วิธีซื้อคาร์ซีทที่ปลอดภัย แบบที่คนขายไม่เคยบอก

คาร์ซีทปลอดภัย สำหรับเด็กแรกเกิด จะต้องดูจากอะไรบ้าง วันนี้ BabyGift จะมาบอกวิธีดูคาร์ซีทที่ปลอดภัย แบบลึกซึ้งถึงโครงสร้างกันเลยค่ะ เพราะทุกวัสดุที่ประกอบอยู่ในคาร์ซีทนั้น มีผลต่อความปลอดภัยของลูกน้อยมาก และก่อนคุณพ่อคุณแม่จะตัดสินใจเลือกซื้อคาร์ซีทให้ลูกรัก นี่คือสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องรู้เลยค่ะ
โครงคาร์ซีท ทำจากอะไร แบบไหนที่ปลอดภัย
1. โครงพลาสติกทั่วไป (PP)

พลาสติกมีความแข็งแรง ทนต่อการกระแทก มีน้ำหนักเบา ส่วนใหญ่มักจะใช้ภายในห้องโดยสารรถยนต์ เช่น แผงประตู หรือ คอนโซลรถ
เมื่อใช้พลาสติก 100% ทำเป็นโครงคาร์ซีทสำหรับเด็กโตโดยเฉพาะ ที่น้องมีสรีระแข็งแรงแล้ว ก็เพียงพอต่อการปกป้องน้องให้ปลอดภัยค่ะ
แต่สำหรับเด็กแรกเกิด ที่สรีระบอบบาง ต้องการการปกป้องเป็นพิเศษ การใช้พลาสติก 100% เลย อาจจะไม่พียงพอ โครงคาร์ซีทควรจะเสริมด้วยวัสดุอื่น ๆ เพิ่มความแข็งแรงด้วย เช่น เสริมด้วยไฟเบอร์กลาส
2. โครงพลาสติก เสริมไฟเบอร์กลาส

ไฟเบอร์กลาส หรือ เส้นใยแก้ว จะใช้เพื่อเสริมความแข็งแรงเป็นพิเศษ ใช้แทนโลหะได้เลย เช่น ทำชิ้นส่วนเครื่องบินเล็ก ทำชิ้นส่วนรถแข่ง เพราะทนต่อการถูกกระแทก ทนต่อการฉีกขาด มีน้ำหนักเบา และยังสามารถดัดโค้งจัดรูปทรงได้ ไม่เปราะง่าย
ในการทำโครงคาร์ซีทเด็กแรกเกิด เสริมด้วยไฟเบอร์กลาสจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงได้ดีมาก กันความร้อน ไม่สะสมความร้อน และสามารถจัดรูปทรงโครงคาร์ซีทให้โอบรับกับสรีระของเด็กทารกได้อย่างปลอดภัย ไม่เปราะบาง
คาร์ซีทเด็กแรกเกิดที่ใช้ไฟเบอร์กลาส ส่วนใหญ่จะพบในประเทศญี่ปุ่น เช่น แบรนด์ Ailebebe รุ่น Kurutto เพราะแบรนด์นี้ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นอันดับ 1 เลยค่ะ
3. โครงพลาสติก เสริมอลูมิเนียม

อลูมิเนียม เป็นวัสดุที่แข็งแรง แตกหักยาก มักจะใช้ทดแทนเหล็ก เพราะมีน้ำหนักเบากว่าเหล็ก
และอลูมิเนียมสามารถใช้เสริมเป็นเสาซ้ายและขวาข้างคาร์ซีท ซึ่งจะช่วยทำให้โครงมีความแข็งแรงขึ้น ทนต่อการกระแทกได้ดีขึ้น แต่อลูมิเนียมก็เป็นวัสดุที่ไม่กันความร้อน หากทิ้งคาร์ซีทไว้ในรถเป็นเวลานาน ด้านในจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น ทำให้คาร์ซีทสะสมความร้อนได้
4. โครงพลาสติก เสริมเหล็ก

