ลูกร้องงอแงไม่ยอมนอน ตื่นกลางดึก คุณแม่แก้ได้ด้วยวิธีนี้

การนอนหลับให้เพียงพอต่อวันอย่างมีคุณภาพ เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเด็กเล็กเลยนะคะ เพราะระหว่างที่ลูกน้อยนอนหลับร่างกายก็จะสร้าง “โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) หรือ ฮอร์โมนการเจริญเติบโต” ขึ้นมา ช่วยให้ลูกน้อยเติบโตสมวัย มีภูมิคุ้มกันโรค ช่วยเรื่องความจำและการเรียนรู้ของสมองด้วยค่ะ

แต่หาก ลูกร้องงอแงไม่ยอมนอน คุณพ่อคุณแม่ก็จะต้องรู้วิธีดูแลนะคะ เพราะอาจส่งผลต่อพัฒนาการและอารมณ์ของลูกน้อยได้ แต่ก็ไม่ควรกังวลมากไปค่ะ เพราะทารกจะเริ่มมีวงจรการนอนที่เป็นปกติหลังจากเดือนที่ 6 เป็นต้นไป

เด็กแต่ละวัย ควรนอนกี่ชั่วโมงต่อวัน

ทารกแรกเกิด  2 เดือน

ทารกแรกเกิดจะนอนตอนกลางวันเหมือนกับนอนตอนกลางคืน จะนอนประมาณ 2 – 4 ครั้งต่อวัน ระยะเวลาการนอนประมาณ 4 – 16 ชั่วโมง

ทารกวัย 3 เดือน  5 เดือน

เด็กเล็กวัยนี้สามารถฝึกให้หลับเวลาเดิมได้แล้ว เพราะวัยนี้จะเริ่มนอนเป็นเวลามากขึ้น จะนอนประมาณ 2 – 4 ครั้งต่อวัน ระยะเวลาการนอนประมาณ 4 – 13 ชั่วโมง

เด็กวัย 6 เดือน – 11 เดือน

วัยนี้จะนอนเป็นเวลาแล้ว เมื่อถึงเวลาเดิมที่เคยนอนก็จะหลับได้เอง จะนอนประมาณ 2 – 3 ครั้งต่อวัน ระยะเวลาการนอนประมาณ 3 – 12 ชั่วโมง

เด็กวัย 1 – 2 ปี

เด็กวัยนี้จะชอบเล่นช่วงเช้าและจะนอนช่วงบ่าย จะนอนประมาณ 2 ครั้งต่อวัน ระยะเวลาการนอนประมาณ 2 – 9 ชั่วโมง

เด็กวัย 3 – 4 ปี

วัยนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงก่อนวัยเรียน จะตื่นและเข้านอนตรงเวลา จะนอนประมาณ 1 ครั้งต่อวัน ระยะเวลาการนอนประมาณ 12 ชั่วโมง

ลูกร้องงอแงไม่ยอมนอน มีวิธีช่วยให้ลูกนอนง่าย หลับยาวมากขึ้นได้

1.พาลูกออกกำลังกายเบา ๆ

ระหว่างวันคุณพ่อคุณแม่สามารถให้ลูกน้อยออกกำลังกายตามพัฒนาการได้ เช่น จับคว่ำ คลาน เกาะยืน เดิน วิ่งเล่น ก็จะช่วยให้ลูกน้อยได้ออกกำลังกายเบา ๆ แล้ว ยังมีอีกเคล็ดลับที่คุณหมอเด็กแนะนำ คือถ้าลูกเล็ก ควรพาลูกออกไปตากแดดอ่อน ๆ ช่วงเช้า 7 – 8 โมงเช้าและช่วงเย็น 5 โมงครึ่งด้วย วิธีนี้จะทำให้นาฬิกาชีวภาพลูกทำงานได้ดีขึ้นด้วยนะคะ

2. ฝึกให้ลูกนอนเป็นเวลา

คุณแม่จะรู้ตารางนอนของลูกอยู่แล้ว ว่าเวลาไหนบ้าง เมื่อถึงเวลานอนก็ไม่ควรที่จะปล่อยให้ลูกเล่นหรือทำกิจกรรมจนเกินเวลา คุณแม่ควรจะสร้างบรรยากาศการนอนให้ลูก เช่น พาไปที่เตียง หาหมอน ผ้าห่มให้ ให้ลูกเข้าเต้า เพื่อให้ลูกรู้ว่าเวลานี้ต้องนอนแล้ว ควรจะทำเวลาเดิมในทุก ๆ วันด้วยนะคะ

