หมอนรองให้นม คืออะไร ? จำเป็นแค่ไหน ? มีแล้วให้นมลูกได้ดีขึ้นจริงหรือ ?!

หมอนให้นม เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้แม่และทารกรู้สึกสบายขณะให้นม มักจะมีรูปทรงคล้ายตัว C หรือ U ซึ่งช่วยรองรับทารก วัสดุส่วนใหญ่จะอ่อนโยน เพื่อไม่ผิวลูกเกิดอาการระคายเคือง ตัวหมอนหรือเบาะควรมีความนุ่ม ระบายอากาศได้ดี และทำความสะอาดได้ง่าย ซึ่งในบทความนี้ BabyGift จะชวนแม่ๆ มารู้จักหมอนรองให้นมกันให้มากขึ้น พร้อมยี่ห้อดีๆ มาแนะนำกันค่ะ 

รู้จัก หมอนรองให้นม ตัวช่วยคุณแม่ให้นมลูกที่สะดวก สบายขึ้น ! 

หมอนที่ใช้รองให้นมเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้การให้นมแม่สะดวกสบายมากขึ้น โดยเฉพาะสำหรับแม่มือใหม่หรือแม่ที่ต้องให้นมบ่อยๆ เพราะช่วยรองรับน้ำหนักทารกขณะให้นม ลดความเมื่อยล้าของแขนและไหล่แม่ หมอนให้นมจะช่วยจัดท่าให้นมที่เหมาะสม ทำให้ทารกดูดนมได้ง่ายขึ้น ช่วยลดอาการปวดเมื่อยหลัง และคอของแม่ จึงเรียกได้ว่าเป็นอุปกรณ์ช่วยอำนวยความสะดวกที่ไม่ว่าคุณแม่น้ำนมเยอะ หรือน้ำนมน้อยต้องมีติดบ้านไว้กันเลยหล่ะค่ะ (อ่านเรื่องวิธีกระตุ้นน้ำนม เพิ่มเติมได้อีก BabyGift มีเขียนไว้แล้วค่ะ) 

ข้อดีของการใช้หมอนรองให้นม  

การใช้หมอนเพื่อให้นมนั้น มีข้อดีหลายประการ ซึ่งช่วยให้การให้นมลูกสะดวกสบายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น มาดูกันค่ะว่ามีข้อดีอะไรบ้าง 

  1. ช่วยรองรับน้ำหนักของทารก : ไม่ต้องใช้แขนและมือของคุณแม่ในการอุ้มลูกมากเท่าไหร่ ช่วยป้องกันอาการปวดเมื่อยจากการอุ้มลูกเป็นเวลานาน
  2. ปรับท่าทางให้เหมาะสม : ช่วยให้อุ้มลูกให้อยู่ในระดับที่เหมาะกับเต้านม ทำให้ลูกสามารถดูดนมแม่ได้ง่ายขึ้น เข้าเต้าได้ง่ายขึ้น ลดการเกร็งคอของลูก
  3. ช่วยบรรเทาความเครียด ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลังและไหล่ของคุณแม่ : ช่วยให้คุณแม่นั่งในท่าที่สบายขึ้น ไม่ต้องก้มหรือเอียงตัวมากเกินไป ป้องกันอาการปวดหลังและไหล่จากการให้นมในท่าที่ไม่ถูกต้อง
  4. เพิ่มความสะดวกสบายสำหรับคุณแม่หลังผ่าตัดคลอด : ป้องกันไม่ให้น้ำหนักของลูกกดทับบริเวณแผลผ่าตัด ช่วยให้คุณแม่สามารถให้นมได้สะดวกขึ้นในช่วงที่ยังมีอาการเจ็บแผล
  5. ปรับใช้ได้หลากหลายท่าทางการให้นม : สามารถใช้ได้กับหลายท่าการให้นม เช่น ท่าอุ้มฟุตบอล หรือท่านอนตะแคง
  6. ป้องกันการหลับในขณะให้นม : การมีหมอนรองรับจะช่วยลดความเสี่ยงที่คุณแม่จะหลับและทำลูกตกได้
  7. เพิ่มความมั่นใจในการให้นม : การมีอุปกรณ์ช่วยอาจทำให้คุณแม่มือใหม่รู้สึกมั่นใจในการให้นมมากขึ้น

แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหมอนให้นมจะมีประโยชน์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะจำเป็นสำหรับคุณแม่ทุกคน บางคนอาจรู้สึกสบายกว่าเมื่อไม่ใช้หมอน ดังนั้นควรเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตนเองและลูกที่สุดค่ะ 

วิธีเลือกหมอนรองให้นม 

การเลือกหมอนที่ใช้ช่วยคุณแม่สำหรับให้นมที่เหมาะกับการใช้งานนั้น สำคัญมากสำหรับความสะดวกสบายของทั้งตัวแม่และลูก ซึ่งจะช่วยสร้างประสบการณ์ที่สบาย และผ่อนคลายมากขึ้น เราลองมาดูกันค่ะ ว่าต้องดูปัจจัยอะไรบ้าง 

  1. รูปทรงและขนาด : เลือกรูปทรงที่ถนัด และเหมาะกับสรีระของคุณแม่และลูก ส่วนขนาดควรพอดีกับรูปร่างของคุณแม่
  2. ความกระชับและการรองรับสรีระ : ต้องกระชับแนบตัวลูกและคุณแม่ เพราะการรองรับสรีระทารกได้ดี จะช่วยให้อุ้มได้ถูกท่า และสำหรับหมอนรูปตัวยูควรปรับสายได้เพื่อให้แนบกระชับกับเอวคุณแม่
  3. วัสดุและคุณภาพ : เลือกวัสดุที่อ่อนโยน ไม่ระคายเคืองผิวทารก นุ่ม ระบายอากาศได้ดี ทำความสะอาดง่าย ทนทานต่อการใช้งาน และการซักบ่อยๆ
  4. การออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ : องศาของหมอนต้องเหมาะกับทารก การออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์และกระดูกสันหลังของทารกจะช่วยให้ทารกนอนในท่าที่ถูกต้อง
  5. ราคาและคุณภาพ : เลือกโดยคำนึงถึงความคุ้มค่าระหว่างราคาและคุณภาพ
  6. ความเอนกประสงค์ : สามารถใช้งานได้หลากหลาย เช่น รองนั่ง รองนอนทารก
  7. ความปลอดภัย : ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีส่วนประกอบที่อาจเป็นอันตรายต่อทารก
  8. รีวิวและคำแนะนำ : ตัดสินใจโดยการอ่านรีวิวจากคุณแม่ที่มีประสบการณ์คนอื่นๆ หรือขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญอย่าง BabyGift ได้เลยนะคะ

แนะนำ ท่าอุ้มลูกให้นมที่ถูกต้อง มีอะไรบ้าง ? 

แต่ละท่ามีข้อดีแตกต่างกัน คุณแม่สามารถเลือกใช้ท่าที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายและความสะดวกสบายของตนเองและลูกได้ อีกทั้งการสลับท่าให้นมก็อาจช่วยลดอาการปวดเมื่อยได้อีกด้วย ลองมาดูวิธีการอุ้มให้นมในแต่ละท่ากันค่ะ 

