การเลือกคาร์ซีท แบบหมอเด็กเลือกให้ลูกตัวเอง

หมอเด็กเค้าเลือกคาร์ซีทแบบไหนให้ลูกตัวเอง….อยากรู้ต้องคลิ๊ก ก่อนซื้อคาร์ซีทให้ลูก

ถ้าไปอ่านหนังสือ ก็จะรู้ว่าคาร์ซีท (carseat) มี 4 แบบ (ซึ่งเอาเข้าจริงรู้จริงๆ ตอนมีลูก 55555 ก่อนนั้นรู้แต่ทฤษฎี) คือ
- infant seat ใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิด ถึง นน 9-10 โล
- convertible seat ใช้ได้ถึง 9-18 โล (อันนี้มีแบบใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิด บางรุ่นใช้ได้ตั้งแต่อายุ 9 เดือน ไปดูกันตอนซื้อด้วยจ้า)
- forward facing หรือ combination seat
- booster seat เมื่อยัดตัวลงคาร์ซีท car seat ไม่ได้แล้ว
แน่นอนในตลาด มี option มากมายไว้หลอกลวงพ่อแม่ขาช้อป 5555 ทั้งแบบตระกร้าที่ยกเข้าออกได้เลย หรือ ประกอบลง stroller (รถเข็น) ได้เลย…. เอาที่สบายใจ 555 เอาหลักในการเลือกของพ่อหมอเลยแล้วกัน 555
- คุ้มและปลอดภัย
- ใช้นาน
ไม่ว่าอะไรก็ตาม เน้นใช้ได้ยาวๆ เป็นหลัก แน่นอน convertible เป็นแบบที่เลือกแบบไม่ต้องคิดเลย เพราะใช้ได้นานดี อย่างน้อยๆ ก็สามสี่ปี อีแบบตระกร้าเนี่ยใช้ได้ปีเดียวก็ต้องเปลี่ยนละ ไม่ไหว พ่อไม่ค่อยมีตังค์ (ต้องเอาไปซื้อของไร้สาระอื่นๆ อีก 55555)
ยังๆ ยังไม่จบ เลือกชนิดแล้ว ต้องมาเลือก options อีก ตัวเลือกเรามีดังนี้
- ตัว carseat หมุนได้ จะกี่องศาก็แล้วแต่ จะทำให้สะดวกเวลาเอาลูกลงคาร์ซีท carseat …. ถามว่าจำเป็นไหม ไม่หรอก ถ้าดูแค่คงามปลอดภัย จะหมุนไม่หมุนก็เหมือนกัน แต่ถ้าเอาตามความขี้เกียจและความกิ๊บเก๋ หมุนเวิร์กกว่าเยอะ 5555 เพราะเวลาอุ้มลงง่ายกว่า (ทำไมรู้ เพราะมีสองแบบจ้าาาาาาาา 55555 เยอะเข้าไป
- ระบบ belted base (ใช้สายเบลท์) หรือ isofix อันดับแรก ไปดูก่อนว่ารถที่ใช้มีระบบ isofix ไหม รถหมอไม่มีจ้า 555 จบเลยประเด็นนี้ แต่ๆๆๆๆๆ จากการศึกษา (ที่จำได้แบบเลือนลาง) สำหรับเด็กเล็กที่นั่งหันหลัง (rear facing) isofix ปลอดภัยพอๆ กะแบบ belt แต่ๆๆๆๆ isofix ดีกว่าสำหรับเด็กโตที่นั่งหันหน้านะจ๊ะ แต่ๆๆๆ isofix แพงกว่า belted พอดูทีเดียว
แต่ๆๆๆๆๆ รถที่บ้านไม่มี isofix จบนะ 5555555 เพราะเน้นรถ antique 5555 (เก่าแบบไม่มีราคา) เอาเถอะๆ สรุปว่าเลือกแบบหมอคนนี้ก็คือ
- convertible เน้นใช้นาน 5555
- belted base เพราะรถไม่มีระบบ isofix (ถ้ามีก็ไม่เอา เพราะแพง 555) อย่าถามว่าใส่ไงนะ เพราะให้ พนง ร้านใส่ให้ และกะจะไม่ถอดอีกเลย ดูใส่ไม่ง่าย 555
