ไขข้อสงสัย คนท้องขับรถได้ไหม ? เช็กก่อน ปลอดภัยกว่า พร้อมคำแนะนำเมื่อแม่ต้องขับรถ

สำหรับ Working Women หลายๆ คน การทำงานก็คือการสร้างคุณค่าให้กับตัวเอง และเป็นความสุขในการใช้ชีวิต แต่เมื่อบริบทเปลี่ยนไป มีครอบครัว มีลูกขึ้นมาแล้ว ก็ต้องยอมรับว่าการปรับรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ แล้วถ้าเราขับรถเป็นประจำ พอท้องแล้วยังจะขับรถได้อยู่มั้ย ในบทความนี้ BabyGift จะมานำเสนอเรื่องเกี่ยวกับคนท้องขับรถได้มั้ย และคำแนะนำต่างๆ เพื่อให้คุณแม่อุ่นใจกันมากขึ้นค่ะ
คนท้องขับรถได้ไหม ? ชวนคุณแม่ดูคำแนะนำ ข้อควรระวังเพื่อความปลอดภัยก่อนขับรถ
ตลอดระยะเวลา 9 เดือนของการตั้งครรภ์ คุณแม่มักจะเผชิญกับคำถามมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ ซึ่งหนึ่งในคำถามที่พบบ่อยคือ “คนท้องขับรถได้ไหม?” คำถามนี้มักสร้างความกังวลให้กับคุณแม่หลายคน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องเดินทางเป็นประจำ การตัดสินใจว่าจะขับรถหรือไม่ในระหว่างตั้งครรภ์นั้นเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของทั้งแม่และลูกน้อยในครรภ์ ดังนั้น การทำความเข้าใจถึงข้อควรระวังและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการตัดสินใจที่เหมาะสมในแต่ละสถานการณ์ เราลองมาดูรายละเอียดกันค่ะ

คนท้องขับรถได้ไหม ?
โดยทั่วไปหากมีความจำเป็นคนท้องสามารถขับรถได้นะคะ แต่หากเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงดีกว่า โดยไม่ควรขับรถในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ เนื่องจากอาจมีอาการแพ้ท้องกะหันทัน จนไม่สามารถโฟกัสที่การขับขี่ได้ดีเท่าที่ควร (อ่านเคล็ดลับลดอาการแพ้ท้องของคุณแม่เพิ่มเติมได้อีกนะคะ) และในช่วงอายุครรภ์ 7-9 เดือน ควรงดขับรถโดยเด็ดขาด เนื่องจากครรภ์ใหญ่ขึ้น หากเบรกกระทันหันอาจทำให้ท้องกระแทกพวงมาลัยได้ อีกทั้งเป็นช่วงเวลาของการเตรียมตัวคลอด ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยหากจำเป็นต้องขับรถ BabyGift มีคำแนะนำเพื่อความปลอดภัยมาฝากดังนี้ค่ะ
- ปรับท่านั่ง โดยไม่ให้เอนไปด้านหลัง หรือตั้งชันมากจนเกินไป ปรับเบาะให้อยู่ในลักษณะกึ่งเอนนอน และเลื่อนไปด้านหลัง ให้สามารถเหยียดขา และขยับข้อเท้าได้อย่างสบาย หรือเว้นระยะห่าง จากเบาะถึงคอนโซลหน้าไม่น้อยกว่าหนึ่งช่วงแขน
- ปรับพวงมาลัยให้อยู่บริเวณกระดูกหน้าอก เหนือบริเวณท้องขึ้นไป ระยะห่างประมาณหนึ่งช่วงแขน
- คาดเข็มขัดนิรภัย ไม่ว่าคุณแม่จะเป็นคนขับเอง หรือว่าเป็นผู้โดยสารก็ให้ใส่ใจเรื่องการคาดเข็มขัดนิรภัยให้ดีค่ะ วิธีการคือให้คาดโดยเริ่มจากส่วนบนให้พาดจากไหปลาร้าเฉียงลงมาผ่านร่องไหล่พอดี ไม่พาดบริเวณคอ และคาดเข็มขัดนิรภัยส่วนล่างโดยคาดผ่านหน้าตัก ดึงให้ลงมาต่ำกว่าครรภ์ ให้อยู่ในแนวสะโพก ปรับให้กระชับ ไม่ตึง ไม่หย่อนและไม่บิดเป็นเกลียว นอกจากนั้นห้ามคาดเข็มขัดนิรภัยพาดผ่านบริเวณหน้าท้องด้วย ตรงนี้สำคัญมากๆ ค่ะ
