คาร์ซีทแบบกระเช้า คืออะไร ? เลือกยังไงให้เหมาะกับลูกคุณ

การเตรียมความพร้อมให้กับลูกน้อยนั้นมีสิ่งที่จำเป็นอยู่หลายอย่าง เริ่มตั้งแต่ก่อนคลอดไปจนถึงการเลี้ยงดูลูกตามช่วงวัยต่าง ๆ และสิ่งที่จำเป็นอย่างหนึ่งก็คือ คาร์ซีทสำหรับลูกน้อย อย่างคาร์ซีทเด็กแรกเกิด ที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเด็ก ๆ ขณะนั่งรถยนต์ เพื่อช่วยลดโอกาสในการบาดเจ็บรุนแรงแก่เด็ก ๆ หากเกิดอุบัติที่ไม่คาดคิด
ซึ่งปัจุบันมีคาร์ซีทหลากหลายรูปแบบมากมาย ทั้ง คาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 2 ปี คาร์ซีทสำหรับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป คาร์ซีทที่ใช้สำหรับเด็กโตอายุ 4 – 12 ปี รวมถึง คาร์ซีทแบบกระเช้า ที่นิยมใช้กันมากขึ้น คาร์ซีทกระเช้าคืออะไร เป็นแบบไหน เหมาะกับเด็กช่วงวัยใด ควรเลือกซื้ออย่างไรบ้าง มารู้จักให้มากขึ้นผ่านบทความนี้กันค่ะ
คาร์ซีทแบบกระเช้า เลือกยังไง ให้เหมาะกับลูกน้อย หาคำตอบได้ในบทความนี้
คาร์ซีทกระเช้า คืออะไร ?
คาร์ซีทแบบกระเช้า (Infant Car Seat) หรือคาร์ซีทแบบ Newborn Only เป็นคาร์ซีทที่ใช้สำหรับเด็กแรกเกิดจนถึงอายุไม่เกิน 24 เดือน เหมาะสำหรับการติดตั้งหันหน้าเข้าหาเบาะรถยนต์ มีลักษณะรูปร่างคล้ายกับตะกร้า และมีที่สำหรับจับถือหิ้ว สามารถวางไว้ในรถได้ และยกออกได้เลยโดยที่ไม่ต้องอุ้มเด็กออกจากคาร์ซีท ทำให้ไม่รบกวนการนอนหลับของลูกน้อยรวมถึงเคลื่อนย้ายได้ง่ายไม่ยุ่งยาก ในบางรุ่นก็สามารถนำไปใส่กับรถเข็นเด็กได้ด้วย สร้างความสะดวกสบายให้กับคุณพ่อคุณแม่ในการพาลูกน้อยไปทำธุระนอกบ้าน เช่น พาไปหาหมอ พาไปหาคุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย เป็นต้น
ข้อดี
- มีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายได้ง่าย สามารถถอดออกมาเดินถือได้เลย
- มีที่นั่งกระชับ เหมาะสมกับสรีระของเด็ก ช่วยให้เด็กนอนในท่าทางที่สบายและอยู่ในท่าทางที่ถูกต้อง
- มีความสะดวกสบายในการใช้งาน สามารถใส่กับรถเข็นเด็กได้ในบางรุ่น หรือปรับเป็นเปลนอนได้
- มีความปลอดภัย สามารถติดตั้งหันหน้าเข้าหาเบาะรถยนต์ได้ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีความปลอดภัยที่สุดสำหรับเด็กแรกเกิด
ข้อเสีย
- มีความบอบบาง เพราะมีขนาดเล็ก ทั้งยังมีน้ำหนักเบา ทำให้โครงสร้างและชิ้นส่วนต่างๆ มีขนาดเล็กและบอบบางตามไปด้วย
- มีระยะการใช้งานสั้นๆ เนื่องจากกระเช้าคาร์ซีทมีขนาดเล็ก จึงใช้สำหรับเด็กแรกเกิด – 1 ปี เท่านั้น
- ไม่ทนทานเท่ากับคาร์ซีทประเภทอื่นๆ ด้วยเพราะมีน้ำหนักเบา มีโครงสร้างที่เล็กและไม่แข็งแรงเท่ากับคาร์ซีทประเภทอื่นๆ

คาร์ซีทแบบกระเช้า เหมาะกับการใช้งานแบบใด ?
