5 เมนูอาหารเด็ก 8 เดือน ลูกกินได้อย่างอร่อย คุณแม่แฮปปี้ ไม่กังวล

คุณแม่อาจป้อนอาหารบดละเอียดให้ลูกเสริมกับการกินนมแม่เป็นหลัก หรือถ้าคุณพ่อคุณแม่คนไหนอยากฝึก BLW ให้ลูกกินข้าวด้วยตัวเองเป็นก็อาจให้ลูกหยิบจับอาหารนิ่ม ๆ กินเองโดยที่ไม่ต้องป้อนซึ่งอาจเป็นอาหารที่ไม่ผ่านการปรุงมาก อย่างเช่น ผักต้มนิ่มๆ ผลไม้นิ่มๆ เนื้อปลาต้มนิ่มๆ และเมื่อลูกย่างเข้าสู่เดือนที่ 8 เป็นต้นไป ลูกก็จะเริ่มกินอาหารได้หลากหลายมากขึ้น คุณพ่อคุณแม่ก็อาจมองหาเมนูอาหารใหม่ๆ ให้กับลูกน้อย ซึ่งในบทความนี้ BabyGift มีเมนูอาหารเด็ก 8 เดือน 5 เมนูอร่อยมาแนะนำกัน จะมีอะไรบ้างนั้น ลองไปดูกันค่ะ
ชวนเข้าครัวเตรียมเมนูอาหารเด็ก 8 เดือนให้ลูกน้อย เด็ก 8 เดือนกินอะไรได้บ้าง ?

พอลูกของเราอายุ 6 เดือนขึ้นไป ก็จะสามารถกินอาหารเสริมนอกเหนือจากนมแม่เพิ่มเติมได้ และถ้าเป็นไปได้ คุณแม่ก็ควรให้นมแม่ควบคู่กับการเพิ่มมื้ออาหารให้ลูก ซึ่งอาหารสำหรับเด็กอ่อนนั้น สามารถใช้วัตถุดิบได้หลากหลาย และเมื่อลูกอายุ 8 เดือนก็จะเริ่มมีฟันน้ำนม สามารถกินอาหารได้อย่างหลากหลายมากขึ้น เนื้อสัมผัสอาหารมีความหยาบได้มากขึ้น รวมถึงกินผลิตภัณฑ์จากนมอย่าง เนย ชีส และโยเกิร์ตได้ สำหรับเมนูอาหารเด็ก 8 เดือนที่เราจะแนะนำกันนั้น สามารถใช้วัตถุดิบอะไรได้บ้าง มาดูกันค่ะ
- ไข่ : สามารถกินได้ทั้งไข่ไก่ และไข่เป็ด แต่ควรทำให้สุก ไม่ควรให้ลูกกินไข่ดิบ ไข่ยางมะตูม หรือไข่ลวก เพราะอาจปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียและเป็นอันตรายต่อลูกได้ สำหรับเมนูเด็ก 8 เดือน สามารถเพิ่มไข่ขาวลงไปได้ เพราะถึงวัยที่เริ่มกินไข่ขาวได้แล้วค่ะ
- ตับ : ให้ลูกน้อยกินได้ทั้งตับหมู และตับไก่ แต่ต้องทำให้สุกก่อนให้ลูกกิน ไม่ควรให้ลูกกินแบบสุกๆ ดิบๆ เป็นอันขาด
- เนื้อสัตว์ต่างๆ : สามารถกินได้ทั้งเนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อปลา ซึ่งต้องผ่านการปรุงสุกทั้งหมด
- ถั่ว และธัญพืช : หากต้องการให้ลูกหัดกินถั่ว และธัญพืช ควรต้มให้สุกและบดให้ละเอียด เพื่อให้ย่อยได้ง่าย และไม่ทำให้ท้องอืด ห้ามให้ลูกหยิบกินเป็นเมล็ดเด็ดขาดเพราะอาจทำให้ติดคอหรือสำลักได้ รวมถึงสามารถให้ลูกกินผลิตภัณฑ์แปรรูปจากถั่วอย่างเต้าหู้ได้ด้วย
- อาหารประเภทแป้ง : กินได้ทั้งข้าว ไม่ว่าจะเป็นข้าวขาว ข้าวโอ๊ต ข้าวฟ่าง เส้นพาสต้า รวมถึงฟักทอง มันฝรั่ง มันเทศ เป็นต้น
- ผักต่าง ๆ : เลือกผักที่หาได้ง่ายตามท้องตลาด เน้นผักหลากหลายชนิด โดยเฉพาะผักใบเขียว สีส้ม และสีเหลืองอย่างผักบุ้ง ตำลึง หน่อไม้ฝรั่ง บล็อกโคลี ผักโขม แครอท ฟักทอง โดยต้ม หรือนึ่งให้สุก
- ผลไม้ : ควรเป็นผลไม้นิ่มๆ อย่าง มะละกอสุก มะม่วงสุก กล้วยน้ำว้า อะโวคาโด ส้มเขียวหวาน กีวี สตรอว์เบอร์รี่ หลีกเลี่ยงผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่เป็นผลเล็กๆ รวมถึงมะเขือเทศราชินีเป็นลูกเล็ก ๆ เพราะอาจทำให้สำลักหรือติดคอได้เช่นกัน
