ลูกติดเต้า ไม่เอาขวดนม รับมืออย่างไร

” ลูกติดเต้า ไม่ยอมใช้ขวดนมเลย ทำอย่างไรดี ? เริ่มให้ลูกหย่านมจากเต้า มาฝึกใช้ขวดนมเมื่อไหร่ดี ? ” อีกคำถามที่แม่ๆหลายคนมักเจอตอนลูกน้อยอายุ 1 ขวบ โดยเฉพาะคุณแม่ที่เลี้ยงลูกน้อยด้วยนมจากเต้าเพียงอย่างเดียว วันนี้ BabyGift มีเคล็ดไม่ลับมาฝากแม่ๆกันค่ะ
ต้องขอเกริ่นก่อนว่า ความจริงแล้วการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เป็นสิ่งที่ดีที่สุดอยู่แล้ว ด้วยคุณค่าของน้ำนมความอบอุ่นและอื่นๆ แต่เมื่อลูกรักโตขึ้น หลายคนที่ดูดนมแม่จากเต้าจนติด หรือที่เรียกว่า ” ลูกติดเต้า “ งอแงไม่ยอมกินนมจากขวด เวลาที่คุณแม่ต้องออกไปทำงานหรืออยู่นอกบ้าน การให้นมแม่จากขวดนม หรือการเริ่มหย่านมแม่ มักจะเกิดปัญหาตามมาเพราะลูกไม่ยอมกินนมจากขวด งอแงร้องไห้ จนเกิดปัญหาการกินกับลูกได้ และปัญหาการใช้ชีวิตของคุณแม่เอง
ฉะนั้นมาดูกันเลยค่ะว่าจะมีเทคนิคแบบไหน ที่สามารถทำให้ลูกได้ฝึกกินนมจากขวดได้ โดยไม่หักดิบ ไม่ทำให้ลูกร้องไห้งอแง หงุดหงิดเสียใจ คุณแม่เองก็ไม่ต้องเครียดไปด้วย ตามมาดูกันเลยค่ะ
8 ทริค ฝึกลูกดูดนมขวดแบบแฮปปี้

1 ) ค่อยๆ ฝึก ไม่บังคับลูก
เพราะการดูดขวดคือทักษะใหม่ของลูกรักที่เคยแต่ดูดนมแม่จากเต้ามาตลอด จนกลายเป็นว่า ลูกติดเต้า รวมถึงวิธีการดูดนมจากขวดกับการดูดนมจากเต้าก็มีความแตกต่าง จึงต้องอาศัยเวลาให้ลูกปรับตัวและฝึกฝน
รวมถึงลูกรักเองก็ต้องใช้สมาธิในการดูดมากขึ้นในช่วงแรก ฉะนั้นการทำความเข้าใจไม่บังคับ และให้ลูกได้ลองฝึกในสิ่งแวดล้อมที่เงียบและสงบค่อย ๆ ป้อนไป จะช่วยทำให้ลูกรู้สึกผ่อนคลายและยอมกินได้มากขึ้น
2 ) เริ่มใช้ขวดตอนลูกไม่งอแง
นั่นคือหลีกเลี่ยงการให้ลูกลองทำอะไรใหม่ในช่วงเวลาที่เขาอาจจะงอแงได้ง่าย นั่นคือ ช่วงที่ลูกง่วงนอนจัด และช่วงที่ลูกหิวจัดนั่นเอง เพราะลูกจะโวยวายร้องไห้ไม่ยอมให้ความร่วมมือแน่นอน
3 ) การสลับมื้อนมจากเต้าและนมจากขวด
เป็นวิธีการค่อยๆ สลับมื้อนมให้ลูกคุ้นเคยมากขึ้น ด้วยการจากที่เคยให้นมจากเต้าทั้งวัน คุณแม่ก็อาจจะนำนมแม่ที่ปั๊มไว้มาให้ลูกกินสลับบ้างในบางมื้อ เช่น หากใน 1 วันให้กิน 5 ครั้ง ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นนมจากเต้า 4 ครั้ง นมจากขวดสัก 1 ครั้ง พอวันที่ 2 ก็ให้นมจากเต้า 2 ครั้ง นมจากขวด 2 ครั้ง ค่อยๆ ทำ แบบนี้สัก 3-4 วัน ให้ลูกรู้ว่าจะมีสลับกันบ้าง พอลูกเริ่มยอมรับได้ ค่อยเพิ่มจำนวนมื้อนมจากขวดให้มากขึ้น หรือจะใช้สูรการสลับมื้อนม ดังนี้
- วันที่ 1-3 : มื้อแรก ให้นมจากขวด 1 ขวด แทนนมแม่จากเต้า มื้ออื่นๆ ที่เหลือเป็นนมจากเต้าเหมือนเดิม
- วันที่ 4-6 : ให้นมจากขวด 2 ขวด อาจเป็นมื้อแรก หรือมื้อบ่าย นอกนั้นมื้ออื่นๆ สลับเป็นนมแม่จากเต้า
