เก้าอี้หัดนั่ง ใช้ตอนกี่เดือน ? ชวนพ่อแม่ส่งเสริมพัฒนาการเด็กด้วยการหัดให้ลูกนั่ง (พร้อมแนะนำเก้าอี้นั่งเด็กคุณภาพดี !)

การฝึกเด็กทารกให้นั่งมีผลต่อพัฒนาการของเด็กน้อยค่ะ แต่ว่าจะให้เด็กเริ่มหัดใช้เก้าอี้หัดนั่ง ใช้ตอนกี่เดือนดี จะฝึกเด็กน้อยของเราให้นั่งยังไง จะเริ่มให้เด็กหัดนั่งตอนไหนถึงจะดี ในบทความนี้ BabyGift มีเคล็ดไม่ลับมาฝากคุณพ่อคุณแม่กันค่ะ
เด็กหัดนั่งกี่เดือนถึงจะดี ? แนะนำเคล็ดลับพร้อมตอบคำถาม และแนะนำยี่ห้อเก้าอี้เด็กน่าใช้ !
เก้าอี้หัดนั่งเป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเด็กทารกฝึกนั่งอย่างปลอดภัย มีโครงสร้างที่มั่นคง และปลอดภัย ช่วยพยุงตัวเด็ก ใช้วัสดุที่นุ่มสบาย มีสายรัดนิรภัยเพื่อความปลอดภัย ซึ่งบางรุ่นก็ออกแบบมาให้มีถาดวางของด้านหน้าให้ด้วย เก้าอี้หัดนั่งจะช่วยให้เด็กได้ฝึกทรงตัว ฝึกกล้ามเนื้อ เตรียมความพร้อมสำหรับการนั่งด้วยตัวเอง สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับการหัดนั่งจะเป็นยังไงบ้างนั้น ตามมาเรียนรู้เพิ่มเติมไปพร้อมๆ กันค่ะ

พัฒนาการของเด็ก
ก่อนจะไปดูว่าเก้าอี้หัดนั่ง ใช้ตอนกี่เดือน เราลองมาทำความรู้จักกับตัวอย่างพัฒนาการของเด็กกันก่อนดีกว่าค่ะ ซึ่งพัฒนาการของเด็กแต่ละคนอาจแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่างๆ ซึ่งถ้ามีข้อสงสัย หรือกังวลเกี่ยวกับพัฒนาการของเด็ก ควรปรึกษากับแพทย์นะคะ
- แรกเกิด – 3 เดือน : เริ่มควบคุมศีรษะได้ดีขึ้นเรื่อยๆ เริ่มยิ้มตอบสนองต่อใบหน้าคนที่คุ้นเคย ส่งเสียงอ้อแอ้ และทำเสียงในลำคอ มองตามวัตถุที่เคลื่อนไหว เริ่มสนใจมือของตัวเอง ตอบสนองต่อเสียงดังโดยการสะดุ้งหรือร้องไห้
- 4-6 เดือน : เริ่มพลิกตัวได้ เริ่มนั่งได้เมื่อมีคนช่วยพยุง เริ่มหยิบจับของและนำเข้าปาก สามารถแยกแยะสีได้บ้าง ตอบสนองต่อชื่อตัวเอง เริ่มแสดงอารมณ์ชัดเจน เช่น ดีใจ โกรธ
- 7-9 เดือน : นั่งได้โดยไม่ต้องพิงนานขึ้น อาจเริ่มคลานหรือถัดก้น ยืนเกาะเฟอร์นิเจอร์ได้ เล่นจ๊ะเอ๋และเกมง่ายๆ ได้ เริ่มเข้าใจคำว่า “ไม่” ใช้นิ้วชี้ และนิ้วหัวแม่มือหยิบของชิ้นเล็กๆ เลียนแบบเสียง และท่าทางง่ายๆ ได้
- 10-12 เดือน : เริ่มยืนได้เองโดยไม่ต้องเกาะ อาจก้าวเดินได้สองสามก้าว เข้าใจคำสั่งง่ายๆ เช่น “มานี่” “ให้หน่อย” เริ่มพูดเป็นคำๆ ได้ (นอกจาก มามา ปาปา) ชอบเล่นโยนของ แสดงความรักโดยการกอดหรือจูบ เริ่มช่วยเหลือตัวเองในการแต่งตัวบ้าง เช่น ยกแขนเวลาใส่เสื้อ
สำหรับผู้ปกครองที่สนใจเรื่องพัฒนาการของเด็กในด้านต่างๆ อีก ลองอ่านเพิ่มเติมได้อีกนะคะ BabyGift เคยเขียนไว้ในเว็บไซต์แล้วค่ะ

เก้าอี้หัดนั่ง ใช้ตอนกี่เดือน ?
