ซื้อขวดนม ยี่ห้อไหนดี ? ชวนคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ไปช้อปของจำเป็นให้ลูกกัน !

ขวดนมเป็นอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นสำหรับทารกในช่วงแรกเกิด ยิ่งหากว่าคุณแม่จำเป็นต้องทำงาน หรือเดินทาง การใช้ขวดนมก็จะเป็นตัวช่วยที่บุคคลอื่นสามารถช่วยให้ลูกน้อยมีนมไว้กินได้ หรือในคุณแม่บางคนที่อาจจะมีภาวะแทรกซ้อนหลังคลอด ก็ใช้ขวดนมเป็นตัวช่วยได้อีกเช่นกัน เรียกได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวก เพิ่มความสบายให้กับคุณพ่อคุณแม่ที่เลี้ยงลูกน้อยเลยหล่ะค่ะ และในบทความนี้ BabyGift จะชวนคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ไปดูยี่ห้อขวดนมคุณภาพดี ราคามิตรภาพ พร้อมคำแนะนำต่างๆ ที่ควรรู้ในการเลือกซื้อขวดนมกันค่ะ
ขวดนม ยี่ห้อไหนดี ? รวมยี่ห้อดี คุณภาพแน่น ที่บรรดาคุณแม่ไว้วางใจ !
ก่อนที่เราจะพูดถึงเรื่องซื้อขวดนม ยี่ห้อไหนดี BabyGift ขอชวนคุณพ่อคุณแม่มาดูคำแนะนำในการเลือกซื้อขวดนมกันก่อนสักหน่อยค่ะ สิ่งที่ต้องโฟกัสก็คือ วัสดุ ที่มีทั้งแก้ว หรือพาสติก รูปทรงขวด จุกนม ความง่ายในการทำความสะอาด และที่สำคัญก็คือควรเลือกยี่ห้อที่มีคุณภาพ ใช้วัสดุที่ปลอดภัยต่อลูกน้อยของเราค่ะ สำหรับพ่อแม่มือใหม่ที่อยากเข้าใจวิธีการเลือกซื้อขวดนมให้มากขึ้นกว่านี้ เราเคยเขียนบทความไว้แล้วลองอ่านเพิ่มเติมกันดูนะคะ เอาหล่ะค่ะ ตอนนี้ได้เวลาของการแนะนำขวดนม ยี่ห้อไหนดี ? ที่เราเลือกมาแนะนำแล้ว ตามไปดูยี่ห้อดีๆ กันเลยค่ะ

BabyGift แนะนำ ขวดนม ยี่ห้อไหนดี ?

1. HAENIM ขวดนม รุ่น NOTHING™ ขนาด 5 ออนซ์ (ไม่รวมจุกนม)
หากกำลังมองหาขวดนมที่ใสเหมือนแก้ว มองเห็นน้ำนมชัดแจ๋วต้อง ต้องเลือกขวดนม จาก HAENIM รุ่น NOTHING™ นี้เลยค่ะ นี่คือขวดนมที่เป็น Medical Grade ผ่านมาตรฐานสากล มั่นใจไร้กังวลเรื่องสารปนเปื้อน ขวดคอกว้าง ง่ายต่อการทำความสะอาด ทนความร้อนได้สูงถึง 160 องศา สามารถฆ่าเชื้อได้ทุกรูปแบบ ฝาขวดน้ำหนักเบา เปิดได้ด้วยมือเดียว พร้อมวางตั้งเป็นแก้วน้ำได้ รุ่นนี้ไม่มีจุกนมมาให้นะคะ แต่สามารถใช้จุกนมขวดทรงคอกว้างของ PIGEON หรือ Dr.Betta ได้ค่ะ
จุดเด่น
- ใช้วัสดุ PA (Polyamide)ที่ใสเหมือนแก้ว โดยไม่มีการฟอกสี หรือ เคลือบสี ทนทานต่อรอยขีดข่วนและการตกแตก โปร่งใส ช่วยให้มองเห็นความผิดปกติของน้ำนมได้ดีกว่าวัสดุชนิดอื่น
- ขวด 5 ออนซ์ น้ำหนักเบาเพียง 36 กรัม ช่วยลูกน้อยฝึกจับเองได้ง่าย มีขีดปริมาณละเอียดทุก 10 ml. ทำให้คำนวณการดื่มนมในแต่ละมื้อได้ง่ายขึ้น
