คาร์ซีทหมุนได้ จำเป็นไหม?

 คาร์ซีทหมุนได้ จำเป็นต่อคุณพ่อ คุณแม่อย่างไร คุณพ่อและคุณแม่ทุกคน พยายามและสรรหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกน้อยเสมอ เพราะลูกน้อยคือแก้วตาดวงใจของคุณพ่อและคุณแม่ แต่จะดีกว่าไหมถ้าสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อยยังสร้างความสะดวกสบายสำหรับคุณพ่อและคุณแม่ไปพร้อมกัน

การเลือกซื้อคาร์ซีทก็เหมือนกัน นอกจากจะดีที่สุด ปลอดภัยที่สุดแล้ว คุณพ่อคุณแม่ยังคงต้องคำนึงถึงความสะดวกสบายในการใช้งาน ต่อทั้งกับคุณพ่อ คุณแม่ และลูกน้อยอีกด้วย และหนึ่งในปัญหาชวนปวดหัวสำหรับคุณพ่อ คุณแม่ในการใช้คาร์ซีท อย่างปัญหาการอุ้มลูกน้อยเวลาขึ้นลงรถ หรือปัญหาที่จอดรถแคบเกินไป ที่ทำให้การอุ้มลูกน้อยขึ้นลงรถลำบาก อาจจะชนกับรถ หรือกำแพง ที่อาจเป็นอันตรายต่อทั้ง คุณพ่อ คูณแม่ และลูกน้อยได้ ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปถ้าคุณพ่อ และคุณแม่เลือกใช้คาร์ซีทแบบ Convertible Carseat คาร์ซีทหมุนได้ 2 ทิศทาง หรือคาร์ซีทที่หมุนได้ 360 องศา ที่นอกจากปกป้องลูกน้อยได้แล้ว ยังเพิ่มเติมความสะดวกสบายให้กับคุณพ่อคุณแม่ได้อีกด้วย นอกจากนี้คาร์ซีทหมุนได้ยังมีข้อดีอีกมากมาย ทาง Baby Gift จึงขอพา คุณพ่อ คุณแม่ มาเข้าใจถึงข้อดีของคาร์ซีทหมุนได้กันค่ะ

ข้อดีของการใช้ คาร์ซีทหมุนได้

1. คุณพ่อ และคุณแม่ สะดวกสบายในการอุ้มลูกน้อยขึ้นลงรถ

    อย่างที่บอกไปในตอนต้น ปัญหาที่จอดรถหายากและแคบ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ที่คนใช้รถ ใช้ถนน ต้องได้พบเจอ และในกรณีคุณพ่อ คุณแม่ ที่ต้องการพาลูกน้อย ออกไปเดินเล่น ไปโรงพยาบาลหรือไป Shopping ตามห้างสรรพสินค้า ก็มักจะเจอปัญหาการอุ้มลูกน้อยขึ้นลงรถลำบาก เพราะที่จอดรถแคบ ทำให้ไม่สะดวกต่อการอุ้มลูกน้อยขึ้นลง อาจเกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้นการมีคาร์ซีทหมุนได้ทำให้อุ้มลูกน้อยขึ้นลงรถในฝั่งไหนของตัวรถก็ได้ เพิ่มความสะดวกสบายได้มากยิ่งขึ้น

     2.ช่วยฝึกลูกน้อยในการนั่งคาร์ซีท

    คาร์ซีทหมุนได้ยังมีข้อดีในการช่วยฝึกให้เด็กนั่งคาร์ซีทได้สบายตลอดช่วงของการใช้งานได้อีกด้วย เพราะในช่วงเด็กเริ่มนั่งหลังตรง (วัย 9 เดือนหรือ น้ำหนัก 9 kg.) จะเป็นช่วงที่เริ่มปรับเปลี่ยนการติดตั้งจากหันหลังไปเป็นแบบหันหน้า ซึ่งเป็นช่วงที่เด็กส่วนใหญ่จะร้องงอแงไม่ยอมนั่งในคาร์ซีทแบบหันหน้าในขณะที่ไม่ได้นอนหลับอยู่ ทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายคนเข้าใจว่าลูกเริ่มไม่ยอมนั่งคาร์ซีททั้งที่ผ่านมาก็นอนสบายดีอยู่แล้ว คาร์ซีทหมุนได้จึงเข้ามามีส่วนช่วยในการปรับให้ลูกน้อยเคยชินกับการนั่งหันหน้าออกจากเบาะ เพราะสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการนั่งให้เข้ากับสไตล์การใช้ชีวิตของลูกน้อยได้อย่างลงตัว

