Baby Checklist เตรียมให้พร้อมก่อนคลอด ของใช้ทารก ต้องมีอะไรบ้าง

คุณแม่มือใหม่ขอให้ยกมือขึ้น! ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับว่าที่คุณแม่ทุกคนด้วยนะคะ มั่นใจเลยว่า ตอนนี้คุณแม่ทั้งหลายต้องกำลังรู้สึกหัวหมุนติ้วๆ กับการเตรียมของให้ลูกน้อยอยู่แน่ๆ เพราะไอเท็มที่วางขายอยู่ในท้องตลาดนั้นมีเป็นล้านแปดพันเก้า อันนี้ก็น่ารัก อันนี้ก็ดูจำเป็น แต่ถ้าเราจะซื้อทุกอย่างก็คงไม่ไหว สำหรับบทความนี้ เราก็เลยนำเช็คลิสต์แบบครบถ้วนทุกหมวดมาฝากกันค่ะ มาดูกันดีกว่าว่าคุณแม่ยังขาดอะไรไปบ้าง

1. หมวดการนอน
- เบาะนอน : ควรจะเป็นเบาะที่ไม่นิ่มจนเกินไป เพราะลูกน้อยยังคอไม่แข็ง เบาะที่นิ่มอาจทำให้หน้าจมลงไปในเบาะได้ค่ะ
- หมอนกันกรดไหลย้อน : หมอนประเภทนี้เป็นตัวช่วยชั้นดี เพราะระบบย่อยของลูกจะยังทำงานได้ไม่ดีพอ
- หมอนข้าง : ใช้ช่วยจัดท่าให้ลูกน้อยเวลานอน หรือใช้กั้นเพื่อความปลอดภัยของลูกน้อยก็ได้ค่ะ
- ผ้าห่อตัว : ตอนนอนนั้นทารกมักจะชอบผวา ผ้าห่อตัวเป็นตัวช่วยชั้นดี เหมือนมีแม่กอดตลอดเวลา
- เปล/เตียงเด็ก : เปลจะช่วยให้ลูกน้อยหลับง่ายขึ้น และสบายขึ้นด้วยค่ะ แถมยังเป็นตัวช่วยสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ชอบนอนดิ้นไม่ให้ไปทับลูกน้อยด้วยนะคะ

2. หมวดให้นม
- เครื่องปั๊มนม : ตัวช่วยมือหนึ่งเพื่อให้คุณแม่ทำสต็อกนม
- กรวยซิลิโคน : กรวยซิลิโคนจะใช้รองน้ำนมอีกข้างในขณะที่ลูกน้อยกำลังดูดอีกข้างนึงอยู่ค่ะ
- ถุงเก็บน้ำนม : ถุงเก็บน้ำนมจะต้องเป็นชนิดที่หนาหน่อย เพราะคุณแม่จะต้องนำไปแช่แข็งเพื่อทำสต็อก ถ้าบางไปอาจขาดได้นะ
- ขวดนม/จุกนม : ขวดนมควรจะมีอย่างน้อย 2-3 ขวด สำหรับลูกน้อยแรกเกิด ให้ใช้ขวดขนาด 4 ออนซ์ ส่วนจุกนมก็ไซส์ XS หรือ S พอนะคะ
- เครื่องนึ่งขวดนม : เมื่อคุณแม่ล้างขวดแล้ว ก็ต้องนำมานึ่งซะก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าจะสะอาดหมดจด
- ที่ล้างขวดนม : ใช้เป็นแปรงที่มีแปรงแยกสำหรับล้างจุกนมด้วยยิ่งดีค่ะ
3. หมวดการกิน
- เครื่องบดอาหาร : เครื่องบดอาหารจะช่วยเบาแรงคุณแม่ได้มาก แถมยังบดละเอียด ไม่ต้องห่วงว่าจะมีเศษอาหารติดคอลูกน้อยเลยค่ะ
- ช้อนส้อม : ช้อนส้อมควรจะมีขนาดเล็ก สำหรับเด็กเล็กควรจะเป็นช้อนที่ทำมาจากซิลิโคนนะ
- ถ้วยชาม : ถ้วยชามเป็นถ้วยแบบหลุมเดียวก่อนก็พอค่ะ พอน้องโตแล้วค่อยซื้อแบบหลายหลุม
4. หมวดอาบน้ำ/สุขอนามัย
- สบู่/แชมพูสำหรับเด็ก : แนะนำให้ใช้สบู่ที่เป็นแชมพูในตัว อย่าลืมดูสูตรอ่อนโยนและไม่ระคายเคืองตาด้วยนะคะ
