เตรียมตัวให้พร้อมก่อนเริ่ม กฎหมายคาร์ซีท

หลังจากเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ กฎหมายคาร์ซีท เกี่ยวกับเด็กที่อายุไม่เกิน 6 ปี หรือสูงไม่เกิน 135 ซม. ผู้ปกครองต้องจัดหาที่นั่งพิเศษให้สำหรับเด็ก หรือนั่งในที่นั่งพิเศษสำหรับเด็ก (คาร์ซีท) เพื่อป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ หากไม่ทำตามกฏหมายก็จะถูกปรับ 2,000 บาท โดยจะมีผลบังคับใช้ในอีก 120 วันข้างหน้า ซึ่งตรงกับวันที่ 5 กันยายน 2565 นี้
เมื่อมี กฎหมายคาร์ซีท ออกมาแล้วคุณพ่อคุณแม่หลายท่านก็ต้องมองหาคาร์ซีทให้ลูกอย่างจริงจังเลยใช่ไหมคะ แล้วคาร์ซีทแบบไหนเหมาะสำหรับลูกเรา แบบไหนปลอดภัยกว่า วันนี้ Baby Gift ได้รวบรวมข้อมูลมาให้กับคุณพ่อคุณแม่ได้เตรียมความพร้อมแล้วค่ะ ไปดูกันเลย

หลังจากเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ กฎหมายคาร์ซีท เกี่ยวกับเด็กที่อายุไม่เกิน 6 ปี หรือสูงไม่เกิน 135 ซม. ผู้ปกครองต้องจัดหาที่นั่งพิเศษให้สำหรับเด็ก หรือนั่งในที่นั่งพิเศษสำหรับเด็ก (คาร์ซีท) เพื่อป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ หากไม่ทำตามกฏหมายก็จะถูกปรับ 2,000 บาท โดยจะมีผลบังคับใช้ในอีก 120 วันข้างหน้า ซึ่งตรงกับวันที่ 5 กันยายน 2565 นี้
เมื่อมี กฎหมายคาร์ซีท ออกมาแล้วคุณพ่อคุณแม่หลายท่านก็ต้องมองหาคาร์ซีทให้ลูกอย่างจริงจังเลยใช่ไหมคะ แล้วคาร์ซีทแบบไหนเหมาะสำหรับลูกเรา แบบไหนปลอดภัยกว่า วันนี้ Baby Gift ได้รวบรวมข้อมูลมาให้กับคุณพ่อคุณแม่ได้เตรียมความพร้อมแล้วค่ะ ไปดูกันเลย
ก่อนเริ่ม กฎหมายคาร์ซีท ต้องรู้วิธีเลือกซื้อคาร์ซีทที่เหมาะกับลูกก่อน

คาร์ซีท มีกี่ประเภท
โดยปกติแล้วในท้องตลาดมีคาร์ซีทที่วางจำหน่ายเอาไว้มากมายหลายประเภท และแบ่งการใช้งานตามช่วงอายุและน้ำหนักแต่หลัก ๆ เราสามารถแบ่งคาร์ซีททออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ คาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิด และคาร์ซีทสำหรับเด็กโต ซึ่งในแต่ละประเภทสามารถแยกย่อยได้อีกเป็นอย่างละ 2 ประเภท รวมแล้วเราจะสามารถแบ่งคาร์ซีทออกได้ทั้งหมดเป็น 4 ประเภท เป็นคาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิด 2 ประเภท และคาร์ซีทสำหรับเด็กโต 2 ประเภท
คาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิด
1. Carrier Carseat คาร์ซีทแบบกระเช้า คาร์ซีทประเภทนี้เป็นคาร์ซีทที่มีมานานแล้ว ลักษณะจะเหมือนกับกระเช้าขนาดเล็ก สามารถวางไว้ในรถได้เลย ในบางรุ่นสามารถปรับใช้งานเป็นรถเข็นได้เลยในตัว ใช้งานได้สองรูปแบบในตัวเดียว สามารถใช้งานได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิด จนถึงเด็กอายุประมาณ 18 เดือนหรือประมาณขวบครึ่ง คาร์ซีทแบบนี้จะเป็นการติดตั้งหันหน้าเข้าหาเบาะรถยนต์ ซึ่งเป็นการนั่งที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเด็กแรกเกิด
2. Convertible Carseat คาร์ซีทเด็กแรกเกิดจนถึงเด็กโต สามารถปรับใช้ 2 รูปแบบ คือ หันหน้าเข้าหาเบาะรถ (Rear-Facing) และหันหน้าไปหน้ารถ (Forward facing) จึงสามารถใช้งานกับเด็กได้หลากหลายช่วงอายุ ในบางรุ่นสามารถใช้ได้ถึง 4 ปี , 7 ปี ไปจนถึง 12 ปี คาร์ซีทประเภทนี้เป็นคาร์ซีทที่พ่อแม่ส่วนใหญ่นิยมใช้ ซึ่งตัวคาร์ซีทจะมีขนาดใหญ่ขึ้นมากว่าตัวคาร์ซีทแบบกระเช้า คาร์ซีทประเภท Convertible นี้จะเป็นประเภทที่ใช้กันอย่างหลากหลาย เพราะมีฟังก์ชั่นในการใช้งานเยอะ และสะดวกต่อการใช้งาน

คาร์ซีทสำหรับเด็กโต กฎหมายคาร์ซีท
1. Forward Facing Carseat คาร์ซีทสำหรับเด็กโต คาร์ซีทที่มีพนักพิงหลังใช้สำหรับเป็นคาร์ซีทตัวที่ 2 ให้กับเด็ก เหมาะกับเด็กที่นั่งชันหลังได้อย่างแข็งแรง ซึ่งส่วนมากคาร์ซีทจะใช้ได้ตั้งแต่ 1 ปี ไปจนถึง 12 ปี หรือบางรุ่นพิเศษหน่อยก็สามารถใช้ได้ตั้งแต่ 9 เดือน ขึ้นไป ตัวคาร์ซีทจะมีลักษณะที่เบาะกว้าง พนักพิงใหญ่และสูง เพื่อทำให้เด็กนั่งได้สบายที่สุด และเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของเด็กในช่วงวัยนั้น ๆ
2. Booster Carseat คาร์ซีทสำหรับเด็กโตเหมือนกับ Forward facing แต่แตกต่างกันที่ ตัวคาร์ซีทแบบ Booster seat จะไม่มีพนักพิงหลัง และไม่มีฟังก์ชั่นมากเท่ากับคาร์ซีทแบบอื่นๆ แต่มีน้ำหนักเบา เหมาะกับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป ที่นั่งชันหลังได้อย่างแข็งแรง และเป็นการเดินทางใกล้ๆ ไม่ต้องใช้ระยะเวลานาน

คาร์ซีทสำหรับเด็กโต
- ผ่านการรับรองความปลอดภัยในระดับสากล ECE R44/04 และ ECE R129 (i-size)
- โครงสร้างที่มีขนาดใหญ่ รองรับกับสรีระและการเจริญเติบโตของเด็กได้เป็นอย่างดี
- ลูกน้อยนั่งสบายด้วยการระบายอากาศรอบทิศทาง
เพราะเข็มขัดนิรภัยในรถยนต์ออกแบบมารองรับกับช่วงอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป

ระบบในการติดตั้งคาร์ซีท