แนะนำ 5 เมนูอาหารเด็ก 8 เดือน อร่อย และได้ประโยชน์แบบจัดเต็ม
จะเห็นว่าเด็กในวัย 8 เดือนนั้นสามารถกินอาหารได้อย่างหลากหลายทีเดียวค่ะ การเลือกวัตถุดิบที่แตกต่างกันในแต่มื้อจะทำให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน ทั้งเกลือแร่ วิตามินจากผักผลไม้ต่างๆ รวมถึงสิ่งที่สำคัญอย่างโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน ซึ่งในแต่ละมื้อนั้นควรเตรียมเมนูเด็ก 8 เดือนที่มีสารอาหารครบ 5 หมู่และมีคุณค่าทางโภชนาการ เพื่อให้ลูกน้อยเจริญเติบโตตามเกณฑ์ มาดูเมนูอาหารของลูกน้อยกันเลยค่ะ
1. ข้าวบดตับไก่ เต้าหู้ และตำลึง

เริ่มต้นแนะนำเมนูเด็ก 8 เดือนอย่างแรกกันด้วย เมนูข้าวบดที่สามารถย่อยได้ง่าย แต่เพิ่มวัตถุดิบให้มากขึ้น เพื่อให้ลูกเริ่มปรับตัวกับการกินอาหารที่หลากหลายมากขึ้น เมนูนี้มีครบทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน เกลือแร่ วิตามิน หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว อาจเสริมด้วยผลไม้ตบท้ายก็ได้ค่ะ
วัตถุดิบ
- ข้าวสวยหรือข้าวตุ๋น 4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำซุป ½ ถ้วย
- ตับไก่ ¼ ช้อนโต๊ะ
- เต้าหู้หลอดไข่ไก่ 2 ช้อนโต๊ะ
- ผักตำลึง 1 ½ ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช ½ ช้อนชา
วิธีทำ
- ต้มน้ำซุปให้เดือด ใส่ข้าวลงไป คนให้เข้ากัน
- จากนั้นนำตับไก่ที่ลวกสุกแล้วบดให้หยาบ ใส่ลงไปต้มกับข้าว
- ตามด้วยเต้าหู้หลอดไข่ไก่ บดให้เข้ากัน ตามด้วยตำลึงต้มสุก
- บดทุกอย่างให้เข้ากัน โดยไม่ต้องบดละเอียดจนเป็นอาหารเหลว สามารถเป็นเนื้อสัมผัสหยาบๆ ได้เพื่อให้ลูกได้ฝึกเคี้ยว
- ตัดขึ้นพักให้หายร้อน พร้อมเสิร์ฟให้ลูกน้อย
2. ไข่ตุ๋นผักรวม

เมนูอาหารเด็ก 8 เดือนที่ประโยชน์จัดเต็ม ทำได้ไม่ยาก อย่างเมนูไข่นั้นเป็นแหล่งโปรตีนสำคัญมากเลยค่ะ โดยเฉพาะโคลีนในไข่แดงที่ช่วยบำรุงสมองให้กับลูกน้อย นำมาทำเป็นไข่ตุ๋นเนื้อนุ่มที่กินง่าย เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการด้วยผักหลากสีสันอย่างฟักทอง แครอท และตำลึง ให้ลูกกินคู่กับข้าวต้มหรือข้าวสวยหุงนิ่มๆ ก็ได้ค่ะ
วัตถุดิบ
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- ฟักทองหั่นสี่เหลี่ยมเล็ก 1 ช้อนโต๊ะ
- แครอทหั่นบางๆ 3 – 4 แว่น
- ตำลึงสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำซุป 3 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่นเล็กน้อย
วิธีทำ
- นำแครอทไปลวกจนสุกนิ่ม
- ตีไข่ไก่กับน้ำซุปให้เข้ากัน แล้วกรองผ่านกระชอน
- ใส่ฟักทอง แครอท และตำลึงลงไป คนให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย
- เทส่วนผสมใส่ในถ้วยกระเบื้องหรือถ้วยทนความร้อน นึ่งด้วยไฟอ่อนจนสุก
3. พาสต้าสามสหาย