คำแนะนำเพิ่มเติมเมื่อคนท้องต้องขับรถ
- ควรหยุดพักทุกๆ 1-2 ชั่วโมง เพื่อยืดเส้นยืดสาย และป้องกันอาการบวมที่ขา
- ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ เพราะการดื่มน้ำที่เพียงพอจะช่วยป้องกันอาการเวียนศีรษะ และอ่อนเพลียได้
- หลีกเลี่ยงการขับรถเป็นเวลานานโดยเฉพาะในช่วงท้ายของการตั้งครรภ์
- พกเอกสารทางการแพทย์ เบอร์ติดต่อฉุกเฉิน และเตรียมชุดปฐมพยาบาลในรถ
- เช็กตัวเองอยู่เสมอ เพื่อสังเกตอาการผิดปกติ เช่น เวียนศีรษะ ปวดท้อง หรือเจ็บครรภ์ หรือเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง
- หลีกเลี่ยงการขับรถในสภาพอากาศแปรปรวน หรือในเวลากลางคืนเพื่อลดความเสี่ยง
- ใช้ความเร็วพอเหมาะ และรักษาระยะห่างจากรถคันอื่น

คนท้องขับรถมอไซค์อันตรายไหม ?
ในประเทศไทย ไม่มีกฎหมายหรือข้อห้ามอย่างเป็นทางการที่ระบุว่าคนท้องไม่สามารถขับขี่รถจักรยานยนต์ได้ อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่มีข้อห้ามทางกฎหมาย แต่มีข้อควรระวังและคำแนะนำจากแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยซึ่งไม่แนะนำให้คนท้องขับขี่รถจักรยานยนต์ เนื่องจากมีความเสี่ยงสูง แต่หากจำเป็นจริงๆ แนะนำให้หลีกเลี่ยงการขับขี่รถจักรยานยนต์ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์เป็นต้นไป เนื่องจากแรงกระแทกและการสั่นสะเทือนอาจส่งผลโดยตรงต่อทารกในครรภ์ได้ จึงควรเลือกใช้วิธีการเดินทางอื่นที่ปลอดภัยกว่า เพื่อลดความเสี่ยงต่อทั้งตนเองและทารกในครรภ์ค่ะ
BabyGift แนะนำสินค้าที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับคุณแม่ตั้งครรภ์

1. คาร์ซีทแม่ท้อง Tummy Shield
ปกป้องคุณแม่และลูกน้อยให้ปลอดภัยทุกการเดินทางด้วย Tummy Shield คาร์ซีทแม่ท้องที่ผ่านมาตรฐานการออกแบบเพื่อความปลอดภัย จากสถาบัน ADRs ประเทศออสเตรเลีย ด้วยเบาะรองรับสรีระแม่ท้องโดยเฉพาะ สัมผัสสบาย คืนตัวได้ดี ลดการกดทับ นั่งได้นานโดยไม่ปวดเมื่อย ช่วยป้องกันเข็มขัดนิรภัยรถยนต์รัดท้อง ปกป้องแม่ท้องและลูกน้อยในครรภ์ ให้ปลอดภัยตลอดการเดินทาง
จุดเด่น
- ติดตั้งด้วยตะขอเหล็ก ปลอดภัยสูง ทนแรงกระชากได้มากที่สุดถึง 2 ตัน
- มีสายล็อคเบาะไม่ให้เคลื่อนที่ เพื่อความปลอดภัย ติดตั้งง่าย ใช้เวลาเพียง 1 นาที รองรับการติดตั้งบนเบาะรถยนต์ทุกรุ่น
- Cushion นวัตกรรมใหม่ ขึ้นโครงเหล็ก ฉีดขึ้นรูปเบาะชิ้นเดียวด้วย Memory Foam ซึ่งเป็นสิทธิบัตรเฉพาะแบรนด์ Tummy Shield เท่านั้น
- เหมาะสำหรับคุณแม่เริ่มตั้งครรภ์ คุณแม่หลังคลอด และคุณแม่ที่ยังเจ็บแผลผ่าคลอด

