4 เปลนอนทารก น่าใช้ รุ่นขายดีที่สุด ปี 2024

เปลนอนทารก ถือเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญมาก ๆ สำหรับทารก ที่ต้องเตรียมซื้อตั้งแต่ก่อนคลอด เพราะทารกวัย 0-9 เดือน จะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนอนและอยู่บนที่นอน ดังนั้น ก่อนที่คุณพ่อคุณแม่จะเลือกเปลนอนทารกให้ลูกน้อย ควรเลือกดูจากหลาย ๆ ด้าน เช่น ความปลอดภัย การระบายอากาศ ฟังก์ชั่นการใช้งาน รวมถึงอายุการใช้งาน เพราะการเลือก เปลนอนทารก ที่ไม่เหมาะสมกับทารกอาจส่งผลถึงเสียถึงชีวิตของลูกน้อยได้

วิธีเลือกเปลนอนทารกให้ลูกน้อย
- เปลนอนทารก ควรระบายอากาศได้ดี
เปลนอนที่ระบายอากาศได้ดี มักจะใช้ผ้าเนื้อนุ่ม เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าพีช หรือ เสริมด้วยผ้าตาข่าย ที่ช่วยลดความร้อนสะสม ให้อากาศถ่ายเทตลอดเวลา ทำให้ทารกนอนสบาย ลดโอกาสการเกิดภูมิแพ้บริเวณผิวหนัง ผดร้อน ผดผื่น ในทารกแรกเกิดได้เป็นอย่างดี - เปลนอนทารก เบาะไม่ควรแข็ง หรือ นุ่มจนเกินไป
เบาะรองนอนทารก ควรใช้วัสดุที่นุ่มพอดี ไม่นุ่มจนยวบ เพราะเวลาลูกนอนคว่ำอาจเกิดความเสี่ยงหน้าจมที่เบาะได้ และต้องไม่แข็งเกินไป เพราะจะทำให้ทารกรู้สึกไม่สบายตัวตอนนอน - เลือกเปลนอนทารก ให้เหมาะสมกับน้ำหนักตัวลูกน้อย
เบาะนอนทารก จะแข็งหรือนุ่มมากเพียงใด คุณพ่อคุณแม่ต้องดูน้ำหนักและขนาดตัวของลูกน้อยประกอบกัน เช่น ถ้าลูกน้ำหนักตัวเยอะ คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกเบาะที่แข็งขึ้นมาอีกระดับ เบาะจะได้ไม่ยุบตัวง่ายเกินไปเมื่อใช้งานไปสักระยะ - ควรเลือก เปลนอนทารก ที่ไม่มีรอยยุบ หรือ ร่อง
ก่อนจะเลือกซื้อควรสังเกตให้ดีว่าเปลนอนทารกจะต้องไม่มีรอยยุบใด ๆ เพื่อป้องกันทารกนอนดิ้นไปตกร่อง ทำให้บาดเจ็บ หรือ หายใจไม่ออกได้ และเนื่องจากทารกกระดูกยังไม่แข็งแรง การที่นอนในลักษณะผิดท่าทางอาจมีผลเสียงต่อการเจริญเติบโตของกระดูกได้ - เปลนอนทารก ทำความสะอาดได้ง่าย
ปลอกเบาะนอน ต้องถอดทำความสะอาดได้ เพื่อสุขอนามัยที่ดีของลูกน้อย เพราะถ้าหากปล่อยให้สกปรก สะสมเชื้อโรคต่าง ๆ ก็อาจทำให้ทารกมีปัญหาทางด้านสุขภาพตามมาได้ เพราะในแต่ละวัน ลูกน้อยต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงสัมผัสกับเบาะนอน - เปลนอนทารกแข็งแรง รองรับน้ำหนักได้ดี
ความแข็งแรงเป็นสิ่งสำคัญ ก่อนจะตัดสินใจซื้อแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่สอบถามโครงสร้างของเตียงว่าทำจากวัสดุอะไร เช่น เหล็ก หรือ อลูมิเนียม เพราะโครงเตียงแข็งแรงก็จะรับน้ำหนักลูกน้อยได้อย่างปลอดภัย
เปลนอนทารกมีกี่แบบ มีข้อดี ข้อเสีย อะไรบ้าง ?