- กระเช้าคาร์ซีท เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิดโดยเฉพาะ เพราะมีน้ำหนักเบา สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย น้ำหนักไม่มากจนเกินไป
- เหมาะสำหรับการเดินทางทั้งใกล้และไกล เพราะสามารถยกออกจากรถได้ในขณะที่เด็กหลับอยู่ โดยที่ไม่ต้องอุ้มเด็กออกมาจากคาร์ซีท สร้างความสะดวกสบายให้กับคุณพ่อคุณแม่ และสามารถนำไปติดตั้งในรถเข็นเด็กได้อีกด้วย
- เหมาะสำหรับการใช้งานช่วงสั้นๆ ไม่เกิน 1 ปี เพราะกระเช้าคาร์ซีทมีขนาดกะทัดรัด เคลื่อนย้ายสะดวก หากเด็กมีน้ำหนักมากขึ้นหรือมีความสูงเพิ่มขึ้น ก็อาจจะนั่งไม่สะดวกได้
เลือกคาร์ซีทแบบกระเช้าอย่างไรดี ?
ตอนนี้ก็ได้ทราบแล้วว่าคาร์ซีทแบบกระเช้าคืออะไร เป็นแบบไหน มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง และเหมาะกับการใช้งานในรูปแบบใด แล้วเราจะมีวิธีเลือกคาร์ซีทกระเช้าอย่างไรดีให้เหมาะกับลูกน้อยมากที่สุด มาดูวิธีเลือกกันเลยค่ะ
1. เลือกจากระบบการติดตั้ง
ปัจจุบันจะมีอยู่ 2 ระบบ ได้แก่ ระบบ Belt (ติดตั้งด้วยเข็มขัดนิรภัยของตัวรถยนต์) โดยสามารถติดตั้งคาร์ซีทได้กับรถยนต์ทุกรุ่น ทุกคัน และระบบ ISOFIX หรือระบบการติดตั้งตามมาตรฐานยุโรป โดยส่วนใหญ่จะมีในรถยนต์ที่ผลิตในปี 2014 ขึ้นไป หากยังไม่แน่ใจว่าควรเลือกคาร์ซีทแบบไหนที่เหมาะกับรถยนต์ของเรา อาจสอบถามผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์เพิ่มเติม จะได้เลือกอย่างถูกต้องค่ะ
2. เลือกจากรูปแบบและขนาดที่เหมาะสมกับการใช้งาน
กระเช้าคาร์ซีทนั้นเหมาะสำหรับเด็กแรกเกิด – 18 เดือนเท่านั้น หากลูกน้อยโตกว่านี้ อาจทำให้ลูกนั่งได้ไม่สบายและรู้สึกอึดอัดได้ ควรเลือกเป็นแบบที่ทำความสะอาดได้ง่าย ถอดซักได้ ระบายอากาศดี และซัพพอร์ตกับสรีระของเด็กเล็ก ทั้งนี้ ควรเลือกขนาดคาร์ซีทให้มีความเหมาะสมกับขนาดเบาะรถของเราด้วย เพื่อที่จะได้ติดตั้งได้อย่างพอดีและมีความมั่นคงแน่นหนา เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของลูกน้อยค่ะ

3. เลือกจากฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบโจทย์เรา
การเลือกคาร์ซีทนั้น ควรเลือกจากการตั้งคำถามที่ว่า สามารถนำมาประกอบเข้ากับรถเข็นได้หรือไม่ สามารถปรับให้เอนราบเพื่อทำเป็นเปลนอนได้หรือไม่ มีเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ตรงกับความต้องการของเราหรือไม่ เช่น ระบบ Side impact ป้องกันการชนด้านข้าง ที่ช่วยลดแรงกระแทก และอื่นๆ
4. เลือกซื้อจากร้านที่มีความน่าเชื่อถือ
สิ่งที่สำคัญไม่แพ้คุณภาพ และวัตถุประสงค์การใช้งานของสินค้าแต่ละอย่างนั้น ก็คือการเลือกซื้อของจากร้านที่มีความน่าเชื่อถือ มีการรับประกันคุณภาพ และจัดจำหน่ายโดยตัวแทนนำเข้าอย่างถูกต้องตามกฏหมาย หากมีการชำรุดก็สามารถส่งซ่อมกับศูนย์ได้ หรือสามารถเปลี่ยนใหม่ได้ในกรณีที่มีการชำรุดเสียหายรุนแรงจากการเกิดอุบัติเหตุในบางแบรนด์
5. เลือกที่มีสัญลักษณ์รับประกันความปลอดภัย
