ลูกไม่ยอมกินข้าว 1 ขวบ ทำยังไง ? แจก 9 เทคนิคช่วยคุณแม่สบายใจ ไม่ต้องปวดหัว !

เชื่อว่าปัญหาที่หลายๆ บ้านจะต้องเจอก็คือ การที่ลูกรักไม่ยอมกินข้าว โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่อายุ 1 ขวบขึ้นไป เมื่อเริ่มเดินได้คล่อง เริ่มวิ่งได้บ้าง ก็จะติดเล่น ไม่ค่อยยอมกินข้าวหรือกินได้น้อย บางคนก็อมข้าว ไม่ยอมเคี้ยว หรือหันหน้าหนี กว่าจะป้อนหมดชามก็ใช้เวลานานเกินไป ซึ่งทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายๆ คนเป็นกังวล เพราะการที่ลูกเราไม่ยอมกินข้าวก็อาจส่งผลต่อสุขภาพและการเติบโตของลูกได้ แต่ปัญหาการกินของลูกรับมือได้ไม่ยากเลยค่ะ เพียงแค่ต้องให้เวลา ใช้ความเข้าใจ และต้องใจแข็งนิดหน่อย ก็จะทำให้ลูกมีวินัยในการกินมากขึ้น ลูกไม่ยอมกินข้าว 1 ขวบ จะแก้ปัญหาอย่างไรดี ? มาลองฝึกลูกน้อยไปพร้อม ๆ กันกับ BabyGift ได้เลยค่ะ

ลูกไม่ยอมกินข้าว 1 ขวบ ทำยังไงดี ? ชวนดูเทคนิคดีๆ ที่ทำให้ลูกกินได้มากขึ้น

การได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอในปริมาณที่เหมาะสมนั้นเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากสำหรับลูกน้อย เพราะส่งผลต่อการเจริญเติบโตตามวัย หากได้รับสารอาหารไม่เพียงพอนั้นอาจทำให้ลูกมีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์และสุขภาพไม่แข็งแรงได้ โดยทั่วไปแล้ว เมื่อเด็กอายุครบ 1 ขวบจะเริ่มเรียนรู้การปฏิเสธอาหารหรือคายอาหาร เนื่องจากมีพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวร่างกาย สามารถหยิบจับอาหารเข้าปากได้เอง การปฏิเสธ หรือคายอาหารจึงเป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่งที่ช่วยป้องกันไม่ให้ตัวเองกินสิ่งที่เป็นพิษหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าไป โดยส่วนใหญ่แล้ว การที่ลูกไม่ยอมกินข้าว 1 ขวบนั้นจะเกิดขึ้นไม่นานและหายไปได้เอง แต่เด็กบางคนอาจมีพฤติกรรมกินยาก เลือกกิน ไม่ชอบกินข้าว หรือติดเล่นจนไม่ยอมกินข้าว ก็อาจทำให้คุณพ่อคุณแม่เป็นกังวลต่อสุขภาพของลูกได้ แล้วจะทำให้ลูกกินข้าวมากขึ้นได้อย่างไร BabyGift มี 9 เทคนิคดีๆ มาฝากแล้วค่ะ 

1. ฝึกให้ลูกกินข้าวเป็นเวลา และ กำหนดช่วงเวลาในการกินข้าวอย่างชัดเจน

ในกรณีที่ลูกไม่ยอมกินข้าวนั้น อาจเป็นเพราะว่าลูกห่วงเล่น ติดเล่น หรือเล่นสนุกเพลินจนไม่อยากกินข้าว ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรกำหนดเวลากินข้าวให้ชัดเจนว่า พระอาทิตย์ตกดินแล้วต้องเลิกเล่นและเตรียมตัวกินข้าว หรือเวลาที่สมาชิกในครอบครัวกินข้าวกัน ลูกก็ต้องมานั่งกินด้วย และถ้าลูกบอกว่าไม่หิวหรือห่วงเล่น ก็ไม่ควรดุด่าหรือตำหนิลูก แต่ควรอธิบายให้ลูกเข้าใจว่า ต้องมากินข้าวก่อน จากนั้นถึงจะสามารถเล่นต่อได้ และควรมีกฎระเบียบชัดเจนว่าควรเล่นได้จนถึงเวลาไหน นอกจากนี้ ในแต่ละมื้อลูกควรใช้เวลากินข้าวประมาณ 30 – 45 นาที เมื่อถึงเวลาที่กำหนด ให้เก็บจานข้าว แม้ว่าลูกจะยังกินไม่หมดหรือกินได้น้อยก็ตาม เพื่อเป็นการฝึกให้ลูกได้เรียนรู้ว่า ถ้าไม่กินภายในช่วงเวลานี้ ก็จะไม่ได้กินจนกว่าจะถึงมื้อต่อไป  โดยช่วงแรกคุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องใจแข็งเมื่อลูกงอแงอยู่บ้าง แต่ผ่านไปสักพักลูกจะเริ่มเรียนรู้และปรับตัวได้มากขึ้น และกินข้าวเป็นเวลามากขึ้นค่ะ