คุณพ่อคุณแม่ได้ทำความรู้จักกับคาร์ซีทและ กฎหมายนั่งคาร์ซีท กันไปแล้ว แต่อย่าพึ่งไปเลือกซื้อเด็ดขาดถ้ายังไม่ได้รู้จักระบบในการติดตั้งของคาร์ซีท หลัก ๆ แล้วคาร์ซีทมีระบบการติดตั้งอยู่ด้วยกัน 2 วิธี
- ติดตั้งด้วยเข็มขัดนิรภัยของตัวรถยนต์
- ติดตั้งด้วยระบบ ISOFIX
โดยในแต่ละแบบก็จะมีความยากง่ายของการติดตั้งที่แตกต่างกันไป แต่สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับว่ารถยนต์ของคุณพ่อคุณแม่ ว่ามีระบบในการติดตั้งแบบไหน แต่ต้องมี มาตรฐานความปลอดภัยคาร์ซีท ระดับสากล

ตำแหน่งที่เหมาะสมในการติดตั้งคาร์ซีท (สำหรับประเทศไทย)
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการใช้งานคาร์ซีทที่ไม่ควรละเลย ก็คือตำแหน่งในการติดตั้ง ไม่ใช่ว่าเลือกซื้อคาร์ซีทดี ๆ แล้วมาติดตั้งตำแหน่งไหนก็ได้ แล้วจะปลอดภัยเหมือนกัน เพราะในรถยนต์แต่ละคันมักจะมีระบบในการป้องกันอุบัติเหตุเอาไว้หลากหลาย หนึ่งในนั้นก็คือระบบแอร์แบคในรถยนต์ตำแหน่งของเบาะด้านหน้า ซึ่งห้ามนำคาร์ซีทมาติดตั้งไว้ที่เบาะตรงนี้ เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุ แอร์แบคจะทำการพองตัวขึ้นมาและกระแทกเข้ากับคาร์ซีท ทำให้ลูกของเราที่นั่งอยู่บนคาร์ซีทเกิดอันตรายได้
สำหรับประเทศไทย ตำแหน่งที่ควรจะติดตั้งคาร์ซีทก็คือ “ตำแหน่งเบาะด้านหลังเยื้องกับคนขับ” เป็นตำแหน่งที่เหมาะสมและปลอดภัยมากที่สุด เพราะว่าในประเทศไทยรถยนต์ทุกคันจะขับทางด้านขวาเสมอ เพราะฉะนั้นในฝั่งด้านซ้ายก็จะเป็นฝั่งที่ติดกับฟุตบาททำให้สะดวกในการนำลูกขึ้นรถหรือลงรถ
ในส่วนของอุบัติเหตุก็ยังสามารถช่วยปกป้องลูกน้อยได้ เนื่องจากถนนส่วนใหญ่มี 2 เลนแล้วขับสวนกัน ในถนนลักษณะนี้โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุจากทางฝั่งด้านขวา จะเยอะกว่าฝั่งด้านซ้าย นี่คือเหตุผลที่ควรจะติดตั้งคาร์ซีทไว้เบาะด้านหลังเยื้องกับคนขับ

คาร์ซีท ควรจะใช้เมื่อไหร่
เป็นคำถามที่คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ ท่านเป็นกังวลเหมือนกันนะคะ กับการที่จะต้องเริ่มใช้คาร์ซีท ไม่รู้ว่าควรจะให้ลูกเริ่มนั่งคาร์ซีท ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ อายุเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสมที่สุด วันนี้ BabyGift ตอบให้ค่ะ คาร์ซีทควรจะให้ลูกนั่งตั้งแต่วันแรกที่ออกจากโรงพยาบาลเลย เพราะในเด็กแรกเกิดต้องการการปกป้องดูแลเป็นพิเศษระบบต่าง ๆ ในร่างกายของเขา ยังไม่แข็งแรงพอที่จะสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แนะนำว่าคาร์ซีทควรจะใช้ทุกครั้งที่พาลูกน้อยออกไปเดินทางนอกบ้าน หรือจะใช้จนกว่าเด็กจะมีอายุ 12 ปีขึ้นไป ส่วนสูงไม่เกิน 150 เซนติเมตร

