เตรียม ห้องนอนเด็กอ่อน ให้พร้อมก่อนคลอด ต้องมีอะไรบ้าง?

ห้องนอนเด็กอ่อน เป็นเรื่องสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ สำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ หากกำลังวางแผนที่จะมีลูกน้อย หรือบางครอบครัวคุณแม่อาจกำลังตั้งครรภ์ และเตรียมพร้อมที่จะจัดบ้าน จัดห้องนอนเพื่อต้อนรับลูกน้อย เพราะห้องนอนที่ดีของลูกน้อยวัยทารกจะส่งผลต่อทั้งสุขภาพ พัฒนาการและอารมณ์จิตใจในอนาคต
ด้วยเพราะลูกน้อยทารกต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนอน และการนอนเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ทำให้โกร๊ธฮอร์โมน หรือฮอร์โมนเพื่อการเจริญเติบโตหลั่งเต็มที่ ทำให้ลูกเติบโตอย่างมีพัฒนาการที่ดีและสุขภาพแข็งแรง ซึ่งหากลูกน้อยนอนหลับไม่เต็มที่ หรือมีสิ่งต่างๆ รบกวนเวลานอน ทำให้นอนไม่เพียงพอ ลูกจะงอแง หงุดหงิดง่าย เติบโตได้ไม่ดี แถมยังส่งผลต่ออารมณ์จิตใจ ทำให้เป็นเด็กเลี้ยงยากและอารมณ์ไม่ดี ยิ่งหากห้องนอนไม่มีการเตรียมพร้อมป้องกันอุบัติเหตุไว้อย่างดี ลูกก็อาจจะมีอันตรายในขณะนอนจนถึงชีวิตได้อีกด้วย
ฉะนั้นการเตรียมพร้อมเรื่องนอนให้ลูกทารก จึงเป็นเรื่องที่ทุกบ้านต้องพิถีพิถันใส่ใจ ควรเลือกซื้อ จัดวางและเตรียมพร้อมให้ลูกในแบบที่ถูกต้อง เหมาะสม ปลอดภัย จะดีที่สุด

5 เรื่องต้องคิด ก่อนเตรียม ห้องนอนเด็กอ่อน
ก่อนเลือกซื้อและจัดเตรียมอุปกรณ์ของใช้ในห้องเด็กอ่อนให้ลูกน้อย มีเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ควรพิจารณาเป็นสำคัญนั่นคือ การเลือกห้องนอนให้ลูก ซึ่งจะต้องให้ความสำคัญกับ 5 เรื่อง นั่นคือ
- ห้องต้องมีพื้นที่กว้างเหมาะสม เพื่อให้สามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์เช่น เตียง เปล และชั้นวางของได้สะดวก ไม่คับแคบจนทำให้คุณพ่อคุณแม่เข้าไปแล้วดูแลลูกลำบาก สามารถจัดวางของต่างๆ ได้ในระยะห่างกันพอดี ไม่อยู่ใกล้จนลูกโตแล้วเอื้อมมาคว้าหยิบจับจนสิ่งต่างๆ หล่น โค่นล้มจนเป็นอันตรายได้ นอกจากนี้ห้องนอนลูก ควรอยู่ใกล้ห้องคุณพ่อคุณแม่ หรือใกล้กับห้องนั่งเล่นของบ้าน เพื่อให้ทุกคนที่ใกล้ชิดสามารถเข้ามาช่วยเหลือและดูแลลูกน้อยได้ง่ายและเข้าออกได้สะดวก
- ควรเป็นห้องที่มีแสงสว่างเพียงพอ และปรับได้ โดยควรเป็นห้องที่มีแสงสว่างเพียงพอให้คุณพ่อคุณแม่ได้มองเห็นและดูแลลูกได้ชัดเจน จะได้รู้ว่าลูกทำอะไร และสามารถหยิบจับของใช้ได้ไม่ผิดพลาด นอกจากนี้ควรมีม่านหรือมูลี่ไว้บังแดดหรือแสงที่ส่องมาด้วย เพื่อจะไม่ให้แสงนั้นแยงตาลูกน้อยเวลานอน ส่วนในเวลากลางคืนเมื่อลูกหลับ อาจจะต้องมีการใช้ดวงไฟอ่อนๆไว้ด้วย เผื่อกรณีคุณพ่อคุณแม่ติดกล้องวงจรปิดหรือเบบี้มอนิเตอร์เอาไว้ดูลูกน้อยนอนได้นั่นเอง