โดยทั่วไป เด็กจะพร้อมหัดนั่งเมื่ออายุประมาณ 6-8 เดือน ซึ่งในช่วงนี้ กล้ามเนื้อคอและหลังของเด็กจะแข็งแรงพอที่จะรองรับการนั่งได้ดีขึ้นค่ะ แต่ถึงแม้ว่าพัฒนาการของเด็กในช่วง 4-6 เดือนนั้น จะเริ่มควบคุมศีรษะได้ดี และอาจเริ่มพลิกตัวได้แล้ว ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการนั่ง แต่ก็ยังไม่ใช่ช่วงที่เหมาะสมที่สุดในการฝึกนั่ง ซึ่งการเริ่มฝึกหัดนั่งในเด็กอายุ 6-8 เดือนนั้น ให้เริ่มจากการช่วยพยุงให้เด็กนั่งในช่วงเวลาสั้นๆ แล้วค่อยๆ เพิ่มระยะเวลา และลดการช่วยเหลือลงตามความสามารถของเด็ก ทั้งนี้บางคนอาจพร้อมนั่งได้เร็วกว่า 6 เดือน และเด็กบางคนอาจต้องใช้เวลาถึง 8-9 เดือนกว่าจะนั่งได้มั่นคง ซึ่งทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับพัฒนาการของเด็กค่ะ ดังนั้นจึงไม่เร่งพัฒนาการ ไม่ควรบังคับให้เด็กนั่งก่อนที่กล้ามเนื้อจะพร้อม ควรทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปให้สอดคล้องกับความพร้อมของเด็ก ซึ่งหากไม่แน่ใจ หรือมีคำถามว่าลูกของเรามีพัฒนาการล่าช้า หรือผิดปกติหรือไม่ ให้ปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำค่ะ
คำแนะนำในการฝึกให้เด็กหัดนั่ง
สิ่งที่สำคัญของการฝึกให้เด็กหัดนั่ง คือต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของเด็กเป็นอันดับแรกค่ะ ให้เริ่มด้วยการฝึกที่ผ่อนคลายๆ สร้างความสนุกสนาน ไม่กดดัน ส่วนรายละเอียดจะมีอะไรบ้าง มาดูกันต่อค่ะ
- รอให้เด็กพร้อมโดยทั่วไปให้เริ่มฝึกเมื่อเด็กอายุประมาณ 6-8 เดือน โดยสังเกตว่ากล้ามเนื้อคอ และหลังของเด็กจะแข็งแรงพอที่จะรองรับการนั่งได้ดีขึ้น
- เตรียมพื้นที่ปลอดภัย โดยเตรียมพื้นนุ่มๆ เช่น พรมหนาหรือเบาะ วางหมอนรอบๆ ตัวเด็กเพื่อรองรับหากเด็กเอนตัวล้ม
- ให้พยุงเด็กนั่งบนพื้น และอุ้มเด็กนั่งระหว่างขาของคุณ ใช้มือประคองลำตัวเด็กเบาๆ
- ค่อยๆ ลดการช่วยเหลือเมื่อเด็กเริ่มทรงตัวได้ดีขึ้นแล้ว ให้ค่อยๆ ลดการพยุงลงโดยคุณพ่อ คุณแม่ หรือผู้ปกครองควรอยู่ใกล้ๆ เพื่อซัพพอร์ตหากเด็กเสียหลักล้ม
- ใช้ของเล่นกระตุ้น โดยวางของเล่นที่เด็กชอบไว้ด้านหน้าเพื่อให้เด็กสนใจและพยายามนั่งให้ตรง
- 6.ให้ฝึกสั้นๆ แต่บ่อยครั้ง โดยฝึกครั้งละประมาณ 5-10 นาที และทำซ้ำหลายครั้งต่อวันตามความสนใจของเด็ก
- ฝึกสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อของเด็กโดยให้เล่นเกมง่ายๆ เช่น โยกตัวเด็กเบาๆ ให้เด็กพยายามทรงตัว
- ไม่บังคับ หากว่าเด็กหงุดหงิด หรือเหนื่อย ให้หยุดพัก และเปลี่ยนไปทำกิจกรรมอื่นแทน แล้วค่อยลองใหม่อีกครั้งหลังจากนั้น
- ผู้ปกครองควรให้เวลา และมีความอดทน เนื่องจากเด็กแต่ละคนมีพัฒนาการไม่เท่ากัน เด็กบางคนอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะนั่งได้มั่นคง ดังนั้นผู้ปกครองควรเข้าใจ และไม่หงุดหงิดนะคะ
- ระวังในการใช้อุปกรณ์ หากใช้เก้าอี้หัดนั่ง ควรใช้ในเวลาสั้นๆ และภายใต้การดูแล ไม่ควรพึ่งพาอุปกรณ์มากเกินไป
BabyGift แนะนำสินค้าอุปกรณ์ช่วยเด็กหัดนั่ง

1. เก้าอี้หัดนั่ง รุ่น JoyNest – PRINCE & PRINCESS
เก้าอี้หัดนั่ง Baby Dining Chair & learning รุ่น JoyNest จาก PRINCE & PRINCESS น่ารักน่าใช้ด้วยสีสันที่สบายตาทั้งหมด 4 สี มาพร้อม 5 ฟังก์ชั่นใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เก้าอี้ลากจูง, เก้าอี้กินข้าว, เก้าอี้อาบน้ำ, เก้าอี้ MUSIC และใช้ต่อบนเก้าอี้ปกติของผู้ใหญ่ก็ได้ วัสดุเป็น PU สัมผัสนุ่มสบาย รองรับการนั่งเป็นเวลานาน มีที่กันตกสัมผัสนุ่ม ลดการเสียดสี ไม่รัดต้นขา มีรูระบายอากาศใต้เบาะ ไม่อับชื้น และไม่สะสมความร้อน เหมาะสำหรับเด็กตั้งแต่อายุ 3 เดือน – 3 ปี รองรับน้ำหนักได้ถึง 30 กิโลกรัม
จุดเด่น
- เบาะซัพพอร์ตหนานุ่ม ทำจากผ้า Cotton 100% ไส้ในเป็น Polyester Fiber วัสดุล้อ TPE ลื่น หมุนได้ 360 องศา ไม่ขีดข่วนพื้น ยึดเกาะพื้นมั่นคง
- มีฐานและที่พักเท้า แข็งแรง รองรับน้ำหนักได้เยอะ มาพร้อมเข็มขัดนิรภัย ป้องกันการพลัดตกจากเก้าอี้
- เปิดเพลงเสริมพัฒนาการได้ เชื่อมต่อ Joynest ด้วย SD card หรือ Bluetooth
- สามารถทำความสะอาดได้ โดยหมอนและเบาะนั่ง แนะนำให้ซักทำความสะอาดด้วยมือ ส่วนเก้าอี้แนะนำให้ถอดฐานล้อออก แล้วล้างทำความสะอาด หรือใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดได้

2. Nai-B Inflatable Baby Chair เก้าอี้หัดนั่งเป่าลม
Nai-B Inflatable Baby Chair เป็นเก้าอี้หัดนั่ง เป่าลม ที่มีให้เลือก 2 สี มาพร้อมอุปกรณ์เติมลมที่ติดตั้งมาพร้อมไม่ต้องเป่าเอง น้ำหนักเบา พกพาสะดวก ช่วยให้เด็กทารกที่ยังนั่งได้ไม่แข็งแรง นั่งได้ด้วยท่านั่งเอนหลังได้ 15 องศา ใช้งานง่าย ใช้ได้จนถึงอายุ 2 ปี ปลอดภัยต่อลูกน้อย