มากันที่เมนูพาสต้าบ้างค่ะ เมนูนี้มีสีสันสวยงามน่ากิน หากเลือกเส้นพาสต้าเป็นรูปทรงต่างๆ ก็จะช่วยดึงดูดความสนใจได้ดี ซึ่งการจัดแต่งจานอาหารให้สวยงามและมีความน่าสนใจมากขึ้นนั้นก็เป็นหนึ่งในเทคนิคแก้ปัญหา ลูกไม่ยอมกินข้าวที่ค่อนข้างได้ผล แถมเมนูนี้ยังมีรสชาติอร่อย มีความเปรี้ยวหวานจากซอสมะเขือเทศ รับรองว่าถูกใจคุณหนูแน่นอน และยังเป็นเมนูที่เหมาะกับการ BLW ฝึกให้ลูกหยิบจับอาหารเข้าปากด้วยตัวเองอีกด้วยนะคะ
วัตถุดิบ
- พาสต้ารูปทรงต่างๆ เช่น รูปใบไม้ รูปสัตว์ ต้มจนสุกนิ่ม 1 ถ้วย
- แครอท และฟักทองหั่นสี่เหลี่ยมเป็นชิ้น (หั่นยาวประมาณนิ้วก้อย) ต้มจนสุก 2 ช้อนโต๊ะ
- มะเขือเทศลูกใหญ่หั่นเป็นแว่น 1 ช้อนโต๊ะ
- เนยสดชนิดจืด ½ ช้อนโต๊ะ
- ซอสมะเขือเทศ 1 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่นเล็กน้อย
วิธีทำ
- ตั้งกระทะ ใส่เนยลงไป ใส่มะเขือเทศลงไปผัดจนสุกนิ่ม
- ตามด้วยแครอท และฟักทอง ผัดให้เข้ากัน
ใส่พาสต้าลงไปผัดตาม ปรุงรสด้วยเกลือ และซอสมะเขือเทศ คนให้เข้ากัน ตักใส่จาน
4. ข้าวไข่คลุก

เมนูอาหารเด็ก 8 เดือน ที่อยากแนะนำเมนูนี้ ยังคงใช้ไข่เป็นตัวชูโรงอยู่ค่ะ แต่จะเพิ่มผักที่มีกลิ่นฉุนอย่างต้นหอมและหอมหัวใหญ่ลงไปด้วย เพื่อให้ลูกได้รับรู้รสชาติอาหารอย่างหลากหลายมากขึ้น เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยหุงนิ่มๆ ทำได้ไม่ยาก ขั้นตอนไม่เยอะ แต่อร่อยและได้ประโยชน์ค่ะ
วัตถุดิบ
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- มันฝรั่งต้มสุกจนนิ่มแล้วนำมาขูดฝอย 1 ช้อนโต๊ะ
- ต้นหอมซอย 1 ช้อนชา
- หอมหัวใหญ่สับ 1 ช้อนชา
- เกลือเล็กน้อย
- น้ำมันพืช 1 ช้อนชา
วิธีทำ
- ตอกไข่ใส่ชาม ใส่มันฝรั่งต้มสุกขูดฝอย และหอมหัวใหญ่ลงไป
- ปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย
- ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันลงไป จากนั้นนำเอาไข่ลงไปผัดจนสุก
- โรยต้นหอมซอยลงไป ปิดไฟ
- ตักราดหน้าบนข้าวสวย พักไว้ให้อุ่น พร้อมเสิร์ฟ
5. ปลาปั้นสามสี

เมนูอาหารเด็ก 8 เดือนจานสุดท้ายที่อยากให้ลองเอาไปทำตามก็คือ เมนูปลาปั้น 3 สี อัดแน่นไปด้วยโปรตีนจากเนื้อปลา เพิ่มเนื้อสัมผัสด้วยแครอท ฟักทอง และผักโขม ปั้นเป็นก้อนกลมให้ลูกหยิบกินได้สะดวก และให้ลูกได้ฝึกกัด ฝึกเคี้ยวด้วยตัวเอง เป็นอีกหนึ่งเมนูที่เหมาะกับการ BLW ฝึกให้ลูกกินข้าวด้วยตัวเองอีกเมนูหนึ่งเลยค่ะ
วัตถุดิบ
- ปลาเนื้ออ่อนขูด (หรือปลาน้ำจืด) 1 ถ้วย
- ฟักทองหั่นสี่เหลี่ยมเล็ก 2 ช้อนโต๊ะ
- แครอทหั่นสี่เหลี่ยมเล็ก 2 ช้อนโต๊ะ
- ผักโขมลวกสุกสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่นเล็กน้อย
วิธีทำ
- สับเนื้อปลาให้ละเอียด และนำไปผสมกับฟักทอง แครอท และผักโขมสับละเอียด
- ปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย คลุกเคล้าให้เข้ากัน
- ปั้นเป็นก้อนกลมให้มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว หรือพอให้ลูกหยิบได้เอง แต่ไม่ควรปั้นเป็นก้อนเล็กจนเกินไปเพราะเสี่ยงต่อการสำลักและอาจทำให้ติดคอได้
- นำไปนึ่งในน้ำเดือดจนสุก พักให้อุ่นก่อนให้ลูกรับประทาน
เด็ก 8 เดือน ควรกินอาหารปริมาณเท่าไหร่ ?