3. ดูแลให้ลูกรักสบายตัว

ให้ลูกน้อยอาบน้ำอุ่น ๆ เพื่อความผ่อนคลาย ทาครีมบำรุงผิวให้ลูกฟินสบายตัว และสวมใส่ชุดนอนเนื้อผ้านุ่ม ๆ ข้อดีของการใส่ชุดนอนคือจะทำให้ลูกรู้ว่าถึงเวลานอนแล้ว จะช่วยให้ลูกนอนหลับได้ง่ายขึ้น

4. เตรียมอุปกรณ์กล่อมนอน

ก่อนจะนอนให้เตรียมของชิ้นโปรดของลูกไว้ เช่น ตุ๊กตา หมอน ผ้าห่ม เพื่อให้ลูกจับหรือลูบก่อนนอน นอนจะทำให้ลูกเพลิดเพลิน นอนหลับได้ง่ายขึ้น ช่วยป้องกัน ลูกร้องงอแงไม่ยอมนอน

5. อุณหภูมิห้องพอเหมาะ แสงไฟสลัว

ห้องนอนของลูก ควรจะปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมกับอากาศภายนอก ไม่หนาวหรือร้อนจนเกินไป ที่สำคัญในห้องจะต้องไฟแสงสลัว ๆ ด้วย จะช่วยให้ลูกสบายตามากขึ้น และยังช่วยให้ลูกเห็นคุณพ่อคุณแม่ที่อยู่ใกล้ ๆ ทำให้นอนหลับอย่างอุ่นใจ

6. ให้ลูกเข้าเต้าก่อนนอน

ให้ลูกเข้าเต้าก่อนจะนอน นับว่าเป็นช่วงเวลาดี ๆ ที่จะได้จ้องตากัน ได้ฟังเสียงแม่ก่อนนอน ช่วยให้ลูกมีความสุขหลับสบายมากขึ้นได้ หรือหากลูกดื่มนมจากขวดนม คุณแม่ไม่ควรให้หลับคาขวดนมนะคะ เพราะลูกจะติดการดูดขวดนมกล่อมตัวเองไปจนโตได้ หากลูกหลับแล้วคุณแม่ควรจะเอาขวดนมออกจากปากลูก

7. เตียงนอนเด็ก ช่วยลูกรักหลับสบายขึ้น

เตียงนอนลูกมีความสำคัญมากนะคะ เตียงจะต้องเหมาะสมกับวัยของลูก เบาะนุ่มพอดี ระบายอากาศ จะทำให้ลูกนอนสบาย หลับยาวมากขึ้น และเตียงลูกก็ควรจะต้องมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่อำนวยความสะดวกสำหรับคุณพ่อคุณแม่ด้วย ขอแนะนำแบรนด์ Prince&Princess และ Kinderkraft เลยค่ะ เป็นแบรนด์ดังที่มีเตียงเด็กหลากหลายดีไซน์ เหมาะกับการนอนของเด็ก ๆ ทุกวัยเลยค่ะ

เตียงเด็กเลือกแบบไหนดี

1. เตียงนอนทารก ควรระบายอากาศได้ดี

เตียงและเบาะที่ระบายอากาศดี จะช่วยให้ลูกน้อยนอนสบาย ไม่ร้อน ไม่อับชื้น ช่วยป้องกันการเกิดภาวะขาดอากาศหายใจเนื่องจากการนอนคว่ำ และช่วยลดการเกิดภูมิแพ้บริเวณผิวหนัง ผดร้อน ผดผื่นอีกด้วย

2. เบาะนอนไม่แข็งหรือนุ่มเกินไป

เบาะนอนทารก ไม่ควรจะแข็งหรือนุ่มจนเกินไป เพราะถ้าแข็งจะทำให้ลูกน้อยรู้สึกไม่สบายตัว หรือถ้านุ่มจนเกินไปจะทำให้เวลาลูกนอนคว่ำอาจเกิดความเสี่ยงหน้าจมที่นอนได้