เหล็ก แน่นอนว่าเป็นวัสดุที่แข็งแรงมาก ๆ แตกหักยาก ทนต่อการกระแทกได้ดีที่สุด เหล็กจึงนิยมใช้เสริมในคาร์ซีท ใช้เป็นเสาซ้ายและขวาข้างคาร์ซีท หรือ ใช้เป็นโครงคาร์ซีททั้งหมดเลย เพื่อเพิ่มความแข็งแรง แต่เหล็กก็ทำให้คาร์ซีทมีน้ำหนักเยอะขึ้นด้วย
และเหล็กก็เป็นวัสดุไม่กันความร้อน หากทิ้งคาร์ซีทไว้ในรถเป็นเวลานาน ก็ทำให้สะสมความร้อนภายในได้
แบรนด์คาร์ซีท เช่น Renolux จึงพัฒนาไม่ใช้พลาสติก แต่จะใช้โครงเหล็กทั้งหมด โดยการใช้เหล็กเป็นตัวขึ้นโครงด้านใน แล้วใช้เทคโนโลยีการฉีดโฟมโพลียูรีเทน ที่มีความหนาแน่นสูง ให้หุ้มตัวโครงเหล็กนั้นไว้ ให้เป็นรูปทรงเบาะคาร์ซีท กันความร้อน ไม่สะสมความร้อน กันการกระแทกได้ดีมาก และเทคโนโลยีนี้ยังเป็นสิทธิบัตรเฉพาะ Renolux เท่านั้น
ฟังก์ชั่นเสริมโครง เพิ่มความปลอดภัย
โครงด้านในเป็นตารางวาฟเฟิล

โครงคาร์ซีทที่มั่นคง ปลอดภัย โครงภายในควรจะต้องออกแบบให้เป็นเส้นตารางแนวตั้งและแนวนอน คล้ายกับวาฟเฟิล ด้วยนะคะ ความหนาตรงนี้ จะช่วยเสริมความแข็งแรง ป้องกันการฉีกขาด ช่วยป้องกันการกระแทกได้มากขึ้นแบบทั่วทั้งโครงเลยค่ะ
มี Baby Catch Technology หรือ ระบบพนักพิงยุบตัวอัตโนมัติ

เทคโนโลยีนี้พบได้ใน แบรนด์ Ailebebe รุ่น Kurutto เพียงแบรนด์เดียวเลยค่ะ การที่พนักพิงยุบตัวเองได้ จะช่วยรองรับแรงกระแทกเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ปกป้องกระดูกสันหลังของลูกน้อยที่ยังไม่แข็งแรง
ระบบพนักพิงยุบตัว เป็นหลักการเดียวกันกับการยุบตัวของพวงมาลัยในรถหรูหลาย ๆ ยี่ห้อ เพื่อช่วยลดแรงกระแทก ช่วยให้ปลอดภัยสูงสุดเลยนะคะ
วัสดุรองรับแรงกระแทกในคาร์ซีทเด็ก ทำจากอะไรบ้าง
1. โฟม EPS (Expanded Polystyrene)

โฟมสีขาว ที่เสริมในหมวกกันน๊อคเพื่อกันกระแทก คือวัสดุที่คาร์ซีทขาดไม่ได้เลยนะคะ โฟมตัวนี้มีความเหนียว แตกหักได้ง่าย แต่เป็นข้อดีในการนำมารองรับแรงกระแทก เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุมีการกระแทกเกิดขึ้น โฟมสีขาวนี้จะแตก ซึ่งการแตกของโฟมจะช่วยลดแรงกระแทกไม่ให้ไปถึงตัวเด็กมากเกินไป ลดโอกาสที่ลูกน้อยจะบาดเจ็บได้
2. โฟม EPP (Expanded Polypropylene)