1. เปลนอนทารก BEDSIDE CRIB แบบชิดเตียงแม่ เป็นเตียงสำหรับทารกแรกเกิด ที่มีฟังก์ชั่นเปิดด้านข้างเตียงเพื่อต่อชิดกับเตียงของคุณพ่อคุณแม่ได้ ทำให้สะดวกในการดูแลลูกน้อยมากขึ้น
ข้อดีเตียง Bedside Crib
- ออกแบบมาเพื่อเด็กแรกเกิดนอนสบาย บางรุ่นปรับเป็นคอกกั้นได้
- เตียงเปิดข้างได้ สะดวกในการตื่นมาดูแลและให้นมลูก
- รอบเตียงหุ้มด้วยผ้า จับปีนป่ายได้ ไม่อันตรายกับทารก
- มีมุ้งกันแสง มุ้งกันแมลง ระบายอากาศดี
- เบาะนุ่มระดับพอดี ลดโอกาสการเกิดโรค SLDS (โรคไหลตายในทารก)
- สามารถใช้ได้จนลูกอยู่ในวัยคลาน วัยหัดเดิน
ข้อเสียเตียง Bedside Crib
- การใช้งานระยะสั้น เหมาะสำหรับทารกแรกเกิดโดยเฉพาะ

2. เตียงไม้ เป็นเตียงที่ถูกออกแบบมาเพื่อความแข็งแรง เน้นการใช้งานแบบคุ้มค่า ใช้ได้ในระยะยาวหลายปี สามารถรองรับน้ำหนักได้มาก
ข้อดีเตียงไม้
- ออกแบบมาเพื่อแยกที่นอนทารกกับคุณพ่อคุณแม่
- บางรุ่นเปิดข้างเตียงได้ สะดวกในการดูแลลูก
- ช่องไม้ระบายอากาศเยอะ อากาศถ่ายเทได้ดี
- วัสดุไม้แข็งแรง ทนทาน รองรับน้ำหนักได้เยอะ
- สามารถใช้ได้จนลูกอยู่ในวัยคลาน วัยหัดเดิน
ข้อเสียเตียงไม้
- มีน้ำหนักมาก เคลื่อนย้ายได้ลำบาก
- เตียงไม้เนื้อจะแข็ง ไม่มีผ้าหุ้ม สร้างอันตรายให้ทารกได้

3. เปลนอนทารกแบบ PLAYPEN เตียงนอนทารกปรับฟังก์ชั่นเป็นคอกกั้นให้ลูกน้อยได้ ฝึกพัฒนาการคลาน ยืน เป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับคุณแม่
ข้อดี Playpen
- ออกแบบมาเพื่อทารกแรกเกิดและสำหรับเด็กวัยคลาน
- เปิดข้างเตียงได้ สะดวกในการดูแลลูกน้อย
- ปรับเป็นคอกกั้นเด็กได้ ช่วยในการเลี้ยงลูกวัยคลาน
- วัสดุหุ้มด้วยผ้า เด็กจับปีนป่ายได้ ไม่อันตรายกับทารก
- ใช้งานได้นานขึ้น สามารถใช้ได้จนลูกอยู่ในวัยคลาน วัยหัดเดิน
ข้อเสีย Playpen
- คอกกั้นขนาดเล็ก อาจทำให้ลูกขาดโอกาสเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบ ๆ ตัว

4. เปลไกวไฟฟ้า เป็นเตียงที่ได้ความนิยมมาก เพราะปรับการใช้งานได้หลายแบบ พร้อมไกวอัตโนมัติกล่อมลูกหลับได้ง่ายและสนิทมากขึ้น ถือว่าเป็นตัวช่วยในการเลี้ยงลูกน้อยได้ดี
