สิทธิประกันสังคมคนท้อง เบิกอะไรได้บ้าง?

การตัดสินใจมีลูกสักคน นับเป็นเรื่องสำคัญของครอบครัว เพราะการมีลูกนั้นมักจะมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่เพิ่มมากขึ้น ต้องปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตแล้ว และหันมาคำนึงถึงค่าใช้จ่าย เริ่มตั้งแต่การฝากครรภ์ การคลอดบุตร การเลี้ยงดูบุตร แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ วันนี้ BABYGIFT จะพาไปดูกันว่าหากใช้ สิทธิประกันสังคมคนท้อง คุณแม่เบิกค่าใช้จ่ายอะไรได้บ้าง ไปดูพร้อมๆกันเลย

สิทธิเบิกจ่ายค่าฝากครรภ์ ค่าตรวจครรภ์

ประกันสังคมได้เพิ่มสิทธิเบิกจ่ายค่าฝากครรภ์ ค่าตรวจครรภ์ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2561
ให้กับผู้ประกันตนสำหรับคนท้องอีก 1,000 บาท ผู้ใช้สิทธิต้องจ่ายเงินเข้าประกันสังคมมาแล้ว
ไม่น้อยกว่า 5 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนเดือนที่ใช้สิทธิ

โดยจ่ายตามอายุครรภ์ ดังนี้

  • อายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์  จ่ายให้ในอัตราที่จ่ายจริงไม่เกิน 500 บาท
  • อายุครรภ์มากกว่า 12 สัปดาห์ แต่ไม่เกิน 20 สัปดาห์ จ่ายให้ในอัตราที่จ่ายจริงไม่เกิน 300 บาท
  • อายุครรภ์มากกว่า 20 สัปดาห์ แต่ไม่เกิน 28 สัปดาห์ จ่ายในอัตราที่จ่ายจริงไม่เกิน 200 บาท

คุณแม่ต้องสำรองจ่ายเงินไปก่อน แล้วนำใบเสร็จกับใบรับรองแพทย์มาเบิกจ่ายทีหลังได้เลย
ที่ประกันสังคมทั่วประเทศ โดยไม่ต้องรอให้มีการคลอดบุตรก่อน

สิทธิเบิกจ่ายค่าคลอดบุตร

คุณแม่ท้องสามารถใช้สิทธิประกันสังคม เบิกค่าคลอดบุตรได้ในอัตราเหมาจ่าย 13,000 บาทต่อครั้ง
เช่น ค่าทำคลอด ค่าห้องพัก ค่ายา หรือค่าบริการอื่นๆ

โดยสามารถเบิกค่าคลอดบุตรได้ไม่เกิน 2 ครั้ง ซึ่งหมายความว่า หากคุณแม่คลอดบุตรคนที่ 3
คุณแม่จะไม่สามารถเบิก ค่าคลอดบุตรได้อีก ยกเว้นถ้าคุณพ่อก็เป็นผู้ประกันตนด้วย ก็สามารถ
ใช้สิทธิของคุณพ่อกับบุตรคนที่ 3 และ 4 ได้

หากเลือกใช้บริการโรงพยาบาลที่ไม่ได้อยู่ในสังกัดที่คุณแม่เลือกใช้สิทธิประกันสังคมเอาไว้ คุณแม่ต้อง
สำรองจ่ายไปก่อน แล้วนำเอกสารใบเสร็จมาเบิกค่าใช้จ่ายทีหลังได้ ที่ประกันสังคมทั่วประเทศ 

สิทธิการลาคลอด

ประกันสังคมจ่ายค่าจ้างชดเชยในกรณีหยุดงานเพื่อลาคลอดให้กับคุณแม่ โดยทางประกันสังคม
จะจ่ายค่าชดเชย ในอัตรา 50 % ของค่าจ้างเฉลี่ย เป็นระยะเวลา 90 วัน