โดยเลือกคาร์ซีทที่มีตราสัญลักษณ์มาตรฐานความปลอดภัยตามมาตรฐาน ECE R129 (i – Size) อันเป็นมาตรฐานใหม่ล่าสุดสำหรับคาร์ซีทของสหภาพยุโรปในการใช้ควบคุมการผลิตคาร์ซีทสำหรับเด็กเล็กให้มีความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น และเบาะต้องนั่งสบายมากขึ้น เนื่องจากมีข้อบังคับให้เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 เดือน ต้องนั่งคาร์ซีทแบบหันหน้าเข้าหาเบาะ (Rear – Facing) ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ที่มีการประกาศใช้ตั้งแต่ปี 2556 และยังเป็นมาตรฐานที่มีการทดสอบความปลอดภัยของคาร์ซีทอย่างเข้มงวด และได้รับการยอมรับในระดับสากลว่ามีความปลอดภัยสูงสุดอีกด้วย
BabyGift แนะนำคาร์ซีทแบบกระเช้า สำหรับลูกน้อยของคุณ

1. KINDERKRAFT คาร์ซีทกระเช้า รุ่น MINK PRO
คาร์ซีทแบบกระเช้าที่เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิด สามารถถอด และถือหิ้วเหมือนตะกร้าได้ มีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายได้สะดวกสบาย โครงสร้างแข็งแรงทนทาน ได้รับมาตรฐานความปลอดภัยยุโรป R129 (i – Size) มั่นใจได้ในเรื่องคุณภาพ
จุดเด่น
- ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ระดับยุโรป R129 (i-Size) อันเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่ามีความปลอดภัยสูงสุด
- สามารถติดตั้งกับรถเข็นเด็กที่มี Adapter ได้ เช่น รถเข็นเด็ก รุ่น Apino และ รถเข็นรุ่น NEA
- สามารถปรับพนักพิงศีรษะ และเข็มขัดนิรภัยพร้อมกันได้ 5 ระดับ ตามสรีระลูกน้อย
- น้ำหนักเบา 3.5 กิโลกรัม ถอดออก และถือหิ้วได้สะดวก
- มี Head Support เมมโมรี่โฟมหนา 3 ชั้น เสริมด้านในด้วย EPS โฟม ปกป้องศีรษะ และลำคอทารกแรกเกิดได้อย่างแน่นหนา
- มี Side Protect เสริมการ์ดป้องกันการกระแทกด้านข้าง เสริมความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล
- มีเข็มขัดนิรภัย 3 จุด พร้อมนวมหุ้มสายเข็มขัดหนานุ่ม สัมผัสสบาย มีความปลอดภัยสูง ให้เด็กนั่งได้ถูกต้องตามหลักสรีรศาสตร์
- มีหลังคาบังแดด ช่วยปกป้องสายตาทารกที่ยังบอบบางให้หลับสนิทมากขึ้น
- โครงคาร์ซีทแข็งแรง แตกหักยาก ดูดซับแรงกระแทกได้สูง
การใช้งาน : เด็กแรกเกิด – 15 เดือน ส่วนสูง 40 – 75 เซนติเมตร มีน้ำหนักระหว่าง 0 – 13 กิโลกรัม
การติดตั้ง : ระบบ Belt
แบรนด์ : ประเทศเยอรมนี

2. KINDERKRAFT คาร์ซีทกระเช้า รุ่น I-CARE
คาร์ซีทแบบกระเช้าสำหรับเด็กแรกเกิด มีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายได้สะดวก สามารถถอดและถือหิ้วเหมือนตระกร้าได้ มีการออกแบบเชิงโมดูลาร์ ดีไซน์ สามารถถอดแยกชิ้นส่วนได้เพื่อรองรับสรีระเด็กได้ดีที่สุด พร้อมมาตรฐานความปลอดภัยจากยุโรป R129 (i – Size) มั่นใจได้ในด้านคุณภาพการใช้งาน
จุดเด่น
- ได้มาตรฐานความปลอดภัยใหม่ระดับยุโรป R129 (i-Size) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่ามีความปลอดภัยสูงสุด
- สามารถติดตั้งกับรถเข็นเด็กที่มี Adapter ได้ เช่น รถเข็นเด็ก รุ่น NEA
