ล้างจมูกเด็ก 1 ขวบ ทำยังไงให้ปลอดภัย ? เลี่ยงป่วย ร่างกายแข็งแรง !

ในเด็กเล็กที่มักจะมีปัญหาสุขภาพาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ไม่ว่าจะด้วยปัญหาฝุ่นควัน เชื้อโรค ไวรัส เป็นหวัดคัดจมูก หรือเป็นโรคประจำตัวอย่างหอบหืด เป็นภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ การล้างจมูกจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยและช่วยขจัดเชื้อโรคได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการล้างจมูกเด็ก 1 ขวบที่เด็กเล็กยังสั่งน้ำมูกไม่เป็น การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือจะช่วยขจัดเชื้อโรคและสิ่งสกปรกได้เป็นอย่างดี ในบทความนี้ BabyGift จะมาแนะนำวิธีการล้างจมูกให้ลูกน้อย ต้องเตรียมอุปกรณ์อะไรบ้าง มีขั้นตอนอย่างไร ไปดูพร้อมๆ กันเลยค่ะ 

แชร์วิธีการล้างจมูกเด็ก 1 ขวบ ขจัดสิ่งสกปรกและเชื้อโรค ให้ลูกน้อยหายใจโล่งขึ้น

การล้างจมูกเป็นการทำความสะอาดโพรงจมูกด้วยการสวนล้างโดยใช้น้ำเกลือ เพื่อขจัดสิ่งสกปรกที่อยู่ภายในโพรงจมูกอย่างน้ำมูกหรือสารที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ให้หมดไป ซึ่งสามารถลดปัญหาน้ำมูกไหลลงคอ และอาการคัดจมูกได้ดี ทั้งยังช่วยให้โพรงจมูกมีความชุ่มชื้นมากขึ้นด้วย ทำให้หายใจได้โล่งขึ้นนั่นเอง ทั้งนี้ การล้างจมูกไม่ได้ทำเฉพาะในเด็กที่มีอาการป่วย หรือเป็นภูมิแพ้เท่านั้น แต่การล้างจมูกเด็ก 1 ขวบที่มีสุขภาพแข็งแรงดีก็สามารถทำได้ โดยเฉพาะในช่วงที่มีฝุ่นควันหรือมีการระบาดของโรคทางเดินหายใจ ผู้ปกครองบางคนอาจพาลูกไปข้างนอกโดยใช้เป้อุ้มเด็ก ซึ่งทำให้เด็กได้สัมผัสกับอากาศนอกบ้านดังนั้นการล้างจมูกเป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะหลังจากกลับมาบ้านแล้ว ก็จะช่วยขจัดเชื้อโรค และสิ่งสกปรกที่อยู่ภายในโพรงจมูก ทำให้ลูกน้อยมีสุขภาวะที่ดีขึ้น จะทำได้อย่างไร มาดูวิธีกันเลยค่ะ

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม  

  1. น้ำเกลือที่มีความเข้มข้น 0.9% สามารถหาซื้อได้จากโรงพยาบาลหรือร้านขายยาทั่วไป  
  2. ถ้วยสะอาดสำหรับใส่น้ำเกลือ  
  3. กระบอกฉีดยาพลาสติก (ไซริงค์) สำหรับเด็กเล็ก ขนาด 5 – 10 ซีซี 
  4. ผ้าสะอาดหรือกระดาษทิชชู่ 
  5. จุกล้างจมูก 
  6. ลูกยางแดงสำหรับดูดน้ำมูก เสมหะ ( ล้างจมูกเด็ก 1 ขวบควรใช้เบอร์ 0 – 2) 
  7. ภาชนะรองน้ำมูก หรือถ้าไม่ใช้ภาชนะ สามารถพาลูกไปล้างจมูกที่อ่างล้างหน้าก็ได้ค่ะ 

ขั้นตอนวิธีล้างจมูกเด็ก 1 ขวบ ในกรณีที่เด็กไม่ให้ความร่วมมือ และสั่งน้ำมูกเองไม่ได้

สำหรับเด็ก 1 ขวบที่ให้ความร่วมมือ และสามารถสั่งน้ำมูกเองได้ สามารถล้างจมูกให้ลูกในท่ายืนหรือนั่งตรงบริเวณอ่างล้างหน้าหรือทำให้ห้องน้ำได้เลย เพื่อป้องกันความเลอะเทอะ หรือล้างจมูกก่อนไปอาบน้ำเพื่อที่จะได้ล้างตัวลูกทีเดียวค่ะ ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้  

