แชร์วิธีห่อตัวเด็กทารก ทำตามง่าย ลูกน้อยหลับสบาย ลดสะดุ้ง !

หลาย ๆ คนที่เคยไปฝึกอบรมเข้าคอร์สคุณพ่อคุณแม่มือใหม่มานั้น นอกจากการสาธิตวิธีการอุ้ม วิธีการอาบน้ำเด็กแรกเกิด  และวิธีดูแลเด็กเล็กในเรื่องต่างๆ แล้ว การฝึกห่อตัวทารกก็เป็นทักษะที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ควรรู้เช่นกัน การห่อตัวเด็กเล็กนั้นจะช่วยให้เด็กรู้สึกสบายตัว และรู้สึกปลอดภัย คล้ายกับยังอยู่ในครรภ์ของคุณแม่ การห่อตัวเด็กเล็กจึงช่วยให้ลูกนอนหลับได้ง่าย ทั้งยังรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ทั้งนี้ก็ต้องมี วิธีห่อตัวเด็ก อย่างถูกต้องด้วย ทำได้อย่างไร มาดูกันเลยค่ะ

แชร์ วิธีห่อตัวเด็ก ที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ทำตามได้จริง

นอกจากความสำคัญของการห่อตัวเด็กแล้ว ในบทความนี้ BabyGift จะพามารู้จักวิธีห่อตัวทารกในแบบต่าง ๆ รวมถึงตอบคำถามเกี่ยวกับการห่อตัวเด็ก และแนะนำผ้าห่อตัวเด็กคุณภาพดีให้กับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่กันค่ะ ตามมาอ่านเรื่องนี้กันได้ในบทความนี้เลยนะคะ 

ทำไมถึงต้องห่อตัวเด็กเล็ก ? การห่อตัวเด็กจำเป็นหรือไม่ ?

การห่อตัวเด็กแรกเกิดนั้นจะช่วยให้เด็กสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมภายนอกได้ ทั้งยังช่วยกระชับแขนขา ช่วยลดอาการสะดุ้งตกใจจากเสียงดัง และยังช่วยรักษาความอบอุ่นให้กับลูกน้อย ทำให้ลูกไม่หนาวและนอนหลับได้นานขึ้น ทั้งยังทำให้ลูกรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย เสมือนอยู่ในครรภ์ของคุณแม่ ให้ความรู้สึกว่ากำลังถูกโอบกอดอยู่ ในเด็กบางคนที่ผวาตื่นได้ง่ายหรือนอนสะดุ้งบ่อย ๆ วิธีห่อตัวเด็กอย่างถูกวิธีก็จะทำให้นอนหลับได้นานขึ้น ร่วมกับการกล่อมลูกนอนด้วย White noise อย่างเสียงน้ำไหล เสียงฝนตก เสียงลมธรรมชาติ ก็จะทำให้ลูกหลับสนิทและผ่อนคลายได้มากขึ้น ส่งผลให้ลูกนอนหลับพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ค่ะ อย่างไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่เองก็ต้องรู้วิธีห่อตัวเด็กอย่างถูกต้องด้วยเหมือนกัน เพราะถ้าห่อตัวผิดวิธี ก็อาจส่งผลเสียต่อลูกน้อยได้ ซึ่งการห่อตัวเด็กทารกโดยหลัก ๆ แล้ว มีอยู่ 3 วิธีด้วยกัน แต่ละวิธีจะนั้นจะเป็นอย่างไร ไปดูกันเลยค่ะ 

วิธีห่อตัวทารก แบบต่าง ๆ มีอะไรบ้าง ?  