- ผ้าเช็ดตัว : ผ้าเช็ดตัวลูกน้อยควรเป็นผ้าใยไผ่หรือผ้าสาลูค่ะ เพราะว่าไม่มีขนที่อาจหลุดมาติดตามตัวลูกน้อยได้
- แปรงเหงือก/แปรงสีฟันเด็ก : ไอเท็มนี้สำคัญมาก เพราะหลังดื่มนม คุณแม่ควรแปรงเหงือกหรือฟันให้ลูกน้อย เพื่อไม่ให้ฟันผุในอนาคตค่ะ
- กะละมัง : กะละมังควรจะเป็นวงรี เพื่อให้สามารถอาบน้ำให้น้องได้สะดวกค่ะ
- ผ้าอ้อมสำเร็จรูป : ผ้าอ้อมสำเร็จรูปที่ดีจะต้องไม่ระคายเคืองผิว และซึมซับได้เยี่ยม เพื่อไม่ให้หนูน้อยรู้สึกเฉอะแฉะ
- บวบขัดตัว/ฟองน้ำ : อย่าลืมเลือกที่เป็นสำหรับเด็กด้วยนะคะ เพราะไม่งั้นอาจจะแข็งเกินไปสำหรับผิวลูกน้อยค่ะ
5. หมวดการแต่งตัว
- เสื้อผ้า : เสื้อผ้าก็ตามสไตล์ที่คุณแม่ชอบได้เลย
- ถุงเท้า : ตอนลูกน้อยยังเล็ก เราจะยังไม่ใส่รองเท้าให้ แต่ใส่เป็นถุงเท้าแทนค่ะ เพื่อให้เค้าไม่เย็นเท้า
- รองเท้า : รองเท้าควรจะเป็นแบบใส่ง่ายถอดง่าย ไม่หนัก และมีพื้นนิ่ม
- ถุงมือ : ถุงมือนี้จะใช้แค่ช่วงแรกๆ ก็พอ เพื่อกันไม่ให้น้องเอาเล็บมาข่วนหน้าค่ะ
- หมวก : หมวกไว้ใส่กันลมเวลาออกไปข้างนอก หรืออยู่ในห้องแอร์ค่ะ
6. หมวดเดินทาง
- เสื้อผ้า : เสื้อผ้าก็ตามสไตล์ที่คุณแม่ชอบได้เลย
- ถุงเท้า : ตอนลูกน้อยยังเล็ก เราจะยังไม่ใส่รองเท้าให้ แต่ใส่เป็นถุงเท้าแทนค่ะ เพื่อให้เค้าไม่เย็นเท้า
- รองเท้า : รองเท้าควรจะเป็นแบบใส่ง่ายถอดง่าย ไม่หนัก และมีพื้นนิ่ม
- ถุงมือ : ถุงมือนี้จะใช้แค่ช่วงแรกๆ ก็พอ เพื่อกันไม่ให้น้องเอาเล็บมาข่วนหน้าค่ะ
- หมวก : หมวกไว้ใส่กันลมเวลาออกไปข้างนอก หรืออยู่ในห้องแอร์ค่ะ
7. หมวดฝึกพัฒนาการ
- โมบาย : โมบายจะช่วยเรื่องการมองเห็นและดึงความสนใจของลูกน้อย ถ้ามีเสียงด้วยก็จะเพิ่มความเพลิดเพลินเข้าไปอีกนะ
- ของเล่นฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็ก : เช่น ตุ๊กตาบีบ ซึ่งจะช่วยให้น้องได้บีบ จับ ฝึกนิ้วไปเรื่อยๆ ค่ะ
- ยางกัด : พอฟันลูกน้อยเริ่มจะขึ้น เค้าก็จะคันเหงือกค่ะ จะสังเกตว่าเค้าจะชอบเอามือหรือของเข้าปาก เพราะงั้น ยางกัดนี่แหละจะเป็นตัวช่วยอันดับหนึ่ง
8. หมวดสุขภาพ/ดูแล
- ยาสามัญประจำบ้าน : เช่น ยาแก้ท้องอืด ยาแก้ไข้ แต่อย่าลืมว่าต้องสำหรับเด็กด้วยนะคะ
- ที่ฝนเล็บ/ที่ตัดเล็บ : เมื่อเล็บลูกน้อยยาว อย่าลืมตัดเล็บแล้วฝนให้เค้าด้วยน้า
9. หมวดปกป้องลูกน้อย
- สติกเกอร์ไล่ยุง : เนื่องจากยากันยุงจะมีสารพิษ เพราะฉะนั้นสติกเกอร์ไล่ยุงจะมีประโยชน์มากๆ เลยค่ะ คุณแม่สามารถติดไว้ตามเตียงหรือโต๊ะได้เลย