2. ฝึกให้ลูกนั่งเก้าอี้กินข้าวสำหรับเด็ก

การให้ลูกนั่งบนเก้าอี้กินข้าวเด็กโดยเฉพาะจะทำให้ลูกมุ่งความสนใจไปที่อาหารตรงหน้าและไม่วอกแวก ทำให้โฟกัสกับการกินข้าวได้มากขึ้น เมื่อเทียบกับการป้อนข้าวลูกในขณะที่ลูกเล่นอยู่หรือเดินไปกินข้าวไป จะทำให้กินได้น้อยและไม่ใส่ใจกับการกินเท่าที่ควร หรือถึงขั้นไม่ยอมกินข้าวได้ โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ที่อยากใช้วิธี BLW ฝึกลูกกินข้าวเอง เพราะการฝึกให้ลูกนั่งกินข้าวกับที่นั้นเป็นเทคนิคที่ทำให้ลูกน้อยมุ่งความสนใจไปยังการกินอาหารได้มากขึ้น นอกจากนี้ การเพิ่มความน่าสนใจไปที่ถ้วยชาม ช้อนส้อม แก้วน้ำ ผ้ากันเปื้อน ให้มีลวดลายน่ารักและมีสีสันสดใส หรือเป็นลายตัวการ์ตูนที่ลูกชอบ ก็จะทำให้ลูกสนุกกับการกินได้มากขึ้นด้วย

3. ไม่ควรทำอย่างอื่นในเวลากินข้าว

เมื่อลูกไม่ยอมกินข้าว คุณพ่อคุณแม่บางคนอาจจะเข้าใจว่า การเปิดแท็บเล็ตหรือเปิดการ์ตูนให้ลูกดู จะทำให้กินข้าวได้มากขึ้น แต่ความจริงแล้ว การทำแบบนี้อาจเป็นการเสริมสร้างนิสัยการกินที่ไม่ดีให้กับลูกน้อย วิธีง่ายๆ ในการฝึกวินัยการกินข้าวให้ลูกน้อย ก็คือ ไม่ควรให้ลูกทำกิจกรรมอย่างอื่นในระหว่างที่กำลังกินข้าวอยู่ ในขณะที่กินอาหารไม่ควรดูทีวี แท็บเล็ต หรือเล่นของเล่นไปด้วย เพราะจะทำให้ลูกกินข้าวช้า ใช้เวลากินข้าวนานเกินไป หรืออาจจะอมข้าว และไม่ยอมกินข้าวได้ นอกจากนี้ ควรนำของเล่นออกจากบริเวณโต๊ะอาหารด้วย เพราะหากลูกเห็นของเล่น ก็จะทำให้ลูกไม่สนใจอาหารที่อยู่ตรงหน้าได้

4. ให้ลูกกินนอาหารพร้อมกับคนอื่นๆ 

การกินอาหารร่วมกันก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สร้างวินัยการทานอาหารให้ลูกได้ พ่อ แม่ ลูก อาจร่วมโต๊ะทานอาหารด้วยกัน ไม่ควรปล่อยให้ลูกนั่งกินคนเดียวหรือแยกโต๊ะลูกออกไป เพราะจะทำให้ลูกรู้สึกว่าเวลากินข้าวนั้นเป็นช่วงเวลาที่ทำให้ตัวเองต้องอยู่คนเดียวหรือรู้สึกเหงา โดดเดี่ยว และแปลกแยก การกินอาหารร่วมกันจะทำให้ลูกรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนสำคัญในบ้าน เป็นเหมือนผู้ใหญ่ที่ได้นั่งโต๊ะกินข้าวด้วยกัน นอกจากนี้ อาจให้ลูกกินข้าวร่วมกับเพื่อนๆ หรือเด็กๆ คนอื่นๆ เช่น กินข้าวด้วยกันกับพี่น้อง ก็จะทำให้ลูกเจริญอาหารมากขึ้นค่ะ 

5. ตกแต่งเมนูอาหารให้น่ากินมากขึ้น

หากอาหารหน้าตาน่ากินหรือมีความน่ารัก ลูกก็จะให้ความสนใจกับอาหารมากขึ้นและอยากลองชิมดู บางทีที่ลูกไม่ยอมกินข้าวอาจเป็นเพราะรู้สึกเบื่อเมนูอาหารเดิมๆ และเพื่อไม่ให้ลูกรู้สึกเบื่อกับเมนูเดิม ๆ ซ้ำ ๆ อาจจะตกแต่งอาหารของลูกน้อยให้เป็นตัวการ์ตูนที่ลูกรู้จัก หรือปั้นข้าวให้เป็นลูกบอลหรือรูปหน้าหมี ทอดไข่ดาวจากพิมพ์ ตัดผักให้คล้ายต้นไม้แบบธรรมชาติ ก็จะช่วยให้ลูกหยิบกินได้ง่ายและรู้สึกสนุกไปด้วย 

