ลูกติดมือ อุุ้มลูกบ่อยๆ ดีมั้ย

อุ้มลูกบ่อยแค่ไหนถึงเรียกว่า “ลูกติดมือ”

         ลูกติดมือ พฤติกรรมแบบนี้เกิดจากการอุ้มลูกบ่อย แต่ก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ทำไมเด็กถึงอยากให้อุ้ม เด็กแรกเกิด โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนแรก ช่วงนี้เด็กจะยังชินกับการอยู่ในท้องของคุณแม่ที่เคลื่อนไหวตลอด มีความอบอุ่น และได้ยินเสียงหัวใจเต้นของแม่ตลอดเวลา การอุ้ม การสัมผัส จะช่วยให้เด็กปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ หลังจากออกมาจากครรภ์ของแม่ เพราะการอุ้มเป็นการทำให้เค้ากลับไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงเหมือนอยู่ในครรภ์ของแม่ ทำให้เค้าหยุดร้องไห้ รู้สึกปลอดภัยจากการได้รับความอบอุ่นจากอ้อมอกพ่อแม่ จึงทำให้เด็กมักจะอยากให้พ่อแม่อุ้มอยู่บ่อยๆ 

         ซึ่งจากบทความของโรงพยาบาลเปาโลได้ให้ข้อมูลไว้ว่า “ ช่วงเด็กทารกวัยตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 เดือน จะเป็นวัยที่หากเขาต้องการสื่อสารอะไรกับคนอื่นก็จะใช้วิธีการร้องไห้เท่านั้น ซึ่งเมื่อร้องไห้คุณแม่หรือคนเลี้ยงส่วนใหญ่ก็จะเดินเข้าไปอุ้ม ซึ่งจริง ๆ การอุ้มเด็กในวัยนี้ยังไม่เป็นการตามใจจนทำให้เขาติดมือได้ แต่ความจริงการอุ้มยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ทำให้เด็กรู้สึกผูกพันกับคุณแม่หรือคนที่เลี้ยงได้เป็นอย่างดี ทำให้เด็กรู้สึกอบอุ่นใจว่ามีคนคอยดูแลเขา ทำให้เขาหายกลัวหายกังวล และเมื่อเขารู้สึกเช่นนี้พออายุมากขึ้นเขาก็จะร้องไห้น้อยลงไปเรื่อย ๆ และทำให้เขาเป็นเด็กที่มีสุขภาพจิตดีไม่เรียกร้องความสนใจจากพ่อแม่ หรือคนเลี้ยงจนเกินไป เพราะฉะนั้นการอุ้มเด็กในวัยนี้ยังไม่ทำให้เกิดอาการติดมือ “ 

         เพราะฉะนั้นในช่วง 6 เดือนแรก ก็พยามอุ้มและอยู่ใกล้ชิดกับลูกให้มากที่สุด เพื่อที่ลูกจะได้ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้โดยเร็ว ได้สร้างสัมพันธ์ที่ดีกับพ่อแม่ พร้อมสร้างพัมนาการที่ดี ที่จะส่งผลดีต่อลูกในอนาคต แต่หลังจาก 6 เดือนไปแล้วต้อง ช่วงที่ลูกเริ่มสื่อสาร และรับรู้เรื่องราวต่างๆได้ดีขึ้น พ่อแม่และลูกต้องปรับตัว อุ้มลูกให้น้อยลง สอนลูกให้รู้จักรอ และไม่ตามใจลูก เพื่อสร้างนิสัยที่ดีแก่ลูกของพ่อแม่ทุกคนในอนาคตค่ะ