     3. คาร์ซีทหมุนได้ ช่วยให้คุณพ่อและคุณแม่ดูแลลูกน้อยในรถได้อย่างใกล้ชิดมากขึ้น

    ขณะจอดรอในที่จอดรถ คุณพ่อ และคุณแม่สามารถหันลูกน้อยมาหาคุณพ่อ คุณแม่เพื่อป้อนข้าว หรือแม้แต่การเปลี่ยนผ้าอ้อมในรถก็สะดวกสบายมากขึ้น ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาในการอุ้มลูกน้อยขึ้นลงคาร์ซีท หรือการที่ต้องหาพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมเหล่านี้ ทำให้คุณพ่อ คุณแม่ ได้ใช้เวลากับลูกน้อยได้อย่างคุ้มค่าที่สุด

    4. รองรับทุกอิริยาบถของลูกน้อย

    คาร์ซีทหมุนได้ไม่ว่าจะกิจกรรมไหน ก็ตอบโจทย์ต่อลูกน้อย เพราะเมื่อเด็กตื่นนอนและเริ่มอยากนั่งหลังตรงขึ้นมาตามพัฒนาการ คุณพ่อคุณแม่อาจเลือกหันคาร์ซีทมาด้านหน้ารถและหมุนหันกลับไปเป็นแบบหันหลังที่มีองศาการนอนที่มากกว่าในขณะที่เจ้าตัวเล็กเคลิ้มหลับ เพื่อช่วยให้ลูกน้อยนอนได้สบายมากขึ้น ปลอดภัยกว่า และช่วยเพิ่มความสุขของลูกน้อยตลอดการเดินทาง

    5. สะดวกสบายติดตั้งครั้งเดียว แต่ปรับใช้งานได้หลายรูปแบบ

    โดยปกติทั่วไปการใช้คาร์ซีทแบบธรรมดาที่หมุนไม่ได้แบบ 360 องศา จะต้องถอดคาร์ซีทออกมา เพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบการหันหน้าเข้าและออกของคาร์ซีท ซึ่งอาจทำให้ติดตั้งคาร์ซีทผิด ไม่ปลอดภัยกับลูกน้อยเต็มที่ นอกจากนี้ยังทำให้คุณพ่อและคุณแม่รู้สึกยุ่งยากในการติดตั้งอีกด้วย แต่การใช้คาร์ซีท 360 องศาจะไม่ทำให้เกิดัญหาเหล่านี้ เพราะหลังจากการติดตั้งแล้ว สามารถหมุนหันหน้าเข้าหรือหันหลังโดยที่ไม่ต้องถอดคาร์ซีทออกมาติดตั้งใหม่

    คาร์ซีทหมุนได้จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ ของคุณพ่อ คุณแม่ เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับลูกน้อยขณะเดินทางแล้ว ยังสามารถช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับคุณพ่อ คุณแม่มากขึ้นอีกด้วย

    ข้อมูลอ้างอิง : https://bit.ly/3mEvFGV,https://www.facebook.com/AilebebeThailand/

    สนใจเลือกซื้อคาร์ซีทหมุนได้ นำเข้า มาตรฐานสากล หลากหลายรุ่น ปรึกษาพนักงาน Baby Gift ทุกท่าน ยินดีให้คำแนะนำค่ะ