ข้อดีเปลไกวไฟฟ้า
- ออกแบบมาเพื่อกล่อมเด็กแรกเกิดนอนสบาย บางรุ่นปรับเป็นคอกกั้นได้
- เปิดข้างเตียงได้ สะดวกในการดูแลและให้นมลูกในเวลากลางคืน
- มีระบบไกวอัตโนมัติ ช่วยให้ทารกหลับสนิท ลดการงอแง
- พ่อแม่มีเวลามากขึ้น ไม่ต้องคอยอุ้มกล่อมนอน
- รอบเตียงหุ้มด้วยผ้า ไม่อันตรายกับทารก
- เบาะนุ่มระดับพอดี ลดโอกาสการเกิดโรค SLDS (โรคไหลตายในทารก)
- สามารถใช้ได้จนลูกอยู่ในวัยคลาน วัยหัดเดิน
ข้อเสียเปลไกวไฟฟ้า
- บางรุ่นใช้งานได้ระยะสั้น 9 เดือน ควรหารุ่นที่ปรับใช้งานเป็นคอกกั้นเด็ก เพื่อการใช้งานคุ้มค่านานขึ้น
เมื่อคุณพ่อคุณแม่ทราบถึงข้อดีและข้อแตกต่างของเปลทารกแต่ละประเภทแล้ว เบบี้ กิ๊ฟ มีเปลนอนทารกรุ่นขายดีที่สุด มาแนะนำคุณพ่อคุณแม่กันค่ะ
เปลนอนทารก รุ่นขายดีที่สุดปี 2024 ใน ร้านเบบี้ กิ๊ฟ

1. เปลไกวไฟฟ้า รุ่น Sleep & Play Auto Swing แบรนด์ Prince & Princess
- เหมาะสำหรับทารกแรกเกิด – 2 ปี รองรับน้ำหนักได้ 25 กิโลกรัม
- ใช้งานได้นาน ปรับเป็นคอกกั้นเด็กได้ ฝึกพัฒนาการ นั่ง คลาน ยืน
- มีระบบ Sensor จับการขยับของเตียง เมื่อทารกเคลื่อนไหว เพื่อไกวเปลอัตโนมัติ
- ระบบไกวไฟฟ้า ปรับการไกวได้ 5 ระดับ
- ตั้งเวลาการไกวให้หยุดเองอัตโนมัติ ได้ตั้งแต่ 8, 15, 30 นาที
- เตียงเปิดข้างได้ วางชิดกับเตียงคุณแม่ พร้อมสายคล้องกันเตียงเลื่อน ปลอดภัยขึ้น
- เตียงปรับระดับความสูง – ต่ำได้ 7 ระดับ สูงสุด 44 cm.
- เตียงปรับองศาเอียงได้ ลดภาวะกรดไหลย้อนหรือแหวะนมในเด็ก

2. เตียงนอนทารกและคอกกั้นเด็ก รุ่น Sleep & Play แบรนด์ Prince & Princess
- เหมาะสำหรับทารกแรกเกิด – 3 ปี รองรับน้ำหนักได้ 15 กิโลกรัม
- เตียงเปิดข้างได้ วางชิดกับเตียงคุณแม่ สะดวกสบายมากขึ้น
- ปรับเป็นคอกกั้นเด็กได้ เสริมพัฒนาการลูก รับน้ำหนักได้ถึง 15 Kg.
- มีระบบสั่น กล่อมลูกน้อยหลับสนิทนานขึ้น
- เตียงปรับระดับความสูง – ต่ำได้ 5 ระดับ สูงถึง 52 Cm.
