ล้างจมูกเด็ก 1 ขวบ ทำยังไงให้ปลอดภัย ? เลี่ยงป่วย ร่างกายแข็งแรง !

ในเด็กเล็กที่มักจะมีปัญหาสุขภาพาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ไม่ว่าจะด้วยปัญหาฝุ่นควัน เชื้อโรค ไวรัส เป็นหวัดคัดจมูก หรือเป็นโรคประจำตัวอย่างหอบหืด เป็นภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ การล้างจมูกจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยและช่วยขจัดเชื้อโรคได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการล้างจมูกเด็ก 1 ขวบที่เด็กเล็กยังสั่งน้ำมูกไม่เป็น การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือจะช่วยขจัดเชื้อโรคและสิ่งสกปรกได้เป็นอย่างดี ในบทความนี้ BabyGift จะมาแนะนำวิธีการล้างจมูกให้ลูกน้อย ต้องเตรียมอุปกรณ์อะไรบ้าง มีขั้นตอนอย่างไร ไปดูพร้อมๆ กันเลยค่ะ
แชร์วิธีการล้างจมูกเด็ก 1 ขวบ ขจัดสิ่งสกปรกและเชื้อโรค ให้ลูกน้อยหายใจโล่งขึ้น

การล้างจมูกเป็นการทำความสะอาดโพรงจมูกด้วยการสวนล้างโดยใช้น้ำเกลือ เพื่อขจัดสิ่งสกปรกที่อยู่ภายในโพรงจมูกอย่างน้ำมูกหรือสารที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ให้หมดไป ซึ่งสามารถลดปัญหาน้ำมูกไหลลงคอ และอาการคัดจมูกได้ดี ทั้งยังช่วยให้โพรงจมูกมีความชุ่มชื้นมากขึ้นด้วย ทำให้หายใจได้โล่งขึ้นนั่นเอง ทั้งนี้ การล้างจมูกไม่ได้ทำเฉพาะในเด็กที่มีอาการป่วย หรือเป็นภูมิแพ้เท่านั้น แต่การล้างจมูกเด็ก 1 ขวบที่มีสุขภาพแข็งแรงดีก็สามารถทำได้ โดยเฉพาะในช่วงที่มีฝุ่นควันหรือมีการระบาดของโรคทางเดินหายใจ ผู้ปกครองบางคนอาจพาลูกไปข้างนอกโดยใช้เป้อุ้มเด็ก ซึ่งทำให้เด็กได้สัมผัสกับอากาศนอกบ้านดังนั้นการล้างจมูกเป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะหลังจากกลับมาบ้านแล้ว ก็จะช่วยขจัดเชื้อโรค และสิ่งสกปรกที่อยู่ภายในโพรงจมูก ทำให้ลูกน้อยมีสุขภาวะที่ดีขึ้น จะทำได้อย่างไร มาดูวิธีกันเลยค่ะ
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
- น้ำเกลือที่มีความเข้มข้น 0.9% สามารถหาซื้อได้จากโรงพยาบาลหรือร้านขายยาทั่วไป
- ถ้วยสะอาดสำหรับใส่น้ำเกลือ
- กระบอกฉีดยาพลาสติก (ไซริงค์) สำหรับเด็กเล็ก ขนาด 5 – 10 ซีซี
- ผ้าสะอาดหรือกระดาษทิชชู่
- จุกล้างจมูก
- ลูกยางแดงสำหรับดูดน้ำมูก เสมหะ ( ล้างจมูกเด็ก 1 ขวบควรใช้เบอร์ 0 – 2)
- ภาชนะรองน้ำมูก หรือถ้าไม่ใช้ภาชนะ สามารถพาลูกไปล้างจมูกที่อ่างล้างหน้าก็ได้ค่ะ
ขั้นตอนวิธีล้างจมูกเด็ก 1 ขวบ ในกรณีที่เด็กไม่ให้ความร่วมมือ และสั่งน้ำมูกเองไม่ได้

สำหรับเด็ก 1 ขวบที่ให้ความร่วมมือ และสามารถสั่งน้ำมูกเองได้ สามารถล้างจมูกให้ลูกในท่ายืนหรือนั่งตรงบริเวณอ่างล้างหน้าหรือทำให้ห้องน้ำได้เลย เพื่อป้องกันความเลอะเทอะ หรือล้างจมูกก่อนไปอาบน้ำเพื่อที่จะได้ล้างตัวลูกทีเดียวค่ะ ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