    สินค้าที่เกี่ยวข้อง

    คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

    สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

    7,700.00
    คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

    สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

    7,700.00
    คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

    สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

    7,700.00
    คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

    สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

    7,700.00
    คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

    สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

    7,700.00
    คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

    สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

    7,700.00

    บทความแนะนำ

    ใครกำลังคิดว่ากระเป๋าใส่ของแม่ ไม่ได้จำเป็นอะไร ใช้อะไรก็ได้ ลองแวะมาอ่านบทความนี้กันก่อนค่ะ พอเป็นคุณแม่แล้วก็มีของใช้มากมายต่างๆ ทั้งของเรา ของลูกเยอะแยะไปหมดใช่มั้ยคะ เพราะฉะนั้นการมีกระเป๋าใส่ของลูกก็จะทำให้คุณแม่มีความสะดวก หยิบของง่าย เป็นระเบียบมากขึ้น และในบทความนี้ BabyGift จะพาคุณแม่มาทำความรู้จักกระเป๋าของคุณแม่กันให้มากขึ้นค่ะ จำเป็นแค่ไหน ? กระเป๋าคุณแม่ ต่างจากกระเป๋าปกติยังไง ? กระเป๋าใส่ของคุณแม่มีความแตกต่างจากกระเป๋าทั่วไปในหลายๆ อย่างค่ะ ไม่ว่าจะเป็นขนาดและความจุ ซึ่งโดยมากมักมีขนาดใหญ่ และมีช่องเก็บของหลายช่อง เพื่อบรรจุของใช้สำหรับทั้งคุณแม่และลูกน้อย มีฟังก์ชันการใช้งานที่ถูกออกแบบมาให้สามารถบรรจุของที่จำเป็นต่อการดูแลลูกได้อย่างครบครัน เช่น มีช่องสำหรับใส่ขวดนม ผ้าอ้อม แผ่นรองเปลี่ยนผ้าอ้อม เป็นต้นค่ะ แล้วเราจะเลือกกระเป๋าใส่ของลูกยังไงให้เหมาะกับเรา ใช้ได้นาน มาดูรายละเอียดกันต่อค่ะ เลือก กระเป๋าคุณแม่ ยังไงดี ? การเลือกกระเป๋าที่เหมาะกับตัวคุณแม่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งาน คุณแม่จึงควรเลือกให้เหมาะกับพฤติกรรมและความต้องการใช้งาน เรามาดูวิธีการเลือกซื้อกันค่ะ 1. ขนาด และความจุ : ควรเลือกขนาดที่เหมาะสมกับความต้องการ ไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป รวมถึงมีช่องเก็บของเพียงพอสำหรับใส่ของใช้ของคุณแม่และลูกของเรา 2. น้ำหนัก ความสะดวกในการพกพา และความปลอดภัย : ให้เลือกวัสดุที่แข็งแรงแต่มีน้ำหนักเบา และมีสายสะพายที่นุ่ม และปรับความยาวได้ […]

    ความสะอาดของอุปกรณ์เครื่องใช้สำหรับลูกน้อยนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะเด็กเล็กยังร่างกายไม่แข็งแรง ระบบภูมิคุ้มกันก็ทำงานได้ยังไม่เต็มที่ หากสัมผัสกับเชื้อโรคก็จะมีโอกาสป่วยได้ง่าย คุณพ่อคุณแม่จึงต้องหาวิธีทำความสะอาดข้าวของเครื่องใช้ของลูกน้อย เพื่อให้มั่นใจว่าสะอาดปลอดภัยมากที่สุด ทั้งนี้ ได้มีการนำนวัตกรรมการฆ่าเชื้อด้วยพลังงานจากรังสี UV-C โดยการปรับเปลี่ยนเป็นเครื่องอบ UV ขนาดเล็กที่สามารถใช้ฆ่าเชื้อสิ่งของต่างๆ ภายในบ้านได้อย่างง่ายดาย ในบทความนี้ BabyGift ได้รวบรวมเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเครื่องอบยูวีพร้อมสินค้าแนะนำมาฝากกันแล้วค่ะ   เครื่องอบ UV คืออะไร ? เครื่องอบ UV หรือ ตู้อบ UV (UVC Sterilizer) เป็นการนำหลอดสังเคราะห์แสง UV-C หรือ Germicidal Lamp มาติดตั้งไว้ภายในเครื่องอบบริเวณด้านบน หรือบริเวณฝาปิดด้านบน เมื่อเครื่องทำงานด้วยโหมด UV จะเป็นการปล่อยรังสี UV-C จากหลอด UV ด้วยปริมาณค่าความยาวคลื่นแสงถึง 254 นาโนเมตร ลงไปตกกระทบกับพื้นผิวของสิ่งของต่างๆ ที่อยู่ภายในตู้ ในปริมาณที่สม่ำเสมอ และระยะเวลานานเพียงพอจนเข้าไปทำลาย DNA และ RNA ของเชื้อโรคได้ จากแต่เดิมการฆ่าเชื้อสิ่งของต่างๆ ด้วยการลวกน้ำร้อน หรือการนึ่งด้วยไอร้อน อาจเหมาะกับการฆ่าเชื้อแค่สิ่งของที่โดนน้ำและทนความร้อนได้ เช่น […]

