึ่งไปเลือกซื้อเด็ดขาดถ้ายังไม่ได้รู้จักระบบในการติดตั้งของคาร์ซีท หลัก ๆ แล้วคาร์ซีทมีระบบการติดตั้งอยู่ด้วยกัน 2 วิธี

    • ติดตั้งด้วยเข็มขัดนิรภัยของตัวรถยนต์
    • ติดตั้งด้วยระบบ ISOFIX

    โดยในแต่ละแบบก็จะมีความยากง่ายของการติดตั้งที่แตกต่างกันไป แต่สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับว่ารถยนต์ของคุณพ่อคุณแม่ ว่ามีระบบในการติดตั้งแบบไหน แต่ต้องมี มาตรฐานความปลอดภัยคาร์ซีท ระดับสากล

    ตำแหน่งที่เหมาะสมในการติดตั้งคาร์ซีท (สำหรับประเทศไทย) 

    อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการใช้งานคาร์ซีทที่ไม่ควรละเลย ก็คือตำแหน่งในการติดตั้ง ไม่ใช่ว่าเลือกซื้อคาร์ซีทดี ๆ แล้วมาติดตั้งตำแหน่งไหนก็ได้ แล้วจะปลอดภัยเหมือนกัน เพราะในรถยนต์แต่ละคันมักจะมีระบบในการป้องกันอุบัติเหตุเอาไว้หลากหลาย หนึ่งในนั้นก็คือระบบแอร์แบคในรถยนต์ตำแหน่งของเบาะด้านหน้า ซึ่งห้ามนำคาร์ซีทมาติดตั้งไว้ที่เบาะตรงนี้ เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุ แอร์แบคจะทำการพองตัวขึ้นมาและกระแทกเข้ากับคาร์ซีท ทำให้ลูกของเราที่นั่งอยู่บนคาร์ซีทเกิดอันตรายได้ 

    สำหรับประเทศไทย ตำแหน่งที่ควรจะติดตั้งคาร์ซีทก็คือ “ตำแหน่งเบาะด้านหลังเยื้องกับคนขับ” เป็นตำแหน่งที่เหมาะสมและปลอดภัยมากที่สุด เพราะว่าในประเทศไทยรถยนต์ทุกคันจะขับทางด้านขวาเสมอ เพราะฉะนั้นในฝั่งด้านซ้ายก็จะเป็นฝั่งที่ติดกับฟุตบาททำให้สะดวกในการนำลูกขึ้นรถหรือลงรถ

    ในส่วนของอุบัติเหตุก็ยังสามารถช่วยปกป้องลูกน้อยได้ เนื่องจากถนนส่วนใหญ่มี 2 เลนแล้วขับสวนกัน ในถนนลักษณะนี้โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุจากทางฝั่งด้านขวา จะเยอะกว่าฝั่งด้านซ้าย นี่คือเหตุผลที่ควรจะติดตั้งคาร์ซีทไว้เบาะด้านหลังเยื้องกับคนขับ

    คาร์ซีท ควรจะใช้เมื่อไหร่

    เป็นคำถามที่คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ ท่านเป็นกังวลเหมือนกันนะคะ กับการที่จะต้องเริ่มใช้คาร์ซีท ไม่รู้ว่าควรจะให้ลูกเริ่มนั่งคาร์ซีท ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ อายุเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสมที่สุด วันนี้ BabyGift ตอบให้ค่ะ คาร์ซีทควรจะให้ลูกนั่งตั้งแต่วันแรกที่ออกจากโรงพยาบาลเลย เพราะในเด็กแรกเกิดต้องการการปกป้องดูแลเป็นพิเศษระบบต่าง ๆ ในร่างกายของเขา ยังไม่แข็งแรงพอที่จะสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แนะนำว่าคาร์ซีทควรจะใช้ทุกครั้งที่พาลูกน้อยออกไปเดินทางนอกบ้าน หรือจะใช้จนกว่าเด็กจะมีอายุ 12 ปีขึ้นไป ส่วนสูงไม่เกิน 150 เซนติเมตร

