8 เคล็ดลับช่วยลดอาการ แพ้ท้อง ของคุณแม่

“การจะมีลูกซักคนไม่ใช่เรื่องง่าย” คุณแม่ๆ อาจจะเคยได้ยินประโยคนี้กันมาบ้าง เอาจริงๆ เราก็จะไม่ค่อยเก็ทฟีลกันเท่าไหร่ จนได้มามีลูกเป็นของตัวเอง อุปสรรคแรกที่ต้องเจอ ซึ่งเรียกได้ว่าหนักสำหรับแม่ๆ ทั้งหลายก็คือ การใช้ชีวิตไปในแต่ละวันพร้อมกับอาการ แพ้ท้อง
อาการ แพ้ท้องไม่ได้เกิดขึ้นกับคุณแม่ทุกคนหรอกนะคะ หรือคุณแม่บางคนอาจจะไม่ได้แพ้ท้องในท้องแรก แต่ไปแพ้ท้องในท้องสองก็ได้ เพราะงั้น ถ้ามีอาการนี้อยู่ หรือกลัวว่าจะมี เราลองมาดูเคล็บลับง่ายๆ ไม่ต้องพึ่งหมอ ที่จะมาช่วยบรรเทาอาการแพ้กันดีกว่า

1. กลิ่นหอมสดชื่นเบาๆ ช่วยได้
เป็นปกติของทุกคนมั้ยคะ ที่เวลาเราได้กลิ่นอะไรน่าเวียนหัวแล้วรู้สึกเหมือนจะอาเจียน บางคนไม่ชอบกลิ่นน้ำหอมฉุน บางคนไม่ชอบกลิ่นธูป เพราะฉะนั้นเรื่องกลิ่นก็มีผลกับอาการแพ้ท้องเช่นเดียวกันค่ะ สิ่งสำคัญคือคุณแม่ควรจะอยู่ในที่ที่มีอากาศถ่ายเท หากลิ่นหอมๆ ที่มีความสดชื่นมาไว้ใกล้ๆ กลิ่นที่สดชื่นเช่นนี้ก็จะช่วยให้คุณแม่รู้สึกเวียนหัวน้อยลง แล้วก็สร้างความผ่อนคลายให้ได้อีกด้วย
2. ดื่มน้ำเป็นประจำ
อาการแพ้ท้องส่วนมากก็จะมาในรูปแบบของการอาเจียน เพราะงั้นเราก็จะเสียน้ำไปเยอะมาก สิ่งที่จะช่วยได้ก็คือ ให้ดื่มน้ำเข้าไปทดแทน เพราะไม่งั้นอาจจะเกิดอาการขาดน้ำ ผิวหนังแห้งแตก หรือหน้ามืดได้ค่ะ นอกจากนี้การดื่มน้ำก็ยังช่วยให้คุณแม่รู้สึกสดชื่น มีกำลังในระหว่างวันขึ้นมาบ้าง
3. ดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำขิงร้อนๆ
ต่อจากข้อข้างบน น้ำที่เราแนะนำก็จะเป็นน้ำอุ่นๆ หรือถ้าใครไม่ชอบทานน้ำอุ่นๆ ก็อาจจะลองเปลี่ยนเป็นน้ำขิงร้อนๆ ก็ได้นะคะ เพราะขิงเป็นตัวช่วยสำคัญ ที่จะช่วยลดอาการวิงเวียนและคลื่นไส้ได้เป็นอย่างดี แถมน้ำขิงยังช่วยกระตุ้นน้ำนมหลังคลอดได้ด้วยนะ สรรพคุณล้นหลามไปอีก
4. เปลี่ยนบรรยากาศ
การที่คุณแม่ต้องอยู่กับอะไรแบบจำเจหรือซ้ำไปซ้ำมาอาจจะทำให้รู้สึกเบื่อ วิงเวียน และคลื่นไส้ได้ เพราะฉะนั้นการได้เปลี่ยนบรรยากาศก็อาจจะช่วยได้บ้าง การเปลี่ยนบรรยากาศในที่นี้ไม่ใช่ว่าจะต้องไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือออกไปนอกบ้านนะคะ แค่เปลี่ยนมุมนั่งพักผ่อน หรือการพักสายตาจากการทำงานด้วยการมองออกไปชมวิวข้างนอก ก็สามารถช่วยให้คุณแม่ผ่อนคลายได้แล้ว และเมื่อผ่อนคลาย อาการแพ้ท้องก็จะลดลงไปด้วยค่ะ
5. ทำใจให้สบาย