  1. ผู้ปกครองล้างมือถูสบู่ให้สะอาด 
  2. นำเอาจุกล้างจมูกต่อเข้ากับกระบอกฉีดยาพลาสติก เพื่อป้องกันไม่ให้เข็มของกระบอกฉีดยากระแทกรูจมูกของลูก 
  3. เทน้ำเกลือใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้ จากนั้นใช้กระบอกฉีดยาดูดน้ำเกลือประมาณ 0.5 ซีซี 
  4. จ่อปลายเข็มฉีดยาชิดรูจมูกของลูก 
  5. ค่อยๆ ฉีดน้ำเกลือเข้าไปในรูจมูกลูก โดยน้ำเกลือจะไหลออกมาจากรูจมูกอีกข้างโดยอัตโนมัติ จากนั้นให้ลูกสั่งน้ำมูกออกมา 
  6. ใช้ผ้าสะอาดหรือกระดาษทิชชู่เช็ดน้ำมูกที่ไหลออกมา 
  7. ทำซ้ำหลายๆ ครั้งในแต่ละข้าง จนกว่าจมูกจะสะอาดและไม่มีน้ำมูก 

วิธีทำความสะอาดอุปกรณ์ที่ใช้ล้างจมูก 

  • กระบอกฉีดยาและภาชนะใส่น้ำเกลือ : ให้ล้างด้วยน้ำสบู่หรือน้ำยาล้างจาน และผึ่งให้แห้ง 
  • ลูกยางแดง : ล้างด้วยน้ำสบู่ทั้งภายนอกและภายใน จากนั้นล้างด้วยน้ำประปาจนสะอาด บีบน้ำที่ค้างในลูกยางออกจนหมด วางคว่ำในภาชนะที่สะอาด โดยคว่ำปลายลูกยางแดงลง ควรนำไปต้มในน้ำเดือดวันละ 1 ครั้ง โดยดูดน้ำเดือดเข้ามาในลูกยางแดง ต้มประมาณ 5 นาที จากนั้นบีบน้ำที่ค้างอยู่ในลูกยางแดงออกจนหมด วางคว่ำในภาชนะที่สะอาด โดยคว่ำปลายลูกยางแดงลง  

ข้อควรรู้ในการล้างจมูกลูกน้อย

  • การล้างจมูกไม่ควรใช้น้ำเปล่า เนื่องจากน้ำเปล่าไม่มีความสมดุลกับน้ำในเซลล์ร่างกาย หากใช้น้ำเปล่าอาจทำให้เกิดอาการสำลักและแสบในโพรงจมูกได้ รวมถึงมีโอกาสติดเชื้อเพิ่มชึ้นด้วย  
  • การล้างจมูกเด็กสามารถทำได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิดไปจนถึงลูกโต โดยทั่วไปแล้วการล้างจมูกสามารถทำได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึงผู้สูงวัย 
  • การล้างจมูกนั้นสามารถล้างได้ทุกวัน อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ช่วงตื่นนอนตอนเช้าและก่อนเข้านอน หรือเมื่อรู้สึกว่ามีน้ำมูกมากหรือรู้สึกแน่นจมูก หรือก่อนใช้ยาพ่นจมูก  
  • น้ำเกลือและอุปกรณ์ที่ล้างจมูกต้องสะอาด โดยเฉพาะน้ำเกลือไม่ควรใช้ขวดใหญ่ เพราะการเปิดฝาใช้บ่อยๆ อาจทำให้มีเชื้อโรคสะสมอยู่ได้ โดยทั่วไปควรใช้ขวดละ 100 ซีซี  
  • ห้ามนำน้ำเกลือที่เหลือในภาชนะเทกลับเข้าไปในขวดอย่างเด็ดขาด เพราะทำให้เกิดการปนเปื้อนของเชื้อโรคและไม่ถูกสุขอนามัย 
  • แนะนำให้ล้างจมูกเด็กตอนท้องว่าง เพื่อป้องกันการอาเจียนที่อาจเกิดขึ้นได้   

