Carseat Safety Series คาร์ซีทมีกี่แบบ และแบบไหนดีกว่ากัน

คาร์ซีท คืออุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยสำหรับเด็กในขณะที่เดินทางด้วยรถยนต์ ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีราคา ฟังก์ชั่น ที่แตกต่างกัน ทำให้คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ คน ไม่แน่ใจว่าจะเลือกแบบไหนดีที่ลูกยอมนั่ง โดยเฉพาะคาร์ซีทแรกเกิด ที่ต้องให้ความสำคัญและใส่ใจในการเลือกเป็นพิเศษ เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายของเด็กบอบบางที่สุด ซึ่งการจะซื้อคาร์ซีทให้ปลอดภัย ต้องเลือกจากหลาย ๆ อย่าง เช่น เลือกประเภทคาร์ซีทให้เหมาะกับการใช้งาน เหมาะกับวัย ส่วนสูง และน้ำหนักของลูก
วันนี้ Baygift จึงจะพาพ่อแม่ทุกคน มารู้จักกันว่า คาร์ซีทมีทั้งหมดกี่แบบ แต่ละแบบมีข้อดี ข้อเสียอย่างไรบ้าง ไปดูกันเลย
คาร์ซีท ระบบติดตั้งมีกี่แบบ
เป็นเรื่องที่ต้องดูเป็นอันดับแรก ว่ารถที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบันสามารถติดตั้งคาร์ซีทได้ด้วยระบบใด ซึ่งการติดตั้งจะมีอยู่ 2 ระบบ ดังนี้…
- คาร์ซีทระบบ Belt
ระบบนี้สามารถติดตั้งได้กับรถยนต์ทุกรุ่น ทุกคัน แต่ขั้นตอนการติดตั้งค่อนข้างจะยุ่งยาก จึงต้องศึกษาคู่มืออย่างละเอียด หรือ ให้พนักงานผู้เชี่ยวชาญช่วยติดตั้งให้เลย
- คาร์ซีทระบบ Isofix
คือ ระบบการติดตั้งตามมาตรฐานยุโรป ติดตั้งง่าย ISOFIX จะมีในรถที่ผลิตในปี 2014 ขึ้นไป บางรุ่นที่เก่ากว่าปี 2014 ก็อาจจะมีเช่นกัน ดังนั้น ให้ลองสังเกตสัญลักษณ์ ISOFIX ที่เบาะด้านหลังว่ามีหรือไม่ หรือ หากไม่แน่ใจ ก็สามารถเอารุ่นรถ ปีรถ ไปสอบถามพนักงานผู้เชี่ยวชาญได้
คาร์ซีทเด็กมีกี่แบบ เลือกแบบไหนดี
คาร์ซีทแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ คือ คาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิด และ คาร์ซีทสำหรับเด็กโต
คาร์ซีทเด็กแรกเกิด มีดังนี้

- คาร์ซีทกระเช้า
คาร์ซีทแบบตระกร้าหิ้ว New Born Only คาร์ซีทประเภทนี้จะมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา สามารถถอดออกและถือหิ้วเหมือนตะกร้าได้ บางรุ่นสามารถนำไปใช้บนเครื่องบินหรือรถเข็นเด็กได้ด้วย แต่มักจะมีอายุการใช้งานที่สั้น ส่วนใหญ่แล้วจะนั่งได้ไม่เกิน 18 เดือน เพราะเมื่อลูกเริ่มโตขึ้น คาร์ซีทก็จะมีขนาดเล็กเกินไป จึงต้องรีบหาคาร์ซีทตัวใหม่มาทดแทน
ข้อดี
- มีน้ำหนักเบา ทำให้เคลื่อนย้ายได้ง่ายมาก
