ให้นมลูก ห้ามกินอะไรบ้าง ? ชวนเช็กลิสต์อาหารที่คุณแม่ไม่ควรกิน เพื่อสารอาหารที่ดีที่สุดให้กับลูกน้อย !

การดูแลตัวเองในช่วงให้นมเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้แม่มีสุขภาพแข็งแรง สามารถสร้างน้ำนมได้อย่างเพียงพอ ซึ่งนอกจากวิธีต่างๆ ที่จะช่วยกระตุ้นน้ำนมแม่แล้ว การดูแลตนเองอย่างเหมาะสมด้วยอาหารการกินก็จะทำให้แม่มีสุขภาพที่แข็งแรง สามารถให้นมลูกได้อย่างปลอดภัยและเต็มที่อีกด้วย ดังนั้นในบทความนี้ BabyGift จะชวนคุณแม่มาดูแลตัวเองในช่วงให้น้ำนม ตามมาดูกันค่ะ ว่าคุณแม่ให้นมควรกิน หรือไม่ควรกินอะไรบ้าง 

เช็กลิสต์ให้นมลูก ห้ามกินอะไรบ้าง ? ชวนคุณแม่เช็กกินอะไรได้บ้าง ช่วงให้นม ! 

นอกจากการดูแลตัวเองแบบพื้นฐาน เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำสะอาด พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายที่ไม่หนัก เช่น เดิน โยคะ ว่ายน้ำ ดูแลจิตใจให้ไม่เครียด รวมถึงการเลี่ยงสารเสพติดทุกชนิดแล้วนั้น คุณแม่ที่ให้นมลูก ห้ามกินอะไรอีกบ้าง ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือเครื่องดื่ม ลองมาดูรายละเอียดกันต่อดีกว่าค่ะ 

ให้นมลูก ห้ามกินอะไรบ้าง ? 

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงในช่วงให้นมมีอะไรกันบ้าง BabyGift เตรียมข้อมูลมาให้ด้วยกัน 7 ข้อ แต่ละข้อมีรายละเอียดยังไงมาดูกันค่ะ 