ประโยชน์ของการล้างจมูกเด็ก มีอะไรบ้าง 

  • ช่วยกำจัดน้ำมูกเหนียวข้นที่ตกค้างอยู่ภายในโพรงจมูก ทำให้จมูกสะอาด 
  • ช่วยบรรเทาอาการหวัดเรื้อรัง 
  • ช่วยป้องกันการลุกลามของเชื้อโรคที่อยู่ภายในจมูกไม่ให้แพร่กระจายเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ 
  • ช่วยป้องกันการลุกลามของไซนัสไม่ให้ลงไปยังปอด 
  • ช่วยลดปริมาณเชื้อโรค ของเสีย และสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ และบรรเทาอาการระคายเคืองที่เกิดขึ้นในโพรงจมูก 
  • เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเยื่อบุโพรงจมูก 
  • ช่วยบรรเทาอาการแน่นจมูก หายใจไม่ออก ทำให้หายใจโล่งขึ้น ลองสังเกตดูว่า ลูกร้องงอแงไม่ยอมนอน ตื่นกลางดึก อาจเป็นเพราะหายใจไม่สะดวกหรือรู้สึกคัดจมูกหรือเปล่า การล้างจมูกเด็ก 1 ขวบ รวมถึงเด็กวัยอื่นๆ ก่อนนอน อาจช่วยบรรเทาอาการนี้ได้ค่ะ  
  • ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของยาพ่นจมูก โดยยาจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อจมูกโล่งสะอาด 

BabyGift แนะนำสินค้าสำหรับเด็กเล็ก อำนวยความสะดวกให้ทั้งคุณแม่และคุณลูก 

1. Ailebebe คาร์ซีทแรกเกิด รุ่น Kurutto R The First

คาร์ซีทนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับความปลอดภัยของลูกน้อยขณะนั่งรถยนต์ ในหลายๆ บ้านอาจต้องพาลูกน้อยนั่งรถออกไปข้างนอกบ่อยๆ จึงขอแนะนำเป็นคาร์ซีทของ Ailebebe รุ่น Kurutto R The First คาร์ซีทเพื่อเด็กแรกเกิดที่ได้การรับรองมาตรฐานใหม่ ECE R129 ผลิตจากประเทศญี่ปุ่น มี Head Support ใหม่ที่หนาขึ้น 100 มิลลิเมตร ช่วยป้องกันการกระแทกด้านข้างได้อย่างมั่นใจ โครงสร้างออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ของทารก ปกป้องลูกน้อยให้ปลอดภัยอย่างรอบด้าน ใช้งานได้ยาวนานตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 4 ขวบเลยค่ะ  

จุดเด่น  

  • ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย ECE R129 (i – Size) 
  • เป็นคาร์ซีททรงไข่ Egg – Shell Protection เพื่อทารกแรกเกิดอย่างแท้จริง  
  • พนักพิงสามารถยุบตัวได้  จึงช่วยรองรับแรงกระแทกเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ช่วยปกป้องกระดูกสันหลังของลูกน้อย 
  • โครงคาร์ซีทเป็นไฟเบอร์กลาส มีความทนทาน แข็งแรง แตกหักยาก  
  • ผ้าที่บุคาร์ซีทสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ 99 เปอร์เซ็นต์ ด้วยพลัง Ion Silver เมื่อเจอแบคทีเรียจะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ทำลายเซลล์แบคทีเรียและทำให้เชื้อแบคทีเรียตายลง 
  • ด้านหลังและด้านข้างของคาร์ซีทมีช่องระบายอากาศถึง 1695 ช่อง ช่วยระบายอากาศได้ดี ไม่อับชื้น ลดการสะสมความร้อน นั่งได้นานโดยไม่รู้สึกร้อนหลัง 
  • มีเข็มขัดนิรภัย 5 จุด พร้อมระบบ Jumping Harness  
  • สามารถหมุนได้ 360 องศา ช่วยให้อุ้มลูกขึ้นลงคาร์ซีทได้อย่างปลอดภัย  
  • หลังคาของคาร์ซีทสามารถคลุมได้มิดชิดถึงปลายเท้า ยาว 98 เซนติเมตรช่วยป้องกันรังสี UV และปกป้องดวงตาของลูกน้อย  

การใช้งาน : แรกเกิด – 4 ปี หรือน้ำหนักไม่เกิน 18 กิโลกรัม หรือความสูงระหว่าง 40 – 105 เซนติเมตร  