2. MAMMY VILLAGE เข็มขัดพยุงครรภ์ รุ่น Top 2 สาย Featherlite
นี่คือเข็มขัดพยุงครรภ์ที่ใส่สบายได้ทั้งวันโดยไม่ต้องถอดออก ทั้งตอนกินข้าว และเข้าห้องน้ำ ซึ่งจะช่วยพยุงทั้งแผ่นหลังตั้งแต่กลางหลังลงมา จึงทำให้คุณแม่รู้สึกตัวเบาสบาย เดินง่ายมากขึ้น พกพาสะดวก
จุดเด่น
- ลดอาการปวดหลัง ปวดตัว ให้คุณแม่รู้สึกเบาสบาย เดินง่ายขึ้น
- สวมใส่ได้ทั้งวันโดยไม่ต้องถอดเข้าถอดออก เนื้อผ้านิ่มลื่น ระบายอากาศได้ดี สามารถใส่โดยตรงไปกับผิวได้เลย

3. BUNNE & MAMALADE เลกกิ้งสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ รุ่น Essential สีดำ
เลกกิ้งสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ช่วยพยุงหน้าท้องให้กับคุณแม่ เนื้อผ้ามีความยืดหยุ่นสูง แต่สัมผัสนุ่ม และไม่ระคายเคืองผิว ให้คุณแม่มั่นใจได้มากขึ้นในทุกๆ การเคลื่อนไหว
จุดเด่น
- เอวสูง เนื้อผ้ายืนหยุ่น กระชับ สัมผัสนุ่มใส่สบาย ช่วยพยุงหน้าท้อง
- มีให้เลือก 4 ไซส์ เพื่อกระชับกับรูปร่างมากที่สุด
โดยสรุปแล้วคนท้องสามารถขับรถได้ในบางช่วงของการตั้งครรภ์ค่ะ แต่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษและปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อความปลอดภัยของทั้งแม่และลูกในครรภ์ ซึ่งจริงๆ แล้วหากเป็นไปไม่ก็ไม่ควรขับรถเอง แต่หากจำเป็นต้องขับจริงๆ การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความปลอดภัยสำหรับทั้งคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ได้ค่ะ และหากใครสนใจผลิตภัณฑ์เพิ่มความปลอดภัยให้กับการเดินทางของคุณแม่ตั้งครรภ์ หรือสินค้าแม่ และเด็กอื่นๆ ก็สามารถมาเยี่ยมชมสินค้าหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ BabyGift ร้านจำหน่ายสินค้าแม่และเด็กระดับคุณภาพ มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี คุณพ่อคุณแม่สามารถมาเยี่ยมมสินค้าได้ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ร้านเบบี้กิ๊ฟ ทั้ง 5 สาขา ใกล้บ้าน หรือ สอบถามผ่านช่องทาง Online ทีมงาน BabyGift ยินดีให้คำแนะนำค่ะ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : safedrivedlt.com
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
เสื้อผ้าสำหรับเด็กเล็กๆ นั้นมักจะมีแต่สีสันสดใส เพื่อให้ดูเหมาะสมกับวัย คุณแม่จึงไม่ค่อยจะมีเสื้อผ้าเด็กสีดำติดบ้านกันสักเท่าไหร่ บางบ้านไม่มีเสื้อผ้าเด็กสีดำเลยด้วยซ้ำ จึงใส่ชุดให้ลูกไปตามที่มี ซึ่งก็เกิดประเด็นทำให้คุณแม่เป็นกังวลอย่างมาก บ้างโดนต่อว่าด้วยคำพูด บ้างโดนตำหนิด้วยสายตา “ทำไมไม่ใส่ชุดดำให้ลูก” พลอยทำให้คุณแม่ไม่กล้าพาลูกออกจากบ้าน เพราะที่บ้านไม่มีเสื้อผ้าเด็กสีดำเลย แล้วอย่างนี้ เด็กเล็กแต่งกายไว้ทุกข์อย่างไรดี สำหรับชุดไว้ทุกข์ของเด็กๆ นั้น ไม่ได้เคร่งครัดอะไร