- ขวดทรงสูง ขนาดพอเหมาะกับการจับหรือถือ มี 2 ขนาด คือ 150 ml. (5 ออนซ์) และ 270 ml. (9 ออนซ์) และมี 4 สี ให้เลือก ได้แก่ Beige, Yellow, Pink และ White

2. PIGEON ขวดนม รุ่น PPSU WN3 Howapipi ขนาด 160 มล. (แพ็ค 2 ขวด)
ขวดนม PIGEON ทรงใหม่ที่มีรูปทรงจับได้ง่ายขึ้น มาพร้อมลวดลายสุดน่ารัก และจุกนม SoftTouch ที่พัฒนามาจากการเลียนแบบการดูดตามธรรมชาติของทารก ผลิตจากซิลิคอนที่อ่อนนุ่มพิเศษ สัมผัสเสมือนเต้านมมารดามากยิ่งขึ้น หมดปัญหาเรื่องการสับสนเต้า ตรงขวดมีเส้นบอกตำแหน่งริมฝีปากเพื่อให้พอดีกับปากทารก มีให้เลือกด้วยกัน 2 ขนาด คือ ขนาด 5 ออนซ์จะมาพร้อมจุกขนาด SS และ ขนาด 8 ออนซ์จะมาพร้อมจุกขนาด M
จุดเด่น
- เป็นขวดนมสีชาทนต่อความร้อนได้สูงถึง 180 องศาเซลเซียส ส่วนจุกนมทนความร้อนได้ถึง 120 องศาเซลเซียส
- ตัวขวดนมมีอายุการใช้งาน 1-2 ปี ปลอดสาร BPA & BPS ( BPA&BPS FREE)
- ขวดนม PIGEON มีระบบ Air Ventilation System (AVS™) ควบคุมการไหลเวียนของอากาศ ช่วยปรับสมดุลความดันอากาศภายในขวด ทำให้รู้สึกสบายท้องขณะดูด
- ส่วนของรูจุกนมออกแบบให้น้ำนมไหลตามปริมาณที่ทารกต้องการ หมดปัญหาสำลักนม

3. HEGEN ขวดนม ขนาด 2 oz. / 60 ml.
ขวดนมที่ผลิตจากพลาสติก PPSU พลาสติกคุณภาพสูงที่ทนต่อความร้อนได้ถึง 180 องศาเซลเซียส มาพร้อมกับจุกนมที่ไหลช้าเป็นพิเศษที่เหมาะสำหรับทารกที่คลอดก่อนกำหนดหรือน้ำหนักแรกเกิดต่ำกว่าเกณฑ์ที่ยังต้องค่อยๆ เรียนรู้ที่จะดูดนมและกลืน ดีไซน์เก๋ไก๋ใช้งานได้หลากหลาย แถมคุณแม่ยังสามารถเปลี่ยนขวดนมให้เป็นกล่องเก็บน้ำนม ขนม หรือผลไม้ได้อีก แค่เปลี่ยนจุกนมเป็นฝาผิด (ตัวฝาปิดแยกจำหน่าย) เรียกว่าตอบโจทย์คุณแม่ยุคใหม่เลยล่ะค่ะ
จุดเด่น
- เป็นขวดนมที่สามารถเปิด-ปิดได้ด้วยมือข้างเดียว หรือ PCTO (กดเพื่อปิด-บิดเพื่อเปิด) หยิบถือได้ง่าย และลดการหกเลอะเทอะ
- ออกแบบให้มีช่องลมของขวดนมที่ให้ลมเข้าได้น้อย ลดการเกิดฟองอากาศและลดการสูญเสียคุณค่าของน้ำนม ช่วยลดปริมาณลมที่จะเข้าสู่ท้องของลูกน้อยจากการดื่มนม
- จุกนมเป็นรูปทรงวงรีที่เลียนแบบหัวนมของแม่เพื่อกระตุ้นการดูดนมของเด็ก ทำให้การสลับระหว่างการเข้าเต้าแม่กับขวดนมเป็นไปอย่างราบรื่น และตำแหน่งหัวจุกนมที่ไม่ได้อยู่ตรงกลางของขวด ทำให้ลูกน้อยสามารถยกดื่มด้วยองศาที่เป็นไปอย่างธรรมชาติได้
- ล้างได้ง่าย และสะอาดกว่าที่เคย เข้าถึงทุกซอกทุกมุม ด้วยการออกแบบรูปทรงขวดนมที่มีปากกว้างและไม่มีเหลี่ยมมุม