3. เตียงนอนเหมาะสมกับน้ำหนักตัวของลูก

เตียงจะแข็งหรือนุ่มแค่ไหน คุณพ่อคุณแม่ต้องดูน้ำหนักและขนาดตัวของลูกน้อยประกอบกันด้วยนะคะ เช่น ถ้าลูกน้ำหนักตัวเยอะ คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกที่แข็งขึ้นมาหน่อย ที่นอนจะได้ไม่ยุบตัวง่ายเกินไป

4. เตียงคุณภาพ ไม่มีรอยยุบหรือร่อง

เตียงนอนของลูกน้อยจะต้องไม่มีรอยยุบใด ๆ ต่อให้เป็นที่นอนใหม่ก็ตาม เพื่อป้องกันความเสี่ยงของทารกที่อาจนอนดิ้นไปตกร่องทำให้บาดเจ็บหรือหายใจไม่ออกได้  และเนื่องจากทารกกระดูกยังไม่แข็งแรง การที่นอนในลักษณะผิดท่าทาง อาจมีผลเสียต่อการเจริญเติบโตของกระดูก ทำให้กระดูกผิดรูปได้

5. เตียงที่ทำความสะอาดได้ง่าย

เพื่อสุขอนามัยที่ดีของลูกน้อย ลดโอกาสที่จะทำให้ลูกเกิดอาการป่วย เบาะหรือผ้าของเตียงนอน ควรจะถอดซักได้ หรือเป็นผ้าที่กันไรฝุ่นด้วยจะดีมาก

ดูรายละเอียด เตียงนอนทารก รุ่น Dreamie

ลูกร้องงอแงไม่ยอมนอน คุณแม่ลองนำวิธีทำให้ลูกหลับง่ายไปปรับใช้ดูนะคะ เพราะการสร้างกิจวัตรการนอนที่สม่ำเสมอ ให้ลูก รวมถึงการเตรียมเตียงนอน อุปกรณ์การนอนต่าง ๆ จะช่วยให้ลูกนอนหลับสบายได้ยาวนานขึ้นค่ะ

หากคุณแม่ต้องการอุปกรณ์การนอนของลูกที่มีคุณภาพ สามารถแวะมาเลือกได้ที่ร้าน BabyGift 4 สาขา ใกล้บ้านคุณ หรือสอบถามผ่านช่องทาง Online ทีมงาน BabyGift ยินดีให้คำแนะนำค่ะ

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00

บทความแนะนำ

หลายๆบ้านถามกันเข้ามาว่า เวลาพาลูกเที่ยว แม่แพรว ยังให้เฌอลินน์นั่งรถเข็นอยู่ไหม ? ต้องบอกแบบนี้เลยค่ะว่า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในแต่ละวัน ว่าเราพาลูกน้อยไปเที่ยวที่ไหนบ้าง ต้องเดินทางไกลหรือนานแค่ไหน ? อย่างเวลาแพรวพาลูกออกนอกบ้านนานๆ ถ้าไม่มีตัวช่วยอย่างเจ้ารถเข็นเลย บางครั้งก็ทำให้เฌอลินน์งอแง อยากให้อุ้มอยู่ตลอดเวลา พ่อแม่อย่างเราจะคอยอุ้มลูกทั้งวันก็คงไม่ไหวใช่มั้ยหล่ะคะ ถ้าได้รถเข็นมาเป็นตัวช่วยพาลูกเที่ยวในวันที่แม่เหนื่อย อุ้มลูกไม่ไหว ก็จะช่วยทำให้เราพาลูกเที่ยวแบบสบาย แม่ไม่เหนื่อย แฮปปี้กันทั้งครอบครัวเลยค่ะ แพรวเลือก รถเข็น Aprica รุ่น Optia Cushion Premium ให้เฌอลินน์ เพราะเขารองรับสรีระเด็กทุกช่วงวัย ตั้งแต่แรกเกิด – 3 ขวบกันเลยทีเดียวค่ะ ตอนนี้เฌอลินน์ 2 ขวบแล้ว ตัวสูงแบบนี้ยังนั่งได้สบายๆไม่อึดอัด แถมแบรนด์ Aprica รุ่นนี้ไม่ใช่รถเข็นธรรมดาทั่วไป เป็นเบาะแบบ Ergonomic Design ที่ออกแบบคิดค้นโดยกุมารแพทย์ญี่ปุ่นด้วย ขนาดพ่อแม่อย่างเรายังตามหาซื้อเก้าอี้ Ergonomic มานั่งทำงานกันเลยใช่มั้ยคะ แพรวเองก็ขอเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกน้อยได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ขณะอยู่นอกบ้านแน่นอนค่ะ ซื้อรถเข็นมา ลูกไม่ยอมนั่งทำไงดี ? คุณพ่อคุณแม่ต้องลองสังเกตุดูค่ะ ด้วยสภาพอากาศเมืองไทยค่อนข้างร้อน เด็กเล็กๆ มักจะมีเหงื่อออกเยอะ ถ้าเป็นรถเข็นที่ไม่ค่อยระบายอากาศเวลาลูกนั่งนานๆ เขาจะหัวเปียกหลังแฉะ ไม่สบายตัวอยู่ตลอดเวลา การได้รถเข็นเบาะระบายอากาศดีๆ เวลาเราพาลูกออกนอกบ้าน ลูกจะยอมนั่งไม่งอแง […]