    ปัญหาใหญ่ของคุณแม่อีกปัญหาหนึ่งเวลาตั้งท้องก็คือการทานยาเวลาไม่สบายนั่นเองค่ะ อันนี้กล้าพูดได้เลยเพราะเจอกับตัวเองเหมือนกัน เพราะเราก็ไม่รู้อ่ะเนอะว่าในยาแก้แพ้พวกนี้มีส่วนผสมหรือสารอะไรที่จะมีผลต่อลูกในท้องบ้าง วิธีแก้ไขขั้นพื้นฐานที่สุดก็คือเลิกทานยาไปเลย ขนาดไม่สบายหนักๆ จนแทบทนไม่ได้ยังยอมที่จะไม่ทานยาเลยค่ะ แล้วดูอากาศประเทศไทย เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวฝนตก แบบนี้จะไม่ให้ป่วยยังไงไหว แต่วันนี้เราจะมาบอกคุณแม่แม่ว่า มันมียาแก้แพ้บางตัวที่คุณแม่ท้องสามารถทานได้นะคะ เพราะยาพวกนี้ได้รับการคอนเฟิร์มจากคุณหมอแล้วว่าไม่มีผลต่อลูกน้อยแน่นอน เราลองมาดูกันดีกว่าว่าคุณแม่ใช้ยาอะไรได้บ้าง ยาแก้แพ้ที่ปลอดภัยกับคุณแม่ 1. คลอร์เฟนิรามีน (Chlorpheniramine: CPM) เวลาพูดถึงยาแก้แพ้ ยาตัวแรกที่คนส่วนใหญ่นึกถึงก็คือเจ้ายาตัวนี้แหละ ยาเม็ดเล็กๆ สีเหลืองที่ช่วยลดอาการแพ้ ลดน้ำมูกแล้วก็แก้อาการคัน คุณแม่ท้องทานยาตัวนี้ได้เนอะ เพราะจากกรณีที่ผ่านมายังไม่พบว่ายาตัวนี้ส่งผลต่อลูกในท้องเลยค่ะ แต่ว่ายาตัวนี้มันจะมีผลข้างเคียงทำให้คุณแม่อ่อนเพลีย เพราะงั้นอาจจะต้องงดใช้ยาเวลาที่ต้องเดินทางไปไหนมาไหนนะคะ เพื่อความปลอดภัยของคุณแม่และคุณลูกค่ะ ที่สำคัญก็ไม่ควรใช้ยาตัวนี้เกิน 3 วันนะ เพราะว่าถ้าใช้ไปมากๆ แล้วอาจจะทำให้เกล็ดเลือดต่ำ แล้วลูกที่คลอดออกมาอาจจะมีอาการเลือดไหลผิดปกติได้ด้วยค่ะ 2. แอคติเฟด (Actifed) ยาตัวนี้จะช่วยลดอาการคัดจมูก ทำให้พวกอาการภูมิแพ้ทางจมูกดีขึ้น แล้วก็บรรเทาอาการคัดจมูกที่เกิดจากหวัดได้ค่ะ แต่ยาตัวนี้ก็จะทำให้ง่วงเช่นเดียวกัน ดังนั้น คุณแม่ควรจะทานยาแล้วก็พักผ่อนให้เพียงพอนะคะ พอตื่นมาอาการจะได้ดีขึ้น สดชื่นได้เหมือนเดิมค่ะ 3. เซทิไรซีน (Cetirizine) หรือ ฟาเทค (Fatec ®) คุณแม่ที่ต้องเดินทางหรือทำงานในช่วงที่ไม่สบายก็ขอแนะนำให้ทานตัวนี้เลยค่ะ เพราะว่ายาตัวนี้ไม่ทำให้ง่วงหรืออ่อนเพลีย แถมยังไม่ส่งผลเสียต่อลูกน้อยอีกต่างหาก แต่ว่ายาตัวนี้มันจะออกฤทธิ์ช้ากว่ายาตัวอื่นๆ นะคะ คุณแม่ก็เลยอาจจะหายช้านิดหน่อยค่ะ 4. ยาหยอดหรือยาพ่นจมูก […]