- เป็นห้องที่ไม่มีเสียงรบกวน ไม่มีเสียงดัง และสิ่งแวดล้อมใกล้ๆ ห้องนอนลูก ควรจะมีบรรยากาศที่เงียบสงบ ไม่ใกล้กับห้องครัว เพื่อไม่ให้มีเสียงทำครัวหรือกลิ่นอาหารเข้ามาได้ ไม่ใกล้ที่มีคนพลุกพล่านหรือใกล้ที่จอดรถและห้องที่มีเสียงดัง
- มีอากาศถ่ายเทดี ไม่ใกล้ถนน ห้องนอนของลูกน้อยควรมีอากาศถ่ายเทได้ดี ไม่ควรอยู่ใกล้ถนน ใกล้ที่จอดรถ เพื่อป้องกันฝุ่นละออง สารพิษ หรือควันรถยนต์เข้ามาในห้องนอนของลูก หากกรณีจำเป็นต้องใช้ห้องนอนที่ใกล้สิ่งแวดล้อมเหล่านี้ ควรต้องปิดห้องให้มิดชิด และมีเครื่องปรับอากาศหรืออุปกรณ์ช่วยฟอกอากาศ เพื่อป้องกันฝุ่นและเชื้อโรค
- ห้องนอนควรมีประตูปิดมิดชิด พื้นเรียบและไม่ลื่น ไม่เปิดง่าย จนทำให้เด็กโตหรือสัตว์เลี้ยงเข้าไปได้ง่าย รวมทั้งพื้นห้องควรจะเรียบไม่ขรุขระ สะอาด และปลอดภัยไม่ลื่นง่ายเกินไป เพื่อให้คุณแม่สามารถอุ้มลูกเดิน หรือเข้าออกได้อย่างปลอดภัยนั่นเอง
Checklist ห้องนอนเด็กอ่อน ต้องมีอะไรบ้าง

เตียงนอน
ควรเป็นเตียงนอนที่ออกแบบมาสำหรับเด็กเล็กโดยเฉพาะ ซึ่งเตียงนอนเด็กอ่อน ควรเป็นเตียงที่มีความมั่นคงแข็งแรง และเป็นเตียงใหญ่พอที่จะใช้สำหรับให้ลูกเวลาโตได้อีกระยะหนึ่ง เตียงไม่มีมุมหรือเหลี่ยมแหลมคมที่เป็นอันตราย หากเป็นเตียงที่มีซี่กรง ควรมีความถี่ของซี่กรงรอบเตียงหรือราวกันตกห่างกันไม่เกิน 6 ซม. ไม่ควรใช้เตียง 2 ชั้นในเด็กเล็ก เพราะยังช่วยตัวเองไม่ได้ จึงอาจจะพลัดตกลงมาจนเป็นอันตรายได้

อุปกรณ์เครื่องนอน
นอกจากเตียงแล้ว ควรเตรียมเครื่องนอน เช่น ฟูก เบาะนอนสำหรับลูกน้อยให้พอดีกับเตียงนอน รวมถึงควรมี หมอนที่ต้องไม่อ่อนนุ่มหรือใหญ่เกินไป เพราะอาจกดทับใบหน้าและจมูกของลูกได้ ควรมีมุ้งครอบเตียงเพื่อป้องกันยุงและแมลงด้วย
ที่นอน ต้องเป็นฟูกที่นุ่มแต่ไม่นิ่มจนอ่อนยวบ เพราะลูกอาจจะจมไปกับที่นอนจนหายใจไม่ออกได้ ผ้าปูที่นอนและฟูกต้องเรียบตึง ไม่หลุดง่าย ผ้าปูที่นอนและเครื่องนอน ควรเป็นผ้าใยธรรมชาติที่ผิวสัมผัสนุ่ม ไม่ระคายเคืองผิวลูกน้อย และไม่ควรมีตุ๊กตา หรือของเล่นอยู่บนฟูกด้วย

Play Pen, Play Yard หรือเปลไกวไฟฟ้า เปลโยก ซึ่งมีที่เปลี่ยนผ้าอ้อม
