รถเข็นเด็กยี่ห้อไหนดี แนะนำรถเข็นเด็ก พร้อมวิธีการเลือกซื้อ

การเลือกซื้อรถเข็นคันแรกให้ลูกน้อย อาจจะเป็นปัญหาชวนปวดหัวสำหรับคุณพ่อคุณแม่ เพราะปัจจุบันรถเข็นเด็กมีหลากหลายรูปแบบให้เลือกเยอะมากมาย จนหลายคนตัดสินใจไม่ถูก ว่าจะเลือกรถเข็นเด็กยี่ห้อไหนดี ? ต้องดูที่อะไรบ้าง ให้เหมาะกับลูกน้อยในวัยแรกเกิด และตรงตามไลฟ์สไตล์คุณพ่อคุณแม่ วันนี้ Baby Gift มีคำตอบ . . .

“ เพราะ รถเข็นเด็ก ทุกคัน
ไม่ได้เหมาะกับเด็กแรกเกิดทุกคัน ”
หลายคนยังเข้าใจผิดว่า รถเข็นเด็ก แต่ละคัน ดูๆแล้วก็คล้ายๆกัน น่าจะใช้เหมือนๆ กันแต่ในความเป็นจริง แล้วเด็กแรกเกิดมีความบอบบางและต้องการการดูแลเป็นพิเศษ รถเข็นเด็กสำหรับเด็กแรกเกิดจึงต้องมีคุณสมบัติเฉพาะที่นอกจากจะช่วยปกป้องสรีระของลูกน้อย แล้วยังช่วยเสริมพัฒนาการรอบด้าน สร้างสุขอนามัยที่ดี และสร้างรอยยิ้มแห่งความสุขให้ทั้งคุณแม่และลูกน้อยได้อีกด้วย
เลือกรถเข็นเด็ก ให้เหมาะกับช่วงวัยแรกเกิด
นอกจากคาร์ซีทแล้ว รถเข็นเด็ก ก็เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ต้องคำนึงถึงเรื่องของอายุเด็กเป็นสำคัญ เพราะรถเข็นเด็กทุกคันไม่ได้เหมาะกับเด็กทุกคนโดยเฉพาะเด็กในช่วงวัยแรกเกิด หรือเด็กทารกที่ต้องการการดูแลใส่ใจมากเป็นพิเศษ เราจึงควรเลือกรถเข็นเด็กที่มีคุณสมบัติต่อไปนี้ จะช่วยให้เด็กนอนหลับในรถเข็นเด็กได้อย่างสบายและมีสุขภาพดี

1. มีชุดหมอน Newborn Support ที่บริเวณคอและสะโพก
เด็กแรกเกิดช่วงคอและกระดูกสันหลังยังไม่แข็งแรง และต้องการได้รับการปกป้องเป็นพิเศษ การมีชุดหมอน Newborn Support เสริมบริเวณคอและสะโพก จะช่วยประคองให้ศีรษะและหลังยืดเป็นเส้นตรง ให้ลูกนั่งรถเข็นได้อย่างปลอดภัย ไม่ทำให้ลูกคอพับโงนเงน หรือเอนไปมา และยังช่วยให้ลูกน้อยหายใจได้สะดวก เติมออกซิเจนเข้าไปเลี้ยงสมองในขณะหลับได้อย่างเต็มที่
2. เลือกเบาะรถเข็นที่ปรับนอนได้ 170 องศา
ไม่ควรเลือกเบาะรองนอนที่ปรับนอนได้น้อยเกินไปหรือมากเกินได้ แต่ควรเลือกเบาะปรับได้ 170 องศา เพราะเด็กทารกมีกิจกรรมหลักคือ การทานนมและนอน เบาะที่ปรับให้ศีรษะสูงขึ้นเล็กน้อย (ในระดับ 170 องศา) จะช่วยลดโอกาสเกิดภาวะกรดไหลย้อนในเด็กได้ ยิ่งสมัยนี้มีการออกแบบเบาะรถเข็นเด็กตามหลัก Baby Ergonomic Design ทำให้เราสามารถปรับระดับองศาเบาะนอนแบบแยกส่วนตั้งแต่ศีรษะ กลางลำตัวและปลายเท้าได้ ตามพัฒนาการของลูกรัก ทำให้ช่วยปกป้องต้นคอ กระดูกสันหลัง และปลายเท้าได้อย่างสมบูรณ์มากขึ้น