- ผู้ปกครองล้างมือถูสบู่ให้สะอาด
- นำเอาจุกล้างจมูกต่อเข้ากับกระบอกฉีดยาพลาสติก เพื่อป้องกันไม่ให้เข็มของกระบอกฉีดยากระแทกรูจมูกของลูก
- เทน้ำเกลือใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้ จากนั้นใช้กระบอกฉีดยาดูดน้ำเกลือประมาณ 0.5 ซีซี
- จ่อปลายเข็มฉีดยาชิดรูจมูกของลูก
- ค่อยๆ ฉีดน้ำเกลือเข้าไปในรูจมูกลูก โดยน้ำเกลือจะไหลออกมาจากรูจมูกอีกข้างโดยอัตโนมัติ จากนั้นให้ลูกสั่งน้ำมูกออกมา
- ใช้ผ้าสะอาดหรือกระดาษทิชชู่เช็ดน้ำมูกที่ไหลออกมา
- ทำซ้ำหลายๆ ครั้งในแต่ละข้าง จนกว่าจมูกจะสะอาดและไม่มีน้ำมูก
วิธีทำความสะอาดอุปกรณ์ที่ใช้ล้างจมูก
- กระบอกฉีดยาและภาชนะใส่น้ำเกลือ : ให้ล้างด้วยน้ำสบู่หรือน้ำยาล้างจาน และผึ่งให้แห้ง
- ลูกยางแดง : ล้างด้วยน้ำสบู่ทั้งภายนอกและภายใน จากนั้นล้างด้วยน้ำประปาจนสะอาด บีบน้ำที่ค้างในลูกยางออกจนหมด วางคว่ำในภาชนะที่สะอาด โดยคว่ำปลายลูกยางแดงลง ควรนำไปต้มในน้ำเดือดวันละ 1 ครั้ง โดยดูดน้ำเดือดเข้ามาในลูกยางแดง ต้มประมาณ 5 นาที จากนั้นบีบน้ำที่ค้างอยู่ในลูกยางแดงออกจนหมด วางคว่ำในภาชนะที่สะอาด โดยคว่ำปลายลูกยางแดงลง
ข้อควรรู้ในการล้างจมูกลูกน้อย

- การล้างจมูกไม่ควรใช้น้ำเปล่า เนื่องจากน้ำเปล่าไม่มีความสมดุลกับน้ำในเซลล์ร่างกาย หากใช้น้ำเปล่าอาจทำให้เกิดอาการสำลักและแสบในโพรงจมูกได้ รวมถึงมีโอกาสติดเชื้อเพิ่มชึ้นด้วย
- การล้างจมูกเด็กสามารถทำได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิดไปจนถึงลูกโต โดยทั่วไปแล้วการล้างจมูกสามารถทำได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึงผู้สูงวัย
- การล้างจมูกนั้นสามารถล้างได้ทุกวัน อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ช่วงตื่นนอนตอนเช้าและก่อนเข้านอน หรือเมื่อรู้สึกว่ามีน้ำมูกมากหรือรู้สึกแน่นจมูก หรือก่อนใช้ยาพ่นจมูก
- น้ำเกลือและอุปกรณ์ที่ล้างจมูกต้องสะอาด โดยเฉพาะน้ำเกลือไม่ควรใช้ขวดใหญ่ เพราะการเปิดฝาใช้บ่อยๆ อาจทำให้มีเชื้อโรคสะสมอยู่ได้ โดยทั่วไปควรใช้ขวดละ 100 ซีซี
- ห้ามนำน้ำเกลือที่เหลือในภาชนะเทกลับเข้าไปในขวดอย่างเด็ดขาด เพราะทำให้เกิดการปนเปื้อนของเชื้อโรคและไม่ถูกสุขอนามัย
- แนะนำให้ล้างจมูกเด็กตอนท้องว่าง เพื่อป้องกันการอาเจียนที่อาจเกิดขึ้นได้
ประโยชน์ของการล้างจมูกเด็ก มีอะไรบ้าง
- ช่วยกำจัดน้ำมูกเหนียวข้นที่ตกค้างอยู่ภายในโพรงจมูก ทำให้จมูกสะอาด
- ช่วยบรรเทาอาการหวัดเรื้อรัง
- ช่วยป้องกันการลุกลามของเชื้อโรคที่อยู่ภายในจมูกไม่ให้แพร่กระจายเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ
- ช่วยป้องกันการลุกลามของไซนัสไม่ให้ลงไปยังปอด