โฟมสีดำมีความหนา มีความแข็ง ไม่ลามไฟ พร้อมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย โฟมตัวนี้จะช่วยรองรับแรงกระแทกได้ดีมาก ปกป้องสรีระเด็ก ๆ ในจุดสำคัญได้ เช่น การ์ดด้านข้าง, แผ่นหลัง
3. โพลียูรีเทน (Polyurethane)

ยางสังเคราะห์ ที่มีความนุ่มพิเศษ ยืดหยุ่นสูง และทนกว่ายางธรรมชาติ
เป็นวัสดุกันกระแทกในคาร์ซีทได้ (แต่ยังไม่มีวิจัยรองรับ) ที่มักจะใช้กับคาร์ซีทเด็กโตโดยเฉพาะ ไม่เหมาะใช้กับทารกแรกเกิดที่สรีระบอบบาง เนื่องจากโพลียูรีเทนมีความนุ่มเด้ง เมื่อเกิดอุบัติเหตุจะมีแรงสะท้อนส่งกลับมาที่ทารก ทำให้ตัวของทารกเด้งกระแทกหลายรอบ จนทำให้ได้รับบาดเจ็บได้
ส่วนอายุการใช้งานก็น้อย เช่น เมื่อทิ้งไว้ในรถนานสัก 1 ปี โดนความร้อนและแสงยูวี สีจะเข้มขึ้น เปราะง่ายขึ้นด้วยค่ะ
4. เมมโมรี่โฟม

เป็นโฟมที่มีความนุ่ม รองรับน้ำหนักได้ดี เมื่อถูกกดทับก็สามารถคืนตัวได้ จึงเหมาะมากที่จะนำมาทำเป็นวัสดุกันกระแทกในคาร์ซีท ในจุดสำคัญที่เด็กควรได้รับการปกป้อง เช่น Head Support แรกเกิด เบาะรองหลัง เบาะรองนั่ง
แต่โฟมชนิดนี้มีความหนาแน่น ถ้าหากไม่เจาะรูระบายอากาศด้วย ก็จะสะสมความร้อนได้ค่ะ
ผ้าหุ้มคาร์ซีทเลือกแบบไหนดี
1. ผ้าออแกนิค

ผ้าออแกนิคจะช่วยลดโอกาสที่ลูกน้อยจะระคายเคืองผิวหรือไม่ระคายเคืองผิวเลย แต่ผ้าออแกนิคมักจะเป็นขุยง่าย ไม่ทนทานแบบผ้าชนิดอื่น และมักจะดูดซับเหงื่อไว้ ทำให้ผ้าอับชื้นได้ง่ายมาก จึงต้องหมั่นทำความสะอาดบ่อย ๆ เลยค่ะ
2. ผ้าโพลีเอสเตอร์

ผ้าโพลีเอสเตอร์เป็นผ้าที่นิยมใช้เป็นผ้าหุ้มคาร์ซีท มีความทนทาน ไม่ค่อยเป็นขุยง่าย เนื้อผ้าไม่ค่อยมีความนุ่ม ผ้าชนิดนี้จึงควรผสมกับผ้าอย่างอื่นด้วย เพื่อช่วยการระบายอากาศและเพิ่มความนุ่มในการสัมผัส
3. ผ้าฝ้าย

ผ้าฝ้ายจะผัสนุ่ม สบายที่สุด ระบายอากาศได้ดี แต่เนื้อผ้าที่มีความนุ่ม ก็มักจะซับเหงื่อได้เยอะมากเช่นกัน จึงต้องหมั่นซักทำความสะอาดผ้าหุ้มคาร์ซีทบ่อย ๆ
4. ผ้า AG Pure เคลือบ Ion Silver

ผ้าต้านเชื้อแบคทีเรีย เนื้อผ้าจะสัมผัสนุ่ม สามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรียได้ด้วยตัวเอง ถึง 99% เนื้อผ้ามีความนุ่ม ระบายอากาศ มาพร้อมคุณสมบัติยับยั้งแบคทีเรียได้เอง ทำให้ไม่ต้องซักทำความสะอาดผ้าหุ้มคาร์ซีทบ่อย ๆ แบบผ้าชนิดอื่น ๆ แต่เนื่องจากผ้าชนิดนี้มีราคาสูงจึงหาพบได้ยากในคาร์ซีททั่วไป
5. ผ้าตาข่าย W Russell