3. เข็นได้นิ่ง ไม่สั่นสะเทือนจนทำให้ลูกน้อยสะดุ้งตกใจ
รถเข็นเด็กส่วนใหญ่ใช้เวลาเดินทางออกนอกบ้าน บางครั้งอาจเจอพื้นผิวถนนที่ขรุขระ ให้ลองจินตนาการว่าถ้าเราต้องนั่งรถไปในที่ขรุขระ รถที่เรานั่งจะเขย่าเราจนมืนและเวียนหัวได้เลยทีเดียว เด็กก็เช่นกัน ดังนั้นรถเข็นเด็กควรมีระบบกันกระแทกอย่างดี จะช่วยไม่ให้เกิดการสั่นสะเทือน ทำให้ลูกน้อยนอนหลับได้สนิท ไม่รู้สึกถูกเขย่าหรือสั่นตลอดเวลา ซึ่งปัจจุบันก็มีรถเข็นเด็กหลายๆรุ่นที่มีโช๊คบริเวณล้อ หรือเสริมระบบลดแรงสั่นสะเทือนใต้ที่นั่งเพื่อให้ลูกน้อยรู้สึกแฮปปี้ตลอดการเดินทาง
4. มีหลังคาที่ปกป้องลูกน้อยได้จาก รังสี UV
เพราะเด็กมีผิวบอบบาง และดวงตาที่ยังไม่พร้อมสู้แสงจ้า หลังคาบังแดดที่สามารถคลุมได้มิดชิดจะช่วยปกป้องผิวและดวงตาลูกน้อยจากแสง UV ได้ดี และแม้ไม่ได้อยู่กลางแดดหลังคา ก็ยังมีความสำคัญเพราะช่วยปกป้องดวงตาลูกน้อยที่กำลังนอนหงายมิให้ปะทะกับแสงจ้าจากหลอดไฟบนเพดานได้
5. รถเข็นมีความสูงจากพื้น ไม่น้อยกว่า 50 ซม.
นอกจากจะช่วยให้ลูกรักอยู่ไกลจากฝุ่นและสิ่งสกปรกบนพื้นถนนซึ่งเป็นแหล่งของเชื้อโรคได้แล้ว เบาะรองนอนที่สูงยังช่วยให้ลูกน้อยอยู่ห่างจากพื้นที่มีความร้อนสะสมได้อีกด้วย

6. รถเข็นที่สามารถปรับเข็นได้ 2 ทิศทาง
พ่อและแม่คือบุคคลที่เด็กให้ความไว้วางใจมากที่สุด เมื่อนำลูกลงนอนในรถเข็นเด็กคุณพ่อคุณแม่ควรอยู่ในตำแหน่งด้านหน้า เพื่อให้ลูกน้อยได้เห็นหน้าตลอดเวลา ซึ่งจะช่วยให้ลูกมั่นใจว่าแม้คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้อุ้มอยู่แต่ก็ยังอยู่ใกล้ๆ เสมอ หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเด็กร้องไห้เพราะไม่ชอบนั่งรถเข็นเด็กโดยไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเค้าแค่กำลังร้องเรียกหาคุณพ่อคุณแม่ที่หายไปจากสายตาเค้าต่างหาก
7. เลี้ยวได้ง่าย ล้อหมุนได้ดีเวลาเลี้ยว ไม่ใช้แรงเยอะจนเกินไป
ล้อรถเข็นเด็กทั่วไปจะหมุนได้ 360 องศาเฉพาะคู่หน้า ซึ่งถ้าคุณต้องเข็นลูกจากด้านหลังของลูกก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าในกรณีที่คุณพ่อคุณแม่ต้องดูแลลูกในวันแรกเกิด การเข็นลูกในตำแหน่งจากด้านหน้าของลูกจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก รถเข็นเด็กที่มีล้อสามารถหมุนได้ 360 องศาทั้ง 4 ล้อจะช่วยให้คุณสามารถควบคุมทิศทางการเข็นได้ง่ายมากๆ แต่ข้อควรระวังคือควรเลือกซื้อรถเข็นที่หมุนครั้งละ 2 ล้อเท่านั้น (เมื่อยืนอยู่ด้านหลัง ปล่อยให้ล้อหมุนเฉพาะคู่หน้า และเมื่อยืนอยู่ด้านหน้าก็ควรให้ล้อหมุนเฉพาะคู่หลัง) มิเช่นนั้นจะควบคุมทิศทางไม่ได้เลย