โดยมีเงื่อนไขดังนี้

  • ใช้สิทธิลาคลอดได้เฉพาะฝ่ายหญิงเท่านั้น
  • ใช้สิทธิได้เฉพาะบุตรคนที่ 1 และคนที่ 2 เท่านั้น
  • ต้องส่งเงินประกันสังคมแล้วไม่น้อยกว่า 5 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนคลอดบุตร
  • จ่ายค่าชดเชยให้ไม่เกินฐานเงินเดือน 15,000 บาท 
  • ระยะเวลาการจ่ายเงินชดเชยจะให้ทั้งหมด 90 วัน หรือ 3 เดือน นับรวมวันหยุดราชการ
  • หากลาไม่ครบ 90 วัน ประกันสังคมยังจ่ายเงินค่าชดเชยให้เช่นเดิม

ชดเชยกรณีแท้งบุตร

หากเกิดกรณีแท้งบุตร คุณแม่สามารถเบิกค่าใช้จ่ายในการคลอดบุตรประกันสังคมได้ตามปกติ
เพราะทางประกันสังคมถือว่าท่านได้คลอดบุตรแล้วไม่ว่าเด็กจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ตาม 

โดยมีเงื่อนไขดังนี้

  • ต้องจ่ายเงินค่าประกันสังคมแล้วไม่น้อยกว่า 5 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนแท้งบุตร
  • จะต้องมีอายุครรภ์ ไม่น้อยกว่า 28 สัปดาห์ หรือ 7 เดือนขึ้นไป

สิทธิรับเงินสงเคราะห์บุตร

สำหรับคุณแม่ที่คลอดลูกแล้วมีสิทธิ ยื่นรับเงินสงเคราะห์เลี้ยงบุตร  โดยคุณแม่จะได้รับเงินเหมาจ่ายเดือนละ 600 บาท
ตั้งแต่แรกเกิด – อายุ 6 ปีบริบูรณ์ เงินส่วนนี้ จะช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายคุณแม่มากยิ่งขึ้น

โดยเงื่อนไขดังนี้

  • ต้องเป็นผู้ประกันตนในมาตรา 33 หรือมาตรา 39 เท่านั้น
  • จ่ายเงินสมทบแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือน ก่อนเดือนที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน
  • เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย (ยกเว้นบุตรบุญธรรม)
  • ยกเว้นกรณีบุตรเสียชีวิต
  • กรณีคุณได้บุตรแฝด 2 คน ก็จะได้รับเงินประกันสังคม 1,200 บาทต่อเดือน
  • จ่ายเงินสูงสุดไม่เกินบุตร 3 คน

จะเห็นได้ว่าคุณแม่ที่มีประกันสังคมจะได้รับ สิทธิประกันสังคมคนท้อง พิเศษต่าง ๆ มากมายเพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ  และยังเป็นหลักประกันที่จะทำให้คุณแม่และลูกน้อยปลอดภัยได้อีกด้วย หากคุณแม่ท่านใด มีข้อสงสัยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
ได้ที่สายด่วนประกันสังคม 1506