    เป็นยังไงกันบ้างคะ หลังจากกักตัวอยู่บ้านและนั่งเรียนออนไลน์มาร่วมหลายเดือน ตอนนี้หนูๆ ทั้งหลายก็คงจะจะได้กลับไปเข้าเรียนในโรงเรียนจริงๆกับเพื่อนแล้ว แต่สำหรับแม่ๆ ถึงแม้ดูเผินๆ แล้ว สถานการณ์ของเจ้าเชื้อโรคตัวร้าย COVID ดูเหมือนจะดีขึ้น 100 ทั้ง 100 ก็คงยังวางใจได้ไม่เต็มที่ ยังกังวลกันแน่นอน สำหรับคุณแม่บ้านไหนที่กำลังกังวลกลัวว่า เอ๊ะลูกน้อยจะของเราจะไปติดเชื้อโรคมาไหม หรือของที่ให้ลูกไปเพียงพอไหมน้า  เรานำลิสต์ของจำเป็นที่ลูกน้อยควรพกเพื่อให้ปลอดภัยและห่างไกลจาก COVID มาฝากกันค่ะ ไปดูกันเล้ย! 1. อาวุธเลเวล 100 หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า  ตอนนี้ไม่ว่าหันไปทางไหนก็เห็นแต่คนใส่หน้ากากเต็มไปหมด เพราะหน้ากากเป็นอาวุธชั้นดีที่จะช่วยคุ้มครองทั้งตัวผู้ใส่ และผู้อื่นไปในเวลาเดียวกัน และแน่นอนค่ะ คุณแม่สามารถหาซื้อไซส์เด็กได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็กหรือเด็กโตก็มีวางขายอยู่ทั่วไปเลยค่ะ คุณแม่อาจเลือกแบบใช้แล้วทิ้ง หรืออาจเป็นแบบผ้าที่สามารถนำกลับมาซักใช้ใหม่ได้ก็ได้ อย่าลืมสวมหน้ากากให้ลูกน้อยทันทีเมื่อก้าวเท้าออกจากบ้าน จะให้ดีให้คุณแม่เตรียมหน้ากากสำรองใส่กระเป๋านักเรียนไปเผื่ออีกซักสองสามอันเผื่อเค้าทำหายระหว่างวัน ไม่ต้องห่วงนะคะ ตอนแรกๆ เค้าอาจจะยังไม่ค่อยชิน อาจมีโยเย หรือดึงหน้ากากออกบ้าง แต่ถ้าเค้าได้เห็นเพื่อนๆ ในห้องใส่ ลูกๆ ก็จะยอมใส่ตามไปโดยอัตโนมัติเลยค่ะ 2. กระติกน้ำส่วนตัว พกไว้อุ่นใจ  ยุคนี้เป็นยุคของการไม่ใช้สิ่งของร่วมกัน ก็เพราะว่าเจ้าโรค COVID นี้มันสามารถติดต่อกันผ่านสารคัดหลั่งอย่างน้ำมูก หรือน้ำลายได้ยังไงล่ะ! เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว คุณแม่ก็คงจะปฏิเสธไม่ได้ใช่มั้ยคะ ว่าการพกกระติกน้ำส่วนตัวนี่เป็นเรื่องที่จำเป็นมากๆ เป็นเรื่องปกติที่เด็กๆ หลายคนจะชอบทานขนมด้วยกัน ดื่มน้ำด้วยกัน […]