8. เบาะรถเข็นระบายอากาศได้ดี ลูกนั่งไม่ร้อน
เพราะเด็กทารกมีรูขุมขนเล็กและระบบการปรับอุณหภูมิในร่างกายยังทำงานได้ไม่เต็มที่ จึงทำให้การระบายเหงื่อเป็นไปได้ช้า ความร้อนในตัวถูกกักเก็บไว้ใต้ผิวหนังเด็กจึงเหงื่อออกได้มากโดยเฉพาะในเวลานอน บริเวณศีรษะและหลังจึงมักชุ่มเหงื่อตลอดเวลาแม้จะอยู่ในห้องแอร์ก็ตาม
รถเข็นเด็กทารกที่ดีควรจะมีช่องระบายอากาศที่หลังเบาะและแผ่นฉนวนกันความร้อนสีเงิน ที่นอกจากจะช่วยระบายเหงื่อจากหลังเด็กเพื่อระบายความอับชื้นแล้วยังช่วยสะท้อนความร้อนจากภายนอกไม่ให้สะสมที่หลังเด็กได้ดีอีกด้วย
วัสดุของเบาะรถเข็น ที่สัมผัสผิวหนังของเด็กโดยตรง ควรมีคุณสมบัติระบายอากาศได้ดี จะช่วยลดความอับชื้นช่วยให้ศีรษะและหลังของลูกไม่เปียกแฉะในเวลานอน

เลือกรถเข็นเด็ก ตามไลฟ์สไตล์พ่อแม่
นอกจากการเลือกรถเข็นเด็กตามวัยของลูกรักแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ ไลฟสไตล์ ของคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งในปัจจุบันมีการออกแบบรถเข็นออกมาหลายรูปแบบให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมหลายแบบหลายสไตล์ จะมีอะไรบ้างไปดูกันค่ะ . . .



1. คุณพ่อคุณแม่ที่ชื่นชอบเดินทางท่องเที่ยว
คุณพ่อคุณแม่ ที่รักการเดินทางท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ เมื่อมีลูกน้อยก็อยากพาลูกน้อยไปเปิดประสบการณ์ใหม่ไปพร้อมๆกัน การที่มีรถเข็นที่มีขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป ก็จะทำให้เก็บเข้าด้านหลังรถได้แม้จะเป็นรถเล็ก หรือนำขึ้นเครื่องได้อย่างสบาย ส่วนแม่ๆที่ตัวเล็กแถมสัมภาระของตัวเองก็เยอะแล้ว การมีรถเข็นที่น้ำหนักเบา ยกง่าย พับสะดวก ก็จะช่วยให้การเดินทางพาลูกเที่ยว สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นค่ะ
สำหรับบ้านไหนที่มีแพลนพาลูกขึ้นเครื่องบิน ไม่ต้องกังวลเรื่องรถเข็นใหญ่เกินไป เอาขึ้นเครื่องไม่ได้แล้วค่ะ เพราะปัจจุบันหลายๆสายการบินสามารถนำรถเข็นลงไปเก็บใต้ท้องเครื่องแ ละเมื่อถึงปลายทางก็ไปที่จุดรับคืนได้เลยสะดวกสบายมากๆ แต่ควรเลือกรถเข็นที่พับเก็บได้ง่าย และมีน้ำหนักเบา เพราะเวลาขึ้นเครื่องจะต้องพับและกางอยู่บ่อยครั้ง ตรงนี้ก็จะช่วยให้คุณแม่คล่องตัวในการเดินทางมากขึ้น