- ช่วยลดปริมาณเชื้อโรค ของเสีย และสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ และบรรเทาอาการระคายเคืองที่เกิดขึ้นในโพรงจมูก
- เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเยื่อบุโพรงจมูก
- ช่วยบรรเทาอาการแน่นจมูก หายใจไม่ออก ทำให้หายใจโล่งขึ้น ลองสังเกตดูว่า ลูกร้องงอแงไม่ยอมนอน ตื่นกลางดึก อาจเป็นเพราะหายใจไม่สะดวกหรือรู้สึกคัดจมูกหรือเปล่า การล้างจมูกเด็ก 1 ขวบ รวมถึงเด็กวัยอื่นๆ ก่อนนอน อาจช่วยบรรเทาอาการนี้ได้ค่ะ
- ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของยาพ่นจมูก โดยยาจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อจมูกโล่งสะอาด
BabyGift แนะนำสินค้าสำหรับเด็กเล็ก อำนวยความสะดวกให้ทั้งคุณแม่และคุณลูก

1. Ailebebe คาร์ซีทแรกเกิด รุ่น Kurutto R The First
คาร์ซีทนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับความปลอดภัยของลูกน้อยขณะนั่งรถยนต์ ในหลายๆ บ้านอาจต้องพาลูกน้อยนั่งรถออกไปข้างนอกบ่อยๆ จึงขอแนะนำเป็นคาร์ซีทของ Ailebebe รุ่น Kurutto R The First คาร์ซีทเพื่อเด็กแรกเกิดที่ได้การรับรองมาตรฐานใหม่ ECE R129 ผลิตจากประเทศญี่ปุ่น มี Head Support ใหม่ที่หนาขึ้น 100 มิลลิเมตร ช่วยป้องกันการกระแทกด้านข้างได้อย่างมั่นใจ โครงสร้างออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ของทารก ปกป้องลูกน้อยให้ปลอดภัยอย่างรอบด้าน ใช้งานได้ยาวนานตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 4 ขวบเลยค่ะ
จุดเด่น
- ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย ECE R129 (i – Size)
- เป็นคาร์ซีททรงไข่ Egg – Shell Protection เพื่อทารกแรกเกิดอย่างแท้จริง
- พนักพิงสามารถยุบตัวได้ จึงช่วยรองรับแรงกระแทกเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ช่วยปกป้องกระดูกสันหลังของลูกน้อย
- โครงคาร์ซีทเป็นไฟเบอร์กลาส มีความทนทาน แข็งแรง แตกหักยาก
- ผ้าที่บุคาร์ซีทสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ 99 เปอร์เซ็นต์ ด้วยพลัง Ion Silver เมื่อเจอแบคทีเรียจะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ทำลายเซลล์แบคทีเรียและทำให้เชื้อแบคทีเรียตายลง
- ด้านหลังและด้านข้างของคาร์ซีทมีช่องระบายอากาศถึง 1695 ช่อง ช่วยระบายอากาศได้ดี ไม่อับชื้น ลดการสะสมความร้อน นั่งได้นานโดยไม่รู้สึกร้อนหลัง
- มีเข็มขัดนิรภัย 5 จุด พร้อมระบบ Jumping Harness
- สามารถหมุนได้ 360 องศา ช่วยให้อุ้มลูกขึ้นลงคาร์ซีทได้อย่างปลอดภัย
- หลังคาของคาร์ซีทสามารถคลุมได้มิดชิดถึงปลายเท้า ยาว 98 เซนติเมตรช่วยป้องกันรังสี UV และปกป้องดวงตาของลูกน้อย
การใช้งาน : แรกเกิด – 4 ปี หรือน้ำหนักไม่เกิน 18 กิโลกรัม หรือความสูงระหว่าง 40 – 105 เซนติเมตร
การติดตั้ง : ระบบ ISOFIX
แบรนด์ : ประเทศญี่ปุ่น

2. PRINCE & PRINCESS เครื่องอบยูวี รุ่น Baby UV Smart Tech
การทำความสะอาดของใช้ลูกน้อยนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก เราสามารถฆ่าเชื้อโรคและไวรัสที่อาจปนเปื้อนอยู่ในอุปกรณ์ล้างจมูกเด็กด้วยเครื่องอบยูวี แนะนำเป็นแบรนด์ PRINCE & PRINCESS รุ่น Baby UV Smart Tech ที่มาด้วยดีไซน์เรียบหรูทันสมัย อบฆ่าเชื้อได้ทั้งขวดนม ของเล่น อุปกรณ์ปั๊มนม จานชาม แก้วน้ำ ช้อนส้อม และอุปกรณ์ของใช้อื่นๆ สำหรับเด็ก พิเศษด้วยการอบฆ่าเชื้อจากหลอดไฟ UV-C LED จำนวน 9 ดวง มีประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อสูง ไม่ก่อให้เกิดโอโซน ภายในเป็นวัสดุ Stainless พร้อมประตูกระจก ช่วยสะท้อนแสงยูวีรอบด้าน 360 องศา ฆ่าเชื้อทั่วถึงทุกชิ้น มั่นใจได้ว่าปลอดเชื้อและดีต่อสุขอนามัยของลูกน้อยอย่างแน่นอนค่ะ
จุดเด่น
- เป็นแบรนด์เดียวในประเทศไทย ที่มีผลวิจัยรับรองการฆ่าเชื้อ Human Coronavirus ได้ 99.9 เปอร์เซ็นต์ พร้อมผ่านการรับรองการฆ่าเชื้อไวรัส แบคทีเรีย ได้ 99.9 เปอร์เซ็นต์ จากสถาบันวิจัยระดับสากล
- การันตีคุณภาพการฆ่าเชื้อและมาตรฐานความปลอดภัยของ สคบ.
- เครื่องขนาดใหญ่ความจุ 20 ลิตร วางขวดนมได้ถึง 20 ขวด ในครั้งเดียว
- มีโหมดทำความสะอาดหลายโหมด เช่น โหมด TURBO อบแห้งรวดเร็ว โหมด UV อบฆ่าเชื้อแสงยูวี โหมด STORAGE เก็บขวดนมพร้อมฆ่าเชื้อไว้ภายในตู้ โหมด CLEAN แจ้งเตือนทำความสะอาด และโหมด SMART อบฆ่าเชื้อทุกครั้งเมื่อเปิด-ปิดประตูเพื่อลดการปนเปื้อน
- ใช้เครื่องทำความร้อน PTC Heater แบบเดียวกันกับบนเครื่องบิน ควบคุมอุณหภูมิไม่เกิน 45 องศาเซลเซียส
- มีพัดลมระบายอากาศ 2 ตัว ระบายอากาศ 2 ทิศทาง กำจัดกลิ่น แห้งไวกว่ารุ่นที่ใช้พัดลมตัวเดียว
- แจ้งเตือนด้วยแสง LED สุดคมชัด แสดงสถานะหลอด UV-C/เวลา/อุณหภูมิ พร้อม Touch Screen ระบบสัมผัสทำงานรวดเร็ว ใช้งานได้ง่าย
- ทำความสะอาดง่าย เพียงใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดตามพื้นผิว
- รับประกันสินค้านาน 2 ปี พร้อมเครื่องสำรองใช้งาน
ประเทศผู้ผลิต : ประเทศเกาหลี
การล้างจมูกเด็ก 1 ขวบไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป แต่ก็อาจจะไม่ง่ายนักสำหรับครั้งแรกเพราะเด็กๆ อาจจะงอแงหรือรู้สึกแสบจมูกจนไม่ยอมให้ล้างจมูกได้ คุณพ่อคุณแม่ต้องใจเย็นๆ ค่อยๆ บอกลูกว่าเป็นการทำความสะอาดร่างกายอย่างหนึ่ง ไม่มีอันตราย หรืออาจจะสาธิตโดยการล้างจมูกตัวเองให้ลูกดูก่อนก็ได้ เมื่อเด็กเห็นว่าเราสามารถทำได้และไม่มีอันตรายใดๆ ก็อาจจะรู้สึกกลัวน้อยลง เมื่อทำบ่อยๆ เด็กก็จะเกิดความชินและไม่งอแง เมื่อลูกโตขึ้นอีกหน่อยก็สามารถทำได้ด้วยตัวเอง เป็นการเสริมสร้างนิสัยการทำความสะอาดโพรงจมูกเป็นประจำเพื่อการมีสุขภาวะที่ดีค่ะ
ทั้งนี้ ถ้าคุณพ่อคุณแม่สนใจสินค้าอื่นๆ สำหรับแม่และเด็ก สามารถมาเยี่ยมชมสินค้าได้ที่ BabyGift ร้านจำหน่ายสินค้าแม่และเด็กระดับคุณภาพ มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี คุณพ่อคุณแม่สามารถมาเยี่ยมชมสินค้าต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ที่อำนวยความสะดวกในการล้างจมูกให้ลูกๆ หรือสินค้าอื่น ๆ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ร้านเบบี้กิ๊ฟทั้ง 4 สาขา ใกล้บ้าน หรือสอบถามผ่านช่องทาง Online ทีมงาน BabyGift ยินดีให้คำแนะนำค่ะ
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
สวัสดีแม่ๆ แฟนเพจแม่ตูนนน์กับน้องต๊าตต์นะคะ วันนี้แวะมาเขียนรีวิวกันหน่อย เป็นไอเท็มประจำบ้านที่แม่ๆ ทุกคนต้องมีเลย เป็นเครื่องอบ และฆ่าเชื้อขวดนมและของใช้ ตู้อบแห้งฆ่าเชื้อ Prince&Princess Baby UV Mini มี 4 โหมดการใช้งาน หลายคนอาจจะเคยเห็นแบรนด์นี้มาบ้างแล้ว แบบที่เป็นตู้ใหญ่ ดูหรูหรา วันนี้เอาใจคุณแม่ที่อยู่บ้านหรือคอนโดที่มีขนาดไม่ใหญ่ แม่ตูนน์อยากแนะนำตู้อบรุ่น Baby UV mini จิ๋วแต่แจ๋วมากๆ ตะแกรงมาให้เพิ่มเติมในการวางเพิ่มพื้นที่การใช้งาน ถอดเข้าออกได้ สะดวก ด้านในสามารถวางขวดนมได้ 12 ขวด ด้วยวัสดุด้านในสามารถสะท้อนกระจายแสง UV ได้ทั่วถึง โหมด UV ที่แม่ชอบใช้ เพราะใช้ฆ่าเชื้อของเล่นน้องต๊าตต์ เพราะล่วงนี้น้องชอบเอามือเอาของเล่นเข้าปาก เลยต้องหมั่นดูแลความสะอาดและเชื้อโรค ความแตกต่างของตู้อบ UV กับเครื่องนึ่ง หลังจากที่แม่ใช้เครื่องนึ่งมาเดือนนึงมาเทียบกับเครื่องอบคือ ตอนนี้ลดราคาจาก 7,990.- เหลือ 5,990.- ราคาน่ารัก ขนาดกำลังดี คุณแม่คนไหนสนใจตามลิ้งค์นี้ค่า : ตู้อบBaby UV mini ติดตามอ่านฉบับเต็มได้ที่ : Tuniez Blog เพจแม่และเด็ก : Start […]
ผ้าฆ่าเชื้อ AG Pure เป็นนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นเพื่อส่งเสริมความสะอาดและสุขอนามัยที่ดีสำหรับเด็กทารกและเด็กเล็ก ที่มีภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง ผ้าชนิดนี้จึงถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์เด็กหลายประเภท โดยเฉพาะในผ้าหุ้มคาร์ซีทแบรนด์ Ailebebe ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ผ้า AG Pure ในคาร์ซีทฆ่าเชื้อโรคได้จริงไหม ปลอดภัยสำหรับผิวบอบบางของทารกหรือไม่ มาทำความรู้จักกันเลยค่ะ AG Pure คืออะไร ? ผ้าฆ่าเชื้อแบคทีเรียปลอดภัยต่อทารกไหม ? AG Pure คือผ้าฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ที่จดสิทธิบัตรโดย Ailebebe มีคุณสมบัติพิเศษในการฆ่าเชื้อด้วยเส้นใย Agreza® ซึ่งพัฒนาขึ้นโดยสถาบัน Toyobo STC Co., Ltd. จากประทศญี่ปุ่น โดยมีการผสมซิลเวอร์ไอออน ทำให้สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ถึง 