การติดตั้ง : ระบบ ISOFIX 

แบรนด์ : ประเทศญี่ปุ่น 

2. PRINCE & PRINCESS เครื่องอบยูวี รุ่น Baby UV Smart Tech

การทำความสะอาดของใช้ลูกน้อยนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก เราสามารถฆ่าเชื้อโรคและไวรัสที่อาจปนเปื้อนอยู่ในอุปกรณ์ล้างจมูกเด็กด้วยเครื่องอบยูวี แนะนำเป็นแบรนด์ PRINCE & PRINCESS รุ่น Baby UV Smart Tech ที่มาด้วยดีไซน์เรียบหรูทันสมัย อบฆ่าเชื้อได้ทั้งขวดนม ของเล่น อุปกรณ์ปั๊มนม จานชาม แก้วน้ำ ช้อนส้อม และอุปกรณ์ของใช้อื่นๆ สำหรับเด็ก พิเศษด้วยการอบฆ่าเชื้อจากหลอดไฟ UV-C LED จำนวน 9 ดวง มีประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อสูง ไม่ก่อให้เกิดโอโซน​ ภายในเป็นวัสดุ Stainless พร้อมประตูกระจก ช่วยสะท้อนแสงยูวีรอบด้าน 360 องศา ฆ่าเชื้อทั่วถึงทุกชิ้น​ มั่นใจได้ว่าปลอดเชื้อและดีต่อสุขอนามัยของลูกน้อยอย่างแน่นอนค่ะ 

จุดเด่น  

  • เป็นแบรนด์เดียวในประเทศไทย ที่มีผลวิจัยรับรองการฆ่าเชื้อ Human Coronavirus ได้ 99.9 เปอร์เซ็นต์ พร้อม​ผ่านการรับรองการฆ่าเชื้อไวรัส แบคทีเรีย ได้ 99.9 เปอร์เซ็นต์ จากสถาบันวิจัยระดับสากล​ 
  • การันตีคุณภาพการฆ่าเชื้อและมาตรฐานความปลอดภัยของ สคบ. 
  • เครื่องขนาดใหญ่ความจุ 20 ลิตร วางขวดนมได้ถึง 20 ขวด ในครั้งเดียว​ 
  • มีโหมดทำความสะอาดหลายโหมด เช่น โหมด TURBO อบแห้งรวดเร็ว โหมด UV อบฆ่าเชื้อแสงยูวี โหมด STORAGE เก็บขวดนมพร้อมฆ่าเชื้อไว้ภายในตู้ โหมด CLEAN แจ้งเตือนทำความสะอาด และโหมด SMART อบฆ่าเชื้อทุกครั้งเมื่อเปิด-ปิดประตูเพื่อลดการปนเปื้อน 
  • ใช้เครื่องทำความร้อน PTC Heater แบบเดียวกันกับบนเครื่องบิน ควบคุมอุณหภูมิไม่เกิน 45 องศาเซลเซียส 
  • มีพัดลมระบายอากาศ 2 ตัว ระบายอากาศ 2 ทิศทาง กำจัดกลิ่น แห้งไวกว่ารุ่นที่ใช้พัดลมตัวเดียว 
  • แจ้งเตือนด้วยแสง LED สุดคมชัด แสดงสถานะหลอด UV-C/เวลา/อุณหภูมิ พร้อม Touch Screen ระบบสัมผัสทำงานรวดเร็ว ใช้งานได้ง่าย​ 
  • ทำความสะอาดง่าย เพียงใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดตามพื้นผิว​ 
  • รับประกันสินค้านาน 2 ปี พร้อมเครื่องสำรองใช้งาน 

ประเทศผู้ผลิต : ประเทศเกาหลี

การล้างจมูกเด็ก 1 ขวบไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป แต่ก็อาจจะไม่ง่ายนักสำหรับครั้งแรกเพราะเด็กๆ อาจจะงอแงหรือรู้สึกแสบจมูกจนไม่ยอมให้ล้างจมูกได้ คุณพ่อคุณแม่ต้องใจเย็นๆ ค่อยๆ บอกลูกว่าเป็นการทำความสะอาดร่างกายอย่างหนึ่ง ไม่มีอันตราย หรืออาจจะสาธิตโดยการล้างจมูกตัวเองให้ลูกดูก่อนก็ได้ เมื่อเด็กเห็นว่าเราสามารถทำได้และไม่มีอันตรายใดๆ ก็อาจจะรู้สึกกลัวน้อยลง เมื่อทำบ่อยๆ เด็กก็จะเกิดความชินและไม่งอแง เมื่อลูกโตขึ้นอีกหน่อยก็สามารถทำได้ด้วยตัวเอง เป็นการเสริมสร้างนิสัยการทำความสะอาดโพรงจมูกเป็นประจำเพื่อการมีสุขภาวะที่ดีค่ะ 