นอกจากนี้ ควรเพิ่มสีสันลงไปในอาหารให้มากขึ้น เช่น สีเขียวจากบรอกโคลี สีส้มจากแครอท สีเหลืองจากฟักทอง สีขาวจากข้าว สีน้ำตาลจากเนื้อสัตว์ สีแดงจากผลไม้อย่างแตงโม สตรอว์เบอร์รี่ ก็จะทำให้มีสีสันน่ารับประทาน และทำให้ลูกได้รับสารอาหารที่หลากหลายครบถ้วนตามหลักโภชนาการเด็กอีกด้วย อย่าลืมสังเกตชนิด และลักษณะอาหารที่ลูกชอบด้วย ครั้งหน้าจะได้เตรียมเพิ่มให้ได้ และที่สำคัญอย่าลืมเรื่องรสชาติ ต้องอร่อยถูกใจ ลูกจะได้เจริญอาหารแบบสุดๆ ไปเลยค่ะ

6. บรรยากาศในการกินข้าวต้องมีความผ่อนคลาย 

ลูกไม่ยอมกินข้าว 1 ขวบ สามารถแก้ได้ด้วยบรรยากาศ คุณพ่อคุณแม่บางคนอาจจะตำหนิลูกหรือดุด่าทำโทษลูก ซึ่งอาจจะทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลง การฝึกให้ลูกมีวินัยในการกินข้าวนั้นจะต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป คุณพ่อคุณแม่ต้องใจเย็นๆ และมีความอดทนมากๆ และต้องเชื่อมั่นว่าลูกจะกินอาหารได้มากขึ้นอย่างแน่นอน ฉะนั้น ต้องไม่ดุ ไม่ตี ไม่บังคับให้ลูกต้องกิน หากลูกยังไม่ให้ความร่วมมือในการกินข้าว ก็ควรใช้วิธีดึงความสนใจ เช่น “มาดูสิ ข้าวหนูหน้าตาเหมือนตัวการ์ตูนที่ชอบเลย” “มาเลือกช้อนกินข้าวกัน วันนี้เอาสีอะไรดีคะ” หรือบอกเหตุผลที่ต้องกินข้าว เช่น “หนูต้องกินข้าวเพราะจะได้มีแรงไปเล่นกับเพื่อน” “ถ้ากินข้าวเยอะก็จะได้โตเร็วๆ ตัวโตเท่าเพื่อนเลย” หรือ “ต้องกินข้าวก่อนนะคะคุณแม่ถึงจะให้เล่นต่อ” อะไรแบบนี้เป็นต้น เพราะยิ่งบังคับ ยิ่งดุหรือทำโทษ แม้สุดท้ายลูกจะยอมกินข้าว แต่ก็กินด้วยความฝืนใจ ทำให้ฝังใจและมีความรู้สึกไม่ดีกับการกินข้าวได้ค่ะ

7. ตักอาหารให้ลูกในปริมาณที่พอเหมาะ 

คุณพ่อคุณแม่บางคนอยากให้ลูกกินเยอะๆ จึงตักอาหารให้ลูกในปริมาณมาก ซึ่งถ้าหากอาหารมีปริมาณมากเกินไป ลูกจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องยากที่ต้องกินให้หมดชาม ทำให้ไม่อยากกินหรือท้อใจกับการกินได้ ดังนั้นเมื่อลูกไม่ยอมกินข้าว 1 ขวบ จึงควรตักอาหารให้ลูกในปริมาณที่พอดี ไม่มากไม่น้อยเกินไป กะปริมาณให้ลูกกินอิ่มใน 1 มื้อ และได้รับพลังงานอย่างเพียงพอ และถ้าลูกยังไม่อิ่ม หรืออยากกินเพิ่ม ก็ค่อยตักเพิ่มให้ลูกค่ะ

8. ลดขนมหวาน

ให้ลองสังเกตดูว่า ถ้าลูกไม่ยอมกินข้าว 1 ขวบ เป็นเพราะว่ากินขนมในปริมาณมากหรือเปล่า เพราะขนมหวาน เค้ก คุ้กกี้ ไอศกรีม ลูกอม ช็อกโกแลต ขนมกรุบกรอบที่มีรสหวานต่างๆ นั้น เมื่อกินเสร็จจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ซึ่งจะไปกดศูนย์ควบคุมความหิวในสมอง ทำให้ลูกไม่รู้สึกหิว ไม่อยากอาหาร สามารถแก้ไขได้โดยการงดขนมหวานระหว่างมื้ออาหาร อาจเปลี่ยนเป็นผลไม้ที่ไม่หวานจัดแทน การงดขนมหวานระหว่างมื้อจะทำให้เด็กท้องว่าง รู้สึกหิวมากขึ้น และทำให้กินข้าวได้มากขึ้นโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ การลดน้ำตาลในเด็กยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ในเด็กอีกด้วยค่ะ 