4. DR.BETTA ขวดนม คอกว้าง รุ่น Brain WS2 240 ml.
ขวดนม ยี่ห้อไหนดี อีกหนึ่งยี่ห้อที่อยากแนะนำก็คือ DR.BETTA เป็นขวดนมที่คิดค้นโดยกุมารแพทย์ชาวอเมริกา และผลิตในประเทศญี่ปุ่น ออกแบบให้มีลักษณะโค้งมน ได้มุมการป้อนนมแบบเดียวกับที่มารดาให้นมบุตร รับรองคุณภาพด้วยรางวัล Kids Design Award และ Good Design Award ปลอดสาร BPA BPS วัสดุเป็นพลาสติก PPSU แบบใส ทนความร้อนได้มากถึง 180 องศาเซลเซียส มาพร้อมจุกนมที่คิดค้นจากประสบการณ์ของพยาบาลผดุงครรภ์ให้ลูกน้อยดูดนมได้ตามจังหวะที่เหมาะสมของตัวเอง
จุดเด่น
- ขวดนม Doctor Bétta คิดค้นโดยกุมารแพทย์ชาวอเมริกา และผลิตในประเทศญี่ปุ่น
- มีลักษณะโค้งมน ได้มุมการป้อนนมแบบเดียวกับที่มารดาให้นมบุตร ซึ่งให้ประโยชน์ถึง 3 อย่าง ได้แก่ ปลอดภัยต่อหูชั้นกลาง ช่วยให้สะดวกในการกลืน และ ช่วยลดการกลืนอากาศที่ไม่จำเป็น อันเป็นต้นเหตุของโรคโคลิค
- จุกนมที่คิดค้นพัฒนาจากแรงบันดาลใจ และประสบการณ์จริงของพยาบาลผดุงครรภ์
- ตัวขวดนมเป็นวัสดุ PPSU ทนความร้อนได้ถึง 180 องศาเซลเซียส ฝาครอบทำจากโพลิโพรพิลีน ทนความร้อนได้ถึง 120 องศาเซลเซียส และจุกนมทำจากซิลิโคน ทนความร้อนได้ถึง 120 องศาเซลเซียส

5. MAM ขวดนมป้องกันโคลิค PPSU 9 oz (จุกเบอร์ 2) คละสี
MAM เป็นขวดนมป้องกันโคลิค หรืออาการจุกเสียดของเด็กที่ทำให้ทารกร้องไห้หนัก
MAM ผลิตด้วยคุณภาพที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยจากยุโรป แถมยัง ปราศจากสาร BPS และ BPA มาพร้อมจุกนมที่ทำจากซิลิโคนเนื้อนุ่ม ทำให้ลูกไม่รู้สึกถึงความแตกต่างจากการดูดนมจากเต้าของแม่ น้ำนมไหลอย่างสม่ำเสมอ ไม่ต้องกังวลเรื่องการสำลัก ตัวขวดมีสีสัน ลวดลายน่ารัก ถูกใจเด็กน้อย มีให้เลือกด้วยกัน 2 แบบ ตามความชอบค่ะ
จุดเด่น
- ผลิตจากพลาสติก Polyphenylsulfone ปราศจากสาร BPS และ BPA ทนต่อความร้อนได้สูงถึง 180 องศาเซลเซียส ไม่ดูดซับสี และ กลิ่น แข็งแรงทนต่อแรงกระแทก
- มีฐานและวาล์วป้องกันโคลิคอยู่ใต้ขวด ซึ่งต่างจากขวดป้องกันโคลิคยี่ห้ออื่นที่มีรูระบายอากาศอยู่ที่จุกนม
- MAM ได้จดสิทธิบัตรจุกนมที่ทำให้ลูกไม่รู้สึกถึงความแตกต่างจากการดูดนมจากเต้าแม่ ตัวจุกนมทำจากซิลิโคนเนื้อนุ่ม ปลอดสารก่อมะเร็ง