คุณแม่ไม่ต้องกังวลจนเกินไปค่ะ ขอให้เป็นสีเรียบๆ ไม่ฉูดฉาด หากเป็นไปได้ก็คุมโทนเสียหน่อย ด้วยโทนดำ ขาว ไข่ไก่ ครีม เทา น้ำเงิน น้ำตาลเข้ม ตัวอย่างแบบเสื้อผ้าเด็กสำหรับใส่ไว้ทุกข์มาฝากให้คุณแม่ลองนำไปมิกซ์แอนด์แมทช์ดูนะคะ การแต่งกายไว้ทุกข์สำหรับเด็กผู้ชาย การแต่งกายไว้ทุกข์สำหรับเด็กผู้หญิง สำหรับบ้านไหนที่ไม่มีเสื้อผ้าลูกสีคุมโทนตามที่กล่าวมา การซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้ลูกเพื่อใส่ไว้ทุกข์อาจไม่ใช่คำตอบ ด้วยราคาเสื้อดำที่ตอนนี้ค่อนข้างแพง และเด็กๆ เขาก็โตเร็ว ใส่ไม่เท่าไหร่ก็คับต้องยกให้คนอื่น คำนวณแล้วอาจไม่คุ้มกับราคาที่ต้องจ่าย อาจใช้วิธีย้อมผ้าสีดำ แทนก็ได้ เพียงซื้อสีย้อมผ้าราคาย่อมเยา ก็แปลงโฉมเสื้อผ้าสีสันเป็นเสื้อผ้าที่ใส่ถวายอาลัยได้แล้ว ขอบคุณแหล่งที่มาจาก : เว็ปไซด์ amarinbabyandkids
การเลือกคาร์ซีท carseat ที่ปลอดภัยสำหรับลูกน้อยของคุณทำไมถึงต้องใช้คาร์ซีท carseat ที่มีความปลอดภัยจึงจำเป็นต่อคุณและลูกน้อยล่ะ? หลายประเทศได้ออกกฏหมายเกี่ยวกับความปลอดภัยของคาร์ซีท carseat สำหรับเด็กที่อายุน้อยกว่า 6 ขวบ เนื่องจากคุณจะต้องใช้คาร์ซีท carseat ที่มีความปลอดภัยเพื่อป้องกันลูกน้อยจากอันตราย หรืออุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน ขณะที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ผู้โดยสารมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฏจราจร และหากคุณเดินทางพร้อมกับลูกน้อย โดยที่คุณจะต้องอุ้มลูกไว้ที่ตัก ก็อาจจะมีโอกาสที่คุณไม่สามารถที่จะอุ้มลูกได้อย่างมั่นคงและเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นลูกของคุณก็มีโอกาสที่จะได้รับบาดเจ็บสูงค่ะ ดังนั้นการมีคาร์ซีท ที่ปลอดภัยในรถยนต์ จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยลดการบาดเจ็บของลูกน้อยได้ ทั้งนี้พึงระวังไว้ว่าการใช้คาร์ชีทที่ไม่ถูกต้อง อาจจะก่อให้เกิดความเสี่ยงแก่เด็กมากขึ้น ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยสูงสุด คุณควรต้องเลือกใช้คาร์ซีท carseat ให้ถูกต้องพร้อมกับศึกษาการใช้งานอย่างถูกวิธีด้วยนะค่ะ หากไม่มีคาร์ซีท carseat ที่ปลอดภัยแล้ว อัตราการเสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่า จากสถิติได้แสดงให้เห็นว่าเมื่อเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 ขวบนั่งบนรถยนต์ที่ปราศจากคาร์ซีท carseat ที่ปลอดภัยและประสบอุบัติเหตุ อัตราการเสียชีวิตจะมากกว่าการนั่งบนรถยนต์ที่ติดตั้งคาร์ซีท carseat ที่ปลอดภัยถึง 4 เท่า***ข้อควรระวัง เมื่อใช้งานคาร์ซีท carseat ไม่ถูกวิธี จากผลสำรวจเมื่อปี 2008 โดยองค์การทางรถยนต์ประเทศญี่ปุ่น ( Japan Automobile Federation :JAF) เกี่ยวกับการใช้งาน