อันตรายที่ซ่อนอยู่จากการอุ้มลูกบ่อยๆ

         การที่พ่อแม่อุ้มลูกมีประโยชน์ในการสร้างสัมพันธ์ที่ดีให้กับลูกได้ก็จริง แต่ก็มีสิ่งที่พ่อแม่ทุกคนควรระวังไว้อยู่ด้วย เพราะการอุ้มลูกบ่อยเกินไปยังเป็นสาเหตุที่อาจทำให้ส่งผลเสียต่อสุขภาพของพ่อแม่อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดหลังจากการที่ต้องอุ้มลูกเป็นเวลานาน อาการพังผืดกดทับเส้นประสาทข้อมือ และเอ็นข้อมืออักเสบ ที่เกิดจากการใช้งานข้อมือมากๆ (อ่านเพิ่มเติม : โรคเอ็นข้อมืออักเสบ)

         สำคัญที่สุดพ่อแม่มือใหม่หลายๆคน มักจะอุ้มลูกอยู่ในท่าทีผิด ส่งผลให้เป็นอันตรายต่อลูก และส่งผลเสียต่อพัฒนาการด้านร่างกายของลูกในอนาคต เพราะฉะนั้นพ่อแม่ทุกคน ก็ควรระวังในเรื่องนี้ด้วยค่ะ 

อุ้มลูก ดีอย่างไร

          หลายท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้ คงคิดว่า แล้วเราควรจะอุ้มลูกดีไหม ในความเป็นจริงการอุ้มลูกถือเป็นเรื่องที่ดี เป็นการสร้างสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพ่อแม่และลูก เพราะระหว่างที่เด็กอยู่ในครรภ์ เด็กจะถูกโอบล้อมด้วยความอบอุ่นของแม่ตลอดเวลา ทำให้หลังคลอดเด็กจะรู้สึกถึงความปลอดภัย และได้รับความอบอุ่นจากการอยู่ในอ้อมกอดของพ่อแม่ ดังนั้น ในช่วงแรกเกิดเด็กมักจะอยากให้พ่อแม่อุ้มอยู่เสมอ แต่นอกจากเรื่องนี้แล้ว การอุ้มลูกยังมีข้อดีในด้านอื่นๆอีกด้วย ที่ส่งผลต่อพัฒนาการด้านต่างๆของลูกในอนาคต

  1. การอุ้มลูกจะช่วยให้ลูกปรับอุณหภูมิร่างกายได้ดีขึ้น
    ในช่วงแรกเกิดร่างกายของเด็กจะมีร่างกายที่บอบบาง ระบบต่างๆของร่างกายยังไม่พัฒนาจนแข็งแรง โดยเฉพาะระบบการปรับอุณหภูมิของร่างกาย การสัมผัส การอุ้ม ทำให้ทารกจะได้สัมผัส รับรู้ถึงอุณหภูิมร่างกายของพ่อแม่ ได้รับความอบอุ่นจากร่างกาย
  2. เด็กจะรู้สึกมีความมั่นคงทางอารมณ์
    จากงานวิจัยของ Nationwide Children’s Hospital ในรัฐโอไฮโอ ทำให้รู้ว่า เด็กจะรับรู้ได้ถึงความเอาใจใส่ ความรัก ทำให้การที่พ่อแม่อยู่ใกล้ชิดกับลูก อุ้มลูกบ่อยๆ หรือแสดงความรักต่อลูก ไม่เพียงทำให้ลูกมีความสุข และอุ่นใจ แต่ยังเป็นการวางพื้นฐานการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่นในอนาคตด้วย
  3. เด็กมีพัฒนาการที่ดี
    เด็กที่ได้รับการสัมผัสมากพอ เซลล์สมองจะเติบโตและขยายตัว ประสาทสัมผัสจะว่องไว เรียนรู้ได้เร็วกว่าเด็กที่ไม่มีคนอุ้ม หรือได้รับการสัมผัส ซึ่งจากการทดลองของ Nationwide Children’s Hospital ในรัฐโอไฮโอ เกี่ยวกับเด็กที่คลอดก่อนกำหนด พบว่าเด็กที่มีพ่อแม่กับคนดูแลอุ้มบ่อยๆ จะตอบสนองกับการสัมผัสได้ดีมากกว่าเด็กที่ไม่ค่อยมีคนดูแล ไม่มีคนคอยอุ้ม
  4. ปอดและหัวใจแข็งแรง
    การอุ้มลูกน้อยไว้ในอกนั้น ความใกล้ชิดจะทำให้เจ้าตัวน้อยได้ยินเสียงหัวใจของคุณแม่เป็นจังหวะอย่างชัดเจน จึงทำให้เขามีการหายใจที่เป็นจังหวะไปพร้อมกับหัวใจที่เต้นของคุณแม่ จึงทำให้ปอดและหัวใจของเขาพัฒนาได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้เด็กรู้สึกปลอดภัย เพราะได้ยินเสียงที่คุ้นเคย
  5. สามารถปรับตัวต่อสถานการณ์ที่ตึงเครียดได้ดี
    จากงานวิจัยของนักวิทยาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัย Columbia ที่ศึกษาถึง อิทธิพลของความรักและการเอาใจใส่จากแม่ลิงที่มีต่อพฤติกรรมของลูกลิงเมื่อโตขึ้น พบว่า ลูกลิงที่ได้รับการสัมผัส ดูแลจากแม่ลิงบ่อยๆในช่วงสัปดาห์แรกของชีวิต จะมีความสามารถในการปรับตัวต่อสถานการณ์ที่ตึงเครียดได้ดีกว่าลูกลิงที่ไม่ได้รับการสัมผัสจากแม่

