ลูกเหงื่อออกมากผิดปกติ เป็นสัญญาณเตือนของ 3 โรคร้าย

เด็กบางคนจะมีเหงื่อออกมาก ทั้งบนศีรษะ หน้า หน้าอก แผ่นหลัง จนหมอน และชุดนอนเปียกชื้น โดยเฉพาะเด็กที่ปกติมีเหงื่อมาก เมื่อนอนไปได้สักระยะหนึ่งอุณหภูมิของร่างกายจะสูงขึ้น ทำให้มีเหงื่อออกจนคุณพ่อคุณแม่ตกใจเกรงลูกจะเป็นโรคร้าย เพราะมีคนกล่าวว่า เหงื่อออกมากเวลากลางคืนอาจจะเป็นอาการระยะเริ่มต้นของโรคต่างๆ ดังนี้ โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดเมื่อหัวใจทำงานมากขึ้นเหงื่อก็จะออกมากขึ้นตามไปด้วย การที่หัวใจของลูกเต้นผิดปกติ จะทำให้เหงื่อของลูกออกมากไปด้วยเพราะระบบควบคุมการทำงานบางส่วนเป็นระบบเดียวกัน ส่วนมากจะเกิดกับเด็กที่เป็น ลิ้นหัวใจรั่ว หรือผนังกั้นหัวใจรั่ว อาการที่มีรวมกับการเหงื่อออกคือ เหนื่อยง่าย ไม่ค่อยมีแรง ปากคล้ำ การเจริญเติบโตช้ากว่าเด็กวัยเดียวกัน ภาวะติดเชื้อเด็กที่เป็นไข้ตัวร้อน และ เหงื่อออกมากผิดปกติ หัวใจเต้นเร็ว แสดงว่าเด็กอาจเกิดอาการติดเชื้อและกำลังใกล้ช็อก ควรพาลูกส่งโรงพยาบาลทันที อาการนี้จะดูยาก คุณแม่ต้องสังเกตควบคู่กับการรับประทานอาหารของลูกด้วยว่าทานได้มากเหมือนเดิมหรือไม่ มีอาการซึมไหม ถ้าลูกเริ่มไม่ตอบสนอง ควรรีบพาลูกส่งโรงพยาบาลทันทีค่ะ ภาวะไทรอยด์ทำงานมากผิดปกติ(hyperthyroidism) ถ้าลูกมีเหงื่อออกมากผิดปกติอาจเป็นผลมาจากความผิดปกติที่ทำให้เนื้อเยื่อไทรอยด์ทำงานมากผิดปกติ ทำให้มีการสร้างฮอร์โมนของต่อมไทรอยด์ขึ้นมามาก เป็นสาเหตุทำให้เกิดหัวใจล้มเหลวแบบเลือดคั่ง (congestive heart failure) ,โรคกระดูกพรุน, และเกิดภาวะเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานเต็มขั้น เหงื่อออกปกติ เด็กอาจไม่ได้เป็นโรคอะไร แต่เป็นเด็กขี้ร้อน คุณพ่อคุณแม่ควรดูแลเรื่องความสะอาดของลูก เช่น อาบน้ำให้บ่อยขึ้น อยู่ในที่ๆ มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก หรืออยู่ในที่ๆมีอากาศเย็นกว่าอุณหภูมิของห้องเล็กน้อย เวลานอนควรใส่เสื้อผ้าที่ไม่หนาจนเกินไป เหงื่อออกแบบผิดปกติ […]

ลูกมีเหงื่อออกมาก ผิดปกติหรือไม่???