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00

บทความแนะนำ

เมื่อต้องเดินทางหรือท่องเที่ยวพร้อมกับลูกวัยเบบี๋ อาจทำให้คุณแม่หลายๆ บ้านกังวลใจในการ พาลูกขึ้นเครื่อง ไม่ว่าจะเรื่องสุขภาพอนามัยความปลอดภัย ลูกน้อยจะเดินทางไหวไหม? ต้องเตรียมของใช้อะไรไปบ้าง? ลูกเดินทางได้อายุเท่าไร? มีอะไรที่เอาขึ้นเครื่องบินไปได้หรือไม่ได้บ้าง?  จะนั่งตรงไหนให้ปลอดภัยเลี้ยงลูกได้สะดวก? ลูกหิวหรือร้องงอแงจะทำอย่างไรได้บ้างนะ? ทุกเรื่องที่คุณแม่กังวลใจจัดการได้ไม่ยาก แค่เพียงทำตามข้อมูลและคำแนะนำเหล่านี้ค่ะ 4 เรื่องต้องรู้ก่อน พาลูกขึ้นเครื่องบิน เมื่อคุณแม่รู้ว่าจะต้องเพินทางพร้อมลูกวัยเบบี๋ สิ่งแรกที่ต้องทำคือการหาข้อมูล สอบถามกฎและรายละเอียดจากสายการบิน และวางแผนการเดินทางและอุปกรณ์ของใช้ให้ครบถ้วน อาทิ » หาข้อมูลก่อนเดินทาง ตรวจสอบกับสายการบิน ว่าอายุเด็กทารกที่เดินทางได้คือเท่าไร เพราะแต่ละสายการบินอาจมีข้อกำหนดที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งตามความจริงและพัฒนาการของเบบี๋แล้ว ควรให้ลูกอายุประมาณ 3-4 เดือนขึ้นไปจึงเดินทางได้เพื่อสุขภาพ สุขอนามัยและความปลอดภัย แต่หากมีความจำเป็นก็สามารถพาลูกเล็กขึ้นเครื่องบินได้ โดยบางสายการบินเด็กทารกที่เดินทางได้ต้องอายุไม่น้อยกว่า 7 วัน หรือบางสายการบินอาจให้ทารกอายุตั้งแต่ 14 วันขึ้นไป  หรืออาจอนุญาตให้อายุน้อยกว่านั้นขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์ สอบถามหาข้อมูลเรื่องการจองตั๋ว การเลือกที่นั่ง และค่าโดยสารสำหรับเด็กเล็ก  แจ้งสายการบินล่วงหน้า สอบถามเรื่องเอกสารที่ต้องใช้สำหรับเด็ก   ศึกษาข้อบังคับและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ บนเครื่องบิน สอบถามหรือหาข้อมูลข้อกำหนดต่างๆ ในการขึ้นเครื่องบิน ว่าสามารถนำอุปกรณ์ของใช้อะไรบ้าง ที่ขึ้นเครื่องบินเพื่อดูแลลูกทารกระหว่างการเดินทางได้ เช่น » เตรียมพร้อมอุปกรณ์ของใช้ในการเดินทางให้ลูกทารก รถเข็นเด็ก […]

นมแม่ คืออาหารมหัศจรรย์ของลูกน้อย อุดมด้วยสารอาหารมากกว่า 200 ชนิด ที่ครบถ้วนและเหมาะสมที่สุดสำหรับลูกน้อย ซึ่งคุณค่าสารอาหารในนมแม่ สำคัญที่สุดต่อการช่วยส่งเสริมพัฒนาการลูกทุกด้าน ได้แก่ อุ่นนมแม่ให้ถูก ลูกได้คุณค่าเต็มที่ เมื่อรู้ว่านมแม่มีคุณค่ามหาศาลอย่างนี้แล้ว คุณแม่ต้องให้ลูกน้อยกินนมแม่ให้นานที่สุด  เพื่อให้ลูกได้รับคุณค่าน้ำนมให้มากที่สุด ด้วยการทำสต๊อกนมแม่เก็บไว้ให้ลูก และให้ความสำคัญกับการอุ่นนมแม่ที่แช่แข็งหรือทำสต๊อกไว้มาให้ลูกกินด้วย เพราะหากอุ่นนมแม่ไม่ถูกวิธี อาจทำให้ลูกเจ็บป่วยท้องเสีย แถมยังสูญเสียสารอาหารที่มีคุณค่าในนมแม่ไป   เราจึงขอแนะนำวิธีการอุ่นนมที่ถูกต้อง เพื่อให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารที่ดีที่สุดมาฝากกันค่ะ วิธี อุ่นนมแม่ จากช่องแช่แข็ง ปัจจุบันมีเครื่องอุ่นนม ที่ช่วยอำนวยความสะดวกคุณแม่ในการละลายนมแม่แช่แข็ง ซึ่งมีการทำงานที่หลากหลายทั้งอุ่นนม ละลายน้ำแข็ง อุ่นอาหาร และฆ่าเชื้อได้  โดยคุณแม่ควรพิจารณาเลือกซื้อที่มีมาตรฐานความปลอดภัย  สามารถเลือกปรับอุณหภูมิได้ตามความเหมาะสม เพื่อรักษาคุณค่าของนมแม่ไว้ให้ครบถ้วน ข้อควรระวัง เรื่องเข้าใจผิดของการ อุ่นนมแม่ ทำเสียคุณค่าน้ำนม  ข้อมูลเพิ่มเติม :https://www.si.mahidol.ac.th/th/division/HpH/admin/news_files/718_49_1.pdf, FB: สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ,https://www.phyathai.com/https://library.thaibf.com/ (คลังข้อมูล มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย)

หลังจากเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ กฎหมายคาร์ซีท เกี่ยวกับเด็กที่อายุไม่เกิน 6 ปี หรือสูงไม่เกิน 135 ซม. ผู้ปกครองต้องจัดหาที่นั่งพิเศษให้สำหรับเด็ก หรือนั่งในที่นั่งพิเศษสำหรับเด็ก (คาร์ซีท) เพื่อป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ หากไม่ทำตามกฏหมายก็จะถูกปรับ 2,000 บาท โดยจะมีผลบังคับใช้ในอีก 120 วันข้างหน้า ซึ่งตรงกับวันที่ 5 กันยายน 2565 นี้ เมื่อมี กฎหมายคาร์ซีท ออกมาแล้วคุณพ่อคุณแม่หลายท่านก็ต้องมองหาคาร์ซีทให้ลูกอย่างจริงจังเลยใช่ไหมคะ แล้วคาร์ซีทแบบไหนเหมาะสำหรับลูกเรา แบบไหนปลอดภัยกว่า วันนี้ Baby Gift ได้รวบรวมข้อมูลมาให้กับคุณพ่อคุณแม่ได้เตรียมความพร้อมแล้วค่ะ ไปดูกันเลย หลังจากเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ กฎหมายคาร์ซีท เกี่ยวกับเด็กที่อายุไม่เกิน 6 ปี หรือสูงไม่เกิน 135 ซม. ผู้ปกครองต้องจัดหาที่นั่งพิเศษให้สำหรับเด็ก หรือนั่งในที่นั่งพิเศษสำหรับเด็ก (คาร์ซีท) เพื่อป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ หากไม่ทำตามกฏหมายก็จะถูกปรับ 2,000 บาท โดยจะมีผลบังคับใช้ในอีก 120 วันข้างหน้า ซึ่งตรงกับวันที่ 5 กันยายน 2565 […]