- สามารถถอดคาร์ซีทออกมาเดินถือได้เลย เวลาที่ลูกนอนหลับไม่ต้องปลุกลูก หรืออุ้มลูกออกจากคาร์ซีท ทำให้ลูกนอนหลับได้อย่างเต็มที่
- บางรุ่นปรับใช้งานได้หลายแบบ เช่น ใช้งานกับรถเข็น ทำให้สะดวกมากขึ้น หรือบางรุ่นปรับเป็นเปลนอนได้ด้วย
ข้อเสีย
- จากน้ำหนักที่เบาและรูปทรงเล็ก ทำให้โครงคาร์ซีทมีความบอบบาง กว่าคาร์ซีทประเภทอื่น
- เบาะ Support เด็กแรกเกิด จะมีชิ้นเล็กและบอบบางกว่าคาร์ซีทรุ่นอื่น
- ด้วยโครงที่เล็ก จึงใส่วัสดุรองรับแรงกระแทกได้ไม่เยอะ
- ระยะเวลาการใช้งานสั้น คาร์ซีทกระเช้าจะใช้งานได้จริงกับเด็กอายุไม่เกิน 1 ปี เพราะเด็กจะเริ่มตัวโตขึ้น มีความสูงเพิ่มขึ้นมากแล้ว

2. คาร์ซีทแบบ Convertible
สามารถใช้งานกับเด็กได้หลายช่วงอายุ มีฟังก์ชั่นความปลอดภัยมากขึ้น โครงใหญ่ขึ้น และปรับการใช้งานได้ 2 รูปแบบ คือ ปรับคาร์ซีทหันหน้าเข้าหาเบาะรถ (Rear-Facing) สำหรับเด็กแรกเกิด และปรับหันหน้าไปหน้ารถ (Forward facing) สำหรับเด็กโต
ข้อดี
- ใช้งานได้ยาวนานกว่าแบบกระเช้า เช่น 0-4 ปี, 0- 9 ปี , 0-12 ปี ทำให้ไม่ต้องเปลี่ยนคาร์ซีทให้ลูกบ่อย
- โครงสร้างใหญ่ ตัวเบาะกว้าง ทำให้ใส่วัสดุรองรับแรงกระแทกได้มากกว่าแบบกระเช้า
- มีเทคโนโลยีความปลอดภัยเพิ่มขึ้น ทำให้มีความปลอดภัยสูง
- มีฟังก์ชั่นหลากหลาย ทั้ง ความปลอดภัยและความสะดวกสบาย เช่น มีขาค้ำยัน, ช่องระบายอากาศ, หมุนได้ 360 องศา , มีที่พักเท้า, มีที่วางแก้ว
ข้อเสีย
- โครงคาร์ซีทใหญ่ ต้องใช้พื้นที่ในการติดตั้ง
- คาร์ซีทมีน้ำหนักเยอะ ไม่สามารถถอดออกแล้วเดินถือได้เหมือนคาร์ซีทแบบกระเช้า
คาร์ซีทแบบ Convertible แบ่งย่อยได้อีก 3 ประเภท ดังนี้…

2.1 คาร์ซีทแบบหมุนได้
คาร์ซีทแบบหมุนได้ 360 องศา ส่วนใหญ่จะเป็นคาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิด เพราะเด็กแรกเกิดบอบบาง ต้องระมัดระวังในการพาเข้าหรือออกจากคาร์ซีท การหมุนหันมาหาแม่ได้ จะช่วยให้อุ้มลูกขึ้นลงรถได้สะดวก ไม่เสี่ยงหกล้ม แม้ที่จอดรถจะแคบ นอกจากนี้ ยังติดตั้งครั้งเดียวจบ สามารถปรับใช้งานได้ ทั้งแบบหันหน้าเข้าหาเบาะรถ (Rear-Facing) และหันหน้าไปหน้ารถ (Forward facing) ได้เลย

2.2 คาร์ซีทแบบหมุนไม่ได้
คาร์ซีทประเภทนี้ส่วนใหญ่จะออกแบบเพื่อรองรับการใช้งานของเด็กโตด้วย จึงไม่มีฟังก์ชั่นการหมุนมาให้ และจะต้องติดตั้งใหม่ จากการนั่งหันหน้าเข้าหาเบาะรถ (Rear-Facing) ไปเป็นการนั่งหันหน้าไปหน้ารถ (Forward facing) แต่คาร์ซีทแบบนี้ จะใช้งานได้นานขึ้นกว่าแบบที่หมุนได้ บางรุ่นใช้ได้ถึง 12 ปี เลย

