เทคนิค ฝึกลูกนั่งกระโถน เตรียมให้พร้อมก่อนไปโรงเรียน

ลูกควรเลิกใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปเมื่อไหร่? อยากฝึกให้ลูกนั่งกระโถน นั่งชักโครกขับถ่ายเองได้เริ่มเมื่อไหร่ดี? คงเป็นคำถามที่คุณพ่อคุณแม่มักสงสัยกันใช่ไหมคะ เพราะการฝึกลูกให้เลิกใส่ผ้าอ้อม ฝึกลูกนั่งกระโถน ไปจนฝึกให้เข้าห้องน้ำเองได้ก่อนที่จะเข้าโรงเรียน ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกพร้อมที่จะเลิกใส่ผ้าอ้อม พร้อมนั่งกระโถนแล้ว มาเช็กกันเลยค่ะ

ทำไมต้องฝึกลูกเรื่องขับถ่าย 

การฝึกลูกขับถ่ายให้เหมาะสม จะช่วยส่งเสริมให้ลูกมีพัฒนาการทางร่างกาย อารมณ์ ที่เหมาะสมตามวัย รวมถึงเป็นการปลูกฝังด้านสุขอนามัย ความสะอาด รู้จักร่างกายตัวเอง และรู้จักการช่วยเหลือตัวเองในเบื้องต้นได้ หากพ่อแม่ไม่สอนลูกเรื่องการขับถ่าย ปล่อยให้ขับถ่ายในผ้าอ้อมไปจนโต จะทำให้ลูกมีการขับถ่ายที่ไม่เหมาะสมตามวัย เมื่อลูกต้องไปโรงเรียน จะทำให้มีปัญหาในการดูแลความสะอาด อาจเกิดการขับถ่ายเล็ดราด หรือยังต้องใส่ผ้าอ้อมจนอึดอัด  ส่งผลเสียต่อการเรียนรู้ ส่งผลต่อพัฒนาการตามวัยได้

ฝึกลูกนั่งชักโครก เลิกใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปได้ตอนไหน?

วัยที่มีพัฒนาการและพฤติกรรมพร้อมพี่จะเริ่มฝึกได้ ควรเริ่มเมื่ออายุ 1 ปี – 1 ปี 6 เดือน และมักจะทำได้ดีตอนอายุ 2 ปี หรือเด็กบางคนอาจจะมาฝึกตอนอายุ  2 ปี และนั่งกระโถนได้เองตอนอายุ 3 ปี หรือบางคนอาจทำได้เมื่อโตกว่านั้น ขึ้นอยู่กับความพร้อมและสัญญาณต่าง ๆ ที่แสดงออกมาทั้งทางร่างกาย การสื่อสาร และความต้องการของลูก ไม่ควรเกิดจากการบังคับลูก

8 สัญญาณที่บอกว่าลูกพร้อมนั่งกระโถนเองได้แล้ว

  1. เมื่อลูกเริ่มสามารถเว้นช่วงการถ่ายปัสสาวะได้นานประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง  มีความถี่ในการขับถ่ายลดลง เช่น ไม่ฉี่ใส่ผ้าอ้อมได้นาน 2 ชั่วโมง
  2.  เริ่มถ่ายอุจจาระเป็นเวลา เช่น ในช่วงเช้าหลังตื่นนอน หรือหลังอาหารเช้า 
  3.  ลูกเข้าใจการ ”ฉี่” การ ”อึ” รู้จักการขับถ่าย เริ่มเข้าใจความแตกต่างระหว่างการปวดปัสสาวะและอุจจาระ
  4. แสดงความสนใจเวลาเห็นผู้ใหญ่เข้าห้องน้ำ เลียนแบบหรือพยายามจะเดินตาม  สนใจและถามว่าในห้องน้ำไว้ทำอะไร มีอะไรบ้าง 
  5. ลูกเข้าใจภาษาพูดง่าย ๆ โดยสามารถโต้ตอบด้วยท่าทางคำพูดได้ เช่น “อึ”  “ฉี่”
  6. ลูกสามารถลองนั่งกระโถนสำหรับเด็ก และลุกขึ้นยืนได้เอง
  7. เริ่มมีอาการแสดงออกบางอย่างเมื่อจะขับถ่าย เช่น ทำท่าทางปวดฉี่ บิดขาไปมาและมองหาห้องน้ำ  แสดงความตื่นเต้นเมื่อเห็นปัสสาวะตัวเองพุ่ง  หรือรู้สึกอึดอัด ทำท่าจับท้องจับก้นของตัวเอง
  8. ลูกอยากสวมกางเกงแทนผ้าอ้อม รู้สึกอึดอัดเมื่อผ้าอ้อมเปียกหรือมีสิ่งขับถ่ายในผ้าอ้อม  เริ่มพยายามดึงผ้าอ้อม ถอดกางเกงหรือใส่กางเกงเองได้