    แพมเพิส หรือผ้าอ้อมสำเร็จรูป เรียกว่าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับเด็กเล็กที่จะใช้กันตั้งแต่แรกเกิด เพราะว่าช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สะดวกสบายมากขึ้น ประหยัดเวลาในการซักทำความสะอาด แถมเวลาออกจากบ้านก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการเปื้อนเลอะ ซึ่งคุณแม่หลายๆ คนอาจจะมีคำถามในใจว่าจะให้ลูกเลิกแพมเพิสกี่ขวบดี ดังนั้นในบทความนี้ BabyGift จะมาไขข้อข้องใจให้กับคุณแม่กันค่ะ ให้ลูกเลิกแพมเพิสกี่ขวบดี ? ชวนคุณแม่ทำความเข้าใจก่อนให้ลูกเลิกใช้แพมเพิส หนึ่งในคำถามยอดนิยมของเหล่าคุณแม่ก็หนีไม่พ้นเรื่องที่ว่าจะให้ลูกเลิกใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปเมื่อไหร่ดี เนื่องจากเรื่องของค่าใช้จ่าย ความกังวลที่ว่าลูกจะติดแพมเพิส ความสะดวกสบายในการสวมใส่ของเด็ก ฯลฯ อีกมากมาย สำหรับเรื่องของช่วงเวลาของการเลิกแพมเพิสนั้นจะเป็นยังไงบ้าง เรามาดูรายละเอียดกันเลยค่ะ เลิกแพมเพิสกี่ขวบดี ? ถ้าจะถามว่าควรเลิกใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปเมื่อไหร่ดี จริงๆ ไม่ได้มีกำหนดตายตัวค่ะ อยากให้ดูจากความพร้อมของลูก และคุณพ่อ คุณแม่ มากกว่า เด็กบางคน 8 เดือนก็เลิกได้แล้ว บางคนก็มาเลิกได้ตอนช่วงก่อนเข้าโรงเรียนในช่วง 3 – 4 ขวบ ดังนั้น BabyGift จึงพูดได้ว่าไม่ได้มีกำหนดเวลาตายตัวจริงๆ และคุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ควรไปกดดันน้องๆ ให้ลูกของเรามีความพร้อมจะดีที่สุดค่ะ ซึ่งสิ่งสำคัญคือต้องอดทนและให้กำลังใจเด็ก เพราะว่าการฝึกขับถ่ายเป็นก้าวสำคัญของพัฒนาการ และแต่ละคนมีจังหวะที่แตกต่างกัน ไม่ควรกดดันหรือเปรียบเทียบกับเด็กคนอื่น และหากว่าคุณแม่มีข้อกังวลอื่นๆ อาจปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำค่ะ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่า ลูกของเราพร้อมที่จะเลิกแพมเพิส ? สิ่งสำคัญของเรื่องนี้คือ ให้ลูกสบายใจ […]

    การใช้ชีวิตในสังคมยุคปัจจุบันเรียกได้ว่าต้องเป็นคุณแม่สายแข็งสายสตรอง ไหนจะมลพิษ ไหนจะฝุ่นขนาดเล็กอย่าง PM2.5 ที่ถาโถมมาประดังกันอย่างไม่หยุดหย่อน ซ้ำร้ายกว่านั้น เจ้าภัยร้าย PM2.5 ยังมองด้วยตาเปล่าไม่เห็นอีกซะนี่ แต่ไหนๆ ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว งั้นเรามาทำความรู้จักกับเจ้า PM2.5 พร้อมวิธีการป้องกันกันดีกว่าค่ะ PM2.5 คืออะไร? PM2.5 คือฝุ่นละอองไซส์เล็กจิ๋วที่มีขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน ถ้าคุณแม่คิดภาพไม่ออก ลองมองดูที่เส้นผมเราค่ะ เจ้าฝุ่นตัวนี้มีขนาดเล็กกว่าผมเราประมาณ 25 เท่าเลยเชียวนะ และขนาดที่เล็กมากเนี่ยแหละที่เป็นอันตราย เพราะแม้แต่จมูกของเราที่สามารถกรองฝุ่นได้อย่างดีเยี่ยมยังไม่สามารถทำอะไรได้ ตอนนี้ก็เลยเป็นหน้าที่ของเราแล้วนะที่จะต้องป้องกันตัวเอง PM 2.5 เกิดจากอะไร? สาเหตุหลักๆ ของ PM2.5 มาจากการเผาขยะ โรงงานอุตสาหกรรม การคมนาคมขนส่งอะไรพวกนี้ค่ะ แต่ฝุ่นนี้ก็ไม่ได้มาแค่ฝุ่นนะคะ เพราะมันจะพาพวกสารเคมีอันตรายจำนวนมากมาด้วย ไม่ว่าจะเป็นสารพิษที่ทำให้เกิดมะเร็งอย่าง P-A-Hs สารเคมีที่ไปทำลายระบบประสาทอย่างปรอท รวมถึงแคดเมียมซึ่งเป็นสารพิษจากการทำอุตสาหกรรมต่าง ๆ และสารหนูที่ส่งผลต่อระบบประสาทอีกด้วยเช่นกัน ผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ เพราะฝุ่นชนิดนี้มีขนาดเล็กมาก ทำให้สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายๆ ลูกน้อยของเราจึงมีความเสี่ยงมากเป็นพิเศษ แถมยังมีก๊าซต่างๆ ที่ลอยคลุ้งอยู่กับฝุ่นละออง ไม่ว่าจะเป็นก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และโอโซน ซึ่งล้วนมีผลต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ทั้งสิ้น […]

    Menu
    All Categories
    All Brands
    All Ages
    Promotions
    Locations
    BabyGift Family
    BabyGift Care
    Parents Guide
    News & Event

    All Categories

    All Categories
    All Brands
    All Ages