- ซื้อแบบที่มีหมอนรองคอด้วย เพราะต้องใช้ในช่วงแรกเกิดเดือนแรกด้วย ถ้าไม่มีซื้อเพิ่มดีกว่าครับไม่แพงมาก คอลูกจะได้ไม่พับ (อันนี้คิดเอง เพราะยี่ห้อที่ไม่มีที่รองคอ เขาก็เคลมว่าโอเคอยู่ แต่เนื่องจากเป็นคนเยอะเลยแนะนำให้ซื้อเถอะ)
เน้นหลัก 3 ข้อในการใช้คาร์ซีท carseat โดย AAFP ของอเมริกาคือ
- Backward is the best นั่งหันหลังเริ่ดสุดจนอายุขวบนึง (นน 9-10 โล) เพราะป้องกันการเกิด C-spine injury (อันตรายต่อกระดูกคอ) ได้ดีมั่ก
[EDITTED]
ตาม AAFP ล่าสุดปี 2012 แนะนำให้นั่งหันหลัง (rear facing) จนถึงอายุ 2 ปีไปเลยนะจ๊ะ………. หลังสองขวบค่อยหมุนตัวสวยๆ มา forward facing สวยๆ หล่อๆ ครับ
- 20-40-80 คือเลข นน เป็นปอนด์ ที่ต้องเปลี่ยน setting ของคาร์ซีท carseat ในไทยก็ 9-18-36 กิโลกรัม คือ ก่อน 9 โล นั่งหันหลัง 9-18 โล นั่งหันหน้า 18-36 โล ใช้ booster seat เพราะเข็มขัดทั่วไปยังหลวมไปในเด็กที่ นน ไม่ถึง 36 โล
- Boost until fit enough คือใช้ booster seat จนกว่าจะใส่เบลท์เหมือน ผู้ใหญ่ ได้ จะ 36 โล จะ 40 โล แล้วแต่เด็กเลย ลองดูว่าเมื่อไรใส่แล้วไม่ หลวมใช้เหมือนผู้ใหญ่ได้เลย
ปล. มีคนซื้อแบบตระกร้าใช้แล้วดูเก๋มากครับ เวลาพามาฉีดวัคซีนตอนอายุ 1-2 เดือน ดูฮิปมาก ยกมาทั้งตระกร้าเลย ยกขึ้นลงสบ๊ายสบาย จริงๆ แอบอยากได้ แต่ดูเปลืองเงินเบาๆ
#เลี้ยงลูกตามใจหมอ
#ตรงหลักการบ้างน้อยบ้างเกินบ้าง
#ตามความพอใจ
EDITTED เพิ่มเติม (25/6/60): พ่อหมอเพิ่งได้ยินว่า มีคนติดตั้งคาร์ซีทแล้วเอาลูกนั่งแบบไม่รัดเข็มขัด …. คือนั่งเฉยๆ …. อั้ยย่ะ ถ้าเป็นแบบนั้นไม่ต่างอะไรกับไม่มีคาร์ซีทนะครับ…. เวลาเกิดอุบัติเหตุก็ปลิวกระเด็นเลยนะครับ คาดสายรัดด้วยทุกครั้งที่นั่งคาร์ซีทนะจ๊ะ … จากพ่อหมอ คนเดิม…
ข้อมูลดีๆ จากเพจ เลี้ยงลูกตามใจหมอ
สามารถสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับคาร์ซีทเพิ่มเติมได้จากผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำปรึกษาและแนะนำได้อย่างถูกต้อง
หรือช่องทางออนไลน์ :
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
อายุครรภ์คืออะไรกันนะ? เมื่อตั้งท้อง สิ่งหนึ่งที่เป็นคำถามยอดฮิตเลยก็คือ “ท้องกี่เดือน” หรือ “คลอดเมื่อไหร่” การที่เราจะตอบคำถามพวกนี้ได้นั้นเราจะต้องทราบอายุครรภ์ของเราก่อนค่ะ พูดง่าย ๆ อายุครรภ์ก็คือระยะเวลาที่ลูกของเราได้อยู่ในท้องของเรามา แต่ถ้าหากจะพูดให้ดูมีหลักการหน่อยแล้ว