Baby Checklist เตรียมให้พร้อมก่อนคลอด ของใช้ทารก ต้องมีอะไรบ้าง

คุณแม่มือใหม่ขอให้ยกมือขึ้น! ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับว่าที่คุณแม่ทุกคนด้วยนะคะ มั่นใจเลยว่า ตอนนี้คุณแม่ทั้งหลายต้องกำลังรู้สึกหัวหมุนติ้วๆ กับการเตรียมของให้ลูกน้อยอยู่แน่ๆ เพราะไอเท็มที่วางขายอยู่ในท้องตลาดนั้นมีเป็นล้านแปดพันเก้า อันนี้ก็น่ารัก อันนี้ก็ดูจำเป็น แต่ถ้าเราจะซื้อทุกอย่างก็คงไม่ไหว สำหรับบทความนี้ เราก็เลยนำเช็คลิสต์แบบครบถ้วนทุกหมวดมาฝากกันค่ะ มาดูกันดีกว่าว่าคุณแม่ยังขาดอะไรไปบ้าง

1. หมวดการนอน
- เบาะนอน : ควรจะเป็นเบาะที่ไม่นิ่มจนเกินไป เพราะลูกน้อยยังคอไม่แข็ง เบาะที่นิ่มอาจทำให้หน้าจมลงไปในเบาะได้ค่ะ
- หมอนกันกรดไหลย้อน : หมอนประเภทนี้เป็นตัวช่วยชั้นดี เพราะระบบย่อยของลูกจะยังทำงานได้ไม่ดีพอ
- หมอนข้าง : ใช้ช่วยจัดท่าให้ลูกน้อยเวลานอน หรือใช้กั้นเพื่อความปลอดภัยของลูกน้อยก็ได้ค่ะ
- ผ้าห่อตัว : ตอนนอนนั้นทารกมักจะชอบผวา ผ้าห่อตัวเป็นตัวช่วยชั้นดี เหมือนมีแม่กอดตลอดเวลา
- เปล/เตียงเด็ก : เปลจะช่วยให้ลูกน้อยหลับง่ายขึ้น และสบายขึ้นด้วยค่ะ แถมยังเป็นตัวช่วยสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ชอบนอนดิ้นไม่ให้ไปทับลูกน้อยด้วยนะคะ

2. หมวดให้นม
- เครื่องปั๊มนม : ตัวช่วยมือหนึ่งเพื่อให้คุณแม่ทำสต็อกนม
- กรวยซิลิโคน : กรวยซิลิโคนจะใช้รองน้ำนมอีกข้างในขณะที่ลูกน้อยกำลังดูดอีกข้างนึงอยู่ค่ะ
- ถุงเก็บน้ำนม : ถุงเก็บน้ำนมจะต้องเป็นชนิดที่หนาหน่อย เพราะคุณแม่จะต้องนำไปแช่แข็งเพื่อทำสต็อก ถ้าบางไปอาจขาดได้นะ
- ขวดนม/จุกนม : ขวดนมควรจะมีอย่างน้อย 2-3 ขวด สำหรับลูกน้อยแรกเกิด ให้ใช้ขวดขนาด 4 ออนซ์ ส่วนจุกนมก็ไซส์ XS หรือ S พอนะคะ
- เครื่องนึ่งขวดนม : เมื่อคุณแม่ล้างขวดแล้ว ก็ต้องนำมานึ่งซะก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าจะสะอาดหมดจด
- ที่ล้างขวดนม : ใช้เป็นแปรงที่มีแปรงแยกสำหรับล้างจุกนมด้วยยิ่งดีค่ะ
3. หมวดการกิน
- เครื่องบดอาหาร : เครื่องบดอาหารจะช่วยเบาแรงคุณแม่ได้มาก แถมยังบดละเอียด ไม่ต้องห่วงว่าจะมีเศษอาหารติดคอลูกน้อยเลยค่ะ
- ช้อนส้อม : ช้อนส้อมควรจะมีขนาดเล็ก สำหรับเด็กเล็กควรจะเป็นช้อนที่ทำมาจากซิลิโคนนะ
- ถ้วยชาม : ถ้วยชามเป็นถ้วยแบบหลุมเดียวก่อนก็พอค่ะ พอน้องโตแล้วค่อยซื้อแบบหลายหลุม
4. หมวดอาบน้ำ/สุขอนามัย
- สบู่/แชมพูสำหรับเด็ก : แนะนำให้ใช้สบู่ที่เป็นแชมพูในตัว อย่าลืมดูสูตรอ่อนโยนและไม่ระคายเคืองตาด้วยนะคะ