กรมอนามัยได้ระบุไว้ว่า เด็กเล็กวัย 8 เดือนควรกินข้าวเสริมวันละ 2 มื้อ ควบคู่ไปกับการกินนมแม่ และมื้อว่างช่วงบ่ายสามารถเสริมเป็นผลไม้นิ่ม ๆ ได้ ประมาณ 3 ชิ้น หรืออาจเป็นกล้วยน้ำว้าสุก 1 ลูก เป็นต้น และควรกินธาตุเหล็กเสริมสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เด็กเล็กในวัยนี้จะต้องการพลังงานประมาณ 750 – 900 กิโลแคลอรี่ต่อวัน ซึ่งแบ่งเป็นพลังงานจากการกินนมแม่ประมาณ 400 – 500 กิโลแคลอรี่ และพลังงานที่เหลือควรได้รับจากอาหารตามวัยนั่นเองค่ะ เพื่อให้ลูกน้อยเจริญเติบโตตามเกณฑ์และมีพัฒนาการตามวัยอย่างเหมาะสม ทั้งนี้ คุณพ่อคุณแม่บางคนอาจเจอปัญหาลูกกินได้น้อย ลูกไม่ยอมกินข้าว ติดเล่น ไม่สนใจอาหาร หากเป็นแบบนี้ก็อาจลองเลือกซื้อเก้าอี้กินข้าวเด็ก ให้ลูกน้อยนั่งกินข้าวกับที่เป็นสัดส่วน เพื่อเป็นการฝึกวินัยในการกินของลูกตั้งแต่เนิ่นๆ จะได้เสริมสร้างนิสัยการกินที่ดีในระยะยาวค่ะ
BabyGift แนะนำตัวช่วยสำคัญ ให้มื้ออาหารของลูกน้อยเป็นเรื่องง่ายมากขึ้น

1. PRINCE & PRINCESS เก้าอี้ฝึกกินข้าวรุ่น Fairy Plus
เก้าอี้ฝึกกินข้าวสำหรับเด็กเล็กเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้การป้อนข้าวลูกเป็นเรื่องง่ายมากขึ้น และยิ่งจำเป็นสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่อยากฝึกให้ลูกกินข้าวด้วยตัวเอง สำหรับเก้าอี้กินข้าวเด็กจากแบรนด์ PRINCE & PRINCESS รุ่น Fairy Plus มาในดีไซน์น่ารักน่าใช้ มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย ให้ลูกน้อยนั่งกินข้าวเองได้อย่างปลอดภัยและสะดวกสบาย ตอบโจทย์ความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ในยุคปัจจุบัน
จุดเด่น
- สามารถปรับความสูงได้ 7 ระดับ ตั้งแต่ 25 เซนติเมตร – 60 เซนติเมตร
- รองรับน้ำหนักได้มาก มีความแข็งแรงปลอดภัยด้วยรางล็อคเหล็กแบบตะขอเกี่ยว ลูกน้อยไม่เสี่ยงร่วงจากเก้าอี้
- พนักพิงเก้าอี้สามารถปรับเอนนอนได้ 3 ระดับ เหมาะกับการใช้นั่งพักหลังมื้ออาหาร ป้องกันไม่ให้ลูกน้อยเป็นกรดไหลย้อนหรือแหวะนม เมื่อเทียบกับการพาลูกนอนราบบนที่นอน
- มีล้อหน้า – หลัง และตัวล็อคล้อเพื่อความปลอดภัย เคลื่อนย้ายได้สะดวก พับเก็บง่ายภายใน 1 วินาที
- ถาดอาหารมีขนาดใหญ่ มี 2 ชั้น ปราศจากสาร BPA ( สาร Bisphenol A ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย) และเป็นวัสดุ Food Grade ปลอดภัยไม่มีสารตกค้าง สามารถถอดแยกไปทำความสะอาดได้
- พนักพิงเก้าอี้กว้างรองรับช่วงสรีระของลูกน้อยได้จนโต มีสายรัดนิรภัยเพื่อป้องกันลูกร่วงตกจากเก้าอี้
- เบาะรองนั่งเป็นนวัตกรรม Cotton Cushion เสริมความหนานุ่มนั่งสบาย สามารถถอดซักได้ และเบาะ PU ที่เป็นวัสดุกันน้ำไม่ซึม เช็ดทำความสะอาดได้

2. TIDY TOT เสื้อกันเปื้อนแขนสั้น
ในมื้ออาหารของลูกน้อยนั้น มาพร้อมกับความเลอะเทอะอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลใจอะไรหากมีผ้ากันเปื้อนที่ทำความสะอาดได้ง่าย แนะนำเป็นเสื้อกันเปื้อนแขนสั้นจากแบรนด์ TIDY TOT ที่นำเข้าจากประเทศอังกฤษ มีดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร แถมเป็น “เสื้อกันเปื้อนดูดโต๊ะ” เพราะตัวเสื้อสามารถยึดติดได้กับทุกพื้นผิวที่มีความเรียบ เพื่อรับมือกับวัยที่กำลังเริ่มเรียนรู้ฝึกการกินด้วยตัวเอง ซึ่งบอกเลยว่าช่วยป้องกันการเลอะเทอะบนเสื้อผ้าของลูกได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ
จุดเด่น
- ใช้ได้กับเก้าอี้กินข้าวทุกรุ่น ทุกแบบ ทุกทรง