อายุครรภ์ก็คือระยะเวลาที่นับตั้งแต่วันแรกของรอบเดือนล่าสุดของเรามาจนถึงปัจจุบัน โดยทั่วไปแล้วนั้น อายุครรภ์ที่นับจนถึงกำหนดคลอดควรจะเท่ากับ 40 สัปดาห์โดยประมาณค่ะ เราจะรู้อายุครรภ์ของเราได้อย่างไร? 1. การตรวจภายในโดยวัดขนาดของมดลูก ฟังดูน่ากลัวนิดนึงใช่มั้ยคะ วิธีนี้สามารถกะอายุครรภ์โดยประมาณของคุณแม่ได้ แต่ก็ไม่ได้แม่นยำเท่าไหร่หรอกนะ เพราะว่าเด็กแต่ละคนตัวใหญ่เล็กไม่เท่ากัน อาจมีคลาดเคลื่อนบ้าง 2. การอัลตราซาวด์ วิธีการตรวจแบบนี้จะตรวจได้เมื่อตอนอายุครรภ์สัก 5-6 สัปดาห์ขึ้นไป ส่วนถ้าอยากได้ผลแม่น ๆ หน่อยก็อาจจะมาตรวจช่วง 8-18 สัปดาห์ก็ได้นะ สำหรับวิธีนี้คุณหมอก็จะใช้วิธีการวัดขนาดของมดลูกเช่นกัน แต่จะเป็นการวัดผ่านการทำอัลตราซาวด์ แม้จะไม่ได้ตรงเป๊ะแบบ 100% แต่ก็ไม่คลาดเคลื่อนมากค่ะ 3. การนับรอบเดือน การนับรอบเดือนจะสามารถใช้ได้กับคุณแม่ที่มีรอบเดือนแบบมาสม่ำเสมอ ตรงกันทุกเดือน สามารถนับได้โดยการนับจากวันแรกของการมีประจำเดือนครั้งล่าสุด ให้ถือว่าวันนั้นเป็นวันแรกของการตั้งครรภ์ค่ะ วันนี้คุณแม่ไปพบคุณหมอครั้งแรก คุณหมอจะประเมินวันคลอดคร่าว ๆ ด้วยการนับรอบเดือนแบบนี้แหละ เพราะงั้นทางที่ดี เราควรจะจดรอบเดือนของเราทุกเดือนนะ เราทราบอายุครรภ์กันเพื่ออะไร? การทราบอายุครรภ์นั้นมีประโยชน์แน่นอนค่ะ อย่างแรกคือเราก็จะทราบได้ว่าเราจะคลอดเมื่อไหร่หรือประมาณช่วงไหน จะได้เตรียมตัวได้ถูก […]
ไม่ว่าแม่ท้องท่านไหนก็ไม่มีใครอยากจะอยู่ในภาวะครรภ์เสี่ยงกันทั้งนั้นแหละใช่มั้ยคะ คุณแม่บางท่านอาจจะเคยได้ยินเรื่องภาวะครรภ์เสี่ยงมาบ้างแต่ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นอาการแบบไหนกันแน่ วันนี้เราจะนำเรื่องเกี่ยวกับภาวะครรภ์เสี่ยงมาฝากคุณแม่กันค่ะ ภาวะครรภ์เสี่ยงก็คือการตั้งครรภ์ที่มีภาวะเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบทั้งต่อตัวคุณแม่เองและลูกในท้อง ซึ่งภาวะนี้อาจทำให้ลูกเสียชีวิตตั้งแต่ยังไม่คลอด ในขณะคลอด หรือหลังคลอดได้ค่ะ ภาวะครรภ์เสี่ยงมักจะเกิดกับคุณแม่ที่เคยแท้งมาก่อน หรือเคยคลอดก่อนกำหนด คุณแม่ที่มีโรคประจำตัวต่างๆ หรือตั้งครรภ์ในขณะที่มีอายุน้อยกว่า 15 ปี หรือมากกว่า 40 ปี นอกจากนี้อาจจะมีสาเหตุมาจากเนื้องอกในมดลูก ความผิดปกติที่เกิดขึ้นในช่วงที่คุณแม่ท้อง การท้องลูกแฝดหรือแม้แต่การที่ลูกในท้องอยู่ในท่าที่ไม่ปกติ มีข้อไหนที่ตรงกับคุณแม่บ้างมั้ยคะ ถ้ามีคุณแม่รีบปรึกษาคุณหมอแล้วก็เข้ารับการตรวจตามกำหนดและปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัดนะคะ เพราะคุณแม่ที่มีภาวะเสี่ยงจะต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด แล้วก็คุณแม่จะต้องได้รับการตรวจประเมินอย่างน้อยหนึ่งอย่างโดยคุณหมอตามด้านล่างนี้ด้วยค่ะ การตรวจประเมินภาวะครรภ์เสี่ยงโดยคุณหมอ 1. อัลตราซาวด์ (Ultrasound) การตรวจแบบอัลตราซาวด์ก็คือการตรวจโดยใช้คลื่นความถี่สูงเพื่อตรวจหาความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นตอนตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นความผิดปกติของรกหรือของลูกน้อยในท้องค่ะ นอกจากนี้ การตรวจอัลตราซาวด์ยังสามารถบอกปริมาณน้ำคร่ำ รูปร่างของมดลูกและอัตราการเต้นของหัวใจทารกได้ด้วยนะ 2. การตรวจกรองทารกกลุ่มอาการดาวน์ กลุ่มอาการดาวน์ก็คือดาวน์ซินโดรมที่เราเรียกกันโดยทั่วไปนี่แหละค่ะ สำหรับการตรวจหากลุ่มดาวน์นี้จะสามารถทำได้หลายวิธี เช่น 3. การเจาะน้ำคร่ำ การตรวจโดยเจาะน้ำคร่ำนี้จะทำเมื่อคุณแม่มีอายุครรภ์ระหว่าง 18-20 สัปดาห์ค่ะ เอาตรงๆ การเจาะน้ำคร่ำนี่เจ็บมาก แต่ก็ต้องทนอ่ะเนอะเพื่อความปลอดภัยของลูกเรา คุณหมอจะเจาะน้ำคร่ำเพื่อนำเซลล์ของลูกมาใช้ตรวจวิเคราะห์หาโรคและความผิดปกติต่างๆ เช่นพวกโรคธาลัสซีเมีย โครโมโซมผิดปกติ หรือโรคทางพันธุกรรมอื่นๆ ค่ะ 4. การตรวจอื่นๆ ตามความเห็นของแพทย์ ยกตัวอย่างเช่น การเจาะเลือดจากสายสะดือ การตรวจการทำงานของหัวใจทารกในครรภ์ (Non-Stress […]
เส้นไหมทอละเอียด Silky Air นวัตกรรมใหม่จาก Aprica ที่มีในรถเข็นเด็ก รุ่น Luxuna Light และรุ่น Luxuna CTS Silky Air เส้นไหมทอละเอียดนุ่มเบาสบายระบายอากาศได้ดี มีความยืดหยุ่นลดภาระการเคลื่อนย้ายตัวของเด็ก Silky Air เป็นการผสมกันกับไหมและเส้นไฟเบอร์เรียงยาวละเอียดให้ความยืดหยุ่นเบาสบาย เมื่อเทียบกับผ้าคอตตอนแบบเก่าที่ผสมกับฟองน้ำที่มีความยืดหยุ่นต่ำระบายอากาศได้ไม่ดี มาเลือกความเบาสบายให้ลูกของคุณกับ Silky Air กับคุณสมบัติพิเศษ 3 ข้อ ดังนี้ 1. เบาะรองนั่งสามารถระบายอากาศได้เป็นอย่างดี ช่วยเพิ่มการระบายความชื้นมากขึ้นอีก 10% เพราะ Silky Air เป็นวัสดุที่สามารถระบายอากาศได้อย่างดีเยี่ยม การระบายความชื้นได้ดีเป็นตัวบ่งบอกว่าความร้อนไม่สามารถก่อตัวขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ประสิทธิภาพในการระบายความชื้นขึ้นอยู่กับความแตกต่างลักษณะรูปร่างของเด็กด้วย 2. สัมผัสที่อ่อนนุ่ม