คุณพ่อคุณแม่อาจเตรียมเพลเพน ที่ด้านบนสามารถปรับเป็นที่เปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกได้ หรือจะใช้เพลเลนนี้ไว้สำหรับเปลี่ยนที่ให้ลูกนอนเล่น นั่งเล่นได้อย่างปลอดภัย กรณีต้องทำความสะอาดหรือเปลี่ยนผ้าปูเตียงนอนหรืออื่นๆ นอกจากนี้เปลไกวไฟฟ้า หรือเปลไกวอัตโนมัติ จะช่วยโยกไกวเพื่อกล่อมลูกน้อยให้นอนหลับ ช่วยแบ่งเบาภาระคุณแม่ในการอุ้มกล่อมลูกนอนได้อีกด้วย

ตู้เสื้อผ้าเด็ก ตู้อเนกประสงค์
หรือชั้นวางอุปกรณ์ของใช้ ที่ช่วยสำหรับจัดเก็บเสื้อผ้า ผ้าอ้อมและของใช้ต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับลูกน้อยได้พร้อมกันทั้งหมด เพื่อให้คุณแม่ได้หยิบจับนำเสื้อผ้า ผ้าอ้อมผ้า ผ้าอ้อมสำเร็จรูป หรือเครื่องใช้ของลูก แยกประเภทต่างๆ ได้เป็นระเบียบ และนำมาใช้ได้ง่าย โดยสิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ เลือกที่มีขนาดพอเหมาะไม่สูงเกินไป ทำให้คุณแม่ต้องเอื้อมหยิบของใช้ การติดตั้งต้องยึดกับผนังให้แข็งแรง ไม่โยกหรือเอนจนล้มลงมาทับเตียงลูก หรือทับคุณแม่ได้ ตู้ต้องสามารถรองรับน้ำหนักของใช้ต่างๆ ได้ดี

คอกกั้นเด็ก
กรณีมีเผื่อไว้สำหรับให้ลูกน้อยที่เริ่มคืบคลาน และสามารถใช้ได้ไปจนลูกน้อยเกาะยืน เริ่มเดิน หรือเดินแล้ว เพื่อไว้จัดเป็นโซนสำหรับนอนหรือนั่งเล่น เล่นของเล่นอยู่ในบริเวณนั้น ให้ลูกมีพื้นที่เคลื่อนไหวได้อิสระ เสริมสร้างพัฒนากล้ามเนื้อและการเรียนรู้ให้ลูกน้อยได้พร้อมกัน ทั้งยังจำกัดพื้นที่ให้ลูกอยู่ในโซนที่ปลอดภัยอีกด้วย

Play Mat เสื่อหรืออุปกรณ์ปูพื้นสำหรับเด็กเล็ก
ไว้ใช้สำหรับปูไว้ในบริเวณที่นั่งหรือนอนเล่นของลูกน้อย ปูในคอกกั้นเด็ก ให้เป็นพื้นที่เล่นอิสระอย่างมีความสุขและปลอดภัยของลูกน้อย

เบบี้มอนิเตอร์ (Baby Monitor) กล้องสำหรับดูลูกน้อยแบบไร้สาย
- ตัวช่วยอำนวยความสะดวกในการดูแลลูกยามลูกน้อยนอนหลับ หรือเมื่อคุณพ่อคุณแม่ไม่อยู่ใกล้ ต้องไปทำธุระส่วนตัว รวมถึงกรณีที่ต้องให้พี่เลี้ยงหรือคนอื่นดูแลลูกน้อย
- เบบี้มอนิเตอร์นิยมใช้กันมากในบ้านที่มีลูกเล็กเบบี๋ โดยเฉพาะในห้องนอนของเด็กอ่อน
- สามารถดูลูกน้อยได้ตลอด 24 ชั่วโมง ที่สำคัญยังใช้ง่าย ดูได้ทุกที่ เพราะสามารถต่อแอพพลิเคชั่นเพื่อใช้งานกับโทรศัพท์สมาร์ทโฟน
- มีทั้งกล้องแบบที่สามารถเห็นภาพและเสียงด้วยระบบ AI บันทึกภาพเป็นไฟล์วิดีโอย้อนหลังได้
- สามารถนำกล้องไปติดไว้ในที่ต่างๆ ได้หลากหลาย ทั้งตั้งบนผนัง บนเฟอร์นิเจอร์ หรือซ่อนไว้มุมต่างๆ เพื่อดูลูกน้อยได้
- ในกล้องบางรุ่น ยังสามารถตรวจสอบอุณหภูมิ ความชื้น ฝุ่นละอองได้อีกด้วย