- สามารถปรับพนักพิงศีรษะ และเข็มขัดนิรภัยพร้อมกันได้ 4 ระดับ ตามสรีระลูกน้อย
- น้ำหนักเบา 4.2 กิโลกรัม
- มี Head Support เมมโมรี่โฟมหนานุ่มที่สุด ถึง 3 ชั้น ช่วยปกป้องศีรษะ และลำคอทารกแรกเกิดได้อย่างแน่นหนา
- มี Side Protect เสริมการ์ดป้องกันการกระแทกด้านข้าง ปลอดภัยตามมาตรฐานสากล
- มีเข็มขัดนิรภัย 5 จุด พร้อมนวมหุ้มสายเข็มขัดหนานุ่ม สัมผัสสบาย มีความปลอดภัยสูง
- มีหลังคาบังแดด ปกป้องสายตาทารกที่ยังบอบบางให้หลับสนิทมากขึ้น
- โครงคาร์ซีทแข็งแรง แตกหักยาก ดูดซับแรงกระแทกได้สูง
การใช้งาน : เด็กแรกเกิด – 15 เดือน ส่วนสูง 40 – 87 เซนติเมตร มีน้ำหนักระหว่าง 0 – 13 กิโลกรัม
การติดตั้ง : ระบบ Belt และสามารถใช้ฐานติดตั้งระบบ ISOFIX ได้
แบรนด์ : ประเทศเยอรมนี

3. JOIE ตระกร้าคาร์ซีทเด็ก รุ่น Gemm
กระเช้าคาร์ซีทสำหรับเด็กอ่อนในรูปแบบตระกร้าหิ้ว ทำให้ลูกน้อยหลับสบายแม้ในขณะเคลื่อนย้าย เหมาะสำหรับเด็กวัยแรกแกิดโดยเฉพาะ มีการรับประกันความแข็งแรงของโครงสร้าง 3 ปี ผ่านการทดสอบ ECE R44/04 จากยุโรป มั่นใจได้ในเรื่องของคุณภาพ ได้มาตรฐานจากสากล
จุดเด่น
- ผ่านการทดสอบมาตรฐาน ECE R44/04 จากยุโรป
- น้ำหนักเบา เพียง 4.62 กิโลกรัม
- เบาะรองรับสรีระเด็กแรกเกิดได้ดี ระบายอากาศได้ดี และสามารถถอดซักได้
- หลังคาป้องกันแสง UV สามารถถอดออกได้ และหูหิ้วปรับระดับได้
- มีสายคาดนิรภัยแบบ 5 จุดตามมาตรฐานสากล สามารถปรับระดับได้
- การติดตั้งหันหน้าเข้าหาเบาะ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของลูกน้อย
- สามารถใช้ฐานเสริม Car Seat รุ่น I Base ในการติดตั้งด้วยระบบ ISOFIX หรือเข็มขัดนิรภัย เพียงนำตระกร้าหิ้วไปวานบน ฐานเสริม Car Seat รุ่น I Base ทำให้สะดวกยิ่งขึ้นในการใช้งาน
- สามารถใช้กับรถเข็นรุ่น Litetrax4 DLX / Pact / Tourist / Muze LX / Versatrax / Finiti
การใช้งาน : เด็กแรกเกิด – 13 กิโลกรัม
การติดตั้ง : ระบบ ISOFIX
แบรนด์ : ประเทศอังกฤษ
ปัจจุบันมีกฏหมายคาร์ซีทที่ระบุเอาไว้ว่า เด็กที่อายุไม่เกิน 6 ปี หรือสูงไม่เกิน 135 เซนติเมตร ต้องมีที่นั่งพิเศษสำหรับเด็ก (คาร์ซีท) เพื่อป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ซึ่งกำหนดใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 ดังนั้นแล้ว การเลือกคาร์ซีทให้กับลูกน้อย โดยเฉพาะเด็กแรกเกิดจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นสิ่งที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับลูก และช่วยลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุได้ หากคุณต้องการคาร์ซีทที่ได้มาตรฐาน มีคุณภาพดี BabyGift เป็นร้านจำหน่ายสินค้าแม่และเด็กระดับคุณภาพ มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี คุณพ่อคุณแม่สามารถพาลูกน้อยมาลองนั่งคาร์ซีทแบบกระเช้าได้ทุกรุ่น หรือ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ร้านเบบี้กิ๊ฟทั้ง 5 สาขา ใกล้บ้าน หรือสอบถามผ่านช่องทาง Online ทีมงาน BabyGift ยินดีให้คำแนะนำค่ะ