- ผ้าเช็ดตัว : ผ้าเช็ดตัวลูกน้อยควรเป็นผ้าใยไผ่หรือผ้าสาลูค่ะ เพราะว่าไม่มีขนที่อาจหลุดมาติดตามตัวลูกน้อยได้
- แปรงเหงือก/แปรงสีฟันเด็ก : ไอเท็มนี้สำคัญมาก เพราะหลังดื่มนม คุณแม่ควรแปรงเหงือกหรือฟันให้ลูกน้อย เพื่อไม่ให้ฟันผุในอนาคตค่ะ
- กะละมัง : กะละมังควรจะเป็นวงรี เพื่อให้สามารถอาบน้ำให้น้องได้สะดวกค่ะ
- ผ้าอ้อมสำเร็จรูป : ผ้าอ้อมสำเร็จรูปที่ดีจะต้องไม่ระคายเคืองผิว และซึมซับได้เยี่ยม เพื่อไม่ให้หนูน้อยรู้สึกเฉอะแฉะ
- บวบขัดตัว/ฟองน้ำ : อย่าลืมเลือกที่เป็นสำหรับเด็กด้วยนะคะ เพราะไม่งั้นอาจจะแข็งเกินไปสำหรับผิวลูกน้อยค่ะ
5. หมวดการแต่งตัว
- เสื้อผ้า : เสื้อผ้าก็ตามสไตล์ที่คุณแม่ชอบได้เลย
- ถุงเท้า : ตอนลูกน้อยยังเล็ก เราจะยังไม่ใส่รองเท้าให้ แต่ใส่เป็นถุงเท้าแทนค่ะ เพื่อให้เค้าไม่เย็นเท้า
- รองเท้า : รองเท้าควรจะเป็นแบบใส่ง่ายถอดง่าย ไม่หนัก และมีพื้นนิ่ม
- ถุงมือ : ถุงมือนี้จะใช้แค่ช่วงแรกๆ ก็พอ เพื่อกันไม่ให้น้องเอาเล็บมาข่วนหน้าค่ะ
- หมวก : หมวกไว้ใส่กันลมเวลาออกไปข้างนอก หรืออยู่ในห้องแอร์ค่ะ
6. หมวดเดินทาง
- เสื้อผ้า : เสื้อผ้าก็ตามสไตล์ที่คุณแม่ชอบได้เลย
- ถุงเท้า : ตอนลูกน้อยยังเล็ก เราจะยังไม่ใส่รองเท้าให้ แต่ใส่เป็นถุงเท้าแทนค่ะ เพื่อให้เค้าไม่เย็นเท้า
- รองเท้า : รองเท้าควรจะเป็นแบบใส่ง่ายถอดง่าย ไม่หนัก และมีพื้นนิ่ม
- ถุงมือ : ถุงมือนี้จะใช้แค่ช่วงแรกๆ ก็พอ เพื่อกันไม่ให้น้องเอาเล็บมาข่วนหน้าค่ะ
- หมวก : หมวกไว้ใส่กันลมเวลาออกไปข้างนอก หรืออยู่ในห้องแอร์ค่ะ
7. หมวดฝึกพัฒนาการ
- โมบาย : โมบายจะช่วยเรื่องการมองเห็นและดึงความสนใจของลูกน้อย ถ้ามีเสียงด้วยก็จะเพิ่มความเพลิดเพลินเข้าไปอีกนะ
- ของเล่นฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็ก : เช่น ตุ๊กตาบีบ ซึ่งจะช่วยให้น้องได้บีบ จับ ฝึกนิ้วไปเรื่อยๆ ค่ะ
- ยางกัด : พอฟันลูกน้อยเริ่มจะขึ้น เค้าก็จะคันเหงือกค่ะ จะสังเกตว่าเค้าจะชอบเอามือหรือของเข้าปาก เพราะงั้น ยางกัดนี่แหละจะเป็นตัวช่วยอันดับหนึ่ง
8. หมวดสุขภาพ/ดูแล
- ยาสามัญประจำบ้าน : เช่น ยาแก้ท้องอืด ยาแก้ไข้ แต่อย่าลืมว่าต้องสำหรับเด็กด้วยนะคะ
- ที่ฝนเล็บ/ที่ตัดเล็บ : เมื่อเล็บลูกน้อยยาว อย่าลืมตัดเล็บแล้วฝนให้เค้าด้วยน้า
9. หมวดปกป้องลูกน้อย
- สติกเกอร์ไล่ยุง : เนื่องจากยากันยุงจะมีสารพิษ เพราะฉะนั้นสติกเกอร์ไล่ยุงจะมีประโยชน์มากๆ เลยค่ะ คุณแม่สามารถติดไว้ตามเตียงหรือโต๊ะได้เลย
- ที่รองคลาน : ที่รองคลานจะช่วยให้น้องไม่เจ็บเข่า แถมยังคลานสนุกอีกด้วย