2.3 คาร์ซีทปรับนอนราบได้ และหมุนได้
คาร์ซีทแรกเกิดประเภทนี้ จะมีความพิเศษกว่าแบบอื่น เพราะปรับนอนราบได้สูงสุด 170 องศา และยังหมุนได้ด้วย เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิด เด็กเล็ก ที่ต้องเดินทางบ่อย นอกจากนี้ยังเหมาะกับเด็กที่คลอดก่อนกำหนดด้วย เพราะการปรับนอนราบ จะช่วยทำให้เด็กนั่งคาร์ซีทได้สบายขึ้น หายใจสะดวกขึ้น
คาร์ซีทเด็กโต มีดังนี้

- คาร์ซีทเด็กโต Forward Facing หรือ Combination Seat
เหมาะใช้เป็นคาร์ซีทตัวที่ 2 ให้กับลูก ใช้งานแบบหันหน้าไปหน้ารถอย่างเดียว บางรุ่นมีเข็มขัดนิรภัย 5 จุด และปรับเป็นบูสเตอร์ซีทได้ในตัวเดียว จึงใช้งานได้ยาวนาน ส่วนใหญ่จะใช้ได้ตั้งแต่อายุ 1 ปี – 12 ปี ตัวคาร์ซีทจะมีลักษณะเบาะกว้าง พนักพิงใหญ่และสูง เพื่อทำให้เด็กนั่งได้สบายและเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของเด็ก
ข้อดี
- โครงสร้างใหญ่ เบาะกว้าง ทำให้ลูกนั่งสบาย ไม่อึดอัด
- พนักพิงจะปรับความสูงได้เยอะ เพื่อรองรับสรีระเด็กได้ตามวัย
- บางรุ่นปรับเป็นบูสเตอร์ซีทได้ในตัวเดียว ใช้งานได้นาน
- วัสดุรองรับแรงกระแทกมีความแข็งแรง ทำให้คาร์ซีทมีความปลอดภัยสูง
ข้อเสีย
- บางรุ่นจะมีน้ำหนักเยอะ เคลื่อนย้ายไม่ค่อยสะดวก
- บางรุ่นไม่สามารถปรับเบาะเอนนอนได้ อาจทำให้เด็กนอนหลับไม่สบาย ควรเลือกแบบปรับเอนได้

- บูสเตอร์ซีท Booster seat
จะแบ่งย่อยได้ 2 แบบ คือ บูสเตอร์ซีทแบบมีพนักพิง และ บูสเตอร์ซีทแบบไม่มีพนักพิง
2.1 บูสเตอร์ซีท แบบไม่มีพนักพิง
จะเป็นเบาะรองนั่ง น้ำหนักเบา พกพาสะดวก ฟังก์ชั่นหลัก ๆ จะช่วยเพิ่มความสูงให้เด็ก ๆ เพื่อให้คาดเข็มขัดนิรภัยของรถยนต์ได้อย่างพอดี สายเข็มขัดไม่รัดคอ เหมาะกับเด็กอายุ 4 ปีขึ้นไป
ข้อดี
- น้ำหนักเบา พกพาสะดวก สามาถพกเดินทางไปต่างประเทศได้
ข้อเสีย
- ไม่มีพนักพิงรองรับสรีระ เด็กจะพิงเบาะรถยนต์แทน
- หากไม่มีตัวปรับสายเข็มขัด อาจทำให้เข็มขัดนิรภัยรัดจนเกินไป หรือ สายเข็มขัดอาจพาดที่คอของเด็กได้

2.2 บูสเตอร์ซีท แบบมีพนักพิง
บูสเตอร์ซีทมีพนักพิง จะช่วยให้นั่งสบายมากขึ้น นอกจากเพิ่มความสูงให้เด็ก ๆ คาดเข็มขัดนิรภัยของรถยนต์ได้อย่างพอดี สายเข็มขัดไม่รัดคอ ยังมีฟังก์ชั่นความปลอดภัยเสริมอีกด้วย เหมาะกับเด็กอายุ 4 ปีขึ้นไป
ข้อดี
- มีพนักพิงสูงใหญ่ หนานุ่ม จะช่วยให้เด็กนั่งพิงได้สบายมากขึ้น
