ทำไม? ลูกไม่กินนมสต๊อก และวิธีฝึกลูกน้อยกินได้สำเร็จ

เพราะลูกน้อยคือที่สุดของความรักจากใจแม่ไม่มีอะไรเทียบได้ คุณแม่ทุกท่านจึงต้องเลือกและหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกน้อยเสมอ และ “น้ำนมแม่” คือหนึ่งในอาหารที่มีคุณค่ามากที่สุด และดีที่สุดต่อลูกน้อย เป็นอาหารที่ไม่ต้องไปซื้อหาที่ไหน ด้วยเพราะน้ำนมนั้นกลั่นมาจากอกจากธรรมชาติในร่างกายแม่ที่มุ่งมั่นตั้งใจจะให้ลูกน้อยได้รับคุณค่าสารอาหารเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการอย่างครบถ้วน
ซึ่งการให้นมแม่ได้ยาวนานที่สุด และเต็มที่ที่สุดแก่ลูกน้อย นอกจากจะส่งผลดีเยี่ยมต่อพัฒนาการในทุกด้าน สร้างเสริมภูมิต้านทานทำให้ลูกกินนมแม่ไม่ป่วยง่าย ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากมาย รวมถึงการให้นมแม่ยังดีต่อสุขภาพแม่ในแง่มุมต่างๆ ทั้งการช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็ว มีส่วนช่วยคุมกำเนิดได้ในช่วงหนึ่ง พร้อมกับทำให้สุขภาพและรูปร่างของคุณแม่กลับคืนมาหุ่นดีได้เร็วและง่ายขึ้นด้วย
ดังนั้นเพื่อให้ลูกน้อยได้รับพลังคุณค่าสารอาหารจากน้ำนมนมแม่ให้ยาวนานเต็มที่ คุณแม่ทุกท่านจึงมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำสต๊อกน้ำนมสะสมไว้ให้ลูกมากๆ และหลายๆ ท่านก็เป็นคุณแม่นักปั๊มได้สำเร็จ มีน้ำนมแม่ให้ลูกเต็มที่ เต็มตู้แช่ แต่ทว่าปัญหาที่คุณแม่กลับต้องพบเจอ คือ ลูกไม่กินนมสต๊อก ที่ทำไว้ จึงมีคำถามมากมายว่าทำไม? ลูกจึงไม่ยอมกิน เพราะเป็นนมแม่เหมือนกัน
เราจึงชวนมาดูสาเหตุที่ลูกน้อยไม่ยอมกินนมสต๊อก พร้อมกับวิธีการฝึกลูกน้อยกินนมแม่จากสต๊อกว่าต้องทำอย่างไร เพื่อแก้ปัญหาให้สำเร็จ ให้ลูกน้อยกินนมได้แม่ยาวนาน ได้รับที่สุดของโภชนาการนมแม่นี้อย่างเต็มที่ไปจนโตค่ะ

สาเหตุที่ ลูกไม่กินนมสต๊อก
- ลูกติดกินนมแม่จากเต้า ด้วยเพราะความอบอุ่นจากเต้า การได้อิงแอบแนบชิดกับคุณแม่ตลอดเวลา ทำให้ลูกน้อยมีความสุข มีความมั่นคงปลอดภัย ดังนั้นเมื่อคุณแม่นำนมแม่สต๊อกใส่ขวดมาให้ลูก ลูกจึงไม่ยอมกิน รวมถึงอาจไม่รู้ว่าการดูดนมจากขวดจะช่วยทำให้อิ่มได้เพราะไม่เคยกินมาก่อน
- ลูกติดกินนมแม่อุ่นๆ เพราะน้ำนมแม่จากเต้ามีอุณหภูมิอุ่นพอเหมาะพอดี ซึ่งการกินนมสต๊อก บางครั้งคุณแม่อาจละลายน้ำนมหรืออุ่นนมแม่ได้ไม่ดี ไม่พอเหมาะแบบที่ลูกเคยกิน จึงทำให้ลูกปฏิเสธน้ำนมสต๊อกนั่นเอง