คาร์ซีทมือ 2 ราคาถูก ใช้งานได้เหมือนกันไหม
ในประเด็นนี้ต้องบอกว่าสามารถใช้งานได้ ถ้ารู้ประวัติความเป็นมาของคาร์ซีทตัวนั้นแน่นอน อย่างเช่น ได้รับต่อมาจากญาติพี่น้อง เป็นต้น แต่ถ้าเราไม่ทราบประวัติความเป็นมาของคาร์ซีทตัวนั้นเลย ไม่แนะนำให้ซื้อเด็ดขาด เนื่องจากคาร์ซีทที่เคยประสบอุบัติเหตุมาแล้วนั้น จะหมดคุณสมบัติในการป้องกันลูกน้อยให้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุไปเลย
เพราะว่าวัสดุที่อยู่ด้านในคาร์ซีทนั้นจะเกิดการชำรุดเสียหาย ทำให้คุณสมบัติในการปกป้องอุบัติของคาร์ซีทตัวนั้นเสื่อมถอยลง และนอกจากนี้คาร์ซีทก็ยังมีวันหมดอายุด้วย โดยปกติทั่วไปแล้วคาร์ซีทจะมีอายุใช้งานอยู่ที่ 7 ปีนับจากวันที่ผลิต ถ้าหลังจากนี้ไปวัสดุต่าง ๆ ก็จะเสื่อมสภาพลง ส่งผลให้คุณสมบัติในการปกป้องลูกน้อยลดลงตามไปด้วย
สำหรับกฏหมายคาร์ซีทที่จะบังคับใช้เร็ว ๆ นี้ คุณพ่อคุณแม่ท่านไหนสนใจที่จะเลือกดูคาร์ซีทที่มีมาตรฐาน คุณภาพดี และที่สำคัญราคาเป็นมิตร สามารถสอบถามกันได้เลยที่ BabyGift เรายินดีและพร้อมที่จะให้คำแนะนำสำหรับทุกข้อสงสัยของคุณพ่อคุณแม่เพื่อให้ได้คาร์ซีทที่ใช่ และปลอดภัยในทุกการเดินทางสำหรับลูกน้อย
และสำหรับคุณพ่อ คุณแม่ที่กำลังหาคาร์ซีทเด็กแรกเกิด ดีๆสักตัวอยู่ BABYGIFT ได้รวบรวมและคัดสรรมาให้ไว้ให้แล้ว สามารถดูได้ที่ คาร์ซีทแรกเกิดที่คัดสรรมาแล้วเพื่อคุณ
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
“เวลาลูกสาววัย 5 เดือนดูดนมแม่ จะมีเหงื่อออกมาก โดยเฉพาะที่ศีรษะจะเปียกตลอดเลยทั้งที่อยู่ในห้องแอร์ ถือเป็นอาการผิดปกติหรือเปล่า” เด็กต้องการพลังงานเทียบกับน้ำหนักตัวสูงกว่าผู้ใหญ่ เนื่องจากต้องใช้เพื่อการเจริญเติบโตและสร้างเนื้อเยื่อ อวัยวะต่างๆจึงต้องการใช้พลังงานสูงมาก เช่น เพื่อการสร้างเซลสมอง การสร้างเซลกล้ามเนื้อ ในขณะที่ผู้ใหญ่ต้องการพลังงานเพื่อการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ กล้ามเนื้อหัวใจในเด็กทารกเป็นเซลกล้ามเนื้อชนิดที่ล้าง่าย ต้องการพลังงานสูง ชีพจรของเด็กจึงเต้นเร็วกว่าผู้ใหญ่ เด็กแรกเกิดชีพจรเต้น 140 ครั้งต่อนาที