ตัวช่วยที่จะทำให้การอุ้มลูกเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น

         อย่างที่บอกไปในตอนต้น ว่านอกจากการอุ้มลูกจะมีข้อดีอยู่หลายข้อแล้ว ก็ยังมีข้อที่ควรพึงระวังด้วย การอุ้มลูกที่มีน้ำหนักตัวค่อนข้างเยอะ พ่อแม่ก็มักจะเกิดอาการปวดเมื่อย อุ้มลูกตลอดเวลาไม่ได้ ถึงพ่อแม่จะอยากอุ้มลูกก็ตาม และพ่อแม่มือใหม่บางคนที่ยังอุ้มลูกไม่เป็น อาจจะอุ้มลูกอยู่ในท่าที่ผิด ทำให้เป็นอันตรายต่อลูก เพราะฉะนั้นการมีตัวช่วยอย่าง “ เป้อุ้ม ” ที่ช่วยให้ลดภาระจากน้ำหนักตัว และทำให้อุ้มลูกอยู่ในท่าทีถูกตัองที่สุดก็จะช่วยลดภาระและข้อกังวลของพ่อแม่ได้เป็นอย่างมาก

แนะนำเป้อุ้มดีๆ ที่จะช่วยให้การอุ้มลูกเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น

1. เป้อุ้มเด็ก Made in Korea รุ่น Haenim 9 Plus

  • ปรับใช้งานได้ 9 รูปแบบ ตอบโจทย์ทุกกิจกรรม
  • ใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิด – 3 ขวบ
  • ออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ของเด็กทารก
  • สายสะพายบริเวณบ่า ช่วยกระจายน้ำหนัก ไม่กดทับให้เกิดอาการเจ็บ และไม่ทำให้อุ้มลูกนานๆแล้วเกิดอาการปวดเมื่อยจนเกินไป
  • แถบคาดเอวที่หนาพิเศษช่วยพยุงหลัง ลดอาการปวดเมื่อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • เบาะนั่งถูกออกแบบมาอย่างพิเศษ มีลักษณะโค้งมนเข้าหาตัวผู้อุ้มทำให้น้ำหนักของตัวเด็กรวมเป็นหนึ่งเดียวกับตัวผู้อุ้ม ตัวเด็กไมรั้งไปด้านหน้าที่ทำให้พ่อแม่ เกิดอาการปวดเมื่อยจากการอุ้ม และอาจทำให้เกิดอันตรายได้
  • Newborn Support ช่วยทำให้อุ้มลูกได้แบบ Hands Free ได้ตั้งแต่แรกเกิด ทำให้พ่อแม่สามารถทำกิจกรรมพร่อมกับอยู่ใกล้ชิดกับลูกได้ตลอดเวลา
  • ซิปไร้เสียง Noiseless Waist Belt
  • ผ่านมาตรฐานการรับรองจากสถาบันจากเกาหลี KC Standard

