5 เมนูอาหารเด็ก 8 เดือน ลูกกินได้อย่างอร่อย คุณแม่แฮปปี้ ไม่กังวล

คุณแม่อาจป้อนอาหารบดละเอียดให้ลูกเสริมกับการกินนมแม่เป็นหลัก หรือถ้าคุณพ่อคุณแม่คนไหนอยากฝึก BLW ให้ลูกกินข้าวด้วยตัวเองเป็นก็อาจให้ลูกหยิบจับอาหารนิ่ม ๆ กินเองโดยที่ไม่ต้องป้อนซึ่งอาจเป็นอาหารที่ไม่ผ่านการปรุงมาก อย่างเช่น ผักต้มนิ่มๆ ผลไม้นิ่มๆ เนื้อปลาต้มนิ่มๆ และเมื่อลูกย่างเข้าสู่เดือนที่ 8 เป็นต้นไป ลูกก็จะเริ่มกินอาหารได้หลากหลายมากขึ้น คุณพ่อคุณแม่ก็อาจมองหาเมนูอาหารใหม่ๆ ให้กับลูกน้อย ซึ่งในบทความนี้ BabyGift มีเมนูอาหารเด็ก 8 เดือน 5 เมนูอร่อยมาแนะนำกัน จะมีอะไรบ้างนั้น ลองไปดูกันค่ะ
ชวนเข้าครัวเตรียมเมนูอาหารเด็ก 8 เดือนให้ลูกน้อย เด็ก 8 เดือนกินอะไรได้บ้าง ?

พอลูกของเราอายุ 6 เดือนขึ้นไป ก็จะสามารถกินอาหารเสริมนอกเหนือจากนมแม่เพิ่มเติมได้ และถ้าเป็นไปได้ คุณแม่ก็ควรให้นมแม่ควบคู่กับการเพิ่มมื้ออาหารให้ลูก ซึ่งอาหารสำหรับเด็กอ่อนนั้น สามารถใช้วัตถุดิบได้หลากหลาย และเมื่อลูกอายุ 8 เดือนก็จะเริ่มมีฟันน้ำนม สามารถกินอาหารได้อย่างหลากหลายมากขึ้น เนื้อสัมผัสอาหารมีความหยาบได้มากขึ้น รวมถึงกินผลิตภัณฑ์จากนมอย่าง เนย ชีส และโยเกิร์ตได้ สำหรับเมนูอาหารเด็ก 8 เดือนที่เราจะแนะนำกันนั้น สามารถใช้วัตถุดิบอะไรได้บ้าง มาดูกันค่ะ
- ไข่ : สามารถกินได้ทั้งไข่ไก่ และไข่เป็ด แต่ควรทำให้สุก ไม่ควรให้ลูกกินไข่ดิบ ไข่ยางมะตูม หรือไข่ลวก เพราะอาจปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียและเป็นอันตรายต่อลูกได้ สำหรับเมนูเด็ก 8 เดือน สามารถเพิ่มไข่ขาวลงไปได้ เพราะถึงวัยที่เริ่มกินไข่ขาวได้แล้วค่ะ
- ตับ : ให้ลูกน้อยกินได้ทั้งตับหมู และตับไก่ แต่ต้องทำให้สุกก่อนให้ลูกกิน ไม่ควรให้ลูกกินแบบสุกๆ ดิบๆ เป็นอันขาด
- เนื้อสัตว์ต่างๆ : สามารถกินได้ทั้งเนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อปลา ซึ่งต้องผ่านการปรุงสุกทั้งหมด
- ถั่ว และธัญพืช : หากต้องการให้ลูกหัดกินถั่ว และธัญพืช ควรต้มให้สุกและบดให้ละเอียด เพื่อให้ย่อยได้ง่าย และไม่ทำให้ท้องอืด ห้ามให้ลูกหยิบกินเป็นเมล็ดเด็ดขาดเพราะอาจทำให้ติดคอหรือสำลักได้ รวมถึงสามารถให้ลูกกินผลิตภัณฑ์แปรรูปจากถั่วอย่างเต้าหู้ได้ด้วย
- อาหารประเภทแป้ง : กินได้ทั้งข้าว ไม่ว่าจะเป็นข้าวขาว ข้าวโอ๊ต ข้าวฟ่าง เส้นพาสต้า รวมถึงฟักทอง มันฝรั่ง มันเทศ เป็นต้น
- ผักต่าง ๆ : เลือกผักที่หาได้ง่ายตามท้องตลาด เน้นผักหลากหลายชนิด โดยเฉพาะผักใบเขียว สีส้ม และสีเหลืองอย่างผักบุ้ง ตำลึง หน่อไม้ฝรั่ง บล็อกโคลี ผักโขม แครอท ฟักทอง โดยต้ม หรือนึ่งให้สุก
- ผลไม้ : ควรเป็นผลไม้นิ่มๆ อย่าง มะละกอสุก มะม่วงสุก กล้วยน้ำว้า อะโวคาโด ส้มเขียวหวาน กีวี สตรอว์เบอร์รี่ หลีกเลี่ยงผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่เป็นผลเล็กๆ รวมถึงมะเขือเทศราชินีเป็นลูกเล็ก ๆ เพราะอาจทำให้สำลักหรือติดคอได้เช่นกัน