    คาร์ซีทมือ 2 ราคาถูก ใช้งานได้เหมือนกันไหม

    ในประเด็นนี้ต้องบอกว่าสามารถใช้งานได้ ถ้ารู้ประวัติความเป็นมาของคาร์ซีทตัวนั้นแน่นอน อย่างเช่น ได้รับต่อมาจากญาติพี่น้อง เป็นต้น แต่ถ้าเราไม่ทราบประวัติความเป็นมาของคาร์ซีทตัวนั้นเลย ไม่แนะนำให้ซื้อเด็ดขาด เนื่องจากคาร์ซีทที่เคยประสบอุบัติเหตุมาแล้วนั้น จะหมดคุณสมบัติในการป้องกันลูกน้อยให้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุไปเลย

    เพราะว่าวัสดุที่อยู่ด้านในคาร์ซีทนั้นจะเกิดการชำรุดเสียหาย ทำให้คุณสมบัติในการปกป้องอุบัติของคาร์ซีทตัวนั้นเสื่อมถอยลง และนอกจากนี้คาร์ซีทก็ยังมีวันหมดอายุด้วย โดยปกติทั่วไปแล้วคาร์ซีทจะมีอายุใช้งานอยู่ที่ 7 ปีนับจากวันที่ผลิต ถ้าหลังจากนี้ไปวัสดุต่าง ๆ ก็จะเสื่อมสภาพลง ส่งผลให้คุณสมบัติในการปกป้องลูกน้อยลดลงตามไปด้วย

    สำหรับกฏหมายคาร์ซีทที่จะบังคับใช้เร็ว ๆ นี้ คุณพ่อคุณแม่ท่านไหนสนใจที่จะเลือกดูคาร์ซีทที่มีมาตรฐาน คุณภาพดี และที่สำคัญราคาเป็นมิตร สามารถสอบถามกันได้เลยที่ BabyGift เรายินดีและพร้อมที่จะให้คำแนะนำสำหรับทุกข้อสงสัยของคุณพ่อคุณแม่เพื่อให้ได้คาร์ซีทที่ใช่ และปลอดภัยในทุกการเดินทางสำหรับลูกน้อย

    และสำหรับคุณพ่อ คุณแม่ที่กำลังหาคาร์ซีทเด็กแรกเกิด ดีๆสักตัวอยู่ BABYGIFT ได้รวบรวมและคัดสรรมาให้ไว้ให้แล้ว สามารถดูได้ที่ คาร์ซีทแรกเกิดที่คัดสรรมาแล้วเพื่อคุณ

