อัศจรรย์ของน้ำมะพร้าว ที่คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถดื่มได้

น้ำมะพร้าวถือเป็นเครื่องดื่มธรรมชาติที่ได้รับความนิยมจากคุณแม่ตั้งครรภ์เป็นอย่างมาก เนื่องจากมีคุณประโยชน์มากมายต่อร่างกายของทั้งคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ แต่ก่อนที่คุณแม่ตั้งครรภ์จะตัดสินใจดื่มน้ำมะพร้าว ต้องศึกษาให้รอบด้านก่อนว่ามีประโยชน์และข้อควรระวังอะไรบ้าง

สารอาหารและคุณประโยชน์ในน้ำมะพร้าว น้ำมะพร้าวนับเป็นแหล่งอาหารธรรมชาติที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยสารอาหารและเกลือแร่จำนวนมาก ได้แก่
- วิตามินซี ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง
- วิตามินบี 1, 3, 5, 6 และ 7 ช่วยบำรุงสุขภาพผิวพรรณ ผม และเล็บให้แข็งแรง
- กรดโฟลิก ช่วยในการเจริญเติบโตของเซลล์ร่างกาย และลดความเสี่ยงการเกิดปัญหาทางพันธุกรรมแก่ทารกในครรภ์
- เกลือแร่ เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส และแมกนีเซียม ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่กระดูกและฟัน
- โปรตีน มีส่วนช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อในร่างกาย
- ใยอาหาร ช่วยการทำงานของระบบย่อยอาหารให้เป็นปกติ แก้ปัญหาท้องผูก
นอกจากนี้ น้ำมะพร้าวยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น แทนนิน และกรดสกัดจากเปลือกมะพร้าวอีกด้วย ซึ่งช่วยต่อต้านริ้วรอยและความแก่ชรา

ประโยชน์ของน้ำมะพร้าวสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ หลายคนอาจเคยได้ยินกระแสข่าวลือว่า การดื่มน้ำมะพร้าวขณะตั้งครรภ์จะทำให้แท้งบุตรได้ แต่ความจริงแล้วน้ำมะพร้าวกลับมีประโยชน์มากมายสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ ดังนี้
- ช่วยแก้อาการคลื่นไส้อาเจียนในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ เนื่องจากน้ำมะพร้าวมีรสชาติเปรี้ยวนิดๆ จึงช่วยระงับอาการคลื่นไส้ได้ดี และยังมีโพแทสเซียมสูงช่วยทดแทนเกลือแร่ที่สูญเสียไปจากอาการอาเจียนอีกด้วย
- บรรเทาอาการปวดเมื่อยขา น้ำมะพร้าวมีคุณสมบัติช่วยคลายกล้ามเนื้อ จึงช่วยลดอาการปวดเมื่อยเท้าและขาในคุณแม่ตั้งครรภ์ได้เป็นอย่างดี
- ป้องกันอาการบวมน้ำ เนื่องจากน้ำมะพร้าวมีโพแทสเซียมสูง แต่มีปริมาณโซเดียมต่ำ จึงช่วยควบคุมสมดุลของเหลวในร่างกาย ป้องกันอาการบวมน้ำที่มักเกิดในช่วงตั้งครรภ์ได้
- ลดอาการท้องผูก ใยอาหารและน้ำตาลธรรมชาติในน้ำมะพร้าวช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ จึงแก้ปัญหาอาการท้องผูกที่มักพบในคุณแม่ตั้งครรภ์ได้ดี
- บำรุงสุขภาพของลูกน้อยในครรภ์ น้ำมะพร้าวนอกจากจะบำรุงสุขภาพคุณแม่แล้ว ยังมีสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ด้วย เช่น
- วิตามินซีและวิตามินอี เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แก่ทารก
- กรดไขมันไม่อิ่มตัว ช่วยในการพัฒนาสมองและระบบประสาท
- ไอโอดีน ช่วยเสริมสร้างการทำงานของต่อมไทรอยด์
- แคลเซียม ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน
- แร่ธาตุอื่นๆ เช่น ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และแมกนีเซียมที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต
- ช่วยให้ผิวพรรณแม่และลูกสดใสผ่องแผ้ว น้ำมะพร้าวอุดมไปด้วยวิตามินซีและวิตามินอี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยต่อต้านความแก่และริ้วรอย ทำให้ผิวของทั้งแม่และลูกมีความกระจ่างใส ผ่องแผ้วสดใส