- เตียงปรับองศาเอียงได้ ลดภาวะกรดไหลย้อนในเด็ก
- มีมุ้งกันแมลงทรงโดม ป้องกันแสง 1 ฝั่ง ลูกน้อยหลับสนิทแสงไม่ส่องตา
- โมบายเสริมพัฒนาการลูก 4 ฟังก์ชัน

3. เตียงนอนเด็กแรกเกิด Cozee Breeze Plus Bedside crib
- เหมาะสำหรับทารกแรกเกิด – 1 ปี รองรับน้ำหนักได้ 15 – 20 กิโลกรัม
- เปิดข้างวางชิดเตียงแม่ได้ และยังช่วยให้สะดวกเมื่อวางลูกน้อย
- มีล้อ มีขาโยก ช่วยกล่อมลูกน้อยได้
- ช่องตาข่ายระบายอากาศ มองเห็นลูกจากด้านนอกได้
- ปรับความสูงได้ 6 ระดับ
- ปรับเอียงได้ ป้องกันอาการท้องอืดและกรดไหลย้อน
- เบาะนอนนุ่ม ทำจากเส้นใยข้าวโพด
- ถอดพับเก็บและประกอบง่าย ภายใน 30 วินาที

4. เตียงนอนเด็กแรกเกิด Cozee Lite Bed side crib with Rocking รุ่น มีขาโยก (ไลท์)
- เหมาะสำหรับทารกแรกเกิด – 1 ปี รองรับน้ำหนักได้ 15- 20 กิโลกรัม
- เปิดข้างวางชิดเตียงแม่ได้ และยังช่วยให้สะดวกเมื่อวางลูกน้อย
- มีล้อ มีขาโยก ช่วยกล่อมลูกน้อยได้
- ช่องตาข่ายระบายอากาศ มองเห็นลูกจากด้านนอกได้
- ปรับความสูงได้ 6 ระดับ
- ปรับเอียงได้ ป้องกันอาการท้องอืดและกรดไหลย้อน
- เบาะนอนนุ่ม ทำจาก deluxe foam
- ถอดพับเก็บและประกอบง่าย ภายใน 30 วินาที
คุณพ่อคุณแม่คงรู้จัก เปลนอนทารก กันดีแล้วใช่ไหมคะ ถ้าหากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถสอบถามกับผู้เชี่ยวชาญได้ที่ ร้านเบบี้กิ๊ฟ 5 สาขา ใกล้บ้าน หรือสอบถามผ่านช่องทาง Online ทีมงาน BabyGift ยินดีให้คำแนะนำค่ะ
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
ก่อนหน้านี้ก็เคยคิดว่าเรื่องพาหะธาลัสซีเมียนี่เป็นอะไรที่ไกลตัวมากๆ แต่พอตั้งท้องเท่านั้นแหละ การเป็นพาหะฯ นี่เรื่องใกล้ตัวสุดๆ แถมทำให้กังวลมากมายเลยล่ะค่ะ ถ้าคุณแม่กำลังอ่านบทความนี้อยู่ก็แสดงว่าคุณแม่อาจจะกำลังกังวลเรื่องนี้อยู่เหมือนกันใช่มั้ย สำหรับใครที่ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าพาหะธาลัสซีเมียคืออะไร วันนี้เราก็นำความรู้มาฝากกันค่ะ เคยได้ยินผ่านๆ แต่ไม่เคยรู้เลยว่าพาหะธาลัสซีเมียคืออะไร? อันที่จริง การเป็นพาหะธาลัสซีเมียไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับคนไทยเลยนะ เพราะมีคนไทยตั้งกว่า 24 ล้านคนที่เป็นพาหะโรคนี้ เผลอๆ เวลาเดินตามถนนเราอาจจะเจอคนที่เป็นพาหะอยู่เต็มไปหมด แถมเรายังอาจจะเป็นด้วยก็ได้นะ คนที่เป็นพาหะของโรคนี้ง่ายๆ ก็คือ คนที่มีเชื้อธาลัสซีเมีย “แฝง” อยู่ในร่างกาย เพราะงั้นคนที่เป็นพาหะจะมีสุขภาพที่แข็งแรงปกติเหมือนคนทั่วไปนี่แหละ ไม่ได้ออกอาการอะไร แต่อาจจะเลือดจางนิดหน่อย โรคธาลัสซีเมียนี้เป็นโรคที่ติดต่อได้ทางพันธุกรรม เพราะงั้น หากทั้งพ่อและแม่เป็นพาหะทั้งคู่ ลูกที่คลอดออกมาก็สามารถเป็นโรคธาลัสซีเมียได้ถึง 25% เลยนะ พูดง่ายๆ คือ พาหะก็เหมือนมีโรคอยู่ครึ่งนึง แม่มีครึ่ง พ่อมีครึ่ง พอมารวมกัน ลูกก็มีโอกาสที่จะได้รับโรคนี้ไปเต็มๆ เลยนั่นเอง แต่คุณแม่ก็อย่าเพิ่งกังวลเกินไปนะคะ เพราะหากคุณหมอตรวจพบว่าทั้งพ่อและแม่เป็นพาหะแล้ว ขั้นต่อไปคุณหมอจะดูว่าเป็นธาลัสซีเมียชนิดไหน เพราะถ้าเป็นคนละชนิดกัน ก็หายห่วง! พาหะธาลัสซีเมียมีกี่ชนิด แล้วต่างกันยังไง? พาหะธาลัสซีเมียมี 2 ชนิด ก็คือ อัลฟ่ากับเบตา อัลฟ่านี่จะค่อนข้างรุนแรง แต่มากน้อยก็แล้วแต่ยีนส์ที่แฝงอยู่นั่นแหละ ส่วนถ้าเป็นกลุ่มเบตาก็จะไม่ค่อยรุนแรงเท่าไหร่ […]
ตัวช่วยสำคัญที่จะช่วยให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้เต็มที่ตามความตั้งใจ เพื่อให้ลูกน้อยทารกได้กินน้ำนมแม่ตั้งแต่แรกเกิดและต่อเนื่องยาวนานที่สุด คือ เครื่องปั๊มนม เพราะเครื่องปั๊มนมที่ดีจะมีข้อดีและมีประโยชน์ต่อคุณแม่และลูกน้อยมากมาย ได้แก่ แต่การที่คุณแม่จะใช้ เครื่องปั๊มนม ให้ได้คุ้มค่า จำเป็นต้องศึกษาข้อมูล ปรึกษาผู้มีประสบการณ์และเลือกซื้อให้เหมาะสมกับการใช้งานของคุณแม่เอง เพราะปัจจุบันมีเครื่องปั๊มนมให้คุณแม่เลือกซื้อมากมาย หลายแบบ และมีราคาที่แตกต่าง คุณแม่จึงต้องพิจารณาเลือกถึงความจำเป็นที่จะต้องใช้ และเรียนรู้ว่าเลือกแบบไหนจะเหมาะกับเราและลูกน้อย ฉะนั้นเราจึงขอแนะนำให้คุณแม่ได้รู้จักกับเครื่องปั๊มนมแบบต่างๆ ที่มีขายในปัจจุบัน การทำงานที่น่าสนใจลักษณะการใช้งาน และคุณสมบัติที่น่ารู้ รวมถึงวิธีการเลือกซื้อในแบบที่ใช่มากที่สุด 1. เครื่องปั๊มนม แบบปั๊มมือ 2. เครื่องปั๊มนมแบบใช้แบตเตอรี่ 3. เครื่องปั๊มนมแบบใช้ไฟฟ้า เลือก เครื่องปั๊มนม แบบไหน? ที่ใช่สำหรับคุณแม่ เพราะเครื่องปั๊มนมเป็นตัวช่วยคู่ใจ ให้คุณแม่ทำสต๊อกน้ำนมแม่ให้ลูกน้อยได้เต็มที่ ดังนั้นคุณแม่จำเป็นต้องคำนึงถึงคุณภาพของเครื่องปั๊มนมเป็นสำคัญ โดยควรเลือกเครื่องปั๊มนมที่เหมาะกับครอบครัว และมีประสิทธิภาพต่างๆ ดังนี้