คุณแม่ส่วนใหญ่ที่แพ้ท้องก็จะเกิดอาการเครียด เพราะว่าช่วงนี้ก็จะทานอะไรไม่ค่อยได้ เป็นห่วงว่าลูกอาจจะได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ และความเครียดนี้มันก็จะวนกลับไปทำให้คุณแม่รู้สึกคลื่นไส้ แล้วก็มึนศีรษะมากขึ้นกว่าเก่าอีก เพราะฉะนั้นเราขอให้คุณแม่ทั้งหลายทำใจให้สบาย อาจนั่งสมาธิสั้นๆ ฟังเพลง หรือเลิกนึกถึงอาการแพ้ท้องชั่วครู่ แม้ว่าเคล็ดลับข้อนี้ดูจะยากไปซักนิด แต่ก็เป็นเคล็ดลับที่ได้ผลดีทีเดียวเลยนะคะ
6. ทานอาหารที่ละน้อยๆ
การรับประทานอาหารครั้งละมากมากจะทำให้คุณแม่รู้สึกจุกเสียด แน่นท้อง ถ้าเป็นช่วงอาหารเย็นก็อาจจะมีผลให้คุณแม่นอนไม่หลับ การทานอาหารทีละน้อยๆ แต่พออิ่มจะช่วยให้คุณแม่รู้สึกสบายตัว ไม่หิว และไม่แน่นท้องจนเกินไป ทั้งนี้ ก็ควรเลือกของที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และเหมาะสมกับตนเอง เช่น นมอาจจะทำให้คุณแม่บางคนรู้สึกคลื่นไส้ ก็ให้ลองเปลี่ยนเป็นน้ำผลไม้เบาๆ ซักแก้ว หรือถ้าใครมีอาการแพ้ท้องจนไม่สามารถรับประทานอะไรได้เลย ก็ให้ลองทานอะไรง่ายๆ อย่างแครกเกอร์ เพื่อที่จะให้มีอาหารเข้าสู่ร่างกายบ้างค่ะ
7. อาหารย่อยง่ายคือดี
อาหารย่อยง่ายเป็นสิ่งที่เราแนะนำอย่างยิ่ง เพราะร่างกายจะทำงานไม่หนัก แล้วคุณแม่ก็จะรู้สึกสบายตัวด้วยค่ะ การรับประทานอาหารที่ย่อยง่ายๆ จะช่วยให้คุณแม่ทานอะไรได้มากขึ้น อาเจียนลดลง อาหารย่อยง่ายก็อย่างเช่น ข้าวต้ม โจ๊ก ขนมปังปิ้งแห้งๆ ส่วนอาหารที่คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงก็คือพวกที่มีไขมันเยอะๆ เพราะจะทำให้คุณแม่รู้สึกเลี่ยน และนำไปสู่อาการคลื่นไส้ที่มากขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง
8. นอนพักผ่อน
การนอนพักผ่อนคือสิ่งที่สำคัญที่สุด! คุณแม่บางคนอาจจะคลื่นไส้และมึนหัวตลอดเวลาจนไม่สามารถหลับสนิทในช่วงกลางคืนได้ เพราะฉะนั้น การหลับพักผ่อน หรืองีบสั้นๆ ในช่วงเวลากลางวันก็เป็นตัวช่วยลดอาการแพ้ท้องได้อีกทางนึงน้า การพักผ่อนจะช่วยให้ร่างกายของคุณแม่ผ่อนคลาย ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอต่างๆ ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ แถมยังช่วยให้คุณแม่มีแรง ไม่รู้สึกหน้ามืดอีกด้วย

และนี่ก็เป็นเคล็ดลับง่ายๆ ที่เรานำมาฝากกัน คุณแม่ไม่จำเป็นต้องทำทุกข้อก็ได้นะคะ เพราะอาการแพ้ท้องของแต่ละคนไม่เท่ากัน อยากให้ลองหาสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด สิ่งที่ทำแล้วไม่รู้สึกว่าเป็นการกดดันตัวเองเกินไป เพราะถ้ารู้สึกไม่มีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่ มันก็จะวนกลับไปลูปที่ทำให้คุณแม่เครียด แล้วก็นำไปสู่อาการวิงเวียน อาเจียน คลื่นไส้มากกว่าเดิม อย่างไรก็แล้วแต่ ถ้าลองทำวิธีต่างๆ แล้วยังไม่ได้ผล เราขอแนะนำให้คุณแม่ไปพบคุณหมอดีกว่าน้า เพราะคุณแม่บางคนอาจจะมีการอาเจียนมากจนขาดน้ำ อาจถึงขั้นต้องให้น้ำเกลือ ซึ่งถ้าช้าเกินไปก็อาจจะเกิดผลเสียต่อลูกน้อยได้ค่า