  1. ท่าลูกนอนขวางบนตัก (Cradle hold) : ท่านี้เหมาะกับคุณแม่ที่คลอดเองตามธรรมชาติโดยไม่มีภาวะแทรกซ้อน โดยให้ลูกนอนตะแคงบนตักแม่ ให้หันหน้าเข้าหาตัวแม่ ให้ศีรษะลูกอยู่สูงกว่าลำตัวเล็กน้อย ท้ายทอยวางบนแขนแม่ ส่วนมือและแขนแม่ประคองตัวลูกไว้ มืออีกข้างของแม่ประคองเต้านม ท่านี้ช่วยให้แม่ และลูกสบายตัว และมองหน้ากันได้ขณะให้นม
  2. ท่าลูกนอนขวางบนตักแบบประยุกต์ (Modified/cross cradle hold) : เหมาะสำหรับคุณแม่ที่คลอดเองตามธรรมชาติโดยไม่มีภาวะแทรกซ้อน ช่วยในการนำลูกเข้าอมหัวนมได้ดีขึ้น ท่านี้จะคล้ายกับท่าแรก แต่จะใช้มือข้างเดียวกับที่ประคองเต้านม ประคองลูกเอาไว้ และมืออีกข้างรองรับต้นคอและท้ายทอยของลูก จะช่วยควบคุมการเคลื่อนไหวของศีรษะลูกให้เข้าหาเต้านมได้ดีกว่า
  3. ท่าอุ้มลูกฟุตบอล (Clutch hold หรือ Football hold) : เหมาะสำหรับแม่ที่ผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง, คุณแม่ที่มีเต้านมใหญ่หรือลูกตัวเล็ก หรือคุณแม่ที่คลอดลูกแฝด วิธีการก็คือ ให้ลูกอยู่ในท่ากึ่งตะแคงกึ่งนอนหงาย ขาชี้ไปทางด้านหลังของแม่โดยมือแม่จับที่ต้นคอและท้ายทอยของลูก กอดลูกให้กระชับกับสีข้าง ให้ลูกดูดนมจากเต้านมข้างเดียวกับมือที่จับลูกส่วนมืออีกข้างประคองเต้านม ท่านี้จะช่วยลดแรงกดทับบนแผลผ่าตัดหน้าท้อง และเหมาะกับแม่ที่มีเต้านมใหญ่หรือลูกตัวเล็ก และแม่ลูกแผดที่ให้ลูกดูดนมพร้อมกันได้
  4. ท่านอน (Side lying position) : เหมาะสำหรับแม่ที่ผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องและต้องการพักผ่อน หรือให้นมลูกเวลากลางคืน วิธีการคือให้แม่และลูกนอนตะแคงเข้าหากัน โดยแม่นอนศีรษะสูงเล็กน้อย หลังและสะโพกตรง ให้ปากของลูกอยู่ตรงกับหัวนมของแม่ มือด้านล่างประคองตัวลูกให้ชิดลำตัวแม่ (อาจใช้ผ้าหรือหมอนช่วยหนุนหลังลูกแทนแขนของแม่ก็ได้) และใช้มือด้านบนประคองเต้านมในช่วงแรกที่เริ่มให้ลูกดูดจนกว่าลูกจะดูดได้ดีจึงเอามือออกก็ได้ค่ะ

BabyGift แนะนำ หมอนรองให้นม คุณภาพดี น่าใช้ ! 

1. MOTHERY หมอนรองให้นม เอียง 11 องศา 

หมอนให้นมเป็นตัวช่วยสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่จะช่วยคุณแม่มือใหม่ให้เลี้ยงลูกได้อย่างสะดวก สบายมากขึ้น MOTHERY เป็นหมอนรองให้นมที่พัฒนาโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้วยการออกแบบเอียง 11 องศา ทำให้การเข้าเต้าเป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณแม่  

จุดเด่น 

  • มีหลายสีให้เลือก สีสันสวยงาม ใช้งานง่าย ถูกใจคุณแม่ 
  • ดีไซน์แบบ U-curve ช่วยให้ลูกเข้าเต้าได้ด้วยองศาที่ดีที่สุด 
  • Back Support ช่วยลดอาการปวดเมื่อยให้กับคุณแม่ถึง 5 จุด 

2. ERGOBABY หมอนรองให้นม Nursing Pillow Natural Curve

ERGOBABY เป็นหมอนให้นมที่มีความอ่อนนุ่มแต่ก็มีความแน่นกระชับในตัวด้วย ช่วยลดความเมื่อยล้าจากการให้นม พกพาสะดวก หยิบใช้ง่าย เพราะมีหูจับ ใช้เป็นหมอนรองให้ลูกนอนช่วยย่อยก็ได้ คุณพ่อก็ใช้ได้ ใช้ง่าย เนื้อแน่นไม่ยุบตัว  

จุดเด่น  

  • หมอนรองให้นมที่ออกแบบมาให้โค้งรับตามหลักสรีรศาสตร์ 
  • ใช้ได้นานหลากหลายช่วงวัย ตั้งแต่เป็นหมอนที่ช่วยให้นมช่วยให้เข้าเต้าในวัยแรกเกิด เป็นหมอนให้ลูกนอนช่วยให้ผู้ปกครองป้อนขวดนมได้ง่ายขึ้น และเป็นหมอนใช้ฝึกคว่ำตัวในวัย 6 เดือน เป็นต้น 
  • มีสายคาดตัว ล็อกได้แนบตัวไม่ไหลหลุด ทำความสะอาดได้ ถอดปลอกซักเครื่องได้