ท้องทีต้องมานั่งกังวลเรื่องนู้นเรื่องนี้เต็มไปหมด นอกจากจะกังวลเรื่องการกินกับการเดินแล้ว ท่านอนก็ยังเป็นสิ่งที่แม่ท้องหลายๆ คนสงสัยว่าควรจะนอนท่าไหนกันแน่ บางคนก็บอกว่าให้นอนท่าที่สบายที่สุด บางคนก็บอกว่าให้นอนตะแคงข้างไหนก็ได้ ส่วนบางคนก็เจาะจงให้นอนตะแคงซ้าย ตกลงยังไงกันแน่นะ? แต่แน่นอนว่าท่านอนมีผลต่อทั้งสุขภาพของคุณแม่แล้วก็คุณลูก วันนี้เราลองมาดูคำตอบไขข้อสงสัยไปพร้อมๆ กันค่ะ ท่านอนที่เหมาะสมสำหรับคุณแม่ ท่านอนที่ดีที่สุดสำหรับแม่ท้องที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 16 สัปดาห์ขึ้นไปคือ “ท่านอนตะแคงซ้าย” ค่ะ เพราะว่าการนอนตะแคงซ้ายจะช่วยให้มดลูกของคุณแม่ไม่ไปกดทับเส้นเลือดดำใหญ่ที่อยู่ค่อนไปทางขวาและท่านี้ยังจะช่วยในเรื่องของระบบหมุนเวียนเลือดด้วยนะคะ เพราะพอเส้นเลือดดำไม่ถูกกดทับแล้ว เลือดก็จะสูบฉีดไปเลี้ยงหัวใจได้ดี แถมยังทำให้อาหารย่อยง่ายอีกด้วยนะ ถ้าคุณแม่นอนตะแคงขวา หัวใจก็จะทำงานหนักมากขึ้น เพราะต้องใช้แรงสูบฉีดเลือดเพิ่มขึ้น แต่เอาจริงถ้าจะให้นอนตะแคงซ้ายทั้งคืนก็คงไม่ไหว คุณแม่ก็อาจจะตะแคงซ้ายขวาสลับกันก็ได้นะ แต่เน้นไปที่ด้านซ้ายให้เยอะกว่านะคะ สำหรับคุณแม่ที่ท้องใหญ่มากๆ คุณแม่อาจจะหาหมอนมารองใต้ท้องเพื่อช่วยพยุงท้องเอาไว้ จะได้นอนหลับสบายๆ ยาวๆ ถึงเช้าไปเลยเนอะ ท่านอนที่ไม่เหมาะสมกับคุณแม่ เดาได้ง่ายมาก ก็คือท่านอนคว่ำน่ะสิ อันนี้มันก็แน่อยู่แล้วแหละนะ ท้องก็ใหญ่ขึ้นทุกวันทุกวันจะให้นอนคว่ำได้ยังไงไหว แต่อีกท่านึงที่คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงก็คือท่านอนหงายค่ะ อ๊ะๆ คิดไม่ถึงกันใช่ไหมล่ะคะ ที่ท่านี้ควรหลีกเลี่ยงก็เพราะมดลูกของคุณแม่นั้นจะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จึงอาจจะไปกดทับเส้นเลือดใหญ่ที่อยู่ตรงบริเวณกลางลำตัวได้ค่ะ พอทับไปแล้วคุณแม่ก็จะมีอาการเท้าบวม เป็นริดสีดวงทวาร หนักๆ หน่อยก็อาจทำให้วิงเวียนศีรษะจนถึงขั้นเป็นลมได้เลยล่ะ นอกจากนี้ยังทำให้คุณแม่ปวดหลังสุดๆ เพราะเหมือนกับต้องแบกรับน้ำหนักร่วมสิบโลไว้ทั้งคืน วิธีจัดท่านอน ไม่ใช่ว่าคุณแม่เดินมาถึงเตียงก็ล้มตึงลงไปนอนตะแคงได้เหมือนตอนไม่ท้องเลยนะ ตอนนี้เรามีลูกน้อยอยู่ในท้องแล้วก็ต้องคอยทำอะไรให้ช้าลง วิธีข้างล่างจะช่วยให้คุณแม่จัดท่านอนได้ถูกต้องแล้วก็จะช่วยลดอาการปวดหลังด้วยนะคะ เวลาจะพลิกตัวเปลี่ยนท่า คุณแม่ควรจะค่อยๆ พลิก […]
ว่ากันว่า “น้ำนมของแม่นั้นดีที่สุด” มีคำแนะนำทางการแพทย์ว่าควรให้ทารกกินนมแม่ไปจนถึงอายุ 2 ขวบหรือนานกว่านั้น แม้ว่าลูกน้อยจะอายุ 6 เดือนขึ้นไปแล้ว ก็ควรกินน้ำนมของแม่ร่วมกับการกินอาหารอื่น ๆ เพื่อเสริมคุณค่าทางโภชนาการ เพราะในน้ำนมของแม่นั้นมีความสำคัญต่อลูกน้อยมาก ๆ ในน้ำนมมีสารอาหารที่ดีต่อลูกน้อยหลายอย่าง