    สินค้าที่เกี่ยวข้อง

    คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

    สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

    7,700.00
    คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

    สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

    7,700.00
    คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

    สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

    7,700.00
    คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

    สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

    7,700.00
    คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

    สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

    7,700.00
    คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

    สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

    7,700.00

    บทความแนะนำ

    คาร์ซีทปลอดภัย สำหรับเด็กแรกเกิด จะต้องดูจากอะไรบ้าง วันนี้ BabyGift จะมาบอกวิธีดูคาร์ซีทที่ปลอดภัย แบบลึกซึ้งถึงโครงสร้างกันเลยค่ะ เพราะทุกวัสดุที่ประกอบอยู่ในคาร์ซีทนั้น มีผลต่อความปลอดภัยของลูกน้อยมาก และก่อนคุณพ่อคุณแม่จะตัดสินใจเลือกซื้อคาร์ซีทให้ลูกรัก นี่คือสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องรู้เลยค่ะ   โครงคาร์ซีท ทำจากอะไร แบบไหนที่ปลอดภัย      1. โครงพลาสติกทั่วไป (PP)  พลาสติกมีความแข็งแรง ทนต่อการกระแทก มีน้ำหนักเบา ส่วนใหญ่มักจะใช้ภายในห้องโดยสารรถยนต์ เช่น แผงประตู หรือ คอนโซลรถ  เมื่อใช้พลาสติก 100% ทำเป็นโครงคาร์ซีทสำหรับเด็กโตโดยเฉพาะ ที่น้องมีสรีระแข็งแรงแล้ว ก็เพียงพอต่อการปกป้องน้องให้ปลอดภัยค่ะ   แต่สำหรับเด็กแรกเกิด ที่สรีระบอบบาง ต้องการการปกป้องเป็นพิเศษ การใช้พลาสติก 100% เลย อาจจะไม่พียงพอ โครงคาร์ซีทควรจะเสริมด้วยวัสดุอื่น ๆ เพิ่มความแข็งแรงด้วย เช่น เสริมด้วยไฟเบอร์กลาส       2. โครงพลาสติก เสริมไฟเบอร์กลาส ไฟเบอร์กลาส หรือ เส้นใยแก้ว จะใช้เพื่อเสริมความแข็งแรงเป็นพิเศษ ใช้แทนโลหะได้เลย เช่น ทำชิ้นส่วนเครื่องบินเล็ก ทำชิ้นส่วนรถแข่ง เพราะทนต่อการถูกกระแทก ทนต่อการฉีกขาด มีน้ำหนักเบา และยังสามารถดัดโค้งจัดรูปทรงได้ ไม่เปราะง่าย  ในการทำโครงคาร์ซีทเด็กแรกเกิด […]

    เมื่อต้องพาเจ้าตัวน้อยเดินทางไกลขึ้นเครื่องบินครั้งแรก คุณแม่หลายท่านมักมีคำถามมากมาย เพื่อให้ทุกท่านเตรียมตัวเดินทางได้อย่างสนุกสนานพร้อมรถเข็นคันโปรดคู่ใจ Baby Gift ได้รวบรวมทุกคำตอบไว้ในที่เดียวจบ 1.รถเข็นแบบไหนสามารถนำขึ้นเครื่องบินได้บ้าง จำเป็นต้องพับเล็กๆ หรือมีข้อกำหนดเกี่ยวกับขนาดและน้ำหนักของรถเข็นหรือไม่? ตอบ เมื่อมีผู้โดยสารที่เป็นเด็กเดินทางไปพร้อมกัน รถเข็นเด็กทุกขนาด ไม่ว่าจะพับใหญ่พับเล็ก ทั้งหนักและเบา สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ทั้งหมดโดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องขนาดและน้ำหนัก แต่รถเข็นต้องสามารถพับได้ (ซึ่งรถเข็นทุกรุ่นทุกแบรนด์ที่จำหน่ายในปัจจุบันพับได้ทุกคัน) 2. ขั้นตอนการนำรถเข็นขึ้นเครื่องบินแบบ Gate Check ? ตอบ เมื่อนำกระเป๋าขนาดใหญ่ Check in เพื่อโหลดใต้ท้องเครื่องให้แจ้งเจ้าหน้าที่สายการบินว่ามีรถเข็นเด็กมาด้วย และต้องการเข็นไปโหลดที่หน้าประตูเครื่องบิน (หรือเรียกว่า Gate Check) เจ้าหน้าที่จะนำ Tag (หรือป้ายติดกระเป๋า) ติดให้ที่รถเข็นเพื่อป้องกันการสูญหาย เราสามารถเข็นลูกน้อยผ่านพิธีการต่างๆ ไปจนถึงหน้าประตูเครื่องบินตรงจุดที่มีแอร์โฮสเตสยืนต้อนรับ ให้พับรถเข็นให้เรียบร้อย หลังจากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่รอรับฝากรถเข็นเพื่อนำลงไปเก็บใต้เครื่อง (ในบางกรณีเจ้าหน้าที่จะจัดเตรียมถุงพลาสติกขนาดใหญ่คลุมให้อย่างดีเพื่อความสะอาดและปลอดภัย) ซึ่งเมื่อถึงที่หมายปลายทางเจ้าหน้าที่จะนำรถเข็นมาส่งคืนให้ที่หน้าประตูเครื่องบินเหมือนเดิม ในกรณีต่อเครื่อง (Transfer) ก็สามารถรับรถเข็นคืนได้ที่หน้าประตูเครื่องเช่นเดียวกัน 3. มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับนำรถเข็นเดินทางขึ้นเครื่องบินหรือไม่ ตอบ ทุกสายการบินอนุญาติให้นำรถเข็นขึ้นเครื่องได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย 4. ในกรณีที่รถเข็นมีขนาดเล็กและสามารถพับเก็บบนที่เก็บสัมภาระเหนือศีรษะ (Cabin) ได้ จะสามารถนำรถเข็นติดตัวขึ้นไปเก็บบน cabin ในเครื่องบินได้หรือไม่ ? ตอบ รถเข็นบางรุ่นสามารถพับและนำขึ้นเก็บบน Cabinได้ มีความเป็นไปได้ที่ทางสายการบินจะอนุญาติหรืออาจจะปฎิเสธไม่อนุญาติให้นำขึ้นไปเก็บบน Cabin […]