- วันที่ 7-9 : ให้นมจากขวด 3 ขวด ในมื้อแรก มื้อที่สอง และมื้อเย็น ที่เหลือเป็นนมแม่จากเต้า
- วันที่ 10 : ให้นมจากขวดทั้งหมดทุกมื้อ


4 ) ฝึกลูกดูดนมจากขวดก่อนเวลาหิวจริง
ควรเริ่มให้ดูดนมจากขวด ก่อนมื้อนมประมาณ 10-15 นาที หรือช่วงเวลาที่ลูกใกล้ตื่นจากนอน โดยไม่ควรฝึกให้ลูกดูดนมแม่จากขวดตอนที่ลูกร้องหิว เพราะลูกจะมีอาการหงุดหงิด จนไม่ยอมกินนมแม่ที่อยู่ในขวดได้
5 ) ให้คนอื่นป้อน
เพราะลูกรักติดนมจากเต้าคุณแม่มานาน รวมถึงมีความผูกพันและอาจติดกลิ่น ติดความรู้สึกที่ได้กินนมแม่จากเต้า ดังนั้นเวลาที่ลูกเห็นหรือได้กลิ่นแม่อยู่ด้วย ลูกอาจจะไม่ยอมดูดนมจากขวดได้
ฉะนั้นบางครั้งอาจจะต้องให้คนอื่นเป็นคนป้อนขวดให้ลูก แล้วคุณแม่ก็แยกตัวไปอยู่ที่อื่นก่อน เพื่อเป็นการฝึกซ้อมตอนแม่ต้องไปทำงาน หรือออกไปนอกบ้านให้ลูกได้ค่อยๆ คุ้นเคย โดยคุณแม่ควรหลบไปอยู่นอกสายตาไม่ให้ลูกมองเห็น และอยู่ห่างๆ เพราะสัญชาตญานของลูกจะจำกลิ่นแม่ได้ ทำให้ลูกไม่ยอมกินนมจากขวด
6 ) เปลี่ยนจุกให้เหมาะสม
การเลือกจุกนมเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง สำหรับการฝึกลูกกินนมจากขวด เพื่อไม่ให้ลูกสับสนหัวนมระหว่างหัวนมจากเต้าแม่และหัวนมจากขวด ดังนั้นคุณแม่จึงควรเลือกหัวนมที่มีลักษณะและความนิ่มพอ ๆ กับหัวนมแม่ เลือกใช้จุกนมเสมือนนมแม่ เพื่อให้ลูกรู้สึกคล้ายการดูดนมจากเต้านมแม่ ดยปัจจุบันมีให้เลือกมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นจุกนมที่มีความนิ่ม มีฐานกว้าง ที่ลูกจะต้องใช้วิธีการดูดทั้งปากคล้ายนมแม่
Tommee Tippee ราคา 355.- บาท (2 ชิ้น/แพค)
- จุกนมสำหรับเด็ก ที่มีฐานกว้าง
- ใช้งานได้กับขวดนมชนิด PP PES
แก้ว ถุงเก็บน้ำนม Express and Go - ผลิตจากซิลิโคนที่เลียนแบบเต้านมของแม่
จึงให้ผิวสัมผัสนุ่ม ยืดหยุ่น น้ำนมไหลอย่างธรรมชาติ - ทนความร้อนได้ 120 องศาเซลเซียส
- น้ำหนักเบา มีความยืดหยุ่นสูง
- คุ้มค่าระยะเวลาการใช้งาน 2-3 เดือน
- สามารถฆ่าเชื้อได้ด้วยการต้ม หรือเครื่องนึ่งฆ่าเชื้อได้
- ปราศจาก BPA (สารก่อมะเร็ง)
PUR จุกนม รุ่น Gentle Touch ราคา 215.- บาท (2 ชิ้น/แพค)
- คอกว้าง ขนาดใหญ่ สำหรับเด็ก 6 เดือนขึ้นไป แพ็ค 2 ชิ้น
- มีแอร์วาว์ล ช่วยให้อากาศไหลผ่านจุกนมได้สะดวก ระดับการไหลของน้ำนมให้เป็นไปอย่างสม่ำเสมอ จุกนมไม่ฟีบแบนแม้ดูดอย่างต่อเนื่อง (คล้ายดูดนมแม่)
- แอร์วาว์ล จะช่วยทำให้ไม่เกิดสุญญากาศที่ขวดนม จึงช่วยลดอาการสำลักซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการโคลิก
- ช่วยให้ลูกน้อยไม่ต้องกลืนอากาศในขณะดูดนม หมดกังวลเรื่องปัญหาท้องอืด ท้องเฟ้อ ไม่สบายท้อง