- มีฟังก์ชั่นความปลอดภัยเสริม เช่น ซัพพอร์ตข้างศีรษะหนา กันกระแทกได้อย่างปลอดภัย
ข้อเสีย
- บางรุ่นมีน้ำหนักเยอะ อาจเคลื่อนย้ายบ่อยไม่สะดวก
- บูสเตอร์ซีทที่มีพนักพิง ตัวเบาะจะกว้าง ต้องใช้พื้นที่ในการติดตั้ง

สำหรับ ตำแหน่งที่ควรติดตั้งคาร์ซีทมากที่สุด
ในประเทศไทย ตำแหน่งในรถยนต์ที่ควรติดตั้งคาร์ซีทมากที่สุดก็คือ “เบาะหลังฝั่งคนนั่ง” ด้วยเหตุผลดังนี้…
- รถยนต์ในประเทศไทยขับฝั่งขวา ซึ่งก็จะทำให้ฝั่งขวาหรือฝั่งคนขับนั้น จะอยู่ฝั่งเดียวกันกับเกาะกลางถนน ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้มากกว่าฝั่งซ้ายที่จะอยู่ฝั่งเดียวกับฟุตบาท และในขณะที่พาลูกน้อยขึ้น-ลงรถฝั่งด้านซ้ายที่ติดกับฟุตบาทก็จะมีความสะดวกและปลอดภัยมากยิ่งกว่า
- ระยะห่างระหว่างเบาะกับคาร์ซีท ปกติแล้วคนขับควรจะปรับเบาะให้มีความสบายมากที่สุดสำหรับการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องความความสูงต่ำของเบาะ หรือการเอนหลังของพนักพิงเพื่อให้การขับขี่เป็นไปได้อย่างราบรื่นมากที่สุด และการปรับเบาะก็มีโอกาสที่จะทำให้ช่องว่างระหว่างคาร์ซีทกับเบาะติดกันเกินไป จึงไม่ควรที่จะติดตั้งคาร์ซีทในฝั่งที่นั่งด้านหลังของคนขับ เพราะจะทำให้ลูกน้อยเสี่ยงได้รับแรงกระแทกจากเบาะหน้าของคนขับไปด้วย
มาถึงตรงนี้ คุณพ่อคุณแม่คงเลือกได้แล้วใช้ไหมคะ ว่าจะให้ลูกใช้คาร์ซีทแบบไหนดี หากยังไม่แน่ใจ สามารถพาลูกน้อยมาลองนั่งคาร์ซีทได้ทุกรุ่น หรือ สอบถามเพิ่มเติมได้ ที่ร้านเบบี้กิ๊ฟ 5 สาขา ใกล้บ้าน หรือสอบถามผ่านช่องทาง Online ทีมงาน BabyGift ยินดีให้คำแนะนำค่ะ
คาร์ซีท มีกี่แบบ แบบไหนดี รับชมได้ที่นี่
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
BabyGift Grand Opening ฉลองเปิดสาขาใหม่ “ปิ่นเกล้า-ราชพฤกษ์” สาขาที่ 7 อย่างเป็นทางการตอกย้ำความเป็นผู้นำร้านจำหน่ายสินค้าแม่และเด็ก BabyGift พร้อมที่จะส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับคุณพ่อ-คุณแม่และลูกน้อยในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด ” The Best Gift for your Baby ” ขอขอบคุณ แบรนด์ Partner ผู้บริหาร และคณะกรรมการทุกท่านเป็นอย่างมาก ที่มาร่วมงาน และคอยสนับสนุนเบบี้กิ๊ฟอย่างดีตลอดมาค่ะ Attitude Mom Thailand : เครื่องปั๊มนม 5 โหมด อัจฉริยะ กรวยซิลิโคนแท้ Spectra Thailand เครื่องปั้มนม Iflin baby PUR Thailand Mellow for Kids ผ้ารองกันน้ำ100% เมลโล่ Bambies Thailand Baby Natura Beaba Thailand Luxury Baby […]