เมื่อลูกน้อยอายุ 1 เดือนขึ้นไป คุณพ่อคุณแม่ก็เริ่มต้องพาลูกออกจากบ้านมากขึ้น ไม่ว่าจะพาไปหาหมอ หรือพาไปทำธุระต่าง ๆ ซึ่งถ้าพูดถึงการพาเด็กเล็กออกไปนอกบ้าน นอกจากจะต้องมีรถเข็นเด็กที่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับลูกน้อยแล้ว คุณพ่อคุณแม่หลายๆ คนอาจจะกำลังมองหา เป้อุ้มทารก ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยให้เราอุ้มลูกได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น ไม่ทำให้เมื่อยจนเกินไปเพราะช่วยถ่ายเทน้ำหนักได้ดี สำหรับบทความนี้เราจะพูดถึงเรื่องของการเลือกซื้อเป้อุ้มทารกอย่างไรดีให้เหมาะกับลูกน้อยของเรา ตามไปดูกันเลยค่ะ BabyGift ชวนคุณแม่เลือก เป้อุ้มทารก 1 เดือน พร้อม 7 แบบเป้แนะนำ   เป้อุ้มทารก 1 เดือน จำเป็นหรือไม่ ? มีประโยชน์อย่างไร ?  ก่อนที่ BabyGift จะแนะนำแบบเป้ที่ดีกับลูกน้อยให้กับคุณแม่ ขอพาไปทำความรู้จักกับเป้อุ้มทารกกันก่อนนะคะ เป้อุ้มเด็ก หรือกระเป๋าอุ้มเด็กทารกเป็นอุปกรณ์ทุ่นแรงให้กับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ เพื่อสร้างความสะดวกสบายในการอุ้มลูกน้อยด้วยตัวเอง และยังสามารถทำกิจกรรมอื่นๆ ได้ โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีใครดูลูก เหมาะสำหรับการอุ้มเด็กเล็กตั้งแต่ช่วงแรกเกิดไปจนถึงอายุ 2 – 3 ขวบ ซึ่งเป้อุ้มเด็กจะมีประโยชน์อย่างมากโดยเฉพาะครอบครัวขนาดเล็ก เพราะมักจะไม่มีคนดูแลเด็กเมื่อคุณพ่อคุณแม่ต้องออกไปทำธุระอื่น ๆ นอกบ้าน หรือโดยเฉพาะคุณแม่ที่ต้องทำงานบ้านหรือทำธุระต่างๆ ซึ่งสามารถใช้เป้อุ้มเด็กเพื่อให้ลูกอยู่กับตัวเองได้ และสามารถทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้ไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งคุณแม่สามารถใช้เป้อุ้มทารกได้ตั้งแต่ 1 เดือน ไปจนถึงอายุ 1 ขวบขึ้นไป เราไปดูประโยชน์ของเป้อุ้มเด็กกันต่อเลยค่ะ  ซึ่งนอกจากประโยชน์ที่เล่าไปข้างต้นแล้ว ยังมีข้อดีอื่น ๆ ที่จะตอบคำถามคุณแม่อีกว่า ทำไมถึงควรใช้เป้อุ้มเด็ก ซึ่ง BabyGift เคยเขียนเอาไว้แล้ว ลองตามไปอ่านเพิ่มเติมกันดูนะคะ   เลือกเป้อุ้มเด็ก อย่างไรดี ? ถึงจะดีต่อลูกน้อยมากที่สุด   คุณแม่มือใหม่หลายคนอาจมีความกังวลว่าการใช้เป้อุ้มเด็ก […]

แผ่นรองคลาน ถือเป็นอีกหนึ่งไอเท็มจำเป็นที่ต้องมีในบ้าน ถึงแม้จะไม่อยู่ในลิสของใช้ลูกที่ต้องเตรียมไว้ก่อนคลอด แต่ก็ต้องทำความรู้จักกันไว้ล่วงหน้าซักนิด เพราะแผ่นรองคลาน ถือเป็นอีกอุปกรณ์หนึ่งที่จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการลูกน้อย ในวันที่เขาเริ่มคว่ำตัว และเริ่มที่อยากจะคลาน ซึ่งอยู่ในช่วงวัย 4 – 5 เดือน เป็นต้นไป แล้วแผ่นรองคลานแบบไหนที่ดีต่อลูกน้อยที่สุด วันนี้ Babygift เตรียมคำตอบไว้ให้คุณพ่อคุณแม่แล้วค่ะ แผ่นรองคลานที่ทำจากโฟม EVA วัสดุประเภทโฟม EVA นั้น จะมีน้ำหนักเบา และสามารถตัดเป็นชิ้นได้ง่าย แผ่นรองคลานประเภทนี้ จึงมักจะทำมาในรูปแบบของตัวต่อจิ๊กซอว์ แบบแยกชิ้นส่วน ทั้งแบบตัวเลข หรือตัวอักษรภาษาอังกฤษ เพื่อให้ลูกฝึกต่อเล่น เสริมสร้างพัฒนาการได้ เมื่อถอดเป็นชิ้น ๆ สามารถใส่กระเป๋าพกพาได้ง่าย และมีราคาถูกที่สุดในบรรดาแผ่นรองคลานทุกชนิด แต่เนื่องจากน้ำหนักที่เบาเกินไป ทำให้แผ่นรองคลานไม่ยึดติดกับพื้นบ้าน เมื่อลูกฝึกเดินอาจทำให้ลื่นติดกับเท้า อาจทำให้ลื่นล้มได้ / วัสดุมีกลิ่น และมีสี ที่อาจเป็นอันตรายหากลูกสัมผัสและนำมือเข้าปาก / วัสดุเป็นโฟม จึงไม่ทนทานต่อการขีดข่วน เมื่อเด็กเล็กที่มีเล็บยาว ข่วน หรือจิกเวลาที่พยุงตัว ก็อาจจะทำให้ฉีกขาดได้ง่าย จึงใช้งานได้เพียงระยะสั้น / แผ่นที่แยกกันทำให้อาจเกิดร่อง ซึ่งเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค และวัสดุชนิดนี้ไม่สามารถกันน้ำได้ […]