- แขนเสื้อยาว 20 เซนติเมตร ตัวเสื้อยาว 50 เซนติเมตร ป้องกันการเลอะได้อย่างครอบคลุม
- ป้องกันการเปรอะเปื้อนบนเสื้อผ้า บนโต๊ะอาหาร และที่นั่ง
- วัสดุกันน้ำ ผลิตจากเส้นใยที่นุ่มสบายต่อการสวมใส่ (Super soft frabic)
- ง่ายต่อการทำความสะอาด เพียงแค่เช็ดออก หรือซักด้วยเครื่องซักผ้า
- ใส่แล้วไม่ร้อน ระบายอากาศได้ดี
สำหรับไอเดีย เมนูอาหารเด็ก 8 เดือน ที่ BabyGift แนะนำนั้นสามารถพลิกแพลงและปรับเปลี่ยนวัตถุดิบกันได้นะคะ โดยเน้นที่การใช้วัตถุดิบที่มีความสดใหม่ ปราศจากสารเคมีและสารตกค้างต่างๆ ที่สำคัญคือ ควรปรุงให้สุก โดยเฉพาะวัตถุดิบประเภทไข่ เนื้อสัตว์ เต้าหู้ และผักต่างๆ ให้ปรุงรสน้อยๆ หรือไม่ปรุงเลย สามารถเสริมผลไม้เป็นของว่างระหว่างวันได้ ทั้งนี้ ไม่ควรละเลยการกินนมแม่ ควรให้ลูกกินนมแม่ควบคู่ไปด้วยเสมอ เพื่อที่ลูกจะได้มีสุขภาพแข็งแรงและมีภูมิต้านทาน ไม่เจ็บป่วยง่ายค่ะ
และถ้าคุณพ่อคุณแม่คนไหนสนใจสินค้าเกี่ยวกับแม่และเด็ก ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์สำหรับการกินข้าวของลูกน้อยอย่างโต๊ะกินข้าวเด็ก ผ้ากันเปื้อน ภาชนะใส่อาหาร หรือสินค้าอื่นๆ ก็สามารถมาเยี่ยมชมสินค้าได้ที่ BabyGift ร้านจำหน่ายสินค้าแม่และเด็กระดับคุณภาพ มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี คุณพ่อคุณแม่สามารถมาเยี่ยมชมสินค้าต่างๆ ได้ โดยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ร้านเบบี้กิ๊ฟทั้ง 5 สาขาใกล้บ้าน หรือสอบถามผ่านช่องทาง Online ทีมงาน BabyGift ยินดีให้คำแนะนำค่ะ
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
Q: ขวดนม อุปกรณ์ปั๊มนม ต้องต้ม หรือนึ่ง ให้ปราศจากเชื้อทุกวัน ? A: การนึ่ง หรือต้มฆ่าเชื้อขวดนมและจุกนมหลังใช้งานทุกวันจะทำให้ขวดนมพลาสติกและจุกนมเสื่อมสภาพเร็วขึ้นกว่าปกติ และไม่ได้ช่วยป้องกันโรคให้ทารกเพิ่มขึ้นมากไปกว่าล้างด้วยน้ำสบู่อุ่น ๆ หรือล้างด้วยน้ำร้อนผสมน้ำยาล้างขวดนมหลังใช้งาน การขยันทำให้ปลอดเชื้อมากเกินไป (over-sterilize) ไม่มีประโยชน์กลับเป็นการสร้างสิ่งแวดล้อมให้เชื้อที่ทนความร้อน และสร้างสปอร์ได้เพิ่มมากขึ้น (เพราะคุณไม่ได้ใช้หม้อความดัน หรือฉายรังสี) และทารกจะอาจได้สารพวกโพลีเมอร์ หรือฟอร์มัลดีไฮด์ปนเปื้อนออกมาจากพลาสติกที่เสื่อมสภาพแทน สมาคมกุมารแพทย์อเมริกัน และ USFDA แนะนำให้ต้มหรือนึ่งฆ่าเชื้อขวดนม และอุปกรณ์ปั๊มนมเฉพาะครั้งแรกที่ใช้งานจากนั้นให้ล้างด้วยน้ำสบู่ หรือน้ำยาล้างขวดนมผสมน้ำอุ่น ทุกครั้งหลังใช้งานก่อนผึ่งให้แห้ง โดยไม่ให้้ใช้ผ้าเช็ด กรณีที่ต้องต้มหรือนึ่งฆ่าเชื้อทุกวันคือช่วงทารกป่วย เช่น ท้องร่วง หรือ เป็นฝ้าขาวในปาก คุณแม่ที่กังวลอาจนึ่งหรือต้ม ทุก 3-4 วัน สำหรับนมชง ทุก 1 สัปดาห์สำหรับนมแม่ทั้งนี้ จะต้องไม่มีการปล่อยให้นมบูดคาขวด (ถ้านมบูดคาขวดต้องต้มหรือนึ่งฆ่าเชื้อใหม่เสมอ) อย่างไรก็ตามไม่มีกฎตายตัว หากบ้านมีสภาพแวดล้อมที่ไม่สะอาด อยู่ใกล้แหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค อาจพิจารณาต้มหรือนึ่งให้บ่อยขึ้น สำหรับประเทศไทยที่มีภูมิอากาศร้อนชื้นมีโรคเขตร้อนที่เป็นโรคทางเดินอาหารมาก และประชากรมีสุขอนามัยไม่แน่นอน กุมารแพทย์ไทยหลายท่านอาจแนะนำให้คุณแม่ต้มหรือนึ่งขวดนมทุกวัน และกรณีที่ห้องครัวมีความสกปรกอับชื้นท่อน้ำไม่สะอาด หรือมีกระบะทรายแมวในห้องครัว (ซึ่งไม่ควรมี) คุณแม่อาจเลี่ยงไปตากขวดนม และจุกนมที่อื่นที่มีอากาศถ่ายเทคุณแม่ที่ปั๊มนมห้ามใช้สบู่เหลวในห้องน้ำที่ทำงานล้างขวดนม หรือ […]