“เวลาลูกสาววัย 5 เดือนดูดนมแม่ จะมีเหงื่อออกมาก โดยเฉพาะที่ศีรษะจะเปียกตลอดเลยทั้งที่อยู่ในห้องแอร์ ถือเป็นอาการผิดปกติหรือเปล่า”  เด็กต้องการพลังงานเทียบกับน้ำหนักตัวสูงกว่าผู้ใหญ่ เนื่องจากต้องใช้เพื่อการเจริญเติบโตและสร้างเนื้อเยื่อ อวัยวะต่างๆจึงต้องการใช้พลังงานสูงมาก เช่น เพื่อการสร้างเซลสมอง การสร้างเซลกล้ามเนื้อ ในขณะที่ผู้ใหญ่ต้องการพลังงานเพื่อการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ กล้ามเนื้อหัวใจในเด็กทารกเป็นเซลกล้ามเนื้อชนิดที่ล้าง่าย ต้องการพลังงานสูง ชีพจรของเด็กจึงเต้นเร็วกว่าผู้ใหญ่ เด็กแรกเกิดชีพจรเต้น 140 ครั้งต่อนาที และลดลงเรื่อยๆเมื่อเด็กเติบโตขึ้น จนเป็น 60-80 ครั้งต่อนาทีเมื่อเป็นผู้ใหญ่ ดังนั้นความร้อนที่เกิดขึ้นจากการเผาผลาญพลังงานก็ย่อมมีมาก การระบายความร้อนออกจากร่างกายทำได้โดยการขับออกเป็นเหงื่อ ดังนั้นการที่เห็นว่าทารกนอนดูดนมเฉยๆ ทำไมถึงมีเหงื่อเยอะจัง เพราะภายในร่างกายของเขามีการทำงานอยู่ตลอดเวลา จึงไม่ผิดปกติค่ะ ขณะที่ผู้ใหญ่จะใช้พลังงานสูงเท่ากับที่เด็กทารกต้องการ ก็ต่อเมื่อมีการออกกำลัง จนชีพจรเต้นเร็วเท่ากับเด็กทารก ถึงเวลานั้นเราก็มีเหงื่อออกเต็มตัวเหมือนเด็กทารกเวลาดูดนมเช่นกัน อย่างไรก็ดีมีโรคบางอย่างที่ทำให้ทารกมีเหงื่อออกมากผิดปกติกว่าเด็กคนอื่น เช่น โรคหัวใจ โรคธัยรอยด์เป็นพิษ แต่ลูกควรมีอาการผิดปกติอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น เลี้ยงไม่โต ดูดนมแล้วดูเหนื่อยต้องหยุดเป็นพักๆ ตรวจร่างกายฟังได้ยินเสียงผิดปกติที่หัวใจ หากสงสัยว่าลูกเป็นโรคเหล่านี้ ให้ปรึกษากุมารแพทย์ได้ค่ะ หากตรวจแล้วพบว่าลูกปกติดี การมีเหงื่อออกเวลาดูดนม นอกจากช่วยระบายความร้อนแล้วยังช่วยให้ต่อมเหงื่อทำงานขับของเสียออกทางผิวหนังอีกทางหนึ่ง จึงไม่จำเป็นต้องเปิดแอร์ให้ลูกตลอดเวลา เพียงใส่เสื้อผ้าที่ระบายความร้อนได้ง่าย และอยู่ในที่อากาศถ่ายเทจะดีกว่าค่ะ >>>ขอบคุณข้อมูล : สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ

คาร์ซีท (carseat) ดีอย่างไร ?