2. เลือกรถเข็นที่มีดีไซน์และสีสัน ถูกใจคุณพ่อคุณแม่
ปัจจุบันมีรถเข็นนอกจากจะมีฟังชั่นให้ความสะดวกสบายแล้ว ยังมีสีสันเยอะแยะมากมายให้คุณพ่อคุณแม่ได้เลือกตามความชอบ ไม่ว่าจะเป็น สีดำเทาเรียบหรูดูเท่ หรือสีชมพูที่ให้ความหวานๆ คุณพ่อคุณแม่สามารถเลือกรถเข็นตามสไตล์ที่ชอบ รวมถึงสีที่ถูกใจได้เลยค่ะ
ส่วนคุณสมบัติรถเข็นเด็กอื่นๆที่ คุณพ่อคุณแม่อาจพิจารณาเพิ่มเติม มีอะไรบ้าง ไปดูกันค่ะ . . .
- เบาะที่นั่ง สามารถถอดซักทำความสะอาดได้เองง่ายๆที่บ้าน หรือนำเข้าซักเครื่องซักผ้าได้
- พื้นที่ใส่ของด้านล่าง ขนาดใหญ่ ที่สามารถเก็บสัมภาระลูกน้อยและคุณแม่ได้ครบ
- ราคาขายต่อ เมื่อลูกน้อยโตพอที่จะไม่ใช้งานแล้ว
- การรับประกันสินค้า และการบริการหลังการขาย รวมถึงความพร้อมของทีมงานและอะไหล่ทดแทน
เป็นยังไงกันบ้างคะ กับเคล็ดลับวิธีการเลือกรถเข็นเด็ก ที่เบบี้กิ๊ฟนำมาฝาก บ้านไหนกำลังวางแผนซื้อรถเข็นให้ลูกสักคัน ลองเอาไปปรับใช้กันดูนะคะ หรือ พาลูกน้อยมาลองรถเข็นเด็ก ได้ที่ BabyGift ทั้ง 5 สาขา ใกล้บ้านคุณ เรายินดีให้คำแนะนำ พร้อมสาธิตการใช้รถเข็นเด็กอย่างถูกวิธี
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
ตัดเล็บทารก หน้าที่นี้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่มักจะแอบเกร็งเลยใช่ไหมคะ เพราะนิ้วลูกยังเล็กมาก เล็บก็ยังอ่อนและเปราะบาง คุณพ่อคุณแม่เลยกลัวว่าจะตัดเล็บเข้าเนื้อทำให้ลูกน้อยเจ็บตัวได้ แต่อย่ากลัวเลยค่ะ เพราะเรามี ”วิธีการตัดเล็บทารก” มาแชร์ให้อ่านกัน วิธีตัดเล็บนี้จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่มีความมั่นใจในการตัดเล็บให้ลูกน้อยมากขึ้น ตัดเล็บทารก เรื่องง่าย ๆ ถ้ารู้วิธีที่ถูกต้อง พร้อมอุปกรณ์ที่เหมาะสม ตัดเล็บทารก ควรตัดบ่อยแค่ไหน เล็บมือทารกจะยาวขึ้นวันละ 0.1 มม. ส่วนเล็บเท้าจะยาวช้ากว่า เด็กเล็กจึงควรตัดเล็บมือเฉลี่ย 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ และเล็บเท้า 2-3 ครั้งต่อเดือน ซึ่งช่วงเดือนแรกลูกน้อยเล็บยังนิ่ม แต่ก็สามารถบาดผิวลูกได้ จึงแนะนำให้ใช้การตะไบมากกว่าการตัด แต่หลังจากนั้นเล็บจะแข็งแรงขึ้น สามารถเลือกใช้ตะไบตัดเล็บหรือกรรไกรก็ได้ แล้วแต่ความถนัดของคุณพ่อคุณแม่ วิธีตัดเล็บทารก ตัดเล็บทารกให้ไม่เข้าเนื้อ ตัดเล็บเข้าเนื้อ อันตรายกว่าที่คิด การตัดเล็บให้ลูกน้อยอย่างไม่เชี่ยวชาญ ใช้อุปกรณ์ตัดเล็บไม่เหมาะสม และไม่ระวังมากพอ อาจทำให้ตัดเข้าเนื้อ เล็บฉีก จนลูกน้อยบาดเจ็บเลือดไหล และอันตรายไปถึงขั้นติดเชื้อได้เลยนะคะ จากข้อมูลเพจเรื่องเล่าจากโรงหมอ ได้นำเสนอข่าวเด็กวัยสิบเดือนที่ยายตัดเล็บให้ จากนั้นนิ้วโป้งเท้าของเด็กก็เริ่มบวม แดง อักเสบ มีไข้สูง เมื่อพาไปพบคุณหมอก็ได้ข้อวินิจฉัยว่าเด็กนิ้วเท้าอักเสบและติดเชื้อในกระแสเลือด คุณหมอจึงขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่นำรูปมาโพสต์เตือนให้พ่อแม่ทุกคนระวังในการตัดเล็บลูกน้อยมากขึ้น เห็นแบบนี้แล้วคุณพ่อคุณแม่ต้องเลือกอุปกรณ์ตัดเล็บให้เหมาะกับวัยของลูกและควรตัดอย่างระมัดระวังมากขึ้นนะคะ ที่ตัดเล็บเด็ก ควรใช้แบบไหนให้ปลอดภัย 1. กรรไกรตัดเล็บเด็ก 2. […]
แพมเพิส หรือผ้าอ้อมสำเร็จรูป เรียกว่าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับเด็กเล็กที่จะใช้กันตั้งแต่แรกเกิด เพราะว่าช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สะดวกสบายมากขึ้น ประหยัดเวลาในการซักทำความสะอาด แถมเวลาออกจากบ้านก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการเปื้อนเลอะ ซึ่งคุณแม่หลายๆ คนอาจจะมีคำถามในใจว่าจะให้ลูกเลิกแพมเพิสกี่ขวบดี ดังนั้นในบทความนี้ BabyGift จะมาไขข้อข้องใจให้กับคุณแม่กันค่ะ ให้ลูกเลิกแพมเพิสกี่ขวบดี ? ชวนคุณแม่ทำความเข้าใจก่อนให้ลูกเลิกใช้แพมเพิส หนึ่งในคำถามยอดนิยมของเหล่าคุณแม่ก็หนีไม่พ้นเรื่องที่ว่าจะให้ลูกเลิกใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปเมื่อไหร่ดี เนื่องจากเรื่องของค่าใช้จ่าย ความกังวลที่ว่าลูกจะติดแพมเพิส ความสะดวกสบายในการสวมใส่ของเด็ก ฯลฯ อีกมากมาย สำหรับเรื่องของช่วงเวลาของการเลิกแพมเพิสนั้นจะเป็นยังไงบ้าง เรามาดูรายละเอียดกันเลยค่ะ เลิกแพมเพิสกี่ขวบดี ? ถ้าจะถามว่าควรเลิกใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปเมื่อไหร่ดี จริงๆ ไม่ได้มีกำหนดตายตัวค่ะ อยากให้ดูจากความพร้อมของลูก และคุณพ่อ คุณแม่ มากกว่า เด็กบางคน 8 เดือนก็เลิกได้แล้ว บางคนก็มาเลิกได้ตอนช่วงก่อนเข้าโรงเรียนในช่วง 3 – 4 ขวบ ดังนั้น BabyGift จึงพูดได้ว่าไม่ได้มีกำหนดเวลาตายตัวจริงๆ และคุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ควรไปกดดันน้องๆ ให้ลูกของเรามีความพร้อมจะดีที่สุดค่ะ ซึ่งสิ่งสำคัญคือต้องอดทนและให้กำลังใจเด็ก เพราะว่าการฝึกขับถ่ายเป็นก้าวสำคัญของพัฒนาการ และแต่ละคนมีจังหวะที่แตกต่างกัน ไม่ควรกดดันหรือเปรียบเทียบกับเด็กคนอื่น และหากว่าคุณแม่มีข้อกังวลอื่นๆ อาจปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำค่ะ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่า ลูกของเราพร้อมที่จะเลิกแพมเพิส ? สิ่งสำคัญของเรื่องนี้คือ ให้ลูกสบายใจ […]