99% ผ้าชนิดนี้ได้รับการทดสอบความปลอดภัยจากสถาบัน Boken Quality Efracing Organization และผ่านมาตรฐาน EN71-3 ของยุโรป ซึ่งเป็นมาตรฐานสำหรับของเล่นเด็ก ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัยต่อผิวหนังของทารกและเด็กเล็ก แม้ในกรณีที่เด็กเอาเข้าปากก็ไม่มีอันตราย กลไกการฆ่าเชื้อของเส้นใย Agreza® ด้วยพลัง Silver ion กลไกการฆ่าแบคทีเรียจะใช้ […]
หลังจากที่ได้เห็นข่าวที่เกี่ยวกับลูกน้อย วัยกำลังเริ่มแสบซน เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนเกี่ยวกับรถที่ผู้ปกครองขับ ไม่ว่าเค้าจะชนเรา หรือเราจะชนอะไรก็ตาม มีความเสี่ยงไปหมดดดดดด คาร์ซีท หรือเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็ก เป็นวิธีที่ดีที่สุดเพื่อความปลอดภัยในการเดินทางของเด็ก โดยเฉพาะเด็กเล็กและทารก เพราะคาร์ซีทช่วยลดความเสี่ยงการเสียชีวิตและการบาดเจ็บร้ายแรงอื่น ๆ จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ ความเสี่ยงในที่นี้ คือ เจ้าตัวน้อยของเราสามารถกระเด็น พุ่งหลุดออกจากอ้อมอกอ้อมกอดเราได้ทุกเมื่อ เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ทุกเวลา ต่อให้ระวังแค่ไหนก็เกิดขึ้นได้ หากเด็กไม่ได้อยู่ในระบบยึดเหนี่ยวภายในรถอย่างเหมาะสมและเหตุนี้หลากหลายประเทศถึงมีกฎหมายออกมาเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ที่เดินทางโดยใช้รถ จำเป็นต้องติดตั้งคาร์ซีท ก่อนจะได้ออกจากโรงพยาบาล อ้อมกอดของคุณจะปลอดภัยไปทุกครั้ง เพราะเด็กน้อย จำเป็นต้องมีคาร์ซีท การเลือกคาร์ซีทให้ลูกน้อย มีมาฝากเพียง 5 ข้อ คือ 1. มาตรฐานความปลอดภัย2. เข็มขัดนิรภัย 5 จุด3. ความใหม่ของผลิตภัณฑ์4. ราคา5. ความเหมาะสมกับรถยนต์ อย่างไรก็ตาม ความสำคัญของคาร์ซีทก็มีมากมาย หากไปดูหลายๆ เคสหรือหลายๆ ข่าว ก็จะมีให้เราผู้เป็นพ่อเป็นแม่เห็น ครั้งต่อไปจะมาเล่าเรื่องฝึกการนั่งคาร์ซีทให้กับลูกน้อยให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ได้ลองศึกษาดูนะคะ ขอขอบคุณบทความจาก : monkeykids
คาร์ซีท Ailebebe รุ่น Swingmoon Seriesคาร์ซีทสำหรับเด็กเริ่มเข้าวัยเรียนรู้ ช่วงวัย 1 – 7 ปี หรือน้ำหนัก 9 – 25 kg. ที่ให้ความสบายและปลอดภัยสูงสุด(คาร์ซีท Ailebebe รุ่น Swing Moon Premium S Natural ,รุ่น Swing Moon STD) คาร์ซีทสำหรับเด็กวัย 1 – 7 ปี ปรับใช้งานได้ 2 รูปแบบตามช่วงวัย– Child Style ช่วงวัย 1-4 ปี ใช้เข็มขัดนิรภัยรถยนต์ล็อคตัวคาร์ซีท และเข็มขัดนิรภัยคาร์ซีทล็อคตัวลูกน้อยเพื่อความปลอดภัย– Junior Style ช่วงวัย 3-7 ปี ใช้เข็มขัดนิรภัยรถยนต์ล็อคตัวลูกน้อยเพื่อความปลอดภัยได้เลย เพราะด้วยน้ำหนักเด็กที่มากพอที่จะช่วยกดทับคาร์ซีทให้อยู่อย่างมั่นคงได้ เทคนิคการเลือกคาร์ซีท :ควรเลือกที่เหมาะกับน้ำหนักตัว และอายุของลูกน้อย อย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อประกอบการตัดสินใจก็ได้ เพราะเด็กบางคนอายุมากแต่น้ำหนักตัวน้อย ในขณะที่บางคนอายุน้อยแต่สูงและน้ำหนักตัวมากค่ะ ปรับเอนนอนได้ […]