น้ำนมของแม่นั้นเป็นอาหารที่เปี่ยมคุณค่ามากที่สุดสำหรับลูกน้อย โดยเฉพาะในเด็กทารกที่อายุน้อยกว่า 6 เดือน ซึ่งจะต้องกินนมจากแม่เป็นหลัก สำหรับคุณแม่ที่อยู่บ้านเลี้ยงลูกเต็มเวลาก็อาจจะไม่ได้มีปัญหากับการสต็อกน้ำนมเอาไว้ เพราะเน้นการเอาลูกเข้าเต้าเป็นส่วนใหญ่ แต่สำหรับคุณแม่ที่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน การทำสต็อกน้ำนมเอาไว้นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะจะได้มีน้ำนมเอาไว้ให้ลูกน้อยอย่างเพียงพอ ในบทความนี้ BabyGift มีคำแนะนำดี ๆ เกี่ยวกับการเก็บรักษา นมแม่ มาฝากกันค่ะ จะเก็บน้ำนมอย่างไรให้ไม่เหม็นหืน ไม่บูด และคงคุณค่าทางอาหารเอาไว้ได้มากที่สุด มาดูกันเลยค่ะ ทำไมนมของแม่มีกลิ่นเหม็นหืน ? มีวิธีการเก็บรักษา นมแม่อย่างไรไม่ให้มีกลิ่นและคงคุณค่าได้นาน คุณแม่บางคนอาจพบว่านมที่ตนเองทำการสต็อกไว้นั้นมีกลิ่นเหม็นหืน ซึ่งมักจะเกิดกับนมที่เก็บไว้ในช่องแช่แข็งในตู้เย็นที่มีระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ เนื่องจากในช่วงที่ระบบละลายน้ำแข็งทำงาน นมที่แช่แข็งเอาไว้ก็จะละลายไปด้วย และเมื่อช่องแช่แข็งกลับมาเย็นจัดใหม่ ก็ทำให้น้ำนมแข็งตัวอีกครั้ง กระบวนการนี้หากเกิดขึ้นซ้ำหลาย ๆ ครั้งก็จะทำให้ไขมันในน้ำนมมีการเปลี่ยนแปลงและทำให้นมมีกลิ่นเหม็นหืนได้นั่นเองค่ะ ดังนั้นแล้วการเก็บรักษานมแม่ ในตู้เย็นที่มีระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติแบบนี้ ก็เสี่ยงจะทำให้น้ำนมที่เก็บเอาไว้มีกลิ่นเหม็นหืนได้ สาเหตุที่นมแช่แข็งละลายมาเป็นน้ำนมแล้วมีกลิ่นเหม็นหืน ก็เพราะว่าในน้ำนมของแม่มีเอ็นไซม์ไลเปส ที่จะช่วยย่อยไขมันในน้ำนมของแม่ให้แตกตัวเป็นโมเลกุลเล็กๆ เพื่อผสมกับโปรตีนเวย์ในน้ำนมได้ดี ทำให้ร่างกายของลูกน้อยดูดซึมวิตามิน A และวิตามิน D ได้มากขึ้น ถ้าในน้ำนมของแม่มีไลเปสมากก็จะย่อยไขมันได้มาก ทำให้น้ำนมมีกลิ่นหืนนั่นเองค่ะ ทั้งนี้ แม้ว่าจะมีกลิ่นหืนก็ไม่เป็นอันตรายต่อลูกน้อยแต่อย่างใด ยังสามารถกินได้ แต่ในเด็กบางคนอาจไม่ยอมกินนมที่มีกลิ่นหืน สามารถแก้ไขได้โดยการนำน้ำนมที่ปั๊มมาใหม่ๆ ผสมกับนมที่มีกลิ่น ก็จะช่วยเจือจางกลิ่นและลดความเหม็นหืนไปได้ […]
คุณพ่อคุณแม่เริ่มปวดหลังปวดเอวจากการอุ้มลูกบ้างไหม การเลือกเป้อุ้มเด็กยี่ห้อไหนดีนั้นสำคัญมากสำหรับการดูแลลูกน้อย เพราะนอกจากจะช่วยลดอาการเมื่อยล้าของผู้ปกครองแล้ว ยังต้องให้ความปลอดภัยและความสบายสูงสุดกับเจ้าตัวเล็กด้วย วันนี้เรามาดูกันว่าควรเลือกเป้อุ้มเด็กแบบไหนให้เหมาะกับสรีระและช่วงวัยของลูกรัก ประเภทของเป้อุ้มเด็ก เป้อุ้มเด็กแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามรูปแบบการใช้งาน แต่ละแบบมีจุดเด่นและความเหมาะสมต่างกัน ขึ้นอยู่กับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของครอบครัว เป้อุ้มเด็กฮิปซีทพับและแยกส่วนได้ เป้อุ้มประเภทนี้ถือเป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์คุณพ่อแม่สมัยใหม่ได้ดีมาก ด้วยความสามารถในการพับเก็บฮิปซีทได้เมื่อไม่ใช้งาน ทำให้พกพาสะดวก ไม่เกะกะ และสามารถแยกใช้เฉพาะส่วนฮิปซีทสำหรับอุ้มระยะสั้นได้ ให้ความคล่องตัวในการใช้งานหลากหลายสถานการณ์ เป้อุ้มเด็กฮิปซีทมีก้อนโฟม ฮิปซีทแบบมีก้อนโฟมจะให้ความมั่นคงในการนั่งของลูกน้อยมากกว่า เพราะมีฐานที่แข็งแรงรองรับ เหมาะสำหรับการอุ้มเป็นเวลานาน หรือเมื่อต้องเดินทางไกล แต่อาจมีขนาดใหญ่กว่าแบบพับได้ และต้องพิจารณาเรื่องน้ำหนักของตัวเป้ที่เพิ่มขึ้น เป้อุ้มเด็กฮิปซีทไม่ใช้โฟม แบบไม่ใช้โฟมจะใช้ผ้าพับเป็นฐานรองนั่งแทน ข้อดีคือน้ำหนักเบา พกพาง่าย และมีความนุ่มนวลมากกว่า เหมาะกับคุณพ่อแม่ที่ต้องการความคล่องตัวและไม่ต้องการอุปกรณ์ที่หนักจนเกินไป อีกทั้งยังสามารถซักทำความสะอาดได้ง่ายกว่า เป้อุ้มเด็กแบบเต็มตัว เป้อุ้มแบบเต็มตัวจะไม่มีฮิปซีทเป็นฐาน แต่จะใช้ตัวผ้าของเป้เป็นฐานให้เด็กนั่ง เหมาะสำหรับเด็กเล็กที่ยังต้องการความใกล้ชิดกับผู้ปกครอง ให้ความรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่น แต่อาจมีข้อจำกัดเรื่องช่วงอายุที่ใช้งานได้ เป้อุ้มเด็กแบบผ้าอุ้ม ผ้าอุ้มถือเป็นรูปแบบดั้งเดิมที่มีความเรียบง่ายและพกพาง่ายที่สุด เพียงผืนผ้าเดียวก็สามารถอุ้มลูกได้แล้ว เหมาะสำหรับการใช้งานระยะสั้นหรือเป็นตัวเลือกสำรองในยามฉุกเฉิน แต่อาจต้องฝึกฝนเทคนิคการมัดให้เชี่ยวชาญก่อน วิธีเลือกเป้อุ้มเด็กให้เหมาะกับลูกน้อย การเลือกเป้อุ้มเด็กที่ดีต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย ทั้งความปลอดภัย ความสบาย และความเหมาะสมกับช่วงวัยของลูกน้อย เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การใช้งานอย่างแท้จริง 1. เลือกเป้อุ้มเด็กให้เหมาะกับช่วงวัย เด็กแต่ละช่วงวัยมีความต้องการที่แตกต่างกัน ทารกแรกเกิดต้องการการพยุงศีรษะและคอเป็นพิเศษ ในขณะที่เด็กโตขึ้นต้องการพื้นที่ในการเคลื่อนไหวมากขึ้น การเลือกเป้ที่เหมาะกับช่วงอายุจะช่วยให้ลูกน้อยได้รับการดูแลที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด 2. เลือกเป้อุ้มเด็กจากน้ำหนักสูงสุดที่รับได้ประมาณ […]
การเตรียมความพร้อมให้กับลูกน้อยนั้นมีสิ่งที่จำเป็นอยู่หลายอย่าง เริ่มตั้งแต่ก่อนคลอดไปจนถึงการเลี้ยงดูลูกตามช่วงวัยต่าง ๆ และสิ่งที่จำเป็นอย่างหนึ่งก็คือ คาร์ซีทสำหรับลูกน้อย อย่างคาร์ซีทเด็กแรกเกิด ที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเด็ก ๆ ขณะนั่งรถยนต์ เพื่อช่วยลดโอกาสในการบาดเจ็บรุนแรงแก่เด็ก ๆ หากเกิดอุบัติที่ไม่คาดคิด ซึ่งปัจุบันมีคาร์ซีทหลากหลายรูปแบบมากมาย ทั้ง คาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 2 ปี คาร์ซีทสำหรับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป คาร์ซีทที่ใช้สำหรับเด็กโตอายุ 4 – 12 ปี รวมถึง คาร์ซีทแบบกระเช้า ที่นิยมใช้กันมากขึ้น คาร์ซีทกระเช้าคืออะไร เป็นแบบไหน เหมาะกับเด็กช่วงวัยใด ควรเลือกซื้ออย่างไรบ้าง มารู้จักให้มากขึ้นผ่านบทความนี้กันค่ะ คาร์ซีทแบบกระเช้า เลือกยังไง ให้เหมาะกับลูกน้อย หาคำตอบได้ในบทความนี้ คาร์ซีทกระเช้า คืออะไร ? คาร์ซีทแบบกระเช้า (Infant Car Seat) หรือคาร์ซีทแบบ Newborn Only เป็นคาร์ซีทที่ใช้สำหรับเด็กแรกเกิดจนถึงอายุไม่เกิน 24 เดือน เหมาะสำหรับการติดตั้งหันหน้าเข้าหาเบาะรถยนต์ มีลักษณะรูปร่างคล้ายกับตะกร้า และมีที่สำหรับจับถือหิ้ว สามารถวางไว้ในรถได้ และยกออกได้เลยโดยที่ไม่ต้องอุ้มเด็กออกจากคาร์ซีท ทำให้ไม่รบกวนการนอนหลับของลูกน้อยรวมถึงเคลื่อนย้ายได้ง่ายไม่ยุ่งยาก […]