จุดเด่น
- Ergonomic design Nai-B baby chair การออกแบบ เพื่อการใช้งานจริง สามารถเติมน้ำเข้าบริเวณด้านล่างของเก้าอี้เพื่อถ่วงน้ำหนัก หรือป้องกันการล้มขณะที่ลูกน้อยนั่งได้
- ช่วยพยุงศรีษะเด็กในขณะที่นั่ง ช่วยให้เด็กทารกที่ยังนั่งได้ไม่แข็งแรง นั่งได้ด้วยท่านั่งเอนหลังได้ 15 องศา อย่างสะดวกสบาย
- Nai-B baby chair ผ่านการตรวจสอบจาก SGS และ KATRI ใช้งานง่าย เปิดฝาและปั๊มลมเข้า ใช้เวลา 1-2 นาทีในการปั๊มลมเข้า (ประมาณ 70 ครั้ง)

3. GEKO คอกกั้นเด็ก ไซซ์ 6 ฟุต หนัง PU
คอกกั้นเด็กปลอดสาร จากแบรนด์ GEKO THAILAND ที่ผนังแต่ละแผ่นเชื่อมด้วยซิป YKK สำหรับเด็ก ไม่บาดผิว ไม่มีการใช้กาวสารระเหย, ตะปู, น็อต หรือชิ้นส่วนโลหะที่อาจก่อให้เกิดอันตราย รองรับน้ำหนักได้กว่า 120 กิโลกรัม ประหยัดพื้นที่ เพราะสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ตามความต้องการ ใช้งานได้หลากหลายวัตถุประสงค์ ตั้งแต่เริ่มคลาน ตั้งไข่ เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับฝึกนั่ง ฝึกเดิน
จุดเด่น
- วัสดุผลิตจากหนังพียู ปลอดสารอันตราย โดยได้รับการการันตีมาตรฐาน EN71-3 และมี Certifications จาก SGS ยืนยัน ว่าปราศจากสารเคมีอันตราย (BPA, Phthalates, DMF, PVC, Formadehyde)
- ออกแบบโดยวิศวกรสามารถมั่นใจในความแข็งแรงและปลอดภัยได้
- ช่วยประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บด้วยฟังก์ชันถอดแยกได้จึงสามารถปรับเปลี่ยนขนาดหรือรูปทรงให้เหมาะสมตามรูปแบบการใช้งานได้ตามต้องการ

4. เก้าอี้ทานข้าวพกพา Portable Booster รุ่น Li’l Pengyu – PRINCE & PRINCESS
จุดเด่น
เก้าอี้เด็กพกพา เป็นอีกไอเท็มคู่ใจเจ้าตัวเล็ก ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถหยิบใส่กระเป๋าไปใช้ที่ร้านอาหารได้อย่างคล่องตัว มีกระเป๋าใส่พกพาสะดวก ใช้งานง่าย นั่งได้ตั้งแต่ลูกน้อยวัย 6 เดือน – 3 ขวบ แข็งแรงปลอดภัยต่อลูกน้อย
- พับได้เล็ก พกพาง่าย น้ำหนักเบาเพียง 2.1 kg. มีกระเป๋าใส่พกพาสะดวกสบาย
- ฐานโค้ง ช่วยให้ติดตั้งกับเก้าอี้ได้ทุกรูปแบบ มาพร้อมโครงอลูมิเนียมแข็งแรง ปลอดภัย ผ่านการรับรองความปลอดภัยระดับสากล
- ลูกนั่งสบาย ปรับได้หลายระดับ ตามสรีระเด็ก และยังสามารถปรับถาดอาหารเลื่อนได้ ช่วยให้ลูกมีพื้นที่นั่งสบายไม่อึดอัด