- ป้องกันภาวะขาดสารอาหารในคุณแม่ตั้งครรภ์ น้ำมะพร้าวเป็นแหล่งอาหารที่สมบูรณ์แบบ มีสารอาหารและเกลือแร่ครบถ้วน ช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง ป้องกันภาวะขาดสารอาหารในคุณแม่ตั้งครรภ์
คุณแม่ตั้งครรภ์ควรดื่มน้ำมะพร้าวเมื่อไหร่ จากประโยชน์มากมายของน้ำมะพร้าวข้างต้น จึงเห็นได้ชัดว่าน้ำมะพร้าวเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเป็นเครื่องดื่มสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ วิธีการและเวลาที่เหมาะสมในการดื่ม มีดังนี้
- ดื่มน้ำมะพร้าวตอนเช้าก่อนทานอาหารเช้าเพื่อให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ง่ายขึ้น
- ควรดื่มน้ำมะพร้าวสดโดยตรงจากลูกมะพร้าว มิใช่น้ำมะพร้าวบรรจุกระป๋องหรือบรรจุขวด
- ควรดื่มเป็นประจำวันละ 1-2 แก้วตลอดระยะเวลาตั้งครรภ์
- คุณแม่ท้องอ่อนอายุน้อยกว่า 16 สัปดาห์ ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนการดื่มน้ำมะพร้าว เนื่องจากมีฮอร์โมนเอสโตรเจนปนเปื้อนอยู่บ้าง
- สำหรับคุณแม่ที่เป็นโรคไตหรือมีปัญหาเกี่ยวกับไต ให้ปรึกษาแพทย์ก่อนการดื่มเช่นกัน
ข้อควรระวังในการดื่มน้ำมะพร้าว แม้น้ำมะพร้าวจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็ไม่ควรดื่มมากเกินไป ควรดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ โดยมีข้อควรระวังดังนี้
- อย่าดื่มน้ำมะพร้าวมากเกินไป เพราะจะทำให้ระดับโพแทสเซียมในเลือดสูงเกินไป ส่งผลให้เกิดอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ วิงเวียน หรือในรายที่รุนแรงอาจทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ
- ระวังอันตรายจากการดื่มน้ำมะพร้าวเสีย ถ้าน้ำมะพร้าวมีการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย เชื้อราอาจทำให้เกิดอาการท้องร่วงหรืออาหารเป็นพิษได้
- ควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำมะพร้าวจากกระป๋อง เนื่องจากอาจมีส่วนผสมของสารกันบูด สารกันรา หรือผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อที่ไม่ปลอดภัย
- อย่าดื่มน้ำมะพร้าวในปริมาณมาก หากมีอาการปวดท้องหรือท้องอืดมากขึ้นหลังดื่ม อาจเกิดจากอาการแพ้น้ำมะพร้าว
- เลี่ยงการดื่มน้ำมะพร้าวที่เน่าเสีย เพราะจะทำให้เกิดอาการท้องร่วง คลื่นไส้อาเจียน และเป็นอันตรายต่อคุณแม่และทารกในครรภ์
คุณแม่ตั้งครรภ์ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการดื่มน้ำมะพร้าว หากมีประวัติแพ้มะพร้าวหรือมีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคไต เป็นต้น เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
จากประโยชน์มหาศาลของน้ำมะพร้าวที่กล่าวไปข้างต้น หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณแม่ตั้งครรภ์จะตระหนักถึงคุณค่าของน้ำมะพร้าวอันล้ำค่า และเลือกดื่มน้ำมะพร้าวอย่างระมัดระวัง เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ค่ะ
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