- จุกนมซิลิโคน สามารถฆ่าเชื้อโดยวิธีการต้ม / แช่ในน้ำเดือด / นึ่งในเครื่องนึ่งไฟฟ้า หรือไมโครเวฟ
7 ) ใช้ขวดนมป้องกันลมเข้า ป้องกันท้องอืด
เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาลูกกินนมจากเต้าคุณแม่ มักจะไม่มีอาการท้องอืดแน่นท้อง ไม่เคยดูดลมเข้าในท้อง แต่การเปลี่ยนมาดูดนมขวด อาจทำให้ลูกมีอาการแน่นท้องได้ พ่อแม่จึงควรต้องป้องกันไม่ให้ลูกมีอาการไว้ก่อน เนื่องจากหากลูกปวดท้อง ไม่สบายท้องเพราะดูดขวด เขาจะไม่ยอมดูดขวดอีกเลย คุณแม่จึงควรฝึกลูกกินนมจากขวด ด้วยการเลือกซื้อขวดนมที่มีคุณภาพในการป้องกันลมเข้า ป้องกันโคลิก และให้ลูกได้หยิบจับได้สะดวก
Mummom PPSU Feeding bottle Anti-Colic
ขวดนมป้องกันอาการโคลิค ขนาด 6 oz. ราคา 490.- บาท
- ผลิตจากพลาสติ PPSU ที่ทนต่อความร้อนสูงถึง 180 องศา ใช้งานนานถึง 2 ปี
- วัสดุทุกชิ้นปราศจากสาร BPA และหมึกที่ใช้พิมพ์ลายขวดนม ผลิตจากพืช ปลอดภัยต่อลูกน้อย (100% Safe: BPA Free, Non-toxic plant ink)
- มีจุกนมที่ออกแบบให้เหมือนเต้านมแม่ ฐานกว้างนมไม่รั่ว
- มีรูระบายอากาศ แบบเข้าทางเดียว ทำให้น้ำนมไหลสม่ำเสมอ จุกนมไม่ฟีบแม้ดูดต่อเนื่อง
- จุกยางต่อกับสายยางทำให้ไม่มีลมเข้าเวลาดูด ทำให้ไม่เกิดลมเข้าสู่ปากลูก ไม่มีอาการท้องอืด หรือท้องเฟ้อ
- ผ่านการรับรองมาตรฐาน , มอก.
Tommee Tippee ขวดนม รุ่น Anti-colic 9 ออนซ์ ราคา – บาท
- มีส่วนช่วยลดการเกิดอาการโคลิค ปวดท้อง แน่นท้อง
- ผลิตจากพลาสติก ชนิด PP (โพลีโพลไพลิน) ขวดใส น้ำหนักเบา
- สามารถทนความร้อนได้ 110-120 องศาเซลเซียส
- คุ้มค่า สามารถใช้งานขวดนมได้นาน 6 เดือน
- สามารถฆ่าเชื้อได้ด้วยการต้ม หรือเครื่องนึ่งฆ่าเชื้อได้
- ปราศจาก BPA (สารก่อมะเร็ง)
Nanobebe ขวดนม รุ่น Flexy Silicone 9 ออนซ์ ราคา 695.- บาท
- ทำจากซิลิโคนเกรดพรีเมียม เป็นฟู้ดเกรดที่ดีที่สุด BPA-Free, phthalate-free, lead-free, and PVC-free. 100% silicone interior
- จุกนมรุ่นระบายอาการพิเศษที่ลดอาการโคลิค มีรูระบายอากาศ 3 รู อยู่ตัวไม่ยุบลงง่าย ทำให้ลูกสามารถดูดได้ดี ไม่เกิดอาการหงุดหงิดหรือไม่สบายตัวหลังการดูดขวด
- ผิวสัมผัสนิ่ม ให้ความรู้สึกเสมือนเต้านมแม่ ทำให้ลูกสามารถเปลี่ยนจากเต้านมแม่สู่ขวดได้อย่างสบาย หรือสามารถใช้สลับเต้าขวดโดยไม่เกิดการสับสนของเต้านมแม่
- มีฐานขวดนมกว้างทรงคล้ายเต้านมแม่ ทำให้ขวดตั้งได้อยู่ตัวไม่ล้มลงง่าย และมีระดับวัดปริมาตรที่ชัดเจน
- คอขวดกว้างทำให้ล้างทำความสะอาดได้ทุกซอกมุม สามารถล้างในเครื่องล้างจาน และฆ่าเชื้อได้ในเครื่องอบ UV เครื่องนึ่ง และไมโครเวฟได้
- ใช้ได้กับลูกน้อยตั้งแต่วัยแรกเกิด ไปจนถึงวัย Toddler
Dr.Betta ขวดนมคอกว้าง Brain WS2 240 ml. ราคา 1,490 บาท