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
ขอแสดงความยินดีกับว่าที่คุณแม่คนใหม่ด้วยนะคะ! กำลังกังวลกันอยู่ใช่มั้ยล่ะ ว่าตอนท้องอ่อนๆ จะสามารถทำอะไรได้บ้างทำอะไรไม่ได้บ้าง วันนี้เราเลยนำเรื่องที่คุณแม่มือใหม่ควรหลีกเลี่ยงมาบอกกันค่ะ ไม่แปลกใจที่คุณแม่บางท่านจะกังวลมากๆ ในช่วงท้องอ่อน เพราะในช่วงสามเดือนแรกนั้น อวัยวะต่างๆ ของลูกน้อยในท้องของคุณแม่ยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ค่ะ ดังนั้นในระยะนี้จึงมีความเสี่ยงต่อการแท้งมากกว่าในไตรมาสอื่นๆ ช่วงนี้คุณแม่ที่ท้องอ่อนๆ ต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการรับประทานอาหาร สิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัว หรือการใช้ยาต่างๆ ดังนั้น เรื่องความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญ กังวลได้แต่อย่าเครียดนะ เพราะความเครียดก็เป็นสิ่งที่คุณแม่ต้องพึงระวังไว้ด้วย กำลังคิดจะไปทานแซลมอน ลาบก้อย หอยนางรมฉลองสมาชิกใหม่กันอยู่รึเปล่า ช่วงนี้คุณแม่อาจจะต้องงดไว้ก่อนนะ เพราะอาหารที่ปรุงไม่สุกส่วนใหญ่อาจปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียที่จะทำให้คุณแม่ท้องเสียหรืออาเจียนได้ แถมยังอาจทำให้เป็นโรคทอกโซพลาสโมซิส (Toxoplasmosis) ซึ่งเจ้าโรคนี้เนี่ยมันเกิดจากเชื้อปรสิตทอกโซพลาสมา กอนดิไอ(Toxoplasma gondii) ที่สามารถแพร่ไปสู่ลูกน้อยในท้องของคุณแม่ได้ค่ะ เห็นชื่อน่ากลัวแบบนี้ มันก็น่ากลัวจริงๆ นะ เพราะหากติดโรคนี้ตอนท้องก็อาจจะทำให้แท้งไปเลย หรือไม่ก็ลูกอาจจะเสียชีวิตในท้อง ไม่ก็อาจมีอาการของโรคเมื่อคลอดออกมา สังเกตง่ายๆ เลยค่ะ ถ้าคุณแม่ที่ติดเชื้อนี้ตอนท้อง ลูกคลอดออกมาจะมีขนาดศีรษะที่ไม่ปกติ อาจจะเล็กหรือไม่ก็ใหญ่กว่าเด็กคนอื่นๆ แถมพอโตไปก็อาจจะตาบอดหรือสติปัญญาอาจจะด้อยกว่าเด็กอื่นๆ ด้วยนะ แต่แต่แต่ ถ้าคุณแม่เคยเป็นโรคนี้ก่อนท้องแล้วก็ชิวชิวค่า เพราะร่างกายคุณแม่มีภูมิคุ้มกันแล้ว ไม่กลับมาเป็นอีกแล้วล่ะ คุณแม่ที่กำลังใช้ยาอยู่ หยุดก่อนค่ะ! ได้ถามคุณหมอรึยังว่ายาตัวนั้นคนท้องทานได้มั้ย คุณแม่อย่าชะล่าใจไปน้าเพราะยามีหลายประเภทแล้วก็ออกฤทธิ์แตกต่างกัน เพราะงั้นยาบางตัวอาจมีผลต่อการสร้างอวัยวะของลูกน้อยได้ เช่นพวกยารักษาสิว Isotretinoin นี่ตัวดีเลยค่ะ เพราะมันเป็นยาที่รุนแรงมาก มากจนอาจทำให้ลูกพิการได้เลยนะ หรือพวกยาที่ใช้รักษาไมเกรน เช่น Cafergot เพราะมันทำให้มดลูกของพวกเราบีบตัวจึงอาจทำให้คลอดก่อนกำหนดได้ พอคุณแม่ทานยาเข้าไปปุ๊ป ลูกก็จะได้ยาพวกนี้ผ่านทางรกด้วยค่ะ แต่ผลกระทบต่อลูกก็จะขึ้นอยู่กับปริมาณยาที่คุณแม่ทานเข้าไปนะ เพราะฉะนั้นหากจะทานยา […]