ทั้งยังมีภูมิคุ้มกันที่ช่วยปกป้องลูกน้อยให้แข็งแรง นอกจากนี้ การให้ลูกกินน้ำนมของแม่ก็ยังมีข้อดีต่อตัวคุณแม่เองด้วยเช่นกัน ประโยชน์ของนมแม่ มีอะไรบ้างนั้น มาดูกันเลยค่ะ ประโยชน์ นมแม่ อาหารเปี่ยมคุณค่าสำหรับลูกน้อย นมแม่นั้นเป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารกแรกเกิด เพราะเต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ และช่วยเสริมภูมิต้านทานโรคให้กับลูก ประโยชน์ของนมแม่ช่วยลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วย และในขณะที่ทารกกินน้ำนมจากเต้าของนั้น ก็เป็นการช่วยสร้างความผูกพันระหว่างแม่กับลูกด้วย ทั้งยังทำให้ทารกรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยนอกจากนี้ สำหรับคุณแม่เอง การให้ลูกกินนมก็ยังจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ และเบาหวาน โดยองค์การอนามัยโลก และยูนิเซฟมีคำแนะนำเกี่ยวกับการให้นมของแม่เอาไว้ดังนี้ค่ะ ประโยชน์ของนมแม่ มีอะไรบ้าง ? ชวนรู้ การให้นมลูกก็มีประโยชน์ต่อคุณแม่เองด้วย ประโยชน์ของนมแม่ นอกจากจะดีต่อลูกน้อยแล้ว การที่คุณแม่ให้นมลูก ก็มีข้อดีต่อตัวคุณแม่เองด้วย ดังนี้ Tips ในการให้นม สำหรับคุณแม่มือใหม่ เมื่อได้รู้ประโยชน์ของนมแม่กันแล้ว เชื่อว่าคุณแม่หลายๆ ท่านก็อยากจะให้ลูกน้อยของเราได้กินนมตั้งแต่แรกเกินไปจนถึงอายุ 2 – 3 ขวบ แต่ในบางคนก็ต้องกลับไปทำงานประจำหลังพ้นช่วงลาคลอด […]
Q: ขวดนม อุปกรณ์ปั๊มนม ต้องต้ม หรือนึ่ง ให้ปราศจากเชื้อทุกวัน ? A: การนึ่ง หรือต้มฆ่าเชื้อขวดนมและจุกนมหลังใช้งานทุกวันจะทำให้ขวดนมพลาสติกและจุกนมเสื่อมสภาพเร็วขึ้นกว่าปกติ และไม่ได้ช่วยป้องกันโรคให้ทารกเพิ่มขึ้นมากไปกว่าล้างด้วยน้ำสบู่อุ่น ๆ หรือล้างด้วยน้ำร้อนผสมน้ำยาล้างขวดนมหลังใช้งาน การขยันทำให้ปลอดเชื้อมากเกินไป (over-sterilize) ไม่มีประโยชน์กลับเป็นการสร้างสิ่งแวดล้อมให้เชื้อที่ทนความร้อน และสร้างสปอร์ได้เพิ่มมากขึ้น (เพราะคุณไม่ได้ใช้หม้อความดัน หรือฉายรังสี) และทารกจะอาจได้สารพวกโพลีเมอร์ หรือฟอร์มัลดีไฮด์ปนเปื้อนออกมาจากพลาสติกที่เสื่อมสภาพแทน สมาคมกุมารแพทย์อเมริกัน และ USFDA แนะนำให้ต้มหรือนึ่งฆ่าเชื้อขวดนม และอุปกรณ์ปั๊มนมเฉพาะครั้งแรกที่ใช้งานจากนั้นให้ล้างด้วยน้ำสบู่ หรือน้ำยาล้างขวดนมผสมน้ำอุ่น ทุกครั้งหลังใช้งานก่อนผึ่งให้แห้ง โดยไม่ให้้ใช้ผ้าเช็ด กรณีที่ต้องต้มหรือนึ่งฆ่าเชื้อทุกวันคือช่วงทารกป่วย เช่น ท้องร่วง หรือ เป็นฝ้าขาวในปาก คุณแม่ที่กังวลอาจนึ่งหรือต้ม