คาร์ซีทเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมีสำหรับลูกน้อยของเราตั้งแต่ช่วงแรกเกิดไปจนถึงอายุ 6 ปี เพื่อความปลอดภัยขณะนั่งรถยนต์ ประกอบกับมีการออกกฏหมายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม 2566 ให้ใช้คาร์ซีทในเด็กที่อายุไม่เกิน 6 ปี ยกเว้นรถรับจ้างหรือรถสาธารณะ ดังนั้นทุกบ้านควรจะต้องเตรียมคาร์ซีทให้พร้อมตั้งแต่ก่อนคลอด เพราะต้องให้ลูกน้อยนั่งตั้งแต่วันแรกที่ออกจากโรงพยาบาล ปัจจุบันคาร์ซีทก็มีหลายแบบมาก คุณพ่อคุณแม่หลายท่านอาจจะยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกแบบไหนดี หรือจะเลือกคาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี ที่มีคุณภาพดี ปลอดภัยได้มาตรฐาน และใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้ BabyGift มีมาแนะนำแล้วค่ะ จะเลือกคาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี ? แนะนำวิธีเลือกคาร์ซีทเด็กแรกเกิด มั่นใจได้ในเรื่องคุณภาพและความปลอดภัย ผู้ปกครองบางท่านอาจเกิดคำถามขึ้นมาว่า ทำไมต้องใช้คาร์ซีทสำหรับลูกน้อย ขอบอกว่า คาร์ซีทนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ ค่ะ คาร์ซีทเป็นอุปกรณ์เสริมที่ติดตั้งในรถยนต์ของคุณพ่อคุณแม่เพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเด็กๆ ในขณะที่นั่งรถยนต์ เพื่อป้องกันหากเกิดอุบัติเหตุไม่คาดคิด คาร์ซีทจะช่วยลดโอกาสบาดเจ็บรุนแรง หรือลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตได้ ซึ่งคาร์ซีทก็มีหลายแบบมาก มีตั้งแต่คาร์ซีทเด็กแรกเกิด คาร์ซีทแบบกระเช้า คาร์ซีทสำหรับเด็กเล็ก และคาร์ซีทสำหรับเด็กโต นอกจากจะมีหลากหลายแบบแล้วก็ยังมีหลายยี่ห้อด้วย แล้วจะเลือกอย่างไรดี จะเลือกคาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี ? ให้กับลูกรักของเรา มารู้จักกับแต่ละประเภทของคาร์ซีทให้มากขึ้นก่อน ไปดูยี่ห้อที่ BabyGift แนะนำกันค่ะ คาร์ซีทเด็กแรกเกิด […]