แนะนำ 5 เมนูอาหารเด็ก 8 เดือน อร่อย และได้ประโยชน์แบบจัดเต็ม
จะเห็นว่าเด็กในวัย 8 เดือนนั้นสามารถกินอาหารได้อย่างหลากหลายทีเดียวค่ะ การเลือกวัตถุดิบที่แตกต่างกันในแต่มื้อจะทำให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน ทั้งเกลือแร่ วิตามินจากผักผลไม้ต่างๆ รวมถึงสิ่งที่สำคัญอย่างโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน ซึ่งในแต่ละมื้อนั้นควรเตรียมเมนูเด็ก 8 เดือนที่มีสารอาหารครบ 5 หมู่และมีคุณค่าทางโภชนาการ เพื่อให้ลูกน้อยเจริญเติบโตตามเกณฑ์ มาดูเมนูอาหารของลูกน้อยกันเลยค่ะ
1. ข้าวบดตับไก่ เต้าหู้ และตำลึง

เริ่มต้นแนะนำเมนูเด็ก 8 เดือนอย่างแรกกันด้วย เมนูข้าวบดที่สามารถย่อยได้ง่าย แต่เพิ่มวัตถุดิบให้มากขึ้น เพื่อให้ลูกเริ่มปรับตัวกับการกินอาหารที่หลากหลายมากขึ้น เมนูนี้มีครบทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน เกลือแร่ วิตามิน หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว อาจเสริมด้วยผลไม้ตบท้ายก็ได้ค่ะ
วัตถุดิบ
- ข้าวสวยหรือข้าวตุ๋น 4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำซุป ½ ถ้วย
- ตับไก่ ¼ ช้อนโต๊ะ
- เต้าหู้หลอดไข่ไก่ 2 ช้อนโต๊ะ
- ผักตำลึง 1 ½ ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช ½ ช้อนชา
วิธีทำ
- ต้มน้ำซุปให้เดือด ใส่ข้าวลงไป คนให้เข้ากัน
- จากนั้นนำตับไก่ที่ลวกสุกแล้วบดให้หยาบ ใส่ลงไปต้มกับข้าว
- ตามด้วยเต้าหู้หลอดไข่ไก่ บดให้เข้ากัน ตามด้วยตำลึงต้มสุก
- บดทุกอย่างให้เข้ากัน โดยไม่ต้องบดละเอียดจนเป็นอาหารเหลว สามารถเป็นเนื้อสัมผัสหยาบๆ ได้เพื่อให้ลูกได้ฝึกเคี้ยว
- ตัดขึ้นพักให้หายร้อน พร้อมเสิร์ฟให้ลูกน้อย
2. ไข่ตุ๋นผักรวม

เมนูอาหารเด็ก 8 เดือนที่ประโยชน์จัดเต็ม ทำได้ไม่ยาก อย่างเมนูไข่นั้นเป็นแหล่งโปรตีนสำคัญมากเลยค่ะ โดยเฉพาะโคลีนในไข่แดงที่ช่วยบำรุงสมองให้กับลูกน้อย นำมาทำเป็นไข่ตุ๋นเนื้อนุ่มที่กินง่าย เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการด้วยผักหลากสีสันอย่างฟักทอง แครอท และตำลึง ให้ลูกกินคู่กับข้าวต้มหรือข้าวสวยหุงนิ่มๆ ก็ได้ค่ะ
วัตถุดิบ
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- ฟักทองหั่นสี่เหลี่ยมเล็ก 1 ช้อนโต๊ะ
- แครอทหั่นบางๆ 3 – 4 แว่น
- ตำลึงสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำซุป 3 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่นเล็กน้อย
วิธีทำ
- นำแครอทไปลวกจนสุกนิ่ม
- ตีไข่ไก่กับน้ำซุปให้เข้ากัน แล้วกรองผ่านกระชอน
- ใส่ฟักทอง แครอท และตำลึงลงไป คนให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย
- เทส่วนผสมใส่ในถ้วยกระเบื้องหรือถ้วยทนความร้อน นึ่งด้วยไฟอ่อนจนสุก
3. พาสต้าสามสหาย