9. ให้ลูกได้เล่นซน และใช้พลังงานอย่างเต็มที่ 

อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ลูกไม่ค่อยหิว และไม่ยอมกินข้าวนั้น อาจเป็นเพราะว่าลูกไม่ได้ใช้พลังงานอย่างเต็มที่ หรือไม่ค่อยได้ขยับเขยื้อนร่างกาย และถ้าคุณพ่อคุณแม่ท่านไหนให้ลูกกินขนมหรืออาหารว่างระหว่างวันเรื่อยๆ ก็จะยิ่งทำให้เด็กไม่รู้สึกอยากอาหารได้ ดังนั้นแล้ว ลองพาลูกออกไปเล่นซนนอกบ้านบ่อยๆ ไปทำกิจกรรมนอกบ้านให้มากขึ้น หรือพาไปวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ ซึ่งจะทำให้ลูกได้ใช้พลังงานอย่างเต็มที่ ได้ออกกำลังกาย ได้ออกแรง และรู้สึกหิวโดยอัติโนมัติ ทำให้กินข้าวได้มากขึ้นนั่นเองค่ะ วิธีนี้นอกจากจะทำให้ลูกมีความอยากอาหารเพิ่มมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ลูกได้ออกแรงและมีร่างกายแข็งแรงขึ้นด้วยนะคะ   

BabyGift แนะนำตัวช่วยสำหรับมื้ออาหาร ให้ลูกน้อยกินข้าวได้เยอะขึ้น

1. PRINCE & PRINCESS เก้าอี้ฝึกกินข้าว Fairy Plus

เก้าอี้ฝึกกินข้าวสำหรับเด็กรุ่น Fairy Plus จากแบรนด์ PRINCE & PRINCESS เป็นตัวช่วยสำคัญในการฝึกให้ลูกนั่งกินข้าวได้เอง และมีวินัยในการกินมากขึ้น รองรับน้ำหนักได้มาก มีความแข็งแรงปลอดภัยด้วยรางล็อคเหล็กแบบตะขอเกี่ยว ไม่เสี่ยงต่อการหลุดร่วงลงมา ให้ลูกน้อยนั่งกินข้าวเองได้อย่างปลอดภัยและสะดวกสบาย ตอบโจทย์ความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ในยุคปัจจุบัน

จุดเด่น 

  • สามารถปรับความสูงได้ 7 ระดับ ตั้งแต่ 25 เซนติเมตร – 60 เซนติเมตร 
  • พนักพิงเก้าอี้สามารถปรับเอนนอนได้ 3 ระดับ เหมาะกับการใช้นั่งพักหลังมื้ออาหาร ป้องกันไม่ให้ลูกน้อยเป็นกรดไหลย้อน หรือแหวะนม เมื่อเทียบกับการพาลูกนอนราบบนที่นอน
  •  มีล้อหน้า-หลัง และตัวล็อคล้อเพื่อความปลอดภัย เคลื่อนย้ายได้สะดวก และหากไม่ใช้งานสามารถพับเก็บได้ง่ายภายใน 1 วินาที
  • ถาดอาหารมีขนาดใหญ่ มี 2 ชั้น มีคุณสมบัติ BPA Free (ปราศจากสาร  Bisphenol A ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย) และเป็นวัสดุ Food Grade ปลอดภัยไม่มีสารตกค้าง สามารถถอดแยกไปทำความสะอาดได้ 
  • พนักพิงเก้าอี้กว้าง รองรับช่วงสรีระของลูกน้อยได้จนโต มีสายรัดนิรภัยเพื่อป้องกันลูกร่วงตกจากเก้าอี้ 
  • เบาะรองนั่งเป็นนวัตกรรม Cotton Cushion เสริมความหนานุ่มนั่งสบาย สามารถถอดซักได้ และเบาะ PU ที่เป็นวัสดุกันน้ำไม่ซึม เช็ดทำความสะอาดได้

2. GRACE KIDS ช้อนป้อนอาหารซิลิโคน 3 ฟังก์ชั่น พร้อมกล่องเก็บ

ช้อนป้อนอาหารซิลิโคนปลายนิ่ม เหมาะสำหรับวัยที่เริ่มหัดกินข้าวเอง มี 3 ฟังก์ชั่นการใช้งานด้วยกัน ได้แก่ ช้อนตัก ส้อม และปลายช้อนสำหรับบดอาหาร มาในรูปยีราฟน่ารักน่าใช้งาน พร้อมกล้องเก็บช้อนที่สะดวกต่อการพกพา ป้องกันการปนเปื้อนจากสิ่งสกปรกได้ดี 