หลาย ๆ คนที่เคยไปฝึกอบรมเข้าคอร์สคุณพ่อคุณแม่มือใหม่มานั้น นอกจากการสาธิตวิธีการอุ้ม วิธีการอาบน้ำเด็กแรกเกิด และวิธีดูแลเด็กเล็กในเรื่องต่างๆ แล้ว การฝึกห่อตัวทารกก็เป็นทักษะที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ควรรู้เช่นกัน การห่อตัวเด็กเล็กนั้นจะช่วยให้เด็กรู้สึกสบายตัว และรู้สึกปลอดภัย คล้ายกับยังอยู่ในครรภ์ของคุณแม่ การห่อตัวเด็กเล็กจึงช่วยให้ลูกนอนหลับได้ง่าย ทั้งยังรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ทั้งนี้ก็ต้องมี วิธีห่อตัวเด็ก อย่างถูกต้องด้วย ทำได้อย่างไร มาดูกันเลยค่ะ แชร์ วิธีห่อตัวเด็ก ที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ทำตามได้จริง นอกจากความสำคัญของการห่อตัวเด็กแล้ว ในบทความนี้ BabyGift จะพามารู้จักวิธีห่อตัวทารกในแบบต่าง ๆ รวมถึงตอบคำถามเกี่ยวกับการห่อตัวเด็ก และแนะนำผ้าห่อตัวเด็กคุณภาพดีให้กับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่กันค่ะ ตามมาอ่านเรื่องนี้กันได้ในบทความนี้เลยนะคะ ทำไมถึงต้องห่อตัวเด็กเล็ก ? การห่อตัวเด็กจำเป็นหรือไม่ ? การห่อตัวเด็กแรกเกิดนั้นจะช่วยให้เด็กสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมภายนอกได้ ทั้งยังช่วยกระชับแขนขา ช่วยลดอาการสะดุ้งตกใจจากเสียงดัง และยังช่วยรักษาความอบอุ่นให้กับลูกน้อย ทำให้ลูกไม่หนาวและนอนหลับได้นานขึ้น ทั้งยังทำให้ลูกรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย เสมือนอยู่ในครรภ์ของคุณแม่ ให้ความรู้สึกว่ากำลังถูกโอบกอดอยู่ ในเด็กบางคนที่ผวาตื่นได้ง่ายหรือนอนสะดุ้งบ่อย ๆ วิธีห่อตัวเด็กอย่างถูกวิธีก็จะทำให้นอนหลับได้นานขึ้น ร่วมกับการกล่อมลูกนอนด้วย White noise อย่างเสียงน้ำไหล เสียงฝนตก เสียงลมธรรมชาติ ก็จะทำให้ลูกหลับสนิทและผ่อนคลายได้มากขึ้น ส่งผลให้ลูกนอนหลับพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ค่ะ อย่างไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่เองก็ต้องรู้วิธีห่อตัวเด็กอย่างถูกต้องด้วยเหมือนกัน เพราะถ้าห่อตัวผิดวิธี ก็อาจส่งผลเสียต่อลูกน้อยได้ ซึ่งการห่อตัวเด็กทารกโดยหลัก ๆ แล้ว มีอยู่ 3 วิธีด้วยกัน แต่ละวิธีจะนั้นจะเป็นอย่างไร ไปดูกันเลยค่ะ วิธีห่อตัวทารก แบบต่าง ๆ มีอะไรบ้าง ? ก่อนจะไปดูวิธีห่อตัวเด็กเล็ก อันดับแรกที่จำเป็นต้องมีก็คือ ผ้าสำหรับห่อตัวลูกนั่นเอง ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งผ้าอ้อมหรือผ้าขนหนู […]