ครอบครัวที่มีรถยนต์ และมีลูกเล็ก ๆ ควรฝึกให้ลูกนั่งคาร์ซีทตั้งแต่เล็ก ๆ เพื่อความปลอดภัยของเด็ก หากเกิดอุบัติเหตุขึ้น ถึงแม้ว่าคาร์ซีทจะมีราคาค่อนข้างแพง และมั่นใจว่าคุณพ่อหรือคุณแม่นั้นขับรถอย่างปลอดภัยแล้วก็ตาม แต่อุบัติเหตุก็สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ซึ่งในขณะนั้นคุณพ่อคุณแม่อาจไม่ทันได้ปกป้องลูกน้อยเลยด้วยซ้ำ อุ้มลูกไว้กับตัวไม่ปลอดภัยจริงหรือ? ถึงแม้คุณแม้จะอุ้มลูกไว้อย่างใกล้ชิด แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ลูกอาจบาดเจ็บมากจนถึงขึ้นเสียชีวิตได้ เนื่องจากลูกจะอยู่ตรงกลางระหว่างรถกับคุณแม่ เมื่อเกิดแรงกระแทก ลูกจะโดนก่อนเต็ม ๆ ซ้ำยังเป็นกันชนช่วยลดแรงกระแทกที่จะมาถึงคุณแม่อีกด้วย กลายเป็นว่าคุณแม่ต่างหากที่ปลอดภัย อย่างนี้แล้วเปลี่ยนใจมาใช้คาร์ซีทกันดีกว่า คาร์ซีทดีอย่างไร? คาร์ซีท carseat มีประโยชน์ช่วยลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ และลดการบาดเจ็บของร่างกายลูกได้ เมื่อติดตั้งอย่างถูกวิธี สายรัดอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องไม่รัดคอลูกให้อึดอัดและไม่หลวมเกินไป จนเด็กหลุดออกจากคาร์ซีท ไปกับกระแทกกับส่วนต่าง ๆ ของรถ หรือหลุดออกนอกตัวรถ จุดเหมาะที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับการติดตั้งคาร์ซีท ควรจะเป็นกึ่งกลาง ของเบาะหลัง หรือบริเวณใกล้เคียงตรงกลางรถให้มากที่สุด เพราะช่วยลดการกระแทกที่เข้ามาด้านข้างรถได้ เลือกคาร์ซีทให้เหมาะกับวัย และน้ำหนักตัวของลูกน้อย เด็กแรกเกิด –  12 เดือน หรือน้ำหนักไม่เกิน 10 kg. ควรใช้คาร์ซีท carseat แบบนั่งหันหน้าไปด้านหลังรถ และแบบปรับเอนไปกับที่นั่งประมาณ 45 องศา คาร์ซีทชนิดนี้จะปกป้องศีรษะ ช่วงต้นคอ และกระดูกสันหลังของเด็กได้ดีที่สุด เด็กที่มีอายุมากกว่า 1 ปี หรือน้ำหนัก […]