มากันที่เมนูพาสต้าบ้างค่ะ เมนูนี้มีสีสันสวยงามน่ากิน หากเลือกเส้นพาสต้าเป็นรูปทรงต่างๆ ก็จะช่วยดึงดูดความสนใจได้ดี ซึ่งการจัดแต่งจานอาหารให้สวยงามและมีความน่าสนใจมากขึ้นนั้นก็เป็นหนึ่งในเทคนิคแก้ปัญหา ลูกไม่ยอมกินข้าวที่ค่อนข้างได้ผล แถมเมนูนี้ยังมีรสชาติอร่อย มีความเปรี้ยวหวานจากซอสมะเขือเทศ รับรองว่าถูกใจคุณหนูแน่นอน และยังเป็นเมนูที่เหมาะกับการ BLW ฝึกให้ลูกหยิบจับอาหารเข้าปากด้วยตัวเองอีกด้วยนะคะ
วัตถุดิบ
- พาสต้ารูปทรงต่างๆ เช่น รูปใบไม้ รูปสัตว์ ต้มจนสุกนิ่ม 1 ถ้วย
- แครอท และฟักทองหั่นสี่เหลี่ยมเป็นชิ้น (หั่นยาวประมาณนิ้วก้อย) ต้มจนสุก 2 ช้อนโต๊ะ
- มะเขือเทศลูกใหญ่หั่นเป็นแว่น 1 ช้อนโต๊ะ
- เนยสดชนิดจืด ½ ช้อนโต๊ะ
- ซอสมะเขือเทศ 1 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่นเล็กน้อย
วิธีทำ
- ตั้งกระทะ ใส่เนยลงไป ใส่มะเขือเทศลงไปผัดจนสุกนิ่ม
- ตามด้วยแครอท และฟักทอง ผัดให้เข้ากัน
ใส่พาสต้าลงไปผัดตาม ปรุงรสด้วยเกลือ และซอสมะเขือเทศ คนให้เข้ากัน ตักใส่จาน
4. ข้าวไข่คลุก

เมนูอาหารเด็ก 8 เดือน ที่อยากแนะนำเมนูนี้ ยังคงใช้ไข่เป็นตัวชูโรงอยู่ค่ะ แต่จะเพิ่มผักที่มีกลิ่นฉุนอย่างต้นหอมและหอมหัวใหญ่ลงไปด้วย เพื่อให้ลูกได้รับรู้รสชาติอาหารอย่างหลากหลายมากขึ้น เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยหุงนิ่มๆ ทำได้ไม่ยาก ขั้นตอนไม่เยอะ แต่อร่อยและได้ประโยชน์ค่ะ
วัตถุดิบ
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- มันฝรั่งต้มสุกจนนิ่มแล้วนำมาขูดฝอย 1 ช้อนโต๊ะ
- ต้นหอมซอย 1 ช้อนชา
- หอมหัวใหญ่สับ 1 ช้อนชา
- เกลือเล็กน้อย
- น้ำมันพืช 1 ช้อนชา
วิธีทำ
- ตอกไข่ใส่ชาม ใส่มันฝรั่งต้มสุกขูดฝอย และหอมหัวใหญ่ลงไป
- ปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย
- ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันลงไป จากนั้นนำเอาไข่ลงไปผัดจนสุก
- โรยต้นหอมซอยลงไป ปิดไฟ
- ตักราดหน้าบนข้าวสวย พักไว้ให้อุ่น พร้อมเสิร์ฟ
5. ปลาปั้นสามสี

เมนูอาหารเด็ก 8 เดือนจานสุดท้ายที่อยากให้ลองเอาไปทำตามก็คือ เมนูปลาปั้น 3 สี อัดแน่นไปด้วยโปรตีนจากเนื้อปลา เพิ่มเนื้อสัมผัสด้วยแครอท ฟักทอง และผักโขม ปั้นเป็นก้อนกลมให้ลูกหยิบกินได้สะดวก และให้ลูกได้ฝึกกัด ฝึกเคี้ยวด้วยตัวเอง เป็นอีกหนึ่งเมนูที่เหมาะกับการ BLW ฝึกให้ลูกกินข้าวด้วยตัวเองอีกเมนูหนึ่งเลยค่ะ
วัตถุดิบ
- ปลาเนื้ออ่อนขูด (หรือปลาน้ำจืด) 1 ถ้วย
- ฟักทองหั่นสี่เหลี่ยมเล็ก 2 ช้อนโต๊ะ
- แครอทหั่นสี่เหลี่ยมเล็ก 2 ช้อนโต๊ะ
- ผักโขมลวกสุกสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่นเล็กน้อย
วิธีทำ
- สับเนื้อปลาให้ละเอียด และนำไปผสมกับฟักทอง แครอท และผักโขมสับละเอียด
- ปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย คลุกเคล้าให้เข้ากัน
- ปั้นเป็นก้อนกลมให้มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว หรือพอให้ลูกหยิบได้เอง แต่ไม่ควรปั้นเป็นก้อนเล็กจนเกินไปเพราะเสี่ยงต่อการสำลักและอาจทำให้ติดคอได้
- นำไปนึ่งในน้ำเดือดจนสุก พักให้อุ่นก่อนให้ลูกรับประทาน
เด็ก 8 เดือน ควรกินอาหารปริมาณเท่าไหร่ ?