จุดเด่น

  • ปราศจากสาร BPA ที่เป็นอันตรายต่อลูกน้อย
  • ทำความสะอาดได้ง่าย ไม่เป็นคราบ
  • สามารถนึ่งฆ่าเชื้อโรคได้ 
  • ออกแบบมาให้มีขนาดพอดีกับปากเด็กเล็ก
  • ด้ามจับถนัดมือ ผลิตจากวัสดุมีคุณภาพ

สำหรับคุณพ่อคุณแม่คนไหนที่กำลังกังวลใจเรื่องลูกไม่ยอมกินข้าว หวังว่า 9 เทคนิคที่ BabyGift เอามาฝากในบทความนี้จะทำให้ลูกเริ่มกินข้าวได้มากขึ้นและมีวินัยในการกินมากขึ้นนะคะ ทั้งนี้ ควรคำนึงด้วยว่า ลูกไม่ยอมกินข้าว 1 ขวบนั้น เป็นเพราะลูกของเรามีปัญหาด้านสุขภาพที่ส่งผลต่อการกินหรือเปล่า โดยเด็กอาจดูด เคี้ยว กัด หรือกลืนอาหารไม่ถนัด มีอาการสำลักหรือรู้สึกพะอืดพะอมในเวลากินข้าว หรือปวดท้อง ท้องอืด ท้องผูก ท้องเสียเป็นประจำหลังกินข้าวเสร็จ ก็อาจจะทำให้รู้สึกไม่อยากกิน ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตด้วยว่าลูกมีปัญหาทางด้านสุขภาพหรือไม่ และควรพาไปพบคุณหมอเพื่อรักษาตามอาการค่ะ 

และถ้าคุณพ่อคุณแม่สนใจสินค้าอื่นๆ สำหรับแม่และเด็ก สามารถมาเยี่ยมชมสินค้าได้ที่ BabyGift ร้านจำหน่ายสินค้าแม่และเด็กระดับคุณภาพ มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี คุณพ่อคุณแม่สามารถมาเยี่ยมชมสินค้าต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์กินข้าวสำหรับลูกน้อยหรือสินค้าอื่นๆ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ร้านเบบี้กิ๊ฟทั้ง 5 สาขา ใกล้บ้าน หรือสอบถามผ่านช่องทาง Online ทีมงาน BabyGift ยินดีให้คำแนะนำค่ะ 

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00

บทความแนะนำ

ได้เวลา “ป๋อมแป๋ม” กันแล้ว อีกหนึ่งช่วงเวลาแห่งความสุขของลูกน้อยที่จะได้ลงอ่างอาบน้ำให้สบายตัว ในช่วงเวลาสั้นๆ แบบนี้หากคุณพ่อคุณแม่รู้จักเพิ่มเติมองค์ประกอบบางอย่างลงไป ก็จะช่วยให้ช่วงเวลาอาบน้ำของลูกน้อยเต็มไปด้วยความสุข สนุก สะอาด ช่วยเสริมพัฒนาการของลูกน้อยไปได้พร้อมๆ กัน เสริมพัฒนาการของลูกขณะอาบน้ำ ระหว่างที่ลูกน้อยกำลังวุ่นอยู่กับการอาบน้ำ คุณพ่อคุณแม่อาจเสริมด้วยเทคนิคง่ายๆ ที่จะช่วยให้ลูกน้อยมีพัฒนาการที่ดีขึ้น ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาเล็กๆ ก็ตาม ด้วยวิธี 3ส. ดังนี้ ส.ที่ 1 = สุข เด็กกับน้ำเป็นของคู่กัน อยู่แล้ว เวลาที่เด็กได้เล่นอยู่กับน้ำจะทำให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุขหรือ “สารเอนดอร์ฟีน” ออกมา ซึ่งสารแห่งความสุขนี้จะส่งผลทางด้านบวกต่อการรับรู้และเรียนรู้ ช่วยให้ลูกพร้อมซึมซับประสบการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดการอาบน้ำซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถสร้างบรรยากาศในการอาบน้ำ ที่เอื้อต่อการเกิดความสุขได้ดังนี้ ส.ที่ 2 = สนุก เมื่อเด็กมีความสุขก็พร้อมที่จะเรียนรู้ และการเรียนรู้ของเด็กก็คือการที่เด็กได้เล่นสนุกนั่นเอง ดังนั้นเพื่อเพิ่มพัฒนาการให้กับลูกน้อยในระหว่างอาบน้ำให้คุณพ่อคุณแม่ เลือกสรรของเล่นลงอ่างอาบน้ำให้เหมาะสมด้วย ซึ่งของเล่นในอ่างอาบน้ำก็มีความแตกต่างกับดังนี้ ส.ที่ 3 = สะอาด คือความสดชื่นหลังอาบน้ำ การที่ลูกน้อยได้อาบน้ำอย่างสะอาดช่วยให้ลูกน้อยมีความสุขและรักการอาบน้ำ มากยิ่งขึ้น >>>ขอขอบคุณข้อมูลจาก : แคร์

เคยมีคนบอกว่า แต่งงานแล้วอย่าเพิ่งมีลูกนะ เดี๋ยวไม่มีเวลาได้ไปท่องเที่ยว เพราะถ้ามีลูกน้อยจะเดินทางแต่ครั้ง ต้องเตรียมสัมภาระของลูก 1 กระเป๋าใหญ่ ต้องรับมือกับลูกที่อาจร้องงอแง เพราะพักผ่อนไม่เต็มที่ ถึงเวลานอนแล้วไม่ได้นอน งอแงต้อให้อุ้มตลอดเวลา ก็คงเที่ยวไม่สนุก แล้วก็จะเข็ดไม่อยากไปไหนอีกเลย แต่รู้ไหมว่าไม่ใช่สิ่งที่ดีสำหรับลูกน้อยเลย เพราะเด็กในช่วงวัยนึง เป็นช่วงวัยที่ต้องการการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆจากสิ่งแวดล้อมภายนอก ช่วยส่งเสริมให้พัฒนาการของลูกน้อยเป็นไปอย่างดีเยี่ยม …แต่ถ้าไม่ได้พาลูกออกนอกบ้านเลย แล้วจะเรียนรู้ได้อย่างไรหล่ะ??? แต่สำหรับครอบครัวพ่อเพชรจ้า-แม่นิวเคลียร์ สามารถพาน้องไทก้าเที่ยวได้ทุกที่ได้อย่างคล่องตัว พาออกนอกบ้านตั้งแต่น้องยังเล็กๆอยู่เลยค่ะ ก็เพราะมีตัวช่วยอย่าง รถเข็นเด็ก Aprica รุ่น Karoon เป็นรถเข็นเด็กที่เบาที่สุดในโลกก็ว่าได้ เพราะเบาเพียง 3.6 kg. TRIP KOREA รถเข็นเด็ก Aprica รุ่น Karoon กับทริปแรกของน้องไทก้า ในวัยประมาณ 6 เดือน เดินทางไปไกลถึงแดนกิมจิ ประเทศเกาหลี ด้วยน้ำหนักที่เบาเพียง 3.6 kg. ช่วยให้นำรถเข็นขึ้นเครื่องได้อย่างสบาย รถเข็นเด็ก Aprica รุ่น Karoon ปรับเข็นได้ 2 ทิศทาง ช่วยให้พ่อเพชรจ้าดูแลน้องไทก้าได้อย่างใกล้ชิด แบบ face to face […]

สำหรับครอบครัวที่มีลูกเล็กๆ ส่วนใหญ่การทำความสะอาดขวดนม จะใช้วิธีการต้ม หรือนึ่ง โดยเป็นการฆ่าเชื้อโรคด้วยความร้อนสูง ซึ่งเหมาะกับพาชนะที่เป็นแก้ว หรือซิลิโคน ส่วนขวดนมแบบพลาสติกการใช้ความร้อนสูงมากๆ ทุกวันจะทำให้ขวดนมพลาสติกและจุกนมเสื่อมสภาพเร็วขึ้นกว่าปกติ และเกิดการปล่อยสารต่างๆ ออกมาจากพลาสติกนั้น เช่น สารพวกโพลีเมอร์ หรือฟอร์มัลดีไฮด์ปนเปื้อนออกมาจากพลาสติกที่เสื่อมสภาพ แถมยังทิ้งไอน้ำไว้ที่ก้นขวด ซึ่งไอน้ำนี้อาจมีเชื้อแบคทีเรียแฝงอยู่ ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ได้มีการคิดค้นการฆ่าเชื้อโรค โดยรังสี UV ที่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้กับหลากหลายผลิตภัณฑ์ เช่น ขวดนมพลาสติก ยางกัด จานชาม หรือแม้แต่อุปกรณ์อเลกทรอนิก มาทำความรู้จักกับ หลอดรังสี UV-C ที่หลายคนสงสัยว่า ฆ่าเชื้อโรคได้จริงไหม? รังสี UV คืออะไร แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ประกอบด้วยรังสี 2 ส่วนคือ รังสีที่มองเห็นได้และมองไม่เห็นรังสีที่มองเห็นได้ จะมี 7 สี แต่จะสามารถเห็นต่อเมื่ออากาศมีความชื้นสูง รังสีจากดวงอาทิตย์ตกกระทบกับน้ำในอากาศ เราจะสามารถมองเห็นสีทั้ง 7 ได้ ที่เรียกว่า “รุ้งกินน้ำ” นั่นเอง รังสีที่มองไม่เห็น คือพลังงานในรูปคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่แผ่ออกมาจากดวง อาทิตย์ มี 2 ส่วนคือ สำหรับครอบครัวที่มีลูกเล็กๆ […]