ทารกแรกเกิดถึง 28 วัน เป็นช่วงเวลาที่ต้องปรับตัวอย่างมาก จากที่อยู่ในท้องคุณแม่อย่างอบอุ่นถึง 9 เดือน ออกมาเจอสภาพแวดล้อมภายนอก คุณแม่จึงจำเป็นที่ต้องดูแลอย่างอ่อนโยนเลยนะคะ อย่าง วิธีอาบน้ำทารก เรื่องดูแลทำความสะอาดร่างกาย อาบน้ำอย่างถูกต้อง ปลอดภัย ยิ่งต้องใส่ใจเป็นพิเศษเลยค่ะ วิธีอาบน้ำทารก ควรอาบน้ำวันละกี่ครั้ง คุณแม่มือใหม่ คุณพ่อมือใหม่ คงมีคำถามคาใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ใช่ไหมคะ ว่าทารกแรกเกิดควรอาบน้ำเช้า-เย็นหรือไม่ จริง ๆ แล้วเด็กที่อายุต่ำกว่า 1 เดือน ควรจะอาบแค่วันละ 1 ครั้ง อาบในช่วงสายหรือบ่ายของวันเลยค่ะ และเด็กอายุ 1 เดือนขึ้นไปสามารถอาบน้ำได้วันละ 2 ครั้ง ส่วนการสระผมเด็กแรกเกิด – 2 เดือน สระเพียง 1 – 2 ครั้งต่อสัปดาห์เท่านั้นค่ะ อุปกรณ์อาบน้ำเด็กแรกเกิด อ่างอาบน้ำใส่น้ำอุ่น อ่างอาบน้ำเด็ก ควรจะกันกระแทกได้ดี อาจจะมีแผ่นวัดอุณหภุมิน้ำ ช่วยทำให้คุณแม่หรือพี่เลี้ยงเตรียมน้ำให้น้องได้ง่าย ได้อุณหภูมิที่เหมาะสมกับสภาพผิวทารก สบู่เหลวอาบน้ำเด็กแรกเกิด ต้องมีความอ่อนโยน ค่า pH […]
หลายวันมานี้เราท่องโลกอินเทอร์เน็ตหนักมาก เพราะอยากรู้ว่าแม่ยุคใหม่เขาชอบอะไร ไอเทมไหนกำลังเป็นที่พูดถึงในกลุ่มแม่ๆ มากที่สุด จากการส่องพบว่าท็อปปิคที่ถูกพูดถึงมาก แต่ยังมีข้อมูลน้อยคือ “รถเข็นเด็ก” ไอเทมใหม่สำหรับแม่ลูกเล็กในยุคนี้นั่นเอง เราจึงไม่รอช้ารีบหาข้อมูลว่าคุณแม่ต้องการรถเข็นแบบไหนและพอจะสรุปได้ว่า คุณแม่ส่วนใหญ่ต้องการรถเข็นเด็กที่น้ำหนักเบา พับเก็บมือเดียวได้ เพราะส่วนมากไปกันสองคนแม่ลูก ต้องการระบบล้อที่ดี เข็นลื่นไหลไม่ต้องออกแรงมากส่วนใหญ่จะเข็นในสวนสาธารณะและทางเท้าซึ่งพื้นค่อนข้างขรุขระ สามารถปรับเอนได้เพราะลูกมักหลับตอนพาเที่ยว วันนี้เลยไปคว้า รถเข็นเด็ก Aprica รุ่น LUXUNA CTS มารีวิวเผื่อคุณพ่อคุณแม่จะเก็บไว้เป็นตัวเลือกเวลาต้องออกไปด้านนอกกับเจ้าตัวเล็กเพียงลำพัง รีวิวรถเข็นเด็ก Aprica” รุ่น LUXUNA CTS เห็นรูปลักษณ์ทะมัดทะแมงอย่างนี้แต่น้ำหนักเบานะจ๊ะ ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการใช้งานมากๆ มาสำรวจสิว่าอะไรเป็นอะไร พอใช้งานจริงจะได้ไม่ยืนงง เริ่มต้นที่ด้ามจับเลยล่ะกัน เราว่าตอบโจทย์มากนะ เพราะสามารถปรับที่จับให้อยู่ด้านหน้าหรือด้านหลังลูกก็ได้ คุณแม่ที่กังวลว่าจะไม่มีปฎิสัมพันธ์กับลูกสบายใจเรื่องนี้ได้เลยและเลิศได้อีกกับล้อแบบ Auto 4 wheels ที่จะล๊อคล้อและคลายล๊อคล้อแบบอัตโนมัติในเวลาเราเปลี่ยนที่จับให้มาอยู่ด้านหน้าหรือด้านหลังก็ได้ ถ้าใครเคยเข็นลูกแบบแม่อยู่ด้านหน้าจะนึกออกเลยว่าเวลาเราเข็นแบบนี้แล้วถ้าล้อหลังหมุนไม่ได้ พอจะเลี้ยวซ้ายที เลี้ยวขวาทีก็ต้องตีวงอ้อมกว้างไปอีก บังคับทิศทางก็ยากมาก มาเจอล้อแบบ Auto 4 Wheels สบายเลยขนาดเราลองเข็นในที่แคบ ๆ ก็ยังเข็นง่ายเรียกว่าโดนใจสุดๆ การปรับก้านเข็นไปด้านหลัง ช่วยให้เข็นได้ง่าย ปรับเอนนอนได้ 170 องศา เมื่อปรับก้านเข็นมาด้านหน้า ระบบล้อจะถูกปรับเปลี่ยนการล๊อคได้แบบอัตโนมัติ นอกจากเรื่องปรับล้อหมุนแบบ 360 องศา Auto 4 Wheels เรื่องรองรับแรงกระแทกที่ล้อก็โอเคเลย […]