และลดลงเรื่อยๆเมื่อเด็กเติบโตขึ้น จนเป็น 60-80 ครั้งต่อนาทีเมื่อเป็นผู้ใหญ่ ดังนั้นความร้อนที่เกิดขึ้นจากการเผาผลาญพลังงานก็ย่อมมีมาก การระบายความร้อนออกจากร่างกายทำได้โดยการขับออกเป็นเหงื่อ ดังนั้นการที่เห็นว่าทารกนอนดูดนมเฉยๆ ทำไมถึงมีเหงื่อเยอะจัง เพราะภายในร่างกายของเขามีการทำงานอยู่ตลอดเวลา จึงไม่ผิดปกติค่ะ ขณะที่ผู้ใหญ่จะใช้พลังงานสูงเท่ากับที่เด็กทารกต้องการ ก็ต่อเมื่อมีการออกกำลัง จนชีพจรเต้นเร็วเท่ากับเด็กทารก ถึงเวลานั้นเราก็มีเหงื่อออกเต็มตัวเหมือนเด็กทารกเวลาดูดนมเช่นกัน อย่างไรก็ดีมีโรคบางอย่างที่ทำให้ทารกมีเหงื่อออกมากผิดปกติกว่าเด็กคนอื่น เช่น โรคหัวใจ โรคธัยรอยด์เป็นพิษ แต่ลูกควรมีอาการผิดปกติอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น เลี้ยงไม่โต ดูดนมแล้วดูเหนื่อยต้องหยุดเป็นพักๆ ตรวจร่างกายฟังได้ยินเสียงผิดปกติที่หัวใจ หากสงสัยว่าลูกเป็นโรคเหล่านี้ ให้ปรึกษากุมารแพทย์ได้ค่ะ หากตรวจแล้วพบว่าลูกปกติดี การมีเหงื่อออกเวลาดูดนม นอกจากช่วยระบายความร้อนแล้วยังช่วยให้ต่อมเหงื่อทำงานขับของเสียออกทางผิวหนังอีกทางหนึ่ง จึงไม่จำเป็นต้องเปิดแอร์ให้ลูกตลอดเวลา เพียงใส่เสื้อผ้าที่ระบายความร้อนได้ง่าย และอยู่ในที่อากาศถ่ายเทจะดีกว่าค่ะ >>>ขอบคุณข้อมูล : สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ
คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหา โรงเรียนอนุบาลในฝัน ที่เหมาะสมให้กับลูกน้อยอยู่ เราเลยมีตัวเลือกโรงเรียนต่าง ๆ ที่อยู่ในกรุงเทพและปริมณฑลมาฝากกัน หลักสูตรจะน่าสนใจแค่ไหน และโดนใจคุณแม่กันบ้างหรือเปล่า มาดูกันเลยค่ะ โรงเรียนอนุบาลในฝัน มีที่ไหนที่น่าสนใจบ้าง มาดูกันเลย 1. โรงเรียนรุ่งอรุณ โรงเรียนตั้งอยู่บนพื้นที่สีเขียวประมาณ 50 ไร่ โดดเด่นด้านให้นักเรียนเรียนรู้อย่างเป็นองค์รวม เน้นความเป็นธรรมชาติเป็นพื้นฐาน เพื่อพัฒนาเด็ก ๆ ในแบบองค์รวมทั้งกาย ใจ สติปัญญา และสังคม เน้นลงมือทำจนเข้าถึงคุณค่าที่แท้จริงของทุกสิ่งที่เรียนรู้ สามารถนำความรู้มาประยุกต์ใช้อย่างสร้างสรรค์ มีจินตนาการ และโรงเรียนนี้ยังไม่มียูนิฟอร์ม เด็ก ๆ สามารถแต่งกายไปเรียนได้ตามความเหมาะสม ยกเว้นในวันกิจกรรมต่าง ๆ โรงเรียนรุ่งอรุณ เริ่มรับเข้าเรียน : ภาคเรียนที่ 2 เปิดเรียน เดือนกันยายน – ธันวาคม และภาคเรียนที่ 3 เปิดเรียน เดือนมกราคม – เมษายน ข้อมูลติดต่อ : https://www.roong-aroon.ac.th เบอร์โทรศัพท์ : 0 2870 7512 […]