- ลูกติดวิธีการดูดนมแม่จากเต้า ไม่คุ้นเคยกับการดูดนมจากขวด ทำให้สับสนระหว่างการดูดนมจากเต้า กับดูดนมสต๊อกจากขวดนม เนื่องจากวิธีการดูดนมจากทั้งสองแบบไม่เหมือนกัน โดยการดูดนมแม่จากเต้าลูกน้อยจะต้องอมหัวนมและลานนมให้มิด ลึกและกว้างเพียงพอ และใช้ลิ้น ร่วมกับขากรรไกรช่วยในการดูดนมแม่ทั้งหมด แต่การดูดนมจากขวด จะใช้เพียงปากและลิ้นช่วยในการดูดเท่านั้น ไม่ต้องอ้าปากกว้างเพื่อดูดนมให้น้ำนมไหลออกมาเหมือนดูดจากเต้าแม่
- นมสต๊อกมีกลิ่นแรง รสชาติเปลี่ยนไป ทำให้ลูกน้อยที่ติดรสชาติน้ำนมสดๆ จากเต้าคุณแม่ ไม่ยอมกินนมสต๊อก แม้คุณแม่จะนำนมสต๊อกนั้นมาละลายให้หายเย็นหรืออุ่นแล้วก็ตาม เนื่องจากมีกลิ่นเหม็นหืนบ้าง และรสชาติ หรืออุณหภูมิน้ำนมก็เปลี่ยนไป ลูกจึงไม่ยอมกิน

วิธีฝึกลูกน้อยกินนมสต๊อก
เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาลูกน้อยไม่กินนมสต๊อก คุณแม่จะต้องเตรียมตัวหรือฝึกลูกน้อยให้กินนมแม่สต๊อกจากขวดล่วงหน้า และแก้ปัญหาด้วยวิธีการต่างๆ ดังนี้
- เริ่มฝึกให้ลูกกินนมสต๊อกให้เร็ว ก่อนคุณแม่ต้องกลับไปทำงาน โดยคุณแม่ควรฝึกให้ลูกกินนมสต๊อกได้หลังคลอดประมาณ 1 เดือน หรือก่อนกลับไปทำงานประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งน่าจะเป็นเวลาใกล้เคียงที่คุณแม่จะเริ่มปั๊มนมทำสต๊อกหลังจากที่ช่วงแรกต้องให้ลูกน้อยวัยทารกกินนมจากเต้าเป็นส่วนใหญ่ เพื่อให้คุ้นเคยและกินต่อเนื่อง รวมถึงหากป้อนนมขวดให้ลูกเร็วเกินไป อาจทำให้ลูกติดใจการดูดนมขวดที่ดูดง่ายและไหลคล่องกว่าได้ ด้วยวิธีการคือ- ฝึกให้ลูกกินนมสต๊อกจากขวดวันละครั้ง โดยใช้จุกนมไซส์เล็กสุด เพื่อไม่ให้น้ำนมไหลเร็วเกินไปจนลูกสำลัก และหากใช้จุกนมที่ไซส์ใหญ่เกินไป จะทำให้ลูกติดการกินนมที่ไหลเร็วไหลง่าย จนทำให้ลูกไม่ยอมกลับมากินนมจากเต้าคุณแม่ได้อีก– อาจเลือกใช้จุกนมที่คล้ายนมแม่ที่มีฐานกว้างใหญ่และมีความนุ่ม เพื่อเลียนแบบการดูดนมให้ใกล้เคียงกับการดูดนมจากเต้า ป้องกันลูกน้อยสับสนและสร้างความคุ้นเคย นอกจากนี้จุกนมที่คล้ายนมแม่หรือเสมือนนมแม่ มักจะออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกน้อยดูดลมเข้าไปในท้อง จนเกิดแก๊สในท้อง จึงมีส่วนช่วยทำให้ลูกสบายท้อง ป้องกันอาการปวดท้อง แน่นท้องได้