3. SANDESICA หมอนให้นม

SANDESICA เป็นหมอนคุชชั่นคุณภาพพรีเมี่ยมจากประเทศญี่ปุ่น ที่ออกแบบมาเพื่อวางเด็กทารกขณะให้นมโดยเฉพาะ มีร่องให้ลูกอยู่กับที่ได้ไม่เอียงไปมาขณะให้นม มาพร้อมเข็มขัดที่สามารถปรับให้กระชับกับลำตัวได้ ช่วยให้แม่ลดอาการปวดหลังได้ 

จุดเด่น  

  • ช่วยรับน้ำหนักบริเวณสะโพก ซัพพอร์ตการอุ้มลูกให้นมในหลายๆ ท่า สามารถอุ้มท่าอุ้มลูกฟุตบอลได้ 
  • หมอนนุ่ม รับน้ำหนักได้สบาย ใช้งานง่าย มีเข็มขัดล็อก 

หมอนให้นมเป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้การให้นมลูกสะดวกสบายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยช่วยรองรับน้ำหนักของทารก ช่วยลดอาการปวดเมื่อย และช่วยปรับท่าทางให้ลูกเข้าเต้า เข้าดูดหัวนมแม่ได้ง่ายขึ้น เพิ่มความสะดวกสบายสำหรับคุณแม่หลังผ่าตัดคลอด และสามารถปรับใช้ได้หลากหลายท่าการให้นม ทำให้คุณแม่รู้สึกผ่อนคลายและมั่นใจในการให้นมมากขึ้น สำหรับคุณแม่คนไหนที่สนใจเรียนรู้ข้อมูลเกี่ยวกับแม่และเด็กเพิ่มเติม เช่น แม่เสริมหน้าอกให้นมได้มั้ย หรือบทความเรื่องแม่และเด็กอื่นๆ สามารถติดตาม BabyGift ได้ และหากใครสนใจผลิตภัณฑ์หมอนรองให้นม หรือสินค้าแม่ และเด็กอื่นๆ ก็สามารถมาเยี่ยมชมสินค้าหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ BabyGift ร้านจำหน่ายสินค้าแม่และเด็กระดับคุณภาพ มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี คุณพ่อคุณแม่สามารถมาเยี่ยมมสินค้าได้ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ร้านเบบี้กิ๊ฟ ทั้ง 4 สาขา ใกล้บ้าน หรือ สอบถามผ่านช่องทาง Online ทีมงาน BabyGift ยินดีให้คำแนะนำค่ะ 