- ที่รองคลาน : ที่รองคลานจะช่วยให้น้องไม่เจ็บเข่า แถมยังคลานสนุกอีกด้วย
- ที่กันเข่าด้าน : สำหรับคุณแม่ที่ไม่มีที่รองคลาน อาจจะซื้อที่กันเข่าด้านให้น้อง เพื่อให้น้องไม่เจ็บเข่า แล้วก็ช่วยให้เข่าไม่ด้านด้วยนะคะ
10. หมวดทำความสะอาด
- น้ำยาฆ่าเชื้อ : ใช้สำหรับเช็ดตามจุดต่างๆ เช่น โต๊ะ
- กระดาษเปียก : กระดาษเปียกควรเลือกที่เป็นสำหรับเด็ก คุณแม่สามารถใช้เช็ดมือ เช็ดหน้า หรือเช็ดก้นลูกน้อยได้ แถมยังเช็ดพวกสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ได้อีกด้วย
- แอลกอฮอล์ : ใช้เช็ดทำความสะอาดของใช้ต่างๆ ก่อนให้ลูกน้อยสัมผัส
- สำลีก้าน/สำลีก้อน : ใช้เช็ดทำความสะอาดลูกน้อย อย่าลืมว่าสำลีก้านจะต้องเป็นหัวขนาดเล็กที่สุดด้วยนะคะ
และนี่ก็คือเช็คลิสต์ของสำคัญที่คุณแม่ขาดกันไม่ได้เลยค่า ทั้งนี้ทั้งนั้น อยากให้คุณแม่จำไว้เสมอว่า การซื้อสินค้าสำหรับลูกทุกครั้งนั้นควรคำนึงหลายๆ เรื่อง ไม่ใช่แค่เรื่องของราคา แต่เป็นเรื่องของคุณภาพ และการใช้งานในระยะยาวด้วยน้า
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
น้ำนมของแม่นั้นเป็นอาหารที่เปี่ยมคุณค่ามากที่สุดสำหรับลูกน้อย โดยเฉพาะในเด็กทารกที่อายุน้อยกว่า 6 เดือน ซึ่งจะต้องกินนมจากแม่เป็นหลัก สำหรับคุณแม่ที่อยู่บ้านเลี้ยงลูกเต็มเวลาก็อาจจะไม่ได้มีปัญหากับการสต็อกน้ำนมเอาไว้ เพราะเน้นการเอาลูกเข้าเต้าเป็นส่วนใหญ่ แต่สำหรับคุณแม่ที่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน การทำสต็อกน้ำนมเอาไว้นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะจะได้มีน้ำนมเอาไว้ให้ลูกน้อยอย่างเพียงพอ ในบทความนี้ BabyGift มีคำแนะนำดี ๆ เกี่ยวกับการเก็บรักษา นมแม่ มาฝากกันค่ะ จะเก็บน้ำนมอย่างไรให้ไม่เหม็นหืน ไม่บูด และคงคุณค่าทางอาหารเอาไว้ได้มากที่สุด มาดูกันเลยค่ะ ทำไมนมของแม่มีกลิ่นเหม็นหืน ? มีวิธีการเก็บรักษา นมแม่อย่างไรไม่ให้มีกลิ่นและคงคุณค่าได้นาน คุณแม่บางคนอาจพบว่านมที่ตนเองทำการสต็อกไว้นั้นมีกลิ่นเหม็นหืน ซึ่งมักจะเกิดกับนมที่เก็บไว้ในช่องแช่แข็งในตู้เย็นที่มีระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ เนื่องจากในช่วงที่ระบบละลายน้ำแข็งทำงาน นมที่แช่แข็งเอาไว้ก็จะละลายไปด้วย และเมื่อช่องแช่แข็งกลับมาเย็นจัดใหม่ ก็ทำให้น้ำนมแข็งตัวอีกครั้ง กระบวนการนี้หากเกิดขึ้นซ้ำหลาย ๆ ครั้งก็จะทำให้ไขมันในน้ำนมมีการเปลี่ยนแปลงและทำให้นมมีกลิ่นเหม็นหืนได้นั่นเองค่ะ ดังนั้นแล้วการเก็บรักษานมแม่ ในตู้เย็นที่มีระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติแบบนี้ ก็เสี่ยงจะทำให้น้ำนมที่เก็บเอาไว้มีกลิ่นเหม็นหืนได้ สาเหตุที่นมแช่แข็งละลายมาเป็นน้ำนมแล้วมีกลิ่นเหม็นหืน ก็เพราะว่าในน้ำนมของแม่มีเอ็นไซม์ไลเปส ที่จะช่วยย่อยไขมันในน้ำนมของแม่ให้แตกตัวเป็นโมเลกุลเล็กๆ เพื่อผสมกับโปรตีนเวย์ในน้ำนมได้ดี ทำให้ร่างกายของลูกน้อยดูดซึมวิตามิน A และวิตามิน D ได้มากขึ้น ถ้าในน้ำนมของแม่มีไลเปสมากก็จะย่อยไขมันได้มาก ทำให้น้ำนมมีกลิ่นหืนนั่นเองค่ะ ทั้งนี้ แม้ว่าจะมีกลิ่นหืนก็ไม่เป็นอันตรายต่อลูกน้อยแต่อย่างใด ยังสามารถกินได้ แต่ในเด็กบางคนอาจไม่ยอมกินนมที่มีกลิ่นหืน สามารถแก้ไขได้โดยการนำน้ำนมที่ปั๊มมาใหม่ๆ ผสมกับนมที่มีกลิ่น ก็จะช่วยเจือจางกลิ่นและลดความเหม็นหืนไปได้ […]
เลือก ถุงเก็บน้ำนม ยี่ห้อไหนดี ? ต้องดูที่อะไรบ้าง ? น้ำนมจะเหม็นหืนมั้ย ? คุณค่าน้ำนมแม่ยังอยู่ครบถ้วนรึเปล่า ? ? อีกคำถามที่แม่ๆมักสงสัย เพราะไม่ใช่แค่ถุงเก็บนมแม่ แต่นี่คือถุงใส่อาหารของลูก วันนี้ BabyGift มี 7 เทคนิค เลือกถุงเก็บน้ำนมที่คุณแม่นักปั๊มมือใหม่ ต้องชอบแน่นอน ? จะมีอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลยค่า 1. พลาสติกหนา ทึบแสง ซิปล็อค 2 ชั้น ควรเลือก ถุงเก็บน้ำนมแม่ ที่ใช้วัสดุพลาสติกหนาทึบแสง มีความแข็งแรงไม่แตกหรือไม่รั่วซึมได้ง่าย และมีซิปล็อคแบบ 2 ชั้น เพื่อลดการรั่วซึมของน้ำนมแม่ออกจากถุง ช่วยลดกลิ่นเหม็นหืนในน้ำนมได้ และสามารถคงคุณค่าของน้ำนมแม่ได้เป็นอย่างดี 2. ขนาดที่เหมาะสมกับน้ำนมที่ปั๊มได้ช่วงเวลานั้น ถุงเก็บน้ำนมแม่ ควรมีขนาดที่เหมาะสมกับน้ำนมที่ปั๊มได้ช่วงในเวลานั้น อย่างช่วงแรกๆที่แม่อาจจะปั๊มได้ในไม่เยอะมากก็ควรเลือกใช้ขนาดเล็กลงมาหน่อย (4-5 ออนซ์) แล้วพอคุณแม่เริ่มปั๊มนมได้เยอะมากขึ้นค่อยขยับขนาดใหญ่ขึ้นไป การเลือกขนาดถุงพอดีกับน้ำนม จะช่วยให้แม่ๆประหยัดพื้นที่จัดเก็บในตู้แช่ได้ขนาดข้างเยอะ และยังไม่เปลืองถุง ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากเลยทีเดียวค่ะ 3. มีแถบบันทึก เขียนง่าย ชัดเจน ควรมีแถบเขียนเอาไว้จดรายละเอียดต่างๆ อย่างเช่น […]