  1. แอลกอฮอล์ : อันดับแรกเลยที่ห้ามเด็ดขาด คือแอลกอฮอล์ค่ะ เพราะว่าเมื่อดื่มเข้าไปแล้วจะถูกดูดซึมเข้าสู่น้ำนมได้ภายในระยะเวลา 30-60 นาทีหลังจากดื่ม และปริมาณแอลกอฮอล์ในน้ำนมจะคงอยู่นานประมาณ 2-3 ชั่วโมงต่อการดื่ม 1 แก้ว มีผลทำให้ทารกนอนไม่หลับ ซึม กระสับกระส่าย และที่สำคัญคือส่งผลต่อพัฒนาการทางสมองของลูกอีกด้วย 
  2. คาเฟอีน : จริงๆ แล้วจะไม่แนะนำให้กินของที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนค่ะ แต่หากไม่ไหวจริงๆ ก็สามารถกินได้นะคะ แต่ควรจำกัดปริมาณไม่เกิน 300 มิลลิกรัมต่อวัน เนื่องจากคาเฟอีนจะถูกขับออกทางน้ำนมประมาณ 1% ของปริมาณที่แม่ได้รับ ซึ่งทารกจะไม่สามารถขับคาเฟอีนออกจากร่างกายได้ดีเท่ากับผู้ใหญ่ ดังนั้นหากได้รับคาเฟอีนมากเกินไป อาจทำให้ทารกนอนไม่หลับ กระสับกระส่ายได้นั่นเองค่ะ 
  3. อาหารรสจัด : อาหารรสจัดอาจส่งผลให้น้ำนมของแม่มีรสชาติเปลี่ยนไป เมื่อลูกน้อยดื่มน้ำนมที่มีรสจัด อาจทำให้เกิดอาการ เช่น หงุดหงิด ร้องไห้ไม่หยุด นอนไม่หลับ รู้สึกไม่สบายตัว ตื่นบ่อย เป็นต้น 
  4. อาหารทะเล : แม้ว่าอาหารทะเลจะอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ เช่น โปรตีนและกรดไขมันโอเมก้า 3 แต่แม่ให้นมก็ควรระมัดระวังในการกินค่ะ เนื่องจากอาหารทะเลบางชนิดอาจมีการปนเปื้อนของสารปรอท ซึ่งอาจส่งผ่านไปยังน้ำนม ส่งผลเสียต่อระบบประสาทส่วนกลาง และพัฒนาการของทารกได้ แต่หากจำเป็นต้องกินให้เลือกที่สด สะอาด คุณภาพดี และกินในปริมาณที่พอเหมาะค่ะ 
  5. ผลไม้รสเปรี้ยว : คุณแม่ให้นมลูก ห้ามกินอะไร ? หนึ่งในสิ่งที่ควรเลี่ยงก็คือ ผลไม้รสเปรี้ยวที่มีปริมาณกรดสูง เช่น ส้ม, มะนาว นั่นเองค่ะ เพราะหากว่าแม่กินมากเกินไป อาจส่งต่อน้ำนมทำให้ลูกอาจมีอาการ จุกเสียด แน่นท้อง รู้สึกไม่สบายตัว มีผื่นคันตามผิวหนัง หรือผื่นผ้าอ้อม ซึ่งหากคุณแม่ต้องการเสริมวิตามินซีในน้ำนม ก็สามารถเลือกกินผลไม้รสเปรี้ยวที่ไม่ได้มีกรดมากเกินไป เช่น สับปะรด หรือมะม่วง แทนได้ก็จะไม่ส่งผลต่อน้ำนมมากนักค่ะ 
  6. ผักตระกูลกะหล่ำ : แม่ให้นมควรระวัง หรือหลีกเลี่ยงการกินผักตระกูลกะหล่ำ เช่น กะหล่ำปลี, กระหล่ำดอก, บล็อกโคลี่ เป็นต้น เนื่องจากผักเหล่านี้อาจทำให้ทารกเกิดลมในกระเพาะ รู้สึกไม่สบายท้อง ท้องอืด แน่นท้องได้นั่นเอง 
  7. กลุ่มอาหารที่มีโปรตีนสูง : อาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น นมถั่วเหลือง ข้าวสาลี ข้าวโพด และถั่วต่างๆ เป็นกลุ่มที่คุณแม่ให้นมไม่ควรกินค่ะ เนื่องจากเมื่อเด็กได้กินน้ำนมของแม่ที่กินอาหารพวกนี้แล้ว อาจทำให้เด็กมีโอกาสเกิดอาการแพ้ได้ เช่น ผื่นคัน หายใจมีเสียงดัง เป็นลมพิษ รวมถึงอาการทางระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องอืด แน่นท้องจากก๊าซ หรือท้องเสียได้ 

แล้วให้นมลูก ควรกินอะไร ? 

สำหรับคุณแม่ที่กำลังให้นมลูกนั้น นอกจากการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เพิ่มพวกโปรตีน ธัญพืช แป้งไม่ขัดสี กินผลไม้ และดื่มน้ำให้มากพอแล้วนั้น BabyGift จะขอแนะนำเพิ่มเติมอีก 3 อย่าง ดังนี้ค่ะ 

  1. กระเทียม : ถึงแม้ว่าเราจะแนะนำไปว่า ให้นมลูก ห้ามกินอะไรที่มีรสจัด แต่มีข้อมูลที่ระบุว่ากระเทียมกลับมีประโยชน์ เพราะมีสารอัลลิซินที่ช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำนม ทำให้แม่สามารถผลิตน้ำนมได้มากขึ้น แต่ต้องกินในปริมาณที่พอดี ไม่มากเกินไปนะคะ 
  2. หัวปลี : หัวปลี คือส่วนดอกของต้นกล้วยที่มากไปด้วยคุณค่าทางสารอาหาร ไม่ว่าจะเป็น แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินเอ วิตามินซี แถมยังมีคาร์โบไฮเดต โปรตีน และกากใยอาหารจึงช่วยบำรุงเลือดให้กับคุณแม่หลังคลอด ช่วยขับน้ำนม มีแคลอรี่ต่ำ ช่วยเรื่องควบคุมน้ำหนัก เรียกว่าเป็นอาหารสุขภาพที่ดีทั้งกับคุณแม่ และกลุ่มผู้ลดน้ำหนัก หรือกินมังสวิรัติด้วยค่ะ 
  3. ฟักทอง : หนึ่งในผักสารพัดประโยชน์ที่นิยมในหมู่คนลดน้ำหนัก นอกจากจะช่วยบำรุงสายตาแล้ว ช่วยเรื่องการขับถ่ายแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันต่างๆ ในร่างกาย แถมยังเป็นผักเพิ่มน้ำนมให้กับคุณแม่หลังคลอดอีกด้วย และนอกจากอาหารคาวแล้ว ฟักทองยังเป็นวัตถุดิบชั้นดีในการทำของหวานที่อร่อย และได้ประโยชน์อีกด้วยค่ะ