น้ำนมของแม่นั้นเป็นอาหารที่เปี่ยมคุณค่ามากที่สุดสำหรับลูกน้อย โดยเฉพาะในเด็กทารกที่อายุน้อยกว่า 6 เดือน ซึ่งจะต้องกินนมจากแม่เป็นหลัก สำหรับคุณแม่ที่อยู่บ้านเลี้ยงลูกเต็มเวลาก็อาจจะไม่ได้มีปัญหากับการสต็อกน้ำนมเอาไว้ เพราะเน้นการเอาลูกเข้าเต้าเป็นส่วนใหญ่ แต่สำหรับคุณแม่ที่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน การทำสต็อกน้ำนมเอาไว้นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะจะได้มีน้ำนมเอาไว้ให้ลูกน้อยอย่างเพียงพอ ในบทความนี้ BabyGift มีคำแนะนำดี ๆ เกี่ยวกับการเก็บรักษา นมแม่ มาฝากกันค่ะ จะเก็บน้ำนมอย่างไรให้ไม่เหม็นหืน ไม่บูด และคงคุณค่าทางอาหารเอาไว้ได้มากที่สุด มาดูกันเลยค่ะ ทำไมนมของแม่มีกลิ่นเหม็นหืน ? มีวิธีการเก็บรักษา นมแม่อย่างไรไม่ให้มีกลิ่นและคงคุณค่าได้นาน คุณแม่บางคนอาจพบว่านมที่ตนเองทำการสต็อกไว้นั้นมีกลิ่นเหม็นหืน ซึ่งมักจะเกิดกับนมที่เก็บไว้ในช่องแช่แข็งในตู้เย็นที่มีระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ เนื่องจากในช่วงที่ระบบละลายน้ำแข็งทำงาน นมที่แช่แข็งเอาไว้ก็จะละลายไปด้วย และเมื่อช่องแช่แข็งกลับมาเย็นจัดใหม่ ก็ทำให้น้ำนมแข็งตัวอีกครั้ง กระบวนการนี้หากเกิดขึ้นซ้ำหลาย ๆ ครั้งก็จะทำให้ไขมันในน้ำนมมีการเปลี่ยนแปลงและทำให้นมมีกลิ่นเหม็นหืนได้นั่นเองค่ะ ดังนั้นแล้วการเก็บรักษานมแม่ ในตู้เย็นที่มีระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติแบบนี้ ก็เสี่ยงจะทำให้น้ำนมที่เก็บเอาไว้มีกลิ่นเหม็นหืนได้ สาเหตุที่นมแช่แข็งละลายมาเป็นน้ำนมแล้วมีกลิ่นเหม็นหืน ก็เพราะว่าในน้ำนมของแม่มีเอ็นไซม์ไลเปส ที่จะช่วยย่อยไขมันในน้ำนมของแม่ให้แตกตัวเป็นโมเลกุลเล็กๆ เพื่อผสมกับโปรตีนเวย์ในน้ำนมได้ดี ทำให้ร่างกายของลูกน้อยดูดซึมวิตามิน A และวิตามิน D ได้มากขึ้น ถ้าในน้ำนมของแม่มีไลเปสมากก็จะย่อยไขมันได้มาก ทำให้น้ำนมมีกลิ่นหืนนั่นเองค่ะ ทั้งนี้ แม้ว่าจะมีกลิ่นหืนก็ไม่เป็นอันตรายต่อลูกน้อยแต่อย่างใด ยังสามารถกินได้ แต่ในเด็กบางคนอาจไม่ยอมกินนมที่มีกลิ่นหืน สามารถแก้ไขได้โดยการนำน้ำนมที่ปั๊มมาใหม่ๆ ผสมกับนมที่มีกลิ่น ก็จะช่วยเจือจางกลิ่นและลดความเหม็นหืนไปได้ […]