กล้องดูลูกน้อยแบบไร้สายเหล่านี้ ถือเป็นอุปกรณ์หนึ่งที่สำคัญประจำบ้านยุคใหม่ ที่ใช้ดูความเคลื่อนไหวของลูกผ่านแอปพลิเคชั่นบนหน้าจอมือถือ ได้ทุกที่ทุกเวลาที่ต้องการ เพื่อดูแลความปลอดภัยของลูกน้อยได้อย่างใกล้ชิด เหมือนดูแลลูกด้วยตัวเอง ใช้ดูแลความปลอดภัยได้ทั้งกับลูกน้อย คนในครอบครัว สัตว์ สิ่งของภายในบ้านได้พร้อมกัน

เก้าอี้ให้นม หรือเก้านั่งคุณแม่
อาจเลือกซื้อไว้ใช้ในห้องนอนของลูกสัก 1 ตัว เพื่อไว้ให้คุณแม่สามารถนั่งให้นมลูกน้อยได้สะดวก ก่อนที่จะพาลูกน้อยเข้าเตียงนอน ช่วยให้คุณแม่ไม่ต้องไปนั่งให้นมลูกที่โซฟา หรือนอกห้องนอนลูกน้อย เวลาลูกหิว ง่วง หรือใกล้เวลานอนก็ให้นมลูกน้อยได้สะดวกทันที

อุปกรณ์ของใช้ลูกน้อย
ที่จำเป็นในห้อง เช่น เสื้อผ้าของลูก โมบายของเล่น ที่ตัดเล็บ ตะกร้าใส่ผ้าอ้อม กล่องเก็บของเล่นไม่ให้เกะกะ ผ้าอ้อม อุปกรณ์ให้นม ตะกร้าผ้าที่ใช้แล้ว ถังขยะ เป็นต้น
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
คำถามติดอันดับยอดฮิตของคุณแม่มือใหม่คือ “เลือดล้างหน้าเด็กคืออะไร และต่างจากประจำเดือนอย่างไร?” เพราะเจ้าเลือดตัวนี้จะเป็นตัวชี้ชะตาเลยว่า เรากำลังจะเป็นแม่คนหรือเปล่า เอาล่ะค่ะ เราจะไม่ปล่อยให้คุณแม่ต้องสงสัยกันนาน ลองมาดูกันดีกว่าว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคุณแม่นั้นเป็นเลือดล้างหน้าเด็กหรือประจำเดือนกันแน่ เลือดล้างหน้าเด็กคืออะไร? เลือดล้างหน้าเด็กนั้นเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่าคุณกำลังจะเป็นแม่คน แต่ก็ไม่ใช่ว่าแม่ท้องทุกคนจะมีเลือดล้างหน้าเด็กนะคะ เลือดล้างหน้าเด็กก็คืออาการที่มีเลือดออกมาจากทางช่องคลอด แต่ก็เป็นแค่แบบกะปริบกะปรอยเท่านั้นเอง เลือดล้างหน้าเด็กเกิดจากอะไร? เลือดล้างหน้าเด็กเกิดจากการที่ตัวอ่อนเข้าฝังตัวกับเยื่อบุโพรงมดลูกค่ะ เพราะบางครั้งการฝังตัวนี้อาจจะทำให้หลอดเลือดฝอยในโพรงมดลูกแตก ทำให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอด แต่ไม่ได้เยอะอะไรเท่าไหร่นะ เลือดล้างหน้าเด็กมาแค่วันเดียวใช่หรือไม่? ส่วนใหญ่แล้วเลือดล้างหน้าเด็กจะมาประมาณ 2-3 วันค่ะ แต่จะมาไม่ตรงกับรอบเดือนของเรานะคะ โดยจะมาก่อนครบกำหนดรอบเดือนประมาณ 1 อาทิตย์ เลือดล้างหน้าเด็กกับประจำเดือนต่างกันอย่างไร? เลือดล้างหน้าเด็กกับประจำเดือนค่อนข้างแตกต่างกัน และแยกได้อย่างค่อนข้างง่ายเลยล่ะค่ะ อย่างหนึ่งคือเลือดล้างหน้าเด็กจะมีสีที่จางกว่าเลือดประจำเดือนค่ะ และมีปริมาณไม่เยอะเท่า นอกจากนี้ในบางคนที่มีอาการปวดท้องประจำเดือนเป็นประจำแล้ว