เดินบ่อยๆ จะทำให้ลูกคลอดง่ายจริงหรือ

พอใกล้คลอด คุณแม่หลายคนก็มองหาวิธีหรือเคล็ดลับที่จะทำให้คลอดลูกง่าย หรือคุณแม่บางคนก็อาจจะเริ่มหาข้อมูลตั้งแต่เริ่มท้องเลยก็ว่าได้ คุณแม่สมัยนี้ส่วนใหญ่มักจะเลือกผ่าคลอดกันอยู่เยอะ เพราะสามารถเลือกฤกษ์งามยามดี แถมไม่ต้องทนเจ็บท้อง หรือรอลุ้นว่าจะปวดท้องคลอดตอนไหน ส่วนคุณแม่ที่อยากคลอดธรรมชาติ ก็อาจจะเคยได้ยินมาว่าการเดินบ่อยๆ จะช่วยทำให้คลอดลูกได้ง่าย ความเชื่อนี้จริงหรือไม่ แล้วถ้าจริง มันเป็นไปได้ยังไง สำหรับในบทความนี้ เรานำความรู้ดีๆ มาฝากกันค่า

ประโยชน์ของการเดิน

1.การเดินเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่ง

        แน่นอนว่าคุณหมอต่างก็แนะนำให้คุณแม่ท้องทุกคนออกกำลังกายเบาๆ ไม่หักโหม หรือไม่ออกแรงมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นเล่นโยคะ ว่ายน้ำ หรือแม้แต่การเดิน เพราะการออกกำลังกายจะทำให้คุณแม่และลูกน้อยมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และรับออกซิเจนได้เต็มปอด

2. การเดินช่วยกระตุ้นฮอร์โมน

        การเดินจะช่วยหลั่งฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่มีชื่อเรียกว่าออกซิโตซิน ซึ่งสร้างมาจากต่อมใต้สมอง เจ้าฮอร์โมนตัวนี้เป็นฮอร์โมนที่จะหลั่งออกมากระตุ้นให้มดลูกหดบีบตัว และทำให้ลูกน้อยออกมาลืมตาดูโลกได้อย่างไม่นานเกินรอค่ะ

3.เรียนรู้จังหวะการหายใจ

        ในตอนที่คุณแม่เดิน ก็เหมือนกับคุณแม่ได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง เรียนรู้ลมหายใจ เรียนรู้การหายใจเข้า หายใจออก อย่าลืมว่าการหายใจเข้าออกแต่ละครั้งก็ควรทิ้งช่วงห่าง อย่าหายใจถี่เกินไป เพราะจะทำให้คุณแม่เหนื่อยมากขึ้นกว่าเดิม คุณแม่ที่คุ้นชินกับการหายใจจะช่วยให้สามารถบังคับแรงเบ่งได้ในตอนคลอดได้ด้วยนะ

ข้อเสียของการเดินที่เยอะเกินไป

        การที่ทำอะไรเกินความพอดีก็ล้วนแต่จะมีข้อเสียทั้งนั้นแหละเนอะ การเดินมากเกินไประหว่างตั้งครรภ์ก็เช่นกันนะคะ ลองมาดูกันดีกว่า ว่าข้อเสียจากการเดินมากเกินไประหว่างตั้งครรภ์คืออะไร

1.ปวดเมื่อยตามร่างกาย

        คุณแม่ที่เดินมากเกินไปอาจรู้สึกปวดเมื่อยตามร่างกาย โดยเฉพาะคุณแม่ที่ไม่ได้อบอุ่นร่างกายก่อนที่จะเริ่มการออกกำลังกายนี้ หรือบางทีคุณแม่อาจจะเดินไม่ถูกท่า ทำให้เกิดอาการเมื่อยล้าตามร่างกายได้ค่ะ

2.เหนื่อยง่าย หน้ามืด

        ถ้าคุณแม่เดินเยอะเกินไปอาจมีอาการหน้ามืด และรู้สึกเหนื่อยมากกว่าปกติ เพราะร่างกายไม่สามารถรับออกซิเจนเข้าไปได้ทัน หากคุณแม่เผชิญกับอาการแบบนี้ แนะนำให้นั่งพัก จิบน้ำ แล้วหายใจเข้าลึกๆ เพื่อให้นำออกซิเจนเข้าไปในร่างกายให้ได้มากที่สุดน้า