รวมสุดยอดวิธี เลือกเป้อุ้มทารก เพราะเป้อุ้มเด็ก เป็นเครื่องทุ่นแรงที่สำคัญยิ่งสำหรับคุณแม่ ที่เรียกได้ว่าคืออุปกรณ์คู่กายคู่ใจที่พาคุณแม่และลูกน้อยไปทำกิจวัตรด้วยกันได้เสมอ เป้อุ้มลูกนี้จึงเป็นหนึ่งในสิ่งอำนวยความสะดวกประจำบ้านที่กำลังเลี้ยงลูกอ่อน ยิ่งเป็นครอบครัวเล็กที่คุณแม่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียวไม่มีคนมาช่วยเลี้ยงลูก ในช่วงเวลาที่คุณพ่อไปทำงานนอกบ้าน ยิ่งถือเป็นของใช้ที่จะช่วยให้คุณแม่ทำงานและกิจกรรมอื่นๆได้ พร้อมเลี้ยงลูกได้แบบเบ็ดเสร็จ ซึ่งในยุคสมัยที่การหาเงินได้ฝืดเคือง และข้าวของใช้ราคาสูงเช่นนี้ การเลือกซื้อเป้อุ้มลูกทั้งที เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่จะต้องพิจารณาอย่างถ้วนถี่ และเลือกใช้ให้คุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่าย แต่จะรู้ได้อย่างไร? ว่าเป้อุ้มเด็กแบบไหนดี ทนทานปลอดภัย ใช้งานได้นานจนลูกโต ลองมาอ่านเทคนิคดีๆ เหล่านี้กันเลย 1. ตอบโจทย์การใช้งาน การเลี้ยงลูกของครอบครัว นั่นคือการเลือกให้ตรงกับสไตล์การเลี้ยงลูกของครอบครัว การทำงานของคุณพ่อคุณแม่และการเดินทางของคนในบ้าน ซึ่งต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ได้แก่ ขนาดของครอบครัวและคนช่วยเลี้ยงลูก เพราะหากเป็นครอบครัวเล็ก คุณแม่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียว คุณพ่อไปทำงาน จำเป็นต้องใช้เป้อุ้มลูก สำหรับเวลาทำงานบ้าน ทำธุระหรือจำเป็นต้องออกไปซื้อของนอกบ้าน แม้แต่เป็นครอบครัวใหญ่ อาจจะได้ใช้เวลาคุณแม่ต้องทำธุระ ผลัดกันใช้เวลาเดินทางไปข้างนอก สิ่งของที่ใช้กับลูก เวลาที่ต้องพาลูกออกนอกบ้าน เพราะหากคุณพ่อคุณแม่มีข้าวของเครื่องใช้ที่ไม่ต้องพกไปมาก การใช้เป้อุ้มเด็กก็จะทำให้สะดวก พ่อแม่ถือของใช้ และซื้อของได้สบาย ไม่ต้องใช้มืออุ้มหรือเข็นลูก หรือหากเวลาไปไหนที่ต้องใช้พื้นที่จำกัดการใช้เป้อุ้มเด็กก็จะไม่ต้องเปลืองพื้นที่เพราะพับเก็บได้ พกพาง่ายกว่ารถเข็น การเดินทางของครอบครัว หมายถึงสังเกตการใช้ชีวิตของครอบครัวว่า ต้องออกไปต่างจังหวัด หรือไปเยี่ยมญาติบ่อยหรือเปล่า ใช้เวลาพาลูกออกนอกบ้านนานแค่ไหน หากต้องไปที่ไหนไม่นานนัก การใช้เป้อุ้มเด็กจะมีความคล่องตัวสะดวกกว่ารถเข็น แต่หากต้องใช้เวลาเดินหรือยืน เดินทางนานเป็นชั่วโมง อาจเลือกใช้รถเข็นจะดีกว่า […]
คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหา โรงเรียนอนุบาลในฝัน ที่เหมาะสมให้กับลูกน้อยอยู่ เราเลยมีตัวเลือกโรงเรียนต่าง ๆ ที่อยู่ในกรุงเทพและปริมณฑลมาฝากกัน หลักสูตรจะน่าสนใจแค่ไหน และโดนใจคุณแม่กันบ้างหรือเปล่า มาดูกันเลยค่ะ โรงเรียนอนุบาลในฝัน มีที่ไหนที่น่าสนใจบ้าง มาดูกันเลย 1. โรงเรียนรุ่งอรุณ โรงเรียนตั้งอยู่บนพื้นที่สีเขียวประมาณ 50 ไร่ โดดเด่นด้านให้นักเรียนเรียนรู้อย่างเป็นองค์รวม เน้นความเป็นธรรมชาติเป็นพื้นฐาน เพื่อพัฒนาเด็ก ๆ ในแบบองค์รวมทั้งกาย ใจ สติปัญญา และสังคม เน้นลงมือทำจนเข้าถึงคุณค่าที่แท้จริงของทุกสิ่งที่เรียนรู้ สามารถนำความรู้มาประยุกต์ใช้อย่างสร้างสรรค์ มีจินตนาการ และโรงเรียนนี้ยังไม่มียูนิฟอร์ม เด็ก ๆ สามารถแต่งกายไปเรียนได้ตามความเหมาะสม ยกเว้นในวันกิจกรรมต่าง ๆ โรงเรียนรุ่งอรุณ เริ่มรับเข้าเรียน : ภาคเรียนที่ 2 เปิดเรียน เดือนกันยายน – ธันวาคม และภาคเรียนที่ 3 เปิดเรียน เดือนมกราคม – เมษายน ข้อมูลติดต่อ : https://www.roong-aroon.ac.th เบอร์โทรศัพท์ : 0 2870 7512 […]

ร้านสินค้าแม่และเด็กที่คัดสรรนวัตกรรมของใช้แม่และเด็กที่มี
คุณภาพให้คำปรึกษาและบริการ อย่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อช่วยให้การเลี้ยงลูกเป็นเรื่องง่าย ปลอดภัย และมีความสุข
Online Shopping
สาขา ปิ่นเกล้า ราชพฤกษ์
สาขา Mega บางนา
สาขา Central World
สาขา BTS วงเวียนใหญ่ (Outlet)
Copyright 2024 © Baby Gift (Retail) Co., Ltd.