10 เรื่องจริงเกี่ยวกับ Aprica ที่คุณอาจไม่เคยรู้

10 วิธีเลือกซื้อรถเข็นเด็กให้ถูกใจ

รถเข็นเด็กเป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับพ่อแม่ในการพาลูกเดินเที่ยว ช่วยให้ไม่เมื่อยหรือเสี่ยงต่ออาการปวดหลังของคนอุ้มด้วย ขณะที่ตัวเด็กเองนอกจากจะได้นั่งมองวิว และนอนสบายแล้ว สามารถเล่นของเล่นไปในเวลาเดียวกันได้ด้วย ก่อนเลือกซื้อรถเข็นเด็ก ต้องรู้คุณสมบัติของรถข็นเด็กที่ดีก่อน 1. เบาะรองนอนระบายอากาศ เพราะร่างกายของเด็กทารกมีรูขุมขนขนาดเล็กกว่าของผู้ใหญ่มาก จึงทำให้ร่างกายของเด็กขับเหงื่อออกมามากกว่าผู็หญิงเพื่อระบายความร้อนของร่างกาย จึงควรเลือกรถเข็นเด็กที่สามารถระบายอากาศได้ดี จึงช่วยลดการเกิดผดผื่น และวคามอับชื้น ซึ่งจะนำไปสู่การเกิดผื่นคัน เพราะต่อมเหงื่ออุดตันได้ 2. ช่องระบายอากาศด้านหลัง และฉนวนกันความร้อน พื้นถนนมีความร้อนสะสมสูงมาก ความร้อนจะสะท้อนขึ้นมาได้ที่นั่งของรถเข็นเด็ก  รถเข็นเด็กที่มีฉนวนกับความร้อนที่ด้านหลังจะช่วยสะท้อนความร้อนจากพื้นเพื่อลดอุณหภูมิที่บริเวณหลังของเด็ก นอกจากนี้การเพิ่มช่องระบายอากาศด้านหลังยังช่วยระบายเหงื่อลดความอับชื้นช่วยให้เด็กนอนหลับได้สบายตัวมากขึ้น 3. หลังคาบังแดดป้องกัน UV ได้ ควรเลือกรถเข็นเด็กที่มีหลังคาบังแดดได้อย่างชัดเจน และมีคุณสมบัติป้องกันรังสี UV ที่เป็นอันตรายต่อผิวและดวงตาของลูกน้อย 4. พับกางสะดวก รถเข็นเด็กที่สามารถพับกางและเก็บได้ด้วยมือเดียวจะช่วยให้คุณแม่สะดวกสบายมากขึ้น เพราะสามารถพับหรือกางรถเข็นเด็กได้อย่างง่ายดายแม้ในขณะอุ้มลูกน้อย 5. พับแล้วตั้งกับพื้นได้ รถเข็นเด็กที่พับแล้วยังสามารถได้โดยไม่ล้มกองบนพื้นจะช่วยให้คุณสามารถลากไปมาสะดวกและยังปลอดจากสิ่งสกปรกบนพื้นที่อาจเป็นอันตรายต่อลูกน้อยได้ 6. ไม่มีรอยต่อหรือพับเล็กมากเกินไปควรเชื่อมเป็นชิ้นเดียวกันเพื่อความแข็งแรง เพราะรถเข็นเด็กทั่วไปมักมีชิ้นส่วนต่อเข้าด้วยกันหลายชิ้น เมื่อผ่านการใช้งาน มักมีการขยับตัวเป็นสาเหตุให้โครงสร้างไม่แข็งแรงและเกิดการสั่นสะเทือนเมื่อเข็นในที่ขรุขระ รถเข็นเด็กที่ดีควรมีการเชื่อมต่อส่วนที่สำคัญเป็นชิ้นเดียวและไม่ควรมีข้อต่อที่พับได้จนเล็กเกินไป จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงแม้ผ่านการใช้งานที่ยาวนาน 7. เบาะรถเข็นเด็กถอดซักทำความสะอาดได้ง่าย สามารถซักทำความสะอาดได้ด้วยตัวเอง และซักในเครื่องซักผ้าได้ และยังตากแห้งได้ง่าย จะช่วยให้ลูกน้อยมีสุขอนามัยที่ดี 8. น้ำหนักเบา รถเข็นเด็กน้ำหนักเบาช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการเดินทาง 9. […]

6เหตุผลดีๆที่ควรเลือกBabyGift

เมื่อมั่นใจในผลิตภัณฑ์ Aprica Ailebebe สิ่งที่คำนึงถึงคือ ร้านค้าที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ เพราะเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า ซื้อแล้วเกิดปัญหาจะแก้ให้เราได้หรือไม่? มีการรับประกันสินค้าหรือไม่? อะไหล่ชำรุดแล้วเปลี่ยนได้หรือไม่? เมื่อเสียแล้วสามารถซ่อมได้หรือไม่? เลือกช๊อปกับ BabyGift มั่นใจ ปลอดภัย100% ไม่เสียใจภายหลัง เพราะเราเป็นตัวแทนจำหน่าย Aprica Ailebebe ที่ถูกต้อง มีการรับประกันสินค้า และพร้อมให้บริการตลอดการใช้งาน ดังนี้ 1.สินค้ามีระยะรับประกัน 1 ปีนับจากวันที่ซื้อสินค้า โดยลูกค้าสามารถลงทะเบียนเพื่อขยายระยะเวลาประกันสูงสุด 4 ปี สามารถตรวจสอบ อายุการรับประกันคงเหลือสินค้า ได้ที่ www.babygiftservice.com 2.อะไหล่แท้ส่งตรงจากญี่ปุ่นที่มีเฉพาะตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการเท่านั้น 3.เปลี่ยนฟรีเมื่อคาร์ซีทเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน รับประกัน 4 ปีเต็มเพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ และคาร์ซีทที่ผ่านการเกิดอุบัติเหตุรุนแรงมาแล้ว จะไม่มีความปลอดภัยเพียงพอที่จะนำมาใช้อีก ดังนั้นเพื่อให้คุณมั่นใจว่าลูกน้อยจะได้รับการปกป้อง 100% ตลอดการเดินทาง Baby Gift ยินดีเปลี่ยนคาร์ซีทตัวใหม่ให้ทันทีเมื่อเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันตลอดระยะเวลา 4 ปี 4.ผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาที่ผ่านการอบรมจากบริษัทผู้ผลิตโดยตรง ให่คำแนะนำการใช้งาน การติดตั้งอย่างถูกวิธี 5.ช่างซ่อมที่มีความชำนาญ ที่ได้รับการอบรมจากศูนย์บริการในต่างประเทศ 6.มีศูนย์บริการใกล้บ้าน ด้วยประสบการณ์ด้านรถเข็นเด็ก คาร์ซีทกว่า 10 […]