ก่อนจะไปดูวิธีห่อตัวเด็กเล็ก อันดับแรกที่จำเป็นต้องมีก็คือ ผ้าสำหรับห่อตัวลูกนั่นเอง ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งผ้าอ้อมหรือผ้าขนหนู โดยแนะนำให้เลือกเป็นผ้าที่มีผิวสัมผัสนุ่มละมุน ทำให้ลูกน้อยรู้สึกสบายตัว ส่วนความหนาของผ้านั้น ควรเลือกให้เหมาะกับสภาพอากาศ มีขนาดที่ใหญ่พอดีจนสามารถห่อตัวเด็กเล็กได้ และเมื่อห่อตัวเรียบร้อยแล้วจะต้องมีความกระชับ ไม่เลื่อนหลุดขณะลูกดิ้นหรือขยับตัว เตรียมผ้ากันเรียบร้อยแล้วหรือยังคะ ถ้าพร้อมแล้วก็มาดูขั้นตอนการห่อตัวเด็กพร้อม ๆ กันเลยค่ะ 

1. ห่อตัวแบบคลุมศีรษะ 

วิธีห่อตัวเด็กแบบคลุมศีรษะ เหมาะสำหรับการพาลูกน้อยออกไปนอกสถานที่ เช่น ไปโรงพยาบาล หรือไปทำธุระนอกบ้าน จะช่วยให้เด็กรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยได้มากขึ้น ทำได้ดังนี้ค่ะ 

  • ขั้นตอนแรก วางผ้าลงกับเตียงหรือเบาะนอนโดยให้มุมผ้าชี้ขึ้นด้านบน แล้วพับมุมผ้าลงให้เป็นรูปสามเหลี่ยม 
  • วางตัวลูกน้อยให้ศีรษะอยู่ต่ำกว่าขอบชายผ้าเล็กน้อย 
  • นำผ้ามาคลุมศีรษะลูกให้แนบไปตามลำตัว และจัดแขนของลูกข้างใดข้างหนึ่งให้แนบลำตัว 
  • พับชายผ้าให้มาอีกฝั่ง โดยให้ผ้าห่มทับลำตัวของลูกน้อย และเหน็บชายผ้าไว้ใต้รักแร้ของลูก กระชับผ้าให้พอดี 
  • ทำอีกด้านให้เหมือนกัน โดยเหน็บผ้าไว้ใต้ลำตัวของลูกน้อย 
  • จับชายผ้าด้านล่างมัดขมวดเป็นปม เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

2. ห่อตัวแบบเปิดศีรษะ

วิธีห่อตัวทารกแบบเปิดศีรษะ ใช้สำหรับการพาลูกน้อยออกจากโรงพยาบาลหลังคลอด หรือเวลาห่อตัวอยู่บ้าน เป็นต้น

  • ขั้นตอนแรก วางผ้าลงบนเตียงหรือเบาะนอนโดยให้มุมผ้าชี้ขึ้นด้านบน แล้วพับมุมผ้าลงให้เป็นรูปสามเหลี่ยม 
  • วางตัวลูกน้อยลงบนผ้า โดยให้ชายผ้าอยู่ในระดับไหล่ของลูก 
  • ให้แขนของลูกน้อยอยู่แนบลำตัว และพับผ้ามาอีกฝั่ง จากนั้นนำแขนอีกหนึ่งข้างทับผ้าไว้  
  • พับผ้าอีกด้านให้ทาบตัวของลูกน้อย เก็บชายผ้าโดยการสอดใต้ลำตัวของลูก 
  • จับชายผ้าด้านล่างมัดขมวดเป็นปม เป็นอันเสร็จเรียบร้อย 

3. ห่อตัวแบบเปิดแขนข้างใดข้างหนึ่ง 

วิธีห่อตัวเด็กแบบนี้ เหมาะสำหรับการเจาะสายน้ำเกลือ ฉีดยา หรือจำเป็นต้องตัดเล็บ ซึ่งเป็นการเปิดแขนออกมาจากผ้า 1 ด้าน เพื่อสร้างความสะดวกสบายในการทำหัตถการทางการแพทย์ วิธีการคล้ายๆ แบบที่ 2 แต่ต่างกันเล็กน้อยทำได้ดังนี้ค่ะ  

  • ขั้นตอนแรก วางผ้าลงบนเตียงหรือเบาะนอนโดยให้มุมผ้าชี้ขึ้นด้านบน แล้วพับมุมผ้าลงให้เป็นรูปสามเหลี่ยม 
  • วางตัวลูกน้อยลงบนผ้า โดยให้ชายผ้าอยู่ในระดับไหล่ของลูก 
  • จับแขนของลูก 1 ข้างให้แนบชิดลำตัว และจับชายผ้าพาดมาอีกฝั่งหนึ่งให้อยู่ใต้รักแร้ของลูกพอดี และจับแขนของลูกทับผ้าไว้  
  • พับผ้ามาอีกฝั่ง โดยให้ผ้าสอดไว้ที่ใต้แขนของลูก เพื่อให้แขนอีกด้านสามารถอยู่นอกผ้าห่อตัวได้ 
  •  เก็บชายผ้าโดยการสอดใต้ลำตัวของลูก และจับชายผ้าด้านล่างมัดขมวดเป็นปม เป็นอันเสร็จเรียบร้อย 