7 เทคนิคฝึกลูกขับถ่าย นั่งกระโถน 

1. สอนให้ลูกบอกเมื่อต้องการขับถ่าย และรู้จักสถานที่ขับถ่ายที่เหมาะสม 

เมื่อลูกพูด “อึ” หรือ “ฉี่” ได้แล้ว ให้สังเกตการแสดงออกของลูก เมื่อจะขับถ่าย เช่น ลูกกำลังเล่นอยู่แต่หยุด ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด อารมณ์ไม่ดี  จับที่ผ้าอ้อม อวัยวะเพศหรือก้น  คุณพ่อคุณแม่ควรเข้าไปถามลูกว่า “ฉี่ไหม” หรือ “อึไหม” เพื่อให้ลูกรู้ว่าเป็นการปวดปัสสาวะ หรืออุจจาระ แล้วจึงพาไปที่กระโถนหรือห้องน้ำ

กรณีที่ลูกถ่ายปัสสาวะหรืออุจจาระบนผ้าอ้อม หรือรดกางเกงไปแล้ว ควรพูดให้ลูกรู้ว่า “ลูกฉี่หรือ ลูกอึ” แล้วพาไปเข้าห้องน้ำ ล้างทำความสะอาด และให้ทิ้งสิ่งขับถ่ายลงในโถส้วมให้ลูกเห็น ให้รู้ว่าเวลาขับถ่ายแล้วต้องทำอะไรบ้าง

2. สร้างความคุ้นเคยกับกระโถน 

แรก ๆ ลูกเห็นกระโถนอาจจะยังไม่กล้านั่ง หรือกลัว พ่อแม่อาจต้องทำท่าทางให้ลูกดู และลองให้ลูกคุ้นเคยกับการนั่งกระโถน ให้ลูกลองนั่งกระโถนบ่อย ๆ อาจนั่งโดยที่ลูกยังสวมผ้าอ้อมไว้ก่อนก็ได้ หรือถ้าลูกยอมก็ให้นั่งในขณะที่ไม่ได้สวมผ้าอ้อม และเพื่อไม่ให้ลูกเครียดหรือกลัวในขณะที่นั่งกระโถน ก็สามารถอ่านนิทานให้ฟัง พูดคุยเล่นกับลูก  หรือ เล่นของเล่นได้

3. ฝึกขับถ่ายให้สม่ำเสมอและเป็นเวลา

ในระหว่างวัน ควรกำหนดหรือกะเวลาให้ลูกถ่ายปัสสาวะทุก 2-3 ชั่วโมง และให้ถ่ายอุจจาระทุกวัน วันละ 1 ครั้ง เช่น ให้ลูกนั่งกระโถนในช่วงเช้าทุกวันหลังตื่นนอน หรือหลังมื้ออาหารเพื่อถ่ายอุจจาระ แต่ต้องให้ลูกเต็มใจไม่บังคับ รวมทั้งอาจให้ลูกเริ่มถอดกางเกงหรือผ้าอ้อมสำเร็จรูปในช่วงสั้น ๆ และวางกระโถนไว้ใกล้ ๆ เพื่อให้ลูกลองนั่งเล่นหรือนั่งขับถ่ายได้ตามต้องการ