เคล็ดลับในการเลือกซื้อคาร์ซีท

การเลือกซื้อคาร์ซีท เคล็ดลับในการเลือกซื้อคาร์ซีท ไม่มีคาร์ซีทตัวไหนที่ที่ดีที่สุดหรือที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับทุกคน เพราะฉะนั้นการเลือกคาร์ซีทที่ดีควรเลือกให้เหมาะกับขนาดของเด็ก ติดตั้งได้อย่างถูกต้องและเหมาะกับรถของคุณ และใช้งานอย่างถูกวิธีได้ทุกครั้งที่คุณเดินทาง อย่าตัดสินใจเลือกซื้อจากราคาเพียงอย่างเดียว เพราะราคาที่แพงกว่าไม่ได้แปลว่าคุณจะได้คาร์ซีทที่ปลอดภัยกว่าหรือใช้ง่ายกว่า หลีกเลี่ยงการใช้คาร์ซีทมือสองที่คุณไม่รู้ประวัติการใช้งานโดยเด็ดขาด และที่สำคัญ ไม่ควรใช้คาร์ซีทที่ที่มีสภาพเก่าเกินไป ควรตรวจดูได้วันที่ผลิตที่ตัวคาร์ซีทหรือสอบถามจากผู้ผลิตว่าคาร์ซีทตัวนี้เป็นรุ่นปีอะไร ยังควรใช้งานอีกหรือไม่ ไม่ควรใช้คาร์ซีทที่มีสภาพชำรุด ไม่ควรใช้คาร์ซีทที่ไม่มีชื่อรุ่น วันที่ผลิต หมายเลขรุ่น เพราะถ้าไม่มีข้อมูลเหล่านี้กำกับไว้คุณจะไม่สามารถรู้ได้ว่ามีการเรียกคืนคาร์ซีทตัวนั้นเนื่องจากการบกพร่องของผู้ผลิตหรือไม่ ไม่ควรใช้คาร์ซีทที่ไม่มีคู่มือการใช้งานติดมาด้วย คุณจำเป็นต้องศึกษาการใช้งานอย่างละเอียด ไม่ควรใช้คาร์ซีทที่มีส่วนปะกอบและอะไหล่ไม่ครบ คาร์ซีทมือสองส่วนใหญ่มักมีอุปกรณ์หรือชิ้นส่วนที่สำคัญหายไป ตรวจสอบกับผู้ผลิตให้มั่นใจว่าคาร์ซีทมือสองที่คุณได้รับมานั้นมีอุปกรณ์ต่างๆ ติดมาด้วยอย่างครบถ้วน ไม่ควรใช้คาร์ซีทที่มีการถูกเรียกคืนโดยผู้ผลิต คุณสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ผลิตหรือติดต่อไปที่ กรมทางหลวง NHTSA โทร 888/327-4236 หรือเว็ปไซต์ NHTSA (เฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา) ห้ามใช้คาร์ซีทที่เคยผ่านการเกิดอุบัติเหตุไม่ว่าจะปานกลางหรือรุนแรง คาร์ซีทที่เคยผ่านการเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยมาแล้วอาจจะยังใช้งานต่อไปได้ แต่ผู้ผลิตบางรายแนะนำให้ควรเปลี่ยนคาร์ซีทตัวใหม่เมื่อมีการเกิดอุบัติเหตุแม้จะเป็นแค่อุบัติเหตุเล็กๆ กรมทางหลวงหรือ NHTSA ได้พิจารณาลักษณะการเกิดอุบัติและประเมิณว่าเป็นเพียงอุบัติเหตุเล็กน้อยไว้ดังนี้ หากรถที่ประสปอุบัติเหตุยังสามารถใช้งานขับต่อไปได้หลังเกิดอุบัติเหตุ ประตูฝั่งที่ติดกับคาร์ซีทไม่ได้รับความเสียหาย ไม่มีใครในรถได้รับบาดเจ็บ ถุงลมนิรภัยไม่ได้ทำงาน ไม่มีร่องรอยการชำรุดเสียหายของคาร์ซีท แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่แน่ใจว่าควรใช้คาร์ซีทมือสองนั้นหรือไม่ ลองสอบถามไปยังผู้ผลิตโดยตรงจะดีที่สุดค่ะ ***ขอบคุณแหล่งที่มา : เวปไซด์ www.healthychildren.org