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00

บทความแนะนำ

แม่ท้องต้องตรวจคัดกรองอะไร ใน 3 ไตรมาส เมื่อรู้ว่ากำลังตั้งครรภ์ คุณแม่เคยสงสัยไหมว่าตลอดเวลา 9 เดือนที่ลูกน้อยอยู่ในท้องนั้น ต้องตรวจอะไรบ้าง แม้กระทั่งในวันไปฝากครรภ์คุณหมอก็จะต้องขอตรวจหลายอย่างจากคุณแม่ เพื่อตรวจเช็กสุขภาพ โรคประจำตัว และความเสี่ยงต่างๆ เพื่อการดูแลให้คุณแม่มีครรภ์คุณภาพตลอดเวลา เราจึงมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจคัดกรองต่างๆ เพื่อสุขภาพคุณแม่และลูกน้อยตลอด 3 ไตรมาส เพื่อให้คุณแม่ได้รู้ว่าในแต่ละช่วงของการตั้งครรภ์ จะต้องเข้ารับการตรวจอะไร ควรจะเลือกตัดสินใจตรวจแบบไหน รวมถึงการตรวจคัดกรองต่างๆ มีข้อดีข้อเสียอย่างไร เหมาะกับคุณแม่วัยไหนบ้าง แม่ท้องต้องตรวจอะไร? จำเป็นแค่ไหนนะ? การตรวจคัดกรองและตรวจเช็กสุขภาพต่างๆ ของคุณแม่ขณะตั้งครรภ์ถือเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะผลของการตรวจต่างๆ จะช่วยประเมินสุขภาพและความปลอดภัยทั้งของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ ได้รู้ถึงความเสี่ยงต่างๆ ในขณะตั้งครรภ์  ได้ตรวจคัดกรองโรคทางพันธุกรรม โรคภัยแทรกซ้อนในขณะตั้งครรภ์ ภาวะอันตรายที่อาจเกิดขึ้น ประเมินอายุครรรภ์และการคลอด รวมถึงยังทำให้ได้รู้ความเสี่ยงอาการดาวน์หรือความผิดปกติของโครโมโซมอื่นๆ ที่สำคัญ ตลอดจนได้รู้โครโมโซมเพศของลูกน้อยในครรภ์อีกด้วย ซึ่งการตรวจต่างๆ นี้จะช่วยให้คุณแม่สามารถดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้อง ดูแลสุขภาพลูกน้อยให้แข็งแรงได้ดี และคุณหมอจะยังสามารถให้คำแนะนำคุณแม่ในการปฏิบัติตัว การดูแลรักษาโรคภัยต่างๆ และให้คำแนะนำคุณแม่ในการตัดสินใจคลอดอีกด้วย  เรียกว่าหากคุณหมอแนะนำให้คุณแม่ตรวจอะไร ควรตัดสินใจและเชื่อมั่นในหมอและตัวเองไว้ดีที่สุดค่ะ การตรวจคัดกรองคุณแม่ตั้งครรภ์ 1-3 เดือน (14 สัปดาห์แรก) คุณแม่จะต้องถูกซักประวัติ ตรวจปัสสาวะ เจาะเลือด เพื่อยืนยันการตั้งครรภ์ […]

…แต่ก็ไม่ง่ายเลย ให้คาร์ซีทเป็นเก้าอี้วิเศษของเด็กๆ ประสบการณ์จากคุณแม่ท่านหนึ่ง ที่อยากแชร์ให้ทุกๆบ้านฝึกลูกนั่งคาร์ซีทเพื่อความปลอดภัยของลูกๆ วิธีนี้พิสูจน์แล้วได้ผลแน่นอนค่ะ แต่ช่วงแรกคุณพ่อคุณแม่ต้องใจแข็งหน่อยนะคะ อ่านจบแล้วนำไปฝึกกับลูกๆเราได้เลยค่ะ ไม่นานมานี้ดิฉันเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดกับลูกๆทั้งสนุกสนานและปลอดภัยตั้งแต่ออกเดินทางจนถึงจุดมุ่งหมายเลยค่ะรู้สึกขอบใจตัวเองที่กัดฟันให้ลูกนั่งคาร์ซีท ตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลก ทำให้ขับรถได้อย่างมีสมาธิ แต่กว่าจะถึงวันนี้ลูกก็เคยร้องไห้ประท้วงจนแหวะใส่เก้าอี้ตัวเองมาแล้ว ดิฉันใช้วิธีสงบสยบความเคลื่อนไหวร้องได้ร้องไป แค่ 15 นาทีเท่านั้น คลื่นลมก็สงบ ตั้งแต่นั้นมาลูกๆ เรียนรู้เลยว่า เวลาขึ้นรถต้องไปนั่งที่ “เก้าอี้วิเศษ”  คาร์ซีทของตัวเองและนั่งทุกครั้งแม้ระยะทางจะใกล้หรือไกลเพราะอุบัติเหตุอาจเกิดจากภัยในรถ เช่น ลูกทะเลาะกันที่เบาะหลัง (เจอมาแล้ว) หรือปีนป่ายจนได้รับอันตราย คุณแม่ท่านไหนที่ยังไม่มั่นใจในคาร์ซีท carseat ว่าจะช่วยวันยุ่งๆของคุณแม่ได้มากน้อยแค่ไหน ลองเคล็ดลับต่อไปนี้ดูสิคะ แล้วลูกคุณจะรัก “เก้าอี้วิเศษ” ของตัวเองขึ้นเยอะเลย 1. สร้างความผูกพันกับคาร์ซีท อนุญาตให้ลูกเอาสติ๊กเกอร์มาตกแต่งคาร์ซีทของตัวเองได้ เอาให้ถูกใจเลยเพราะต้องนั่งไปอีกนาน 2. มอบรางวัล บอกลูกว่า เราจะออกเดินทางได้ก็ต่อเมื่อล็อกสายรัดนิรภัยเรียบร้อย แล้วลูกจะรีบทำตัวน่ารักเพราะอยากไปเที่ยว แต่ถ้ากำลังพาไปหาหมอ อาจให้ขนมเป็นรางวัลได้ 3. เบี่ยงเบนความสนใจ ถ้าโยเยนัก ชวนคุยเรื่องการ์ตูนที่ลูกกำลังอินดีกว่า แค่นี้ก็เผลอจดจ่อกับการโม้เรื่องเจ้าหญิงกับฮีโร่ จนไม่ทันสังเกตว่า ตัวเองถูกจับนั่งคาร์ซีทเรียบร้อยแล้ว (มุกนี้ไม่เหนื่อย แถมสนุกดีด้วย) 4. เตรียมของเล่นแก้เบื่อ ควรมีของเล่นชิ้นโปรดอยู่ในรถ แนะนำว่าควรเป็นของเบาๆ และไม่แข็ง เช่น หนังสือผ้า เพราะคุณอาจโดนลูกเอาของในมือปาใส่ขณะขับรถ […]