- ที่กันเข่าด้าน : สำหรับคุณแม่ที่ไม่มีที่รองคลาน อาจจะซื้อที่กันเข่าด้านให้น้อง เพื่อให้น้องไม่เจ็บเข่า แล้วก็ช่วยให้เข่าไม่ด้านด้วยนะคะ
10. หมวดทำความสะอาด
- น้ำยาฆ่าเชื้อ : ใช้สำหรับเช็ดตามจุดต่างๆ เช่น โต๊ะ
- กระดาษเปียก : กระดาษเปียกควรเลือกที่เป็นสำหรับเด็ก คุณแม่สามารถใช้เช็ดมือ เช็ดหน้า หรือเช็ดก้นลูกน้อยได้ แถมยังเช็ดพวกสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ได้อีกด้วย
- แอลกอฮอล์ : ใช้เช็ดทำความสะอาดของใช้ต่างๆ ก่อนให้ลูกน้อยสัมผัส
- สำลีก้าน/สำลีก้อน : ใช้เช็ดทำความสะอาดลูกน้อย อย่าลืมว่าสำลีก้านจะต้องเป็นหัวขนาดเล็กที่สุดด้วยนะคะ
และนี่ก็คือเช็คลิสต์ของสำคัญที่คุณแม่ขาดกันไม่ได้เลยค่า ทั้งนี้ทั้งนั้น อยากให้คุณแม่จำไว้เสมอว่า การซื้อสินค้าสำหรับลูกทุกครั้งนั้นควรคำนึงหลายๆ เรื่อง ไม่ใช่แค่เรื่องของราคา แต่เป็นเรื่องของคุณภาพ และการใช้งานในระยะยาวด้วยน้า
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
เชื่อว่าคุณแม่ร้อยทั้งร้อยที่อ่านบทความนี้อยู่อยากให้ลูกน้อยคลอดออกมามีผิวสวยสุขภาพดีอย่างแน่นอน ถึงเราจะอยากให้ลูกออกมาผิวขาวใสแค่ไหน ก็อย่าไปเชื่อคำโฆษณาอาหารเสริมต่าง ๆ นะคะ เพราะอาหารเสริมบางตัวไม่เหมาะกับคุณแม่ตั้งครรภ์อย่างยิ่ง คุณแม่บ้านไหนอยากให้ลูกผิวดี ลองมาดูอาหารง่าย ๆ ไม่ต้องจ่ายเงินแพง ๆ แถมยังหาซื้อได้ทั่วไปกันดีกว่า 1. ถั่วเหลือง ถั่วเหลืองนั้น นอกจากจะแหล่งโปรตีนที่ทรงคุณค่าไม่แพ้นมวัวแล้ว นมถั่วเหลืองยังเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีชื่อว่า “ไอโซฟลาโวน” ซึ่งเจ้าสารต้านอนุมูลอิสระตัวนี้นี่แหละค่ะที่จะไปช่วยกำจัดอนุมูลอิสระภายในร่างกาย ชะลอความเสื่อมของเซลล์ต่าง ๆ ซึ่งไม่ได้มีผลแค่กับคุณแม่นะ แต่ยังส่งผลไปถึงคุณลูกด้วย อาหารที่ประกอบด้วยถั่วเหลืองง่าย ๆ ก็เช่น น้ำเต้าหู้ เต้าหู้ หรือนมถั่วเหลืองที่คุณแม่สามารถหาซื้อได้ทั่วไปเลย นอกจากนี้ถั่วเหลืองยังมีกรดอะมิโนที่มีส่วนช่วยทำให้มีผิวกระจ่างใสอีกด้วย 2. ผลไม้สดและน้ำผลไม้ ข้อนี้เดาได้ง่าย ๆ เลยใช่มั้ยล่ะคะ ก็แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงเรื่องผิวสวยแล้ว สิ่งที่เราขาดไม่ได้เลยก็คือผลไม้ รวมถึงน้ำผลไม้ (ขอแบบแท้ 100% ไม่ผสมน้ำตาลด้วยนะ) และถ้าจะให้ดีกว่าเดิม เราขอแนะนำให้คุณแม่ทานผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น สับปะรด ส้ม เพราะเจ้าพวกผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวเหล่านี้จะมีกรดซิตริกที่ค่อนข้างสูง แถมยังอุดมด้วยวิตามินซี ซึ่งเป็นวิตามินที่จะมาช่วยเรื่องผิวโดยตรงเลยค่ะ ยิ่งไปกว่านั้น! นอกจากผลไม้และน้ำผลไม้รสเปรี้ยวจะช่วยบำรุงให้ผิวลูกน้อยคุณแม่แล้ว สารอาหารในผลไม้พวกนี้ยังช่วยฟื้นฟูผิวของตัวคุณแม่ด้วย คุณแม่บ้านไหนที่นอนไม่หลับ สิวขึ้น ผดขึ้น ลองมาทานผลไม้กันดูนะ […]