บ้านไหน ? กำลังวางแผนซื้อรถเข็นให้ลูกอยู่บ้างเอ่ยยย พ่อแม่หลายคนถาม หมอแอม เข้ามากันเยอะมาๆๆ ว่าเวลาซื้อรถเข็นให้ลูกควรดูเรื่องอะไรบ้าง เลือกรถเข็นให้ลูกยังไง? ให้เหมาะกับสถานการณ์โควิด และสภาพแดดบ้านเราแบบนี้ ?? วันนี้ หมอแอม มีหลักการเลือกรถเข็นเด็ก ง่ายๆ สไตล์คุณหมอมาฝากกันค่ะ จะมีเคล็ดลับอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ ตั้งแต่ปี 2019 จนถึงช่วงนี้ที่มีสถานการณ์โควิดระบาด และคิดว่าน่าจะอยู่กับเราไปอีกสักพัก เด็กเล็ก 0-2 ขวบที่ยังใส่แมสก์เหมือนผู้ใหญ่ไม่ได้ คำแนะนำของสมาคมกุมารแพทย์สหรัฐอเมริกา และกรมอนามัย คือ แนะนำว่าเด็กเล็กๆให้หาผ้าคลุม หรือใช้รถเข็นเด็กแล้วคลุมผ้าไว้แทนการใส่แมสก์ได้ค่ะ ทีนี้จะเลือกรถเข็นยังไงล่ะ? ให้เหมาะกับลูก เหมาะกับบ้านเรา และเหมาะกับสถานการณ์โควิด หรือสารพัดโรคระบาดของเด็กเล็กได้ วันนี้หมอแอมมีหลักการเลือกรถเข็นเด็กมาฝากค่ะ หลักการเลือกรถเข็นเด็ก 5 ข้อ เพจเรื่องเด็กๆ by หมอแอม 1) อันดับแรกที่ หมอแอม ดู คือ โครงสร้างต้องแข็งแรง และมีระบบลดการสั่นสะเทือน […]
1.เลือกจากประเภทการใช้งานให้เหมาะสมกับสรีระและน้ำหนักของเด็กค่ะโดยทั่วไปรถเข็นจะแบ่งออกเป็นสองประเภทคือ 2. วัสดุโครงสร้างของรถเข็นเด็กต้องแข็งแรงและที่สำคัญน้ำหนักต้องเบาเพราะว่าบางครั้งคุณแม่อาจจะต้องเดินทางโดยลำพังกับลูกน้อย นอกจากนี้เบาะที่สัมผัสของตัวน้องควรทำจากวัสดุที่นุ่มสบายเพื่อให้เด็กนั่งได้นาน อีกทั้งยังต้องมีคุณสมบัติในการระบายความร้อนที่ดีเนื่องจากอากาศที่เมืองไทยค่อนข้างร้อนและระบบปรับอุณหภูมิในเด็กเล็กนั้นยังทำงานได้ไม่ดีนักทำให้เด็กจะร้อนและเหงื่อออกได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ 3. ล้อต้องเป็นล้อที่สามารถหมุนได้สะดวกและแข็งแรง เพราะจะทำให้การเคลื่อนตัวของรถเข็นคล่องตัวขึ้นแม้ว่าคุณแม่จะต้องเข็นรถในที่ที่แคบ 4. โครงสร้างของผลิตภัณฑ์ต้องออกแบบมาเพื่อรักษาให้ขาและข้อต่อสะโพกอยู่ในรูปทรงตามธรรมชาติโดยประคองขาและข้อต่อสะโพกในอยู่ในรูปทรงตัว“M” ซึ่งเป็นท่าที่จะทำให้ขาและสะโพกของลูกน้อยมั่นคงที่สุดรวมทั้งจะส่งเสริมการเจริญเติบโตของกระดูกทั้งสองส่วนให้เป็นไปตามธรรมชาติที่ดีที่สุด 5. มีหลังคาที่สามารถปกป้องลูกน้อยจากแสงแดดและรังสียูวีเพราะผิวหนังของเด็กนั้นยังบอบบางโดยที่บังแดดควรจะปรับได้ตามทิศทางของแสงแดดที่ปรับเปลี่ยนตามช่วงเวลาในแต่ละวัน นอกจากนี้ที่บังแดดยังช่วยบังลมให้ลูกน้อยได้อีกด้วย 6. โครงสร้างของรถเข็นเด็ก