ใครกำลังคิดว่ากระเป๋าใส่ของแม่ ไม่ได้จำเป็นอะไร ใช้อะไรก็ได้ ลองแวะมาอ่านบทความนี้กันก่อนค่ะ พอเป็นคุณแม่แล้วก็มีของใช้มากมายต่างๆ ทั้งของเรา ของลูกเยอะแยะไปหมดใช่มั้ยคะ เพราะฉะนั้นการมีกระเป๋าใส่ของลูกก็จะทำให้คุณแม่มีความสะดวก หยิบของง่าย เป็นระเบียบมากขึ้น และในบทความนี้ BabyGift จะพาคุณแม่มาทำความรู้จักกระเป๋าของคุณแม่กันให้มากขึ้นค่ะ จำเป็นแค่ไหน ? กระเป๋าคุณแม่ ต่างจากกระเป๋าปกติยังไง ? กระเป๋าใส่ของคุณแม่มีความแตกต่างจากกระเป๋าทั่วไปในหลายๆ อย่างค่ะ ไม่ว่าจะเป็นขนาดและความจุ ซึ่งโดยมากมักมีขนาดใหญ่ และมีช่องเก็บของหลายช่อง เพื่อบรรจุของใช้สำหรับทั้งคุณแม่และลูกน้อย มีฟังก์ชันการใช้งานที่ถูกออกแบบมาให้สามารถบรรจุของที่จำเป็นต่อการดูแลลูกได้อย่างครบครัน เช่น มีช่องสำหรับใส่ขวดนม ผ้าอ้อม แผ่นรองเปลี่ยนผ้าอ้อม เป็นต้นค่ะ แล้วเราจะเลือกกระเป๋าใส่ของลูกยังไงให้เหมาะกับเรา ใช้ได้นาน มาดูรายละเอียดกันต่อค่ะ เลือก กระเป๋าคุณแม่ ยังไงดี ? การเลือกกระเป๋าที่เหมาะกับตัวคุณแม่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งาน คุณแม่จึงควรเลือกให้เหมาะกับพฤติกรรมและความต้องการใช้งาน เรามาดูวิธีการเลือกซื้อกันค่ะ 1. ขนาด และความจุ : ควรเลือกขนาดที่เหมาะสมกับความต้องการ ไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป รวมถึงมีช่องเก็บของเพียงพอสำหรับใส่ของใช้ของคุณแม่และลูกของเรา 2. น้ำหนัก ความสะดวกในการพกพา และความปลอดภัย : ให้เลือกวัสดุที่แข็งแรงแต่มีน้ำหนักเบา และมีสายสะพายที่นุ่ม และปรับความยาวได้ […]

Menu
All Categories
All Brands
All Ages
Promotions
Locations
BabyGift Family
BabyGift Care
Parents Guide
News & Event

All Categories

All Categories
All Brands
All Ages

Kid