ทั้งนี้ ถ้าคุณพ่อคุณแม่สนใจสินค้าอื่นๆ สำหรับแม่และเด็ก สามารถมาเยี่ยมชมสินค้าได้ที่ BabyGift ร้านจำหน่ายสินค้าแม่และเด็กระดับคุณภาพ มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี คุณพ่อคุณแม่สามารถมาเยี่ยมชมสินค้าต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ที่อำนวยความสะดวกในการล้างจมูกให้ลูกๆ หรือสินค้าอื่น ๆ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ร้านเบบี้กิ๊ฟทั้ง 4 สาขา ใกล้บ้าน หรือสอบถามผ่านช่องทาง Online ทีมงาน BabyGift ยินดีให้คำแนะนำค่ะ  

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00

บทความแนะนำ

…แต่ก็ไม่ง่ายเลย ให้คาร์ซีทเป็นเก้าอี้วิเศษของเด็กๆ ประสบการณ์จากคุณแม่ท่านหนึ่ง ที่อยากแชร์ให้ทุกๆบ้านฝึกลูกนั่งคาร์ซีทเพื่อความปลอดภัยของลูกๆ วิธีนี้พิสูจน์แล้วได้ผลแน่นอนค่ะ แต่ช่วงแรกคุณพ่อคุณแม่ต้องใจแข็งหน่อยนะคะ อ่านจบแล้วนำไปฝึกกับลูกๆเราได้เลยค่ะ ไม่นานมานี้ดิฉันเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดกับลูกๆทั้งสนุกสนานและปลอดภัยตั้งแต่ออกเดินทางจนถึงจุดมุ่งหมายเลยค่ะรู้สึกขอบใจตัวเองที่กัดฟันให้ลูกนั่งคาร์ซีท ตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลก ทำให้ขับรถได้อย่างมีสมาธิ แต่กว่าจะถึงวันนี้ลูกก็เคยร้องไห้ประท้วงจนแหวะใส่เก้าอี้ตัวเองมาแล้ว ดิฉันใช้วิธีสงบสยบความเคลื่อนไหวร้องได้ร้องไป แค่ 15 นาทีเท่านั้น คลื่นลมก็สงบ ตั้งแต่นั้นมาลูกๆ เรียนรู้เลยว่า เวลาขึ้นรถต้องไปนั่งที่ “เก้าอี้วิเศษ”  คาร์ซีทของตัวเองและนั่งทุกครั้งแม้ระยะทางจะใกล้หรือไกลเพราะอุบัติเหตุอาจเกิดจากภัยในรถ เช่น ลูกทะเลาะกันที่เบาะหลัง (เจอมาแล้ว) หรือปีนป่ายจนได้รับอันตราย คุณแม่ท่านไหนที่ยังไม่มั่นใจในคาร์ซีท carseat ว่าจะช่วยวันยุ่งๆของคุณแม่ได้มากน้อยแค่ไหน ลองเคล็ดลับต่อไปนี้ดูสิคะ แล้วลูกคุณจะรัก “เก้าอี้วิเศษ” ของตัวเองขึ้นเยอะเลย 1. สร้างความผูกพันกับคาร์ซีท อนุญาตให้ลูกเอาสติ๊กเกอร์มาตกแต่งคาร์ซีทของตัวเองได้ เอาให้ถูกใจเลยเพราะต้องนั่งไปอีกนาน 2. มอบรางวัล บอกลูกว่า เราจะออกเดินทางได้ก็ต่อเมื่อล็อกสายรัดนิรภัยเรียบร้อย แล้วลูกจะรีบทำตัวน่ารักเพราะอยากไปเที่ยว แต่ถ้ากำลังพาไปหาหมอ อาจให้ขนมเป็นรางวัลได้ 3. เบี่ยงเบนความสนใจ ถ้าโยเยนัก ชวนคุยเรื่องการ์ตูนที่ลูกกำลังอินดีกว่า แค่นี้ก็เผลอจดจ่อกับการโม้เรื่องเจ้าหญิงกับฮีโร่ จนไม่ทันสังเกตว่า ตัวเองถูกจับนั่งคาร์ซีทเรียบร้อยแล้ว (มุกนี้ไม่เหนื่อย แถมสนุกดีด้วย) 4. เตรียมของเล่นแก้เบื่อ ควรมีของเล่นชิ้นโปรดอยู่ในรถ แนะนำว่าควรเป็นของเบาๆ และไม่แข็ง เช่น หนังสือผ้า เพราะคุณอาจโดนลูกเอาของในมือปาใส่ขณะขับรถ […]