ผ้าตาข่าย W Russell จะถูกทักทอด้านในเป็นรูปตัว W ทำให้มีช่องว่างมากขึ้น มีรูระบายอากาศที่ใหญ่กว่า พร้อมมีผิวสัมผัสที่เรียบนุ่ม แตกต่างจากผ้าตาข่ายทั่วไปที่มีความแข็งกระด้าง
เมื่อใช้เป็นผ้าหุ้มคาร์ซีทตลอดช่วงตัว หรือ ในจุดที่ทารกเหงื่อออกเยอะ ๆ เช่น ศีรษะ หลัง เบาะรองนั่ง จะช่วยให้เย็นสบายมากขึ้น นั่งนาน ๆ ก็ไม่ร้อน แต่เนื่องจากผ้าตาข่าย W Russell มีราคาสูง จึงหาพบได้ยากในคาร์ซีททั่วไป
ได้ข้อมูลกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะคะ ว่าโครงคาร์ซีท วัสดุกันกระแทก และเนื้อผ้า แตกต่างกันยังไงบ้าง อย่าลืมว่าความปลอดภัยของลูกน้อยคือเรื่องที่สำคัญที่สุด และยังเป็นหัวใจหลักในการเลือกคาร์ซีทอีกด้วย ฉะนั้นก่อนจะซื้อต้องรู้ให้ลึกถึงโครงสร้างเลยนะคะ
BabyGift ร้านจำหน่ายสินค้าแม่และเด็กระดับคุณภาพ ประสบการณ์มากกว่า 15 ปี ในการคัดสรรผลิตภัณฑ์คุณภาพสำหรับเด็ก ที่ใส่ใจในความปลอดภัย มาตรฐานการผลิตจากหลากหลายประเทศ มาให้คุณพ่อคุณแม่เลือกซื้อได้อย่างครบวงจร พร้อมให้คำแนะนำในการเลือกซื้อสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อลูก สามารถแวะมาเลือก ของใช้ทารกได้ที่ร้าน BabyGift 5 สาขา ใกล้บ้านคุณ หรือสอบถามผ่านช่องทาง Online ทีมงาน BabyGift ยินดีให้คำแนะนำค่ะ
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
เปลนอนทารก ถือเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญมาก ๆ สำหรับทารก ที่ต้องเตรียมซื้อตั้งแต่ก่อนคลอด เพราะทารกวัย 0-9 เดือน จะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนอนและอยู่บนที่นอน ดังนั้น ก่อนที่คุณพ่อคุณแม่จะเลือกเปลนอนทารกให้ลูกน้อย ควรเลือกดูจากหลาย ๆ ด้าน เช่น ความปลอดภัย การระบายอากาศ ฟังก์ชั่นการใช้งาน รวมถึงอายุการใช้งาน เพราะการเลือก เปลนอนทารก ที่ไม่เหมาะสมกับทารกอาจส่งผลถึงเสียถึงชีวิตของลูกน้อยได้ วิธีเลือกเปลนอนทารกให้ลูกน้อย เปลนอนทารกมีกี่แบบ มีข้อดี ข้อเสีย อะไรบ้าง ? 1. เปลนอนทารก BEDSIDE CRIB แบบชิดเตียงแม่ เป็นเตียงสำหรับทารกแรกเกิด ที่มีฟังก์ชั่นเปิดด้านข้างเตียงเพื่อต่อชิดกับเตียงของคุณพ่อคุณแม่ได้ ทำให้สะดวกในการดูแลลูกน้อยมากขึ้น ข้อดีเตียง Bedside Crib ข้อเสียเตียง Bedside Crib 2. เตียงไม้ เป็นเตียงที่ถูกออกแบบมาเพื่อความแข็งแรง เน้นการใช้งานแบบคุ้มค่า ใช้ได้ในระยะยาวหลายปี สามารถรองรับน้ำหนักได้มาก ข้อดีเตียงไม้ ข้อเสียเตียงไม้ 3. เปลนอนทารกแบบ PLAYPEN เตียงนอนทารกปรับฟังก์ชั่นเป็นคอกกั้นให้ลูกน้อยได้ ฝึกพัฒนาการคลาน ยืน