- ผสมนมแม่ที่ปั๊มสดจากเต้า กับน้ำนมสต๊อกที่ละลายแล้ว หมายถึงให้คุณแม่ผสมนมแม่ที่ปั๊มสดจากเต้า กับน้ำนมสต๊อกที่นำมาทำละลายแล้ว ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นทีละนิดทีละหน่อยทุกๆ 3 วัน เช่น- 1-3 วันแรก หากลูกดื่มนมครั้งละ 4 ออนซ์ ให้ใช้นมแม่ปั๊มสด 3 ออนซ์ ผสมนมสต๊อก 1 ออนซ์– วันที่ 4-6 ให้ผสมนมแม่ปั๊มสดเพิ่มเป็น 2 ออนซ์ ผสมนมสต๊อก 2 ออนซ์(สัดส่วนเท่ากับ 50:50) แล้วพอวันที่ 7-9 ให้เพิ่มนมสต๊อกขึ้นเรื่อยๆ เป็น 3 ออนซ์ ผสมนมแม่ปั๊มสด 1 ออนซ์ จนวันที่ 10 เป็นต้นไป คุณแม่ก็สามารถให้ลูกกินนมสต๊อกได้ทั้งขวด หรือตามปริมาณที่ลูกดื่ม
- ละลายหรืออุ่นนมสต๊อก ไม่ให้มีความเย็น นั่นคือการนำนมสต๊อกที่แช่แข็งมาทำให้ละลายและมีเนื้อน้ำนมที่เข้ากันดี ป้องกันปัญหาลูกไม่กินเพราะนมเย็นหรืออุณหภูมิผิดไป ลูกติดกินนมอุ่นๆ หรือนมจากเต้าคุณแม่ด้วยวิธีการอุ่นนมต่างๆ เช่น นำนมแม่จากช่องฟรีซมาทิ้งไว้ในช่องล่างของตู้เย็นธรรมดาให้นมละลายก่อน 1 วัน แล้ว ทำให้หายเย็น ด้วยการแช่ในน้ำอุ่น แต่วิธีการนี้อาจทำให้คุณแม่ลืมทิ้งไว้ หรือน้ำที่แช่ร้อนเกินไปจนทำนมแม่เสียคุณค่าอาหารดังนั้นจึงแนะนำวิธีการใช้เครื่องอุ่นนม เพื่อความรวดเร็วและสะดวก ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกหลายหลาย ราคาย่อมเยาและมีการทำงานหลายฟังก์ชั่น ทั้งอุ่นนม อุ่นอาหารและละลายน้ำแข็งได้ เนื่องจากจะช่วยให้คุณแม่สามารถนำนมสต๊อกแช่งแข็งมาอุ่นในเครื่องอุ่นนมได้ทันที สามารถตั้งอุณหภูมิได้ตามความเหมาะสม เพื่อไม่ให้น้ำนมร้อนหรือเย็นเกินไป ถือเป็นตัวช่วยที่ดีที่จะทำให้ลูกน้อยกินนมแม่จากสต๊อกได้ง่ายขึ้น
- หากลูกอายุเกิน 12 เดือน อาจเติมรสชาติเพิ่มเติม ในนมสต๊อกได้ เพราะด้วยวัยที่โตขึ้นลูกจะรับรู้และคุ้นเคยกับรสชาติต่างๆ จนทำให้ติดรสชาติและกินนมแม่จากสต๊อกที่มีกลิ่นและรสที่แตกต่างได้ยากมากขึ้น คุณแม่จึงอาจเติมรสชาติที่ลูกชอบลงไปในนมแม่สต๊อกนิดหน่อย เพื่อเปลี่ยนกลิ่นหืนและรสในนมแม่สต๊อก เช่น การเติมน้ำผลไม้ อาทิ น้ำส้มคั้น น้ำแอปเปิ้ล หรือน้ำหวาน แต่ต้องระวังไม่ใส่เยอะหรือหวานมากเกินไป เพราะลูกจะอ้วนและฟันผุได้ หรืออาจนำนมแม่สต๊อกนั้นไปเป็นอาหารที่ไม่ผ่านความร้อน เช่น ทำไอศกรีม กินนมผสมผลไม้ ทำนมปั่นสมูทตี้ เพราะลูกวัย 1 ปีสามารถกินอาหารได้หลากหลายมากขึ้น
- ไม่ให้ลูกกินนมอื่นๆ ควบคู่กับนมแม่ที่ทำสต๊อกไว้ เพราะหากลูกได้เคยกินรสชาติหรือกลิ่นจากนมผสมหรือนมอื่นๆ จะยิ่งทำให้ลูกกินนมสต๊อกได้ยากขึ้น หรือไม่ยอมกินเลย แต่หากลูกไม่เคยลิ้มรสชาติของนมอื่นเลย เมื่อถึงวันที่ต้องกินนมสต๊อก ก็จะยอมกินนมได้หมดหรือกินนมแม่จากสต๊อกได้มากขึ้น