ให้นมลูก กินน้ำอะไรได้บ้าง ? 

สำหรับคุณแม่ที่กำลังให้นมที่กำลังสงสัยว่า ถ้าให้นมลูก จะกินน้ำอะไรได้บ้างนั้น เรามีไอเดียสำหรับเครื่องดื่มมาให้ลองเลือกดังนี้ค่ะ 

  1. น้ำดื่มสะอาด น้ำเปล่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับแม่ให้นม เพื่อส่งเสริมให้ร่างกายได้รับน้ำที่เพียงพอ ให้ร่างกายผลิตน้ำนมได้เพียงพอนั่นเองค่ะ 
  2. น้ำผลไม้ 100% เช่น น้ำมะพร้าว นอกจากจะช่วยให้คุณแม่รู้สึกสดชื่นแล้ว ยังเป็นแหล่งวิตามินซี แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ แต่ควรระวังน้ำตาลที่สูงในผลไม้ ดังนั้นควรดื่มแต่พอดีนะคะ 
  3. น้ำขิง จะช่วยทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ส่งผลให้ผลิตน้ำนมได้ดีขึ้นตามไปด้วย  

สำหรับนมประเภทต่างๆ เช่น นมวัว นมถั่วเหลือง ฯลฯ ควรระมัดระวังในการดื่ม เนื่องจากลูกของเราอาจจะแพ้ หรือท้องอืดได้ค่ะ 

คุณแม่ให้นม ควรออกกำลังกายแบบไหน ต้องระวังอะไรบ้าง ? 

สำหรับคุณแม่ที่ไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน ก็ไม่ควรออกกำลังกายหนักทันที เพราะอาจทำให้เหนื่อยล้า ปวดเมื่อยได้ค่ะ แต่ว่าหากเป็นคุณแม่ที่ออกกำลังกายอยู่แล้ว การออกกำลังกายจะทำให้มีกรดแลกติกเพิ่มขึ้นในน้ำนม ซึ่งอาจทำให้น้ำนมมีรสขม และเปรี้ยว แต่ไม่ได้เป็นอันตรายนะคะ เพียงแค่ว่าลูกของเราอาจไม่อยากกินนมเพราะรสขมหรือเปรี้ยวได้ แต่หลังจากออกกำลังกาย 30 นาทีไปแล้ว ปริมาณกรดแลคติกก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติค่ะ จึงแนะนำคุณแม่ว่าควรให้นมลูก หรือปั๊มนมออกก่อนออกกำลังกาย หรือว่ารอ 30 นาทีหลังจากออกกำลังกายก่อนแล้วค่อยให้นมอีกครั้ง นอกจากนั้นคุณแม่ไม่ควรออกกำลังกายให้หนักจนเกินไป ควรออกกำลังกายอย่างพอเหมาะ สำหรับคุณแม่ที่สนใจท่าบริหารร่างกายหลังคลอด เราเจอข้อมูลคำแนะนำจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ลองดูเพิ่มเติมได้เลยค่ะ  