เพราะความปลอดภัยคือเหตุผลอันดับ 1 ที่พ่อแม่ต้องควักเงินซื้อคาร์ซีทให้ลูกน้อย ก็เพื่อปกป้องลูกจากการบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ปัจจัยที่รองลงมาคือ ลูกนอนสบาย ใช้งานง่าย และงบประมาณ มาตรฐานความปลอดภัยของคาร์ซีท จริงๆแล้ววัดจากอะไร ก็ต้องเป็นวัสดุที่รองรับแรงกระแทกด้านใน ซึ่งคาร์ซีทแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อใช้วัสดุภายในที่ไม่เหมือนกัน แบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ ดังนี้ 1. EPS Foam และ EPP Foam EPS Foam (Polystyrene Foam) เป็นวัสดุที่ช่วยลดแรงกระแทก ที่ใช้ใน หมวกกันน๊อค ช่วยปกป้องชีวิต ผู้สวมใส่ โฟมชนิดนึ้จึงถูกนำไว้ในคาร์ซีท ใช้รองรับแรงกระแทกสำหรับศีรษะและส่วนบนของร่างกายเด็ก ในกรณีที่เกิดการกระแทกโฟมจะแตกและจะกระจายแรงกระแทกออกไปโดยแทบไม่มีแรงสะท้อนกลับ จึงทำให้ได้เด็กปลอดภัย ดังนั้นผู้ผลิตคาร์ซีทระดับมาตรฐานสากลส่วนใหญ่ จึงนำโฟมชนิดนี้มาใช้ในคาร์ซีทเพื่อรองรับแรงกระแทกโดยเฉพาะ ส่วน EPP Foam (Polypropylene Foam) เป็นวัสดุที่คล้ายกับ EPS Foam แต่มีความยืดหยุ่น ไม่แตกหักง่าย และทนความร้อนดีกว่า จึงนำไปผลิตเป็นภาชนะบรรจุอาหาร ที่สามารถเข้าไมโครเวฟได้ ข้อมูลอ้างอิงจาก http://www.carseatsite.com/FAQ.htm 2. Urethane […]
คาร์ซีทนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับลูกน้อย และคุณพ่อคุณแม่ควรเตรียมพร้อมคาร์ซีทให้เรียบร้อยก่อนที่ลูกน้อยจะคลอด เพราะเมื่อออกจากโรงพยาบาลมาแล้วก็ต้องนั่งคาร์ซีทกลับบ้าน ทั้งเพื่อความปลอดภัยสำหรับลูกน้อยเอง และเพื่อปฏิบัติตามกฏหโมายเรื่องการกำหนดที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก (คาร์ซีท) ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม 2566 เป็นต้นไป สำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ที่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกคาร์ซีท เด็กแรกเกิดอย่างไรดี ควรเลือกแบบไหน คาร์ซีทสำหรับเด็กมีกี่ประเภท เลือกอย่างไร BabyGift มีคำแนะนำดี ๆ มาฝากกันแล้วค่ะ เลือกคาร์ซีท เด็กแรกเกิด อย่างไรดี ? ต้องรู้อะไร ? เลือกยังไงดี หาคำตอบได้จากบทความนี้ ! คาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิด เป็นหนึ่งในสิ่งที่ต้องเตรียมไว้ให้กับลูกตั้งแต่ก่อนคลอด และควรที่จะให้ลูกได้ใช้ตั้งแต่วันแรกที่ออกจากโรงพยาบาล เนื่องจากร่างกายของเด็กทารกยังไม่แข็งแรง ยังไม่สามารถรับแรงกระแทกได้มากเท่าไหร่ อีกทั้งเราไม่รู้ว่าอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ จึงควรป้องกันไว้ก่อนและเตรียมความพร้อมในทุกสถานการณ์ คาร์ซีท เด็กแรกเกิด จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่รู้จะเลือกอย่างไรดี ต้องเลือกแบบไหน คาร์ซีท มีกี่แบบ ต้องเลือกอย่างไร ? ในบทความนี้ BabyGift มีเคล็ดลับดีๆ ในการเลือกซื้อคาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิดมาฝากกันค่ะ เรามารู้จักประเภทของคาร์ซีทกันก่อนเลย ซึ่งสามารถแบ่งประเภทของคาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิดได้ดังนี้ 1. New Born Only : หรือคาร์ซีทแบบกระเช้า คาร์ซีทประเภทนี้จะมีขนาดเล็ก […]