ผลิตจากวัสดุที่อ่อนนุ่มและสามารถระบายอากาศได้ดีให้ความรู้สึกเบาสบายเมื่อสัมผัสกับผิวที่บอบบางของทารก 3. สามารถทำความสะอาดด้วยเครื่องซักผ้า เบาะรองนั่งสามารถถอดออกและนำไปซักในเครื่องซักผ้าได้อย่างง่ายดายจึงทำให้คงความสะอาดตลอดเวลา สรุป ด้วยคุณสมบัติที่ดีเยี่ยมกับนวัตกรรมใหม่ ของ Silky Air ทั้ง 3 ประการ จึงนำมาใช้กับรถเข็นเด็ก Aprica รุ่น Luxuna Light และรุ่น Luxuna CTS ได้เหมาะสมที่สุดกับเด็กแรกเกิด และเหมาะสมที่สุดกับคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการรถเข็นเด็กที่เบาและง่ายต่อการเดินทางไปทุกที่ กับคุณสมบัติพิเศษที่สามารถใช้คู่กับเป้อุ้มเด็ก Colan CTS ได้อีกด้วย รวดเร็วและสะดวกในการปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามไลฟ์สไตล์ของคุณแม่ คุณแม่สามารถเลือกใช้ได้อย่างใดอย่างหนึ่งได้อย่างง่ายดาย นวัตกรรมใหม่ในการใช้รถเข็นเด็กและเป้อุ้มเข้าด้วยกัน เป็นตัวช่วยให้คุณแม่พร้อมออกเดินทางได้ทุกสถานการณ์
คาร์ซีทปลอดภัย สำหรับเด็กแรกเกิด จะต้องดูจากอะไรบ้าง วันนี้ BabyGift จะมาบอกวิธีดูคาร์ซีทที่ปลอดภัย แบบลึกซึ้งถึงโครงสร้างกันเลยค่ะ เพราะทุกวัสดุที่ประกอบอยู่ในคาร์ซีทนั้น มีผลต่อความปลอดภัยของลูกน้อยมาก และก่อนคุณพ่อคุณแม่จะตัดสินใจเลือกซื้อคาร์ซีทให้ลูกรัก นี่คือสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องรู้เลยค่ะ โครงคาร์ซีท ทำจากอะไร แบบไหนที่ปลอดภัย 1. โครงพลาสติกทั่วไป (PP) พลาสติกมีความแข็งแรง ทนต่อการกระแทก มีน้ำหนักเบา ส่วนใหญ่มักจะใช้ภายในห้องโดยสารรถยนต์ เช่น แผงประตู หรือ คอนโซลรถ เมื่อใช้พลาสติก 100% ทำเป็นโครงคาร์ซีทสำหรับเด็กโตโดยเฉพาะ ที่น้องมีสรีระแข็งแรงแล้ว ก็เพียงพอต่อการปกป้องน้องให้ปลอดภัยค่ะ แต่สำหรับเด็กแรกเกิด ที่สรีระบอบบาง ต้องการการปกป้องเป็นพิเศษ การใช้พลาสติก 100% เลย อาจจะไม่พียงพอ โครงคาร์ซีทควรจะเสริมด้วยวัสดุอื่น ๆ เพิ่มความแข็งแรงด้วย เช่น เสริมด้วยไฟเบอร์กลาส 2. โครงพลาสติก เสริมไฟเบอร์กลาส ไฟเบอร์กลาส หรือ เส้นใยแก้ว จะใช้เพื่อเสริมความแข็งแรงเป็นพิเศษ ใช้แทนโลหะได้เลย เช่น ทำชิ้นส่วนเครื่องบินเล็ก ทำชิ้นส่วนรถแข่ง เพราะทนต่อการถูกกระแทก ทนต่อการฉีกขาด มีน้ำหนักเบา และยังสามารถดัดโค้งจัดรูปทรงได้ ไม่เปราะง่าย ในการทำโครงคาร์ซีทเด็กแรกเกิด […]