คำแนะนำเกี่ยวกับคาร์ซีทมือสอง

คาร์ซีทมือสอง คำแนะนำที่ดีที่สุดคืออย่าซื้อคาร์ซีทมือสองมาใช้เลย คุณไม่สามารถรู้ได้หรอกว่าคาร์ซีทมือตัวสองนั้นมีประวัติมาอย่างไร อาจจะผ่านการเกิดอุบัติเหตุและได้รับความเสียหายในส่วนที่เรามองไม่เห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคาร์ซีทมือสองส่วนมากมักจะไม่มีคู่มือการใช้งานให้เราได้ศึกษาวิธีใช้งานอย่างถูกวิธี จึงยากที่จะรู้ว่าเราใช้งานได้อย่างถูกต้องปลอดภัยหรือไม่ คาร์ซีทมือสองส่วนใหญ่ที่ถูกนำมาขายนั้นมักจะเป็นรุ่นเก่าๆ ที่มีการชำรุดเสียหาย เสื่อมสภาพ  หรือการออกแบบไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัยในปัจจุบัน การซื้อคาร์ซีทมือหนึ่งน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า จริงๆ แล้วคาร์ซีทมีหลากหลายราคาให้เลือกซื้อซึ่งเราก็ไม่จำเป็นต้องซื้อรุ่นที่ราคาที่แพงที่สุด ลองสอบถามเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานพิทักษ์ความปลอดภัยบนท้องถนนในพื้นที่ที่คุณพักอาศัยดูเผื่อเค้าอาจจะทราบว่ามีกิจกรรมลดราคาคาร์ซีทบ้างหรือไม่ (หน่วยงานพิทักษ์ความปลอดภัยบนท้องถนนเป็นหน่วยงานในประเทศอังกฤษ) แต่ถ้าคุณมีความจำเป็นต้องใช้คาร์ซีทมือสองจริงๆ ควรใช้คาร์ซีทที่ได้รับต่อมาจากบุคคลในครอบครัวหรือเพื่อนที่คุณสามารถมั่นใจมากว่าคุณทราบประวัติเกี่ยวกับคาร์ซีทตัวนั้นอย่างละเอียด (ประวัติการเรียกคืนจากผู้ขาย การใช้งาน การเกิดอุบัติเหตุ ผู้ใช้งานและลักษณะการถูกใช้งานก่อนหน้านี้)  รวมถึงคาร์ซีทนั้นต้องมีคู่มือการใช้งานติดมาด้วย  และควรเลือกใช้คาร์ซีทที่ไม่เก่าจนเกินไป แต่ที่สำคัญห้ามซื้อจากร้านขายของมือสองหรือคนที่ประกาศขายของมือสองทั้งในหน้าหนังสือพิมพ์หรือตลาดออนไลน์โดยเด็ดขาด ก่อนที่จะใช้คาร์ซีทมือสอง คุณควรจะ : ตรวจดูสภาพของคาร์ซีทอย่างละเอียดถี่ถ้วน (อย่างไรก็ตามความเสียหายที่เกิดกับคาร์ซีทนั้นไม่สามารถตรวจสอบได้ด้วยตาเปล่าได้ทั้งหมด มั่นใจว่ามีคู่มือการใช้งานที่มาจากผู้ผลิตติดมาด้วยทุกครั้ง ขอคำแนะนำจากผู้ผลิตเกี่ยวกับรุ่น ปีที่ผลิต และระยะเวลาที่สามารถใช้งานต่อได้ เลือกคาร์ซีทที่เหมาะกับน้ำหนักและความสูงของเด็ก ลองติดตั้งคาร์ซีทในรถก่อนซื้อ ถ้าผู้ขายไม่อนุญาติให้คุณลองติดตั้งคาร์ซีทในรถ จงอย่าซื้อ ตรวจสอบว่าคาร์ซีทนั้นรองรับมาตรฐานการผลิต United Nations Standard Regulation 44.04 หรือไม่  โดยสังเกตหาสัญลักษณ์ตัว E หรือ I-Size ทีติดอยู่ที่คาร์ซีท ***ขอบคุณแหล่งที่มา : เว็บไซด์ childcarseats.org.uk