กรมอนามัยได้ระบุไว้ว่า เด็กเล็กวัย 8 เดือนควรกินข้าวเสริมวันละ 2 มื้อ ควบคู่ไปกับการกินนมแม่ และมื้อว่างช่วงบ่ายสามารถเสริมเป็นผลไม้นิ่ม ๆ ได้ ประมาณ 3 ชิ้น หรืออาจเป็นกล้วยน้ำว้าสุก 1 ลูก เป็นต้น และควรกินธาตุเหล็กเสริมสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เด็กเล็กในวัยนี้จะต้องการพลังงานประมาณ 750 – 900 กิโลแคลอรี่ต่อวัน ซึ่งแบ่งเป็นพลังงานจากการกินนมแม่ประมาณ 400 – 500 กิโลแคลอรี่ และพลังงานที่เหลือควรได้รับจากอาหารตามวัยนั่นเองค่ะ เพื่อให้ลูกน้อยเจริญเติบโตตามเกณฑ์และมีพัฒนาการตามวัยอย่างเหมาะสม ทั้งนี้ คุณพ่อคุณแม่บางคนอาจเจอปัญหาลูกกินได้น้อย ลูกไม่ยอมกินข้าว ติดเล่น ไม่สนใจอาหาร หากเป็นแบบนี้ก็อาจลองเลือกซื้อเก้าอี้กินข้าวเด็ก ให้ลูกน้อยนั่งกินข้าวกับที่เป็นสัดส่วน เพื่อเป็นการฝึกวินัยในการกินของลูกตั้งแต่เนิ่นๆ จะได้เสริมสร้างนิสัยการกินที่ดีในระยะยาวค่ะ
BabyGift แนะนำตัวช่วยสำคัญ ให้มื้ออาหารของลูกน้อยเป็นเรื่องง่ายมากขึ้น

1. PRINCE & PRINCESS เก้าอี้ฝึกกินข้าวรุ่น Fairy Plus
เก้าอี้ฝึกกินข้าวสำหรับเด็กเล็กเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้การป้อนข้าวลูกเป็นเรื่องง่ายมากขึ้น และยิ่งจำเป็นสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่อยากฝึกให้ลูกกินข้าวด้วยตัวเอง สำหรับเก้าอี้กินข้าวเด็กจากแบรนด์ PRINCE & PRINCESS รุ่น Fairy Plus มาในดีไซน์น่ารักน่าใช้ มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย ให้ลูกน้อยนั่งกินข้าวเองได้อย่างปลอดภัยและสะดวกสบาย ตอบโจทย์ความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ในยุคปัจจุบัน
จุดเด่น
- สามารถปรับความสูงได้ 7 ระดับ ตั้งแต่ 25 เซนติเมตร – 60 เซนติเมตร
- รองรับน้ำหนักได้มาก มีความแข็งแรงปลอดภัยด้วยรางล็อคเหล็กแบบตะขอเกี่ยว ลูกน้อยไม่เสี่ยงร่วงจากเก้าอี้
- พนักพิงเก้าอี้สามารถปรับเอนนอนได้ 3 ระดับ เหมาะกับการใช้นั่งพักหลังมื้ออาหาร ป้องกันไม่ให้ลูกน้อยเป็นกรดไหลย้อนหรือแหวะนม เมื่อเทียบกับการพาลูกนอนราบบนที่นอน
- มีล้อหน้า – หลัง และตัวล็อคล้อเพื่อความปลอดภัย เคลื่อนย้ายได้สะดวก พับเก็บง่ายภายใน 1 วินาที
- ถาดอาหารมีขนาดใหญ่ มี 2 ชั้น ปราศจากสาร BPA ( สาร Bisphenol A ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย) และเป็นวัสดุ Food Grade ปลอดภัยไม่มีสารตกค้าง สามารถถอดแยกไปทำความสะอาดได้
- พนักพิงเก้าอี้กว้างรองรับช่วงสรีระของลูกน้อยได้จนโต มีสายรัดนิรภัยเพื่อป้องกันลูกร่วงตกจากเก้าอี้
- เบาะรองนั่งเป็นนวัตกรรม Cotton Cushion เสริมความหนานุ่มนั่งสบาย สามารถถอดซักได้ และเบาะ PU ที่เป็นวัสดุกันน้ำไม่ซึม เช็ดทำความสะอาดได้

2. TIDY TOT เสื้อกันเปื้อนแขนสั้น
