คุณแม่มือใหม่ต้องเตรียมตัวอย่างไรเมื่อต้องเริ่มให้นมลูก?
เริ่มต้นอย่างไรดี? ทำความเข้าใจก่อนเริ่มให้นมลูก
การให้นมแม่เป็นช่วงเวลาสำคัญมาก เพราะน้ำนมแม่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน พัฒนาสมอง และสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างแม่ – ลูก แต่สำหรับ คุณแม่มือใหม่ สิ่งนี้อาจเต็มไปด้วยความกังวล เช่น
- จะเริ่มปั๊มนมยังไงดี?
- ต้องมีอุปกรณ์อะไรบ้าง?
- ควรใช้ เครื่องปั๊มนม รุ่นไหนให้เหมาะกับเรา?
ก่อนเริ่มปั๊มนมหรือให้นม ควรรู้พื้นฐานดังนี้:
✔ ร่างกายผลิตน้ำนมตาม “ความต้องการ”
ยิ่งลูกดูดหรือแม่ปั๊มบ่อย → ยิ่งมีน้ำนมมา (หลักการ Supply & Demand)
✔ 3–5 วันแรกเป็น “น้ำนมเหลือง (Colostrum)”
อุดมด้วยภูมิคุ้มกันและแอนติบอดีมากที่สุด
✔ ช่วงแรกอาจมีเจ็บหัวนม ตึงเต้า หรือกังวลเรื่องน้ำนม
ถือเป็นเรื่องปกติ และสามารถแก้ไขได้ เช่น
- ปรับท่าเข้าเต้า
- เปลี่ยนขนาดกรวย
- ปั๊มบ่อยขึ้น
คุณแม่มือใหม่ต้องเตรียมอุปกรณ์อะไรบ้าง? (สำคัญมาก)
ต่อไปนี้คือ “ชุดอุปกรณ์จำเป็น” ที่แนะนำให้มีตั้งแต่วันแรก:

1. เครื่องปั๊มนม (สำคัญที่สุด) ช่วยในการ
- กระตุ้นน้ำนม
- ปั๊มเก็บสำรอง
- ปั๊มตอนแม่กลับไปทำงาน
- ลดอาการคัดเต้า
2. ถุงเก็บน้ำนม / ขวดเก็บน้ำนม
- แนะนำขนาด 6 – 8 ออนซ์
- ควรเป็นแบบซิป 2 ชั้น ป้องกันรั่ว
- บันทึกวัน – เวลาเพื่อความปลอดภัย
3. กรวยปั๊มนม “ต้องพอดี”
- กรวยไม่พอดี = เจ็บ + น้ำนมออกน้อย
4. ผ้าคลุมให้นม / เสื้อปั๊มนม
- ช่วยให้คุณแม่ปั๊มนมได้แบบไม่เขิน แม้อยู่ในที่สาธารณะ
5. ครีมทาหัวนมแตก
- ลดอาการเจ็บ เหมาะมากในเดือนแรก
6. เครื่องนึ่ง/อบขวดนม
- เพื่อฆ่าเชื้อก่อนใช้งาน ช่วยลดความเสี่ยงติดเชื้อในเด็กเล็ก
ควรเริ่มปั๊มนมเมื่อไหร่ดี?
✔ หลังคลอด 1 – 3 วันแรก
ให้ลูกเข้าเต้ากระตุ้นเป็นหลัก
✔ หากลูกดูดน้อย / ดูดไม่เก่ง
ใช้เครื่องปั๊มนมช่วยกระตุ้นทุก 3 ชม.