ว่าที่คุณแม่มือใหม่หลายคนคงจะปวดหัวไม่น้อย ว่าลูกน้อยของเราควรจะหนุน หมอนทารก นอนหรือไม่ แล้ว หมอนหัวทุย จำเป็นไหม กดมือถือหาข้อมูลทีไรก็หาข้อสรุปไม่ได้เสียที ไม่ต้องกังวลไปค่ะ วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจให้หายสงสัยกันค่า หมอนทารก ทารกควรหนุนหรือไม่ คำแนะนำจากกุมารแพทย์ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยกล่าวว่า ท่านอนที่ดีและปลอดภัยสำหรับทารกที่สุดก็คือ การนอนหงายโดยไม่หนุนอะไรทั้งสิ้น เพราะสรีระของกะโหลกศีรษะของทารก ซึ่งจะมีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับลำตัว ทำให้พอดีในการนอนแล้วถึงแม้จะนอนหงาย และนอกจากนี้จะต้องไม่มีสิ่งของอื่นๆ เช่น ผ้าห่ม ตุ๊กตา ของเล่น ฯลฯ อยู่บนเตียงขณะลูกน้อยนอนหลับ เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุจากการนอน หรือโรคไหลตายในทารก (SIDS) ซึ่งเป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิตเด็กๆ มากมายทั่วโลก และโรคนี้มักจะเกิดกับเด็กอายุไม่เกิน 4 เดือนมากที่สุด โดยที่เด็กยังแข็งแรงดีอีกด้วย แม้ปัจจุบันจะยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่หนึ่งในปัจจัยที่ชัดเจนและกระตุ้นให้เกิดการเสียชีวิตคือการที่มีผ้า วัตถุนุ่มๆ หรือการใช้ที่นอนที่อ่อนยวบเกินไป ไปอุดกั้นทางเดินหายใจของลูก จากการที่ลูกเกิดพลิกตัวนอนคว่ำ หรือคว้าวัตถุเหล่านั้นมาโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งเด็กยังเล็กเกินไปที่จะชันคอหรือพลิกตัวกลับได้ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ทารกจึงยังไม่จำเป็นต้องใช้หมอนหนุนนอนจนกว่าจะเข้าสู่วัยเตาะแตะหรือ 18 เดือนขึ้นไป หรือช้ากว่านั้นได้ยิ่งดีค่ะ กลัวลูกหัวแบน ทำไงดี อีกหนึ่งความกังวลใหญ่ของบรรดาแม่ๆ คือ กลัวลูกหัวแบน เพราะต้องนอนหงายตลอดเวลา ปัจจุบันจึงได้มีการผลิตคิดค้นหมอนหนุนสำหรับทารกเพื่อป้องกันหัวแบน และลูกน้อยยังคงนอนหงายได้ด้วย แต่ทั้งนี้คุณหมอและผู้เชี่ยวชาญก็ยังไม่แนะนำให้ใช้หมอนหนุนมากนัก เพราะหากใช้หมอนที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีคุณภาพ […]
ความปรารถนาสูงสุดของคุณพ่อคุณแม่ คือการได้เห็นลูกน้อยเติบโตอย่างมีคุณภาพ มีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์ พร้อมด้วยความเก่ง ฉลาด เป็นผู้ใหญ่ที่มีศักยภาพในอนาคต ดังนั้นเมื่อลูกน้อยลืมตาดูโลก คุณแม่ทุกท่านจึงตั้งใจเต็มที่ที่จะให้น้ำนมแม่แก่ลูกน้อยตั้งแต่แรกเกิดและมอบนมแม่ให้เป็นสุดยอดอาหารของลูกรักไปนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราจึงเห็นว่าปัจจุบัน คุณแม่มีการเตรียมพร้อมเพื่อจะเป็นคุณแม่นักปั๊ม ทำนมแม่สต๊อกไว้ให้ลูกน้อยกันแต่เนิ่นๆ แต่คุณแม่รู้ไหมว่า…นอกจากการปั๊มนมที่ต้องพิถีพันใส่ใจในทุกรายละเอียดแล้ว วิธีการเก็บสต๊อกนมแม่ก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะหากคุณแม่เก็บไม่ถูกต้อง ไม่ถูกวิธี อาจทำให้นมแม่ก็เก็บบูดเสีย ลูกกินไม่ได้ รวมถึงหากเช่เย็นเก็บหรือละลายในอุณหภูมิไม่เหมาะสม ก็ทำให้นมแม่สูญเสียคุณค่าสารอาหารสำคัญและจำเป็นต่อสมองและร่างกายของลูกน้อยไปแบบน่าเสียดาย เสียทั้งกำลังกาย กำลังใจ นมแม่ที่โภชนาการดีๆมากมาย กลับเสียหายไปไร้ประโยชน์ ดังนั้นเราจึงขอแนะนำ วิธีการเก็บน้ำนมแม่สต๊อกที่ถูกต้อง พร้อมเคล็ดลับเรื่องการเก็บนมแม่ไว้ไม่ให้เหม็นหืน เพื่อให้ลูกน้อยกินนมแม่จากสต๊อกได้อย่างเต็มที่ และมีความสุข วิธีเก็บน้ำนมแม่สต๊อก ขั้นตอนการปั๊มและ วิธีเก็บน้ำนมแม่สต๊อก ระยะเวลาการเก็บน้ำนมแม่ วิธีเก็บนมแม่สต๊อก ระยะเวลาที่เก็บได้ ตั้งทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้อง ไม่เข้าตู้เย็น เก็บได้ 1 ชั่วโมง ตั้งทิ้งไว้ในห้องปรับอากาศ (ไม่เข้าตู้เย็น) เก็บได้ 4 ชั่วโมง ในกระติกน้ำแข็งที่มีน้ำแข็งตลอดเวลา เก็บได้ 1 วัน ใส่ตู้เย็น ช่อง/ชั้นธรรมดา เก็บได้ 3-5 วัน ใส่ตู้เย็นแบบ 1 […]