จะยิ่งสังเกตง่ายกว่าเดิมอีกค่ะ เพราะเลือดล้างหน้าเด็กจะไม่มาพร้อมกับอาการปวดท้องค่ะ และที่สำคัญคือ เลือดล้างหน้าเด็กจะมาไม่ตรงรอบเดือนของเราด้วย แล้วอาการแท้งคุกคามคืออะไร? อาการหรือภาวะแท้งคุกคามคือการแท้งบุตรที่มีเลือดออกมาจากทางช่องคลอดก่อนครบกำหนดคลอด โดยมาจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นความผิดปกติของทารกในครรภ์ คุณแม่ที่ตั้งท้องตอนที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป โรคเรื้อรัง หรือตำแหน่งการฝังตัวของตัวอ่อนที่ผิดไปจากปกติ อาการแท้งคุกคามนี่เกิดขึ้นได้ในทุกไตรมาสของการตั้งครรภ์เลยนะคะ เพราะงั้นคุณแม่ที่กำลังท้องอ่อนๆ หรือยังไม่รู้ตัวว่าท้อง การมีเลือดออกมาจากทางช่องคลอดก็สามารถเป็นได้ทั้งเลือดล้างหน้าเด็ก ประจำเดือน และแท้งคุกคามเลย ความแตกต่างระหว่างเลือดล้างหน้าเด็กกับแท้งคุกคาม? ถ้าคุณยังไม่รู้ตัวว่ากำลังจะเป็นแม่คน แต่มีเลือดไหลออกมาจากทางช่องคลอดที่ไม่ตรงกับการมารอบเดือนแล้วนั้น จะมีสาเหตุได้อยู่สองอย่างค่ะ ก็คืออาจจะเป็นเลือดล้างหน้าเด็ก หรือแท้งคุกคาม […]
แข็งแรง ทนทาน พับ-กางง่าย ลูกน้อยนอนสบาย นี่แหละคุณสมบัติรถเข็นเด็กที่แม่ๆต้องการ 1. รถเข็นเด็กที่แข็งแรง ทนทาน ต้องไม่มีรอยต่อหรือพับเล็กมากเกินไป โครงสร้างควรเชื่อมเป็นชิ้นเดียวกัน เพราะเมื่อผ่านการใช้งาน มักมีการขยับของข้อต่อ เป็นสาเหตุให้โครงสร้างไม่แข็งแรงและเกิดการสั่นสะเทือนเมื่อเข็นในที่ขรุขระ รถเข็นเด็กที่ดีควรมีการเชื่อมต่อส่วนที่สำคัญเป็นชิ้นเดียว จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงแม้ผ่านการใช้งานที่ยาวนาน 2. พับ-กางง่าย ด้วยมือเดียว เพราะต้องพาลูกเดินทางคนเดียวบ่อยๆ แน่นอนว่าแม่ๆ ที่ต้องเลี้ยงลูกเองไปไหนมาไหนกับลูกลำพัง เช่น ไปเดินห้าง เดินสวนสาธารณะ ต้องเลือกรถเข็นเด็กที่ให้ความคล่องตัว ใช้งานง่าย พับกางง่าย ไม่ซับซ้อน คุณแม่สามารถพับรถเข็นเด็กได้เองด้วยมือเพียงข้างเดียวได้ เพราะมืออีกข้างหนึ่งต้องอุ้มลูก พับแล้วตั้งกับพื้นได้โดยไม่ล้มกองบนพื้น จะช่วยให้คุณสามารถลากไปมาสะดวกและยังปลอดจากสิ่งสกปรกบนพื้นที่อาจเป็นอันตรายต่อลูกน้อยได้ 3. ชุด Support สำหรับเด็กแรกเกิด ชุดเบาะรองนอนสำหรับเด็กทารกเป็นสิ่งจำเป็นมาก รถเข็นเด็กแรกเกิด ควรมีหมอนรองรับสรีระเด็กทั้งศีรษะ คอ และหลัง เพราะเด็กทารกจะมีกระดูกสันหลังและคอที่ยังไม่แข็งแรง จึงต้องนอนบนเบาะที่ช่วยรองรับสรีระตั้งแต่ศีรษะ ต้นคอ หลัง และสะโพกเพื่อให้ท่านทนที่ถูกต้องหลังไม่โค้งงอผิดรูป และไม่เกิดการปิดกั้นทางเดินทางหายใจ Aprica รถเข็นเด็ก สำหรับวัยแรกเกิดอย่างแท้จริงๆ คิดค้นและวิจัยโดยกุมารแพทย์ จากประเทศญี่ปุ่น