เด็กหัดนั่งกี่เดือนถึงจะดี ตอนนี้คุณพ่อคุณแม่ก็คงได้คำตอบกันแล้วนะคะ เก้าอี้หัดนั่งเป็นเพียงเครื่องมือเสริมพัฒนาการของเด็ก สิ่งสำคัญที่สุดคือการสังเกตและตอบสนองต่อความพร้อมของลูกน้อย และฝึกให้การนั่งเป็นไปตามธรรมชาติบนพื้นที่ปลอดภัยภายใต้การดูแลของผู้ปกครองอย่างใกล้ชิดค่ะ สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังฝึกลูกให้นั่งกระโถนก่อนเข้าโรงเรียนอ่านคำแนะนำเพิ่มเติมได้อีกนะคะ และหากใครสนใจผลิตภัณฑ์เก้าอี้หัดนั่ง อุปกรณ์เสริมเพิ่มความปลอดภัยให้กับลูกน้อย อยากขอคำแนะนำเรื่องเก้าอี้หัดนั่ง ใช้ตอนกี่เดือนเพิ่มเติม หรือสนใจสินค้าแม่ และเด็กอื่นๆ ก็สามารถมาเยี่ยมชมสินค้าหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ BabyGift ร้านจำหน่ายสินค้าแม่และเด็กระดับคุณภาพ มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี คุณพ่อคุณแม่สามารถมาเยี่ยมชมสินค้าได้ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ร้านเบบี้กิ๊ฟ ทั้ง 5 สาขา ใกล้บ้าน หรือ สอบถามผ่านช่องทาง Online ทีมงาน BabyGift ยินดีให้คำแนะนำค่ะ
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
การเตรียมความพร้อมให้กับลูกน้อยนั้นมีสิ่งที่จำเป็นอยู่หลายอย่าง เริ่มตั้งแต่ก่อนคลอดไปจนถึงการเลี้ยงดูลูกตามช่วงวัยต่าง ๆ และสิ่งที่จำเป็นอย่างหนึ่งก็คือ คาร์ซีทสำหรับลูกน้อย อย่างคาร์ซีทเด็กแรกเกิด ที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเด็ก ๆ ขณะนั่งรถยนต์ เพื่อช่วยลดโอกาสในการบาดเจ็บรุนแรงแก่เด็ก ๆ หากเกิดอุบัติที่ไม่คาดคิด ซึ่งปัจุบันมีคาร์ซีทหลากหลายรูปแบบมากมาย ทั้ง คาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 2 ปี คาร์ซีทสำหรับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป คาร์ซีทที่ใช้สำหรับเด็กโตอายุ 4 – 12 ปี รวมถึง คาร์ซีทแบบกระเช้า ที่นิยมใช้กันมากขึ้น คาร์ซีทกระเช้าคืออะไร เป็นแบบไหน เหมาะกับเด็กช่วงวัยใด ควรเลือกซื้ออย่างไรบ้าง มารู้จักให้มากขึ้นผ่านบทความนี้กันค่ะ คาร์ซีทแบบกระเช้า เลือกยังไง ให้เหมาะกับลูกน้อย หาคำตอบได้ในบทความนี้ คาร์ซีทกระเช้า คืออะไร ? คาร์ซีทแบบกระเช้า (Infant Car Seat) หรือคาร์ซีทแบบ Newborn Only เป็นคาร์ซีทที่ใช้สำหรับเด็กแรกเกิดจนถึงอายุไม่เกิน 24 เดือน เหมาะสำหรับการติดตั้งหันหน้าเข้าหาเบาะรถยนต์ มีลักษณะรูปร่างคล้ายกับตะกร้า และมีที่สำหรับจับถือหิ้ว สามารถวางไว้ในรถได้ และยกออกได้เลยโดยที่ไม่ต้องอุ้มเด็กออกจากคาร์ซีท ทำให้ไม่รบกวนการนอนหลับของลูกน้อยรวมถึงเคลื่อนย้ายได้ง่ายไม่ยุ่งยาก […]