ถึงเวลาเปลี่ยนคาร์ซีทกันแล้วหรือยังคะ ? เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ที่เข้ามาอ่านบทความนี้ก็คงจะมีประสบการณ์เลือกคาร์ซีทเด็กเล็กกันมาบ้างแล้ว ตอนนี้กำลังมองหาคาร์ซีทเด็กโตให้กับเจ้าตัวน้อยที่กำลังนั่งตัวเดิมแล้วดูอึดอัดกันอยู่ใช่หรือเปล่าคะ ? ในบทความนี้ BabyGift จะชวนคุณพ่อคุณแม่มาดู 10 รุ่นคุณภาพดี พร้อมกับแนะนำการเลือกคาร์ซีทสำหรับเด็กโตกัน ลองมาดูกันว่า เมื่อเจ้าตัวเล็กของเราเริ่มจะโตขึ้น เราต้องใส่ใจกับเรื่องอะไรบ้าง มีคาร์ซีทรุ่นไหนบ้างที่น่าสนใจ มาหาคำตอบกันได้จากบทความนี้ค่ะ 10 คาร์ซีทเด็กโตคุณภาพดี แนะนำรุ่นฮิต ถูกใจคุณพ่อคุณแม่ by babyGift ! การเลือกคาร์ซีทนั้น นอกจากจะเลือกตามอายุ น้ำหนัก หรือส่วนสูงของลูกน้อยแล้ว อายุการใช้งานของคาร์ซีทก็เป็นสิ่งที่เราควรจะพิจารณาเป็นพิเศษ ก่อนที่เราจะไปดูคาร์ซีทสำหรับเด็กโตทั้ง 10 รุ่นที่ BabyGift แนะนำ จะขอพาผู้อ่านทุกคนมาทำความเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสำคัญ และประเด็นต่างๆ ที่ควรจะพิจารณาก่อนเปลี่ยนคาร์ซีทกันก่อนค่ะ คาร์ซีทเด็กโต จำเป็นไหม ? ทำไมเด็กโตถึงยังต้องใช้คาร์ซีท สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ให้ลูกนั่งคาร์ซีทตั้งแต่เป็นยังเป็นเด็กเล็กก็คงจะไม่มีปัญหาเรื่องการฝึกลูกนั่งคาร์ซีท แต่สำหรับบ้านไหนที่เด็กๆ เริ่มโตแล้ว และจะต้องนั่งคาร์ซีทตามข้อกฏหมายอันมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค. 2566 เป็นต้นมา ก็ไม่ต้องกังวลไปนะคะ การฝึกลูกนั่งคาร์ซีทไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป แต่ก็ยังมีคุณพ่อคุณแม่บางคนอาจจะเกิดคำถามในใจว่า คาร์ซีทสำหรับเด็กโต มีความจำเป็นไหม ? ซึ่งคาร์ซีทสำหรับเด็กโตนั้น […]
เมื่อลูกน้อยอายุประมาณ 5 เดือนขึ้นไป ฟันซี่แรกก็จะเริ่มขึ้น ฟันจะค่อย ๆ ดันเหงือกขึ้นมา ทำให้ลูกเริ่มมีอาการคันเหงือก เจ็บเหงือก ลูกเลยชอบที่จะหยิบของเล่นเข้าปากเพื่อกัดเล่น เคี้ยวเล่น ให้ผ่อนคลายอาการคันเหงือกนี้ แต่เพื่อความสะอาด เพื่อความปลอดภัยกับเหงือกและฟันซี่แรกของลูกน้อย คุณพ่อคุณแม่จึงมักจะมองหายางกัดมาให้ลูกน้อยได้กัดเล่น แต่ยางกัดเด็ก ไม่ใช่อะไรก็ได้นะคะ คุณพ่อคุณแม่ต้องมั่นใจด้วยว่า วัสดุไร้สารเคมี นุ่มอ่อนโยนสำหรับเด็ก รูปทรงไม่เป็นอันตราย และไม่ทำให้เหงือกและฟันของลูกน้อยบาดเจ็บ แล้วแบบนี้จะเลือกยางกัดเด็กอย่างไรดี เด็กแรกเกิดใช้ยางกัดได้ไหม เรามีคำตอบมาให้ในบทความนี้ค่ะ ยางกัดเด็ก ลดคันเหงือก แบบไหนดี ? ลูกควรใช้ได้ตอนอายุเท่าไหร่ สามารถเริ่มเล่นยางกัดได้ตั้งแต่อายุ 3 เดือน ขึ้นไป