แข็งแรง ทนทาน พับ-กางง่าย ลูกน้อยนอนสบาย นี่แหละคุณสมบัติรถเข็นเด็กที่แม่ๆต้องการ 1. รถเข็นเด็กที่แข็งแรง ทนทาน ต้องไม่มีรอยต่อหรือพับเล็กมากเกินไป โครงสร้างควรเชื่อมเป็นชิ้นเดียวกัน เพราะเมื่อผ่านการใช้งาน มักมีการขยับของข้อต่อ เป็นสาเหตุให้โครงสร้างไม่แข็งแรงและเกิดการสั่นสะเทือนเมื่อเข็นในที่ขรุขระ รถเข็นเด็กที่ดีควรมีการเชื่อมต่อส่วนที่สำคัญเป็นชิ้นเดียว จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงแม้ผ่านการใช้งานที่ยาวนาน 2. พับ-กางง่าย ด้วยมือเดียว เพราะต้องพาลูกเดินทางคนเดียวบ่อยๆ แน่นอนว่าแม่ๆ ที่ต้องเลี้ยงลูกเองไปไหนมาไหนกับลูกลำพัง เช่น ไปเดินห้าง เดินสวนสาธารณะ ต้องเลือกรถเข็นเด็กที่ให้ความคล่องตัว ใช้งานง่าย พับกางง่าย ไม่ซับซ้อน คุณแม่สามารถพับรถเข็นเด็กได้เองด้วยมือเพียงข้างเดียวได้ เพราะมืออีกข้างหนึ่งต้องอุ้มลูก พับแล้วตั้งกับพื้นได้โดยไม่ล้มกองบนพื้น จะช่วยให้คุณสามารถลากไปมาสะดวกและยังปลอดจากสิ่งสกปรกบนพื้นที่อาจเป็นอันตรายต่อลูกน้อยได้ 3. ชุด Support สำหรับเด็กแรกเกิด ชุดเบาะรองนอนสำหรับเด็กทารกเป็นสิ่งจำเป็นมาก รถเข็นเด็กแรกเกิด ควรมีหมอนรองรับสรีระเด็กทั้งศีรษะ คอ และหลัง เพราะเด็กทารกจะมีกระดูกสันหลังและคอที่ยังไม่แข็งแรง จึงต้องนอนบนเบาะที่ช่วยรองรับสรีระตั้งแต่ศีรษะ ต้นคอ หลัง และสะโพกเพื่อให้ท่านทนที่ถูกต้องหลังไม่โค้งงอผิดรูป และไม่เกิดการปิดกั้นทางเดินทางหายใจ Aprica รถเข็นเด็ก สำหรับวัยแรกเกิดอย่างแท้จริงๆ คิดค้นและวิจัยโดยกุมารแพทย์ จากประเทศญี่ปุ่น
ห้องนอนเด็กอ่อน เป็นเรื่องสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ สำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ หากกำลังวางแผนที่จะมีลูกน้อย หรือบางครอบครัวคุณแม่อาจกำลังตั้งครรภ์ และเตรียมพร้อมที่จะจัดบ้าน จัดห้องนอนเพื่อต้อนรับลูกน้อย เพราะห้องนอนที่ดีของลูกน้อยวัยทารกจะส่งผลต่อทั้งสุขภาพ พัฒนาการและอารมณ์จิตใจในอนาคต ด้วยเพราะลูกน้อยทารกต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนอน และการนอนเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ทำให้โกร๊ธฮอร์โมน หรือฮอร์โมนเพื่อการเจริญเติบโตหลั่งเต็มที่ ทำให้ลูกเติบโตอย่างมีพัฒนาการที่ดีและสุขภาพแข็งแรง ซึ่งหากลูกน้อยนอนหลับไม่เต็มที่ หรือมีสิ่งต่างๆ รบกวนเวลานอน