เค้าว่ากันว่าท้องอ่อนเป็นช่วงที่เสี่ยงต่อการแท้งมากที่สุด เพราะฉะนั้นคุณแม่ส่วนใหญ่จึงกลัวที่จะออกกำลังกายมากโดยเฉพาะการวิ่ง อันที่จริงแล้ว การแท้งส่วนใหญ่นั้นจะเกิดขึ้นกับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ตอนที่มีอายุมาก โดยจะมีอัตราความเสี่ยงที่สูงกว่าคุณแม่ที่มีอายุน้อยค่ะ สาเหตุของการแท้งส่วนใหญ่มาจากความผิดปกติของทารกในครรภ์ หรือความผิดปกติของตัวคุณแม่เอง อย่างผู้ที่มีภาวะรกเกาะต่ำ หรือมีโรคประจำตัว นอกจากนี้ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีนมากเกินไป หรือแม้แต่การใช้สารเสพติดก็นำไปสู่การแท้งได้เช่นเดียวกัน ส่วนคุณแม่ที่เคยแท้งมาก่อนหน้านี้ ก็มีโอกาสแท้งซ้ำได้สูงมากเหมือนกันเลยล่ะค่ะ เอาล่ะ มาเข้าเรื่องของการออกกำลังกายกันดีกว่าค่ะ จากที่เล่าไปก่อนหน้านี้ การออกกำลังกายไม่ได้เป็นหนึ่งในสาเหตุของการแท้งที่สำคัญ ถ้าการออกกำลังกายนั้นไม่ใช่การออกกำลังกายที่ต้องใช้แรงมากเกินไป เราลองมาดูกันค่ะว่าการออกกำลังกายที่เหมาะกับคุณแม่ท้องอ่อนนั้นได้แก่อะไรบ้าง 1. การเดิน การออกกำลังกายด้วยการเดินเป็นอะไรที่ง่ายที่สุดแล้วเนอะ แต่การเดินที่ถูกต้องนั้นควรจะเป็นการเดินที่ไม่เร็วจนเกินไป ไม่ลงน้ำหนักที่ส้นเท้ามากเกินไป และไม่เดินต่อเนื่องกันเป็นเวลานานมากเกินไปนะคะ นอกจากนี้ คุณแม่ยังควรที่จะต้องเดินในสถานที่ที่มีอากาศปลอดโปร่ง เพราะอากาศที่ปลอดโปร่งจะทำให้คุณแม่หายใจสะดวกขึ้น 2. โยคะ โยคะเป็นการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับคนท้องเป็นอย่างยิ่งค่ะ เพราะโยคะนั้นเป็นการออกกำลังกายที่ค่อยเป็นค่อยไป ไม่หักโหม หากคุณแม่เล่นท่าที่ถูกต้องและหายใจเข้าออกอย่างถูกวิธี นอกจากจะช่วยให้คุณแม่แข็งแรงแล้ว ยังเป็นการช่วยให้คุณแม่รู้สึกผ่อนคลายอีกด้วยค่ะ 3. ว่ายน้ำ การออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่แนะนำมากๆ เลยค่ะ เพราะในการว่ายน้ำนั้น คุณแม่จะมีตัวช่วยพยุงเป็นน้ำนั่นเองค่ะ นอกจากนี้ การว่ายน้ำยังเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่งที่จะทำให้คุณแม่ได้ใช้ร่างกายทุกส่วนอีกด้วยนะ 4. การเต้นแอโรบิก การเต้นแอโรบิกที่ไม่หักโหมมากเกินไปนั้นเป็นการออกกำลังกายที่เราแนะนำสำหรับคุณแม่ท้องอ่อนเลยค่ะ แต่คุณแม่ก็ควรจะเลือกจังหวะเพลงที่ไม่เร็วเกินไป และไม่ควรออกท่าที่มีการกระโดด หรือมีการกระทบกระเทือนด้วยนะคะ ประโยชน์ของการออกกำลังกาย คุณแม่ท่านไหนที่กำลังกลัวการออกกำลังกายอยู่ก็อย่าเพิ่งกลัวไปนะคะ เพราะการออกกำลังกายที่ถูกต้องนั้นมีประโยชน์กับคุณแม่มากๆ เลย […]