เมื่อคุณแม่รู้สาเหตุของการปฏิเสธนมสต๊อกของลูกแล้ว ก็สามารถแก้ไขและฝึกลูกได้ โดยขอเพียงหมั่นฝึกฝนตามวิธีการต่างๆ ที่แนะนำ พร้อมกับใช้ตัวช่วยต่างๆ เช่น เครื่องอุ่นนม จุกนมที่ดี ร่วมกับการละลายนมสต๊อกที่ถูกต้อง และเทคนิคอื่นๆ โดยที่ไม่ให้ลูกกินนมอื่นๆ เด็ดขาด ก็มั่นใจได้ว่าลูกน้อยจะยอมกินนมแม่ที่สต๊อกไว้ได้ต่อเนื่อง เติบโตแข็งแรงด้วยพลังคุณค่าจากน้ำนมแม่ยาวนานแน่นอนค่ะ
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
หลังจากที่ได้เห็นข่าวที่เกี่ยวกับลูกน้อย วัยกำลังเริ่มแสบซน เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนเกี่ยวกับรถที่ผู้ปกครองขับ ไม่ว่าเค้าจะชนเรา หรือเราจะชนอะไรก็ตาม มีความเสี่ยงไปหมดดดดดด คาร์ซีท หรือเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็ก เป็นวิธีที่ดีที่สุดเพื่อความปลอดภัยในการเดินทางของเด็ก โดยเฉพาะเด็กเล็กและทารก เพราะคาร์ซีทช่วยลดความเสี่ยงการเสียชีวิตและการบาดเจ็บร้ายแรงอื่น ๆ จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ ความเสี่ยงในที่นี้ คือ เจ้าตัวน้อยของเราสามารถกระเด็น พุ่งหลุดออกจากอ้อมอกอ้อมกอดเราได้ทุกเมื่อ เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ทุกเวลา ต่อให้ระวังแค่ไหนก็เกิดขึ้นได้ หากเด็กไม่ได้อยู่ในระบบยึดเหนี่ยวภายในรถอย่างเหมาะสมและเหตุนี้หลากหลายประเทศถึงมีกฎหมายออกมาเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ที่เดินทางโดยใช้รถ จำเป็นต้องติดตั้งคาร์ซีท ก่อนจะได้ออกจากโรงพยาบาล อ้อมกอดของคุณจะปลอดภัยไปทุกครั้ง เพราะเด็กน้อย จำเป็นต้องมีคาร์ซีท การเลือกคาร์ซีทให้ลูกน้อย มีมาฝากเพียง 5 ข้อ คือ 1. มาตรฐานความปลอดภัย2. เข็มขัดนิรภัย 5 จุด3. ความใหม่ของผลิตภัณฑ์4. ราคา5. ความเหมาะสมกับรถยนต์ อย่างไรก็ตาม ความสำคัญของคาร์ซีทก็มีมากมาย หากไปดูหลายๆ เคสหรือหลายๆ ข่าว ก็จะมีให้เราผู้เป็นพ่อเป็นแม่เห็น ครั้งต่อไปจะมาเล่าเรื่องฝึกการนั่งคาร์ซีทให้กับลูกน้อยให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ได้ลองศึกษาดูนะคะ ขอขอบคุณบทความจาก : monkeykids