ทำให้นอนไม่เพียงพอ ลูกจะงอแง หงุดหงิดง่าย เติบโตได้ไม่ดี แถมยังส่งผลต่ออารมณ์จิตใจ ทำให้เป็นเด็กเลี้ยงยากและอารมณ์ไม่ดี ยิ่งหากห้องนอนไม่มีการเตรียมพร้อมป้องกันอุบัติเหตุไว้อย่างดี ลูกก็อาจจะมีอันตรายในขณะนอนจนถึงชีวิตได้อีกด้วย ฉะนั้นการเตรียมพร้อมเรื่องนอนให้ลูกทารก จึงเป็นเรื่องที่ทุกบ้านต้องพิถีพิถันใส่ใจ ควรเลือกซื้อ จัดวางและเตรียมพร้อมให้ลูกในแบบที่ถูกต้อง เหมาะสม ปลอดภัย จะดีที่สุด 5 เรื่องต้องคิด ก่อนเตรียม ห้องนอนเด็กอ่อน ก่อนเลือกซื้อและจัดเตรียมอุปกรณ์ของใช้ในห้องเด็กอ่อนให้ลูกน้อย มีเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ควรพิจารณาเป็นสำคัญนั่นคือ การเลือกห้องนอนให้ลูก ซึ่งจะต้องให้ความสำคัญกับ 5 เรื่อง นั่นคือ Checklist ห้องนอนเด็กอ่อน ต้องมีอะไรบ้าง เตียงนอน ควรเป็นเตียงนอนที่ออกแบบมาสำหรับเด็กเล็กโดยเฉพาะ ซึ่งเตียงนอนเด็กอ่อน ควรเป็นเตียงที่มีความมั่นคงแข็งแรง และเป็นเตียงใหญ่พอที่จะใช้สำหรับให้ลูกเวลาโตได้อีกระยะหนึ่ง เตียงไม่มีมุมหรือเหลี่ยมแหลมคมที่เป็นอันตราย หากเป็นเตียงที่มีซี่กรง ควรมีความถี่ของซี่กรงรอบเตียงหรือราวกันตกห่างกันไม่เกิน 6 […]
Kids Item 2018-2019 ของเพจ Daddy’s day ได้แก่ แท่น แทน แท่น แท๊นนนนนน Aprica Nano smart คันนี้เลย หลายคนถามมาเรื่องรถเข็นเด็ก ว่าใช้รุ่นไหนยังไงดี ทาง Daddy’s Day ขอเลือกคันนี้เลย เอาจริงๆ รถเข็นที่บ้านมี 3 คัน ตั้งแต่ไฮเทคสุดแต่หนักมาก ไม่ไฮเทค พับง่ายแต่น้ำหนักยังหนักอยู่ จนมาลงตัวกับ Nano smart ที่สุด ชอบมากสุด ใช้ดีต้องบอกต่อเลย บ้านเราได้ทดลองใช้พาไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วย เพราะต้องเดินเยอะ แถมทางที่ไปหลายที่ มีทั้งทางเรียบ ขรุขระ ขึ้นเขาลงห้วยสารพัด รถเข็นคันนี้เอาอยู่หมด ตอบโจทย์มาก #พับเล็กพร้อมเดินทาง แบบสุดๆ 1. ที่ชอบที่สุดคือน้ำหนักเบา พกพาสะดวก เพราะรถเข็นน้ำหนักแค่ 5.6 kg เท่านั้น แบกสบาย ( มีกระเป๋าใส่มาให้ด้วยนะคะ แต่ทางเราไม่ได้ใช้เพราะรีบ ต้องแบกของเยอะ ) Daddy แบกของคนเดียวสบายๆเลย […]