✔ ถ้าต้องการทำ “สต็อกน้ำนม”
เริ่มปั๊มสม่ำเสมอหลัง 2 สัปดาห์เป็นต้นไป
✔ หลักทองคำ
ปั๊มทุก 3 ชั่วโมง = รักษาปริมาณน้ำนมให้คงที่ที่สุด
หากคุณพ่อคุณแม่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการให้นมลูก อยากปรึกษาเรื่องการดูแลน้ำนม ว่าควรกินอะไร–เลี่ยงอะไร หรือกำลังเลือกของใช้แม่และเด็กอยู่ตอนนี้ สามารถแวะมาพูดคุยหรือดูสินค้าจริงได้ที่ BabyGift นะคะ เราเป็นร้านสินค้าคุณภาพสำหรับแม่และเด็ก ที่ดูแลครอบครัวมาแล้วกว่า 15 ปี คุณพ่อคุณแม่สามารถแวะชมสินค้าที่ BabyGift ทั้ง 4 สาขา ใกล้บ้าน หรือสอบถามผ่านช่องทางออนไลน์ได้ทุกวัน
ทีมงานของเรายินดีช่วยแนะนำอย่างอบอุ่นเสมอค่ะ 🤍✨
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium
สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium
สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium
สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium
สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium
สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)
บทความแนะนำ
“เพราะรถเข็นเด็กทุกคัน ไม่ได้เหมาะกับเด็กแรกเกิดทุกคัน” หลายคนยังเข้าใจผิดว่ารถเข็นเด็กแต่ละคัน ดูๆแล้วก็คล้ายๆกัน น่าจะใช้เหมือนๆ กันแต่ในความเป็นจริง แล้วเด็กแรกเกิดมีความบอบบางและต้องการการดูแลเป็นพิเศษ รถเข็นเด็กสำหรับเด็กแรกเกิดจึงต้องมีคุณสมบัติเฉพาะที่นอกจากจะช่วยปกป้องสรีระของลูกน้อย แล้วยังช่วยเสริมพัฒนาการรอบด้าน สร้างสุขอนามัยที่ดี และสร้างรอยยิ้มแห่งความสุขให้ทั้งคุณแม่และลูกน้อยได้อีกด้วย 1.ปรับให้นอนราบได้ 170 องศา สำหรับเด็กแรกเกิด รถเข็นเด็กแรกเกิด ที่ดีควรสามารถปรับให้นอนราบได้ 170 องศา ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเด็กแรกเกิด เพราะกระดูกสันหลังเป็นเส้นตรง ยังไม่แข็งแรง จึงควรจัดให้เด็กนอนในท่านอนราบที่เป็นธรรมชาติ 2. เบาะรองนอนรูปนาฬิกาทราย จะช่วยรองรับสรีระได้อย่างเหมาะสม โดยมีพื้นที่วางแขนแบบ W-Shape และวางขาแบบ M-Shape เพื่อให้ขยับตัวได้ง่าย ซึ่งเป็นท่านอนที่เป็นธรรมชาติสำหรับเด็กวัยแรกเกิด 3. ชุดหมอนรองคอและสะโพก สำหรับทารกวัยแรกเกิดที่ยังไม่แข็งแรง เป็นสิ่งจำเป็นมากสำหรับทารกวัยแรกเกิด ที่คอยังโงนเงนไม่แข็งแรง Head Support ที่มีส่วนเว้าโค้งพอเหมาะจะช่วยสอดรับช่วงต้นคอและศีรษะ ป้องกันคอพับซึ่งอาจส่งผลต่อการปิดทับระบบทางเดินหายใจได้ Hip Support หรือหมอนรองสะโพก ช่วยประคองให้กระดูกสันหลังมั่นคงไม่โค้งหรือเอียง ช่วยจัดท่านั่งและนอนได้อย่างเป็นธรรมชาติ 4. เบาะรองนอนระบายอากาศได้ดี และช่วยรองรับสรีระได้อย่างนุ่มนวล ด้วยระบบปรับอุณหภูมิในร่างกายลูกน้อยที่ยังพัฒนาไม่เต็มที่ เด็กทารกจะมีความสามารถในการควบคุมอุณหภุมิต่ำกว่าผู้ใหญ่ จึงทำให้มีเหงื่อออกมากกว่า โดยเฉพาะในเวลานอนซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายเสริมสร้างพัฒนาการอย่างเต็มที่ ดังนั้นเบาะที่มีคุณสมบัติช่วยระบายอากาศได้ดีจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะช่วยลดความร้อน […]