เป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับคุณแม่ ข้อดี Playpen ข้อเสีย Playpen 4. เปลไกวไฟฟ้า เป็นเตียงที่ได้ความนิยมมาก เพราะปรับการใช้งานได้หลายแบบ พร้อมไกวอัตโนมัติกล่อมลูกหลับได้ง่ายและสนิทมากขึ้น ถือว่าเป็นตัวช่วยในการเลี้ยงลูกน้อยได้ดี ข้อดีเปลไกวไฟฟ้า ข้อเสียเปลไกวไฟฟ้า เมื่อคุณพ่อคุณแม่ทราบถึงข้อดีและข้อแตกต่างของเปลทารกแต่ละประเภทแล้ว เบบี้ กิ๊ฟ มีเปลนอนทารกรุ่นขายดีที่สุด มาแนะนำคุณพ่อคุณแม่กันค่ะ […]
เพราะแม่แต่ละคนมีความเป็นตัวของตัวเองที่แตกต่าง Aprica จึงสรรสร้างนวัตกรรมที่รองรับทุกความต้องการด้วยรถเข็นเด็กหลากหลายรุ่นเพื่อตอบโจทย์ที่ไม่เหมือนกัน แล้วรถเข็นเด็ก Aprica รุ่นไหน เหมาะกับคุณไปดูกันเลย แม่ที่ใส่ใจทุกรายละเอียด ทุ่มเททุกความสุขเพื่อลูกและคนในครอบครัวเป็นสำคัญ ถ้าคำว่า “ที่สุด” คือนิยามของรถเข็นเด็กที่ดีที่สุดสำหรับลูก คือคำตอบเดียวที่คุณต้องการ รถเข็นเด็ก Aprica โดดเด่นในเรื่องนวัตกรรมใหม่ล่าสุดมอบความสบาย นุ่มนวล ปกป้องลูกน้อยแบบ 360 องศา ใส่ใจในสุขภาพและเสริมสร้างพัฒนาการ เพื่อเทวดานางฟ้าตัวน้อย รถเข็นเด็ก Aprica รุ่น Optia รถเข็นเด็ก Aprica รุ่น Soraria Magic basket คุณแม่ทรงพลัง คล่องแคล่ว ขี้เล่น ถ้าคุณและลูกน้อยต้องการความคล่องตัว พร้อมทุกสถานการณ์ รถเข็นเด็กน้ำหนักเบาแต่ครบทุกฟังชันท์ที่เหนือกว่า พร้อมเติมความคล่องตัวด้วยการใช้รถเข็นสลับกับเป้อุ้มเด็กได้ง่าย เป็นตัวช่วยที่ดี ไม่ว่าสถานการณ์ไหนๆ คุณแม่ก็พร้อม รถเข็นเด็ก Aprica รุ่น Luxuna CTS รถเข็นเด็ก Aprica รุ่น Luxuna Light คุณแม่เด็กแนว กิ๊บเก๋ทันสมัย ไม่ชอบตามใคร สนใจทางเลือกใหม่ๆ รักอิสระและความแปลกใหม่ รถเข็นเด็ก แบบ 3 ล้อเท่ห์ๆ ไม่เหมือนใครที่ผสมผสานทุกฟังก์ชั่นอย่างลงตัว และที่โดนใจยิ่งกว่าคือ ความแข็งแรง ทนทาน ไม่ว่าจะไปไหนก็พร้อมลุยทุกสภาพพื้นผิว ใช้ง่ายพับกางสะดวกและขนาดกระทัดรัด […]
การเลือกคาร์ซีท carseat ที่ปลอดภัยสำหรับลูกน้อยของคุณทำไมถึงต้องใช้คาร์ซีท carseat ที่มีความปลอดภัยจึงจำเป็นต่อคุณและลูกน้อยล่ะ? หลายประเทศได้ออกกฏหมายเกี่ยวกับความปลอดภัยของคาร์ซีท carseat สำหรับเด็กที่อายุน้อยกว่า 6 ขวบ เนื่องจากคุณจะต้องใช้คาร์ซีท carseat ที่มีความปลอดภัยเพื่อป้องกันลูกน้อยจากอันตราย หรืออุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน ขณะที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ผู้โดยสารมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฏจราจร และหากคุณเดินทางพร้อมกับลูกน้อย โดยที่คุณจะต้องอุ้มลูกไว้ที่ตัก