ปัญหาลูกทารกนอนยาก ไม่ยอมนอน ถือเป็นหนึ่งปัญหาปวดหัวใจ ทำคุณพ่อคุณแม่หลายๆ บ้านเครียดและไม่สบายใจไปตามๆ กัน เพราะเมื่อลูกนอนยาก งอแง ไม่ยอมหลับ ก็มักจะงอแงร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหล ปลอบอย่างไรก็ไม่หาย กว่าจะนอนได้ก็นานเป็นชั่วโมง แถมเวลาลูกหลับแล้วตื่นมาทีไรก็ยังงอแง อารมณ์ไม่ดี เลี้ยงยากจนคุณแม่ๆ ทั้งหลายเพลียใจ ลูกน้อยทารกควรนอนมากแค่ไหน ? คุณแม่รู้ไหมว่า…ลูกทารกวัยแรกเกิด- 1 เดือน นอนกลางวันถึงวันละ 8-9 ชั่วโมง และกลางคืนอีก 8-9 ชั่วโมง รวม 15-18 ชั่วโมงต่อวัน ส่วนลูกวัย 1 -3 เดือน นอนกลางวันวันละ 6-7 ชั่วโมง และกลางคืนอีก 9-10 ชั่วโมง รวมประมาณ 15 ชั่วโมง จนเมื่อลูกน้อยวัย 6 เดือน เริ่มนอนน้อยลง คือ นอนกลางวันลงเหลือ 3-4 ชั่วโมง และกลางคืน 10-11 ชั่วโมง รวม […]
การตัดสินใจมีลูกสักคน นับเป็นเรื่องสำคัญของครอบครัว เพราะการมีลูกนั้นมักจะมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่เพิ่มมากขึ้น ต้องปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตแล้ว และหันมาคำนึงถึงค่าใช้จ่าย เริ่มตั้งแต่การฝากครรภ์ การคลอดบุตร การเลี้ยงดูบุตร แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ วันนี้ BABYGIFT จะพาไปดูกันว่าหากใช้ สิทธิประกันสังคมคนท้อง คุณแม่เบิกค่าใช้จ่ายอะไรได้บ้าง ไปดูพร้อมๆกันเลย สิทธิเบิกจ่ายค่าฝากครรภ์ ค่าตรวจครรภ์ ประกันสังคมได้เพิ่มสิทธิเบิกจ่ายค่าฝากครรภ์ ค่าตรวจครรภ์ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2561ให้กับผู้ประกันตนสำหรับคนท้องอีก 1,000 บาท ผู้ใช้สิทธิต้องจ่ายเงินเข้าประกันสังคมมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนเดือนที่ใช้สิทธิ โดยจ่ายตามอายุครรภ์ ดังนี้ คุณแม่ต้องสำรองจ่ายเงินไปก่อน แล้วนำใบเสร็จกับใบรับรองแพทย์มาเบิกจ่ายทีหลังได้เลยที่ประกันสังคมทั่วประเทศ โดยไม่ต้องรอให้มีการคลอดบุตรก่อน สิทธิเบิกจ่ายค่าคลอดบุตร