เสื้อผ้าสำหรับเด็กเล็กๆ นั้นมักจะมีแต่สีสันสดใส เพื่อให้ดูเหมาะสมกับวัย คุณแม่จึงไม่ค่อยจะมีเสื้อผ้าเด็กสีดำติดบ้านกันสักเท่าไหร่ บางบ้านไม่มีเสื้อผ้าเด็กสีดำเลยด้วยซ้ำ จึงใส่ชุดให้ลูกไปตามที่มี ซึ่งก็เกิดประเด็นทำให้คุณแม่เป็นกังวลอย่างมาก บ้างโดนต่อว่าด้วยคำพูด บ้างโดนตำหนิด้วยสายตา “ทำไมไม่ใส่ชุดดำให้ลูก” พลอยทำให้คุณแม่ไม่กล้าพาลูกออกจากบ้าน เพราะที่บ้านไม่มีเสื้อผ้าเด็กสีดำเลย แล้วอย่างนี้ เด็กเล็กแต่งกายไว้ทุกข์อย่างไรดี สำหรับชุดไว้ทุกข์ของเด็กๆ นั้น ไม่ได้เคร่งครัดอะไร คุณแม่ไม่ต้องกังวลจนเกินไปค่ะ ขอให้เป็นสีเรียบๆ ไม่ฉูดฉาด หากเป็นไปได้ก็คุมโทนเสียหน่อย ด้วยโทนดำ ขาว ไข่ไก่ ครีม เทา น้ำเงิน น้ำตาลเข้ม ตัวอย่างแบบเสื้อผ้าเด็กสำหรับใส่ไว้ทุกข์มาฝากให้คุณแม่ลองนำไปมิกซ์แอนด์แมทช์ดูนะคะ การแต่งกายไว้ทุกข์สำหรับเด็กผู้ชาย การแต่งกายไว้ทุกข์สำหรับเด็กผู้หญิง สำหรับบ้านไหนที่ไม่มีเสื้อผ้าลูกสีคุมโทนตามที่กล่าวมา การซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้ลูกเพื่อใส่ไว้ทุกข์อาจไม่ใช่คำตอบ ด้วยราคาเสื้อดำที่ตอนนี้ค่อนข้างแพง และเด็กๆ เขาก็โตเร็ว ใส่ไม่เท่าไหร่ก็คับต้องยกให้คนอื่น คำนวณแล้วอาจไม่คุ้มกับราคาที่ต้องจ่าย อาจใช้วิธีย้อมผ้าสีดำ แทนก็ได้ เพียงซื้อสีย้อมผ้าราคาย่อมเยา ก็แปลงโฉมเสื้อผ้าสีสันเป็นเสื้อผ้าที่ใส่ถวายอาลัยได้แล้ว ขอบคุณแหล่งที่มาจาก : เว็ปไซด์ amarinbabyandkids