ในช่วงแรกของการเป็นคุณพ่อ คุณแม่มือใหม่ คำถามที่มักจะเกิดขึ้นก็คือ “ทำไมต้องใช้หมอนสำหรับทารก หรือหมอนหัวทุย” แท้จริงแล้วหมอนเหล่านี้มีประโยชน์มากมายสำหรับเจ้าตัวน้อย เนื่องจากช่วยป้องกันปัญหาหัวแบน กระดูกสันหลังบิดเบี้ยว ช่วยเพิ่มความสบายในการนอนหลับ ระบายอากาศได้ดี ดังนั้นในบทความนี้ BabyGift จะชวนมาเรียนรู้เหตุผลสำคัญที่คุณพ่อ คุณแม่ทุกคนไม่ควรมองข้ามในการเลือกหมอนสำหรับทารกแรกเกิด เพื่อเตรียมห้องนอนเด็กอ่อนให้พร้อมก่อนคลอดกันค่ะ  เลือกหมอนทารกใบแรกให้ลูก ต้องเลือกยังไง ? หมอนหัวทุยจำเป็นหรือเปล่า ?  หมอนสำหรับทารกถือเป็นสิ่งจำเป็นในการดูแลเจ้าตัวน้อย แม้จะดูเป็นสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ แต่การเลือกหมอนที่เหมาะกับทารกจะส่งผลต่อสุขภาพและความปลอดภัยของลูกน้อยอย่างมาก คุณพ่อ คุณแม่คนไหนที่กำลังสงสัยว่าจะเลือกหมอนสำหรับทารก หรือหมอนหัวทุยยังไงดี ไปหาคำตอบพร้อมกันในบทความนี้พร้อมๆ กันเลยค่ะ  หมอนทารก คืออะไร ?  หมอนสำหรับทารก เป็นหมอนขนาดเล็กที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับทารก ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักดังนี้   ควรใช้หมอนทารก เมื่อไหร่ ?  ตามคำแนะนำจากกุมารแพทย์ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ได้มีการสรุปว่า ท่านอนที่ดีและปลอดภัยที่สุดสำหรับทารก คือการนอนหงายบนพื้นผิวแบนราบโดยไม่มีสิ่งของใดๆ อยู่บนเตียงนอน เช่น ผ้าห่ม ตุ๊กตา หมอน เป็นต้น เนื่องจากอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ หรือโรคไหลตายในทารก (SIDS) ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตในเด็กอายุไม่เกิน 4 เดือน การใช้หมอนอาจเพิ่มความเสี่ยงจากการอุดกั้นทางเดินหายใจของทารก เมื่อทารกพลิกตัว หรือคว้าวัตถุเหล่านั้นโดยไม่รู้ตัว […]

ด้วยนวัตกรรมที่ถูกวิจัยและคิดค้นโดยกุมารแพทย์จากญี่ปุ่น จึงทำให้มี 10 คุณสมบัติพิเศษ จากรถเข็นเด็ก Aprica นี้ ที่ช่วยให้คุณแม่มั่นใจได้ ว่าลูกน้อยปลอดภัยตลอดการเดินทางแน่นอนค่ะ Sofa Cushion ที่สุดของความนุ่มสบายด้วยนวัตกรรมใหม่ ยกโซฟามาไว้ในรถเข็นเด็ก ช่วยรองรับแรงกระแทก เข็นได้กับทุกพื้นผิวให้ลูกน้อยเพลดเพลินนุ่มสบายในทุกการเดินทาง Double Shock ลดแรงสั่นสะเทือนได้ถึง 40% ด้วยระบบรองรับแรงกระแทกได้ถึง 2 จุด ใต้ที่นั่ง และที่ล้อ Ergonomic Design ที่รองรับการเจริญเติบโต 3 ช่วงวัย ได้อย่างลงตัว Multi-Shockless โครงสร้างแบบลดรอยต่อ โครงสร้างของรถเข็นเด็กถูกเชื่อมต่อส่วนต่างๆเป็นชิ้นเดียวกัน จึงช่วยเพิ่มความแข็งแรงและลดการสั่นสะเทือนได้ดี แม้ผ่านการใช้งานที่ยาวนาน Double Thermo System ลดความอับชื้นแบบ Double ลูกน้อยรู้สึกปลอดโปร่ง สบายตัวช่วยปรับอุณหภูมิในร่างกายให้เหมาะสมด้วยฉนวนกับความร้อนพิเศษ ช่วยสะท้อนความร้อนจากพื้นพร้อมช่องระบายอากาศที่ด้านหลัง ช่วยระบายความร้อนได้ดี ลดความร้อนสะสมบริเวณหลังของลูกน้อย ให้ความรู้สึกสบายตัว เบาะรองนอนทรงนาฬิกาทราย เหมาะกับสรีระของลูกน้อยวัยแรกเกิด เพราะเด็กทารกจะนอนในท่ากางแขนกางขา เบาะรองนอนทรง WM สามารถรับสรีระได้อย่างเหมาะสม ช่วยให้เคลื่อนไหวขยับแขนขาได้อย่างเป้นธรรมชาติ High Seat […]