สำหรับ Working Women หลายๆ คน การทำงานก็คือการสร้างคุณค่าให้กับตัวเอง และเป็นความสุขในการใช้ชีวิต แต่เมื่อบริบทเปลี่ยนไป มีครอบครัว มีลูกขึ้นมาแล้ว ก็ต้องยอมรับว่าการปรับรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ แล้วถ้าเราขับรถเป็นประจำ พอท้องแล้วยังจะขับรถได้อยู่มั้ย ในบทความนี้ BabyGift จะมานำเสนอเรื่องเกี่ยวกับคนท้องขับรถได้มั้ย และคำแนะนำต่างๆ เพื่อให้คุณแม่อุ่นใจกันมากขึ้นค่ะ คนท้องขับรถได้ไหม ? ชวนคุณแม่ดูคำแนะนำ ข้อควรระวังเพื่อความปลอดภัยก่อนขับรถ ตลอดระยะเวลา 9 เดือนของการตั้งครรภ์ คุณแม่มักจะเผชิญกับคำถามมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ ซึ่งหนึ่งในคำถามที่พบบ่อยคือ “คนท้องขับรถได้ไหม?” คำถามนี้มักสร้างความกังวลให้กับคุณแม่หลายคน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องเดินทางเป็นประจำ การตัดสินใจว่าจะขับรถหรือไม่ในระหว่างตั้งครรภ์นั้นเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของทั้งแม่และลูกน้อยในครรภ์ ดังนั้น การทำความเข้าใจถึงข้อควรระวังและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการตัดสินใจที่เหมาะสมในแต่ละสถานการณ์ เราลองมาดูรายละเอียดกันค่ะ คนท้องขับรถได้ไหม ? โดยทั่วไปหากมีความจำเป็นคนท้องสามารถขับรถได้นะคะ แต่หากเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงดีกว่า โดยไม่ควรขับรถในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ เนื่องจากอาจมีอาการแพ้ท้องกะหันทัน จนไม่สามารถโฟกัสที่การขับขี่ได้ดีเท่าที่ควร (อ่านเคล็ดลับลดอาการแพ้ท้องของคุณแม่เพิ่มเติมได้อีกนะคะ) และในช่วงอายุครรภ์ 7-9 เดือน ควรงดขับรถโดยเด็ดขาด เนื่องจากครรภ์ใหญ่ขึ้น หากเบรกกระทันหันอาจทำให้ท้องกระแทกพวงมาลัยได้ อีกทั้งเป็นช่วงเวลาของการเตรียมตัวคลอด ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยหากจำเป็นต้องขับรถ BabyGift มีคำแนะนำเพื่อความปลอดภัยมาฝากดังนี้ค่ะ คำแนะนำเพิ่มเติมเมื่อคนท้องต้องขับรถ คนท้องขับรถมอไซค์อันตรายไหม […]
หน้ากากอนามัย สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ด้วยแสง UV ทั้ง หน้ากากอนามัยแบบผ้า หน้ากากอนามัยN95 แต่จะต้องถูกฆ่าเชื้อโรคอย่างถูกวิธี ถึงจะสามารถนำกลับมาใช้งานซ้ำได้อย่างปลอดภัย และหนึ่งในวิธีที่ได้รับการยอมรับว่าสามารถฆ่าเชื้อโรคที่ติดอยู่ที่หน้ากากอนามัย เหล่านี้ได้นั้นก็คือ ใช้ แสง UV-C ในการฆ่าเชื้อ ก่อนนำกลับมาใช้งานซ้ำ เรามาดูกันว่าต้องมีวิธีการอย่างไรบ้าง ? หน้ากากอนามัยแบบผ้า หน้ากากอนามัยประเภทนี้ควรเปลี่ยนทุกวันหลังการใช้งาน และสามารถซักทำความสะอาดได้ปกติ ซักได้ทุกวัน โดยมีข้อแนะนำดังนี้ หลังจากตากเรียบร้อยแล้ว ก็นำ หน้ากากอนามัย มาเข้า ตู้อบแสง