รถเข็นเด็ก Aprica รุ่น Optia สำหรับเด็กแรกเกิด – 3 ปี หรือน้ำหนัก 2.5 – 15 kg เพื่อความสุขแบบ Double ประสบการณ์ใหม่ในการเดินทางที่สบายกว่าช่วยให้การเดินทางสำหรับคุณแม่และลูกน้อยเป็นเรื่องง่าย สะดวก สบาย ด้วยนวัตกรรมที่เหนือกว่า Function 1 : ลดแรงสั่นสะเทือนแบบ Double ด้วยระบบรองรับแรงกระแทกถึง 2 จุดระบบรองรับแรงกระแทกใต้ที่นั่ง และระบบรองรับแรงกระแทกที่ล้อ ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนได้ถึง 40% Function 2 : ระบายอากาศแบบ Double ด้วยเบาะรองนอน Silky Air และผ้าระบายอากาศทุกชั้นเบาะรองนอน ถักทอด้วยเส้นใย Silky Air มีความอ่อนนุ่ม ระบายอากาศได้ดี ให้ความรู้สึกเบาสบายเมื่อสัมผัสกับผิวที่บอบบางของทารก Function 3 : ลดความอับชื้นแบบ Double ด้วยระบบ DoubleThermo Medical Sysem ช่วยระบายอากาศให้ความรู้สึกสบายตัวแผ่นฉนวนกันความร้อนพิเศษด้านหลัง ลดความร้อนสะสมบริเวณหลัง และลดอุณหภูมิของร่างกายลูกน้อยในขณะหลับได้ดี Function […]

ด้วยคุณค่าน้ำนมแม่ที่มีสารอาหารมากมายกว่า 200 ชนิด แถมด้วยสารสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง เชื่อว่าคุณแม่ทุกท่านตั้งใจมั่นที่จะให้นมจากเต้าแก่ลูกน้อยให้นานที่สุด  แต่ด้วยปัจจุบันคุณแม่หลายๆ ท่านเป็นเวิร์กกิ้งมัม ที่ต้องกลับไปทำงานหลังจากต้องลาคลอด และลางานเพื่อเลี้ยงลูก ทำให้ไม่สามารถให้นมลูกได้ด้วยตัวเอง เครื่องปั๊มนม จึงเป็นอุปกรณ์คู่ใจ ที่จะทำให้คุณแม่ยังคงให้นมแม่แก่ลูกได้ไปยาวนาน แต่เมื่อถึงเวลาต้องไปทำงาน หรือออกนอกบ้าน ก็มีเงื่อนไขมากมายที่อาจทำให้คุณแม่ใช้งานเครื่องปั๊มนมบางชนิดได้ไม่สะดวก ดังนั้นเพื่อให้คุณแม่ทำงานนอกบ้านได้เต็มที่ พร้อมกับมีน้ำนมให้ลูกได้เพียงพอ คุณแม่จึงควรต้องรู้เทคนิคในการเลือกเครื่องปั๊มนมที่เหมาะสำหรับเวิร์กกิ้งมัม ที่จะช่วยให้ปั๊มนมเก็บไว้ให้ลูกน้อยได้สะดวกเสมอ เทคนิค Working Mom เลือก เครื่องปั๊มนม     1. มีแรงในการปั๊มนมและรอบดูดที่มีคุณภาพ มีแรงดูดและปั๊มที่ดีมีประสิทธิภาพ  สามารถปรับได้หลายระดับ เพื่อใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือต้องเร่งรีบ โดยเครื่องปั๊มนม ที่ใช้งานได้ดี ควรจะมีจังหวะการปั๊มนมและรอบดูดที่เลียนแบบการดูดของลูกน้อยทารก นั่นคือ ควรมีแรงดูดหรือปั๊มไม่น้อยกว่า 200 mmHg.และรอบการดูดอย่างน้อย 40-60 รอบต่อนาที ซึ่งคุณแม่ที่น้ำนมออกดีอาจใช้เครื่องปั๊มนมที่มีรอบการดูดต่ำกว่า 40 นาทีได้ แต่เพื่อการใช้งานได้ยาวนาน และส่วนใหญ่คุณแม่ทำงานมักจะปั๊มนมและเก็บนมแม่ให้ลูกนานกว่า 4 เดือนขึ้นไป จึงควรเลือกใช้เครื่องปั๊มนมที่มีรอบการดูดมากกว่า 40 ครั้งต่อนาทีขึ้นไป  จะช่วยทำให้ปั๊มนมแต่ละครั้งออกมาได้มากและรวดเร็วกว่านั่นเอง 2. เครื่องปั๊มนม มีฟังก์ชั่นการทำงานหลากหลาย ทั้งการนวดกระตุ้นน้ำนม การปั๊มนม การดูดน้ำนมหลายจังหวะ จะช่วยให้คุณแม่ใช้เครื่องปั๊มเป็นผู้ช่วยในการกระตุ้นน้ำนมได้ไปในตัว […]