ในมื้ออาหารของลูกน้อยนั้น มาพร้อมกับความเลอะเทอะอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลใจอะไรหากมีผ้ากันเปื้อนที่ทำความสะอาดได้ง่าย แนะนำเป็นเสื้อกันเปื้อนแขนสั้นจากแบรนด์ TIDY TOT ที่นำเข้าจากประเทศอังกฤษ มีดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร แถมเป็น “เสื้อกันเปื้อนดูดโต๊ะ” เพราะตัวเสื้อสามารถยึดติดได้กับทุกพื้นผิวที่มีความเรียบ เพื่อรับมือกับวัยที่กำลังเริ่มเรียนรู้ฝึกการกินด้วยตัวเอง ซึ่งบอกเลยว่าช่วยป้องกันการเลอะเทอะบนเสื้อผ้าของลูกได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ
จุดเด่น
- ใช้ได้กับเก้าอี้กินข้าวทุกรุ่น ทุกแบบ ทุกทรง
- แขนเสื้อยาว 20 เซนติเมตร ตัวเสื้อยาว 50 เซนติเมตร ป้องกันการเลอะได้อย่างครอบคลุม
- ป้องกันการเปรอะเปื้อนบนเสื้อผ้า บนโต๊ะอาหาร และที่นั่ง
- วัสดุกันน้ำ ผลิตจากเส้นใยที่นุ่มสบายต่อการสวมใส่ (Super soft frabic)
- ง่ายต่อการทำความสะอาด เพียงแค่เช็ดออก หรือซักด้วยเครื่องซักผ้า
- ใส่แล้วไม่ร้อน ระบายอากาศได้ดี
สำหรับไอเดีย เมนูอาหารเด็ก 8 เดือน ที่ BabyGift แนะนำนั้นสามารถพลิกแพลงและปรับเปลี่ยนวัตถุดิบกันได้นะคะ โดยเน้นที่การใช้วัตถุดิบที่มีความสดใหม่ ปราศจากสารเคมีและสารตกค้างต่างๆ ที่สำคัญคือ ควรปรุงให้สุก โดยเฉพาะวัตถุดิบประเภทไข่ เนื้อสัตว์ เต้าหู้ และผักต่างๆ ให้ปรุงรสน้อยๆ หรือไม่ปรุงเลย สามารถเสริมผลไม้เป็นของว่างระหว่างวันได้ ทั้งนี้ ไม่ควรละเลยการกินนมแม่ ควรให้ลูกกินนมแม่ควบคู่ไปด้วยเสมอ เพื่อที่ลูกจะได้มีสุขภาพแข็งแรงและมีภูมิต้านทาน ไม่เจ็บป่วยง่ายค่ะ
และถ้าคุณพ่อคุณแม่คนไหนสนใจสินค้าเกี่ยวกับแม่และเด็ก ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์สำหรับการกินข้าวของลูกน้อยอย่างโต๊ะกินข้าวเด็ก ผ้ากันเปื้อน ภาชนะใส่อาหาร หรือสินค้าอื่นๆ ก็สามารถมาเยี่ยมชมสินค้าได้ที่ BabyGift ร้านจำหน่ายสินค้าแม่และเด็กระดับคุณภาพ มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี คุณพ่อคุณแม่สามารถมาเยี่ยมชมสินค้าต่างๆ ได้ โดยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ร้านเบบี้กิ๊ฟทั้ง 5 สาขาใกล้บ้าน หรือสอบถามผ่านช่องทาง Online ทีมงาน BabyGift ยินดีให้คำแนะนำค่ะ
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
สวัสดีค่ะ ^_^ อุปกรณ์คู่ใจของแม่ ๆ สุดสตรองทุกท่านก็คงหนีไม่พ้น “รถเข็นเด็ก” จริงไหมคะ..? ส่วนตัวมดเอง ลองใช้รถเข็นมาหลายยี่ห้อ แต่ตอนนี้บ้านเรากำลังจะไปเที่ยวต่างจังหวัดกันหลายวัน รถเข็นคันเดิมเริ่มไม่ตอบโจทย์เรื่องการพกพาอีกต่อไปแล้ว เพราะแค่ของใช้ก็เต็มรถแล้วค่ะ เราจึงมีโจทย์ในการหารถเข็นคันใหม่ว่า ต้องมีน้ำหนักเบา พับเก็บง่าย และแน่นอนว่าต้องเป็นแบรนด์ดังที่แม่ ๆ ไว้ใจ เหมือนสวรรค์มีตา 555 เพราะไม่กี่วันต่อมา เราก็ไปเจอใน IG คุณโอปอล์ว่า เพิ่งถอยรถเข็นใหม่ให้น้องอลิน อลันเหมือนกัน แถมยังเชียร์ว่ามันเบา ใช้งานสะดวกมากกก คุณแม่ขาช็อปอย่างเราก็ไม่รอช้าค่ะ ไปซื้อตามด่วน ๆ คุณโอปอล์ซื้อรถเข็นจากร้าน BABYGIFT ค่ะ มดเองไม่มีเวลาไปที่ร้าน เลยสั่งซื้อออนไลน์ กดสั่งปุ๊บ รอไม่นานก็มีน้องเสียงสวยโทรมานัดวันจัดส่งทันที 2 วันก็ได้ของค่ะ สะดวกมากก แล้วเราก็ได้รถเข็นที่ตอบโจทย์การใช้งานมา 1 คัน และนี่คือ “Aprica Magical Air Plus Highseat” รุ่นนี้มีจุดเด่นตรงที่ เล็ก และน้ำหนักเบา ที่สุด