4. ดื่มน้ำและกินอาหารช่วยกระตุ้นการขับถ่าย

ถ้าลูกท้องผูกเขาจะกลัวเจ็บและไม่อยากขับถ่าย จึงควรให้ลูกทานผัก ผลไม้ ดื่มน้ำให้มากพอ ช่วยกระตุ้นให้ปวดปัสสาวะและช่วยให้อุจจาระนุ่มถ่ายออกง่าย ซึ่งในเด็กที่อายุประมาณ 1-2 ปีขึ้นไป ไม่ควรดื่มนมมากเกิน 32 ออนซ์ ต่อวัน แต่ควรให้นมเป็นเพียงอาหารเสริม เนื่องจากนมมีปริมาณไขมันมาก ทำให้การเคลื่อนตัวของลำไส้ช้าลง จะส่งผลให้การฝึกขับถ่ายอุจจาระยากขึ้น

5. นั่งชักโครกเมื่อลูกโตขึ้น

เมื่อลูกนั่งกระโถนได้และเติบโตขึ้น นั่งเองได้แข็งแรงแล้ว อาจพัฒนามาฝึกขับถ่ายที่โถส้วมในห้องน้ำ ด้วยการใช้ฝารองนั่งชักโครก และหาที่วางเท้าให้ลูกวางได้เต็มฝ่าเท้า ไม่ให้เท้าลอยจากพื้นเพื่อป้องกันการพลัดตกหกล้มลื่น หรือ ฝึกลูกชายให้ฉี่ในโถปัสสาวะเด็ก ให้ลูกชายได้รู้จักปลดหรือรูดซิปกางเกงเองได้ ยืนฉี่เองได้ และพ่อแม่ต้องอยู่ดูแลลูกตลอดเวลา

6. สอนเรื่องการทำความสะอาด  

เมื่อลูกคุ้นเคยสามารถถอดผ้าอ้อมสำเร็จรูป ถอดกางเกง และนั่งกระโถนเองได้ ให้คุณพ่อคุณแม่พาลูกไปทำความสะอาดพร้อมสอนเรื่องสุขอนามัย เช่น ล้างก้นด้วยน้ำสะอาด เช็ดก้นด้วยกระดาษชำระ ป้ายจากด้านหน้าไปด้านหลัง เพื่อไม่ให้อุจจาระมาเปื้อนด้านหน้า โดยเฉพาะในเด็กหญิง รวมถึงสอนให้ลูกล้างมือหลังจากใช้กระโถน และเช็ดชำระล้างก้นแล้ว

7. เลือกกระโถนที่ถูกใจ เป็นของใช้ประจำตัว  

ให้ลูกเลือกลายและสีของกระโถนหรือฝาชักโครกเอง โดยคุณพ่อคุณแม่ควรจะให้ตัวเลือกโดยดูจากขนาดที่พอเหมาะกับตัวลูก ไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป ให้ลูกนั่งได้สบาย นอกจากนี้กระโถนของลูก ควรต้องผลิตจากวัสดุที่ปลอดภัย ผิวกระโถนควรเรียบลื่น ไม่มีเหลี่ยมแหลมคมหรือเศษวัสดุยื่นออกมาบาดผิว และควรออกแบบมาให้ทำความสะอาดได้ง่าย ไม่มีซอกเล็กซอกน้อยที่ทำความสะอาดได้ไม่ทั่วถึง แบรนด์แนะนำ เช่น PUR กระโถนเด็ก Potty 3 in 1 , PUR ฝารองนั่งชักโครกเด็ก Toilet