BabyGift แนะนำสินค้าเพื่อคุณแม่ให้นม

1. MOMMY BOOSTER น้ำหัวปลีน้ำผึ้งตะไคร้ 180 ml. แพค 15 ขวด

น้ำหัวปลีออร์แกนิค Mommy Booster ทำจากหัวปลีออร์แกนิคจากสวนเกษตรอินทรีย์ในจังหวัดนครปฐม ช่วยเพิ่มน้ำนมให้กับคุณแม่ มั่นใจในคุณภาพได้เพราะมีการรับรองด้วยงานวิจัยจากภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไม่เติมน้ำตาล และสารการบูด บำรุงเลือด บำรุงครรภ์ และ บำรุงน้ำนม 

จุดเด่น 

  • ดื่มได้ทั้งคุณแม่ตั้งครรภ์ และคุณแม่ให้นม ช่วยบำรุงเลือด บำรุงครรภ์ และบำรุงน้ำนม 
  • Mommy Booster มีส่วนผสมถึง 3 อย่าง ได้แก่ “น้ำหัวปลีเข้มข้น” ช่วยสร้างน้ำนม ทำให้น้ำนมข้น บำรุงเลือด มีการเติมความหวานจากธรรมชาติด้วย “น้ำผึ้ง” ไม่ต้องห่วงเรื่องอ้วน ปลอดภัย ไม่มีสารเคมี และ “ตะไคร้” ที่ช่วยล้างสารพิษ ช่วยลดการอักเสบ 

2. BUNNE & MAMALADE เสื้อชั้นในปั๊มนม รุ่น Empow-Her สีดำ

BUNNE & MAMALADE เป็นเสื้อชั้นในปั๊มนมที่มาในดีไซน์ Sport เข้ากับทุกไลฟ์สไตล์ ไร้โครงเหล็ก แต่โอบอุ้มเต้านมให้ทรงสวยได้ตลอด เป็นมนุษย์แม่ก็เท่ ปั๊มนมได้แบบ Hands Free และสามารถทำกิจกรรมอื่นไปด้วยได้ มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีมินท์, สีดำ และสีเทา  

จุดเด่น 

  • เป็นเสื้อในดีไซน์ Sport ที่เข้ากับทุกไลฟ์สไตล์ มี ตะขอหลัง 5 ระดับ ช่วยซัพพอร์ตคอ บ่า ไหล่  
  • ตัวเนื้อผ้าหลักเป็นคอตตอนสัมผัสนุ่มสบาย ตัวผ้าซับเต้าที่มีรูปั๊มเป็นผ้าใยไผ่ที่จะให้สัมผัสนุ่ม และไม่ระคายเคืองผิว ทำให้สวมใส่สบาย ระบายอากาศได้ดี ไม่อึดอัด

3. เครื่องปั๊มนม HAENIM 7X

HAENIM รุ่น 7X ตัวนี้ผลิต และนำเข้าจากประเทศเกาหลีค่ะ ผ่านการตรวจสอบและได้รับการรับรองมาตรฐาน อย. ไทย​ ปั๊มนมดูดลึกอย่างนุ่มนวล ปั๊มสบายไม่เจ็บเต้า ตอบโจทย์คุณแม่มือใหม่ คุณแม่ท้องแรกที่เพิ่งเคยปั๊มนม ปรับได้ทั้งความแรงและความเร็วรอบดูดในเครื่องเดียว เพิ่มทางเลือกให้ตรงใจแม่มากที่สุด ถึง 90 รูปแบบ​ 

จุดเด่น 

  • ตัวกรวยปั๊มมีให้เลือก 2 แบบ คือ กรวยเคลือบซิลิโคน NexusFit™ ให้ความรู้สึกนุ่มถนอมหัวนม ไม่เจ็บเต้า ไม่ย้วยแบบซิลิโคนทั่วไป แถมยังมีปุ่มนวดกระตุ้น เหมาะสำหรับคุณแม่ที่เนื้อหน้าอกเยอะ และกรวยซิลิโคนแบบบางพิเศษ NexusFit™ Basic ออกแบบให้ไม่มีปุ่มนวด เหมาะสำหรับคุณแม่ที่เนื้อหน้าอกน้อย​  
  • มีโหมดจดจำ ไม่ต้องตั้งค่าใหม่ ปั๊มนมครั้งต่อไปสะดวก ประหยัดเวลา​ 
  • มีโหมด Mute เปิด-ปิด ไร้เสียง มีโคมไฟและหน้าจอมีแสงไฟ ปั๊มกลางคืนได้โดยไม่ต้องเปิดไฟห้อง ไม่รบกวนลูกน้อยและคนรอบข้าง​ 
  • มีขวดนม PA (Polyamide) ใสเหมือนแก้ว ช่วยให้มองเห็นความผิดปกติของน้ำนมได้ดี​
  • ระบบ 1 มอเตอร์ คุณแม่สามารถเลือกปั๊มเดี่ยวหรือปั๊มคู่ได้ตามต้องการ​ และมีระบบหยุดอัตโนมัติ หลังการปั๊มนม 30 นาที เพื่อความปลอดภัย 