- ออกแบบให้มีรูปทรงโค้ง ตอบโจทย์การดื่มนมของลูกได้ดี ป้องกันโคลิค
- ลูกดื่มนมในท่านั่งตรงเสมือนดูดนมจากเต้ามารดา กลืนนมได้ง่ายยิ่งขึ้น
- ลดโอกาสการเกิดโรคหูชั้นกลางอักเสบอัน จากการที่น้ำนมไหลเข้าสู่หูชั้นกลาง
- ถูกออกแบบมาให้มีอากาศในขวดน้อยที่สุด ลดการกลืนลมของลูกน้อย
- จุกนมเป็นแบบน้ำนมไหลตามแรงดูดของลูกน้อย มีความนิ่ม ปลายจุกกลมผิวสัมผัสมีความด้าน มีรอยหยักช่วงปลายจุกเสมือนนมแม่
- ใช้สลับกับการเข้าเต้าได้ รูปทรงโค้ง ให้ลูกจับเองได้ง่าย
- วัสดุของขวดนม ทำมาจากพลาสติก PPSU (สีชา)
- แข็งแรงทนทาน ตกไม่แตก ไม่ดูดซับสีและกลิ่น
- ทนความร้อนสูงสุด 180 องศา นึ่งและอบ UV ได้
- มีอายุการใช้งานสูงสุด 2 ปี

8 ) การฝึกให้ลูกเริ่มใช้ถ้วยหรือแก้วหัดดื่ม
นอกจากการฝึกให้ลูกใช้ขวดนมดูดน้ำนมแทนกินนมแม่จากเต้าแล้ว หากเป็นไปได้ อาจลองฝึกให้ลูกดื่มน้ำ หรือดื่มน้ำผลไม้ด้วยถ้วยหัดดื่ม เพราะลูกวัย 1 ปีขึ้นไปสามารถดื่มน้ำผลไม้ และน้ำปั่นอื่นๆ ได้บ้างแล้ว
ฉะนั้นหากลูกได้ดื่มนม ดื่มน้ำ หรือน้ำผลไม้อื่นๆ ได้อย่างมีความสุขหรือหลากหลายมากขึ้น การใช้ถ้วยหัดดื่มสำหรับเด็กที่มีสีสันสดใส ให้ลูกได้หยิบจับถือได้เอง จะทำให้ลูกรู้สึกสนุก และค่อยๆ เลิกกินนมจากเต้า หรือหัดใช้ถ้วยแทนการดูดนมจากขวดได้อีกด้วย มาดูกันว่า ถ้วยหัดดื่มที่น่าสนใจมีแบบไหนบ้าง
Bbox แก้วหัดดื่ม Disney/Sippy Cup 240 ml. ราคา 590.- บาท
- ผลิตมาจากวัสดุ ซิลิโคนนิ่ม, สเตนเลสคุณภาพสูง, PP-BPA, Phthalates and PVC free ที่มีความปลอดภัยสูง
- ออกแบบมาสุดพิเศษ โดยมีซิลิโคนลูกบอลเหล็กถ่วงน้ำหนัก
- ลูกรักสามารถดื่มได้ในทุกอิริยาบถ ไม่ว่าจะนั่งหรือนอน ด้วยนวัตกรรมการออกแบบ ที่ทำให้ปลายหลอดภายในแก้วจมอยู่ในของเหลว ตลอดเวลา
- ตัวแก้วออกแบบให้มีหูจับถนัดมือ ฝาเปิด-ปิดง่าย ไม่รั่วไม่หก ไม่สำลัก
- สามารถถอดล้างทำความสะอาดได้ทุกชิ้น ปลอดภัยจากการสะสมของเชื้อรา
- ปราศจาก BPA, Phthalates และ PVC
- เหมาะสำหรับลูกรักวัย 6 เดือนขึ้นไป มีสีสันสดใสให้เลือกหลากหลาย
PUR แก้วหัดดื่มพร้อมหลอดดูด Go’in Out 8 ออนซ์ ราคา 225.- บาท
- ผลิตจากวัสดุปลอดจากสาร BPA จึงมั่นใจในความปลอดภัยต่อลูกน้อย
- ขวดรูปทรงเว้าจึงจับขวดได้สะดวกยิ่งขึ้น พร้อมสีสันที่ช่วยดึงดูดความสนใจของลูกน้อยนำไปสู่พัฒนาการการเรียนรู้ที่มากขึ้น
- เก็บรักษาหลอดให้สะอาดด้วยหลอดซิลิโคนไม่รั่วซึม ทำความสะอาดง่ายและถูกสุขอนามัย
- ให้ลูกน้อยจับและถือได้ถนัดมือ เพราะออกแบบมาให้สามารถล๊อกมือจับหรือแกว่งได้ตามต้องการ
- สามารถล๊อกมือจับได้ที่ตัวขวด เพื่อใช้เป็นขวดนมแบบปกติระหว่างมื้ออาหารได้