เคล็ดลับการเดินให้เกิดประโยชน์ 

ใส่รองเท้าที่รองรับฝ่าเท้า : ในปัจจุบันนี้มีรองเท้าหลากหลายแบรนด์ที่ทำมาเพื่อแม่ท้องโดยเฉพาะค่ะ โดยรองเท้าที่ทำขึ้นมาพิเศษนี้จะช่วยรองรับฝ่าเท้า ไม่นิ่มเกินไป และไม่แข็งเกินไป เหมาะสำหรับใช้ใส่ออกกำลังกายเป็นอย่างยิ่งเลยล่ะค่ะ อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่ารองเท้าที่ดีควรจะพอดีเท้า ไม่หลวม หรือไม่คับเกินไปด้วยนะคะ

ใส่เสื้อผ้าที่สวมใส่สบาย ไม่ฟิตเกินไป : คุณแม่ควรสวมเสื้อผ้าที่ใส่สบาย ระบายเหงื่อได้ ส่วนกางเกงควรจะมีลักษณะที่เอื้อต่อการเดิน แนะนำให้เป็นกางเกงที่ออกแบบมาเพื่อการออกกำลังกายโดยเฉพาะ และไม่แนะนำให้ใส่กางเกงยีนส์ตอนเดินนะคะ เพราะนอกจากจะอึดอัดแล้ว ผ้าที่แข็งของยีนส์อาจไปสีบริเวณขาของคุณแม่ได้อีกด้วยนะ

เดินด้วยความเร็วที่เหมาะสม : การเดินด้วยความเร็วที่ช้าเกินไปหรือเร็วเกินไปล้วนไม่ได้เป็นประโยชน์สำหรับคุณแม่เลยล่ะค่ะ เพราะการเดินที่เร็วเกินไป อาจทำให้คุณแม่ต้องรับแรงกระแทกที่เกิดจากการเดิน และอาจสะเทือนไปถึงลูกน้อยได้ ก็เหมือนกันกับการเดินที่ช้าเกินไปค่ะ คุณแม่อาจจะคิดว่าเดินช้านั้นดี ความจริงก็ดีนะ แต่ว่าต้องเป็นการเดินที่ช้าแบบกำลังดี เพราะถ้าคุณแม่เดินช้าเกินไป อาจทำให้คุณแม่รู้สึกปวดบริเวณน่อง แถมยังอาจทำให้รู้สึกท้อที่จะออกกำลังอีกด้วยน้า

ใช้เวลาในการเดินอย่างเหมาะสม : เราแนะนำให้คุณแม่เดินวันละ 20-30 นาที เพราะเป็นระยะเวลาที่เหมาะสม เรียกได้ว่ากำลังได้เหงื่อ และไม่เป็นการหักโหมมากเกินไป แต่ว่า ถ้าคุณแม่ท้องใหญ่มาก แต่ยังต้องการที่จะออกกำลังกายด้วยการเดินแล้ว คุณแม่อาจจะลดเวลาเหลือกสัก 10 นาที เพื่อไม่ให้ร่างกายรู้สึกเหนื่อยและหอบมากเกินไปก็ได้นะคะ

ไม่ควรรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำก่อนเดินมากเกินไป : การดื่มน้ำหรือทานอาหารมากไปก่อนเริ่มออกเดินจะทำให้คุณแม่จุกและเสียดท้องค่ะ แนะนำให้คุณแม่เริ่มเดินหลังจากรับประทานอาหารไปแล้วซัก 30 นาทีจะดีกว่า จะได้เดินได้ต่อเนื่องแบบสบายๆ เนอะ