แล้วพ่อแม่ควรห่อตัวเด็กเล็กจนถึงกี่เดือน ?  

โดยปกติแล้ว สามารถห่อตัวลูกน้อยของเราได้ตั้งแต่แรกเกิดจนอายุไม่เกิน 3 สัปดาห์ เพราะถ้าเริ่มโตขึ้นก็จะขยับเคลื่อนไหวตัวมากขึ้น และอาจจะเริ่มพลิกตะแคง พลิกคว่ำ ซึ่งถ้าหากห่อตัวในช่วงที่เด็กสามารถพลิกตัวหรือคว่ำเองได้แล้ว อาจเสี่ยงต่อการหลับไหลตาย (Sudden Infant Death Syndrome : SIDS) เพราะการคว่ำทำให้หน้าจมลงที่นอน ส่งผลให้ทารกหายใจไม่ออก ทั้งยังไม่สามารถพลิกกลับมานอนหงายได้เอง และการพันผ้าห่อตัวลูกน้อยก็อาจทำให้ถูกรัดแน่น ขยับดิ้นไม่ได้ ทำให้ขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตได้ค่ะ ดังนั้นแล้ว ถ้าสังเกตว่าลูกเริ่มขยับมากขึ้นหรือพลิกตะแคง พลิกคว่ำได้เองแล้ว ควรเลิกห่อผ้าให้ลูกน้อย เพื่อเป็นการป้องกันเหตุไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นได้  

แจกเคล็ดลับดีๆ วิธีห่อตัวเด็ก ให้ปลอดภัย  

  1. ควรให้ลูกน้อยนอนหลับในท่านอนหงาย เฝ้าดูลูกเป็นระยะเพื่อให้แน่ใจว่าลูกไม่พลิกตัวนอนคว่ำหรือนอนตะแคงข้างในระหว่างที่ถูกห่อตัวขณะนอนหลับ 
  2. จัดผ้าปูที่นอน และผ้ารองนอนบนเตียงให้ตึงอยู่เสมอ เพราะผ้าปูที่นอนหรือผ้ารองนอนที่ย่น รวมถึงผ้าห่อตัวเด็กที่พันไว้อย่างหลวมๆ อาจหลุดออกและไปอุดปากอุดจมูกของเด็ก ซึ่งอาจทำให้ขาดอากาศหายใจได้  
  3. วัสดุรองนอนของลูกไม่ควรนิ่มจนบุ๋มเป็นแอ่ง เพราะอาจทำให้หายใจไม่สะดวก ทั้งนี้ ควรแยกที่นอนของลูกน้อยออกจากเตียงของพ่อแม่ เพื่อป้องกันการนอนทับลูก หรือเกิดอุบัติเหตุอื่นๆ ที่ไม่คาดคิด 
  4. ควรสังเกตลูกน้อยในระหว่างที่ห่อตัวนอนหลับอย่างสม่ำเสมอ เพราะการห่อตัวอาจทำให้อุณหภูมิร่างกายของลูกสูงกว่าปกติ หากลูกมีเหงื่อออกตามตัว ผมเปียกชื้น แก้มแดงกว่าปกติ มีผื่นขึ้นเพราะอากาศร้อน ควรคลายผ้าห่อตัวออก เพราะอาจทำให้เด็กไม่สบายตัวได้  