 ฝึกลูกกินข้าวเอง หรือคำที่คุ้นหูกันในปัจจุบันอย่าง BLW (Baby Led Weaning) คือวิธีการที่ให้ลูกรู้จักหยิบอาหารกินเอง โดยอาหารจะไม่ใช่พวกอาหารปั่น อาหารบด แต่เป็นอาหารที่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ มีความนุ่ม และหยิบจับได้ วิธีการนี้จะทำให้ลูกได้รู้จักและคุ้นเคยกับอาหารที่เป็นของแข็งมากยิ่งขึ้น โดยวิธีนี้เหมาะกับเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป และสามารถนั่งได้เอง โดยที่ไม่ต้องมีคนช่วย ฝึกลูกกินข้าวเอง มีประโยชน์อย่างไร           การให้ลูกกินข้าวเองนั้น นอกจากจะช่วยให้ลูกรู้จักอาหารที่เป็นของแข็งมากขึ้นแล้ว ยังมีส่วนในการช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางด้านร่างกาย และด้านความคิดอีกด้วย 1. สร้างทัศนคติที่ดีต่อการกินของลูก            ฝึกให้ลูกกินข้าวเอง ช่วยให้ลูกมีความสุขกับการทานอาหารมากยิ่งขึ้น เพราะลูกได้สนุกกับการกิน สนุกกับการเลียนแบบท่าทางระหว่างการกินอาหาร ทำให้ไม่ต้องคอยหลอกล่อให้ลูกกินข้าว 2. ฝึกพัฒนาการการใช้กล้ามเนื้อมือ           การให้ลูกได้หยิบจับอาหาร ทำให้ได้ฝึกการใช้แรงของมือ แรกๆอาหารอาจจะมีร่วงหล่นจากมือบ้าง หรืออาหารเละคามือบ้าง แต่ก็เป็นการให้ลูกได้ฝึกการควบคุมกล้ามเนื้อมือและน้ำหนักของมือ 3. ฝึกพัฒนาการการเคี้ยวและความคิด       […]

เชื่อว่าอาการปวดหลังหรืออาการปวดเมื่อยตามร่างกายนั้น ต้องเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนเคยสัมผัสมาก่อน โดยเฉพาะในผู้ที่ต้องนั่งหรืออยู่ในท่าทางเดิมเป็นเวลานาน ๆ และก็อาจจะมองหาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอย่างเบาะยางพาราและเบาะเมมโมรี่โฟมเพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย เนื่องจากวัสดุดังกล่าวให้ความรู้สึกที่นุ่มสบายและช่วยคลายความปวดได้ แต่ทราบหรือไม่คะว่า ปัจจุบันนี้มีสิ่งที่เรียกว่า Vetagel (เวทาเจล) ซึ่งเป็นวัสดุเจลประเภทหนึ่งที่มีความยืดหยุ่นสูง คืนตัวได้เร็ว และลดแรงกดทับได้ดีกว่ามาก ทั้งยังเป็นที่นิยมในประเทศเกาหลีอีกด้วย vetagel คืออะไร มีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง มีประโยชน์ทางด้านสุขภาพของเราอย่างไร ไปอ่านพร้อม ๆ กันเลยค่ะ   Vetagel คือ อะไร ? ชวนรู้จักเจลชนิดพิเศษเพื่อสุขภาพ นำเข้าจากเกาหลีใต้ vetagel คือวัสดุเจลชนิดหนึ่ง เป็นเจลใสสีเขียวชนิดพิเศษ ผลิตขึ้นในประเทศเกาหลีใต้ เนื้อเจลจะมีคุณสมบัติเหนียว แข็งแรง มีความยืดหยุ่นสูงมาก แม้มีแรงกดทับหนัก ๆ ก็ไม่เสียรูปทรงง่าย สามารถกระจายแรงกดทับได้ดีและคืนตัวได้เร็ว เมื่อเรากดลงไปในเนื้อเจล เนื้อเจลจะเด้งดึ๋งคืนตัวทันที (Fast Recovery Property) ทำให้เกิดแรงกดทับได้น้อยมาก ๆ ซึ่งแตกต่างจากวัสดุชนิดอื่น ๆ เช่น เมมโมรี่โฟมหรือยางพาราที่เมื่อเราใช้มือกดลงไป วัสดุจะค่อย ๆ คืนตัวช้า ๆ […]