- เสริมสร้างพัฒนาการ ทำให้ลูกน้อยรู้สึกสนุกสนานและเพลิดเพลินไปกับการดื่มน้ำกับแก้วน้ำสีสันสดใส
เป็นยังไงกันบ้างคะ กับเทคนิคที่ BabyGift นำมาฝาก ขอเพียงหมั่นฝึกฝนตามวิธีการต่างๆ ที่แนะนำ พร้อมกับใช้ตัวช่วยต่างๆ อย่างขวดนมที่เหมาะกับเจ้าตัวเล็ก และมีจุกนมที่ดี เพียงเท่านี้ ก็มั่นใจได้ว่าลูกน้อยจะยอมดูดขวดนมได้อย่างเพลิดเพลินแน่นอนค่ะ
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
พัฒนาการของเด็ก แบ่งได้หลายแบบ โดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 4 ด้านใหญ่ๆ คือ เด็กปกติทั่วไปจะมีลำดับขั้นของพัฒนาการใกล้เคียงกัน ถ้าเด็กมีพัฒนาการล่าช้าเกิน 6 เดือนขึ้นไป ถือว่ามีความผิดปกติบางอย่างที่ต้องรีบช่วยเหลือ และกระตุ้นพัฒนาการอย่างเร็วที่สุด พัฒนาการปกติในแต่ละช่วงวัยเป็นดังนี้ พัฒนาการด้านกล้ามเนื้อมัดใหญ่ (Gross Motor Development) ช่วงวัย พัฒนาการ แรกเกิด งอแขนขา, เคลื่อนไหวเท่ากัน 2 ด้าน 1 เดือน หันหน้าซ้ายขวา 2 เดือน ชันคอ 4 เดือน ยกแขนดันตัวชูขึ้นในท่าคว่ำ 6 เดือน คว่ำหงายได้เอง 9 เดือน นั่งได้มั่นคง, คลาน, เกาะยืน 12 เดือน เกาะเดิน 15 เดือน เดินเองได้ 18 เดือน วิ่ง, ยืนก้มเก็บของ 2 ปี เตะลูกบอล, กระโดด 2 เท้า 3 ปี ขึ้นบันไดสลับเท้า, ถีบรถ 3 ล้อ 4 ปี ลงบันไดสลับเท้า, กระโดดขาเดียว 5 […]
เมื่อแม่ท้องปวดเมื่อย ไปนวดได้ไหม อันตรายหรือเปล่า? สารพันอาการปวดเมื่อย เป็นเรื่องธรรมดาที่มักเกิดขึ้นกับคุณแม่ตั้งครรภ์ เนื่องจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ร่างกายมีการปรับเปลี่ยน ร่วมกับการรับน้ำหนักท้องที่ใหญ่ มดลูกที่ขยายและน้ำหนักตัวลูกน้อย ทำให้คุณแม่ท้องมีอาการปวดขา ปวดหลัง ปวดเข่า ปวดเท้าต่างๆ ร่วมกับการปวดเมื่อยเนื้อตัวในการใช้ชีวิตประจำวัน จนทำให้ปวดคอ ปวดบ่าไหล่กันได้อีก ด้วยความปวดเมื่อยหลายส่วนของแม่ท้องนี้ จึงทำให้คุณแม่หลายท่านคิดจะไปนวดเพื่อให้หายเมื่อยและผ่อนคลาย โดยอาจไม่รู้ว่าการนวดในช่วงตั้งครรภ์ มีข้อจำกัดและยกเว้นในบางเรื่อง ซึ่งหากคุณแม่ไปนวดโดยไม่ศึกษาหาข้อมูลหรือปรึกษาแพทย์ก่อน อาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ทั้งคุณแม่และลูกน้อย ฉะนั้น…เพื่อคลายข้อข้องใจ เราจึงมาอธิบายเบื้องต้นให้คุณแม่ได้รู้ว่า แม่องจะนวดได้ไหม และการนวดแบบไหนเป็นข้อห้ามกันบ้าง แม่ท้อง นวดอะไรได้แค่ไหน? อาการปวดเมื่อยต่างๆ กับคุณแม่ตั้งครรภ์คือของคู่กัน เพราะร่างกายที่เปลี่ยนไป การต้องแบกรักน้ำหนักท้อง โดยต้องยืนแอ่นหลังเพื่อให้ทรงตัวอยู่ได้ จึงทำให้คุณแม่เกิดอาการปวดกล้ามเนื้อบริเวณหลัง และทำให้ขา ข้อเข่า และข้อเท้าต้องรับน้ำหนักมากขึ้น ปวดขา ปวดน่อง โดยเฉพาะคุณแม่ท้องที่ต้องยืนนานๆ นอกจากนี้หากคุณแม่มีอาการปวดเมื่อยจากโรคข้อและกล้ามเนื้ออยู่แล้ว ในช่วงตั้งครรภ์อาจทำให้มีอาการรุนแรงขึ้นได้ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณแม่อยากนวด แม่ท้องนวด มีทั้งประโยชน์และโทษพร้อมกัน เนื่องจากมีข้อมูลจากการศึกษาอยู่จำนวนหนึ่งที่บอกถึงประโยชน์ของการนวดในคุณแม่ตั้งครรภ์ นั่นคือ การนวดช่วยลดความปวดเมื่อย ลดอาการบวม ตะคริว ปวดศีรษะ คลายความเครียด ทำให้หลับสบาย หลับง่ายขึ้น และอารมณ์ดีขึ้น แต่การนวดในคุณแม่ตั้งครรภ์ […]
คาร์ซีท ( Car Seat ) หนึ่งในอุปกรณ์เพิ่มความปลอดภัยให้กับเด็ก สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ ที่พ่อแม่ทุกคนควรให้ความสำคัญ ควรเตรียมไว้ให้กับลูกตั้งแต่ก่อนคลอด เพราะในความเป็นจริง เราควรใช้คาร์ซีทตั้งแต่วันแรกที่พาลูกออกจากโรงพยาบาล เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นจากการเดินทาง นอกจากนี้ร่างกายของเด็กในช่วงแรกเกิดก็ยังมีความบอบบางจึงต้องใส่ใจและได้รับการดูแลเป็นพิเศษ คาร์ซีทก็มีหลากหลายแบบ หลายประเภท ( อ่านบทความประเภทของคาร์ซีท Click ) แต่วันนี้ที่อยากจะชวนพ่อแม่ทุกคนมาดูกันคือ คาร์ซีทแรกเกิดหมุนได้ 360 องศา ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในคาร์ซีที่นิยมใช้เป็นอย่างมาก เพราะมีทั้งความปลอดภัย และมีความสะดวกสบายต่อการใช้งานเป็นอย่างมาก 4 เหตุผล ทำไมควรใช้คาร์ซีทหมุนได้ คาร์ซีทหมุนได้ เลือกแบบไหนดี การใช้คาร์ซีทให้ปลอดภัย คาร์ซีทหมุนได้ 7 รุ่น น่าใช้ โดนใจแม่ ประจำปี 2024 Ailebebe รุ่น Kurutto R The First จุดเด่น การใช้งาน : เด็กแรกเกิดความสูง 40-100 cm. หรือ อายุ 0- 4 ปี การติดตั้ง : ระบบ ISOFIX แบรนด์ : ประเทศญี่ปุ่น Ailebebe รุ่น Kurutto R […]
ขอแสดงความยินดีกับว่าที่คุณแม่คนใหม่ด้วยนะคะ! กำลังกังวลกันอยู่ใช่มั้ยล่ะ ว่าตอนท้องอ่อนๆ จะสามารถทำอะไรได้บ้างทำอะไรไม่ได้บ้าง วันนี้เราเลยนำเรื่องที่คุณแม่มือใหม่ควรหลีกเลี่ยงมาบอกกันค่ะ ไม่แปลกใจที่คุณแม่บางท่านจะกังวลมากๆ ในช่วงท้องอ่อน เพราะในช่วงสามเดือนแรกนั้น อวัยวะต่างๆ ของลูกน้อยในท้องของคุณแม่ยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ค่ะ ดังนั้นในระยะนี้จึงมีความเสี่ยงต่อการแท้งมากกว่าในไตรมาสอื่นๆ ช่วงนี้คุณแม่ที่ท้องอ่อนๆ ต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการรับประทานอาหาร สิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัว หรือการใช้ยาต่างๆ ดังนั้น เรื่องความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญ กังวลได้แต่อย่าเครียดนะ เพราะความเครียดก็เป็นสิ่งที่คุณแม่ต้องพึงระวังไว้ด้วย กำลังคิดจะไปทานแซลมอน ลาบก้อย