UV เพื่อทำการฆ่าเชื้อโรคและไวรัสต่างๆ รวมถึงฆ่าเชื้อไวรัสโควิด 19 ได้ด้วย วิธีการง่ายๆคือ นำ หน้ากากอนามัย ใส่เข้าไปใน ตู้อบแสง UV อย่างน้อย 30 นาที โดยจะต้องวางหน้ากากให้แสง UV สามารถฉายแสงทั้งด้านนอกและด้านใน หน้ากากอนามัยN95 สำหรับการนำ หน้ากากอนามัย N95 กลับมาใช้ซ้ำ เราจะแนะนำให้ใช้ ตู้อบแสง UV เพียงอย่างเดียวในการฆ่าเชื้อ แต่ก็ยังมีหลายคนกังวลว่าหากนำมาฆ่าเชื้อโรคโดยใช้แสง UV แล้ว จะทำให้คุณสมบัติของ หน้ากากอนามัย ชนิดนี้จะลดลงไหม? […]
คาร์ซีทนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับลูกน้อย และคุณพ่อคุณแม่ควรเตรียมพร้อมคาร์ซีทให้เรียบร้อยก่อนที่ลูกน้อยจะคลอด เพราะเมื่อออกจากโรงพยาบาลมาแล้วก็ต้องนั่งคาร์ซีทกลับบ้าน ทั้งเพื่อความปลอดภัยสำหรับลูกน้อยเอง และเพื่อปฏิบัติตามกฏหโมายเรื่องการกำหนดที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก (คาร์ซีท) ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม 2566 เป็นต้นไป สำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ที่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกคาร์ซีท เด็กแรกเกิดอย่างไรดี ควรเลือกแบบไหน คาร์ซีทสำหรับเด็กมีกี่ประเภท เลือกอย่างไร BabyGift มีคำแนะนำดี ๆ มาฝากกันแล้วค่ะ เลือกคาร์ซีท เด็กแรกเกิด อย่างไรดี ? ต้องรู้อะไร ? เลือกยังไงดี หาคำตอบได้จากบทความนี้ ! คาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิด เป็นหนึ่งในสิ่งที่ต้องเตรียมไว้ให้กับลูกตั้งแต่ก่อนคลอด และควรที่จะให้ลูกได้ใช้ตั้งแต่วันแรกที่ออกจากโรงพยาบาล เนื่องจากร่างกายของเด็กทารกยังไม่แข็งแรง ยังไม่สามารถรับแรงกระแทกได้มากเท่าไหร่ อีกทั้งเราไม่รู้ว่าอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ จึงควรป้องกันไว้ก่อนและเตรียมความพร้อมในทุกสถานการณ์ คาร์ซีท เด็กแรกเกิด จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่รู้จะเลือกอย่างไรดี ต้องเลือกแบบไหน คาร์ซีท มีกี่แบบ ต้องเลือกอย่างไร ? ในบทความนี้ BabyGift มีเคล็ดลับดีๆ ในการเลือกซื้อคาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิดมาฝากกันค่ะ เรามารู้จักประเภทของคาร์ซีทกันก่อนเลย ซึ่งสามารถแบ่งประเภทของคาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิดได้ดังนี้ 1. New Born Only : หรือคาร์ซีทแบบกระเช้า คาร์ซีทประเภทนี้จะมีขนาดเล็ก […]