เนื่องจากยางกัดเด็กสามารถเป็นของเล่นเสริมพัฒนาการได้ หรือ เมื่อลูกอายุประมาณ 5 เดือน ให้คุณพ่อคุณแม่ลองสังเกตอาการลูก ว่ามักจะหยิบของเล่นทุกอย่างมากัดเล่นหรือเปล่า พอกัดไม่ได้เนื่องจากของเล่นนั้นแข็งเกินไป ระคายช่องปาก ก็จะทำให้ลูกร้องไห้งอแง เริ่มมีน้ำลายไหลมากขึ้นด้วย อาการเหล่านี้บ่งบอกว่าลูกอยากหาอะไรกัดเคี้ยวเล่นเพื่อบรรเทาอาการคันเหงือก ก็สามารถเริ่มใช้ยางกัดเด็กได้แล้วค่ะ ยางกัดเด็กมีกี่ประเภท พร้อมวิธีการเลือกยางกัดที่พ่อแม่ต้องรู้ ! 1. ยางกัดเด็กแบบซิลิโคน ยางกัดเด็กแบบซิลิโคน จะผลิตจากซิลิโคนฟู้ดส์เกรด BPA Free100% […]
ว่ากันว่า “น้ำนมของแม่นั้นดีที่สุด” มีคำแนะนำทางการแพทย์ว่าควรให้ทารกกินนมแม่ไปจนถึงอายุ 2 ขวบหรือนานกว่านั้น แม้ว่าลูกน้อยจะอายุ 6 เดือนขึ้นไปแล้ว ก็ควรกินน้ำนมของแม่ร่วมกับการกินอาหารอื่น ๆ เพื่อเสริมคุณค่าทางโภชนาการ เพราะในน้ำนมของแม่นั้นมีความสำคัญต่อลูกน้อยมาก ๆ ในน้ำนมมีสารอาหารที่ดีต่อลูกน้อยหลายอย่าง ทั้งยังมีภูมิคุ้มกันที่ช่วยปกป้องลูกน้อยให้แข็งแรง นอกจากนี้ การให้ลูกกินน้ำนมของแม่ก็ยังมีข้อดีต่อตัวคุณแม่เองด้วยเช่นกัน ประโยชน์ของนมแม่ มีอะไรบ้างนั้น มาดูกันเลยค่ะ ประโยชน์ นมแม่ อาหารเปี่ยมคุณค่าสำหรับลูกน้อย นมแม่นั้นเป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารกแรกเกิด เพราะเต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ และช่วยเสริมภูมิต้านทานโรคให้กับลูก ประโยชน์ของนมแม่ช่วยลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วย และในขณะที่ทารกกินน้ำนมจากเต้าของนั้น ก็เป็นการช่วยสร้างความผูกพันระหว่างแม่กับลูกด้วย ทั้งยังทำให้ทารกรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยนอกจากนี้ สำหรับคุณแม่เอง การให้ลูกกินนมก็ยังจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ และเบาหวาน โดยองค์การอนามัยโลก และยูนิเซฟมีคำแนะนำเกี่ยวกับการให้นมของแม่เอาไว้ดังนี้ค่ะ ประโยชน์ของนมแม่ มีอะไรบ้าง ? ชวนรู้ การให้นมลูกก็มีประโยชน์ต่อคุณแม่เองด้วย ประโยชน์ของนมแม่ นอกจากจะดีต่อลูกน้อยแล้ว การที่คุณแม่ให้นมลูก ก็มีข้อดีต่อตัวคุณแม่เองด้วย ดังนี้ Tips ในการให้นม สำหรับคุณแม่มือใหม่ เมื่อได้รู้ประโยชน์ของนมแม่กันแล้ว เชื่อว่าคุณแม่หลายๆ ท่านก็อยากจะให้ลูกน้อยของเราได้กินนมตั้งแต่แรกเกินไปจนถึงอายุ 2 – 3 ขวบ แต่ในบางคนก็ต้องกลับไปทำงานประจำหลังพ้นช่วงลาคลอด […]