ว่าด้วยเรื่องความปลอดภัยของคาร์ซีท#คาร์ซีทมือสอง ตามที่พ่อหมอเคยเขียนเรื่องการเลือกซื้อคาร์ซีทไว้แล้วตั้งแต่ตอนเปิดเพจครับ คลิกอ่านได้ครับที่https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1318721458224835&substory_index=0&id=1312969582133356 ก็เริ่มมีลูกเพจเริ่มถามเรื่อง “การซื้อคาร์ซีท” ในหัวข้อนอกเหนือจากคำถามเบื้องต้นครับ โดยเฉพาะเรื่อง “การซื้อคาร์ซีทมือสอง” หรือ “คาร์ซีทเก่า” ตามคำแนะนำของราชวิทยาลัยกุมาร ฯ ของสหรัฐอเมริกา … บอกไว้ว่า เรื่องความปลอดภัย … หมอย้ำเสมอตั้งแต่เปิดเพจครับ เป็นเรื่องที่ผ่อนปรนไม่ได้#หมอวินเพจเลี้ยงลูกตามใจหมอ References: การใช้คาร์ซีทมือสอง

เมื่อลูกน้อยถึงวัยเริ่มกินอาหารเสริมนอกจากนมแม่ ซึ่งก็คือในช่วงอายุ 6 เดือนขึ้นไป หากลูกเริ่มนั่งได้เก่งขึ้น สามารถนั่งได้เองโดยที่ไม่ต้องประคอง และเริ่มชอบเอามือหยิบจับสิ่งต่าง ๆ เข้าปาก นั่นแสดงว่าลูกน้อยของเราพร้อมที่จะกินอาหารเสริมได้แล้ว ในบางบ้านอาจจะคุ้นเคยกับการเตรียมอาหารเด็กอ่อนโดยการปั่นหรือบดละเอียดและป้อนให้ลูก แต่หลาย ๆ บ้านก็อาจจะใช้วิธีฝึกให้ลูกกินอาหารด้วยตัวเองที่เรียกว่า BLW (Baby-Led Weaning) แต่ไม่ว่าจะเป็นวิธีไหนก็ตาม อุปกรณ์สำคัญอย่างโต๊ะกินข้าวเด็กก็เป็นของที่ต้องมี และถ้าเลือกให้ดีก็จะใช้งานได้อย่างยาวนานตั้งแต่เล็กจนโต แล้วจะมีวิธีการเลือกอย่างไร ควรเลือกแบบไหนดี ? BabyGift มีคำแนะนำดี ๆ มาฝากแล้วค่ะ  โต๊ะกินข้าวเด็ก สำคัญอย่างไร ? ควรเลือกแบบไหนดี ?  โต๊ะกินข้าวสำหรับเด็กนั้นมีความแตกต่างจากโต๊ะทั่ว ๆ ไป โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นโต๊ะที่เรียกว่า High Chair โดยเป็นชุดเก้าอี้กินข้าวเด็กที่มีโต๊ะพับมาให้แบบครบชุด สามารถใช้งานได้หลายแบบ บางรุ่นสามารถพกพาออกไปข้างนอกได้ด้วย และยังมีเข็มขัดนิรภัยเพื่อป้องกันเด็กพลัดตกเก้าอี้ ทำให้มีความปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งบางที่อาจเรียกว่าโต๊ะกินข้าวเด็ก หรือบางที่ก็เรียกว่าเก้าอี้กินข้าวเด็ก หรือ อาจเรียกรวม ๆ ว่าชุดโต๊ะเก้าอี้กินข้าวของเด็ก แต่จะเรียกแบบไหน ก็หมายถึง High Chair ที่นั่งกินข้าวของเด็กเล็กโดยเฉพาะนั่นเองค่ะ  โต๊ะกินข้าวสำหรับเด็กนั้นเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นมาก โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ที่อยากฝึกลูกให้กินข้าวด้วยตัวเองแบบ BLW ซึ่งการฝึกลูกกินข้าวเอง […]