ไม่นานมานี้ดิฉันเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดกับลูกๆทั้งสนุกสนานและปลอดภัยตั้งแต่ออกเดินทางจนถึงจุดมุ่งหมายเลยค่ะรู้สึกขอบใจตัวเองที่กัดฟันให้ลูกนั่งคาร์ซีท ตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลก ทำให้ขับรถได้อย่างมีสมาธิ แต่กว่าจะถึงวันนี้ลูกก็เคยร้องไห้ประท้วงจนแหวะใส่เก้าอี้ตัวเองมาแล้ว ดิฉันใช้วิธีสงบสยบความเคลื่อนไหวร้องได้ร้องไป แค่ 15 นาทีเท่านั้น คลื่นลมก็สงบ ตั้งแต่นั้นมาลูกๆเรียนรู้เลยว่า เวลาขึ้นรถต้องไปนั่งที่ “เก้าอี้วิเศษ” ของตัวเองและนั่งทุกครั้งแม้ระยะทางจะใกล้หรือไกลเพราะอุบัติเหตุอาจเกิดจากภัยในรถ เช่น ลูกทะเลาะกันที่เบาะหลัง (เจอมาแล้ว) หรือปีนป่ายจนได้รับอันตราย คุณแม่ท่านไหนที่ยังไม่มั่นใจในคาร์ซีท carseat ว่าจะช่วยวันยุ่งๆของคุณแม่ได้มากน้อยแค่ไหน ลองเคล็ดลับต่อไปนี้ดูสิคะ แล้วลูกคุณจะรัก “เก้าอี้วิเศษ” ของตัวเองขึ้นเยอะเลย เคล็ดลับก่อนตัดสินใจเลือกซื้อคาร์ซีท อายุ ประเภทของคาร์ซีท คำแนะนำทั่วไป เด็กอ่อน คาร์ซีทสำหรับเด็กอ่อน เด็กอายุน้อยกว่า 1 ปี และมีน้ำหนักน้อยกว่า 9 kg.– ต้องนั่งคาร์ซีทแบบหันหน้าเข้าหาเบาะ เพราะคอยังไม่แข็งพอรับแรงกระแทกขณะรถวิ่ง เด็กก่อนวัยเรียน เก้าอี้แบบหันหน้าออก เด็กอายุ 1 ปี ขึ้นไป หรือหนัก 9 kg. ขึ้นไป เด็กเล็กวัยเรียน เบาะรองนั่ง เด็กควรสูงอย่างน้อย 120 cm.และต้องมั่นใจว่าเข็มขัดนิรภัยพาดที่ไหล่และต้นขาของเด็กอย่างพอดี เด็กโต เข็มขัดนิรภัย […]
การทำความสะอาดของเล่นเด็ก ฆ่าเชื้อของเล่นเด็ก ถือเป็นเรื่องสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่อย่างเราต้องใส่ใจ โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของโรคต่าง ๆ อยู่เรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ COVID-19 โรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร้ายแรง (SARS) และไข้หวัดนก การใช้วิธีแบบเดิม ๆ ที่ได้ผลในอดีต อาจไม่เพียงพอในการป้องกันเชื้อโรคสายพันธุ์ใหม่ที่แฝงตัวอยู่รอบตัวได้ รวมไปถึงปัญหามลพิษในอากาศ เช่น ฝุ่น PM 2.5 ที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ ฆ่าเชื้อโรคของใช้ลูก จึงต้องเลือกที่สามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ และใช้ได้กับทุกคนภายในครอบครัว เพื่อความคุ้มค่าสูงสุด ความต้องการทีเปลี่ยนไปของผู้บริโภคทำให้มีการคิดค้นผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ ๆ ที่นำเอาเทคโนโลยีเชิงวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้มากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศแถบเอเชีย เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และประเทศจีน