คาร์ซีทนั้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับลูกน้อย และต้องใช้ตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึงวัยที่สามารถรัดเข็มขัดนิรภัยขณะนั่งรถได้อย่างปลอดภัย และคาร์ซีทเองก็มีอยู่หลายแบบ หลายยี่ห้อ และหลายราคาเช่นกัน ซึ่งคาร์ซีทที่เป็นของใหม่นั้น คุณพ่อคุณแม่บางท่านก็อาจจะมองว่ามีราคาสูงเกินไป และต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย ก็เลยมองหาคาร์ซีทมือสองที่มีราคาย่อมเยากว่า โดยเฉพาะคาร์ซีทแบรนด์ดังจากประเทศญี่ปุ่นแบบมือสองที่มีราคาย่อมเยากว่าของใหม่มาก และดูจากสภาพภายนอกก็ยังมีความใหม่ ไม่เก่า และน่าใช้ แต่ความจริงแล้ว เราควรใช้คาร์ซีทแบบมือสองหรือเปล่า ? จะเลือกอย่างไร ? คุณภาพจะดีหรือไม่ ต้องพิจารณาอย่างไร มาอ่านเพิ่มเติมกันเลยค่ะ ควรซื้อไหม คาร์ซีทมือสอง ? แชร์สิ่งต้องรู้ก่อนซื้อคาร์ซีทแบบมือสอง ในบทความนี้กัน ! เคยสงสัยกันมั้ยคะว่า ทำไมคาร์ซีทแบรนด์ดังนำเข้าจากญี่ปุ่นทั้งหลายที่ขายกันตามท้องตลาดในราคาสองสามหมื่นบาทนั้น เมื่อเป็นคาร์ซีทมือสองก็ยังคงมีสภาพเยี่ยมเหมือนใหม่แถมยังดูน่าใช้ ที่สำคัญคือขายกันในราคาแค่ไม่กี่พันบาทเท่านั้น เรียกได้ว่าทั้งสภาพ และราคาดูมีความน่าสนใจ ดูมีความคุ้มค่ามากๆ จนหลายคนอยากซื้อมาใช้ให้ลูกนั่งกันเลยทีเดียว แต่ความจริงก็คือ คาร์ซีทมือสองญี่ปุ่นเป็นสิ่งที่คนญี่ปุ่นเค้าไม่ใช้กันแล้ว เรียกง่ายๆ ก็คือ เป็นของที่เค้าเอาทิ้งกันแล้วนั่นเอง แต่ด้วยเทคนิคการทำความสะอาดขั้นเทพของคนญี่ปุ่นที่ไม่ว่าของจะเก่า เลอะเทอะ เปรอะเปื้อนแค่ไหน ไม่ว่าจะมีคราบเลือด คราบอาเจียน มีเชื้อรา มีกลิ่นเหม็นจากปัสสาวะเด็ก หรือมีคราบสิ่งสกปรกอื่นๆ หรือสีซีดจางขนาดไหนก็สามารถนำมาทำความสะอาดให้ดูเหมือนใหม่ได้ ทำให้คาร์ซีทที่ถูกใช้มานานหลายปียังดูสะอาดและสวยสภาพดีไม่ต่างจากของใหม่นั่นเองค่ะ และถ้าเป็นแบบนี้ะถ้าเป็นแบบนี้ คาร์ซีทมือสอง ปลอดภัยจริงหรือ ? ควรซื้อมาใช้หรือไม่ เรามาดูกันต่อเลยค่ะ ในขั้นตอนการทำความสะอาดคาร์ซีทที่สกปรกมากๆ […]
ลูกควรเลิกใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปเมื่อไหร่? อยากฝึกให้ลูกนั่งกระโถน นั่งชักโครกขับถ่ายเองได้เริ่มเมื่อไหร่ดี? คงเป็นคำถามที่คุณพ่อคุณแม่มักสงสัยกันใช่ไหมคะ เพราะการฝึกลูกให้เลิกใส่ผ้าอ้อม ฝึกลูกนั่งกระโถน ไปจนฝึกให้เข้าห้องน้ำเองได้ก่อนที่จะเข้าโรงเรียน ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกพร้อมที่จะเลิกใส่ผ้าอ้อม พร้อมนั่งกระโถนแล้ว มาเช็กกันเลยค่ะ ทำไมต้องฝึกลูกเรื่องขับถ่าย การฝึกลูกขับถ่ายให้เหมาะสม จะช่วยส่งเสริมให้ลูกมีพัฒนาการทางร่างกาย อารมณ์ ที่เหมาะสมตามวัย รวมถึงเป็นการปลูกฝังด้านสุขอนามัย ความสะอาด รู้จักร่างกายตัวเอง และรู้จักการช่วยเหลือตัวเองในเบื้องต้นได้ หากพ่อแม่ไม่สอนลูกเรื่องการขับถ่าย ปล่อยให้ขับถ่ายในผ้าอ้อมไปจนโต จะทำให้ลูกมีการขับถ่ายที่ไม่เหมาะสมตามวัย เมื่อลูกต้องไปโรงเรียน จะทำให้มีปัญหาในการดูแลความสะอาด อาจเกิดการขับถ่ายเล็ดราด หรือยังต้องใส่ผ้าอ้อมจนอึดอัด ส่งผลเสียต่อการเรียนรู้ ส่งผลต่อพัฒนาการตามวัยได้ ฝึกลูกนั่งชักโครก เลิกใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปได้ตอนไหน? วัยที่มีพัฒนาการและพฤติกรรมพร้อมพี่จะเริ่มฝึกได้ ควรเริ่มเมื่ออายุ 1 ปี – 1 ปี 6 เดือน และมักจะทำได้ดีตอนอายุ 2 ปี หรือเด็กบางคนอาจจะมาฝึกตอนอายุ 2 ปี และนั่งกระโถนได้เองตอนอายุ 3 ปี หรือบางคนอาจทำได้เมื่อโตกว่านั้น ขึ้นอยู่กับความพร้อมและสัญญาณต่าง ๆ ที่แสดงออกมาทั้งทางร่างกาย การสื่อสาร และความต้องการของลูก ไม่ควรเกิดจากการบังคับลูก 8 สัญญาณที่บอกว่าลูกพร้อมนั่งกระโถนเองได้แล้ว 7 เทคนิคฝึกลูกขับถ่าย […]
พัฒนาการของเด็ก แบ่งได้หลายแบบ โดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 4 ด้านใหญ่ๆ คือ เด็กปกติทั่วไปจะมีลำดับขั้นของพัฒนาการใกล้เคียงกัน ถ้าเด็กมีพัฒนาการล่าช้าเกิน 6 เดือนขึ้นไป ถือว่ามีความผิดปกติบางอย่างที่ต้องรีบช่วยเหลือ และกระตุ้นพัฒนาการอย่างเร็วที่สุด พัฒนาการปกติในแต่ละช่วงวัยเป็นดังนี้ พัฒนาการด้านกล้ามเนื้อมัดใหญ่ (Gross Motor Development) ช่วงวัย พัฒนาการ แรกเกิด งอแขนขา, เคลื่อนไหวเท่ากัน 2 ด้าน 1 เดือน หันหน้าซ้ายขวา 2 เดือน ชันคอ 4 เดือน ยกแขนดันตัวชูขึ้นในท่าคว่ำ 6 เดือน คว่ำหงายได้เอง 9 เดือน นั่งได้มั่นคง, คลาน, เกาะยืน 12 เดือน เกาะเดิน 15 เดือน เดินเองได้ 18 เดือน วิ่ง, ยืนก้มเก็บของ 2 ปี เตะลูกบอล, กระโดด 2 เท้า 3 ปี ขึ้นบันไดสลับเท้า, ถีบรถ 3 ล้อ 4 ปี ลงบันไดสลับเท้า, กระโดดขาเดียว 5 […]