เชื่อว่าคุณแม่หลายๆคนคงอยากให้ลูกน้อยปลอดภัยโชคดีกันทั้งนั้น วันนี้ Baby Gift ขอเอาใจคุณแม่สายมู หยิบข้อมูลเครื่องรางยอดฮิตสำหรับลูกน้อยมาฝากค่ะ เราลองไปดูพร้อมๆกันเลยว่า Lucky item เพิ่มสีสันให้ลูกน้อยแถมยังคุ้มครองทางใจคุณแม่ ไปดูกันเลย ตาข่ายดักฝัน หรือที่เรารู้จักกันในนามว่า Dreamcatcher ในสมัยก่อนชาวอินเดียนแดงสร้างเครื่องรางชิ้นนี้ขึ้นมา เพราะเชื่อว่าจะช่วยป้องกันฝันร้ายให้สลายหายไป จึงหันมานิยมห้อยไว้เหนือเปลเด็กเพราะหวังว่าจะช่วยทำให้ลูกน้อยปลอดภัยและนอนหลับฝันดี ซึ่งยังเป็นการช่วยส่งเสริมพัฒนาการของลูกน้อยได้เป็นอย่างดี เพราะสายตาเด็กที่จับจ้องมองการแกว่งไกวของตาข่ายดักฝันนั้น จะช่วยทำให้ลูกน้อยมีพัฒนาการการเรียนรู้ทางสายตาและกล้ามเนื้อมัดเล็กได้เป็นอย่างดี ในขณะเดียวกันยังทำให้คุณแม่อุ่นใจเมื่อมีเครื่องรางช่วยคุ้มครองให้ลูกน้อยปลอดภัยอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย อเมทิสต์หินนำโชค ตามความเชื่อของหินนำโชคนั้น หินสีม่วงจะช่วยปกป้องให้ลูกน้อยปลอดภัย ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกไป เสริมพลังบวกและดึงดูดสิ่งดีๆนำความโชคดีมาให้เด็กๆ อีกทั้งยังช่วยทำให้ลูกน้อยหลับสบาย เพราะเชื่อว่าหินจะมีคลื่นพลังงานแห่งความสุขปล่อยออกมาช่วยทำให้ลูกน้อยนอนหลับฝันดีหรือมีความสุขนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตามเพื่อ คุณแม่ควรวางไว้ในจุดที่ลูกน้อยไม่สามารถหยิบจับหรือเอื้อมถึงได้ เพื่อลดความเสี่ยงที่ลูกน้อยจะเผลอหยิบเข้าปาก และอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ถุงนำโชค อีกหนึ่งเครื่องรางจากวัดดังที่ฮอกไกโด เครื่องรางชิ้นนี้เป็นถุงผ้าสีชมพู ปักตัวอักษรด้วยดิ้นสีทอง และปักรูปแมว 2 ตัว พกเพื่อนำโชค เพราะเชื่อกันว่าจะช่วยปกป้องสิ่งชั่วร้ายจากลูกน้อย สุขภาพแข็งแรง และยังช่วยให้เด็กเติบโตมีสุขภาพที่แข็งแรงในอนาคตด้วย นอกจากจะคุ้มครองให้ลูกน้อยปลอดภัยแล้วยังช่วยคุ้มครองคุณแม่อีกด้วย กำไลข้อเท้า คนไทยสมัยก่อนมักซื้อมาไว้รับขวัญหลาน เพราะเชื่อกันว่าการใส่กำไลข้อเท้าให้เด็กนั้นจะช่วยคุ้มครองให้ลูกน้อยปลอดภัย สุขภาพแข็งแรง แต่ความจริงนั้นอาจเป็นเพียงกุศโลบายในการเลี้ยงเด็ก เพราะกำไลข้อเท้าเด็กส่วนมากจะมีกระดิ่งห้อยอยู่ด้วย เมื่อพ่อแม่ได้ยินเสียงจะทำให้รู้ว่าลูกนอนอยู่หรือตื่นแล้ว อีกทั้งยังสามารถตามหาลูกน้อยว่าอยู่ที่ไหนได้จากเสียงกระดิ่งอีกด้วย เรียกได้ว่า ทั้งเสริมดวงให้ลูกน้อยปลอดภัยแล้วยังได้ใช้ประโยชน์ไปพร้อมๆกัน ถึงอย่างไรก็ตาม กำไลข้อเท้าควรทำมาจากวัสดุที่มีคุณภาพ […]

Menu
All Categories
All Brands
All Ages
Promotions
Locations
BabyGift Family
BabyGift Care
Parents Guide
News & Event

All Categories

All Categories
All Brands
All Ages