ความสะอาดของอุปกรณ์เครื่องใช้สำหรับลูกน้อยนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะเด็กเล็กยังร่างกายไม่แข็งแรง ระบบภูมิคุ้มกันก็ทำงานได้ยังไม่เต็มที่ หากสัมผัสกับเชื้อโรคก็จะมีโอกาสป่วยได้ง่าย คุณพ่อคุณแม่จึงต้องหาวิธีทำความสะอาดข้าวของเครื่องใช้ของลูกน้อย เพื่อให้มั่นใจว่าสะอาดปลอดภัยมากที่สุด ทั้งนี้ ได้มีการนำนวัตกรรมการฆ่าเชื้อด้วยพลังงานจากรังสี UV-C โดยการปรับเปลี่ยนเป็นเครื่องอบ UV ขนาดเล็กที่สามารถใช้ฆ่าเชื้อสิ่งของต่างๆ ภายในบ้านได้อย่างง่ายดาย ในบทความนี้ BabyGift ได้รวบรวมเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเครื่องอบยูวีพร้อมสินค้าแนะนำมาฝากกันแล้วค่ะ เครื่องอบ UV คืออะไร ? เครื่องอบ UV หรือ ตู้อบ UV (UVC Sterilizer) เป็นการนำหลอดสังเคราะห์แสง UV-C หรือ Germicidal Lamp มาติดตั้งไว้ภายในเครื่องอบบริเวณด้านบน หรือบริเวณฝาปิดด้านบน เมื่อเครื่องทำงานด้วยโหมด UV จะเป็นการปล่อยรังสี UV-C จากหลอด UV ด้วยปริมาณค่าความยาวคลื่นแสงถึง 254 นาโนเมตร ลงไปตกกระทบกับพื้นผิวของสิ่งของต่างๆ ที่อยู่ภายในตู้ ในปริมาณที่สม่ำเสมอ และระยะเวลานานเพียงพอจนเข้าไปทำลาย DNA และ RNA ของเชื้อโรคได้ จากแต่เดิมการฆ่าเชื้อสิ่งของต่างๆ ด้วยการลวกน้ำร้อน หรือการนึ่งด้วยไอร้อน อาจเหมาะกับการฆ่าเชื้อแค่สิ่งของที่โดนน้ำและทนความร้อนได้ เช่น […]
การเลี้ยงลูกให้มีสุขภาพดีเริ่มต้นจากการให้ลูกกินอาหารที่มีประโยชน์ แต่การที่ลูกไม่ยอมกินข้าวเป็นปัญหาที่แม่หลายคนต้องพบเจอ แม้ว่าจะเป็นเรื่องธรรมดาของเด็กในวัยทารกหรือวัยเด็กเล็ก แต่หากปล่อยไว้ อาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการและสุขภาพของลูกในระยะยาว ดังนั้นวันนี้เรามีวิธีจัดการลูกไม่ยอมกินข้าวที่ได้ผลจริงมาฝากค่ะ 1. สร้างสภาพแวดล้อมในการทานอาหารที่ดี บรรยากาศการทานอาหารที่ดีช่วยให้ลูกอยากทานมากขึ้น คุณแม่ควรสร้างบรรยากาศที่สนุกสนานและไม่กดดันขณะทานอาหาร เช่น การทานอาหารร่วมกันกับครอบครัว หรือการตั้งโต๊ะอาหารที่มีสีสันและดูน่าสนใจ เคล็ดลับ: 2. ให้ลูกมีส่วนร่วมในการเลือกอาหาร เด็กมักจะรู้สึกสนุกและมีความภาคภูมิใจเมื่อได้เลือกหรือช่วยเตรียมอาหารเอง คุณแม่สามารถให้ลูกมีส่วนร่วมในการเลือกเมนูอาหารหรือการจัดเตรียมอาหารบางอย่าง เพื่อให้พวกเขารู้สึกว่าการทานอาหารเป็นเรื่องสนุกและไม่น่าเบื่อ เคล็ดลับ: 3. หลีกเลี่ยงการบังคับให้กินอาหาร การบังคับให้ลูกทานอาหารอาจทำให้ลูกเกิดความเครียดและต่อต้านการทานอาหารมากขึ้น การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับอาหารจะช่วยให้ลูกมีทัศนคติที่ดีต่อการทานอาหาร เคล็ดลับ: 4. เปลี่ยนเมนูอาหารให้หลากหลาย เด็กมักเบื่ออาหารที่ซ้ำซาก ดังนั้นคุณแม่ควรเปลี่ยนเมนูอาหารให้หลากหลายและน่าสนใจ เช่น การทำอาหารในรูปแบบต่างๆ หรือการเพิ่มรสชาติใหม่ๆ เข้าไปในอาหาร เคล็ดลับ: 5. ไม่เสิร์ฟของหวานก่อนมื้ออาหาร การเสิร์ฟของหวานหรือขนมก่อนมื้ออาหารจะทำให้ลูกอิ่มท้องก่อนและไม่อยากทานข้าว ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการให้ขนมก่อนมื้ออาหาร เคล็ดลับ: 6. ทานอาหารร่วมกับลูก