หอยนางรมฉลองสมาชิกใหม่กันอยู่รึเปล่า ช่วงนี้คุณแม่อาจจะต้องงดไว้ก่อนนะ เพราะอาหารที่ปรุงไม่สุกส่วนใหญ่อาจปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียที่จะทำให้คุณแม่ท้องเสียหรืออาเจียนได้ แถมยังอาจทำให้เป็นโรคทอกโซพลาสโมซิส (Toxoplasmosis) ซึ่งเจ้าโรคนี้เนี่ยมันเกิดจากเชื้อปรสิตทอกโซพลาสมา กอนดิไอ(Toxoplasma gondii) ที่สามารถแพร่ไปสู่ลูกน้อยในท้องของคุณแม่ได้ค่ะ เห็นชื่อน่ากลัวแบบนี้ มันก็น่ากลัวจริงๆ นะ เพราะหากติดโรคนี้ตอนท้องก็อาจจะทำให้แท้งไปเลย หรือไม่ก็ลูกอาจจะเสียชีวิตในท้อง ไม่ก็อาจมีอาการของโรคเมื่อคลอดออกมา สังเกตง่ายๆ เลยค่ะ ถ้าคุณแม่ที่ติดเชื้อนี้ตอนท้อง ลูกคลอดออกมาจะมีขนาดศีรษะที่ไม่ปกติ อาจจะเล็กหรือไม่ก็ใหญ่กว่าเด็กคนอื่นๆ แถมพอโตไปก็อาจจะตาบอดหรือสติปัญญาอาจจะด้อยกว่าเด็กอื่นๆ ด้วยนะ แต่แต่แต่ ถ้าคุณแม่เคยเป็นโรคนี้ก่อนท้องแล้วก็ชิวชิวค่า เพราะร่างกายคุณแม่มีภูมิคุ้มกันแล้ว ไม่กลับมาเป็นอีกแล้วล่ะ คุณแม่ที่กำลังใช้ยาอยู่ หยุดก่อนค่ะ! ได้ถามคุณหมอรึยังว่ายาตัวนั้นคนท้องทานได้มั้ย คุณแม่อย่าชะล่าใจไปน้าเพราะยามีหลายประเภทแล้วก็ออกฤทธิ์แตกต่างกัน เพราะงั้นยาบางตัวอาจมีผลต่อการสร้างอวัยวะของลูกน้อยได้ เช่นพวกยารักษาสิว Isotretinoin นี่ตัวดีเลยค่ะ เพราะมันเป็นยาที่รุนแรงมาก มากจนอาจทำให้ลูกพิการได้เลยนะ หรือพวกยาที่ใช้รักษาไมเกรน เช่น Cafergot เพราะมันทำให้มดลูกของพวกเราบีบตัวจึงอาจทำให้คลอดก่อนกำหนดได้ พอคุณแม่ทานยาเข้าไปปุ๊ป ลูกก็จะได้ยาพวกนี้ผ่านทางรกด้วยค่ะ แต่ผลกระทบต่อลูกก็จะขึ้นอยู่กับปริมาณยาที่คุณแม่ทานเข้าไปนะ เพราะฉะนั้นหากจะทานยา […]
ความสะอาดของอุปกรณ์เครื่องใช้สำหรับลูกน้อยนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะเด็กเล็กยังร่างกายไม่แข็งแรง ระบบภูมิคุ้มกันก็ทำงานได้ยังไม่เต็มที่ หากสัมผัสกับเชื้อโรคก็จะมีโอกาสป่วยได้ง่าย คุณพ่อคุณแม่จึงต้องหาวิธีทำความสะอาดข้าวของเครื่องใช้ของลูกน้อย เพื่อให้มั่นใจว่าสะอาดปลอดภัยมากที่สุด ทั้งนี้ ได้มีการนำนวัตกรรมการฆ่าเชื้อด้วยพลังงานจากรังสี UV-C โดยการปรับเปลี่ยนเป็นเครื่องอบ UV ขนาดเล็กที่สามารถใช้ฆ่าเชื้อสิ่งของต่างๆ ภายในบ้านได้อย่างง่ายดาย ในบทความนี้ BabyGift ได้รวบรวมเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเครื่องอบยูวีพร้อมสินค้าแนะนำมาฝากกันแล้วค่ะ เครื่องอบ UV คืออะไร ? เครื่องอบ UV หรือ ตู้อบ UV (UVC Sterilizer) เป็นการนำหลอดสังเคราะห์แสง UV-C หรือ Germicidal Lamp มาติดตั้งไว้ภายในเครื่องอบบริเวณด้านบน หรือบริเวณฝาปิดด้านบน เมื่อเครื่องทำงานด้วยโหมด UV จะเป็นการปล่อยรังสี UV-C จากหลอด UV ด้วยปริมาณค่าความยาวคลื่นแสงถึง 254 นาโนเมตร ลงไปตกกระทบกับพื้นผิวของสิ่งของต่างๆ ที่อยู่ภายในตู้ ในปริมาณที่สม่ำเสมอ และระยะเวลานานเพียงพอจนเข้าไปทำลาย DNA และ RNA ของเชื้อโรคได้ จากแต่เดิมการฆ่าเชื้อสิ่งของต่างๆ ด้วยการลวกน้ำร้อน หรือการนึ่งด้วยไอร้อน อาจเหมาะกับการฆ่าเชื้อแค่สิ่งของที่โดนน้ำและทนความร้อนได้ เช่น […]