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
อุ่นนมแม่ น้ำนมแม่ สารอาหารที่มากไปด้วยคุณประโยชน์ที่จำเป็นต่อการเติบโตของลูกน้อย และสร้างภูมิคุ้มกันที่สำคัญให้กับลูกน้อย ในปัจจุบัน คุณแม่จึงมักนิยมให้ลูกได้ทานน้ำแม่มากขึ้น แต่ด้วยภาระที่คุณแม่ที่ไม่สะดวกต่อการให้น้ำนมลูกได้ตลอดเวลา จึงทำให้คุณแม่นิยมปั้มนมใส่ถุงสต๊อกนำไปแช่เย็นไว้อย่างดี และในเวลาที่ลูกหิวก็นำนมแม่ออกมาอุ่นให้กับลูกน้อยกิน ซึ่งวิธีนี้ยังเพิ่มความสะดวกสบายให้กับคุณแม่ได้เป้นอย่างมากอีกด้วย เพราะไม่ว่าจะเป็น คุณพ่อ คุณตา คุณยาย ใครๆก็สามารถนำนมมาอุ่นแล้วก็ป้อนให้กับลูกน้อยได้ แต่ทุกคนรู้กันไหวว่า ถ้าอุ่นนมผิดวิธี จะทำให้น้ำนมแม่นั้นเสียคุณค่าทางอาหารไป วันนี้ทาง BABY GIFT EXPERT จึงจะมาแชร์วิธีการ การอุ่นนมที่ถูกวิธีให้กับทุกคนได้รู้กันค่ะ ก่อนอื่นที่จะไปรู้วิธีการการอุ่นนม เรามารู้จักกันก่อนว่าก่อนอุ่นนมที่ดี มีข้อห้ามหรือข้อแนะนำอะไรบ้าง วิธีการอุ่นนมแม่แบบทั่วไป อุ่นนมแม่ด้วยวิธีแบบทั่วไปนั้นใครๆก็สามารถทำได้ แต่ข้อเสียของวิธีการนี้คือ อุณหภูมิน้ำอาจจะไม่อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสมตลอดเวลา ต้องใช้ระยะเวลา มีความยุ่งยาก และหลายขั้นตอน ทำให้คุณพ่อ คุณแม่ ที่ไม่สะดวก หรือไม่มีเวลามาก อาจจะไม่เหมาะกับวิธีการนี้ และที่สำคัญยังไม่ทันต่อการใช้งาน เพราะบางครั้งลูกน้อยอาจจะหิวไม่เป็นเวลา หรือตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วร้องทานนม อุ่นนมแม่ […]
คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหา โรงเรียนอนุบาลในฝัน ที่เหมาะสมให้กับลูกน้อยอยู่ เราเลยมีตัวเลือกโรงเรียนต่าง ๆ ที่อยู่ในกรุงเทพและปริมณฑลมาฝากกัน หลักสูตรจะน่าสนใจแค่ไหน และโดนใจคุณแม่กันบ้างหรือเปล่า มาดูกันเลยค่ะ โรงเรียนอนุบาลในฝัน มีที่ไหนที่น่าสนใจบ้าง มาดูกันเลย 1. โรงเรียนรุ่งอรุณ โรงเรียนตั้งอยู่บนพื้นที่สีเขียวประมาณ 50 ไร่ โดดเด่นด้านให้นักเรียนเรียนรู้อย่างเป็นองค์รวม เน้นความเป็นธรรมชาติเป็นพื้นฐาน เพื่อพัฒนาเด็ก ๆ ในแบบองค์รวมทั้งกาย ใจ สติปัญญา และสังคม