  เห็นมั้ยคะว่าการเดินมีประโยชน์มากกว่าที่คิด อีกทั้งยังเป็นการออกกำลังกายที่เรียกได้ว่าง่ายสุดๆ แถมยังไม่ต้องใช้อุปกรณ์เยอะแยะหรือมีราคาแพง คุณแม่ที่กำลังมองหาการออกกำลัง แถมยังต้องการคลอดน้องได้ง่ายไปในเวลาเดียวกัน ลองมองการเดินเป็นตัวเลือกดูดีมั้ยคะ ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่าลืมดูน้ำหนักของท้องของเราด้วยน้า เพราะถ้าคุณแม่ท้องใหญ่มาก การเดิน 20-30 นาทีต่อวันอาจไม่ใช่การออกกำลังกายที่ดี ลองดูกันนะคะ

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00

บทความแนะนำ

เมื่อเริ่มตังครรภ์ มีเจ้าตัวเล็กเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย คุณแม่ทุกคนก็ต้องตื่นเต้นอยากเจอหน้าลูกและสงสัยว่า พัฒนาการทารกในครรภ์ ไปถึงไหนแล้วใช่ไหมคะ เราจึงนำพัฒนาการของลูกน้อยตลอดเก้าเดือนที่อยู่ในท้องของคุณแม่มาให้ชมกัน เบบี้กิ๊ฟขอแสดงความยินดีกับคุณแม่ทุกท่านด้วยนะคะ ลูกน้อยตัวโตแค่ไหนแล้ว เราลองเทียบกับผลไม้ให้ดูค่ะ พัฒนาการทารกในครรภ์ ที่คุณแม่มือใหม่ต้องรู้ พัฒนาการทารกในครรภ์ เดือนที่ 1 พัฒนาการทารกในครรภ์เดือนที่ 1 คุณแม่ส่วนใหญ่จะรู้ตัวว่าตั้งครรภ์ก็เข้าเดือนที่สองไปแล้ว เพราะว่าในเดือนแรกนี้จะเป็นช่วงที่ไข่กับอสุจิเข้าผสมกัน มีการแบ่งเซลล์แล้วก็ฝังตัวของเอ็มบริโอ ซึ่งในระยะนี้เจ้าหนูน้อยก็จะเล็กจิ๋วมาก ๆ เลยล่ะค่ะ มีขนาดไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตรเท่านั้นเอง ส่วนการพัฒนาหลัก ๆ ก็จะเป็นการพัฒนาในส่วนของรก เพื่อเตรียมพร้อมรอรับสารอาหารจากคุณแม่ พัฒนาการทารกในครรภ์ เดือนที่ 2  พัฒนาการทารกในครรภ์เดือนที่ 2 เดือนนี้แหละที่คุณแม่หลาย ๆ ท่านจะเริ่มรู้ตัว มีอาการแพ้ท้อง แล้วก็ไปหาคุณหมอเพื่อการฝากครรภ์กันแล้ว ในช่วงเดือนนี้ลูกน้อยจะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก ประมาณ 2-3 เซนติเมตร แต่ก็จะยังไม่ได้รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของรูปร่างอะไรมากมาย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการพัฒนาของระบบประสาท เนื้อเยื่อเส้นใยประสาท แล้วก็ไขสันหลัง คุณแม่สามารถทำอัลตราซาวด์เพื่อฟังเสียงหัวใจของลูกน้อยเต้นได้แล้วนะคะ พัฒนาการทารกในครรภ์เดือนที่ 3 ทารกในครรภ์จะมีน้ำหนักประมาณ 28 กรัม และมีความยาวประมาณ 7.6 ซ.ม. แล้วค่ะ […]