อุ้มลูกบ่อยแค่ไหนถึงเรียกว่า “ลูกติดมือ” ลูกติดมือ พฤติกรรมแบบนี้เกิดจากการอุ้มลูกบ่อย แต่ก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ทำไมเด็กถึงอยากให้อุ้ม เด็กแรกเกิด โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนแรก ช่วงนี้เด็กจะยังชินกับการอยู่ในท้องของคุณแม่ที่เคลื่อนไหวตลอด มีความอบอุ่น และได้ยินเสียงหัวใจเต้นของแม่ตลอดเวลา การอุ้ม การสัมผัส จะช่วยให้เด็กปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ หลังจากออกมาจากครรภ์ของแม่ เพราะการอุ้มเป็นการทำให้เค้ากลับไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงเหมือนอยู่ในครรภ์ของแม่ ทำให้เค้าหยุดร้องไห้ รู้สึกปลอดภัยจากการได้รับความอบอุ่นจากอ้อมอกพ่อแม่ จึงทำให้เด็กมักจะอยากให้พ่อแม่อุ้มอยู่บ่อยๆ ซึ่งจากบทความของโรงพยาบาลเปาโลได้ให้ข้อมูลไว้ว่า “ ช่วงเด็กทารกวัยตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 เดือน จะเป็นวัยที่หากเขาต้องการสื่อสารอะไรกับคนอื่นก็จะใช้วิธีการร้องไห้เท่านั้น ซึ่งเมื่อร้องไห้คุณแม่หรือคนเลี้ยงส่วนใหญ่ก็จะเดินเข้าไปอุ้ม ซึ่งจริง ๆ การอุ้มเด็กในวัยนี้ยังไม่เป็นการตามใจจนทำให้เขาติดมือได้ แต่ความจริงการอุ้มยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ทำให้เด็กรู้สึกผูกพันกับคุณแม่หรือคนที่เลี้ยงได้เป็นอย่างดี ทำให้เด็กรู้สึกอบอุ่นใจว่ามีคนคอยดูแลเขา ทำให้เขาหายกลัวหายกังวล และเมื่อเขารู้สึกเช่นนี้พออายุมากขึ้นเขาก็จะร้องไห้น้อยลงไปเรื่อย ๆ และทำให้เขาเป็นเด็กที่มีสุขภาพจิตดีไม่เรียกร้องความสนใจจากพ่อแม่ หรือคนเลี้ยงจนเกินไป เพราะฉะนั้นการอุ้มเด็กในวัยนี้ยังไม่ทำให้เกิดอาการติดมือ “ เพราะฉะนั้นในช่วง 6 เดือนแรก […]
หลายวันมานี้เราท่องโลกอินเทอร์เน็ตหนักมาก เพราะอยากรู้ว่าแม่ยุคใหม่เขาชอบอะไร ไอเทมไหนกำลังเป็นที่พูดถึงในกลุ่มแม่ๆ มากที่สุด จากการส่องพบว่าท็อปปิคที่ถูกพูดถึงมาก แต่ยังมีข้อมูลน้อยคือ “รถเข็นเด็ก” ไอเทมใหม่สำหรับแม่ลูกเล็กในยุคนี้นั่นเอง เราจึงไม่รอช้ารีบหาข้อมูลว่าคุณแม่ต้องการรถเข็นแบบไหนและพอจะสรุปได้ว่า คุณแม่ส่วนใหญ่ต้องการรถเข็นเด็กที่น้ำหนักเบา พับเก็บมือเดียวได้ เพราะส่วนมากไปกันสองคนแม่ลูก ต้องการระบบล้อที่ดี