5. MOYUUM ขวดนม PPSU ขนาด 170 ml.
MOYUUM เป็นขวดนมเด็กที่ผลิตจากวัสดุ PPSU ปลอดภัยต่อลูกน้อย คุณแม่ไร้กังวล มาพร้อมกับจุกนมที่ใช้ได้กับเด็กทารก จนถึงอายุ 2 เดือน ตัวขวดนมคอกว้าง ทำให้ง่ายต่อการชงนม และทำความสะอาด น้ำหนักเบา สามารถปรับเปลี่ยนเป็นที่จับขวดนมได้ ขึ้นอยู่กับการใช้งานสำหรับเด็กแต่ละช่วงวัย และสามารถเปลี่ยนเอาจุกนมออกและใส่หลอดดูดหัดดื่มเพื่อฝึกดื่มได้ ทนความร้อนได้ถึง 200 องศาเซลเซียส มีหลายสี และหลายลวดลายน่ารัก น่าใช้
จุดเด่น
- ขวดนมใช้วัสดุ PPSU ปลอดภัย ไร้กังวล เชื่อถือได้ ใช้งานได้ดีและปลอดภัยแน่นอน
- ขวดนมเด็ก และจุกนมซิลิโคน MOYUUM มีคุณภาพระดับโลก ได้มาตรฐานการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของสหรัฐอเมริกา
- ขวดนมใช้กับเครื่องอบฆ่าเชื้อได้ ใช้กับเครื่องล้างอัตโนมัติได้ ฆ่าเชื้อโรคในน้ำร้อน-ไอน้ำได้ ทนต่อความร้อนได้ถึง 200 องศาเซลเซียส
การเลือกซื้อขวดนม และความเข้าใจถึงความจำเป็นของขวดนมเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับคุณแม่มือใหม่ เพราะขวดนมคืออุปกรณ์ที่จะช่วยให้คุณแม่ใช้ป้อนอาหารที่ดีที่สุดให้กับเด็กทารกในตลอดช่วงแรกของชีวิตลูก ดังนั้นการเลือกขวดนมที่เหมาะสม ปลอดภัย ได้มาตรฐาน และเอื้อต่อการพัฒนาการการดูดกลืนน้ำนมของลูกน้อยนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่คุณแม่มือใหม่ที่ควรให้ความใส่ใจนั่นเองค่ะ สำหรับคุณแม่ที่มีปัญหาเรื่องน้ำนม ลองอ่านเรื่องวิธีกระตุ้นน้ำนมเพิ่มเติมได้อีกนะคะ และหากใครสนใจผลิตภัณฑ์ขวดนม ลังเลในการเลือกขวดนม ยี่ห้อไหนดี ? หรือสนใจสินค้าแม่ และเด็กอื่นๆ ก็สามารถมาเยี่ยมชมสินค้าหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ BabyGift ร้านจำหน่ายสินค้าแม่และเด็กระดับคุณภาพ มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี คุณพ่อคุณแม่สามารถมาเยี่ยมมสินค้าได้ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ร้านเบบี้กิ๊ฟ ทั้ง 4 สาขา ใกล้บ้าน หรือ สอบถามผ่านช่องทาง Online ทีมงาน BabyGift ยินดีให้คำแนะนำค่ะ
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
คุณแม่มือใหม่ หลายท่านอาจรู้สึกกังวลเมื่อสังเกตเห็นผิวของลูกน้อยลอกเป็นขุยหรือมีอาการแห้งสาก นั่นเป็นเพราะทารกผิวแห้งเป็นภาวะที่พบได้บ่อย เนื่องจากผิวของทารกนั้นบอบบางกว่าผู้ใหญ่อย่างมาก การทำความเข้าใจสาเหตุและรู้วิธีดูแลที่ถูกต้องคือสิ่งสำคัญที่สุด BabyGift ในฐานะผู้เชี่ยวชาญเรื่องสินค้าแม่และเด็ก เข้าใจดีว่าการดูแลผิวบอบบางของลูกรักนั้นละเอียดอ่อนแค่ไหน เราพร้อมให้คำแนะนำเพื่อฟื้นฟูความชุ่มชื้น และเสริมสร้างให้ผิวลูกน้อยแข็งแรง