สวัสดีแม่ๆ แฟนเพจแม่ตูนนน์กับน้องต๊าตต์นะคะ วันนี้แวะมาเขียนรีวิวกันหน่อย เป็นไอเท็มประจำบ้านที่แม่ๆ ทุกคนต้องมีเลย เป็นเครื่องอบ และฆ่าเชื้อขวดนมและของใช้ ตู้อบแห้งฆ่าเชื้อ Prince&Princess Baby UV Mini มี 4 โหมดการใช้งาน หลายคนอาจจะเคยเห็นแบรนด์นี้มาบ้างแล้ว แบบที่เป็นตู้ใหญ่ ดูหรูหรา วันนี้เอาใจคุณแม่ที่อยู่บ้านหรือคอนโดที่มีขนาดไม่ใหญ่ แม่ตูนน์อยากแนะนำตู้อบรุ่น Baby UV mini จิ๋วแต่แจ๋วมากๆ ตะแกรงมาให้เพิ่มเติมในการวางเพิ่มพื้นที่การใช้งาน ถอดเข้าออกได้ สะดวก ด้านในสามารถวางขวดนมได้ 12 ขวด ด้วยวัสดุด้านในสามารถสะท้อนกระจายแสง UV ได้ทั่วถึง โหมด UV ที่แม่ชอบใช้ เพราะใช้ฆ่าเชื้อของเล่นน้องต๊าตต์ เพราะล่วงนี้น้องชอบเอามือเอาของเล่นเข้าปาก เลยต้องหมั่นดูแลความสะอาดและเชื้อโรค ความแตกต่างของตู้อบ UV กับเครื่องนึ่ง หลังจากที่แม่ใช้เครื่องนึ่งมาเดือนนึงมาเทียบกับเครื่องอบคือ ตอนนี้ลดราคาจาก 7,990.- เหลือ 5,990.- ราคาน่ารัก ขนาดกำลังดี คุณแม่คนไหนสนใจตามลิ้งค์นี้ค่า : ตู้อบBaby UV mini ติดตามอ่านฉบับเต็มได้ที่ : Tuniez Blog เพจแม่และเด็ก : Start […]
เพราะลูกน้อยคือที่สุดของความรักจากใจแม่ไม่มีอะไรเทียบได้ คุณแม่ทุกท่านจึงต้องเลือกและหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกน้อยเสมอ และ “น้ำนมแม่” คือหนึ่งในอาหารที่มีคุณค่ามากที่สุด และดีที่สุดต่อลูกน้อย เป็นอาหารที่ไม่ต้องไปซื้อหาที่ไหน ด้วยเพราะน้ำนมนั้นกลั่นมาจากอกจากธรรมชาติในร่างกายแม่ที่มุ่งมั่นตั้งใจจะให้ลูกน้อยได้รับคุณค่าสารอาหารเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการอย่างครบถ้วน ซึ่งการให้นมแม่ได้ยาวนานที่สุด และเต็มที่ที่สุดแก่ลูกน้อย นอกจากจะส่งผลดีเยี่ยมต่อพัฒนาการในทุกด้าน สร้างเสริมภูมิต้านทานทำให้ลูกกินนมแม่ไม่ป่วยง่าย ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากมาย รวมถึงการให้นมแม่ยังดีต่อสุขภาพแม่ในแง่มุมต่างๆ ทั้งการช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็ว มีส่วนช่วยคุมกำเนิดได้ในช่วงหนึ่ง พร้อมกับทำให้สุขภาพและรูปร่างของคุณแม่กลับคืนมาหุ่นดีได้เร็วและง่ายขึ้นด้วย ดังนั้นเพื่อให้ลูกน้อยได้รับพลังคุณค่าสารอาหารจากน้ำนมนมแม่ให้ยาวนานเต็มที่ คุณแม่ทุกท่านจึงมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำสต๊อกน้ำนมสะสมไว้ให้ลูกมากๆ และหลายๆ ท่านก็เป็นคุณแม่นักปั๊มได้สำเร็จ มีน้ำนมแม่ให้ลูกเต็มที่ เต็มตู้แช่ แต่ทว่าปัญหาที่คุณแม่กลับต้องพบเจอ คือ ลูกไม่กินนมสต๊อก