2. เป้อุ้มเด็ก Made in Korea รุ่น Haenim 9

  • ใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิด – 3 ขวบ
  • พอพาสะดวก น้ำหนักเบา
  • ออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ของเด็กทารก
  • สายสะพายบริเวณบ่า ช่วยกระจายน้ำหนัก ไม่กดทับให้เกิดอาการเจ็บ และไม่ทำให้อุ้มลูกนานๆแล้วเกิดอาการปวดเมื่อยจนเกินไป
  • แถบคาดเอวที่หนาพิเศษช่วยพยุงหลัง ลดอาการปวดเมื่อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ซิปไร้เสียง Noiseless Waist Belt
  • ผ่านมาตรฐานการรับรองจากสถาบันจากเกาหลี KC Standard

3. เป้อุ้มเด็ก No.5 Plus

  • ใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิดถึง 3 ปี
  • ส่วนเสริมเด็กแรกเกิด New Born Support
  • ซิปไร้เสียง Noiseless Waist Belt
  • ที่ปรับขา 3 ระดับ 3-Steps Leg width control
  • ที่เสริมหลัง 4 ชั้น Waist Support belt
  • ชุดเป้อุ้มเด็กแบบออลอินวัน ALL-IN-ONE baby carrier ทำให้สามารถอุ้มทำให้อุ้มลูกได้แบบ Hands Free
  • ได้รับการรับรองจากสถาบัน International Hip Dysplasia (IHDI) ซึ่งรับรองได้ว่า เป้อุ้มของป๊อกเน่ย์ทุกรุ่น ใช้แล้ว ขาไม่โก่ง หลังไม่งอ

4. เป้อุ้มเด็ก No. 5

  • เนื้อผ้า Waterproof ที่ผสมระหว่าง Organic cotton + polyester อ่อนโยนต่อผิวเด็กและดูแลรักษาง่าย
  • ใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิดถึง 3 ปี
  • มีที่พยุงคอช่วยปกป้องศรีษะ
  • ผ้าโครงระบบระบายอากาศ สามารถม้วนเก็บได้
  • รับน้ำหนักได้ดีกว่าด้วยแถบพยุงหลังขนาดใหญ่ ทำให้อุ้มแล้วไม่ปวดเมื่อย

4. เป้อุ้มเด็ก Ergobaby รุ่น OMNI 360 Cool Air Mesh

  • รุ่น Cool Air Mesh ผ้าตาข่าย ช่วยระบายอากาศ
  • ใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิดโดยไม่ต้องซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม สามารถปรับขนาดของตัวเป้ให้เหมาะสมกับช่วงอายุได้ (0-48 เดือน)
  • ตัวเป้เป็นแบบ full function ทำให้อุ้มได้รอบตัว
  • เนื่องจากไม่มีการใช้โฟมเวลาอุ้ม เด็กจึงรู้สึกเหมือนอยู่ในถุงนอนทำให้หลับได้สบายกว่า และไม่กดหน้าท้องผู้อุ้มทำให้สามารถอุ้มได้นานกว่าเป้อุ้มทั่วไป
  • เบาะบริเวณหน้าท้องและหลังมีความหนา ทำให้กระจายน้ำหนักได้ดีกว่า ลดอาการปวดเมื่อยจากการอุ้มเป็นเวลานาน
  • ม้วนเก็บได้ง่าย พกพาได้ง่ายในทุกการเดินทาง

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00

บทความแนะนำ

พัฒนาการของเด็ก แบ่งได้หลายแบบ โดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 4 ด้านใหญ่ๆ คือ เด็กปกติทั่วไปจะมีลำดับขั้นของพัฒนาการใกล้เคียงกัน ถ้าเด็กมีพัฒนาการล่าช้าเกิน 6 เดือนขึ้นไป ถือว่ามีความผิดปกติบางอย่างที่ต้องรีบช่วยเหลือ และกระตุ้นพัฒนาการอย่างเร็วที่สุด พัฒนาการปกติในแต่ละช่วงวัยเป็นดังนี้ พัฒนาการด้านกล้ามเนื้อมัดใหญ่ (Gross Motor Development) ช่วงวัย พัฒนาการ แรกเกิด  งอแขนขา, เคลื่อนไหวเท่ากัน 2 ด้าน  1 เดือน  หันหน้าซ้ายขวา  2 เดือน  ชันคอ  4 เดือน  ยกแขนดันตัวชูขึ้นในท่าคว่ำ  6 เดือน  คว่ำหงายได้เอง  9 เดือน  นั่งได้มั่นคง, คลาน, เกาะยืน  12 เดือน  เกาะเดิน  15 เดือน  เดินเองได้  18 เดือน  วิ่ง, ยืนก้มเก็บของ  2 ปี  เตะลูกบอล, กระโดด 2 เท้า  3 ปี  ขึ้นบันไดสลับเท้า, ถีบรถ 3 ล้อ  4 ปี  ลงบันไดสลับเท้า, กระโดดขาเดียว  5 […]

คุณแม่อาจป้อนอาหารบดละเอียดให้ลูกเสริมกับการกินนมแม่เป็นหลัก หรือถ้าคุณพ่อคุณแม่คนไหนอยากฝึก BLW ให้ลูกกินข้าวด้วยตัวเองเป็นก็อาจให้ลูกหยิบจับอาหารนิ่ม ๆ กินเองโดยที่ไม่ต้องป้อนซึ่งอาจเป็นอาหารที่ไม่ผ่านการปรุงมาก อย่างเช่น ผักต้มนิ่มๆ ผลไม้นิ่มๆ เนื้อปลาต้มนิ่มๆ และเมื่อลูกย่างเข้าสู่เดือนที่ 8 เป็นต้นไป ลูกก็จะเริ่มกินอาหารได้หลากหลายมากขึ้น คุณพ่อคุณแม่ก็อาจมองหาเมนูอาหารใหม่ๆ ให้กับลูกน้อย ซึ่งในบทความนี้ BabyGift มีเมนูอาหารเด็ก 8 เดือน 5 เมนูอร่อยมาแนะนำกัน จะมีอะไรบ้างนั้น ลองไปดูกันค่ะ  ชวนเข้าครัวเตรียมเมนูอาหารเด็ก 8 เดือนให้ลูกน้อย เด็ก 8 เดือนกินอะไรได้บ้าง ?  พอลูกของเราอายุ 6 เดือนขึ้นไป ก็จะสามารถกินอาหารเสริมนอกเหนือจากนมแม่เพิ่มเติมได้ และถ้าเป็นไปได้ คุณแม่ก็ควรให้นมแม่ควบคู่กับการเพิ่มมื้ออาหารให้ลูก ซึ่งอาหารสำหรับเด็กอ่อนนั้น สามารถใช้วัตถุดิบได้หลากหลาย และเมื่อลูกอายุ 8 เดือนก็จะเริ่มมีฟันน้ำนม สามารถกินอาหารได้อย่างหลากหลายมากขึ้น เนื้อสัมผัสอาหารมีความหยาบได้มากขึ้น รวมถึงกินผลิตภัณฑ์จากนมอย่าง เนย ชีส และโยเกิร์ตได้ สำหรับเมนูอาหารเด็ก 8 เดือนที่เราจะแนะนำกันนั้น สามารถใช้วัตถุดิบอะไรได้บ้าง มาดูกันค่ะ  แนะนำ […]