รวมสุดยอดวิธี เลือกเป้อุ้มทารก เพราะเป้อุ้มเด็ก  เป็นเครื่องทุ่นแรงที่สำคัญยิ่งสำหรับคุณแม่  ที่เรียกได้ว่าคืออุปกรณ์คู่กายคู่ใจที่พาคุณแม่และลูกน้อยไปทำกิจวัตรด้วยกันได้เสมอ เป้อุ้มลูกนี้จึงเป็นหนึ่งในสิ่งอำนวยความสะดวกประจำบ้านที่กำลังเลี้ยงลูกอ่อน ยิ่งเป็นครอบครัวเล็กที่คุณแม่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียวไม่มีคนมาช่วยเลี้ยงลูก ในช่วงเวลาที่คุณพ่อไปทำงานนอกบ้าน  ยิ่งถือเป็นของใช้ที่จะช่วยให้คุณแม่ทำงานและกิจกรรมอื่นๆได้ พร้อมเลี้ยงลูกได้แบบเบ็ดเสร็จ ซึ่งในยุคสมัยที่การหาเงินได้ฝืดเคือง และข้าวของใช้ราคาสูงเช่นนี้ การเลือกซื้อเป้อุ้มลูกทั้งที เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่จะต้องพิจารณาอย่างถ้วนถี่ และเลือกใช้ให้คุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่าย แต่จะรู้ได้อย่างไร? ว่าเป้อุ้มเด็กแบบไหนดี ทนทานปลอดภัย ใช้งานได้นานจนลูกโต ลองมาอ่านเทคนิคดีๆ เหล่านี้กันเลย 1 ตอบโจทย์การใช้งาน การเลี้ยงลูกของครอบครัว นั่นคือการเลือกให้ตรงกับสไตล์การเลี้ยงลูกของครอบครัว การทำงานของคุณพ่อคุณแม่และการเดินทางของคนในบ้าน ซึ่งต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ  ได้แก่  ขนาดของครอบครัวและคนช่วยเลี้ยงลูก เพราะหากเป็นครอบครัวเล็ก คุณแม่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียว คุณพ่อไปทำงาน จำเป็นต้องใช้เป้อุ้มลูก สำหรับเวลาทำงานบ้าน ทำธุระหรือจำเป็นต้องออกไปซื้อของนอกบ้าน   แม้แต่เป็นครอบครัวใหญ่ อาจจะได้ใช้เวลาคุณแม่ต้องทำธุระ ผลัดกันใช้เวลาเดินทางไปข้างนอก  สิ่งของที่ใช้กับลูก เวลาที่ต้องพาลูกออกนอกบ้าน เพราะหากคุณพ่อคุณแม่มีข้าวของเครื่องใช้ที่ไม่ต้องพกไปมาก การใช้เป้อุ้มเด็กก็จะทำให้สะดวก พ่อแม่ถือของใช้ และซื้อของได้สบาย ไม่ต้องใช้มืออุ้มหรือเข็นลูก หรือหากเวลาไปไหนที่ต้องใช้พื้นที่จำกัดการใช้เป้อุ้มเด็กก็จะไม่ต้องเปลืองพื้นที่เพราะพับเก็บได้ พกพาง่ายกว่ารถเข็น    การเดินทางของครอบครัว หมายถึงสังเกตการใช้ชีวิตของครอบครัวว่า ต้องออกไปต่างจังหวัด หรือไปเยี่ยมญาติบ่อยหรือเปล่า ใช้เวลาพาลูกออกนอกบ้านนานแค่ไหน หากต้องไปที่ไหนไม่นานนัก การใช้เป้อุ้มเด็กจะมีความคล่องตัวสะดวกกว่ารถเข็น  […]

Menu
All Categories
All Brands
All Ages
Promotions
Locations
BabyGift Family
BabyGift Care
Parents Guide
News & Event

All Categories

All Categories
All Brands
All Ages