เดินทางมาเกินครึ่งทางแล้วขอคารวะให้กับความสตรองของแม่ๆ แต่ยิ่งใกล้วันครบกำหนดคลอดเท่าไหร่กลับยิ่งเครียดหนักกว่าเดิม แถมร่างกายของคุณแม่ช่วงนี้ก็จะเปลี่ยนแปลงแบบเยอะมากๆ คุณแม่บ้านไหนที่กำลังกังวลเรื่องท้องเล็ก ช่วง 6 เดือนนี่แหละค่ะ ที่ท้องของคุณแม่ๆ จะเริ่มใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แถมน้ำหนักก็ยังขึ้นพรวดๆ แบบก้าวกระโดด ช่วงนี้คุณแม่จะหิวเป็นพิเศษ แถมยังต้องทานอาหารเยอะขึ้นกว่าเดิมเพราะลูกน้อยของคุณแม่กำลังช่วยใช้พลังงาน ตั้งแต่ช่วงนี้เป็นต้นไป คุณแม่อาจจะรู้สึกถึงอาการท้องแข็ง อาการท้องแข็งคือเวลาที่มดลูกของคุณแม่หดตัว ท้องของคุณแม่ก็จะแข็งนูนขึ้นมาค่ะ ซึ่งเป็นเรื่องปกตินะ ถ้าไม่ได้เกิดแบบถี่ๆ ติดต่อกัน และเพราะความเปลี่ยนแปลงเยอะแยะเหล่านี้นี่แหละ ทำให้คุณแม่อาจจะต้องดูแลช่วงครึ่งหลังนี้เป็นพิเศษ เรามาดู 6 เรื่องที่คุณแม่ท้อง 6 เดือนต้องระวังกันค่ะ 1.ความเครียดไม่ใช่เรื่องดี อันที่จริงเรื่องความเครียดก็เป็นสิ่งที่ต้องระวังตั้งแต่ตั้งครรภ์แรกๆ แล้วเนอะ แต่อย่างที่บอกค่ะ ว่าช่วงนี้คุณแม่จะเปลี่ยนไปค่อนข้างมาก อาจจะทำให้เกิดความเครียดไม่รู้ตัว เช่น คุณแม่บางคนอาจจะเป็นกังวลกับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาของตัวเอง หรือบางคนอาจจะมีอาการปวดชายโครงเพราะท้องที่ใหญ่ขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการเครียดตามมา หากคุณแม่เกิดอาการเครียดมากๆ แล้ว จะส่งผลให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนและสารเคมี ซึ่งเจ้าสารเคมีตัวนี้จะส่งผลโดยตรงกับการเจริญเติบโตของลูกน้อยในครรภ์ค่ะ คุณแม่ที่เครียดมักจะคลอดก่อนกำหนด แถมยังทำให้ลูกมีน้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์อีกด้วย 2.ไม่ใช่เวลาของกิจกรรมผาดโผน ด้วยขนาดท้องที่ใหญ่ขึ้น การทำกิจกรรมผาดโผนต่างๆ อาจเป็นการเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการกระแทกบริเวณหน้าท้อง ซึ่งเป็นอันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์อย่างยิ่งค่ะ แถมการที่คุณแม่เคลื่อนไหวตัวอย่างรวดเร็วหรือทำอะไรแบบปุปปับ ยังเป็นสาเหตุทำให้มดลูกเกิดการบีบรัดตัว เกิดอาการท้องแข็ง และถ้าเกิดคุณแม่มีอาการท้องแข็งบ่อยๆ เข้าล่ะก็ เสี่ยงคลอดก่อนกำหนดอยู่นะ 3. […]

ร้านสินค้าแม่และเด็กที่คัดสรรนวัตกรรมของใช้แม่และเด็กที่มี
คุณภาพให้คำปรึกษาและบริการ อย่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อช่วยให้การเลี้ยงลูกเป็นเรื่องง่าย ปลอดภัย และมีความสุข
Online Shopping
สาขา ปิ่นเกล้า ราชพฤกษ์
สาขา Mega บางนา
สาขา Central World
สาขา BTS วงเวียนใหญ่ (Outlet)
Copyright 2024 © Baby Gift (Retail) Co., Ltd.