Hypochlorous Acid หรือ HOCl คืออะไร? Hypochlorous Acid หรือ กรดไฮโปคลอรัส มีชื่อเรียกทางเคมีว่า HOCl นั้น เป็นกรดอ่อน ๆ ชนิดหนึ่งที่ถูกผลิตขึ้นโดยธรรมชาติโดยเซลล์เม็ดเลือดขาวในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิดเพื่อการรักษาและการปกป้องร่างกาย  ซึ่งกรดไฮโปคลอรัส มีคุณสมบัติในการกำจัดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา รวมไปถึงสปอร์ของเชื้อราได้ โดยการเข้าไปทำลายผนังหุ้มเซลล์ของเชื้อโรค เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคเหล่านั้น เนื่องจากกรดไฮโปคลอรัส (HOCl) เป็นกรดชนิดเดียวกันกับที่อยู่ในระบบภูมิคุ้มกัน ในเม็ดเลือดขาวของร่างกายมนุษย์ จึงปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อผิวบอบบาง  หรือดวงตา ไม่ทำให้เกิดอาการแสบ และมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคมากกว่าสารฟอกขาวประเภทคลอรีนถึง 80-120 เท่า กรดไฮโปคลอรัส สามารถพบได้จาก “ น้ำอิเล็กโทรไลต์ “ ซึ่งเป็นน้ำที่ได้จากกระบวนการอิเล็กโทรลิซิส (Electrolysis) ซึ่งมีการคิดค้นครั้งแรกโดยนักฟิสิกส์และนักเคมี นามว่า ไมเคิล ฟาราเดย์ (Michael Faraday) เมื่อปีทศวรรษ 1834 โดยเขาได้คิดค้นหลักการสำคัญของกระบวนการอิเล็กโทรลิซิสตั้งเป็นกฎสองข้อเรียกกันว่า Faraday’s Laws of Electrolysis ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของวิชาไฟฟ้าเคมี (Electrochemistry) มาจนถึงทุกวันนี้ กระบวนการอิเล็กโทรลิซิส (Electrolysis) คืออะไร ? อิเล็กโทรลิซิส (Electrolysis) คือกระบวนการผ่านกระแสไฟฟ้า ด้วยเครื่องมือที่ใช้แยกสารละลายด้วยไฟฟ้า มีชื่อเรียกว่า เซลล์อิเล็กโทรไลต์ หรือ อิเล็กโทรลิติกเซลล์ ประกอบด้วย […]

หน้ากากอนามัย สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ด้วยแสง UV ทั้ง หน้ากากอนามัยแบบผ้า หน้ากากอนามัยN95 แต่จะต้องถูกฆ่าเชื้อโรคอย่างถูกวิธี ถึงจะสามารถนำกลับมาใช้งานซ้ำได้อย่างปลอดภัย และหนึ่งในวิธีที่ได้รับการยอมรับว่าสามารถฆ่าเชื้อโรคที่ติดอยู่ที่หน้ากากอนามัย เหล่านี้ได้นั้นก็คือ ใช้ แสง UV-C ในการฆ่าเชื้อ ก่อนนำกลับมาใช้งานซ้ำ เรามาดูกันว่าต้องมีวิธีการอย่างไรบ้าง ? หน้ากากอนามัยแบบผ้า หน้ากากอนามัยประเภทนี้ควรเปลี่ยนทุกวันหลังการใช้งาน และสามารถซักทำความสะอาดได้ปกติ ซักได้ทุกวัน โดยมีข้อแนะนำดังนี้ หลังจากตากเรียบร้อยแล้ว ก็นำ หน้ากากอนามัย มาเข้า ตู้อบแสง UV  เพื่อทำการฆ่าเชื้อโรคและไวรัสต่างๆ รวมถึงฆ่าเชื้อไวรัสโควิด 19 ได้ด้วย วิธีการง่ายๆคือ นำ หน้ากากอนามัย ใส่เข้าไปใน ตู้อบแสง UV อย่างน้อย 30 นาที โดยจะต้องวางหน้ากากให้แสง UV  สามารถฉายแสงทั้งด้านนอกและด้านใน หน้ากากอนามัยN95 สำหรับการนำ หน้ากากอนามัย N95 กลับมาใช้ซ้ำ เราจะแนะนำให้ใช้ ตู้อบแสง UV  เพียงอย่างเดียวในการฆ่าเชื้อ แต่ก็ยังมีหลายคนกังวลว่าหากนำมาฆ่าเชื้อโรคโดยใช้แสง UV แล้ว จะทำให้คุณสมบัติของ หน้ากากอนามัย ชนิดนี้จะลดลงไหม? […]