BabyGift แนะนำผ้าห่อตัวเด็กคุณภาพดี ให้ลูกน้อยหลับสบาย 

1. ผ้าห่อตัวใยเทนเซล GRANNY BEN 

ผ้าห่อตัวใยเทนเซล (Tencel Muslin Swaddle Cloth) เป็นผ้าห่อตัวอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ มีขนาด 47 x 47 นิ้ว ใช้งานได้อย่างหลากหลาย พร้อมหูคล้องสองด้านสำหรับแขวนกันตกหรือตากแห้ง ใช้ห่อตัวเด็กเพื่อกันสะดุ้ง คลุมให้นม เช็ดตัวหลังอาบน้ำ ใช้ห่มนอน ปูรองนอน คลุมกันแดด รองนั่งรถเข็น หรือคาร์ซีท นำมาใช้ได้สารพัดประโยชน์ ตอบโจทย์การใช้งานทุกรูปแบบ

2. ผ้าห่อตัวเด็ก BABY & CO. 

นอกกจากจะต้องรู้วิธีห่อตัวเด็กอย่างถูกต้องแล้ว การเลือกใช้ผ้าห่อตัวที่นุ่มสบายและมีคุณภาพดีก็สำคัญต่อลูกน้อยเช่นกัน หากคุณแม่ท่านใดอยากได้ผ้ามัสลินสำหรับห่อตัวเด็กแรกเกิด ขอแนะนำอีกหนึ่งยี่ห้อของ BABY & CO. เนื้อผ้าเนียนนุ่มให้ลูกน้อยรู้สึกสบายตัว ซึมซับรวดเร็ว แห้งไว นอกจากนี้ ยังมีขนาดใหญ่ถึง 47 นิ้ว ครอบคลุมทุกการใช้งานทั้งคุณแม่และลูกน้อย

3. ผ้าห่อตัวสาลูใยไผ่ NAPPI

ผ้าห่อตัวสาลูใยไผ่จาก NAPPI ตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ลูกน้อยหลับง่าย ลดการร้องไห้และผวาตื่น ให้สัมผัสนุ่มสบายกว่าผ้าสาลูทั่วไป ระบายอากาศดีมาก ดูดซับความชื้น เหงื่อ และซับน้ำได้ดี ช่วยให้ลูกน้อยแห้งสบายตัว เหมาะสำหรับลูกน้อยที่มีผิวบอบบาง มีขนาดใหญ่ 47 X 47 นิ้ว ใช้ได้สารพัดประโยชน์ทั้งห่อตัว ห่ม ปูรองนอน เช็ดตัว คลุมให้นม พิมพ์ด้วยสี Non-Toxic ปราศจาก AZO-DYE ไม่มีสาร Phthalate ฟอร์มาลดีไฮด์ และสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อลูกน้อย

วิธีห่อตัวเด็กอย่างถูกต้องนั้น จะช่วยให้ลูกน้อยหลับสบายได้มากขึ้น ลดอาการสะดุ้งและอาการผวาขณะนอนหลับได้ เพราะการห่อตัวทำให้ลูกรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย คล้ายกับการอยู่ในครรภ์คุณแม่ อย่างไรก็ตาม เมื่อลูกน้อยโตขึ้นจนไม่สามารถห่อตัวได้แล้ว หากอยากให้ลูกน้อยนอนหลับได้ง่ายขึ้นและหลับได้ยาวนานขึ้น การใช้เปลไกวทารกก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำหรับการกล่อมลูกนอนค่ะ สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังชั่งใจว่าจะเลือกเปลไกวแบบหน้า-หลัง หรือไกวแบบซ้าย-ขวา เลือกแบบไหนดี ? BabyGift มีเขียนบทความเรื่องนี้เอาไว้ อ่านเพิ่มเติมได้เลยนะคะ หรือหากต้องการอุปกรณ์ของใช้เด็กอ่อนอื่นๆ เพิ่มเติม สามารถเข้ามาเยี่ยมชมสินค้าได้ที่ร้าน BabyGift ร้านจำหน่ายสินค้าแม่และเด็กระดับคุณภาพ มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี ซึ่งสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ร้านเบบี้กิ๊ฟทั้ง 6 สาขาใกล้บ้าน หรือสอบถามผ่านช่องทาง Online ทีมงาน BabyGift ยินดีให้คำแนะนำค่ะ  

อ้างอิงที่มาข้อมูลบางส่วนจาก :  https://www.youtube.com/watch?v=ZySzj_w2rd0
 คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00