เน้นลงมือทำจนเข้าถึงคุณค่าที่แท้จริงของทุกสิ่งที่เรียนรู้ สามารถนำความรู้มาประยุกต์ใช้อย่างสร้างสรรค์ มีจินตนาการ และโรงเรียนนี้ยังไม่มียูนิฟอร์ม เด็ก ๆ สามารถแต่งกายไปเรียนได้ตามความเหมาะสม ยกเว้นในวันกิจกรรมต่าง ๆ โรงเรียนรุ่งอรุณ เริ่มรับเข้าเรียน : ภาคเรียนที่ 2 เปิดเรียน เดือนกันยายน – ธันวาคม และภาคเรียนที่ 3 เปิดเรียน เดือนมกราคม – เมษายน ข้อมูลติดต่อ : https://www.roong-aroon.ac.th เบอร์โทรศัพท์ : 0 2870 7512 […]
เพราะความปลอดภัยคือเหตุผลอันดับ 1 ที่พ่อแม่ต้องควักเงินซื้อคาร์ซีทให้ลูกน้อย ก็เพื่อปกป้องลูกจากการบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ปัจจัยที่รองลงมาคือ ลูกนอนสบาย ใช้งานง่าย และงบประมาณ มาตรฐานความปลอดภัยของคาร์ซีท จริงๆแล้ววัดจากอะไร ก็ต้องเป็นวัสดุที่รองรับแรงกระแทกด้านใน ซึ่งคาร์ซีทแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อใช้วัสดุภายในที่ไม่เหมือนกัน แบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ ดังนี้ 1. EPS Foam และ EPP Foam EPS Foam (Polystyrene Foam) เป็นวัสดุที่ช่วยลดแรงกระแทก ที่ใช้ใน หมวกกันน๊อค ช่วยปกป้องชีวิต ผู้สวมใส่ โฟมชนิดนึ้จึงถูกนำไว้ในคาร์ซีท ใช้รองรับแรงกระแทกสำหรับศีรษะและส่วนบนของร่างกายเด็ก ในกรณีที่เกิดการกระแทกโฟมจะแตกและจะกระจายแรงกระแทกออกไปโดยแทบไม่มีแรงสะท้อนกลับ จึงทำให้ได้เด็กปลอดภัย ดังนั้นผู้ผลิตคาร์ซีทระดับมาตรฐานสากลส่วนใหญ่ จึงนำโฟมชนิดนี้มาใช้ในคาร์ซีทเพื่อรองรับแรงกระแทกโดยเฉพาะ ส่วน EPP Foam (Polypropylene Foam) เป็นวัสดุที่คล้ายกับ EPS Foam แต่มีความยืดหยุ่น ไม่แตกหักง่าย และทนความร้อนดีกว่า จึงนำไปผลิตเป็นภาชนะบรรจุอาหาร ที่สามารถเข้าไมโครเวฟได้ ข้อมูลอ้างอิงจาก http://www.carseatsite.com/FAQ.htm 2. Urethane […]
เมื่อพี่ตู่เตรียมคาร์ซีท พาน้องริสาออกไปเที่ยวครั้งแรก… แต่มะลิ (แม่บ้าน) ดันถอดเบาะคาร์ซีทไปซักซะงั้น งานนี้พี่ตู่ต้องใส่ผ้าหุ้มกลับเข้าไปเหมือนเดิม เบาะทั้งหมดแบ่งออกเป็น 3 ชิ้น ที่เข้าใจง่ายๆ พี่ตู่บอกว่าง่ายมาก ทำครั้งแรกก็ได้เลย #แท็กสามี #ซักคาร์ซีทให้หน่อย เพราะคุณแม่นุชออกไปทำธุระข้างนอก การพาน้องริสาออกไปเที่ยวครั้งนี้มีแค่สองพ่อลูกเท่านั้น คาร์ซีทจึงจำเป็นมาก พี่ตู่เลือกคาร์ซีท Ailebebe รุ่น Kurutto 4 Grance ผ้าหุ้มตาข่ายระบายอากาศได้ดี น้องริสานั่งแล้วสบายตัว ไม่อึดอัด ไม่งอแง สบายจังเลย…ปะป๋า ของีบแป๊บบบบนะคะ หมุนได้ 360 องศา อุ้มน้องริสาขึ้นลงคาร์ซีทได้ง่าย คาร์ซีท Ailebebe ปลอดภัยแน่นอน เพราะทุกตัวผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวด จากประเทศญี่ปุ่น รีวิวคาร์ซีท Ailebebe รุ่น Kurutto4