คาร์ซีทและบูซเตอร์ซีทสำหรับเด็กมีอายุการใช้งานนานเท่าไร

คาร์ซีทและบูซเตอร์ซีทสำหรับเด็กมีอายุการใช้งานนานเท่าไร??? ถึงแม้จะไม่ได้มีกฎหมายกำหนดไว้ แต่คาร์ซีทและบูซเตอร์ซีทสำหรับเด็กที่วางขายในประเทศแคนนาดาจะมีการระบุวันที่หมดอายุหรืออายุการใช้งานกำกับไว้ที่คาร์ซีททุกตัว ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถทราบถึงอายุการใช้งานของคาร์ซีทและสามารถพิจารณาถึงความเสี่ยงในการใช้คาร์ซีทในกรณีที่คาร์ซีทนั้นอาจมีอายุการใช้งานที่เหลือน้อยกว่าที่ต้องการ    ผู้ปกครองไม่ควรใช้คาร์ซีทที่เลยวันหมดอายุ สำหรับคาร์ซีทที่หมดอายุแล้วควรจะนำไปกำจัดทิ้งอย่างถาวร ไม่ควรนำไปบริจาค ขาย หรือมอบให้เพื่อนและครอบครัวใช้ต่อ ยิ่งไปกว่านั้นตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค ยังได้ประกาศไว้ว่า ห้ามทำการโฆษณา จำหน่าย หรือมอบคาร์ซีทที่ผลิตก่อนวันที่ 1 มกราคม 2012 ให้แก่ผู้อื่นโดยเด็ดขาดเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค เนื่องจากคาร์ซีทนั้นไม่ได้มาตรฐานการผลิตที่กำหนดไว้ในปัจจุบัน สาเหตุที่ทำให้ผู้ผลิตระบุวันหมดอายุหรืออายุการใช้งานไว้ที่คาร์ซีท!!! คาร์ซีทที่ผ่านการใช้งานมาแล้วจะมีการตากแสงแดดจ้า ทำให้พลาสติกค่อยๆเสื่อมสภาพลง ป้ายเตือนความปลอดภัยจะค่อยๆจางจนอ่านไม่ออก คู่มือการใช้งานสูญหาย อาจมีอาหาร เครื่องดื่ม หรือของเหลว หกใส่อุปกรณ์และชิ้นส่วนต่างๆ เช่น สายรัด หัวเข็มขัด ที่ปรับต่างๆ ทำให้อุปกรณ์เหล่านี้เสื่อมสภาพลง ไม่สามารถตรวจสอบประวัติการใช้งานได้ (เช่น คาร์ซีทนั้นอาจจะเคยเกิดอุบัติเหตุมาก่อน หรืออาจถูกเก็บไว้ในสถานที่ที่ทำให้คาร์ซีทเกิดความเสียหายก็เป็นได้) กฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัยมีการปรับเปลี่ยนเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้บริโภคมากขึ้น เจ้าของคาร์ซีทมือสองหรือผู้ที่รับคาร์ซีทมือสองมาใช้ต่ออาจไม่ได้รับการแจ้งจากผู้ผลิตในกรณีที่คาร์ซีทรุ่นนั้นถูกเรียกคืนเพราะเนื่องจากการผลิตบกพร่อง ในประเทศแคนาดา ทุกรัฐและทุกจังหวัดได้มีข้อกำหนดให้ต้องมีการติดตั้งคาร์ซีทสำหรับเด็กเล็กและการติดตั้งบูซเตอร์ซีทสำหรับเด็กโตที่ไว้ในรถยนต์เพื่อความปลอดภัยของเด็กทารกและเด็กเล็ก  หลายๆ จังหวัดได้ออกกฎระเบียบให้เด็กที่มีขนาดตัวเล็กว่าที่จะสามารถใช้เข็มขัดนิรภัยของรถได้อย่างปลอดภัยต้องใช้คาร์ซีทแม้ว่า เด็กคนนั้นจะมีอายุเกินกว่าเกณฑ์แล้วก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้นในบางรัฐยังกำหนดให้มีคาร์ซีทหรือบูซเตอร์ซีทจะใช้งานต้องผ่านการรับรองจาก Canada Motor Vehicle Safety Standards และจะต้องใช้งานให้ต้องตามคู่มือการใช้งานด้วย ถ้าไม่ปฏิบัติตามคู่มือหรือมีการใช้คาร์ซีทที่หมดอายุแล้ว คุณอาจจะทำให้ลูกน้อยของคุณต้องเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตและตัวคุณเองก็จะต้องตกเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้วยเช่นกัน ขอบคุณแหล่งข้อมูล : […]