ต้องออกแบบมาเพื่อปกป้องระบบการหายใจในกรณีที่เด็กอาจจะเผลอหลับบนรถเข็น โดยมีเบาะที่จะทำให้ศีรษะเด็กไม่เคลื่อนที่และป้องกันการบิดของลำคอจึงช่วยป้องกันภาวะหยุดหายใจขณะหลับเนื่องจากทางเดินหายใจอุดกั้น 7. ข้อสำคัญอีกประการก็คือหากคุณใช้รถเข็นเด็กแรกเกิด ควรจะเลือกประเภทที่สามารถหันที่นั่งรถเอาหาตัวคุณแม่ได้ เนื่องจากเด็กเล็กต้องการความเอาใจใส่จากแม่เป็นพิเศษ เมื่อน้องออกไปข้างนอกเขาต้องการจะมองเห็นคุณแม่เพื่อความอุ่นใจค่ะ แต่ถ้าเป็นเด็กโตแล้ว เด็กจะให้ความสนใจกับสิ่งรอบตัวซึ่งในวัยนี้คุณแม่อาจจะปรับที่นั่งรถเข็นให้มองออกไปข้างนอกได้ค่ะ หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้จากผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำปรึกษาและคำแนะนำอย่างถูกต้อง
เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่มือใหม่หลาย ๆ คนคงเคยฝึกการอาบน้ำเด็กอ่อนจากคลินิกฝากครรภ์ หรือ จากโรงพยาบาลมาก่อน ซึ่งเป็นทักษะสำคัญที่ต้องเรียนรู้อย่างหนึ่งสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ เพื่อที่จะได้อาบน้ำสระผมให้กับลูกน้อยของเราอย่างถูกวิธีและมีความปลอดภัย ซึ่งการอาบน้ำเด็กแรกเกิดนั้น ก็มีขั้นตอนและวิธีการที่ไม่ยากจนเกินไป เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่มือใหม่สามารถทำตามได้อย่างแน่นอน อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมมีอะไรบ้าง มีขั้นตอนอย่างไร ต้องระวังเรื่องไหนเป็นพิเศษบ้าง ในบทความนี้เรามีข้อมูลดีๆ มาฝากค่ะ ชวนคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ มาดูขั้นตอนการอาบน้ำเด็กแรกเกิดยังไง ให้ถูกวิธี คุณพ่อคุณแม่มือใหม่บางคนอาจจะมีความกังวลในเรื่องของการอาบน้ำให้เด็กอ่อนหรือ เด็กแรกเกิด เพราะว่าเด็กเล็กนั้นมีร่างกายบอบบาง ยังไม่แข็งแรง หากอาบน้ำไม่ถูกวิธีก็อาจจะทำให้ลูกน้อยของเราไม่สบายได้ อย่างไรก็ตาม การทำความสะอาดชำระร่างกาย และดูแลสุขอนามัยของเด็กแรกเกิดนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลยค่ะ เพียงแต่ว่าเด็กเล็กมีผิวที่บอบบาง จึงเสี่ยงต่อการระคายเคืองได้ง่าย ทั้งนี้ เด็กเล็กยังมีภูมิคุ้มกันต่ำ จึงอาจไม่สบายได้ง่าย คุณพ่อคุณแม่มือใหม่จึงจำเป็นที่จะต้องรู้วิธีอาบน้ำเด็กแรกเกิด ที่ถูกต้องและเหมาะสมกับวัยของลูกน้อย แล้วจะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง อุปกรณ์ที่ต้องใช้มีอะไรบ้าง มีวิธีการอย่างไร