เป็นเรื่องธรรมดาค่ะ ที่เมื่อรู้ตัวว่าตั้งครรภ์แล้วคุณแม่จะรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับอาหารการกิน ก็เพราะทุกอย่างที่คุณแม่ทานเข้าไปจะมีผลต่อลูกน้อยในท้องโดยตรงนี่เนอะ ของบางอย่างที่คุณแม่ทานเป็นปกติทุกวันอาจจะไม่ได้ปลอดภัยอีกต่อไป ส่วนของบางอย่างที่เจอทีไรก็ต้องเบ้ปากอาจจะมีประโยชน์มากกว่าก็ได้ อาหารการกินนั้นเป็นเรื่องสำคัญเพราะจะมีผลต่อน้ำหนักและความครบถ้วนสมบูรณ์ของร่างกาย รวมถึงสมองของลูกน้อย แต่เราควรจะเลือกรับประทานอาหารแบบไหนดีล่ะ แล้วขนาดไหนถึงจะเรียกว่าพอดี ลองมาดูกัน! 1. โฟเลตโฟเลตหรือกรดโฟลิกเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับคุณแม่มาก ๆ เลยล่ะค่ะ โดยปกติแล้วสาว ๆ บ้านไหนที่เตรียมตัวจะเป็นคุณแม่ คุณหมอก็จะแนะนำให้ซื้อโฟเลตมาทานเพื่อเตรียมตัวไว้ตั้งแต่ยังไม่ท้องเลย เพราะเจ้าตัวโฟเลตนี้เป็นสารอาหารสำคัญที่ร่างกายจะนำมาใช้ในการสร้างระบบประสาท เซลล์สมอง และไขสันหลังของทารกในครรภ์ ถ้ารับสารอาหารตัวนี้เข้าไปไม่เพียงพอแล้วล่ะก็ อาจจะส่งผลให้ทารกมีความพิการทางสมองได้ค่ะ ส่วนคุณแม่บ้านไหนที่ไม่ได้เตรียมตัวตั้งแต่ก่อนท้องก็ไม่ต้องกลัวนะ ยังไงคุณหมอก็จะสั่งโฟเลตให้ทานทุกวันเพื่อบำรุงอยู่แล้ว บำรุงตอนท้องก็ไม่ได้สายเกินไปค่ะ อีกอย่างอาหารหลาย ๆ อย่างที่เรารับประทานกันในชีวิตประจำวันก็มีโฟเลตอยู่บ้างค่ะ ไม่ว่าจะเป็น ผักใบเขียวเข้มอย่างคะน้า ไข่แดง ตับ ฟักทอง แครอท ฯลฯ ที่สำคัญคือคุณแม่ควรจะทานโฟเลตให้ได้วันละ 400-800 ไมโครกรัมกันนะคะ 2. เนื้อสัตว์ต่าง ๆส่วนใหญ่แล้วเนื้อสัตว์ที่มีประโยชน์สำหรับคนท้องจะเป็นจำพวกเนื้อแดงอย่าง “เนื้อวัว” เพราะว่าอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ช่วยเรื่องโลหิตจางของคุณแม่ได้ แล้วก็เป็นสารอาหารที่สำคัญต่อทารกเช่นกัน แต่เนื้อวัวที่คุณแม่ทานควรจะเป็นแบบไร้มัน หรือมันน้อยที่สุดนะคะ เพราะการที่คุณแม่ทานมันเข้าไปมาก ๆ ก็อาจทำให้คลื่นไส้หรือท้องอืดได้นะ เนื้อไก่นี่ก็เป็นอะไรที่แนะนำ เพราะมีโปรตีนสูงและจะช่วยเรื่องน้ำหนักของลูกน้อยด้วยค่ะ ส่วนเนื้อสัตว์ที่คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงในช่วงนี้ก่อนก็เป็นพวกอาหารทะเล เพราะมีการตรวจพบสารปรอทในสัตว์ทะเลที่จับมาจากบางที่ค่อนข้างสูงเลยล่ะ […]