เมื่อต้องพาเจ้าตัวน้อยเดินทางไกลขึ้นเครื่องบินครั้งแรก คุณแม่หลายท่านมักมีคำถามมากมาย เพื่อให้ทุกท่านเตรียมตัวเดินทางได้อย่างสนุกสนานพร้อมรถเข็นคันโปรดคู่ใจ Baby Gift ได้รวบรวมทุกคำตอบไว้ในที่เดียวจบ 1.รถเข็นแบบไหนสามารถนำขึ้นเครื่องบินได้บ้าง จำเป็นต้องพับเล็กๆ หรือมีข้อกำหนดเกี่ยวกับขนาดและน้ำหนักของรถเข็นหรือไม่? ตอบ เมื่อมีผู้โดยสารที่เป็นเด็กเดินทางไปพร้อมกัน รถเข็นเด็กทุกขนาด ไม่ว่าจะพับใหญ่พับเล็ก ทั้งหนักและเบา สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ทั้งหมดโดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องขนาดและน้ำหนัก แต่รถเข็นต้องสามารถพับได้ (ซึ่งรถเข็นทุกรุ่นทุกแบรนด์ที่จำหน่ายในปัจจุบันพับได้ทุกคัน) 2. ขั้นตอนการนำรถเข็นขึ้นเครื่องบินแบบ Gate Check ? ตอบ เมื่อนำกระเป๋าขนาดใหญ่ Check in เพื่อโหลดใต้ท้องเครื่องให้แจ้งเจ้าหน้าที่สายการบินว่ามีรถเข็นเด็กมาด้วย และต้องการเข็นไปโหลดที่หน้าประตูเครื่องบิน (หรือเรียกว่า Gate Check) เจ้าหน้าที่จะนำ Tag (หรือป้ายติดกระเป๋า) ติดให้ที่รถเข็นเพื่อป้องกันการสูญหาย เราสามารถเข็นลูกน้อยผ่านพิธีการต่างๆ ไปจนถึงหน้าประตูเครื่องบินตรงจุดที่มีแอร์โฮสเตสยืนต้อนรับ ให้พับรถเข็นให้เรียบร้อย หลังจากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่รอรับฝากรถเข็นเพื่อนำลงไปเก็บใต้เครื่อง (ในบางกรณีเจ้าหน้าที่จะจัดเตรียมถุงพลาสติกขนาดใหญ่คลุมให้อย่างดีเพื่อความสะอาดและปลอดภัย) ซึ่งเมื่อถึงที่หมายปลายทางเจ้าหน้าที่จะนำรถเข็นมาส่งคืนให้ที่หน้าประตูเครื่องบินเหมือนเดิม ในกรณีต่อเครื่อง (Transfer) ก็สามารถรับรถเข็นคืนได้ที่หน้าประตูเครื่องเช่นเดียวกัน 3. มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับนำรถเข็นเดินทางขึ้นเครื่องบินหรือไม่ ตอบ ทุกสายการบินอนุญาติให้นำรถเข็นขึ้นเครื่องได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย 4. ในกรณีที่รถเข็นมีขนาดเล็กและสามารถพับเก็บบนที่เก็บสัมภาระเหนือศีรษะ (Cabin) ได้ จะสามารถนำรถเข็นติดตัวขึ้นไปเก็บบน cabin ในเครื่องบินได้หรือไม่ ? ตอบ รถเข็นบางรุ่นสามารถพับและนำขึ้นเก็บบน Cabinได้ มีความเป็นไปได้ที่ทางสายการบินจะอนุญาติหรืออาจจะปฎิเสธไม่อนุญาติให้นำขึ้นไปเก็บบน Cabin […]