ทุก 3-4 วัน สำหรับนมชง ทุก 1 สัปดาห์สำหรับนมแม่ทั้งนี้ จะต้องไม่มีการปล่อยให้นมบูดคาขวด (ถ้านมบูดคาขวดต้องต้มหรือนึ่งฆ่าเชื้อใหม่เสมอ) อย่างไรก็ตามไม่มีกฎตายตัว หากบ้านมีสภาพแวดล้อมที่ไม่สะอาด อยู่ใกล้แหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค อาจพิจารณาต้มหรือนึ่งให้บ่อยขึ้น สำหรับประเทศไทยที่มีภูมิอากาศร้อนชื้นมีโรคเขตร้อนที่เป็นโรคทางเดินอาหารมาก และประชากรมีสุขอนามัยไม่แน่นอน กุมารแพทย์ไทยหลายท่านอาจแนะนำให้คุณแม่ต้มหรือนึ่งขวดนมทุกวัน และกรณีที่ห้องครัวมีความสกปรกอับชื้นท่อน้ำไม่สะอาด หรือมีกระบะทรายแมวในห้องครัว (ซึ่งไม่ควรมี) คุณแม่อาจเลี่ยงไปตากขวดนม และจุกนมที่อื่นที่มีอากาศถ่ายเทคุณแม่ที่ปั๊มนมห้ามใช้สบู่เหลวในห้องน้ำที่ทำงานล้างขวดนม หรือ […]
“ครรภ์เป็นพิษ” หนึ่งในภาวะแทรกซ้อนอันตรายถึงชีวิตของคุณแม่ตั้งครรภ์ ถือเป็นภาวะไม่พึงประสงค์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นตัวคุณแม่เอง ครอบครัว รวมถึงคุณหมอสูติแพทย์ เนื่องจากหากคุณแม่ตั้งครรภ์มีภาวะครรภ์เป็นพิษ จะมีโอกาสเสียชีวิตได้ค่อนข้างมาก โดยสถิติพบว่า10-15% ของคุณแม่ตั้งครรภ์ที่เสียชีวิตเกิดจากภาวะครรภ์เป็นพิษ และมีร้อยละ 2-8% ของสตรีตั้งครรภ์มีภาวะครรภ์เป็นพิษ (ข้อมูลจากรพ.บำรุงราษฎร์) ฉะนั้นเพื่อไม่ให้คุณแม่ต้องมาเจอกับภาวะร้ายแรงนี้ ลองมาดูสาเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะนี้ได้ และเรียนรู้กันว่าจะทำอย่างไรเพื่อป้องกัน หรือตรวจเช็กเพื่อรักษาได้ทันท่วงที ให้ทั้งคุณแม่และลูกน้อยปลอดภัยสุขภาพดีได้จนหลังคลอด ครรภ์เป็นพิษ ภาวะอันตรายในแม่ท้อง โดยภาวะครรภ์เป็นพิษที่มักพบส่วนใหญ่ มักจะเกิดขึ้นกับคุณแม่ที่มีอายุครรภ์หลัง 20 สัปดาห์จนถึง 48 ชั่วโมงหลังคลอด แต่พบบ่อยคือหลังอายุครรภ์ 32 สัปดาห์ แม่ท้อง รู้ก่อนรักษาได้ ชวนคุณแม่มาสังเกตอาการและสัญญาณต่างๆ ที่บอกถึงภาวะครรภ์เป็นพิษ ซึ่งหากมีอาการเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์ทันที อาการหลักๆ ที่สำคัญแสดงถึงภาวะครรภ์เป็นพิษ ได้แก่ การที่คุณแม่มี “ความดันโลหิตสูง” 140/90 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป ร่วมกับตรวจพบโปรตีนในปัสสาวะมากกว่า 300 มิลลิกรัมใน 24 ชั่วโมง และคุณแม่มีอาการ “บวม” ผิดปกติที่คุณหมอตรวจแล้วว่าไม่ได้บวมเพราะเป็นโรคไตหรืออื่นๆ รวมถึงมีอาการบวมที่มือ เท้าและใบหน้า ปวดศีรษะมาก ตาพร่ามัว อาเจียน คลื่นไส้ […]