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00

บทความแนะนำ

เชื่อว่าปัญหาที่หลายๆ บ้านจะต้องเจอก็คือ การที่ลูกรักไม่ยอมกินข้าว โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่อายุ 1 ขวบขึ้นไป เมื่อเริ่มเดินได้คล่อง เริ่มวิ่งได้บ้าง ก็จะติดเล่น ไม่ค่อยยอมกินข้าวหรือกินได้น้อย บางคนก็อมข้าว ไม่ยอมเคี้ยว หรือหันหน้าหนี กว่าจะป้อนหมดชามก็ใช้เวลานานเกินไป ซึ่งทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายๆ คนเป็นกังวล เพราะการที่ลูกเราไม่ยอมกินข้าวก็อาจส่งผลต่อสุขภาพและการเติบโตของลูกได้ แต่ปัญหาการกินของลูกรับมือได้ไม่ยากเลยค่ะ เพียงแค่ต้องให้เวลา ใช้ความเข้าใจ และต้องใจแข็งนิดหน่อย ก็จะทำให้ลูกมีวินัยในการกินมากขึ้น ลูกไม่ยอมกินข้าว 1 ขวบ จะแก้ปัญหาอย่างไรดี ? มาลองฝึกลูกน้อยไปพร้อม ๆ กันกับ BabyGift ได้เลยค่ะ ลูกไม่ยอมกินข้าว 1 ขวบ ทำยังไงดี ? ชวนดูเทคนิคดีๆ ที่ทำให้ลูกกินได้มากขึ้น การได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอในปริมาณที่เหมาะสมนั้นเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากสำหรับลูกน้อย เพราะส่งผลต่อการเจริญเติบโตตามวัย หากได้รับสารอาหารไม่เพียงพอนั้นอาจทำให้ลูกมีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์และสุขภาพไม่แข็งแรงได้ โดยทั่วไปแล้ว เมื่อเด็กอายุครบ 1 ขวบจะเริ่มเรียนรู้การปฏิเสธอาหารหรือคายอาหาร เนื่องจากมีพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวร่างกาย สามารถหยิบจับอาหารเข้าปากได้เอง การปฏิเสธ หรือคายอาหารจึงเป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่งที่ช่วยป้องกันไม่ให้ตัวเองกินสิ่งที่เป็นพิษหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าไป โดยส่วนใหญ่แล้ว การที่ลูกไม่ยอมกินข้าว 1 ขวบนั้นจะเกิดขึ้นไม่นานและหายไปได้เอง แต่เด็กบางคนอาจมีพฤติกรรมกินยาก […]

คาร์ซีท ( Car Seat ) หนึ่งในอุปกรณ์เพิ่มความปลอดภัยให้กับเด็ก สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ ที่พ่อแม่ทุกคนควรให้ความสำคัญ ควรเตรียมไว้ให้กับลูกตั้งแต่ก่อนคลอด เพราะในความเป็นจริง เราควรใช้คาร์ซีทตั้งแต่วันแรกที่พาลูกออกจากโรงพยาบาล เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นจากการเดินทาง นอกจากนี้ร่างกายของเด็กในช่วงแรกเกิดก็ยังมีความบอบบางจึงต้องใส่ใจและได้รับการดูแลเป็นพิเศษ คาร์ซีทก็มีหลากหลายแบบ หลายประเภท ( อ่านบทความประเภทของคาร์ซีท Click ) แต่วันนี้ที่อยากจะชวนพ่อแม่ทุกคนมาดูกันคือ คาร์ซีทแรกเกิดหมุนได้ 360 องศา ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในคาร์ซีที่นิยมใช้เป็นอย่างมาก เพราะมีทั้งความปลอดภัย และมีความสะดวกสบายต่อการใช้งานเป็นอย่างมาก 4 เหตุผล ทำไมควรใช้คาร์ซีทหมุนได้ คาร์ซีทหมุนได้ เลือกแบบไหนดี การใช้คาร์ซีทให้ปลอดภัย คาร์ซีทหมุนได้ 7 รุ่น น่าใช้ โดนใจแม่ ประจำปี 2024 Ailebebe รุ่น Kurutto R The First จุดเด่น  การใช้งาน : เด็กแรกเกิดความสูง 40-100 cm. หรือ อายุ 0- 4 ปี  การติดตั้ง : ระบบ ISOFIX  แบรนด์ : ประเทศญี่ปุ่น  Ailebebe รุ่น Kurutto R […]