จากเหตุการณ์ครั้งนี้ คุณนานาอยากฝากไปถึงคุณพ่อคุณแม่ทุกท่าน ให้ตระหนักถึงความสำคัญของการใช้คาร์ซีท ในทุกครั้งที่เดินทาง ไม่ว่าใกล้หรือไกล ก็ต้องให้ลูกนั่งคาร์ซีทเสมอ เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ขอปรบมือให้กับคุณนานาและคุณเวย์ ที่เป็นครอบครัวตัวอย่าง ฝึกให้น้องบีน่าและน้องบรู๊คลีน มีวินัยในการนั่งคาร์ซีททุกครั้งที่อยู่บนรถ คาร์ซีท หรือเบาะนั่งนิรภัยในรถยนต์สำหรับเด็ก ช่วยลดโอกาสการบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ การใช้ คาร์ซีท จะช่วยรองรับศีรษะ คอ กระดูกสันหลัง ที่ยังไม่แข็งแรงของเด็กเล็ก ช่วยไม่ให้สมองและไขสันหลังถูกทำลายจากการกระแทกในขณะเกิดอุบัติเหตุ และสิ่งสำคัญควรติดตั้งคาร์ซีทอย่างถูกต้อง ให้ลูกคาดเข็มขัดนิรภัยที่ตัวคาร์ซีทด้วยทุกครั้ง และปรับสายให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ไม่ให้ลูกอึดอัดและไม่หลวมเกินไป เพราะถ้าหลวมเกินไป เมื่อเกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงและไม่คาดฝัน ก็อาจทำให้เด็กหลุดออกจากคาร์ซีท และหลุดออกนอกตัวรถไปจนเป้นอันตรายถึงชีวิต ครอบครัวตัวอย่างเดินทางอย่างปลอดภัย คุณพ่อคุณแม่คาดเบลล์ ลูกๆนั่งคาร์ซีท ว้าว เยี่ยมไปเลย !!! น้องบีน่าและน้องบรู๊คลิน เดินทางอย่างปลอดภัยและหลับสบ๊ายสบายด้วยค่ะ