ในระหว่างให้นม คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มบางประเภท เช่น แอลกอฮอล์ กาแฟ เนื้อสัตว์ดิบ อาหารทะเลที่มีสารปนเปื้อน รวมถึงอาหารรสเค็มหรือเผ็ดจัด เพื่อให้น้ำนมแม่มีคุณภาพดี เกิดประโยชน์สูงสุด และปลอดภัย เป็นประโยชน์ต่อลูกของเรานั่นเองค่ะ  และหากใครสนใจผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการกระตุ้นน้ำนม ให้นมลูก อยากปรึกษาเรื่องให้นมลูก ห้ามกินอะไร ควรกินอะไรเพิ่มเติม หรือสนใจสินค้าแม่ และเด็กอื่นๆ ก็สามารถมาเยี่ยมชมสินค้าหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ BabyGift ร้านจำหน่ายสินค้าแม่และเด็กระดับคุณภาพ มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี คุณพ่อคุณแม่สามารถมาเยี่ยมมสินค้าได้ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ร้านเบบี้กิ๊ฟ ทั้ง 6 สาขา ใกล้บ้าน หรือ สอบถามผ่านช่องทาง Online ทีมงาน BabyGift ยินดีให้คำแนะนำค่ะ 

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00

บทความแนะนำ

เลือก ถุงเก็บน้ำนม ยี่ห้อไหนดี ? ต้องดูที่อะไรบ้าง ? น้ำนมจะเหม็นหืนมั้ย ? คุณค่าน้ำนมแม่ยังอยู่ครบถ้วนรึเปล่า ? ? อีกคำถามที่แม่ๆมักสงสัย เพราะไม่ใช่แค่ถุงเก็บนมแม่ แต่นี่คือถุงใส่อาหารของลูก วันนี้ BabyGift มี 7 เทคนิค เลือกถุงเก็บน้ำนมที่คุณแม่นักปั๊มมือใหม่ ต้องชอบแน่นอน ? จะมีอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลยค่า 1. พลาสติกหนา ทึบแสง ซิปล็อค 2 ชั้น ควรเลือก ถุงเก็บน้ำนมแม่ ที่ใช้วัสดุพลาสติกหนาทึบแสง มีความแข็งแรงไม่แตกหรือไม่รั่วซึมได้ง่าย และมีซิปล็อคแบบ 2 ชั้น เพื่อลดการรั่วซึมของน้ำนมแม่ออกจากถุง ช่วยลดกลิ่นเหม็นหืนในน้ำนมได้ และสามารถคงคุณค่าของน้ำนมแม่ได้เป็นอย่างดี 2. ขนาดที่เหมาะสมกับน้ำนมที่ปั๊มได้ช่วงเวลานั้น ถุงเก็บน้ำนมแม่ ควรมีขนาดที่เหมาะสมกับน้ำนมที่ปั๊มได้ช่วงในเวลานั้น อย่างช่วงแรกๆที่แม่อาจจะปั๊มได้ในไม่เยอะมากก็ควรเลือกใช้ขนาดเล็กลงมาหน่อย (4-5 ออนซ์) แล้วพอคุณแม่เริ่มปั๊มนมได้เยอะมากขึ้นค่อยขยับขนาดใหญ่ขึ้นไป การเลือกขนาดถุงพอดีกับน้ำนม จะช่วยให้แม่ๆประหยัดพื้นที่จัดเก็บในตู้แช่ได้ขนาดข้างเยอะ และยังไม่เปลืองถุง ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากเลยทีเดียวค่ะ 3. มีแถบบันทึก เขียนง่าย ชัดเจน ควรมีแถบเขียนเอาไว้จดรายละเอียดต่างๆ อย่างเช่น […]