การใช้ชีวิตของคุณแม่ทุกคนจะเปลี่ยนไปแน่นอนเมื่อเริ่มตั้งท้อง เพราะฮอร์โมนในร่างกายของเราเปลี่ยนไป ทำให้ทั้งร่างกาย สุขภาพ และอารมณ์ของเราไม่เหมือนเดิม คุณแม่ที่ตั้งท้องมาถึงไตรมาส 2 จะต้องเจอกับปัญหาสุขภาพอะไรกันบ้าง เราไปดูกันค่ะ 1. ตะคริว ขอบอกเลยค่ะ ว่าอาการตะคริวนี่ถือว่าเป็นเพื่อนที่คุ้นเคยของแม่ท้องเลยทีเดียว เพราะมดลูกที่ใหญ่ขึ้นไปกดทับบริเวณเส้นเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนได้ไม่ดีพอ โดยอาการนี้มักจะเกิดขึ้นในช่วงเวลากลางคืน ในช่วงที่คุณแม่นอนราบนั่นเอง 2. ตกขาว อาการตกขาวก็เป็นอาการหนึ่งที่คุณแม่ต้องเจอเช่นเดียวค่ะ ถ้าตกขาวเป็นสีขาวปกติก็เป็นเรื่องทั่วไปนะ ไม่ได้มีปัญหาหรือน่าห่วงอะไร แต่เมื่อใดที่ตกขาวมีสีเปลี่ยนไป หรือมีกลิ่นเหม็นแล้วล่ะก็ คุณแม่จะต้องรีบไปพบคุณหมอนะคะ เพราะนั่นอาจจะเป็นสัญญาณว่าคุณแม่กำลังติดเชื้อทางช่องคลอดค่ะ 3. ฟันผุและปัญหาทางช่องปาก แม่ท้องจะต้องการแคลเซียมมากกว่าปกติ เพราะจะต้องแบ่งกับลูกน้อยด้วย และคุณแม่ที่รับแคลเซียมไม่เพียงพอจะพบกับปัญหาฟันผุ เนื่องจากโดนลูกแบ่งแคลเซียมไปนั่นเองค่ะ ส่วนสำหรับปัญหาทางช่องปากนั้น คุณแม่ส่วนใหญ่จะพบกับปัญหาเลือดออกตามไรฟันค่ะ เพราะฉะนั้นคุณแม่ควรจะไปพบทันตแพทย์เป็นประจำนะคะ 4. เลือดกำเดา ฮอร์โมนที่เปลี่ยนไปนำไปสู่ปัญหาในโพรงจมูกของคุณแม่ค่ะ เพราะฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้น จะทำให้ร่างกายของคุณแม่ผลิตเลือดเพิ่มขึ้นไปด้วย เส้นเลือดฝอยภายในจมูกจึงบวมและแตกออกมาได้ง่าย เพราะอย่างนั้นถ้าคุณแม่รู้สึกระคายเคืองในจมูก ขอแนะนำให้คุณแม่ใช้น้ำเกลือที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปล้างจมูกนะคะ และห้ามใช้ของแข็งแหย่เข้าไปในโพรงจมูกโดยเด็ดขาดเลยค่ะ 5. ผิวแตกลาย เนื่องจากท้องที่ใหญ่ขึ้น ผิวของคุณแม่จึงแตกเป็นลายทางค่ะ โดยผิวที่แตกลายนี้เราสามารถหาครีมมาทาเพื่อบรรเทาได้นะคะ แต่ในคุณแม่บางคนอาจจะเจออาการคันร่วมด้วย ซึ่งถ้าคุณแม่เผลอเกาแล้วนั้น ก็อาจจะทำให้เกิดบาดแผลและนำไปสู่การติดเชื้อได้ค่ะ 6. เส้นเลือดขอด น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น […]