น้ำนมของแม่นั้นเป็นอาหารที่เปี่ยมคุณค่ามากที่สุดสำหรับลูกน้อย โดยเฉพาะในเด็กทารกที่อายุน้อยกว่า 6 เดือน ซึ่งจะต้องกินนมจากแม่เป็นหลัก สำหรับคุณแม่ที่อยู่บ้านเลี้ยงลูกเต็มเวลาก็อาจจะไม่ได้มีปัญหากับการสต็อกน้ำนมเอาไว้ เพราะเน้นการเอาลูกเข้าเต้าเป็นส่วนใหญ่ แต่สำหรับคุณแม่ที่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน การทำสต็อกน้ำนมเอาไว้นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะจะได้มีน้ำนมเอาไว้ให้ลูกน้อยอย่างเพียงพอ ในบทความนี้ BabyGift มีคำแนะนำดี ๆ เกี่ยวกับการเก็บรักษา นมแม่ มาฝากกันค่ะ จะเก็บน้ำนมอย่างไรให้ไม่เหม็นหืน ไม่บูด และคงคุณค่าทางอาหารเอาไว้ได้มากที่สุด มาดูกันเลยค่ะ ทำไมนมของแม่มีกลิ่นเหม็นหืน ? มีวิธีการเก็บรักษา นมแม่อย่างไรไม่ให้มีกลิ่นและคงคุณค่าได้นาน คุณแม่บางคนอาจพบว่านมที่ตนเองทำการสต็อกไว้นั้นมีกลิ่นเหม็นหืน ซึ่งมักจะเกิดกับนมที่เก็บไว้ในช่องแช่แข็งในตู้เย็นที่มีระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ เนื่องจากในช่วงที่ระบบละลายน้ำแข็งทำงาน นมที่แช่แข็งเอาไว้ก็จะละลายไปด้วย และเมื่อช่องแช่แข็งกลับมาเย็นจัดใหม่ ก็ทำให้น้ำนมแข็งตัวอีกครั้ง กระบวนการนี้หากเกิดขึ้นซ้ำหลาย ๆ ครั้งก็จะทำให้ไขมันในน้ำนมมีการเปลี่ยนแปลงและทำให้นมมีกลิ่นเหม็นหืนได้นั่นเองค่ะ ดังนั้นแล้วการเก็บรักษานมแม่ ในตู้เย็นที่มีระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติแบบนี้ ก็เสี่ยงจะทำให้น้ำนมที่เก็บเอาไว้มีกลิ่นเหม็นหืนได้  สาเหตุที่นมแช่แข็งละลายมาเป็นน้ำนมแล้วมีกลิ่นเหม็นหืน ก็เพราะว่าในน้ำนมของแม่มีเอ็นไซม์ไลเปส ที่จะช่วยย่อยไขมันในน้ำนมของแม่ให้แตกตัวเป็นโมเลกุลเล็กๆ เพื่อผสมกับโปรตีนเวย์ในน้ำนมได้ดี ทำให้ร่างกายของลูกน้อยดูดซึมวิตามิน A และวิตามิน D ได้มากขึ้น ถ้าในน้ำนมของแม่มีไลเปสมากก็จะย่อยไขมันได้มาก ทำให้น้ำนมมีกลิ่นหืนนั่นเองค่ะ ทั้งนี้ แม้ว่าจะมีกลิ่นหืนก็ไม่เป็นอันตรายต่อลูกน้อยแต่อย่างใด ยังสามารถกินได้ แต่ในเด็กบางคนอาจไม่ยอมกินนมที่มีกลิ่นหืน สามารถแก้ไขได้โดยการนำน้ำนมที่ปั๊มมาใหม่ๆ ผสมกับนมที่มีกลิ่น ก็จะช่วยเจือจางกลิ่นและลดความเหม็นหืนไปได้ […]