ทำไมผิวทารกถึงบอบบางและแห้งง่ายกว่าผู้ใหญ่ โครงสร้างชั้นผิวหนังของทารกยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) ที่ยังทำงานได้ไม่เต็มที่และมีความบางกว่าผิวผู้ใหญ่หลายเท่าตัว ทำให้ผิวทารกสูญเสียความชุ่มชื้นได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ทั้งยังไวต่อการระคายเคืองจากปัจจัยภายนอก เช่น อุณหภูมิ สารเคมี หรือการเสียดสี โครงสร้างผิวบอบบางที่ไม่แข็งแรงนี้เองที่ทำให้ทารกผิวแห้ง และเกิดปัญหาผิวแห้งลอกได้มากกว่าผู้ใหญ่ สาเหตุที่ทำให้ทารกผิวแห้งและลอก อาการทารกผิวแห้ง และผิวแห้งลอก มักเกิดจากการทำงานร่วมกันของปัจจัยภายในและภายนอก โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการสูญเสียความชุ่มชื้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีสาเหตุหลัก ๆ ที่คุณพ่อคุณแม่ควรทราบดังนี้ สภาพอากาศหรือห้องแอร์ที่แห้ง การที่ลูกน้อยต้องอยู่ในห้องปรับอากาศที่แห้งเป็นเวลานาน หรือการสัมผัสกับสภาพอากาศที่เย็นจัด จะดึงเอาความชุ่มชื้นออกจากผิวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ทารกผิวแห้ง และผิวแห้งลอกได้ง่ายมาก เพราะผิวที่บางอยู่แล้วไม่สามารถต้านทานการสูญเสียน้ำจากสภาพแวดล้อมที่แห้งได้ การอาบน้ำบ่อยหรือใช้น้ำอุ่นจัดเกินไป การอาบน้ำที่นานเกินไป หรือการใช้น้ำอุ่นจัดถือเป็นสาเหตุหลักที่ทำลายเกราะป้องกันผิวตามธรรมชาติ น้ำอุ่นจะชะล้างน้ำมันที่เคลือบผิวออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ผิวหนังสูญเสียความชุ่มชื้น และทำให้ทารกผิวแห้งได้ง่าย แม้จะเป็นเพียงการอาบน้ำในชีวิตประจำวันก็ตาม ผลิตภัณฑ์อาบน้ำที่ไม่เหมาะสม การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อาบน้ำที่มีส่วนผสมของสารเคมีรุนแรง เช่น สบู่ที่มีค่า pH เป็นด่างสูง มีน้ำหอม หรือแอลกอฮอล์ จะทำลายสมดุลและเกราะป้องกันของผิวบอบบางทารกอย่างรวดเร็ว […]
การใช้ชีวิตของคุณแม่ทุกคนจะเปลี่ยนไปแน่นอนเมื่อเริ่มตั้งท้อง เพราะฮอร์โมนในร่างกายของเราเปลี่ยนไป ทำให้ทั้งร่างกาย สุขภาพ และอารมณ์ของเราไม่เหมือนเดิม คุณแม่ที่ตั้งท้องมาถึงไตรมาส 2 จะต้องเจอกับปัญหาสุขภาพอะไรกันบ้าง เราไปดูกันค่ะ 1. ตะคริว ขอบอกเลยค่ะ ว่าอาการตะคริวนี่ถือว่าเป็นเพื่อนที่คุ้นเคยของแม่ท้องเลยทีเดียว เพราะมดลูกที่ใหญ่ขึ้นไปกดทับบริเวณเส้นเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนได้ไม่ดีพอ โดยอาการนี้มักจะเกิดขึ้นในช่วงเวลากลางคืน ในช่วงที่คุณแม่นอนราบนั่นเอง 2. ตกขาว อาการตกขาวก็เป็นอาการหนึ่งที่คุณแม่ต้องเจอเช่นเดียวค่ะ ถ้าตกขาวเป็นสีขาวปกติก็เป็นเรื่องทั่วไปนะ ไม่ได้มีปัญหาหรือน่าห่วงอะไร