สวัสดีแม่ๆ แฟนเพจแม่ตูนนน์กับน้องต๊าตต์นะคะ วันนี้แวะมาเขียนรีวิวกันหน่อย เป็นไอเท็มประจำบ้านที่แม่ๆ ทุกคนต้องมีเลย เป็นเครื่องอบ และฆ่าเชื้อขวดนมและของใช้ ตู้อบแห้งฆ่าเชื้อ Prince&Princess Baby UV Mini มี 4 โหมดการใช้งาน หลายคนอาจจะเคยเห็นแบรนด์นี้มาบ้างแล้ว แบบที่เป็นตู้ใหญ่ ดูหรูหรา วันนี้เอาใจคุณแม่ที่อยู่บ้านหรือคอนโดที่มีขนาดไม่ใหญ่ แม่ตูนน์อยากแนะนำตู้อบรุ่น Baby UV mini จิ๋วแต่แจ๋วมากๆ ตะแกรงมาให้เพิ่มเติมในการวางเพิ่มพื้นที่การใช้งาน ถอดเข้าออกได้ สะดวก ด้านในสามารถวางขวดนมได้ 12 ขวด ด้วยวัสดุด้านในสามารถสะท้อนกระจายแสง UV ได้ทั่วถึง โหมด UV ที่แม่ชอบใช้ เพราะใช้ฆ่าเชื้อของเล่นน้องต๊าตต์ เพราะล่วงนี้น้องชอบเอามือเอาของเล่นเข้าปาก เลยต้องหมั่นดูแลความสะอาดและเชื้อโรค ความแตกต่างของตู้อบ UV กับเครื่องนึ่ง หลังจากที่แม่ใช้เครื่องนึ่งมาเดือนนึงมาเทียบกับเครื่องอบคือ ตอนนี้ลดราคาจาก 7,990.- เหลือ 5,990.- ราคาน่ารัก ขนาดกำลังดี คุณแม่คนไหนสนใจตามลิ้งค์นี้ค่า : ตู้อบBaby UV mini ติดตามอ่านฉบับเต็มได้ที่ : Tuniez Blog เพจแม่และเด็ก : Start […]
SIDS หรืออาการภาวะไหลตาย เป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เด็กทารกแรกเกิดเสียชีวิต ถือเป็นอีกสิ่งที่คุณพ่อ และคุณแม่ควรให้ความใส่ใจ และหาทางป้องกันไม่ให้เกิดอาการดังกล่าว ทาง BABY GIFT EXPERT จึงอยากพาคุณพ่อ คุณแม่ทุกคน มาทำความเข้าใจกันว่า SIDS คืออะไร และสามารถป้องกันได้อย่างไร SIDS คืออะไร นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ ได้อธิบายถึงภาวะ SIDS (Sudden Infant Death Syndrome) หรือภาวะไหลตายไว้ว่า เป็นภาวะเสียชีวิตขณะนอนหลับ เกิดขึ้นได้แม้ในทารกที่มีสุขภาพแข็งแรงดี พบบ่อยในช่วงอายุเด็กแรกเกิดถึง 1 ปี และพบบ่อยที่สุดในช่วงที่อายุ 2-4 เดือน โดยส่วนมากมักจะพบในเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิง สาเหตุของการเกิดภาวะ SIDS SIDS มีสาเหตุมาจากการกีดขวางการหายใจของทารกขณะนอนหลับ เช่น การจัดท่าให้ทารกนอนคว่ำ หรือนอนตะแคง การที่มีผ้าห่มหรือวัตถุนิ่มๆปิดหน้าทารกขณะนอนหลับ การถูกผู้ใหญ่นอนทับ เป็นต้น เนื่องจากทารกยังไม่สามารถเคลื่อนไหวศีรษะได้ดี ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงของภาวะนี้ คือ ทารกเกิดก่อนกำหนด ควันบุหรี่ และอุณหภูมิห้องนอนที่ร้อน ซึ่งอุณหภูมิห้องนอนที่เหมาะสมของทารกคือ […]