มาดูกันเลยค่ะ อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมสำหรับการอาบน้ำเด็กแรกเกิด วิธีอาบน้ำเด็กแรกเกิดอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ทำตามได้ไม่ยาก 1. ให้คุณแม่ หรือ คนที่จะอาบน้ำให้เด็ก เตรียมตัวให้พร้อมผู้ที่จะอาบน้ำให้เด็กเล็กควรถอดเครื่องประดับออกให้หมด ทั้งนาฬิกา แหวน สร้อยข้อมือ เพื่อป้องกันไม่ให้ไปขีดข่วนโดนตัวเด็ก พร้อมกับล้างมือถูสบู่ให้สะอาดก่อนอาบน้ำให้เด็กทุกครั้ง ทั้งนี้ คุณพ่อคุณแม่ หรือ ผู้ดูแลควรตัดเล็บให้สั้นอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการข่วนผิวหนังของเด็กด้วยค่ะ […]
ไขข้อข้องใจที่ใครๆหลายๆคน พูดกันว่า ทำไม คาร์ซีท Ailebebe แพง ! มาดูกันสิว่าแพงเพราะอะไร แล้วที่ว่าแพงจริงหรือไม่ คาร์ซีท Ailebebe ทุกตัว จะถูกผลิตขึ้นจากโรงงานผู้ผลิตที่ญี่ปุ่นโดยตรง โดยมีแรงงานซึ่งเป็นคนญี่ปุ่นที่มีความชำนาญและเชี่ยวชาญสูง จึงทำให้ประสิทธิภาพในการใช้งานและค่าแรงสูงตามไปด้วย คาร์ซีท เหมือนกัน…แต่วัสดุภายในไม่เหมือนกันAilebebe เราไม่ได้เลือกใช้วัสดุอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่เราเลือกใช้วัสดุที่หลากหลาย มาช่วยรองรับแรงกระแทกที่ต่างกัน…อ่านซักนิดก่อนซื้อ คาร์ซีท ให้ลูก ส่วนประกอบของ คาร์ซีท มาตรฐานความปลอดภัย การผลิต คาร์ซีท ไม่ได้มองเพียงแค่เรื่องตวามสะดวกหรือความถูกต้องในการติดตั้งเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการลดการเคลื่อนที่หน้า-หลังของ คาร์ซีท ในขณะเกิดอุบัติเหตุ ที่ส่งผลให้เด็กได้รับบาดเจ็บได้อีกด้วย จึงมีการคิดค้นการติดตั้งด้วยระบบ ISOFIX และ Belt ที่ต้องสามารถตอบโจทย์ได้ทั้ง 2 ข้อ จึงเป็นที่มาของการแยกออกเป็น 2 รุ่นย่อย ดังนั้น คาร์ซีท Ailebebe ถึงราคาจะแพง แต่คุ้มค่า คุ้มเกินราคา เมื่อเปรียบเทียบกับนวัตกรรมด้านการปกป้อง ทั้งโครงสร้าง วัสดุรองรับแรงกระแทก และการติดตั้งมาตรฐานสากล กับความปลอดภัยในการเดินทางอย่างปลอดภัยของลูกน้อยที่คุณรัก

ร้านสินค้าแม่และเด็กที่คัดสรรนวัตกรรมของใช้แม่และเด็กที่มี
คุณภาพให้คำปรึกษาและบริการ อย่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อช่วยให้การเลี้ยงลูกเป็นเรื่องง่าย ปลอดภัย และมีความสุข
Online Shopping
สาขา ปิ่นเกล้า ราชพฤกษ์
สาขา Mega บางนา
สาขา Central World
สาขา BTS วงเวียนใหญ่ (Outlet)
Copyright 2024 © Baby Gift (Retail) Co., Ltd.