หลายวันมานี้เราท่องโลกอินเทอร์เน็ตหนักมาก เพราะอยากรู้ว่าแม่ยุคใหม่เขาชอบอะไร ไอเทมไหนกำลังเป็นที่พูดถึงในกลุ่มแม่ๆ มากที่สุด จากการส่องพบว่าท็อปปิคที่ถูกพูดถึงมาก แต่ยังมีข้อมูลน้อยคือ “รถเข็นเด็ก” ไอเทมใหม่สำหรับแม่ลูกเล็กในยุคนี้นั่นเอง เราจึงไม่รอช้ารีบหาข้อมูลว่าคุณแม่ต้องการรถเข็นแบบไหนและพอจะสรุปได้ว่า คุณแม่ส่วนใหญ่ต้องการรถเข็นเด็กที่น้ำหนักเบา พับเก็บมือเดียวได้ เพราะส่วนมากไปกันสองคนแม่ลูก ต้องการระบบล้อที่ดี เข็นลื่นไหลไม่ต้องออกแรงมากส่วนใหญ่จะเข็นในสวนสาธารณะและทางเท้าซึ่งพื้นค่อนข้างขรุขระ สามารถปรับเอนได้เพราะลูกมักหลับตอนพาเที่ยว  วันนี้เลยไปคว้า รถเข็นเด็ก Aprica รุ่น LUXUNA CTS มารีวิวเผื่อคุณพ่อคุณแม่จะเก็บไว้เป็นตัวเลือกเวลาต้องออกไปด้านนอกกับเจ้าตัวเล็กเพียงลำพัง รีวิวรถเข็นเด็ก Aprica” รุ่น LUXUNA CTS เห็นรูปลักษณ์ทะมัดทะแมงอย่างนี้แต่น้ำหนักเบานะจ๊ะ ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการใช้งานมากๆ มาสำรวจสิว่าอะไรเป็นอะไร พอใช้งานจริงจะได้ไม่ยืนงง เริ่มต้นที่ด้ามจับเลยล่ะกัน เราว่าตอบโจทย์มากนะ เพราะสามารถปรับที่จับให้อยู่ด้านหน้าหรือด้านหลังลูกก็ได้ คุณแม่ที่กังวลว่าจะไม่มีปฎิสัมพันธ์กับลูกสบายใจเรื่องนี้ได้เลยและเลิศได้อีกกับล้อแบบ Auto 4 wheels ที่จะล๊อคล้อและคลายล๊อคล้อแบบอัตโนมัติในเวลาเราเปลี่ยนที่จับให้มาอยู่ด้านหน้าหรือด้านหลังก็ได้ ถ้าใครเคยเข็นลูกแบบแม่อยู่ด้านหน้าจะนึกออกเลยว่าเวลาเราเข็นแบบนี้แล้วถ้าล้อหลังหมุนไม่ได้ พอจะเลี้ยวซ้ายที เลี้ยวขวาทีก็ต้องตีวงอ้อมกว้างไปอีก บังคับทิศทางก็ยากมาก มาเจอล้อแบบ Auto 4 Wheels สบายเลยขนาดเราลองเข็นในที่แคบ ๆ ก็ยังเข็นง่ายเรียกว่าโดนใจสุดๆ การปรับก้านเข็นไปด้านหลัง ช่วยให้เข็นได้ง่าย ปรับเอนนอนได้ 170 องศา เมื่อปรับก้านเข็นมาด้านหน้า ระบบล้อจะถูกปรับเปลี่ยนการล๊อคได้แบบอัตโนมัติ นอกจากเรื่องปรับล้อหมุนแบบ 360 องศา Auto 4 Wheels เรื่องรองรับแรงกระแทกที่ล้อก็โอเคเลย […]

หลังจากเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ กฎหมายคาร์ซีท เกี่ยวกับเด็กที่อายุไม่เกิน 6 ปี หรือสูงไม่เกิน 135 ซม. ผู้ปกครองต้องจัดหาที่นั่งพิเศษให้สำหรับเด็ก หรือนั่งในที่นั่งพิเศษสำหรับเด็ก (คาร์ซีท) เพื่อป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ หากไม่ทำตามกฏหมายก็จะถูกปรับ 2,000 บาท โดยจะมีผลบังคับใช้ในอีก 120 วันข้างหน้า ซึ่งตรงกับวันที่ 5 กันยายน 2565 นี้ เมื่อมี กฎหมายคาร์ซีท ออกมาแล้วคุณพ่อคุณแม่หลายท่านก็ต้องมองหาคาร์ซีทให้ลูกอย่างจริงจังเลยใช่ไหมคะ แล้วคาร์ซีทแบบไหนเหมาะสำหรับลูกเรา แบบไหนปลอดภัยกว่า วันนี้ Baby Gift ได้รวบรวมข้อมูลมาให้กับคุณพ่อคุณแม่ได้เตรียมความพร้อมแล้วค่ะ ไปดูกันเลย หลังจากเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ กฎหมายคาร์ซีท เกี่ยวกับเด็กที่อายุไม่เกิน 6 ปี หรือสูงไม่เกิน 135 ซม. ผู้ปกครองต้องจัดหาที่นั่งพิเศษให้สำหรับเด็ก หรือนั่งในที่นั่งพิเศษสำหรับเด็ก (คาร์ซีท) เพื่อป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ หากไม่ทำตามกฏหมายก็จะถูกปรับ 2,000 บาท โดยจะมีผลบังคับใช้ในอีก 120 วันข้างหน้า ซึ่งตรงกับวันที่ 5 กันยายน 2565 […]

   ผ้าฆ่าเชื้อ AG Pure เป็นนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นเพื่อส่งเสริมความสะอาดและสุขอนามัยที่ดีสำหรับเด็กทารกและเด็กเล็ก ที่มีภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง ผ้าชนิดนี้จึงถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์เด็กหลายประเภท โดยเฉพาะในผ้าหุ้มคาร์ซีทแบรนด์ Ailebebe ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย  ผ้า AG Pure ในคาร์ซีทฆ่าเชื้อโรคได้จริงไหม ปลอดภัยสำหรับผิวบอบบางของทารกหรือไม่ มาทำความรู้จักกันเลยค่ะ  AG Pure คืออะไร ? ผ้าฆ่าเชื้อแบคทีเรียปลอดภัยต่อทารกไหม ?  AG Pure คือผ้าฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ที่จดสิทธิบัตรโดย Ailebebe มีคุณสมบัติพิเศษในการฆ่าเชื้อด้วยเส้นใย Agreza® ซึ่งพัฒนาขึ้นโดยสถาบัน Toyobo STC Co., Ltd. จากประทศญี่ปุ่น โดยมีการผสมซิลเวอร์ไอออน ทำให้สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ถึง 99%  ผ้าชนิดนี้ได้รับการทดสอบความปลอดภัยจากสถาบัน Boken Quality Efracing Organization และผ่านมาตรฐาน EN71-3 ของยุโรป ซึ่งเป็นมาตรฐานสำหรับของเล่นเด็ก ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัยต่อผิวหนังของทารกและเด็กเล็ก แม้ในกรณีที่เด็กเอาเข้าปากก็ไม่มีอันตราย กลไกการฆ่าเชื้อของเส้นใย Agreza® ด้วยพลัง Silver ion  กลไกการฆ่าแบคทีเรียจะใช้ […]