เชื่อว่าคุณแม่หลายๆคนคงอยากให้ลูกน้อยปลอดภัยโชคดีกันทั้งนั้น วันนี้ Baby Gift ขอเอาใจคุณแม่สายมู หยิบข้อมูลเครื่องรางยอดฮิตสำหรับลูกน้อยมาฝากค่ะ เราลองไปดูพร้อมๆกันเลยว่า Lucky item เพิ่มสีสันให้ลูกน้อยแถมยังคุ้มครองทางใจคุณแม่ ไปดูกันเลย ตาข่ายดักฝัน หรือที่เรารู้จักกันในนามว่า Dreamcatcher ในสมัยก่อนชาวอินเดียนแดงสร้างเครื่องรางชิ้นนี้ขึ้นมา เพราะเชื่อว่าจะช่วยป้องกันฝันร้ายให้สลายหายไป จึงหันมานิยมห้อยไว้เหนือเปลเด็กเพราะหวังว่าจะช่วยทำให้ลูกน้อยปลอดภัยและนอนหลับฝันดี ซึ่งยังเป็นการช่วยส่งเสริมพัฒนาการของลูกน้อยได้เป็นอย่างดี เพราะสายตาเด็กที่จับจ้องมองการแกว่งไกวของตาข่ายดักฝันนั้น จะช่วยทำให้ลูกน้อยมีพัฒนาการการเรียนรู้ทางสายตาและกล้ามเนื้อมัดเล็กได้เป็นอย่างดี ในขณะเดียวกันยังทำให้คุณแม่อุ่นใจเมื่อมีเครื่องรางช่วยคุ้มครองให้ลูกน้อยปลอดภัยอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย อเมทิสต์หินนำโชค ตามความเชื่อของหินนำโชคนั้น หินสีม่วงจะช่วยปกป้องให้ลูกน้อยปลอดภัย ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกไป เสริมพลังบวกและดึงดูดสิ่งดีๆนำความโชคดีมาให้เด็กๆ อีกทั้งยังช่วยทำให้ลูกน้อยหลับสบาย เพราะเชื่อว่าหินจะมีคลื่นพลังงานแห่งความสุขปล่อยออกมาช่วยทำให้ลูกน้อยนอนหลับฝันดีหรือมีความสุขนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตามเพื่อ คุณแม่ควรวางไว้ในจุดที่ลูกน้อยไม่สามารถหยิบจับหรือเอื้อมถึงได้ เพื่อลดความเสี่ยงที่ลูกน้อยจะเผลอหยิบเข้าปาก และอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ถุงนำโชค อีกหนึ่งเครื่องรางจากวัดดังที่ฮอกไกโด เครื่องรางชิ้นนี้เป็นถุงผ้าสีชมพู ปักตัวอักษรด้วยดิ้นสีทอง และปักรูปแมว 2 ตัว พกเพื่อนำโชค เพราะเชื่อกันว่าจะช่วยปกป้องสิ่งชั่วร้ายจากลูกน้อย สุขภาพแข็งแรง และยังช่วยให้เด็กเติบโตมีสุขภาพที่แข็งแรงในอนาคตด้วย นอกจากจะคุ้มครองให้ลูกน้อยปลอดภัยแล้วยังช่วยคุ้มครองคุณแม่อีกด้วย กำไลข้อเท้า คนไทยสมัยก่อนมักซื้อมาไว้รับขวัญหลาน เพราะเชื่อกันว่าการใส่กำไลข้อเท้าให้เด็กนั้นจะช่วยคุ้มครองให้ลูกน้อยปลอดภัย สุขภาพแข็งแรง แต่ความจริงนั้นอาจเป็นเพียงกุศโลบายในการเลี้ยงเด็ก เพราะกำไลข้อเท้าเด็กส่วนมากจะมีกระดิ่งห้อยอยู่ด้วย เมื่อพ่อแม่ได้ยินเสียงจะทำให้รู้ว่าลูกนอนอยู่หรือตื่นแล้ว อีกทั้งยังสามารถตามหาลูกน้อยว่าอยู่ที่ไหนได้จากเสียงกระดิ่งอีกด้วย เรียกได้ว่า ทั้งเสริมดวงให้ลูกน้อยปลอดภัยแล้วยังได้ใช้ประโยชน์ไปพร้อมๆกัน ถึงอย่างไรก็ตาม กำไลข้อเท้าควรทำมาจากวัสดุที่มีคุณภาพ […]