วันนี้ BabyGift จะมาแชร์วิธีการเลือกคาร์ซีทแรกเกิดในฉบับของคุณแพรว เพชรแพรว อัครเตชวาทิน หรือ แม่ PRAEW จากเพจ PRAEW ให้ดูกันค่ะ เพื่อเป็นแนวทางให้แม่ๆทุกคน ที่กำลังมองหาคาร์ซีทแรกเกิดดีๆสักตัวให้เจ้าตัวน้อยอยู่ แต่ไม่รู้จะเลือกอย่างไรดี ต้องให้ความสำคัญตรงไหนเป็นพิเศษ วันนี้เราสรุปมาให้แล้วค่ะ 6 เทคนิคเลือกซื้อคาร์ซีทแรกเกิดในแบบของ แม่ PRAEW 1. วัสดุต้องดี แข็งแรง แม่ PRAEW ให้ความปลอดภัยมาเป็นอันดับ 1 โครงสร้างต้องมีมาตรฐาน วัสดุต้องดี แข็งแรงทนทาน ไม่ก๊อกแก๊ก และต้องเข้าใจด้วยค่ะว่าในแต่ละส่วนของร่างกายเด็ก หรือแรงที่เด็กจะได้รับจากการเกิดอุบัติเหตุใช้วัสดุป้องกันที่แตกต่างกันในการปกป้องตัวเด็ก เช่น แรงกระแทกแรงๆ EPS Foam จะป้องกันได้ดีกว่า ส่วนแรงกระแทกเบาๆ แผ่นโพลี่ยูรีเทน จะช่วยป้องกันได้ดีกว่า คาร์ซีทที่เมอใช้อยู่ มีวัสดุที่หลากหลายมาก มีทั้ง EPS Foam ที่เป็นวัสดุโครงสร้างหลัก และแผ่นโพลี่ยูรีเทนที่เสริมเข้ามาบริเวณที่นั่ง ศีรษะและสะโพกทั้ง 2 ด้าน เรียกได้ว่าทุกส่วนออกแบบมาให้รองรับทุกส่วนอย่างดีที่สุดค่ะ  อีกสิ่งที่แพรวรู้มา คือเวลาที่เกิดอุบัติเหตุ เด็กที่อยู่บนคาร์ซีทจะได้รับอันตรายจากแรงกระแทกซ้ำๆ […]

เลือกคาร์ซีทที่ปลอดภัยที่สุด จำเป็นต้องเลือกระบบ ติดตั้งคาร์ซีท ที่ดีที่สุดด้วย…จริงหรือ? คุณพ่อคุณแม่หลายคนเห็นแบบนี้แล้วคงสงสัยว่าจริงหรือว่า ติดตั้งคาร์ซีท ระบบการติดตั้งไม่เหมือนกัน ความปลอดภัยก็ไม่เหมือนกันด้วย มาทำความรู้จักกับระบบ ติดตั้งคาร์ซีท กันก่อนว่ามีกี่ระบบ และจะเลือกการติดตั้งอย่างไรให้เหมาะกับรถยนต์ที่คุณใช้ค่ะ ISOFIX คืออะไร? ISOFIX เป็นระบบ ติดตั้งคาร์ซีท แบบใหม่ที่ได้รับมาตรฐานจากสากล และมีใช้อยู่ทั่วโลกทั้งในเอเชียและยุโรป ซึ่งเป็นระบบ ติดตั้งคาร์ซีท สำหรับเด็กที่เพิ่มความปลอดภัยให้กับลูกน้อยได้อย่างมาก โดยไม่ต้องใช้เข็มขัดนิรภัยเพราะระบบ ติดตั้งคาร์ซีท แบบISOFIX นั้นเป็นการยึดติดคาร์ซีทด้วยตัวยึด ISOFIX ที่มีความแข็งแรง แน่นหนาตามมาตรฐานสากล และระบบ ISOFIX ยังช่วยเพิ่มความสะดวกในการ ติดตั้งคาร์ซีท ให้กับคุณพ่อคุณแม่อีกด้วย เนื่องจากปกติแล้วการ ติดตั้งคาร์ซีท จะมี 2 ระบบคือ (ที่เขียนรวมให้ย่อหน้านี้เพราะ ถ้าเผื่อพ่อแม่บางคนเป็นคนไม่ชอบอ่านก็จะอ่านตรงนี้แล้วรู้ว่า ISOFIX คืออะไรแล้วมันดียังไงนะคะ…^^) ISOFIX มีประโยชน์อย่างไร? ติดตั้งคาร์ซีท ด้วยระบบISOFIX ช่วยลดความผิดพลาด เรื่องการเสี่ยงต่อการ ติดตั้งคาร์ซีท ที่ผิดวิธี เนื่องจากคุณพ่อคุณแม่มือใหม่บางท่านอาจสับสน และ ติดตั้งคาร์ซีท ผิดพลาด เช่น ดึงสายเข็มขัดนิรภัยไม่แน่นหนาพอ เป็นต้น ซึ่งเมื่อเกิดอุบัตเหตุจริง จะทำให้เข็มขัดนิรภัยของรถยนต์ที่ใช้ ติดตั้งคาร์ซีท นั้นหลุดออก เป็นสาเหตุที่จะทำให้ลูกน้อยเกิดอันตรายได้ จากผลการทดลองเมื่อ ติดตั้งคาร์ซีท ด้วยระบบ ISOFIX จะมีความปลอดภัยมากกว่า เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ตัวล็อกISOFIX ช่วยยึดติดกับโครงสร้างรถยนต์ได้มั่นคงกว่าจะไม่เกิดการคลาดเคลื่อนจากเบาะรถยนต์ ลดการกระทบกระเทือนกับลูกได้น้อยกว่า ระบบISOFIX ติดตั้งยังไง 1.มาตรวจสอบก่อนว่าที่รถของคุณสามารถ ติตดั้งคาร์ซีท ระบบISOFIX ได้หรือไม่ โดยการตรวจสอบตามในคลิปด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ 2.เมื่อรู้แล้วว่ารถของคุณ ติดตั้งคาร์ซีท ระบบISOFIX ได้ งั้นก็ลองมาติตดั้งคาร์ซีทกันเลยค่ะ โดยทำตามคลิปวิธีการ ติดตั้งคาร์ซีท จากด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ

แม่ใบเตย-พ่อแมน ปลื้มใจ ที่ได้ตัวช่วยดีๆอย่างรถเข็น Aprica เข็นพาลูกออกไปไหนมาไหนก็ลื่นสมูทไม่มีสะดุด ช้อปปิ้งนานแค่ไหน น้องเวทมนต์ ก็นอนสบายหลับสนิทไม่งอแง การมีรถเข็นเด็กแรกเกิดดีๆสักคันที่แม่ไว้วางใจ การพาลูกออกไปเดินเล่นนอกบ้าน ก็ไม่ใช่เรื่องยากคุณแม่ใบเตยเลือก รถเข็น Aprica รุ่น Optia Cushion Premuim พา น้องเวทมนต์ ไปข้างนอกแบบสบายๆ ปรับเป็นแบบเข็นไปเห็นหน้าลูกไปก็ได้ สบายใจหายห่วงสุดๆ ตามมาส่องความน่ารัก ” น้องเวทมนต์ “ ลูกสาวตัวน้อยของแม่ใบเตย-พ่อแมนสุดน่ารักกันเลยค่า BabyGift ยินดีแนะนำรถเข็นที่เหมาะกับลูกน้อยและไลฟ์สไตล์คุณพ่อคุณแม่ ทักมาปรึกษาได้เลยค่า