แต่เมื่อใดที่ตกขาวมีสีเปลี่ยนไป หรือมีกลิ่นเหม็นแล้วล่ะก็ คุณแม่จะต้องรีบไปพบคุณหมอนะคะ เพราะนั่นอาจจะเป็นสัญญาณว่าคุณแม่กำลังติดเชื้อทางช่องคลอดค่ะ 3. ฟันผุและปัญหาทางช่องปาก แม่ท้องจะต้องการแคลเซียมมากกว่าปกติ เพราะจะต้องแบ่งกับลูกน้อยด้วย และคุณแม่ที่รับแคลเซียมไม่เพียงพอจะพบกับปัญหาฟันผุ เนื่องจากโดนลูกแบ่งแคลเซียมไปนั่นเองค่ะ ส่วนสำหรับปัญหาทางช่องปากนั้น คุณแม่ส่วนใหญ่จะพบกับปัญหาเลือดออกตามไรฟันค่ะ เพราะฉะนั้นคุณแม่ควรจะไปพบทันตแพทย์เป็นประจำนะคะ 4. เลือดกำเดา ฮอร์โมนที่เปลี่ยนไปนำไปสู่ปัญหาในโพรงจมูกของคุณแม่ค่ะ เพราะฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้น จะทำให้ร่างกายของคุณแม่ผลิตเลือดเพิ่มขึ้นไปด้วย เส้นเลือดฝอยภายในจมูกจึงบวมและแตกออกมาได้ง่าย เพราะอย่างนั้นถ้าคุณแม่รู้สึกระคายเคืองในจมูก ขอแนะนำให้คุณแม่ใช้น้ำเกลือที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปล้างจมูกนะคะ และห้ามใช้ของแข็งแหย่เข้าไปในโพรงจมูกโดยเด็ดขาดเลยค่ะ 5. ผิวแตกลาย เนื่องจากท้องที่ใหญ่ขึ้น ผิวของคุณแม่จึงแตกเป็นลายทางค่ะ โดยผิวที่แตกลายนี้เราสามารถหาครีมมาทาเพื่อบรรเทาได้นะคะ แต่ในคุณแม่บางคนอาจจะเจออาการคันร่วมด้วย ซึ่งถ้าคุณแม่เผลอเกาแล้วนั้น ก็อาจจะทำให้เกิดบาดแผลและนำไปสู่การติดเชื้อได้ค่ะ 6. เส้นเลือดขอด น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น […]
เพราะความสวย หุ่นดี เป็นสิ่งที่คู่ควรกับผู้หญิงอย่างเราอยู่เสมอ… การเป็นคุณแม่ นอกจากต้องเสียสละ ความเป็นส่วนตัวไปแล้ว ยังต้องเสียสละการมีหุ่นที่สวยเป๊ะ เหมือนสาววัยแรกแย้มอีก เพราะต้องยอมรับก่อนเลยว่าการตั้งครรภ์นี่หุ่นของคุณแม่จะพังแน่นอน และยิ่งขณะตั้งครรภ์ไม่ดูแลรูปร่างตัวเอง น้ำหนักขึ้นมาเยอะอีกหล่ะก็ไม่ต้องพูดถึง หลังคลอดคุณแม่ต้องมานั่งกลุ้มใจเรื่องหุ่นแน่ๆ แต่สุดท้ายแล้วทุกปัญหามีทางออก ถ้าคุณแม่ให้ลูกกินนมแม่น้ำหนักก็จะลดเร็ว และยิ่งได้อยู่ไฟหลังคลอด ตามคำบอกเล่าโบราณอีก ก็พอทำให้หุ่นคุณแม่กลับมาเป๊ะเหมือนเดิมแน่นอน แถมบางคนยังมีผิวพรรณสดใสกว่าตอนก่อนตั้งครรภ์อีก…งานนี้แม่ๆ อยากจะรู้จักวิธีการอยู่ไฟแล้วใช่ไหม มันดียังไงกันนะ??? “อยู่ไฟ” หลังคลอด คงเป็นคำที่คุณแม่ทั้งหลายครุ่นคิดอยู่ในสมองว่า เราควรจะอยู่ไฟหลังคลอดดีไหม อยู่แล้วดีอย่างไร และควรทำที่ไหน วันนี้เราจะมาไขคำตอบคุณแม่ให้หายสงสัยกัน เพราะร่างกายของคุณแม่หลังคลอดจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแทบจะทุกระบบ ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ไม่ว่าจะเป็นผมร่วง เกิดจากฮอร์โมนในร่างกายลดลงอย่างรวดเร็ว