คาร์ซีท Ailebebe นวัตกรรมสุดล้ำ ปกป้องลูกน้อยได้ดีที่สุด คาร์ซีท เป็นผลิตภัณฑ์จำเป็นสำหรับเด็กชนิดหนึ่ง ที่พ่อแม่ต้องมั่นใจเป็นอย่างมากก่อนการตัดสินใจ ว่าสินค้านี้จะปลอดภัยมากเพียงพอในการปกป้องดูแลลูกน้อยตลอดการเดินทาง แบรนด์ Ailebebe ผู้นำด้านการผลิตคาร์ซีทในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับมาตรฐานระดับอุตสาหกรรมการออกแบบและพัฒนาชิ้นส่วนรถยนต์ ได้เข้าใจในเรื่องความปลอดภัยนี้ จนสามารถคิดค้นนวัตกรรมต่าง ๆ ที่เป็นเอกสิทธิ์หนึ่งเดียวในคาร์ซีท Ailebebe แบรนด์นี้แตกต่างจากคาร์ซีททั่วไปอย่างไร มาทำความรู้จัก คาร์ซีทเอเลเบเบ ไปพร้อม ๆ กันเลย คาร์ซีทเอเลเบเบ คืออะไร Ailebebe (Ai-le-be-be) อ่านว่า เอ-เล-เบ-เบ คือแบรนด์คาร์ซีทที่ผลิตจากประเทศญี่ปุ่น ออกแบบและผลิตโดยบริษัท Carmate จากเดิมเป็นผู้ออกแบบและพัฒนาชิ้นส่วนรถยนต์ที่มีความปลอดภัยที่สุดในประเทศญี่ปุ่น เริ่มก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2509 จนถึงปัจจุบัน มากว่า 50 ปีแล้ว และด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จึงได้ออกแบบเบาะนั่งในรถยนต์สำหรับเด็ก หรือ คาร์ซีท ด้วยการใช้ประสบการณ์ความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย รวมถึงคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อให้ผู้ใช้คาร์ซีทปลอดภัยมากขึ้น ภายใต้แนวคิด “Safety and Comfort ความปลอดภัยที่มาพร้อมกับความสบาย” จนเป็นแบรนด์ Ailebebe คาร์ซีทที่คุณพ่อคุณแม่วางใจใช้มากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น […]
ไหนๆ คุณแม่ท่านไหนกำลังแพ้ท้องบ้าง ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับคุณแม่ที่ไม่แพ้ท้องด้วยนะคะ เพราะคุณแม่โชคดีมาก การแพ้ท้องเป็นอะไรที่ทรมานมากๆ เลยค่ะ แต่คุณแม่ที่แพ้ท้องก็ไม่ต้องกลัวเหงานะ เพราะมีคุณแม่อีกกว่า 80% ที่ต้องเผชิญกับอาการนี้เช่นกัน อาการแพ้ท้องนี้มักจะเกิดขึ้นในช่วง 1-3 เดือนแรก แต่คุณแม่บางคนอาจจะต้องเผชิญกับอาการแพ้ท้องจนถึงไตรมาสสุดท้ายเลยก็ได้ค่ะ อาการแพ้ท้องเกิดจากอะไรกันนะ? รกที่เชื่อมระหว่างคุณแม่กับลูกน้อยนั้นจะสร้างฮอร์โมนตัวหนึ่งขึ้นมาชื่อว่า Human Chorionic Gonadotropin (HCG) ค่ะ ซึ่งเจ้าฮอร์โมนตัวนี้มีไว้เพื่อกระตุ้นให้รังไข่สร้างฮอร์โมนอื่นๆ ในช่วงระยะแรกของการตั้งครรภ์ค่ะ ระดับฮอร์โมน HCG ที่สูงขึ้นจะทำให้ประสาทรับกลิ่นของคุณแม่สูงขึ้นตามไปด้วย ในขณะที่ประสาทการรับรสชาติจะเปลี่ยนไป นอกจากนี้ เจ้า HCG ยังจะไปกระตุ้นศูนย์ควบคุมการอาเจียน ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายต่างๆ คุณแม่จึงรู้สึกคลื่นไส้ เวียนหัว หรืออ่อนเพลียอยู่ตลอดเวลาค่ะ อาการแพ้ท้องเป็นยังไงหนอ?