    แข็งแรง ทนทาน พับ-กางง่าย ลูกน้อยนอนสบาย นี่แหละคุณสมบัติรถเข็นเด็กที่แม่ๆต้องการ 1. รถเข็นเด็กที่แข็งแรง ทนทาน ต้องไม่มีรอยต่อหรือพับเล็กมากเกินไป โครงสร้างควรเชื่อมเป็นชิ้นเดียวกัน เพราะเมื่อผ่านการใช้งาน มักมีการขยับของข้อต่อ เป็นสาเหตุให้โครงสร้างไม่แข็งแรงและเกิดการสั่นสะเทือนเมื่อเข็นในที่ขรุขระ รถเข็นเด็กที่ดีควรมีการเชื่อมต่อส่วนที่สำคัญเป็นชิ้นเดียว จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงแม้ผ่านการใช้งานที่ยาวนาน 2. พับ-กางง่าย ด้วยมือเดียว เพราะต้องพาลูกเดินทางคนเดียวบ่อยๆ แน่นอนว่าแม่ๆ ที่ต้องเลี้ยงลูกเองไปไหนมาไหนกับลูกลำพัง เช่น ไปเดินห้าง เดินสวนสาธารณะ ต้องเลือกรถเข็นเด็กที่ให้ความคล่องตัว ใช้งานง่าย พับกางง่าย ไม่ซับซ้อน คุณแม่สามารถพับรถเข็นเด็กได้เองด้วยมือเพียงข้างเดียวได้ เพราะมืออีกข้างหนึ่งต้องอุ้มลูก พับแล้วตั้งกับพื้นได้โดยไม่ล้มกองบนพื้น จะช่วยให้คุณสามารถลากไปมาสะดวกและยังปลอดจากสิ่งสกปรกบนพื้นที่อาจเป็นอันตรายต่อลูกน้อยได้ 3. ชุด Support สำหรับเด็กแรกเกิด ชุดเบาะรองนอนสำหรับเด็กทารกเป็นสิ่งจำเป็นมาก รถเข็นเด็กแรกเกิด ควรมีหมอนรองรับสรีระเด็กทั้งศีรษะ คอ และหลัง เพราะเด็กทารกจะมีกระดูกสันหลังและคอที่ยังไม่แข็งแรง จึงต้องนอนบนเบาะที่ช่วยรองรับสรีระตั้งแต่ศีรษะ ต้นคอ หลัง และสะโพกเพื่อให้ท่านทนที่ถูกต้องหลังไม่โค้งงอผิดรูป และไม่เกิดการปิดกั้นทางเดินทางหายใจ Aprica รถเข็นเด็ก สำหรับวัยแรกเกิดอย่างแท้จริงๆ คิดค้นและวิจัยโดยกุมารแพทย์ จากประเทศญี่ปุ่น