วันกำหนดคลอดเริ่มใกล้เข้ามาทุกที เบบี้กิ๊ฟมั่นใจว่าคุณแม่หลาย ๆ ท่าน ต้องมีแอบเล็งของใช้ทารกไว้ให้ลูกน้อยตั้งแต่วันแรกที่เริ่มรู้เพศกันแน่ ๆ เลยใช่ไหมคะ ซึ่งการเตรียมของใช้ทารกไว้ล่วงหน้าก็เป็นเรื่องปกติที่สามารถทำได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความเชื่อต่าง ๆ อีกต่อไป แถมยังมีข้อดีคือทำให้มีเวลาให้คิด เลือกซื้อ เปรียบเทียบคุณภาพต่าง ๆ ได้ และยังช่วยให้คุณพ่อคุณแม่มีเวลาในการทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรค ก่อนลูกน้อยต้องสัมผัสอีกด้วย BabyGift เข้าใจแม่ว่าของใช้ทารกมีมากมายเหลือเกินในปัจจุบัน เราจึงรวบรวมผลิตภัณฑ์ของใช้ทารกที่จะต้องเตรียมให้พร้อมก่อนคลอดมาให้เลือก ซึ่งแบ่งตามหมวดหมู่ไว้ให้ดังนี้ค่ะ หมวดให้นม การทานนมถือเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับทารกในช่วงวัยแรกเกิด โดยเฉพาะช่วง 6 เดือนแรก ที่ทารกไม่สามารถกินอย่างอื่นได้นอกจากนม การเตรียมอุปกรณ์เกี่ยวกับการทานนม จึงสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง และโดยเฉพาะอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการทานนมนั้น เป็นจุดที่ลูกได้รับสัมผัสเข้าไปโดยตรง จึงควรพิจารณาเลือกวัตดุ อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน ทนต่อความร้อน และสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ เครื่องปั๊มนม ตัวช่วยกระตุ้นให้คุณแม่มีน้ำนมอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้เก็บน้ำนมของคุณแม่ไว้ให้ลูกน้อยทานได้เรื่อย ๆ การปั๊มนมตามรอบนอกจากจะให้คุณแม่มีน้ำนมในปริมาณที่พอเพียงแล้ว ยังช่วยลดอาการเจ็บปวดเต้านมได้อีกด้วย โดยเครื่องปั๊มนมมีหลากหลายรูปแบบมาก ทั้งแบบปั๊มนมไฟฟ้า หรือปั๊มมือ แบบปั๊มเดี่ยว หรือปั๊มคู่ และแต่ละเครื่องยังมีฟังก์ชั่นที่แตกต่างไปอีก ทั้งระบบการปรับแรงดูด รอบดูด ปั่นจี๊ด นวดกระตุ้น เคลียร์เต้า ต่างๆ […]