การทานอาหารร่วมกับลูกจะช่วยให้ลูกเห็นแบบอย่างในการทานอาหารที่ดี และทำให้ลูกรู้สึกมีส่วนร่วมในการทานอาหารด้วยกัน เคล็ดลับ: 7. ควบคุมเวลาการทานอาหาร การมีเวลาทานอาหารที่ชัดเจนจะช่วยให้ลูกสร้างนิสัยการทานอาหารที่ดี ไม่ทานอาหารระหว่างมื้อซึ่งอาจทำให้ลูกไม่หิวเวลาทานข้าว เคล็ดลับ: 8. ให้รางวัลเมื่อทานอาหารเสร็จ การให้รางวัลเล็กๆ น้อยๆ เมื่อทานอาหารเสร็จแล้วเป็นวิธีหนึ่งที่จะกระตุ้นให้ลูกทานอาหารอย่างเต็มใจ โดยรางวัลไม่จำเป็นต้องเป็นขนมหรือของหวานเสมอไป […]
เบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กในรถยนต์ทุกที่นั่งจะต้องมีป้ายรับรองมาตรฐาน ECE R44/04 เป็น มาตรฐานความปลอดภัยคาร์ซีท เพื่อบ่งชี้ว่าเบาะตัวนั้นๆได้ผ่านตามข้อกำหนดมาตรฐานความปลอดภัย ป้ายรับรองมาตรฐาน ECE R44/04 จะเป็นป้ายสีส้ม มาตรฐานความปลอดภัยคาร์ซีท ECE 44/03 และ ECE R 44/04 แบ่งตาม Group และแบ่งแยกเป็นประเภทต่างๆ ทั้งหมด 4 ประเภท (4 Categories) ตามการติดตั้งและการใช้งาน ซึ่งจะช่วยให้เราทราบว่าเบาะนั้นๆออกแบบมาสำหรับรถเราหรือไม่ มาตรฐานความปลอดภัยคาร์ซีท ECE 44/03 และ ECE R 44/04 แบ่งตามภูมิภาค จากข้อมูลในหัวข้อนี้คงพอให้ท่านผู้อ่านเข้าใจความหมายและทราบถึงรายละเอียด ข้อมูลของเบาะนั้นจากป้ายมาตรฐาน ตลอดจนเป็นประโยชน์กับผู้ปกครองในการเลือกซื้อเบาะให้เหมาะกับลูกหลานและรถ ที่มีแนวทางการใช้งานเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็ก ในครั้งแรกๆ เด็กๆอาจจะร้องเพราะกลัวการถูกล็อค แต่ถ้าเขาคุ้นเคยเสียก่อน ก็จะลดการร้องไม่ยอมของเด็กได้ การที่เด็กๆร้องก็จะทรมาณใจพ่อแม่เพราะสงสารลูกๆและเป็นสาเหตุทำให้ละเลยการใช้งานเบาะนิรภัยในครั้งต่อๆไป เพราะว่าเด็กที่นั่งอยู่ในเบาะนิรภัยจะมีการป้องกันการชนด้านข้างต่ำ การนั่งในตำแหน่งกลางจะช่วยเพิ่มพื้นที่ในการดูดซับแรงกระแทก แต่ทั้งนี้รถควรจะเป็นรถขนาดใหญ่ที่เบาะกลางมีเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด อย่างไรก็ตามหากไม่สามารถติดตั้งตรงเบาะกลางได้ การติดตั้งทางฝั่งซ้ายหรือขวาก็สามารถทำได้ โดยที่ฝั่งตรงข้ามคนขับ (ฝั่งเดียวกับฟุตบาท) จะปลอดภัยกว่าฝั่งคนขับ สำหรับการใช้งานเบาะนิรภัยร่วมกับรถปิกอัพให้ติดตั้งด้านหน้าข้างคนขับและห้ามใช้ถุงลมในที่นั่งด้านข้างคนขับ 1. เด็กสูงเพียงพอที่ขาและเข่าของเขาสามารถนั่งห้อยขาได้เบาะนั่งรถได้พอดี2. เด็กโตพอที่จะสามารถนั่งตัวตรง หลังพิงพนักพิงได้ตรง3. เข็มขัดนิรภัยของรถส่วนล่างจะต้องรัดได้ตรงส่วนกระดูกเชิงกรานไม่ใช้รัดตรงท้อง4. เข็มขัดที่พาดส่วนบ่าจะต้องพาดผ่านมาตรงส่วนหน้าอก […]

ร้านสินค้าแม่และเด็กที่คัดสรรนวัตกรรมของใช้แม่และเด็กที่มี
คุณภาพให้คำปรึกษาและบริการ อย่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อช่วยให้การเลี้ยงลูกเป็นเรื่องง่าย ปลอดภัย และมีความสุข
Online Shopping
สาขา ปิ่นเกล้า ราชพฤกษ์
สาขา Mega บางนา
สาขา Central World
สาขา BTS วงเวียนใหญ่ (Outlet)
Copyright 2024 © Baby Gift (Retail) Co., Ltd.