ที่ทำไว้ จึงมีคำถามมากมายว่าทำไม? ลูกจึงไม่ยอมกิน เพราะเป็นนมแม่เหมือนกัน เราจึงชวนมาดูสาเหตุที่ลูกน้อยไม่ยอมกินนมสต๊อก พร้อมกับวิธีการฝึกลูกน้อยกินนมแม่จากสต๊อกว่าต้องทำอย่างไร เพื่อแก้ปัญหาให้สำเร็จ ให้ลูกน้อยกินนมได้แม่ยาวนาน ได้รับที่สุดของโภชนาการนมแม่นี้อย่างเต็มที่ไปจนโตค่ะ สาเหตุที่ ลูกไม่กินนมสต๊อก วิธีฝึกลูกน้อยกินนมสต๊อก เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาลูกน้อยไม่กินนมสต๊อก คุณแม่จะต้องเตรียมตัวหรือฝึกลูกน้อยให้กินนมแม่สต๊อกจากขวดล่วงหน้า และแก้ปัญหาด้วยวิธีการต่างๆ ดังนี้ เมื่อคุณแม่รู้สาเหตุของการปฏิเสธนมสต๊อกของลูกแล้ว ก็สามารถแก้ไขและฝึกลูกได้ โดยขอเพียงหมั่นฝึกฝนตามวิธีการต่างๆ ที่แนะนำ พร้อมกับใช้ตัวช่วยต่างๆ เช่น เครื่องอุ่นนม จุกนมที่ดี ร่วมกับการละลายนมสต๊อกที่ถูกต้อง และเทคนิคอื่นๆ โดยที่ไม่ให้ลูกกินนมอื่นๆ เด็ดขาด ก็มั่นใจได้ว่าลูกน้อยจะยอมกินนมแม่ที่สต๊อกไว้ได้ต่อเนื่อง เติบโตแข็งแรงด้วยพลังคุณค่าจากน้ำนมแม่ยาวนานแน่นอนค่ะ
รวมสุดยอดวิธี เลือกเป้อุ้มทารก เพราะเป้อุ้มเด็ก เป็นเครื่องทุ่นแรงที่สำคัญยิ่งสำหรับคุณแม่ ที่เรียกได้ว่าคืออุปกรณ์คู่กายคู่ใจที่พาคุณแม่และลูกน้อยไปทำกิจวัตรด้วยกันได้เสมอ เป้อุ้มลูกนี้จึงเป็นหนึ่งในสิ่งอำนวยความสะดวกประจำบ้านที่กำลังเลี้ยงลูกอ่อน ยิ่งเป็นครอบครัวเล็กที่คุณแม่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียวไม่มีคนมาช่วยเลี้ยงลูก ในช่วงเวลาที่คุณพ่อไปทำงานนอกบ้าน ยิ่งถือเป็นของใช้ที่จะช่วยให้คุณแม่ทำงานและกิจกรรมอื่นๆได้ พร้อมเลี้ยงลูกได้แบบเบ็ดเสร็จ ซึ่งในยุคสมัยที่การหาเงินได้ฝืดเคือง และข้าวของใช้ราคาสูงเช่นนี้ การเลือกซื้อเป้อุ้มลูกทั้งที เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่จะต้องพิจารณาอย่างถ้วนถี่ และเลือกใช้ให้คุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่าย แต่จะรู้ได้อย่างไร? ว่าเป้อุ้มเด็กแบบไหนดี ทนทานปลอดภัย ใช้งานได้นานจนลูกโต ลองมาอ่านเทคนิคดีๆ เหล่านี้กันเลย 1 ตอบโจทย์การใช้งาน การเลี้ยงลูกของครอบครัว นั่นคือการเลือกให้ตรงกับสไตล์การเลี้ยงลูกของครอบครัว การทำงานของคุณพ่อคุณแม่และการเดินทางของคนในบ้าน ซึ่งต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ได้แก่ ขนาดของครอบครัวและคนช่วยเลี้ยงลูก เพราะหากเป็นครอบครัวเล็ก คุณแม่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียว คุณพ่อไปทำงาน จำเป็นต้องใช้เป้อุ้มลูก สำหรับเวลาทำงานบ้าน ทำธุระหรือจำเป็นต้องออกไปซื้อของนอกบ้าน แม้แต่เป็นครอบครัวใหญ่ อาจจะได้ใช้เวลาคุณแม่ต้องทำธุระ ผลัดกันใช้เวลาเดินทางไปข้างนอก สิ่งของที่ใช้กับลูก เวลาที่ต้องพาลูกออกนอกบ้าน เพราะหากคุณพ่อคุณแม่มีข้าวของเครื่องใช้ที่ไม่ต้องพกไปมาก