ก็อาจจะมีโอกาสที่คุณไม่สามารถที่จะอุ้มลูกได้อย่างมั่นคงและเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นลูกของคุณก็มีโอกาสที่จะได้รับบาดเจ็บสูงค่ะ ดังนั้นการมีคาร์ซีท ที่ปลอดภัยในรถยนต์ จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยลดการบาดเจ็บของลูกน้อยได้ ทั้งนี้พึงระวังไว้ว่าการใช้คาร์ชีทที่ไม่ถูกต้อง อาจจะก่อให้เกิดความเสี่ยงแก่เด็กมากขึ้น ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยสูงสุด คุณควรต้องเลือกใช้คาร์ซีท carseat ให้ถูกต้องพร้อมกับศึกษาการใช้งานอย่างถูกวิธีด้วยนะค่ะ หากไม่มีคาร์ซีท carseat ที่ปลอดภัยแล้ว อัตราการเสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่า จากสถิติได้แสดงให้เห็นว่าเมื่อเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 ขวบนั่งบนรถยนต์ที่ปราศจากคาร์ซีท carseat ที่ปลอดภัยและประสบอุบัติเหตุ อัตราการเสียชีวิตจะมากกว่าการนั่งบนรถยนต์ที่ติดตั้งคาร์ซีท carseat ที่ปลอดภัยถึง 4 เท่า***ข้อควรระวัง เมื่อใช้งานคาร์ซีท carseat ไม่ถูกวิธี จากผลสำรวจเมื่อปี 2008 โดยองค์การทางรถยนต์ประเทศญี่ปุ่น ( Japan Automobile Federation :JAF) เกี่ยวกับการใช้งาน คาร์ซีท carseat พบว่า 32.7 % ของคาร์ซีท carseat ที่ใช้งานนั้นติดตั้งอย่างไม่แน่นหนา ขณะที่อีก 67.3 % นั้นถูกพบว่ายังใช้งานได้ไม่ถูกต้องนัก ไม่ว่าจะเป็นการรัดสะโพกที่หลวมเกินไป หรือ การใช้งานที่หัวเข็มขัดที่ใช้ยึดที่นั่งไม่เหมาะสม ถึงแม้ว่าคุณจะเลือกใช้คาร์ซีท carseat ที่ถูกต้องแล้ว แต่หากการใช้งานไม่ถูกวิธีก็เท่ากับเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับเด็ก เพื่อลดปัญหาดังกล่าว เราควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้งานคาร์ซีทให้ถูกต้อง ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อคาร์ซีท คุณควรศึกษาข้อมูลว่า คาร์ซีท […]
สำหรับ Working Women หลายๆ คน การทำงานก็คือการสร้างคุณค่าให้กับตัวเอง และเป็นความสุขในการใช้ชีวิต แต่เมื่อบริบทเปลี่ยนไป มีครอบครัว มีลูกขึ้นมาแล้ว ก็ต้องยอมรับว่าการปรับรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ แล้วถ้าเราขับรถเป็นประจำ พอท้องแล้วยังจะขับรถได้อยู่มั้ย ในบทความนี้ BabyGift จะมานำเสนอเรื่องเกี่ยวกับคนท้องขับรถได้มั้ย และคำแนะนำต่างๆ เพื่อให้คุณแม่อุ่นใจกันมากขึ้นค่ะ คนท้องขับรถได้ไหม ? ชวนคุณแม่ดูคำแนะนำ ข้อควรระวังเพื่อความปลอดภัยก่อนขับรถ ตลอดระยะเวลา 9 เดือนของการตั้งครรภ์ คุณแม่มักจะเผชิญกับคำถามมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ ซึ่งหนึ่งในคำถามที่พบบ่อยคือ “คนท้องขับรถได้ไหม?” คำถามนี้มักสร้างความกังวลให้กับคุณแม่หลายคน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องเดินทางเป็นประจำ การตัดสินใจว่าจะขับรถหรือไม่ในระหว่างตั้งครรภ์นั้นเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของทั้งแม่และลูกน้อยในครรภ์ ดังนั้น การทำความเข้าใจถึงข้อควรระวังและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการตัดสินใจที่เหมาะสมในแต่ละสถานการณ์ เราลองมาดูรายละเอียดกันค่ะ คนท้องขับรถได้ไหม ? โดยทั่วไปหากมีความจำเป็นคนท้องสามารถขับรถได้นะคะ แต่หากเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงดีกว่า โดยไม่ควรขับรถในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ เนื่องจากอาจมีอาการแพ้ท้องกะหันทัน จนไม่สามารถโฟกัสที่การขับขี่ได้ดีเท่าที่ควร (อ่านเคล็ดลับลดอาการแพ้ท้องของคุณแม่เพิ่มเติมได้อีกนะคะ) และในช่วงอายุครรภ์ 7-9 เดือน ควรงดขับรถโดยเด็ดขาด เนื่องจากครรภ์ใหญ่ขึ้น หากเบรกกระทันหันอาจทำให้ท้องกระแทกพวงมาลัยได้ อีกทั้งเป็นช่วงเวลาของการเตรียมตัวคลอด ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยหากจำเป็นต้องขับรถ BabyGift มีคำแนะนำเพื่อความปลอดภัยมาฝากดังนี้ค่ะ คำแนะนำเพิ่มเติมเมื่อคนท้องต้องขับรถ คนท้องขับรถมอไซค์อันตรายไหม […]
ไขข้อข้องใจที่ใครๆหลายๆคน พูดกันว่า ทำไม คาร์ซีท Ailebebe แพง ! มาดูกันสิว่าแพงเพราะอะไร แล้วที่ว่าแพงจริงหรือไม่ คาร์ซีท Ailebebe ทุกตัว จะถูกผลิตขึ้นจากโรงงานผู้ผลิตที่ญี่ปุ่นโดยตรง โดยมีแรงงานซึ่งเป็นคนญี่ปุ่นที่มีความชำนาญและเชี่ยวชาญสูง จึงทำให้ประสิทธิภาพในการใช้งานและค่าแรงสูงตามไปด้วย คาร์ซีท เหมือนกัน…แต่วัสดุภายในไม่เหมือนกันAilebebe เราไม่ได้เลือกใช้วัสดุอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่เราเลือกใช้วัสดุที่หลากหลาย มาช่วยรองรับแรงกระแทกที่ต่างกัน…อ่านซักนิดก่อนซื้อ คาร์ซีท ให้ลูก ส่วนประกอบของ คาร์ซีท มาตรฐานความปลอดภัย การผลิต คาร์ซีท ไม่ได้มองเพียงแค่เรื่องตวามสะดวกหรือความถูกต้องในการติดตั้งเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการลดการเคลื่อนที่หน้า-หลังของ คาร์ซีท ในขณะเกิดอุบัติเหตุ ที่ส่งผลให้เด็กได้รับบาดเจ็บได้อีกด้วย จึงมีการคิดค้นการติดตั้งด้วยระบบ ISOFIX และ Belt ที่ต้องสามารถตอบโจทย์ได้ทั้ง 2 ข้อ จึงเป็นที่มาของการแยกออกเป็น 2 รุ่นย่อย ดังนั้น คาร์ซีท Ailebebe ถึงราคาจะแพง แต่คุ้มค่า คุ้มเกินราคา เมื่อเปรียบเทียบกับนวัตกรรมด้านการปกป้อง ทั้งโครงสร้าง วัสดุรองรับแรงกระแทก และการติดตั้งมาตรฐานสากล กับความปลอดภัยในการเดินทางอย่างปลอดภัยของลูกน้อยที่คุณรัก