โดยผลิตภัณฑ์เหล่านี้เกิดขึ้นมาเพื่อเป็นตัวเสริมจากการป้องกันตนพื้นฐาน เช่น การสวมหน้ากากอนามัย การพกพาเจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือ หรือการใช้สารฟอกขาวในการฆ่าเชื้อ ได้แก่ เทคโนโลยีเครื่องปล่อยโอโซน เครื่องผลิตไอออนประจุลบ เครื่องผลิตน้ำอิเล็กโทรไลต์ เครื่องฆ่าเชื้อด้วยรังสี UV เป็นต้นแต่อย่างไรก็ตามมีผลิตภัณฑ์มากมาย ที่ผลิตโดยไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัย หรือไม่ได้ประสิทธิภาพตามคำโฆษณา จึงก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี หรือไม่ได้ผลในการฆ่าเชื้อโรค ฉะนั้นเพื่อความปลอดภัยสูงสุด คุณแม่จึงต้องทำความเข้าใจรูปแบบของการ […]
เมื่อลูกน้อยถึงวัยเริ่มกินอาหารเสริมนอกจากนมแม่ ซึ่งก็คือในช่วงอายุ 6 เดือนขึ้นไป หากลูกเริ่มนั่งได้เก่งขึ้น สามารถนั่งได้เองโดยที่ไม่ต้องประคอง และเริ่มชอบเอามือหยิบจับสิ่งต่าง ๆ เข้าปาก นั่นแสดงว่าลูกน้อยของเราพร้อมที่จะกินอาหารเสริมได้แล้ว ในบางบ้านอาจจะคุ้นเคยกับการเตรียมอาหารเด็กอ่อนโดยการปั่นหรือบดละเอียดและป้อนให้ลูก แต่หลาย ๆ บ้านก็อาจจะใช้วิธีฝึกให้ลูกกินอาหารด้วยตัวเองที่เรียกว่า BLW (Baby-Led Weaning) แต่ไม่ว่าจะเป็นวิธีไหนก็ตาม อุปกรณ์สำคัญอย่างโต๊ะกินข้าวเด็กก็เป็นของที่ต้องมี และถ้าเลือกให้ดีก็จะใช้งานได้อย่างยาวนานตั้งแต่เล็กจนโต แล้วจะมีวิธีการเลือกอย่างไร ควรเลือกแบบไหนดี ? BabyGift มีคำแนะนำดี ๆ มาฝากแล้วค่ะ โต๊ะกินข้าวเด็ก สำคัญอย่างไร ? ควรเลือกแบบไหนดี ? โต๊ะกินข้าวสำหรับเด็กนั้นมีความแตกต่างจากโต๊ะทั่ว ๆ ไป โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นโต๊ะที่เรียกว่า High Chair โดยเป็นชุดเก้าอี้กินข้าวเด็กที่มีโต๊ะพับมาให้แบบครบชุด สามารถใช้งานได้หลายแบบ บางรุ่นสามารถพกพาออกไปข้างนอกได้ด้วย และยังมีเข็มขัดนิรภัยเพื่อป้องกันเด็กพลัดตกเก้าอี้ ทำให้มีความปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งบางที่อาจเรียกว่าโต๊ะกินข้าวเด็ก หรือบางที่ก็เรียกว่าเก้าอี้กินข้าวเด็ก หรือ อาจเรียกรวม ๆ ว่าชุดโต๊ะเก้าอี้กินข้าวของเด็ก แต่จะเรียกแบบไหน ก็หมายถึง High Chair ที่นั่งกินข้าวของเด็กเล็กโดยเฉพาะนั่นเองค่ะ โต๊ะกินข้าวสำหรับเด็กนั้นเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นมาก โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ที่อยากฝึกลูกให้กินข้าวด้วยตัวเองแบบ BLW ซึ่งการฝึกลูกกินข้าวเอง […]