บทความแนะนำ

คาร์ซีทนั้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับลูกน้อย และต้องใช้ตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึงวัยที่สามารถรัดเข็มขัดนิรภัยขณะนั่งรถได้อย่างปลอดภัย และคาร์ซีทเองก็มีอยู่หลายแบบ หลายยี่ห้อ และหลายราคาเช่นกัน ซึ่งคาร์ซีทที่เป็นของใหม่นั้น คุณพ่อคุณแม่บางท่านก็อาจจะมองว่ามีราคาสูงเกินไป และต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย ก็เลยมองหาคาร์ซีทมือสองที่มีราคาย่อมเยากว่า โดยเฉพาะคาร์ซีทแบรนด์ดังจากประเทศญี่ปุ่นแบบมือสองที่มีราคาย่อมเยากว่าของใหม่มาก และดูจากสภาพภายนอกก็ยังมีความใหม่ ไม่เก่า และน่าใช้ แต่ความจริงแล้ว เราควรใช้คาร์ซีทแบบมือสองหรือเปล่า ? จะเลือกอย่างไร ? คุณภาพจะดีหรือไม่ ต้องพิจารณาอย่างไร มาอ่านเพิ่มเติมกันเลยค่ะ  ควรซื้อไหม คาร์ซีทมือสอง ? แชร์สิ่งต้องรู้ก่อนซื้อคาร์ซีทแบบมือสอง ในบทความนี้กัน !  เคยสงสัยกันมั้ยคะว่า ทำไมคาร์ซีทแบรนด์ดังนำเข้าจากญี่ปุ่นทั้งหลายที่ขายกันตามท้องตลาดในราคาสองสามหมื่นบาทนั้น เมื่อเป็นคาร์ซีทมือสองก็ยังคงมีสภาพเยี่ยมเหมือนใหม่แถมยังดูน่าใช้ ที่สำคัญคือขายกันในราคาแค่ไม่กี่พันบาทเท่านั้น เรียกได้ว่าทั้งสภาพ และราคาดูมีความน่าสนใจ ดูมีความคุ้มค่ามากๆ จนหลายคนอยากซื้อมาใช้ให้ลูกนั่งกันเลยทีเดียว แต่ความจริงก็คือ คาร์ซีทมือสองญี่ปุ่นเป็นสิ่งที่คนญี่ปุ่นเค้าไม่ใช้กันแล้ว เรียกง่ายๆ ก็คือ เป็นของที่เค้าเอาทิ้งกันแล้วนั่นเอง แต่ด้วยเทคนิคการทำความสะอาดขั้นเทพของคนญี่ปุ่นที่ไม่ว่าของจะเก่า เลอะเทอะ เปรอะเปื้อนแค่ไหน ไม่ว่าจะมีคราบเลือด คราบอาเจียน มีเชื้อรา มีกลิ่นเหม็นจากปัสสาวะเด็ก หรือมีคราบสิ่งสกปรกอื่นๆ หรือสีซีดจางขนาดไหนก็สามารถนำมาทำความสะอาดให้ดูเหมือนใหม่ได้ ทำให้คาร์ซีทที่ถูกใช้มานานหลายปียังดูสะอาดและสวยสภาพดีไม่ต่างจากของใหม่นั่นเองค่ะ และถ้าเป็นแบบนี้ะถ้าเป็นแบบนี้ คาร์ซีทมือสอง ปลอดภัยจริงหรือ ? ควรซื้อมาใช้หรือไม่ เรามาดูกันต่อเลยค่ะ   ในขั้นตอนการทำความสะอาดคาร์ซีทที่สกปรกมากๆ […]