การใช้เป้อุ้มเด็กก็จะทำให้สะดวก พ่อแม่ถือของใช้ และซื้อของได้สบาย ไม่ต้องใช้มืออุ้มหรือเข็นลูก หรือหากเวลาไปไหนที่ต้องใช้พื้นที่จำกัดการใช้เป้อุ้มเด็กก็จะไม่ต้องเปลืองพื้นที่เพราะพับเก็บได้ พกพาง่ายกว่ารถเข็น การเดินทางของครอบครัว หมายถึงสังเกตการใช้ชีวิตของครอบครัวว่า ต้องออกไปต่างจังหวัด หรือไปเยี่ยมญาติบ่อยหรือเปล่า ใช้เวลาพาลูกออกนอกบ้านนานแค่ไหน หากต้องไปที่ไหนไม่นานนัก การใช้เป้อุ้มเด็กจะมีความคล่องตัวสะดวกกว่ารถเข็น […]
ผ้าอ้อมเด็ก เป็นสิ่งที่อยู่คู่กายลูกน้อยแทบจะตลอด 24 ชั่วโมง การเลือกผ้าอ้อมเด็กที่ดีจึงไม่ใช่แค่เรื่องของการซึมซับเท่านั้น แต่ยังหมายถึงความสบายตัวของลูกน้อย สุขภาพผิว และความมั่นใจของคุณพ่อคุณแม่ในการดูแลลูกรัก วันนี้ BabyGift จะมาเผยเคล็ดลับวิธีเลือกผ้าอ้อมเด็กอย่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ลูกน้อยรู้สึกสบายตัวที่สุดในทุกการเคลื่อนไหว ทำไมการเลือกผ้าอ้อมเด็กจึงสำคัญ การเลือกผ้าอ้อมเด็กมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสุขอนามัยของลูกน้อย เพราะผิวทารกนั้นบอบบางและแพ้ง่าย การสัมผัสกับความเปียกชื้นหรือสิ่งสกปรกเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดผื่นผ้าอ้อม การระคายเคือง และความไม่สบายตัว ซึ่งจะส่งผลให้ลูกน้อยงอแง การเลือกผ้าอ้อมเด็กที่มีคุณภาพดีจึงช่วยให้ผิวลูกแห้งสบาย ปราศจากเชื้อโรค และช่วยส่งเสริมให้ลูกมีอารมณ์ดี พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้อย่างเต็มที่ ความแตกต่างระหว่างผ้าอ้อมคุณภาพดีและผ้าอ้อมทั่วไป ผ้าอ้อมเด็กคุณภาพดีจะถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน โดยเน้นที่วัสดุที่นุ่มพิเศษ มีการระบายอากาศที่ยอดเยี่ยม และมีนวัตกรรมการซึมซับที่รวดเร็วและกระจายตัวได้ดี ทำให้ผิวลูกแห้งสนิท ลดโอกาสเกิดผื่นผ้าอ้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ผ้าอ้อมทั่วไปอาจมีราคาที่ย่อมเยากว่า แต่มักใช้ใยสังเคราะห์ที่ระบายอากาศได้น้อยกว่า อาจก่อให้เกิดความอับชื้น และอาจมีการรั่วซึมได้ง่ายกว่า ซึ่งส่งผลให้ต้องเปลี่ยนบ่อยครั้งและอาจทำให้ผิวลูกระคายเคืองได้ง่าย ประเภทของผ้าอ้อมเด็กที่คุณแม่ควรรู้ เมื่อพูดถึงผ้าอ้อมเด็กที่ใช้กันทั่วไปในปัจจุบัน จะสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักตามรูปแบบการสวมใส่ ซึ่งมีข้อดีและการใช้งานที่แตกต่างกันไปตามช่วงวัยและกิจกรรมของลูกน้อย ผ้าอ้อมแบบกางเกง (Pant Type) ผ้าอ้อมเด็กแบบกางเกงเป็นตัวเลือกที่สะดวกอย่างยิ่งสำหรับคุณพ่อคุณแม่ เพราะสามารถสวมใส่ได้ง่ายและรวดเร็วเหมือนการใส่กางเกงทั่วไป จึงเหมาะสำหรับลูกน้อยที่เริ่มดิ้น เริ่มคลาน หรืออยู่ในวัยหัดเดินที่ไม่ชอบอยู่นิ่ง ๆ ผ้าอ้อมเด็กแบบกางเกงจะมีความยืดหยุ่นสูง กระชับรอบเอวและขอบขา ทำให้ลูกเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัว […]