แพมเพิส หรือผ้าอ้อมสำเร็จรูป เรียกว่าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับเด็กเล็กที่จะใช้กันตั้งแต่แรกเกิด เพราะว่าช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สะดวกสบายมากขึ้น ประหยัดเวลาในการซักทำความสะอาด แถมเวลาออกจากบ้านก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการเปื้อนเลอะ ซึ่งคุณแม่หลายๆ คนอาจจะมีคำถามในใจว่าจะให้ลูกเลิกแพมเพิสกี่ขวบดี ดังนั้นในบทความนี้ BabyGift จะมาไขข้อข้องใจให้กับคุณแม่กันค่ะ ให้ลูกเลิกแพมเพิสกี่ขวบดี ? ชวนคุณแม่ทำความเข้าใจก่อนให้ลูกเลิกใช้แพมเพิส หนึ่งในคำถามยอดนิยมของเหล่าคุณแม่ก็หนีไม่พ้นเรื่องที่ว่าจะให้ลูกเลิกใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปเมื่อไหร่ดี เนื่องจากเรื่องของค่าใช้จ่าย ความกังวลที่ว่าลูกจะติดแพมเพิส ความสะดวกสบายในการสวมใส่ของเด็ก ฯลฯ อีกมากมาย สำหรับเรื่องของช่วงเวลาของการเลิกแพมเพิสนั้นจะเป็นยังไงบ้าง เรามาดูรายละเอียดกันเลยค่ะ เลิกแพมเพิสกี่ขวบดี ? ถ้าจะถามว่าควรเลิกใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปเมื่อไหร่ดี จริงๆ ไม่ได้มีกำหนดตายตัวค่ะ อยากให้ดูจากความพร้อมของลูก และคุณพ่อ คุณแม่ มากกว่า เด็กบางคน 8 เดือนก็เลิกได้แล้ว บางคนก็มาเลิกได้ตอนช่วงก่อนเข้าโรงเรียนในช่วง 3 – 4 ขวบ ดังนั้น BabyGift จึงพูดได้ว่าไม่ได้มีกำหนดเวลาตายตัวจริงๆ และคุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ควรไปกดดันน้องๆ ให้ลูกของเรามีความพร้อมจะดีที่สุดค่ะ ซึ่งสิ่งสำคัญคือต้องอดทนและให้กำลังใจเด็ก เพราะว่าการฝึกขับถ่ายเป็นก้าวสำคัญของพัฒนาการ และแต่ละคนมีจังหวะที่แตกต่างกัน ไม่ควรกดดันหรือเปรียบเทียบกับเด็กคนอื่น และหากว่าคุณแม่มีข้อกังวลอื่นๆ อาจปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำค่ะ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่า ลูกของเราพร้อมที่จะเลิกแพมเพิส ? สิ่งสำคัญของเรื่องนี้คือ ให้ลูกสบายใจ […]

คาร์ซีท คืออุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยสำหรับเด็กในขณะที่เดินทางด้วยรถยนต์ ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีราคา ฟังก์ชั่น ที่แตกต่างกัน ทำให้คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ คน ไม่แน่ใจว่าจะเลือกแบบไหนดีที่ลูกยอมนั่ง โดยเฉพาะคาร์ซีทแรกเกิด ที่ต้องให้ความสำคัญและใส่ใจในการเลือกเป็นพิเศษ เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายของเด็กบอบบางที่สุด ซึ่งการจะซื้อคาร์ซีทให้ปลอดภัย ต้องเลือกจากหลาย ๆ อย่าง เช่น เลือกประเภทคาร์ซีทให้เหมาะกับการใช้งาน เหมาะกับวัย ส่วนสูง และน้ำหนักของลูก  วันนี้ Baygift จึงจะพาพ่อแม่ทุกคน มารู้จักกันว่า คาร์ซีทมีทั้งหมดกี่แบบ แต่ละแบบมีข้อดี ข้อเสียอย่างไรบ้าง ไปดูกันเลย คาร์ซีท ระบบติดตั้งมีกี่แบบ เป็นเรื่องที่ต้องดูเป็นอันดับแรก ว่ารถที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบันสามารถติดตั้งคาร์ซีทได้ด้วยระบบใด ซึ่งการติดตั้งจะมีอยู่ 2 ระบบ ดังนี้…  ระบบนี้สามารถติดตั้งได้กับรถยนต์ทุกรุ่น ทุกคัน แต่ขั้นตอนการติดตั้งค่อนข้างจะยุ่งยาก จึงต้องศึกษาคู่มืออย่างละเอียด หรือ ให้พนักงานผู้เชี่ยวชาญช่วยติดตั้งให้เลย   คือ ระบบการติดตั้งตามมาตรฐานยุโรป ติดตั้งง่าย ISOFIX จะมีในรถที่ผลิตในปี 2014 ขึ้นไป บางรุ่นที่เก่ากว่าปี 2014 ก็อาจจะมีเช่นกัน ดังนั้น ให้ลองสังเกตสัญลักษณ์ […]

Menu
All Categories
All Brands
All Ages
Promotions
Locations
BabyGift Family
BabyGift Care
Parents Guide
News & Event

All Categories

All Categories
All Brands
All Ages