ขอแสดงความยินดีกับว่าที่คุณแม่คนใหม่ด้วยนะคะ! กำลังกังวลกันอยู่ใช่มั้ยล่ะ ว่าตอนท้องอ่อนๆ จะสามารถทำอะไรได้บ้างทำอะไรไม่ได้บ้าง วันนี้เราเลยนำเรื่องที่คุณแม่มือใหม่ควรหลีกเลี่ยงมาบอกกันค่ะ ไม่แปลกใจที่คุณแม่บางท่านจะกังวลมากๆ ในช่วงท้องอ่อน เพราะในช่วงสามเดือนแรกนั้น อวัยวะต่างๆ ของลูกน้อยในท้องของคุณแม่ยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ค่ะ ดังนั้นในระยะนี้จึงมีความเสี่ยงต่อการแท้งมากกว่าในไตรมาสอื่นๆ ช่วงนี้คุณแม่ที่ท้องอ่อนๆ ต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการรับประทานอาหาร สิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัว หรือการใช้ยาต่างๆ ดังนั้น เรื่องความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญ กังวลได้แต่อย่าเครียดนะ เพราะความเครียดก็เป็นสิ่งที่คุณแม่ต้องพึงระวังไว้ด้วย กำลังคิดจะไปทานแซลมอน ลาบก้อย หอยนางรมฉลองสมาชิกใหม่กันอยู่รึเปล่า ช่วงนี้คุณแม่อาจจะต้องงดไว้ก่อนนะ เพราะอาหารที่ปรุงไม่สุกส่วนใหญ่อาจปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียที่จะทำให้คุณแม่ท้องเสียหรืออาเจียนได้ แถมยังอาจทำให้เป็นโรคทอกโซพลาสโมซิส (Toxoplasmosis) ซึ่งเจ้าโรคนี้เนี่ยมันเกิดจากเชื้อปรสิตทอกโซพลาสมา กอนดิไอ(Toxoplasma gondii) ที่สามารถแพร่ไปสู่ลูกน้อยในท้องของคุณแม่ได้ค่ะ เห็นชื่อน่ากลัวแบบนี้ มันก็น่ากลัวจริงๆ นะ เพราะหากติดโรคนี้ตอนท้องก็อาจจะทำให้แท้งไปเลย หรือไม่ก็ลูกอาจจะเสียชีวิตในท้อง ไม่ก็อาจมีอาการของโรคเมื่อคลอดออกมา สังเกตง่ายๆ เลยค่ะ ถ้าคุณแม่ที่ติดเชื้อนี้ตอนท้อง ลูกคลอดออกมาจะมีขนาดศีรษะที่ไม่ปกติ อาจจะเล็กหรือไม่ก็ใหญ่กว่าเด็กคนอื่นๆ แถมพอโตไปก็อาจจะตาบอดหรือสติปัญญาอาจจะด้อยกว่าเด็กอื่นๆ ด้วยนะ แต่แต่แต่ ถ้าคุณแม่เคยเป็นโรคนี้ก่อนท้องแล้วก็ชิวชิวค่า เพราะร่างกายคุณแม่มีภูมิคุ้มกันแล้ว ไม่กลับมาเป็นอีกแล้วล่ะ คุณแม่ที่กำลังใช้ยาอยู่ หยุดก่อนค่ะ! ได้ถามคุณหมอรึยังว่ายาตัวนั้นคนท้องทานได้มั้ย คุณแม่อย่าชะล่าใจไปน้าเพราะยามีหลายประเภทแล้วก็ออกฤทธิ์แตกต่างกัน เพราะงั้นยาบางตัวอาจมีผลต่อการสร้างอวัยวะของลูกน้อยได้ เช่นพวกยารักษาสิว Isotretinoin นี่ตัวดีเลยค่ะ เพราะมันเป็นยาที่รุนแรงมาก มากจนอาจทำให้ลูกพิการได้เลยนะ หรือพวกยาที่ใช้รักษาไมเกรน เช่น Cafergot เพราะมันทำให้มดลูกของพวกเราบีบตัวจึงอาจทำให้คลอดก่อนกำหนดได้ พอคุณแม่ทานยาเข้าไปปุ๊ป ลูกก็จะได้ยาพวกนี้ผ่านทางรกด้วยค่ะ แต่ผลกระทบต่อลูกก็จะขึ้นอยู่กับปริมาณยาที่คุณแม่ทานเข้าไปนะ เพราะฉะนั้นหากจะทานยา […]