การนับอายุครรภ์คือหนึ่งในเรื่องที่สร้างความสับสนให้คุณแม่มือใหม่หลายคน และมักจะถูกถามบ่อย ๆ ว่า “ตอนนี้ท้องกี่เดือนแล้ว?” “อายุครรภ์เท่าไหร่?” ซึ่งบางครั้งคุณแม่เองก็อาจจะยังไม่แน่ใจนัก การทราบอายุครรภ์ที่แม่นยำจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะไม่ใช่แค่เพื่อตอบคำถาม แต่ยังเพื่อความปลอดภัยและพัฒนาการที่ดีของลูกน้อยในครรภ์นั่นเอง วันนี้ BabyGift จะพาคุณแม่มาไขข้อสงสัยและเรียนรู้วิธีการนับอายุครรภ์ให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำที่สุดกัน การนับอายุครรภ์สำคัญอย่างไร การนับอายุครรภ์ที่ถูกต้องและแม่นยำมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดูแลสุขภาพทั้งของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ เพราะจะช่วยให้แพทย์สามารถประเมินพัฒนาการของทารกได้อย่างเหมาะสมในแต่ละสัปดาห์ รวมถึงวางแผนการตรวจครรภ์และติดตามความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดการตั้งครรภ์ ซึ่งจะนำไปสู่การดูแลที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพสูงสุด ประโยชน์ของการนับอายุครรภ์ การนับอายุครรภ์มีประโยชน์หลายอย่างที่คุณแม่ควรรู้ ประการแรกคือช่วยให้แพทย์ประเมินพัฒนาการของทารกในครรภ์ได้ตรงตามช่วงอายุจริง เช่น ขนาดของทารก หรือการเต้นของหัวใจ ประการที่สองคือช่วยกำหนดวันคลอดที่คาดการณ์ไว้ (EDC) ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการเตรียมความพร้อมเรื่องของใช้ต่าง ๆ เช่น ของเตรียมคลอด ของใช้ลูกแรกเกิด อุปกรณ์แม่และเด็กมีอะไรบ้าง หรือการวางแผนการลาคลอด ประการที่สามคือใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจทางการแพทย์ เช่น การให้ยา หรือการทำหัตถการต่าง ๆ อย่างปลอดภัย 6 วิธีนับอายุครรภ์ที่ทำได้ด้วยตัวเอง การนับอายุครรภ์ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด คุณแม่สามารถเริ่มต้นคำนวณได้ด้วยตัวเองหลากหลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีก็มีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป 1. นับอายุครรภ์ที่นับตามวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้าย วิธีนี้เป็นวิธีพื้นฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับคุณแม่ที่จำวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้ายได้แม่นยำ โดยสูตินรีแพทย์จะเริ่มนับอายุครรภ์จากวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้ายที่มา (LMP) และใช้เป็นจุดเริ่มต้นของการตั้งครรภ์ ซึ่งปกติแล้วการตั้งครรภ์จะครบกำหนดที่ 40 สัปดาห์ หรือ 280 วัน นับจากวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้าย และสามารถนำไปคำนวณวันคลอดที่คาดไว้ได้อย่างแม่นยำ […]