ตัวนี้เค้าแนะนำสำหรับเด็กไม่เกิน 15 โล แต่ลูกบ้านนี้หนัก 16 โลก็ยังนั่งสบาย ๆ เลยค่ะ ราคาอยู่ที่ 10,335 บาท อย่างที่ทราบกันดีว่า “ถ้ารถเข็นต้อง Aprica” ดังนั้นเค้าจึงมีความพิเศษค่ะรุ่นนี้น้ำหนักเบาเพียง 3.3 kg ถือมือเดียวได้สบาย ๆ และที่นั่งเป็นแบบ High Seat สูงจากพื้นดิน 52 cm. ซึ่งจะทำให้ฝุ่นละอองและความร้อนจากพื้นนั้นห่างจากลูกยิ่งขึ้น แถมยังสามารถพับเก็บได้แบบ One Step และล้อทั้ง 4 ก็จะติดกับพื้น ลากได้สบาย ๆ […]
ใครๆ ก็รู้ว่าน้ำนมแม่สำคัญต่อพัฒนาการของลูกน้อยมากแค่ไหน แต่น้ำนมของคุณแม่แต่ละคนไม่ได้มีเยอะเท่ากันใช่มั้ยหล่ะคะ บางคนก็เยอะ บางคนก็น้อย บางคนก็ไม่มี ดังนั้นการกระตุ้นน้ำนมอย่างถูกวิธีมีความสำคัญอย่างมากต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ซึ่งเป็นวิธีการเลี้ยงดูที่ดีที่สุดสำหรับทารกในช่วงแรกเกิด และในบทความนี้ BabyGift จะพาคุณแม่ไปรู้จักกับวิธีกระตุ้นน้ำนมกันค่ะว่าจะมีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยแม่ๆ ที่มีปัญหาเรื่องน้ำนมได้บ้าง แชร์วิธีกระตุ้นน้ำนมแม่ ทำยังไงให้คุณแม่มีน้ำนมเพียงพอ ส่งต่อสุขภาพดีๆ ให้ลูก การกระตุ้นน้ำนมแม่มีความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำนมให้เพียงพอต่อความต้องการของทารก เพราะน้ำนมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารกในช่วง 6 เดือนแรก ซึ่งจะช่วยให้ทารกได้รับสารอาหารครบถ้วน เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และช่วยให้ร่างกายทารกเจริญเติบโตอย่างเต็มที่และแข็งแรง แถมยังเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์แม่ลูกให้แน่นแฟ้น เพราะในขณะที่แม่ให้นมลูก จะเกิดการหลั่งฮอร์โมนความรักและผูกพันกัน ช่วยเสริมสร้างความรู้สึกอบอุ่น ความปลอดภัยให้แก่ทารกค่ะ เอาหล่ะค่ะ แล้ววิธีกระตุ้นน้ำนมแม่มีอะไรบ้าง เรามาดูกันต่อเลยค่ะ วิธีกระตุ้นน้ำนมแม่ มีอะไรบ้าง ? มีหลายวิธีในการกระตุ้นการไหลของน้ำนมแม่ค่ะ เป็นวิธีง่ายๆ ที่ทำได้จริง ซึ่งการทำตามวิธีเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอและถูกวิธี จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำนมได้อย่างเต็มที่ มาดูกันค่ะ 1. การดื่มน้ำ : และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ : วิธีง่ายๆ แต่ส่งผลต่อปริมาณและคุณภาพของน้ำนมแม่ คุณแม่ลองใส่ใจในการกินอาหารให้มากขึ้น เช่น ถั่วงอก ข้าวกล้อง น้ำผลไม้ กระเจี๊ยบเขียว […]
วันนี้ BabyGift จะมาแชร์วิธีการเลือกคาร์ซีทแรกเกิดในฉบับของคุณแพรว เพชรแพรว อัครเตชวาทิน หรือ แม่ PRAEW จากเพจ PRAEW ให้ดูกันค่ะ เพื่อเป็นแนวทางให้แม่ๆทุกคน ที่กำลังมองหาคาร์ซีทแรกเกิดดีๆสักตัวให้เจ้าตัวน้อยอยู่ แต่ไม่รู้จะเลือกอย่างไรดี ต้องให้ความสำคัญตรงไหนเป็นพิเศษ วันนี้เราสรุปมาให้แล้วค่ะ 6 เทคนิคเลือกซื้อคาร์ซีทแรกเกิดในแบบของ แม่ PRAEW 1. วัสดุต้องดี แข็งแรง แม่ PRAEW ให้ความปลอดภัยมาเป็นอันดับ 1 โครงสร้างต้องมีมาตรฐาน วัสดุต้องดี แข็งแรงทนทาน ไม่ก๊อกแก๊ก และต้องเข้าใจด้วยค่ะว่าในแต่ละส่วนของร่างกายเด็ก