เคยมีคนบอกว่า แต่งงานแล้วอย่าเพิ่งมีลูกนะ เดี๋ยวไม่มีเวลาได้ไปท่องเที่ยว เพราะถ้ามีลูกน้อยจะเดินทางแต่ครั้ง ต้องเตรียมสัมภาระของลูก 1 กระเป๋าใหญ่ ต้องรับมือกับลูกที่อาจร้องงอแง เพราะพักผ่อนไม่เต็มที่ ถึงเวลานอนแล้วไม่ได้นอน งอแงต้อให้อุ้มตลอดเวลา ก็คงเที่ยวไม่สนุก แล้วก็จะเข็ดไม่อยากไปไหนอีกเลย แต่รู้ไหมว่าไม่ใช่สิ่งที่ดีสำหรับลูกน้อยเลย เพราะเด็กในช่วงวัยนึง เป็นช่วงวัยที่ต้องการการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆจากสิ่งแวดล้อมภายนอก ช่วยส่งเสริมให้พัฒนาการของลูกน้อยเป็นไปอย่างดีเยี่ยม …แต่ถ้าไม่ได้พาลูกออกนอกบ้านเลย แล้วจะเรียนรู้ได้อย่างไรหล่ะ??? แต่สำหรับครอบครัวพ่อเพชรจ้า-แม่นิวเคลียร์ สามารถพาน้องไทก้าเที่ยวได้ทุกที่ได้อย่างคล่องตัว พาออกนอกบ้านตั้งแต่น้องยังเล็กๆอยู่เลยค่ะ ก็เพราะมีตัวช่วยอย่าง รถเข็นเด็ก Aprica รุ่น Karoon เป็นรถเข็นเด็กที่เบาที่สุดในโลกก็ว่าได้ เพราะเบาเพียง 3.6 kg. TRIP KOREA รถเข็นเด็ก Aprica รุ่น Karoon กับทริปแรกของน้องไทก้า ในวัยประมาณ 6 เดือน เดินทางไปไกลถึงแดนกิมจิ ประเทศเกาหลี ด้วยน้ำหนักที่เบาเพียง 3.6 kg. ช่วยให้นำรถเข็นขึ้นเครื่องได้อย่างสบาย รถเข็นเด็ก Aprica รุ่น Karoon ปรับเข็นได้ 2 ทิศทาง ช่วยให้พ่อเพชรจ้าดูแลน้องไทก้าได้อย่างใกล้ชิด แบบ face to face […]

เส้นไหมทอละเอียด Silky Air นวัตกรรมใหม่จาก Aprica ที่มีในรถเข็นเด็ก รุ่น Luxuna Light และรุ่น Luxuna CTS Silky Air เส้นไหมทอละเอียดนุ่มเบาสบายระบายอากาศได้ดี มีความยืดหยุ่นลดภาระการเคลื่อนย้ายตัวของเด็ก Silky Air เป็นการผสมกันกับไหมและเส้นไฟเบอร์เรียงยาวละเอียดให้ความยืดหยุ่นเบาสบาย เมื่อเทียบกับผ้าคอตตอนแบบเก่าที่ผสมกับฟองน้ำที่มีความยืดหยุ่นต่ำระบายอากาศได้ไม่ดี มาเลือกความเบาสบายให้ลูกของคุณกับ Silky Air กับคุณสมบัติพิเศษ 3 ข้อ ดังนี้ 1. เบาะรองนั่งสามารถระบายอากาศได้เป็นอย่างดี ช่วยเพิ่มการระบายความชื้นมากขึ้นอีก 10%  เพราะ Silky Air เป็นวัสดุที่สามารถระบายอากาศได้อย่างดีเยี่ยม  การระบายความชื้นได้ดีเป็นตัวบ่งบอกว่าความร้อนไม่สามารถก่อตัวขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ประสิทธิภาพในการระบายความชื้นขึ้นอยู่กับความแตกต่างลักษณะรูปร่างของเด็กด้วย  2. สัมผัสที่อ่อนนุ่ม ผลิตจากวัสดุที่อ่อนนุ่มและสามารถระบายอากาศได้ดีให้ความรู้สึกเบาสบายเมื่อสัมผัสกับผิวที่บอบบางของทารก 3. สามารถทำความสะอาดด้วยเครื่องซักผ้า เบาะรองนั่งสามารถถอดออกและนำไปซักในเครื่องซักผ้าได้อย่างง่ายดายจึงทำให้คงความสะอาดตลอดเวลา สรุป ด้วยคุณสมบัติที่ดีเยี่ยมกับนวัตกรรมใหม่ ของ Silky Air ทั้ง  3 ประการ จึงนำมาใช้กับรถเข็นเด็ก Aprica รุ่น Luxuna Light และรุ่น Luxuna CTS ได้เหมาะสมที่สุดกับเด็กแรกเกิด และเหมาะสมที่สุดกับคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการรถเข็นเด็กที่เบาและง่ายต่อการเดินทางไปทุกที่ กับคุณสมบัติพิเศษที่สามารถใช้คู่กับเป้อุ้มเด็ก Colan CTS ได้อีกด้วย รวดเร็วและสะดวกในการปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามไลฟ์สไตล์ของคุณแม่ คุณแม่สามารถเลือกใช้ได้อย่างใดอย่างหนึ่งได้อย่างง่ายดาย นวัตกรรมใหม่ในการใช้รถเข็นเด็กและเป้อุ้มเข้าด้วยกัน เป็นตัวช่วยให้คุณแม่พร้อมออกเดินทางได้ทุกสถานการณ์