คาร์ซีท carseat พบว่า 32.7 % ของคาร์ซีท carseat ที่ใช้งานนั้นติดตั้งอย่างไม่แน่นหนา ขณะที่อีก 67.3 % นั้นถูกพบว่ายังใช้งานได้ไม่ถูกต้องนัก ไม่ว่าจะเป็นการรัดสะโพกที่หลวมเกินไป หรือ การใช้งานที่หัวเข็มขัดที่ใช้ยึดที่นั่งไม่เหมาะสม ถึงแม้ว่าคุณจะเลือกใช้คาร์ซีท carseat ที่ถูกต้องแล้ว แต่หากการใช้งานไม่ถูกวิธีก็เท่ากับเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับเด็ก เพื่อลดปัญหาดังกล่าว เราควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้งานคาร์ซีทให้ถูกต้อง ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อคาร์ซีท คุณควรศึกษาข้อมูลว่า คาร์ซีท […]
คาร์ซีทออร์แกนิค เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่คุณพ่อคุณแม่ต้องให้ความสำคัญ เพราะนอกจากระบบความปลอดภัยและฟังก์ชันต่างๆ ที่ต้องพิจารณาในการเลือกซื้อคาร์ซีทแล้ว เนื้อผ้าของคาร์ซีทก็เป็นอีกปัจจัยที่คุณพ่อ คุณแม่ต้องใส่ใจมากเป็นพิเศษ ว่าทำมาจากวัสดุชนิดใด เนื่องจากผิวลูกน้อยบอบบางกว่าผิวผู้ใหญ่ถึงหลายเท่า มีโอกาสที่จะเกิดอาการแพ้ ระคายเคือง หรือติดเชื้อได้ง่าย เพราะยังไม่มีภูมิคุ้มกันมากพอ คุณพ่อคุณแม่ จึงต้องใส่ใจและพิจารณาวัสดุที่จะมาสัมผัสกับผิวลูกน้อยเป็นอย่างดี ผ้าฝ้าย Organic หรือผ้าที่ทำจากฝ้าย Organic 100% เป็นผ้าที่ปลูกโดยไม่ใช้สารเคมี ซึ่งจะทำให้ผ้าฝ้ายที่ได้มานั้น ปลอดจากสารพิษ และยาฆ่าแมลง ที่เป็นตัวการสำคัญที่จะทำร้ายสุขภาพของลูกน้อย ซึ่งองค์กรผู้บริโภคสินค้าออร์แกนิค (The Organic Consumers Association) ยังแนะนำให้ใช้เสื้อผ้าที่ผลิตจากผ้าออร์แกนิคคอตตอน หรือผ้าฝ้าย Organic 100% เป็นทางเลือกแรกอีกด้วย คาร์ซีทออร์แกนิค มีข้อดีอย่างไรบ้าง 1. ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งได้ จากข้อมูลในรัฐแคลิฟอเนียร์ สหรัฐอเมริกา ระบุว่าในการปลูกฝ้ายด้วยวิธีธรรมดาทั่วไปจะมีการใช้ยาฆ่าแมลง โดยเฉลี่ยต่อปีจะมีการมูลค่ากว่า 2.6 พันล้านเหรียญ และผลการทดสอบยาฆ่าแมลงจำนวน 5 […]
การนอนหลับให้เพียงพอต่อวันอย่างมีคุณภาพ เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเด็กเล็กเลยนะคะ เพราะระหว่างที่ลูกน้อยนอนหลับร่างกายก็จะสร้าง “โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) หรือ ฮอร์โมนการเจริญเติบโต” ขึ้นมา ช่วยให้ลูกน้อยเติบโตสมวัย มีภูมิคุ้มกันโรค ช่วยเรื่องความจำและการเรียนรู้ของสมองด้วยค่ะ แต่หาก ลูกร้องงอแงไม่ยอมนอน คุณพ่อคุณแม่ก็จะต้องรู้วิธีดูแลนะคะ เพราะอาจส่งผลต่อพัฒนาการและอารมณ์ของลูกน้อยได้ แต่ก็ไม่ควรกังวลมากไปค่ะ เพราะทารกจะเริ่มมีวงจรการนอนที่เป็นปกติหลังจากเดือนที่ 6 เป็นต้นไป เด็กแต่ละวัย ควรนอนกี่ชั่วโมงต่อวัน ทารกแรกเกิด – 2 เดือน