หรือแรงที่เด็กจะได้รับจากการเกิดอุบัติเหตุใช้วัสดุป้องกันที่แตกต่างกันในการปกป้องตัวเด็ก เช่น แรงกระแทกแรงๆ EPS Foam จะป้องกันได้ดีกว่า ส่วนแรงกระแทกเบาๆ แผ่นโพลี่ยูรีเทน จะช่วยป้องกันได้ดีกว่า คาร์ซีทที่เมอใช้อยู่ มีวัสดุที่หลากหลายมาก มีทั้ง EPS Foam ที่เป็นวัสดุโครงสร้างหลัก และแผ่นโพลี่ยูรีเทนที่เสริมเข้ามาบริเวณที่นั่ง ศีรษะและสะโพกทั้ง 2 ด้าน เรียกได้ว่าทุกส่วนออกแบบมาให้รองรับทุกส่วนอย่างดีที่สุดค่ะ อีกสิ่งที่แพรวรู้มา คือเวลาที่เกิดอุบัติเหตุ เด็กที่อยู่บนคาร์ซีทจะได้รับอันตรายจากแรงกระแทกซ้ำๆ […]
แม่ท้องต้องตรวจคัดกรองอะไร ใน 3 ไตรมาส เมื่อรู้ว่ากำลังตั้งครรภ์ คุณแม่เคยสงสัยไหมว่าตลอดเวลา 9 เดือนที่ลูกน้อยอยู่ในท้องนั้น ต้องตรวจอะไรบ้าง แม้กระทั่งในวันไปฝากครรภ์คุณหมอก็จะต้องขอตรวจหลายอย่างจากคุณแม่ เพื่อตรวจเช็กสุขภาพ โรคประจำตัว และความเสี่ยงต่างๆ เพื่อการดูแลให้คุณแม่มีครรภ์คุณภาพตลอดเวลา เราจึงมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจคัดกรองต่างๆ เพื่อสุขภาพคุณแม่และลูกน้อยตลอด 3 ไตรมาส เพื่อให้คุณแม่ได้รู้ว่าในแต่ละช่วงของการตั้งครรภ์ จะต้องเข้ารับการตรวจอะไร ควรจะเลือกตัดสินใจตรวจแบบไหน รวมถึงการตรวจคัดกรองต่างๆ มีข้อดีข้อเสียอย่างไร เหมาะกับคุณแม่วัยไหนบ้าง แม่ท้องต้องตรวจอะไร? จำเป็นแค่ไหนนะ? การตรวจคัดกรองและตรวจเช็กสุขภาพต่างๆ ของคุณแม่ขณะตั้งครรภ์ถือเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะผลของการตรวจต่างๆ จะช่วยประเมินสุขภาพและความปลอดภัยทั้งของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ ได้รู้ถึงความเสี่ยงต่างๆ ในขณะตั้งครรภ์ ได้ตรวจคัดกรองโรคทางพันธุกรรม โรคภัยแทรกซ้อนในขณะตั้งครรภ์ ภาวะอันตรายที่อาจเกิดขึ้น ประเมินอายุครรรภ์และการคลอด รวมถึงยังทำให้ได้รู้ความเสี่ยงอาการดาวน์หรือความผิดปกติของโครโมโซมอื่นๆ ที่สำคัญ ตลอดจนได้รู้โครโมโซมเพศของลูกน้อยในครรภ์อีกด้วย ซึ่งการตรวจต่างๆ นี้จะช่วยให้คุณแม่สามารถดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้อง ดูแลสุขภาพลูกน้อยให้แข็งแรงได้ดี และคุณหมอจะยังสามารถให้คำแนะนำคุณแม่ในการปฏิบัติตัว การดูแลรักษาโรคภัยต่างๆ และให้คำแนะนำคุณแม่ในการตัดสินใจคลอดอีกด้วย เรียกว่าหากคุณหมอแนะนำให้คุณแม่ตรวจอะไร ควรตัดสินใจและเชื่อมั่นในหมอและตัวเองไว้ดีที่สุดค่ะ การตรวจคัดกรองคุณแม่ตั้งครรภ์ 1-3 เดือน (14 สัปดาห์แรก) คุณแม่จะต้องถูกซักประวัติ ตรวจปัสสาวะ เจาะเลือด เพื่อยืนยันการตั้งครรภ์ […]
คุณแม่รู้ไหม? ในช่วงตั้งครรภ์นอกเหนือจากบทบาทว่าที่คุณแม่แล้ว ยังเป็นโอกาสดีที่คุณแม่จะได้สวมบทบาทสนุกๆ อีก 10 อย่างเพื่อการตั้งครรภ์อย่างมีคุณภาพและมีความสุข 1.