เรื่อง : สิริพร ความปลอดภัยของลูกน้อยในวัยเบบี้เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรกค่ะ คุณพ่อคุณแม่จึงจำเป็นต้องใส่ใจและดูแลเจ้าตัวเล็กอย่างใกล้ชิดในทุก ๆ เรื่องแม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ก็ไม่ควรมองข้ามนะคะ อยากจะชวนคุณพ่อคุณแม่มากันดูค่ะว่ามีเรื่องไหนที่เราเคยทำ แล้วเสี่ยงต่อความปลอดภัยของเจ้าตัวเล็กกันบ้าง มีถุงพลาสติก หรือลูกโป่งอยู่ใกล้ตัวเบบี้ ? อย่ามองข้ามถุงพลาสติกที่คุณแม่ใส่ของหิ้วเข้าบ้านนะคะ เพราะหากเอาของออกแล้ว ไม่ทันเก็บให้ดี เจ้าตัวเล็กที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ อาจเผลอหยิบเล่นเข้าปาก หรือครอบหัวจนหายใจไม่ออก ส่วนลูกโป่งหากแตก เศษลูกโป่งก็อาจกระเด็นเข้าตา หรือดีดใส่หน้าจนได้รับอันตรายได้ Safety for baby : เจ้า ตัวเล็กอยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็นอยากสำรวจสิ่งใกล้ตัว ฉะนั้นความสะอาด และความปลอดภัยของสิ่งของที่ลูกจะคว้าจับได้จึงสำคัญ คุณแม่จึงต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เช่น หากมีลูกโป่ง หรือของที่ลูกสามารถบีบแตกได้อยู่ในบริเวณที่ลูกคว้าจับได้ง่าย คุณแม่ต้องรีบเก็บให้ห่างจากมือลูกโดยเร็ว แต่หากลูกอยากเล่นของเล่นลูกกลม ๆ ก็ลองหาลูกบอลที่เป็นผ้านุ่มนิ่ม ที่ไม่อันตรายจะดีกว่าค่ คุณพ่อสูบบุหรี่ตอนเบบี้ไม่อยู่บ้าน ? ควันบุหรี่ที่ถูกพ่อออกมาเป็นสารพิษชนิดเดียวกันกับที่สูบเข้าไปค่ะ ถึงคุณพ่อจะสูบตอนที่ลูกเบบี้ไม่อยู่บ้าน หรือไม่อยู่บริเวณนั้นขณะสูบ สารพิษนี้ก็คงยังล่องลอยอยู่ในอากาศ ทำให้บรรยากาศและคนในบ้านแย่ตามไปด้วย  Safety for baby : หากอยากจะให้เจ้าตัวเล็กของเราห่างไกลจากควันบุหรี่ คุณพ่อไม่ควรสูบบุหรี่ที่บ้านเลยดีที่สุดค่ะ และพยายามจัดบรรยากาศทั้งในและนอกบ้านให้ปลอดโปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวกอยู่ เสมอ เช่น มีการกำจัดฝุ่นตามโต๊ะ ตู้ พื้นห้องทุกวัน […]

Menu
All Categories
All Brands
All Ages
Promotions
Locations
BabyGift Family
BabyGift Care
Parents Guide
News & Event

All Categories

All Categories
All Brands
All Ages