คุณแม่ท้องสามารถใช้สิทธิประกันสังคม เบิกค่าคลอดบุตรได้ในอัตราเหมาจ่าย 13,000 บาทต่อครั้งเช่น ค่าทำคลอด ค่าห้องพัก ค่ายา หรือค่าบริการอื่นๆ โดยสามารถเบิกค่าคลอดบุตรได้ไม่เกิน 2 ครั้ง ซึ่งหมายความว่า หากคุณแม่คลอดบุตรคนที่ 3คุณแม่จะไม่สามารถเบิก ค่าคลอดบุตรได้อีก ยกเว้นถ้าคุณพ่อก็เป็นผู้ประกันตนด้วย ก็สามารถใช้สิทธิของคุณพ่อกับบุตรคนที่ 3 […]
มาช่วงหลัง ๆ นี้เราจะได้ยินคำว่า Baby Shower กันบ่อยมาก โดยเฉพาะในเหล่าดาราคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ก่อนจะไปดูไอเดียสนุก ๆ คุณแม่ทราบมั้ยคะว่า Baby Shower คืองานอะไรกันแน่? Baby Shower คืออะไร? พอได้ยินคำว่า Baby Shower ปุ๊ป คุณแม่บางบ้านอาจเห็นภาพฝักบัวลอยมาเลย ไม่แปลกค่ะ เพราะว่างานนี้ยังไม่ค่อยแพร่หลายในเมืองไทย แต่เป็นงานที่มีความนิยมมากในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศทางฝั่งตะวันตก อธิบายง่าย ๆ ก็คือ Baby Shower เป็นงานรวมญาติสนิทมิตรสหายเพื่อมาร่วมเฉลิมฉลองให้กับลูกน้อยของเราที่กำลังจะลืมตามาดูโลก โดยหลัก ๆ แล้ว แขกแต่ละคนก็จะนำของติดไม้ติดมือมาให้เพื่อเป็นของขวัญรับขวัญหลาน หรือบางคนก็อาจจะให้เป็นเงินทอง ส่วนใหญ่แล้วงาน Baby Shower ก็จะจัดขึ้นในไตรมาสที่ 3 นะคะ ไม่ช้าไม่เร็ว มาค่ะ เรามาดูกันว่านอกจากจะแค่ชวนเพื่อน ๆ มาพบปะกันแล้วเราจะจัดงาน Baby Shower แบบไหนกันได้บ้าง ไอเดียการจัด Baby Shower แบบคิวท์ ๆ 1. […]
คุณแม่ท้อง..เคยมีผู้ใหญ่หรือคนรู้จักทักหรือเตือนเรื่องความเชื่อต่างๆ บ้างไหม? เราเชื่อค่ะว่าคุณแม่ท้องหลายๆ ท่านจะต้องเคยได้ยินได้ฟังความเชื่อต่างๆ ที่เคยบอกกันมาระหว่างท้องแน่นอน ซึ่งความเชื่อที่มีมาช้านานในบางสิ่งก็เป็นเรื่องกุศโลบายที่ดีและน่าเชื่อถือ เพื่อป้องกันไม่ให้คุณแม่ตั้งครรภ์เกิดอันตรายหรือส่งผลเสียต่อสุขภาพ แต่ความเชื่อบางอย่างก็ไม่เหมาะสมที่จะนำมาใช้ในปัจจุบันกันแล้ว ครั้งนี้เราจึงจะมาแนะนำว่าความเชื่อแบบไหนที่ไม่เหมาะกับยุคสมัยนี้ และไม่น่าจะนำมาปฏิบัติกันแล้ว เพื่อให้คุณแม่ดูแลตัวเองขณะตั้งครรภ์ได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องนำมาคิดให้เป็นกังวลกันต่อไปค่ะ เชื่อแบบนี้ …ไม่ดีแน่ มาดูความเชื่อที่ไม่เหมาะสมกับยุคสมัยและข้อมูลความเป็นจริงในปัจจุบันว่ามีอะไรบ้าง