ทารกแรกเกิดจะนอนตอนกลางวันเหมือนกับนอนตอนกลางคืน จะนอนประมาณ 2 – 4 ครั้งต่อวัน ระยะเวลาการนอนประมาณ 4 – 16 ชั่วโมง ทารกวัย 3 เดือน – 5 เดือน เด็กเล็กวัยนี้สามารถฝึกให้หลับเวลาเดิมได้แล้ว เพราะวัยนี้จะเริ่มนอนเป็นเวลามากขึ้น จะนอนประมาณ 2 – 4 ครั้งต่อวัน ระยะเวลาการนอนประมาณ 4 – 13 ชั่วโมง เด็กวัย 6 เดือน – 11 เดือน วัยนี้จะนอนเป็นเวลาแล้ว เมื่อถึงเวลาเดิมที่เคยนอนก็จะหลับได้เอง […]
เป็นเรื่องธรรมดาค่ะ ที่เมื่อรู้ตัวว่าตั้งครรภ์แล้วคุณแม่จะรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับอาหารการกิน ก็เพราะทุกอย่างที่คุณแม่ทานเข้าไปจะมีผลต่อลูกน้อยในท้องโดยตรงนี่เนอะ ของบางอย่างที่คุณแม่ทานเป็นปกติทุกวันอาจจะไม่ได้ปลอดภัยอีกต่อไป ส่วนของบางอย่างที่เจอทีไรก็ต้องเบ้ปากอาจจะมีประโยชน์มากกว่าก็ได้ อาหารการกินนั้นเป็นเรื่องสำคัญเพราะจะมีผลต่อน้ำหนักและความครบถ้วนสมบูรณ์ของร่างกาย รวมถึงสมองของลูกน้อย แต่เราควรจะเลือกรับประทานอาหารแบบไหนดีล่ะ แล้วขนาดไหนถึงจะเรียกว่าพอดี ลองมาดูกัน! 1. โฟเลตโฟเลตหรือกรดโฟลิกเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับคุณแม่มาก ๆ เลยล่ะค่ะ โดยปกติแล้วสาว ๆ บ้านไหนที่เตรียมตัวจะเป็นคุณแม่ คุณหมอก็จะแนะนำให้ซื้อโฟเลตมาทานเพื่อเตรียมตัวไว้ตั้งแต่ยังไม่ท้องเลย เพราะเจ้าตัวโฟเลตนี้เป็นสารอาหารสำคัญที่ร่างกายจะนำมาใช้ในการสร้างระบบประสาท เซลล์สมอง และไขสันหลังของทารกในครรภ์ ถ้ารับสารอาหารตัวนี้เข้าไปไม่เพียงพอแล้วล่ะก็ อาจจะส่งผลให้ทารกมีความพิการทางสมองได้ค่ะ ส่วนคุณแม่บ้านไหนที่ไม่ได้เตรียมตัวตั้งแต่ก่อนท้องก็ไม่ต้องกลัวนะ ยังไงคุณหมอก็จะสั่งโฟเลตให้ทานทุกวันเพื่อบำรุงอยู่แล้ว บำรุงตอนท้องก็ไม่ได้สายเกินไปค่ะ อีกอย่างอาหารหลาย ๆ อย่างที่เรารับประทานกันในชีวิตประจำวันก็มีโฟเลตอยู่บ้างค่ะ ไม่ว่าจะเป็น ผักใบเขียวเข้มอย่างคะน้า ไข่แดง ตับ ฟักทอง แครอท ฯลฯ ที่สำคัญคือคุณแม่ควรจะทานโฟเลตให้ได้วันละ 400-800 ไมโครกรัมกันนะคะ 2. เนื้อสัตว์ต่าง ๆส่วนใหญ่แล้วเนื้อสัตว์ที่มีประโยชน์สำหรับคนท้องจะเป็นจำพวกเนื้อแดงอย่าง “เนื้อวัว” เพราะว่าอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ช่วยเรื่องโลหิตจางของคุณแม่ได้ แล้วก็เป็นสารอาหารที่สำคัญต่อทารกเช่นกัน แต่เนื้อวัวที่คุณแม่ทานควรจะเป็นแบบไร้มัน หรือมันน้อยที่สุดนะคะ เพราะการที่คุณแม่ทานมันเข้าไปมาก ๆ ก็อาจทำให้คลื่นไส้หรือท้องอืดได้นะ เนื้อไก่นี่ก็เป็นอะไรที่แนะนำ เพราะมีโปรตีนสูงและจะช่วยเรื่องน้ำหนักของลูกน้อยด้วยค่ะ ส่วนเนื้อสัตว์ที่คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงในช่วงนี้ก่อนก็เป็นพวกอาหารทะเล เพราะมีการตรวจพบสารปรอทในสัตว์ทะเลที่จับมาจากบางที่ค่อนข้างสูงเลยล่ะ […]