นักออกกำลังกาย : สุขภาพ ที่แข็งแรงเป็นสิ่งสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ ซึ่งการออกกำลังกายอย่างปลอดภัยสามารถทำได้ตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 2 โดยต้องเป็นกีฬา หรือกิจกรรมที่ไม่ใช้แรงหรือมีการกระแทก เช่น การว่ายน้ำ เดิน เต้นแอโรบิกเบาๆ บริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ขี่จักรยาน อยู่กับที่ ควรหาโอกาสออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรงและไม่อ่อนแรงง่าย 2. นักสำรวจ : หมั่นสำรวจ และ สังเกตการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงภายนอก อย่างผิวพรรณ เส้นผม เล็บ เพื่อบำรุงอย่างถูกวิธี รวมถึงการเปลี่ยนแปลงภายใน อาการหรือความผิดปกติต่างๆ การดิ้น ของลูก โรคประจำตัว จดบันทึกการเปลี่ยนแปลง เพื่อจะได้นำไปถามคุณหมอเมื่อนัดตรวจครรภ์ หรือถ้ามีความผิดปกติที่ร้ายแรงจะได้รักษาได้ทันค่ะ 3. นักโภชนาการ : การพิถี พิถันเรื่องอาหารการกินเป็นเรื่องที่ทราบกันดี อยู่แล้ว ซึ่งการกินอาหารครบ 5หมู่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณแม่และช่วยเสริมสร้างความสมบูรณ์ของร่าง กายให้กับลูกในท้อง รวมถึงต้องกินอาหารที่ปรุงเสร็จใหม่ๆ หลีกเลี่ยงอาหารค้างคืนหรืออาหารสำเร็จรูปเพราะคุณค่าทางอาหารจะลดลง หากอยากกินน้ำอัดลม ชา กาแฟ หรือขนมต่างๆ ก็สามารถกินได้ให้พอหายอยาก ไม่ควรกินมากเกินไปเพราะจะทำให้อ้วนและยังมีสารต่างๆ จากส่วนผสมที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ร่างกายค่ะ 4. นักกิจกรรม : วันว่างอย่าลืม ผ่อนคลายด้วยกิจกรรมต่างๆ เช่น การรดน้ำต้นไม้อยู่ที่บ้าน ไปเดินผ่อนคลายเปิดหูเปิดตานอกบ้าน ฟังการเสวนาหรือเข้าอบรมเกี่ยวกับการตั้งครรภ์จะช่วยให้ได้รับความรู้และพัก ผ่อนในวันหยุด 5. […]
หลังจากที่ได้เห็นข่าวที่เกี่ยวกับลูกน้อย วัยกำลังเริ่มแสบซน เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนเกี่ยวกับรถที่ผู้ปกครองขับ ไม่ว่าเค้าจะชนเรา หรือเราจะชนอะไรก็ตาม มีความเสี่ยงไปหมดดดดดด คาร์ซีท หรือเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็ก เป็นวิธีที่ดีที่สุดเพื่อความปลอดภัยในการเดินทางของเด็ก โดยเฉพาะเด็กเล็กและทารก เพราะคาร์ซีทช่วยลดความเสี่ยงการเสียชีวิตและการบาดเจ็บร้ายแรงอื่น ๆ จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ ความเสี่ยงในที่นี้ คือ เจ้าตัวน้อยของเราสามารถกระเด็น พุ่งหลุดออกจากอ้อมอกอ้อมกอดเราได้ทุกเมื่อ เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ทุกเวลา ต่อให้ระวังแค่ไหนก็เกิดขึ้นได้ หากเด็กไม่ได้อยู่ในระบบยึดเหนี่ยวภายในรถอย่างเหมาะสมและเหตุนี้หลากหลายประเทศถึงมีกฎหมายออกมาเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ที่เดินทางโดยใช้รถ จำเป็นต้องติดตั้งคาร์ซีท ก่อนจะได้ออกจากโรงพยาบาล อ้อมกอดของคุณจะปลอดภัยไปทุกครั้ง เพราะเด็กน้อย จำเป็นต้องมีคาร์ซีท การเลือกคาร์ซีทให้ลูกน้อย มีมาฝากเพียง 5 ข้อ คือ 1. มาตรฐานความปลอดภัย2. เข็มขัดนิรภัย 5 จุด3. ความใหม่ของผลิตภัณฑ์4. ราคา5. ความเหมาะสมกับรถยนต์ อย่างไรก็ตาม ความสำคัญของคาร์ซีทก็มีมากมาย หากไปดูหลายๆ เคสหรือหลายๆ ข่าว ก็จะมีให้เราผู้เป็นพ่อเป็นแม่เห็น ครั้งต่อไปจะมาเล่าเรื่องฝึกการนั่งคาร์ซีทให้กับลูกน้อยให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ได้ลองศึกษาดูนะคะ ขอขอบคุณบทความจาก : monkeykids