คาร์ซีท คืออุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยสำหรับเด็กในขณะที่เดินทางด้วยรถยนต์ ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีราคา ฟังก์ชั่น ที่แตกต่างกัน ทำให้คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ คน ไม่แน่ใจว่าจะเลือกแบบไหนดีที่ลูกยอมนั่ง โดยเฉพาะคาร์ซีทแรกเกิด ที่ต้องให้ความสำคัญและใส่ใจในการเลือกเป็นพิเศษ เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายของเด็กบอบบางที่สุด ซึ่งการจะซื้อคาร์ซีทให้ปลอดภัย ต้องเลือกจากหลาย ๆ อย่าง เช่น เลือกประเภทคาร์ซีทให้เหมาะกับการใช้งาน เหมาะกับวัย ส่วนสูง และน้ำหนักของลูก  วันนี้ Babygift จึงจะพาพ่อแม่ทุกคน มารู้จักกันว่า คาร์ซีทมีทั้งหมดกี่แบบ แต่ละแบบมีข้อดี ข้อเสียอย่างไรบ้าง ไปดูกันเลย ความสำคัญของการติดตั้งคาร์ซีท การติดตั้งคาร์ซีทอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการใช้งาน เพราะแม้จะซื้อรุ่นที่มีความปลอดภัยสูงสุด แต่หากติดตั้งผิดวิธี ก็อาจไม่สามารถปกป้องลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ งานวิจัยพบว่าเด็กที่ใช้คาร์ซีทที่ติดตั้งถูกต้องจะมีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บลดลงถึง 70% เมื่อเทียบกับการไม่ใช้เลย นอกจากนี้ วิธีนั่งคาร์ซีทที่ถูกต้อง ยังช่วยให้ลูกรู้สึกสบายและปลอดภัยในการเดินทางทุกครั้ง กฎหมายคาร์ซีท กฎหมายคาร์ซีทในประเทศไทยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 17 สิงหาคม 2566 โดยกำหนดให้เด็กต้องนั่งคาร์ซีทถึงกี่ขวบ คือ เด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ต้องมีคาร์ซีทระหว่างการโดยสารรถยนต์ หากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท แต่จะต้องทำตามหลักเกณฑ์ […]

เมื่อลูกน้อยของเราเริ่มโตขึ้นและมีอายุ 6 เดือนขึ้นไป นอกจากการให้นมแม่แล้ว คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ คนอาจจะกำลังมองหาอาหารเสริมอื่น ๆ ให้กับเด็ก ๆ เพื่อรับประทานร่วมกับนมแม่ เป็นการเพิ่มคุณค่าทางโภชนการให้ลูกน้อย ให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากขึ้น และยังเป็นการฝึกให้เริ่ม  กินอาหารชนิดอื่นนอกจากนมแม่อีกด้วย โดยทั่วไปแล้วเรามักจะคุ้นเคยกับวิธีการเตรียมอาหารบดละเอียดให้ลูก แต่ปัจจุบันมีการกินที่เรียกว่า BLW (Baby-Led Weaning) ที่เป็นการฝึกให้ลูกน้อยของเราได้ช่วยเหลือตัวเองตั้งแต่เล็ก และยังส่งผลดีต่อการพัฒนาการของลูกอีกด้วย BLW คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร ส่งผลดีต่อเด็กอย่างไร และคุณแม่จะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง มาดูกันเลยค่ะ BLW คืออะไร ? ชวนรู้จักวิธีการฝึกลูกน้อยกินข้าวมื้อแรกด้วยตัวเอง ผู้ปกครองหลายคนอาจเกิดความสงสัยว่า BLW คืออะไร ? Baby – Led Weaning หรือ BLW คือการฝึกให้ลูกของเรากินอาหารได้ด้วยตัวเองตั้งแต่มื้อแรก โดยที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องเตรียมอาหารปั่นหรืออาหารบดให้ลูกน้อย แต่เป็นการให้ลูกน้อยใช้มือหยิบจับอาหารนิ่ม ๆ เป็นชิ้นเล็ก ๆ และกินด้วยตัวเอง ให้ลูกได้ฝึกหยิบจับอาหาร ฝึกเคี้ยว และช่วยเหลือตัวเองตั้งแต่เด็ก จะนั่งกินเองหรือนั่งกินไปพร้อมกับคุณพ่อคุณแม่ก็ได้เช่นกัน โดยสามารถฝึกให้ลูกกินแบบนี้ได้ตั้งแต่อายุ 6 […]

Menu
All Categories
All Brands
All Ages
Promotions
Locations
BabyGift Family
BabyGift Care
Parents Guide
News & Event

All Categories

All Categories
All Brands
All Ages