พอใกล้จะสิ้นปีคุณพ่อคุณแม่ก็เริ่มวางแพลนเที่ยวกันแล้วใช่มั้ยล่ะคะ ก่อนจะเริ่มจองที่พัก คุณแม่ก็คงจะฉุกคิดว่า เอ๊ะ คนท้องขึ้นเครื่องบินได้มั้ยนะ? แล้วขึ้นได้ถึงกี่เดือน? สองคำถามนี้เป็นคำถามยอดฮิตสำหรับแม่ท้องทั้งหลายทุกช่วงวันหยุดยาวเลยค่ะ วันนี้เราก็มีคำตอบมาให้คุณแม่หายสงสัยกันนะคะ ขอบอกข่าวดี คุณแม่สามารถเดินทางโดยเครื่องบินได้นะ แต่จะขึ้นได้จนถึงอายุครรภ์ประมาณ 35-36 สัปดาห์เท่านั้นโดยขึ้นอยู่กับข้อบังคับของสายการบิน ความจริงแล้วการเดินทางโดยเครื่องบินก็ไม่ได้มีผลอะไรต่อลูกน้อยในท้องของคุณแม่เลยค่ะ ถ้าคุณแม่มีสุขภาพที่แข็งแรงแล้วก็ได้คอนเฟิร์มกับคุณหมอแล้วว่าไม่ได้มีภาวะเสี่ยงอะไร แต่สายการบินมักจะกลัวคุณแม่เจ็บท้องคลอดลูกบนเครื่องบินต่างหากล่ะ เพราะหากคุณแม่คลอดลูกบนเครื่องบินแล้วก็จะทำให้สายการบินมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แถมอาจจะยังไม่ค่อยสะดวกอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าแม่ท้องทั้งหลายจะซื้อตั๋วแล้วก็เดินขึ้นเครื่องได้เลยนะ มีเอกสารนิดหน่อยที่คุณแม่จะต้องเตรียมแล้วก็แจ้งเจ้าหน้าที่ตามด้านล่างนี้เลยค่ะ สิ่งที่คุณแม่ต้องทำก่อนขึ้นเครื่อง 1. อย่าลืมพกใบรับรองแพทย์ คุณแม่ที่มีอายุครรภ์มากกว่า 27 สัปดาห์ ก่อนเดินทางคุณแม่อย่าลืมขอใบรับรองแพทย์ติดตัวไปด้วยนะคะ ใบรับรองแพทย์นี้จะเป็นสิ่งช่วยยืนยันว่าคุณแม่มีสุขภาพที่แข็งแรง คุณหมออนุญาตให้เดินทางได้ และคุณแม่มีอายุครรภ์ที่ไม่เกินจากที่ทางสายการบินกำหนด ดูดีๆ นะ ใบรับรองแพทย์อย่าให้เกิน 30 วันล่ะ ไม่งั้นอดขึ้นไม่รู้ด้วย 2. บอกเจ้าหน้าที่ว่าคุณแม่กำลังตั้งท้อง เมื่อเช็คอินที่เคาน์เตอร์ให้คุณแม่รีบแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่เลยค่ะว่าคุณแม่กำลังท้องอยู่ ทางเจ้าหน้าที่จะให้คุณแม่เซ็นเอกสารจำกัดขอบเขตความรับผิด พูดง่ายๆ ก็คือเป็นเอกสารที่บอกว่าคุณแม่จะไม่เอาผิดกับสายการบินหากมีอะไรเกิดขึ้นกับคุณแม่และลูกในท้องนั่นแหละ เอกสารนี้จะต้องนำไปยื่นให้กับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินด้วยตัวคุณแม่เอง นอกจากนี้ หากคุณแม่ไปเช็คอินแต่เนิ่นๆ คุณแม่ก็อาจจะรีเควสขอที่นั่งดีๆ มีพื้นที่กว้างๆ ด้านหน้าให้คุณแม่ยืดขาคลายเมื่อยด้วยนะ 3. ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล ก่อนจะเดินทางคุณแม่อย่าลืมค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานพยาบาลในที่ที่คุณแม่จะไปนะคะ เผื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นคุณแม่จะได้ถึงมือคุณหมอได้ทันเวลา นอกจากสถานพยาบาลแล้วคุณแม่ก็ควร จะหาข้อมูลเกี่ยวกับประกันการเดินทางที่ครอบคลุมการตั้งครรภ์ไว้ด้วยจะได้อุ่นใจขึ้นไปอีกระดับนึงค่ะ […]