หน้าอกขยายขึ้น เพราะมีการสร้างน้ำนมขึ้นมา ไปจนถึงมดลูกขยายตัวมาก ซึ่งเป็นปัญหาหลักของคุณแม่หลังคลอด การอยู่ไฟ เป็นการฟื้นฟูสุขภาพอีกรูปแบบหนึ่งสำหรับแม่หลังคลอด ซึ่งในสมัยก่อนยังไม่มียาปฏิชีวนะ ไม่มียาหยุดเลือด ไม่มียากระตุ้นน้ำนม การอยู่ไฟสมัยก่อนจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อช่วยฟื้นฟูร่างกายจากความเหนื่อยล้าให้กลับคืนสภาพปกติ แต่ในปัจจุบัน การอยู่ไฟถูกลดบทบาทลง ถ้าไม่อยู่ไฟในปัจจุบัน ถือว่าไม่อันตรายเพราะมียาครบครันกว่าสมัยก่อน ดังนั้นการอยู่ไฟจำเป็นต้องได้รับการปฏิบัติอย่างถูกต้องและเหมาะสม จึงจะช่วยฟื้นฟูสุขภาพหลังคลอดให้กลับคืนสู่สภาวะปกติได้โดยเร็ว ประโยชน์ที่ได้จากการอยู่ไฟ คือร่างกายคุณแม่จะฟื้นตัวเร็ว รูปร่างจะกลับมาดีขึ้น, น้ำหนักตัวลดลง, น้ำนมไหลดีขึ้น, เลือดไหลเวียนดี มีเลือดฝาด, ผิวพรรณผ่องใส, มดลูกเข้าอู่เร็ว, […]
แม่ใบเตย-พ่อแมน ปลื้มใจ ที่ได้ตัวช่วยดีๆอย่างรถเข็น Aprica เข็นพาลูกออกไปไหนมาไหนก็ลื่นสมูทไม่มีสะดุด ช้อปปิ้งนานแค่ไหน น้องเวทมนต์ ก็นอนสบายหลับสนิทไม่งอแง การมีรถเข็นเด็กแรกเกิดดีๆสักคันที่แม่ไว้วางใจ การพาลูกออกไปเดินเล่นนอกบ้าน ก็ไม่ใช่เรื่องยากคุณแม่ใบเตยเลือก รถเข็น Aprica รุ่น Optia Cushion Premuim พา น้องเวทมนต์ ไปข้างนอกแบบสบายๆ ปรับเป็นแบบเข็นไปเห็นหน้าลูกไปก็ได้ สบายใจหายห่วงสุดๆ ตามมาส่องความน่ารัก ” น้องเวทมนต์ “ ลูกสาวตัวน้อยของแม่ใบเตย-พ่อแมนสุดน่ารักกันเลยค่า BabyGift ยินดีแนะนำรถเข็นที่เหมาะกับลูกน้อยและไลฟ์สไตล์คุณพ่อคุณแม่ ทักมาปรึกษาได้เลยค่า
คุณแม่ทั้งหลายรู้สึกถึงลูกดิ้นกันรึยังจ้ะ ที่เค้าว่ากันว่าเวลาลูกดิ้นเป็นช่วงที่แฮปปี้สุดๆ นั้นไม่ใช่เรื่องโม้นะ เพราะว่ามันเป็นความมหัศจรรย์ที่น่าตื่นเต้น เหมือนโลกหยุดหมุนเลยล่ะ คุณแม่ๆ มือใหม่ทั้งหลายก็คงกำลังรอช่วงเวลานี้อย่างใจจดใจจ่ออยู่ใช่มั้ยคะ เรามาลองดูกันดีกว่าว่าลูกของคุณแม่ๆ ทั้งหลายจะเริ่มดิ้นกันตอนไหน ท้องเริ่มใหญ่แล้วแต่ลูกไม่เห็นดิ้นซักที… จริงๆ แล้วขนาดท้องก็ไม่ได้บ่งบอกถึงขนาดตัวลูกในท้องของคุณแม่นะ คุณแม่จะรู้สึกถึงการดิ้นของลูกเร็วหรือช้านั้นจะขึ้นอยู่กับผนังหน้าท้องของคุณแม่ต่างหากล่ะ คุณแม่ท่านไหนที่ดั้งเดิมเป็นคนตัวเล็ก ผนังหน้าท้องบาง ก็จะรู้สึกได้เร็วกว่าคุณแม่ที่มีผนังหน้าท้องที่หนาค่ะ ในช่วงท้องอ่อนๆ ขนาดตัวของลูกจะยังเล็กมาก ต่อให้ดิ้นเป็นวงกลมม้วนสิบตลบก็ไม่มีทางมาชนกับผนังหน้าท้องให้คุณแม่รู้สึกได้ค่ะ สำหรับคุณแม่ท้องแรกจะรู้สึกถึงลูกดิ้นตอนประมาณสัปดาห์ที่ 18-25 ส่วนคุณแม่ที่เคยตั้งท้องมาแล้วจะรู้สึกตอนประมาณสัปดาห์ที่ 13-14 ค่ะ ความรู้สึกแรกคือคุณแม่จะรู้สึกเหมือนโดนปลาตอดที่หน้าท้องเบาๆ อาจจะรู้สึกจั๊กจี้นิดนึง แต่มีความสุขสุดๆ ไปเลย ลูกดิ้นตอนไหนบ้างนะ? ลูกน้อยของเรามักจะหลับซะเยอะค่ะ แต่มักจะชอบตื่นมาแดนซ์ตอนช่วงดึกๆ ตั้งแต่ 3 ทุ่มจนเข้าตี 1 ตี 2 ราวกับจะเปิดผับในท้องของเราอย่างนั้นแหละ เอาจริงๆ แล้วลูกน้อยในท้องจะยังตื่นไม่เป็นเวลา เพราะเค้ายังไม่รู้จักกลางวันกลางคืน ส่วนใหญ่ลูกจะดิ้นหลังอาหารทั้งสามมื้อ เวลาคุณแม่ทานอะไรหวานๆ เวลาที่คุณแม่ได้ออกกำลังกายเบาๆ หรือแม้แต่เวลาที่คุณแม่หิวก็อาจจะทำให้ลูกดิ้น เพราะว่าเสียงท้องร้องของคุณแม่อาจจะกำลังกวนเค้าอยู่ พอคุณแม่เริ่มท้องแก่สักประมาณ 36 สัปดาห์ ความรู้สึกถึงการดิ้นของลูกอาจจะเปลี่ยนไปค่ะ จะช้าๆ เนิบๆ เพราะเค้าตัวใหญ่ขึ้นทำให้มีพื้นที่ในมดลูกแคบลง จะมาขยับปุปปับเหมือนเดิมก็คงไม่ได้ละ ลูกดิ้นสำคัญอย่างไร ในช่วงท้องอ่อนๆ จะเป็นช่วงที่คุณแม่กังวลมากว่าลูกยังอยู่กับเรารึเปล่าเพราะเราไม่รู้สึกถึงการขยับของเค้าเลย แต่พอเรารู้สึกว่าเค้าดิ้น เราจะอุ่นใจมากๆ ค่ะ เพราะการดิ้นของลูกน้อยทำให้เรารู้ว่าเค้ายังแข็งแรงดีอยู่นั่นเอง การนับลูกดิ้น คุณแม่มือใหม่บางท่านอาจจะเคยได้ยินเรื่องการนับลูกดิ้น แต่ก็อาจจะยังคงงงๆ ว่าจะนับยังไง การนับลูกดิ้นจริงๆ แล้วก็มีหลายวิธีนะ […]
มาทำความรู้จักกับโรค Shaken Baby Syndromeสำหรับพ่อแม่คนไทยอาจไม่คุ้นหูกับโรคนี้ แต่ในต่างประเทศโรคนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ง่ายๆ กับคุณแม่มือใหม่ มิหนำซ้ำความรุนแรงยังอันตรายถึงชีวิตของลูกน้อย โรค Shaken Baby Syndrome คือโรคที่มักพบในเด็กที่อายุน้อยกว่า 1 ปี เกิดจากการที่พ่อแม่จับลูกเขย่าแรงๆ อาจจะด้วยความตั้งใจหรือไม่นั้น แรงเขย่าจะทำให้เนื้อสมองกระแทกกับกะโหลกศีรษะ จนสมองได้รับการกระทบกระเทือนและมีเลือดออก เพราะเส้นเลือดในสมองของเด็กเล็กๆยังไม่แข็งแรง โอกาสที่มีการฉีกขาดจึงมีมากกว่าผู้ใหญ่ สาเหตุที่ทำให้ทารกเป็น Shaken Baby Syndrome จนทำให้พิการ หรือถึงขั้นเสียชีวิตเพราะการเขย่ารุนแรงจนมีภาวะเสี่ยงเป็นโรค Shaken Baby Syndrome นี้ มักจะไม่ทิ้งร่องรอยที่ร่างกายภายนอก ทารกจึงไม่ได้รับการรักษา เมื่อปล่อยทิ้งไว้นานก็อาจมีปัญหาด้านการเรียนรู้ สติปัญญา อาจเกิดอาการเป็นลมชัก ตาบอด หรือร้ายแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ วิธีสังเกตอาการภาวะเสี่ยงเป็น Shaken Baby Syndrome– อาการอาเจียน หรือหายใจลำบาก ซึ่งอาจดูไม่รุนแรง คล้ายภาวะปวดท้อง ช่วง 3 เดือนแรก(Baby Colic) เมื่อพาลูกน้อยไปพบแพทย์ ต้องบอกด้วยว่าเด็กโดนเขย่าอย่างรุนแรง หากเกิดภาวะเสี่ยงเป็น Shaken Baby Syndrome […]