เชื่อว่าคุณแม่หลายๆคนคงอยากให้ลูกน้อยปลอดภัยโชคดีกันทั้งนั้น วันนี้ Baby Gift ขอเอาใจคุณแม่สายมู หยิบข้อมูลเครื่องรางยอดฮิตสำหรับลูกน้อยมาฝากค่ะ เราลองไปดูพร้อมๆกันเลยว่า Lucky item เพิ่มสีสันให้ลูกน้อยแถมยังคุ้มครองทางใจคุณแม่ ไปดูกันเลย ตาข่ายดักฝัน หรือที่เรารู้จักกันในนามว่า Dreamcatcher ในสมัยก่อนชาวอินเดียนแดงสร้างเครื่องรางชิ้นนี้ขึ้นมา เพราะเชื่อว่าจะช่วยป้องกันฝันร้ายให้สลายหายไป จึงหันมานิยมห้อยไว้เหนือเปลเด็กเพราะหวังว่าจะช่วยทำให้ลูกน้อยปลอดภัยและนอนหลับฝันดี ซึ่งยังเป็นการช่วยส่งเสริมพัฒนาการของลูกน้อยได้เป็นอย่างดี เพราะสายตาเด็กที่จับจ้องมองการแกว่งไกวของตาข่ายดักฝันนั้น จะช่วยทำให้ลูกน้อยมีพัฒนาการการเรียนรู้ทางสายตาและกล้ามเนื้อมัดเล็กได้เป็นอย่างดี ในขณะเดียวกันยังทำให้คุณแม่อุ่นใจเมื่อมีเครื่องรางช่วยคุ้มครองให้ลูกน้อยปลอดภัยอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย อเมทิสต์หินนำโชค ตามความเชื่อของหินนำโชคนั้น หินสีม่วงจะช่วยปกป้องให้ลูกน้อยปลอดภัย ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกไป เสริมพลังบวกและดึงดูดสิ่งดีๆนำความโชคดีมาให้เด็กๆ อีกทั้งยังช่วยทำให้ลูกน้อยหลับสบาย เพราะเชื่อว่าหินจะมีคลื่นพลังงานแห่งความสุขปล่อยออกมาช่วยทำให้ลูกน้อยนอนหลับฝันดีหรือมีความสุขนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตามเพื่อ คุณแม่ควรวางไว้ในจุดที่ลูกน้อยไม่สามารถหยิบจับหรือเอื้อมถึงได้ เพื่อลดความเสี่ยงที่ลูกน้อยจะเผลอหยิบเข้าปาก และอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ถุงนำโชค อีกหนึ่งเครื่องรางจากวัดดังที่ฮอกไกโด เครื่องรางชิ้นนี้เป็นถุงผ้าสีชมพู ปักตัวอักษรด้วยดิ้นสีทอง และปักรูปแมว 2 ตัว พกเพื่อนำโชค เพราะเชื่อกันว่าจะช่วยปกป้องสิ่งชั่วร้ายจากลูกน้อย สุขภาพแข็งแรง และยังช่วยให้เด็กเติบโตมีสุขภาพที่แข็งแรงในอนาคตด้วย นอกจากจะคุ้มครองให้ลูกน้อยปลอดภัยแล้วยังช่วยคุ้มครองคุณแม่อีกด้วย กำไลข้อเท้า คนไทยสมัยก่อนมักซื้อมาไว้รับขวัญหลาน เพราะเชื่อกันว่าการใส่กำไลข้อเท้าให้เด็กนั้นจะช่วยคุ้มครองให้ลูกน้อยปลอดภัย สุขภาพแข็งแรง แต่ความจริงนั้นอาจเป็นเพียงกุศโลบายในการเลี้ยงเด็ก เพราะกำไลข้อเท้าเด็กส่วนมากจะมีกระดิ่งห้อยอยู่ด้วย เมื่อพ่อแม่ได้ยินเสียงจะทำให้รู้ว่าลูกนอนอยู่หรือตื่นแล้ว อีกทั้งยังสามารถตามหาลูกน้อยว่าอยู่ที่ไหนได้จากเสียงกระดิ่งอีกด้วย เรียกได้ว่า ทั้งเสริมดวงให้ลูกน้อยปลอดภัยแล้วยังได้ใช้ประโยชน์ไปพร้อมๆกัน ถึงอย่างไรก็ตาม กำไลข้อเท้าควรทำมาจากวัสดุที่มีคุณภาพ […]