    คาร์ซีท Ailebebe นวัตกรรมสุดล้ำ ปกป้องลูกน้อยได้ดีที่สุด คาร์ซีท เป็นผลิตภัณฑ์จำเป็นสำหรับเด็กชนิดหนึ่ง ที่พ่อแม่ต้องมั่นใจเป็นอย่างมากก่อนการตัดสินใจ ว่าสินค้านี้จะปลอดภัยมากเพียงพอในการปกป้องดูแลลูกน้อยตลอดการเดินทาง แบรนด์ Ailebebe ผู้นำด้านการผลิตคาร์ซีทในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับมาตรฐานระดับอุตสาหกรรมการออกแบบและพัฒนาชิ้นส่วนรถยนต์ ได้เข้าใจในเรื่องความปลอดภัยนี้ จนสามารถคิดค้นนวัตกรรมต่าง ๆ ที่เป็นเอกสิทธิ์หนึ่งเดียวในคาร์ซีท Ailebebe แบรนด์นี้แตกต่างจากคาร์ซีททั่วไปอย่างไร มาทำความรู้จัก คาร์ซีทเอเลเบเบ ไปพร้อม ๆ กันเลย คาร์ซีทเอเลเบเบ คืออะไร Ailebebe (Ai-le-be-be) อ่านว่า เอ-เล-เบ-เบ คือแบรนด์คาร์ซีทที่ผลิตจากประเทศญี่ปุ่น ออกแบบและผลิตโดยบริษัท Carmate จากเดิมเป็นผู้ออกแบบและพัฒนาชิ้นส่วนรถยนต์ที่มีความปลอดภัยที่สุดในประเทศญี่ปุ่น เริ่มก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2509 จนถึงปัจจุบัน มากว่า 50 ปีแล้ว  และด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จึงได้ออกแบบเบาะนั่งในรถยนต์สำหรับเด็ก หรือ คาร์ซีท ด้วยการใช้ประสบการณ์ความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย รวมถึงคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อให้ผู้ใช้คาร์ซีทปลอดภัยมากขึ้น ภายใต้แนวคิด “Safety and Comfort ความปลอดภัยที่มาพร้อมกับความสบาย” จนเป็นแบรนด์ Ailebebe คาร์ซีทที่คุณพ่อคุณแม่วางใจใช้มากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น  […]

    Q: ขวดนม อุปกรณ์ปั๊มนม ต้องต้ม หรือนึ่ง ให้ปราศจากเชื้อทุกวัน ? A: การนึ่ง หรือต้มฆ่าเชื้อขวดนมและจุกนมหลังใช้งานทุกวันจะทำให้ขวดนมพลาสติกและจุกนมเสื่อมสภาพเร็วขึ้นกว่าปกติ และไม่ได้ช่วยป้องกันโรคให้ทารกเพิ่มขึ้นมากไปกว่าล้างด้วยน้ำสบู่อุ่น ๆ หรือล้างด้วยน้ำร้อนผสมน้ำยาล้างขวดนมหลังใช้งาน การขยันทำให้ปลอดเชื้อมากเกินไป (over-sterilize) ไม่มีประโยชน์กลับเป็นการสร้างสิ่งแวดล้อมให้เชื้อที่ทนความร้อน และสร้างสปอร์ได้เพิ่มมากขึ้น (เพราะคุณไม่ได้ใช้หม้อความดัน หรือฉายรังสี) และทารกจะอาจได้สารพวกโพลีเมอร์ หรือฟอร์มัลดีไฮด์ปนเปื้อนออกมาจากพลาสติกที่เสื่อมสภาพแทน  สมาคมกุมารแพทย์อเมริกัน และ USFDA แนะนำให้ต้มหรือนึ่งฆ่าเชื้อขวดนม และอุปกรณ์ปั๊มนมเฉพาะครั้งแรกที่ใช้งานจากนั้นให้ล้างด้วยน้ำสบู่ หรือน้ำยาล้างขวดนมผสมน้ำอุ่น ทุกครั้งหลังใช้งานก่อนผึ่งให้แห้ง โดยไม่ให้้ใช้ผ้าเช็ด กรณีที่ต้องต้มหรือนึ่งฆ่าเชื้อทุกวันคือช่วงทารกป่วย เช่น ท้องร่วง หรือ เป็นฝ้าขาวในปาก คุณแม่ที่กังวลอาจนึ่งหรือต้ม ทุก 3-4 วัน สำหรับนมชง ทุก 1 สัปดาห์สำหรับนมแม่ทั้งนี้ จะต้องไม่มีการปล่อยให้นมบูดคาขวด (ถ้านมบูดคาขวดต้องต้มหรือนึ่งฆ่าเชื้อใหม่เสมอ) อย่างไรก็ตามไม่มีกฎตายตัว หากบ้านมีสภาพแวดล้อมที่ไม่สะอาด อยู่ใกล้แหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค อาจพิจารณาต้มหรือนึ่งให้บ่อยขึ้น สำหรับประเทศไทยที่มีภูมิอากาศร้อนชื้นมีโรคเขตร้อนที่เป็นโรคทางเดินอาหารมาก และประชากรมีสุขอนามัยไม่แน่นอน กุมารแพทย์ไทยหลายท่านอาจแนะนำให้คุณแม่ต้มหรือนึ่งขวดนมทุกวัน และกรณีที่ห้องครัวมีความสกปรกอับชื้นท่อน้ำไม่สะอาด หรือมีกระบะทรายแมวในห้องครัว (ซึ่งไม่ควรมี) คุณแม่อาจเลี่ยงไปตากขวดนม และจุกนมที่อื่นที่มีอากาศถ่ายเทคุณแม่ที่ปั๊มนมห้ามใช้สบู่เหลวในห้องน้ำที่ทำงานล้างขวดนม หรือ […]

    ลดอาการแพ้ท้อง ตอนตั้งครรภ์ทำให้คุณแม่หลายคนคิดว่าการจะมีลูกซักคนไม่ใช่เรื่องง่ายเลยใช่ไหมคะ อาการแพ้ท้องส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในช่วง 3 เดือนแรก อาการหลัก ๆ ก็เลยจะมีวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ถ้าหากคุณแม่มีอาการนี้แบบนี้อยู่ หรืออยากลดอาการแพ้ท้อง เราเลยมีเคล็ดลับง่าย ๆ ที่มาช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องมาฝากกันค่ะ แพ้ท้อง เกิดจากอะไร? อาการแพ้ท้องเกิดจากฮอร์โมน HCG (Human Chorionic Gonadotropin) ในร่างกายของคุณแม่เพิ่มสูงขึ้น จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางทางร่างกายและจิตใจ จนมีอาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน และอื่น ๆ  8 เคล็ดลับที่ช่วยลดอาการแพ้ท้อง 1. กลิ่นหอมสดชื่นเบา ๆ ช่วยได้ คุณแม่ที่ได้กลิ่นน้ำหอมฉุน กลิ่นเทียน กลิ่นธูป หรืออื่น ๆ แล้วมีอาการคลื่นไส้ ให้รีบออกมาจากตรงนั้นเลยค่ะ เพราะเรื่องกลิ่นก็มีผลกับอาการแพ้ท้อง คุณแม่ควรจะอยู่ในที่ที่มีอากาศถ่ายเท หากลิ่นสดชื่นธรรมชาติ ไม่ฉุน ก็จะช่วยให้คุณแม่อาการดีขึ้น รู้สึกเวียนหัวน้อยลง แล้วก็ช่วยให้ผ่อนคลายได้ด้วย 2. ดื่มน้ำลดอาการหน้ามืด อาการแพ้ท้องส่วนใหญ่จะมาในรูปแบบของการอาเจียน การดื่มน้ำเปล่าอุณภูมิปกติหรือน้ำส้มคั้นสักแก้วก็จะช่วยให้คุณแม่สดชื่นขึ้นได้ ช่วยให้ร่างกายไม่ขาดน้ำด้วยค่ะ และที่สำคัญคุณแม่ต้องดื่มน้ำเปล่าเป็นประจำด้วยนะคะ […]

    Menu
    All Categories
    All Brands
    All Ages
    Promotions
    Locations
    BabyGift Family
    BabyGift Care
    Parents Guide
    News & Event

    All Categories

    All Categories
    All Brands
    All Ages