ห้ามแม่ท้องเตรียมของใช้ไว้ให้ลูกก่อน เพราะแต่เดิมการแพทย์ยังไม่ทันสมัยเท่าตอนนี้ การตั้งครรภ์และคลอดลูกน้อยสมัยก่อนจึงยังไม่ค่อยมีความปลอดภัยมากนัก หลายบ้านจึงมีความเชื่อว่าการเตรียมของใช้เด็กอ่อนไว้ล่วงหน้า อาจจะทำให้ลูกไม่ได้เกิดมาหรือมีเหตุบางอย่างทำให้คุณแม่เป็นอันตราย แต่ยุคสมัยและความเจริญทางการแพทย์เปลี่ยนไป แม่ตั้งครรภ์ยุคใหม่เกือบทุกคนมักคลอดได้อย่างเรียบร้อยดี และลูกน้อยก็ออกมาลืมตาดูโลกได้อย่างปลอดภัย เนื่องจากมีการฝากครรภ์ การตรวจและดูแลครรภ์ตลอด 9 เดือนจากแพทย์ จึงไม่มีความจำเป็นจะต้องงดการซื้อของใช้เพื่อการเลี้ยงลูกไว้ล่วงหน้าแต่อย่างใด ซึ่งหากคุณแม่ยังมีความเชื่อแบบนี้ โดยไม่ได้เตรียมของใช้ให้ลูกไว้ ในช่วงหลังคลอดทั้งคุณแม่คุณพ่อและครอบครัวอาจเกิดความยุ่งยาก เมื่อต้องการใช้อุปกรณ์ต่างๆ เพื่อความสะดวกในการเลี้ยงลูก ไม่ว่าจะเป็นผ้าอ้อม อุปกรณ์ทำความสะอาด ใช้อาบน้ำสระผมลูก เครื่องปั๊มนม คาร์ซีทที่ควรต้องใช้ติดรถไว้เพื่อพาลูกน้อยกลับบ้านทันทีหลังคลอด และอื่นๆ หากไม่มีก็จะต้องรีบไปซื้อหามาอย่างฉุกละหุก จนเกิดความวุ่นวายหลังคลอดได้นั่นเอง ดังนั้นหากคุณแม่ได้เตรียมของใช้ไว้พร้อมทุกอย่างก่อนตั้งครรภ์ หลังคลอดก็สามารถหยิบจับมาดูแลลูกได้ทั้นที เรียกว่าเตรียมมีไว้ใช้อย่างสะดวกดีที่สุดค่ะ คนท้องห้ามกินของดำ จากความเชื่อเดิมที่มีหลายคนบอกว่า แม่ท้องห้ามดื่มกินอาหารที่มีสีดำ เช่น เฉาก๊วย โอเลี้ยง ซีอิ๊ว กาละแม และอื่นๆ เพราะจะทำให้ลูกน้อยที่คลอดออกมาผิวดำนั้น ทุกวันนี้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ก็พิสูจน์ให้ทุกคนได้รู้กันแล้วว่า […]
ไขข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้คาร์ซีทมือสอง โดย หมอวิน เพจ #เลี้ยงลูกตามใจหมอ ว่าด้วยเรื่องความปลอดภัยของคาร์ซีท #คาร์ซีทมือสอง ตามที่พ่อหมอเคยเขียนเรื่องการเลือกซื้อคาร์ซีทไว้แล้วตั้งแต่ตอนเปิดเพจครับ คลิกอ่านได้ครับที่ https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1318721458224835&substory_index=0&id=1312969582133356 ก็เริ่มมีลูกเพจเริ่มถามเรื่อง “การซื้อคาร์ซีท” ในหัวข้อนอกเหนือจากคำถามเบื้องต้นครับ โดยเฉพาะเรื่อง “การซื้อคาร์ซีทมือสอง” หรือ “คาร์ซีทเก่า” ตามคำแนะนำของราชวิทยาลัยกุมาร ฯ ของสหรัฐอเมริกา … บอกไว้ว่า