การใช้คาร์ซีทเก่าหรือคาร์ซีทมือสอง

คาร์ซีทมือสองนั้นหากมองโดยผิวเผินแล้วอาจจะดูน่าสนใจเพราะราคาค่อนข้างถูกมากเมื่อเทียบกับราคาของใหม่ แต่จะคุ้มค่าจริงหรือเมื่อเทียบกับชีวิตน้อยๆ ของลูกคุณ ข้อคิดนี้รวมถึงคาร์ซีทตัวเก่าที่พี่สาวของคุณให้มาหลังจากที่ลูกของเธอโตเลยวัยแล้ว คาร์ซีทมือสองนั้นไม่เพียงแต่ไม่มีคู่มือการใช้งานติดมาด้วยแล้ว (ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับการติดตั้งอย่างถูกวิธี) คุณยังไม่อาจรู้ได้เลยว่าอาจจะมีชิ้นส่วนสำคัญหลุดหายไป หรือคาร์ซีทมือสองนั้นอาจจะเคยเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้เกิดความเสียหายในส่วนที่เรามองไม่เห็น อีกทั้งอาจจะเป็นเป็นสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัยในปัจจุบัน และอาจเคยถูกเรียกคืนจากความบกพร่องจากการผลิตมาแล้ว ยิ่งกว่านั้นเมื่อคาร์ซีทมีอายุการใช้งานมากขึ้นพลาสติกที่เคยแข็งแรงทนทานก็จะเริ่มเปราะบางและไม่สามารถปกป้องลูกน้อยยามคับขันได้ แต่ถ้าคุณมีจำเป็นที่จะต้องใช้คาร์ซีทมือสองจริงๆ สิ่งที่ควรทำคือ ตรวจสอบให้แน่ใจ่ามีคู่มือการใช้งานติดมาด้วย มีอุปกรณ์และส่วนประกอบครบถ้วนตามคู่มือ ไม่เคยประสบอุบัติเหตุร้ายแรง และ ไม่เคยถูกเรียกลับเพราะเหตุสินค้าบกพร่องจากการผลิต เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจาการเสื่อมสภาพของพลาสติก หน่วยงาน SafetyBeltSafe U.S.A. แนะนำว่า ควรใช้คาร์ซีทที่ผ่านการใช้งานมาแล้วไม่เกิน 5 ปี หรืออย่างมากสุดไม่เกิน 10 ปี คุณควรสามารถตรวจสอบได้จากวันหมดอายุที่ระบุไว้บนคาร์ซีท ขอบคุณแหล่งข้อมูล : www.babycenter.com สามารถสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับคาร์ซีทเพิ่มเติมได้จากผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำปรึกษาและแนะนำได้อย่างถูกต้อง