วันนี้ BabyGift จะมาแชร์วิธีการเลือกคาร์ซีทแรกเกิดในฉบับของคุณแพรว เพชรแพรว อัครเตชวาทิน หรือ แม่ PRAEW จากเพจ PRAEW ให้ดูกันค่ะ เพื่อเป็นแนวทางให้แม่ๆทุกคน ที่กำลังมองหาคาร์ซีทแรกเกิดดีๆสักตัวให้เจ้าตัวน้อยอยู่ แต่ไม่รู้จะเลือกอย่างไรดี ต้องให้ความสำคัญตรงไหนเป็นพิเศษ วันนี้เราสรุปมาให้แล้วค่ะ 6 เทคนิคเลือกซื้อคาร์ซีทแรกเกิดในแบบของ แม่ PRAEW 1. วัสดุต้องดี แข็งแรง แม่ PRAEW ให้ความปลอดภัยมาเป็นอันดับ 1 โครงสร้างต้องมีมาตรฐาน วัสดุต้องดี แข็งแรงทนทาน ไม่ก๊อกแก๊ก และต้องเข้าใจด้วยค่ะว่าในแต่ละส่วนของร่างกายเด็ก หรือแรงที่เด็กจะได้รับจากการเกิดอุบัติเหตุใช้วัสดุป้องกันที่แตกต่างกันในการปกป้องตัวเด็ก เช่น แรงกระแทกแรงๆ EPS Foam จะป้องกันได้ดีกว่า ส่วนแรงกระแทกเบาๆ แผ่นโพลี่ยูรีเทน จะช่วยป้องกันได้ดีกว่า คาร์ซีทที่เมอใช้อยู่ มีวัสดุที่หลากหลายมาก มีทั้ง EPS Foam ที่เป็นวัสดุโครงสร้างหลัก และแผ่นโพลี่ยูรีเทนที่เสริมเข้ามาบริเวณที่นั่ง ศีรษะและสะโพกทั้ง 2 ด้าน เรียกได้ว่าทุกส่วนออกแบบมาให้รองรับทุกส่วนอย่างดีที่สุดค่ะ  อีกสิ่งที่แพรวรู้มา คือเวลาที่เกิดอุบัติเหตุ เด็กที่อยู่บนคาร์ซีทจะได้รับอันตรายจากแรงกระแทกซ้ำๆ […]

ตัวช่วยสำคัญที่จะช่วยให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้เต็มที่ตามความตั้งใจ เพื่อให้ลูกน้อยทารกได้กินน้ำนมแม่ตั้งแต่แรกเกิดและต่อเนื่องยาวนานที่สุด คือ เครื่องปั๊มนม เพราะเครื่องปั๊มนมที่ดีจะมีข้อดีและมีประโยชน์ต่อคุณแม่และลูกน้อยมากมาย  ได้แก่ แต่การที่คุณแม่จะใช้ เครื่องปั๊มนม ให้ได้คุ้มค่า จำเป็นต้องศึกษาข้อมูล ปรึกษาผู้มีประสบการณ์และเลือกซื้อให้เหมาะสมกับการใช้งานของคุณแม่เอง เพราะปัจจุบันมีเครื่องปั๊มนมให้คุณแม่เลือกซื้อมากมาย หลายแบบ และมีราคาที่แตกต่าง  คุณแม่จึงต้องพิจารณาเลือกถึงความจำเป็นที่จะต้องใช้ และเรียนรู้ว่าเลือกแบบไหนจะเหมาะกับเราและลูกน้อย ฉะนั้นเราจึงขอแนะนำให้คุณแม่ได้รู้จักกับเครื่องปั๊มนมแบบต่างๆ ที่มีขายในปัจจุบัน   การทำงานที่น่าสนใจลักษณะการใช้งาน และคุณสมบัติที่น่ารู้ รวมถึงวิธีการเลือกซื้อในแบบที่ใช่มากที่สุด 1. เครื่องปั๊มนม แบบปั๊มมือ  2. เครื่องปั๊มนมแบบใช้แบตเตอรี่ 3. เครื่องปั๊มนมแบบใช้ไฟฟ้า เลือก เครื่องปั๊มนม แบบไหน? ที่ใช่สำหรับคุณแม่ เพราะเครื่องปั๊มนมเป็นตัวช่วยคู่ใจ ให้คุณแม่ทำสต๊อกน้ำนมแม่ให้ลูกน้อยได้เต็มที่ ดังนั้นคุณแม่จำเป็นต้องคำนึงถึงคุณภาพของเครื่องปั๊มนมเป็นสำคัญ โดยควรเลือกเครื่องปั๊มนมที่เหมาะกับครอบครัว และมีประสิทธิภาพต่างๆ ดังนี้  

Menu
All Categories
All Brands
All Ages
Promotions
Locations
BabyGift Family
BabyGift Care
Parents Guide
News & Event

All Categories

All Categories
All Brands
All Ages