เลือกคาร์ซีทที่ปลอดภัยที่สุด จำเป็นต้องเลือกระบบ ติดตั้งคาร์ซีท ที่ดีที่สุดด้วย…จริงหรือ? คุณพ่อคุณแม่หลายคนเห็นแบบนี้แล้วคงสงสัยว่าจริงหรือว่า ติดตั้งคาร์ซีท ระบบการติดตั้งไม่เหมือนกัน ความปลอดภัยก็ไม่เหมือนกันด้วย มาทำความรู้จักกับระบบ ติดตั้งคาร์ซีท กันก่อนว่ามีกี่ระบบ และจะเลือกการติดตั้งอย่างไรให้เหมาะกับรถยนต์ที่คุณใช้ค่ะ ISOFIX คืออะไร? ISOFIX เป็นระบบ ติดตั้งคาร์ซีท แบบใหม่ที่ได้รับมาตรฐานจากสากล และมีใช้อยู่ทั่วโลกทั้งในเอเชียและยุโรป ซึ่งเป็นระบบ ติดตั้งคาร์ซีท สำหรับเด็กที่เพิ่มความปลอดภัยให้กับลูกน้อยได้อย่างมาก โดยไม่ต้องใช้เข็มขัดนิรภัยเพราะระบบ ติดตั้งคาร์ซีท แบบISOFIX นั้นเป็นการยึดติดคาร์ซีทด้วยตัวยึด ISOFIX ที่มีความแข็งแรง แน่นหนาตามมาตรฐานสากล และระบบ ISOFIX ยังช่วยเพิ่มความสะดวกในการ ติดตั้งคาร์ซีท ให้กับคุณพ่อคุณแม่อีกด้วย เนื่องจากปกติแล้วการ ติดตั้งคาร์ซีท จะมี 2 ระบบคือ (ที่เขียนรวมให้ย่อหน้านี้เพราะ ถ้าเผื่อพ่อแม่บางคนเป็นคนไม่ชอบอ่านก็จะอ่านตรงนี้แล้วรู้ว่า ISOFIX คืออะไรแล้วมันดียังไงนะคะ…^^) ISOFIX มีประโยชน์อย่างไร? ติดตั้งคาร์ซีท ด้วยระบบISOFIX ช่วยลดความผิดพลาด เรื่องการเสี่ยงต่อการ ติดตั้งคาร์ซีท ที่ผิดวิธี เนื่องจากคุณพ่อคุณแม่มือใหม่บางท่านอาจสับสน และ ติดตั้งคาร์ซีท ผิดพลาด เช่น ดึงสายเข็มขัดนิรภัยไม่แน่นหนาพอ เป็นต้น ซึ่งเมื่อเกิดอุบัตเหตุจริง จะทำให้เข็มขัดนิรภัยของรถยนต์ที่ใช้ ติดตั้งคาร์ซีท นั้นหลุดออก เป็นสาเหตุที่จะทำให้ลูกน้อยเกิดอันตรายได้ จากผลการทดลองเมื่อ ติดตั้งคาร์ซีท ด้วยระบบ ISOFIX จะมีความปลอดภัยมากกว่า เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ตัวล็อกISOFIX ช่วยยึดติดกับโครงสร้างรถยนต์ได้มั่นคงกว่าจะไม่เกิดการคลาดเคลื่อนจากเบาะรถยนต์ ลดการกระทบกระเทือนกับลูกได้น้อยกว่า ระบบISOFIX ติดตั้งยังไง 1.มาตรวจสอบก่อนว่าที่รถของคุณสามารถ ติตดั้งคาร์ซีท ระบบISOFIX ได้หรือไม่ โดยการตรวจสอบตามในคลิปด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ 2.เมื่อรู้แล้วว่ารถของคุณ ติดตั้งคาร์ซีท ระบบISOFIX ได้ งั้นก็ลองมาติตดั้งคาร์ซีทกันเลยค่ะ โดยทำตามคลิปวิธีการ ติดตั้งคาร์ซีท จากด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ

หลังจากเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ กฎหมายคาร์ซีท เกี่ยวกับเด็กที่อายุไม่เกิน 6 ปี หรือสูงไม่เกิน 135 ซม. ผู้ปกครองต้องจัดหาที่นั่งพิเศษให้สำหรับเด็ก หรือนั่งในที่นั่งพิเศษสำหรับเด็ก (คาร์ซีท) เพื่อป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ หากไม่ทำตามกฏหมายก็จะถูกปรับ 2,000 บาท โดยจะมีผลบังคับใช้ในอีก 120 วันข้างหน้า ซึ่งตรงกับวันที่ 5 กันยายน 2565 นี้ เมื่อมี กฎหมายคาร์ซีท ออกมาแล้วคุณพ่อคุณแม่หลายท่านก็ต้องมองหาคาร์ซีทให้ลูกอย่างจริงจังเลยใช่ไหมคะ แล้วคาร์ซีทแบบไหนเหมาะสำหรับลูกเรา แบบไหนปลอดภัยกว่า วันนี้ Baby Gift ได้รวบรวมข้อมูลมาให้กับคุณพ่อคุณแม่ได้เตรียมความพร้อมแล้วค่ะ ไปดูกันเลย หลังจากเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ กฎหมายคาร์ซีท เกี่ยวกับเด็กที่อายุไม่เกิน 6 ปี หรือสูงไม่เกิน 135 ซม. ผู้ปกครองต้องจัดหาที่นั่งพิเศษให้สำหรับเด็ก หรือนั่งในที่นั่งพิเศษสำหรับเด็ก (คาร์ซีท) เพื่อป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ หากไม่ทำตามกฏหมายก็จะถูกปรับ 2,000 บาท โดยจะมีผลบังคับใช้ในอีก 120 วันข้างหน้า ซึ่งตรงกับวันที่ 5 กันยายน 2565 […]

Menu
All Categories
All Brands
All Ages
Promotions
Locations
BabyGift Family
BabyGift Care
Parents Guide
News & Event

All Categories

All Categories
All Brands
All Ages