สอนดูแลลูกตั้งแต่แรกเกิดแบบจับมือทำ โดยผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพที่มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี เพราะการเลี้ยงลูกไม่ใช่เรื่องง่าย..#BabyGift เข้าใจและมองเห็นถึงความสำคัญ จึงได้ร่วมกับ พี่กัลนมแม่ กลุ่มแม่และเด็ก คลินิกนมแม่ สรุปเทคนิคดูแลทารกแรกเกิด โดยผู้เชี่ยวชาญ #พี่กัลนมแม่ จากในงาน 𝐌𝐨𝐦𝐦𝐲’𝐬 𝐋𝐨𝐯𝐞 𝐌𝐚𝐠𝐢𝐜 จะมีอะไรบ้าง ? ตามมาดูกันเลยค่ะ 1. ดูแลการกินของทารก #นมแม่ดีที่สุด ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน ลดความเสี่ยงติดเชื้อต่างๆ ได้ ถ้าลูกไม่ยอมดูดเต้าให้แม่ใช้เครื่องปั๊มนม และขวดนมแรกเกิดป้อนนมแม่ให้กับลูกน้อยแทน 2. หมั่นสังเกตการเจริญเติบโตลูกน้อย ปกติแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ น้ำหนักลูกน้อยจะเพิ่มขึ้น วันละ 30 กรัม หากน้ำหนักเพิ่มน้อยกว่านี้ ควรรับคำแนะนำจากแพทย์ค่ะ 3. สังเกตการขับถ่ายของลูก อุจจาระแต่ละสีบอกสุขภาพลูกได้ หากมีสีขาวหรือแดงเข้ม หรือหากมีปัสสาวะขุ่น มีตะกอน อาจมีการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะได้ ควรปรึกษาแพทย์ทันที 4. การนอนของทารก ท่านอนที่ดีที่สุดของทารก คือ การนอนหงาย เด็กแรกเกิดควรนอน 16-18 ชั่วโมง/วัน เพื่อให้ Growth Hormone […]

คุณอรุณศรี พิริยเลิศศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบบี้ กิ๊ฟ (ไทยแลนด์) จำกัด ได้รับเกียรติเชิญให้เป็นวิทยากรให้ความรู้แก่บุคลลากรทางการศึกษา จำนวน 70 ท่าน ภายใต้ชื่อ “ความจำเป็นของคาร์ซีทและการเลือกใช้คาร์ซีทอย่างไรให้ถูกวิธี” ณ โรงเรียนเลิศหล้า ทั้งนี้ความรู้เกี่ยวกับการเลือกใช้คาร์ซีทอย่างถูกวิธี เพื่อให้บุคลลากรทางการศึกษาได้มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับความจำเป็นของคาร์ซีท และสามารถนำมาปรับใช้กับนักเรียนในโรงเรียนได้ เพื่อให้สอดคล้องกับการบังคับใช้คาร์ซีทสำหรับเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 กันยายน 2565 นี้

Menu
All Categories
All Brands
All Ages
Promotions
Locations
BabyGift Family
BabyGift Care
Parents Guide
News & Event

All Categories

All Categories
All Brands
All Ages