การเป็นแม่มือใหม่คือการเผชิญหน้ากับโลกใหม่ที่เต็มไปด้วยการเรียนรู้และความท้าทาย โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงการดูแลสุขภาพของลูกน้อย เพราะสุขภาพที่ดีเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการเติบโตและพัฒนาการของเด็กๆ ในวัยเด็กแรกเกิด ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ดูยากในตอนเริ่มต้น แต่แม่มือใหม่สามารถเริ่มต้นด้วยเคล็ดลับง่ายๆ ที่จะช่วยให้ลูกมีสุขภาพดีได้ มาดูกันว่า 10 เคล็ดลับที่จะช่วยเลี้ยงลูกให้สุขภาพดีมีอะไรบ้างค่ะ 1. ให้นมแม่เป็นหลัก การให้นมแม่เป็นการมอบสารอาหารที่ดีที่สุดแก่ลูกในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต นมแม่มีทั้งสารอาหารที่ครบถ้วนและภูมิคุ้มกันที่ช่วยป้องกันโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคติดเชื้อที่พบบ่อยในเด็ก เคล็ดลับ: 2. เริ่มอาหารเสริมเมื่อถึงเวลา เมื่อเด็กครบ 6 เดือน ควรเริ่มให้อาหารเสริมเพื่อเสริมสร้างการเจริญเติบโต การเลือกอาหารที่เหมาะสมจะช่วยพัฒนาร่างกายและสมองของลูกได้อย่างดี เคล็ดลับ: 3. ส่งเสริมการนอนหลับที่เพียงพอ การนอนหลับที่เพียงพอช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของเด็กและช่วยพัฒนาสมอง เด็กเล็กต้องการการนอนหลับมากในแต่ละวัน เคล็ดลับ: 4. ฉีดวัคซีนตามกำหนด การฉีดวัคซีนเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคร้ายแรง เช่น โรคหัด คอตีบ หรือบาดทะยัก ซึ่งเป็นสิ่งที่แม่มือใหม่ไม่ควรมองข้าม เคล็ดลับ: 5. ให้ลูกได้รับการเคลื่อนไหว การเคลื่อนไหวเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพัฒนาการร่างกายและสมองของลูก การให้ลูกมีโอกาสเคลื่อนไหวตามวัย เช่น การคลาน การนั่ง หรือการยืน ช่วยเสริมพัฒนาการให้ดีขึ้น เคล็ดลับ: 6. รักษาความสะอาดและสุขอนามัย การรักษาความสะอาดทั้งร่างกายและสิ่งแวดล้อมช่วยป้องกันโรคต่างๆ เช่น การติดเชื้อในช่องปากหรือผิวหนัง […]

ร้านสินค้าแม่และเด็กที่คัดสรรนวัตกรรมของใช้แม่และเด็กที่มี
คุณภาพให้คำปรึกษาและบริการ อย่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อช่วยให้การเลี้ยงลูกเป็นเรื่องง่าย ปลอดภัย และมีความสุข
Online Shopping
สาขา ปิ่นเกล้า ราชพฤกษ์
สาขา Mega บางนา
สาขา Central World
สาขา The Crystal รามอินทรา
สาขา BTS วงเวียนใหญ่ (Outlet)
Copyright 2024 © Baby Gift (Retail) Co., Ltd.