การเตรียมตัวสำหรับเด็กแรกเกิดนั้นมีสิ่งต่าง ๆ ที่ต้องเตรียมพร้อมอยู่หลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นคาร์ซีท เป้อุ้มเด็ก รถเข็นเด็ก เปลนอน ขวดนม ผ้าอ้อมสำเร็จรูป ของใช้ประจำตัวลูก ฯลฯ และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ เตียงนอนเด็กแรกเกิดซึ่งจำเป็นสำหรับลูกน้อยมาก ๆ ปัจจุบันมีคำแนะนำว่าควรมีเตียงนอนแยกจากเตียงพ่อแม่ โดยสามารถตั้งไว้ข้างๆ เตียงของพ่อแม่ได้ แต่ไม่ควรอุ้มทารกมานอนเตียงเดียวกับเรา เพื่อป้องกันการนอนทับลูกขณะหลับ ทั้งยังช่วยป้องกันลูกตื่นเวลาที่เราเผลอพลิกตัว ทำให้ลูกได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ เตียงนอนสำหรับเด็กมีกี่แบบ จะเลือกอย่างไรดี มียี่ห้อไหนน่าใช้บ้าง BabyGift มีข้อมูลมาฝากแล้วค่ะ  เตียงนอนเด็กแรกเกิดจำเป็นหรือไม่ นอนกับพ่อแม่ได้หรือเปล่า ?  เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่หลายๆ คนอาจเกิดความสัยขึ้นมาว่า เตียงนอนเด็กแรกเกิดนั้นมีความจำเป็นหรือไม่ สามารถให้ลูกนอนเตียงเดียวกับเราได้หรือเปล่า ? ปัจจุบันมีคำแนะนำว่าไม่ควรให้เด็กทารกนอนเตียงเดียวกับพ่อแม่ เพราะมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายกับลูก ข้อมูลจาก สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล  กล่าวไว้ว่า เด็กมีโอกาสเสียชีวิตจากการถูกทับโดยพ่อแม่จนขาดอากาศหายใจและเสียชีวิต เช่น ในคุณพ่อคุณแม่บางคนที่หลับลึก นอนหลับสนิทมาก หรือรับประทานยาบางชนิดที่ทำให้หลับลึก เช่น ยาแก้หวัด หรือยาชนิดอื่น ๆ ที่ทำให้หลับสนิทก็อาจเผลอพลิกตัวนอนทับลูกโดยไม่รู้ตัวจนทำให้ลูกขาดอากาศหายใจได้ หรือผ้าห่มของผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักอาจไปคลุมศีรษะเด็ก ทำให้หายใจไม่สะดวก หรือมีโอกาสที่ลูกจะถูกหมอนทับหน้าทำให้ขาดอากาศหายใจได้เช่นกัน แม้กระทั่งคุณพ่อคุณแม่นอนดิ้นและอาจเบียดลูกตกเตียงได้ ดังนั้นแล้ว เตียงนอนเด็กแรกเกิดโดยเฉพาะที่แยกที่นอนลูกเป็นสัดส่วนจึงสำคัญและจำเป็นมาก ๆ […]

สำหรับครอบครัวที่มีลูกเล็กๆ ส่วนใหญ่การทำความสะอาดขวดนม จะใช้วิธีการต้ม หรือนึ่ง โดยเป็นการฆ่าเชื้อโรคด้วยความร้อนสูง ซึ่งเหมาะกับพาชนะที่เป็นแก้ว หรือซิลิโคน ส่วนขวดนมแบบพลาสติกการใช้ความร้อนสูงมากๆ ทุกวันจะทำให้ขวดนมพลาสติกและจุกนมเสื่อมสภาพเร็วขึ้นกว่าปกติ และเกิดการปล่อยสารต่างๆ ออกมาจากพลาสติกนั้น เช่น สารพวกโพลีเมอร์ หรือฟอร์มัลดีไฮด์ปนเปื้อนออกมาจากพลาสติกที่เสื่อมสภาพ แถมยังทิ้งไอน้ำไว้ที่ก้นขวด ซึ่งไอน้ำนี้อาจมีเชื้อแบคทีเรียแฝงอยู่ ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ได้มีการคิดค้นการฆ่าเชื้อโรค โดยรังสี UV ที่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้กับหลากหลายผลิตภัณฑ์ เช่น ขวดนมพลาสติก ยางกัด จานชาม หรือแม้แต่อุปกรณ์อเลกทรอนิก มาทำความรู้จักกับ หลอดรังสี UV-C ที่หลายคนสงสัยว่า ฆ่าเชื้อโรคได้จริงไหม? รังสี UV คืออะไร แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ประกอบด้วยรังสี 2 ส่วนคือ รังสีที่มองเห็นได้และมองไม่เห็นรังสีที่มองเห็นได้ จะมี 7 สี แต่จะสามารถเห็นต่อเมื่ออากาศมีความชื้นสูง รังสีจากดวงอาทิตย์ตกกระทบกับน้ำในอากาศ เราจะสามารถมองเห็นสีทั้ง 7 ได้ ที่เรียกว่า “รุ้งกินน้ำ” นั่นเอง รังสีที่มองไม่เห็น คือพลังงานในรูปคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่แผ่ออกมาจากดวง อาทิตย์ มี 2 ส่วนคือ สำหรับครอบครัวที่มีลูกเล็กๆ […]

Menu
All Categories
All Brands
All Ages
Promotions
Locations
BabyGift Family
BabyGift Care
Parents Guide
News & Event

All Categories

All Categories
All Brands
All Ages

Kid