เข็นลื่นไหลไม่ต้องออกแรงมากส่วนใหญ่จะเข็นในสวนสาธารณะและทางเท้าซึ่งพื้นค่อนข้างขรุขระ สามารถปรับเอนได้เพราะลูกมักหลับตอนพาเที่ยว วันนี้เลยไปคว้า รถเข็นเด็ก Aprica รุ่น LUXUNA CTS มารีวิวเผื่อคุณพ่อคุณแม่จะเก็บไว้เป็นตัวเลือกเวลาต้องออกไปด้านนอกกับเจ้าตัวเล็กเพียงลำพัง รีวิวรถเข็นเด็ก Aprica” รุ่น LUXUNA CTS เห็นรูปลักษณ์ทะมัดทะแมงอย่างนี้แต่น้ำหนักเบานะจ๊ะ ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการใช้งานมากๆ มาสำรวจสิว่าอะไรเป็นอะไร พอใช้งานจริงจะได้ไม่ยืนงง เริ่มต้นที่ด้ามจับเลยล่ะกัน เราว่าตอบโจทย์มากนะ เพราะสามารถปรับที่จับให้อยู่ด้านหน้าหรือด้านหลังลูกก็ได้ คุณแม่ที่กังวลว่าจะไม่มีปฎิสัมพันธ์กับลูกสบายใจเรื่องนี้ได้เลยและเลิศได้อีกกับล้อแบบ Auto 4 wheels ที่จะล๊อคล้อและคลายล๊อคล้อแบบอัตโนมัติในเวลาเราเปลี่ยนที่จับให้มาอยู่ด้านหน้าหรือด้านหลังก็ได้ ถ้าใครเคยเข็นลูกแบบแม่อยู่ด้านหน้าจะนึกออกเลยว่าเวลาเราเข็นแบบนี้แล้วถ้าล้อหลังหมุนไม่ได้ พอจะเลี้ยวซ้ายที เลี้ยวขวาทีก็ต้องตีวงอ้อมกว้างไปอีก บังคับทิศทางก็ยากมาก มาเจอล้อแบบ Auto 4 Wheels สบายเลยขนาดเราลองเข็นในที่แคบ ๆ ก็ยังเข็นง่ายเรียกว่าโดนใจสุดๆ การปรับก้านเข็นไปด้านหลัง ช่วยให้เข็นได้ง่าย ปรับเอนนอนได้ 170 องศา เมื่อปรับก้านเข็นมาด้านหน้า ระบบล้อจะถูกปรับเปลี่ยนการล๊อคได้แบบอัตโนมัติ นอกจากเรื่องปรับล้อหมุนแบบ 360 องศา Auto 4 Wheels เรื่องรองรับแรงกระแทกที่ล้อก็โอเคเลย […]
เพราะความปลอดภัยคือเหตุผลอันดับ 1 ที่พ่อแม่ต้องควักเงินซื้อคาร์ซีทให้ลูกน้อย ก็เพื่อปกป้องลูกจากการบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ปัจจัยที่รองลงมาคือ ลูกนอนสบาย ใช้งานง่าย และงบประมาณ มาตรฐานความปลอดภัยของคาร์ซีท จริงๆแล้ววัดจากอะไร ก็ต้องเป็นวัสดุที่รองรับแรงกระแทกด้านใน ซึ่งคาร์ซีทแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อใช้วัสดุภายในที่ไม่เหมือนกัน แบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ ดังนี้ 1. EPS Foam และ EPP Foam EPS Foam (Polystyrene Foam) เป็นวัสดุที่ช่วยลดแรงกระแทก ที่ใช้ใน หมวกกันน๊อค ช่วยปกป้องชีวิต ผู้สวมใส่ โฟมชนิดนึ้จึงถูกนำไว้ในคาร์ซีท ใช้รองรับแรงกระแทกสำหรับศีรษะและส่วนบนของร่างกายเด็ก ในกรณีที่เกิดการกระแทกโฟมจะแตกและจะกระจายแรงกระแทกออกไปโดยแทบไม่มีแรงสะท้อนกลับ จึงทำให้ได้เด็กปลอดภัย ดังนั้นผู้ผลิตคาร์ซีทระดับมาตรฐานสากลส่วนใหญ่ จึงนำโฟมชนิดนี้มาใช้ในคาร์ซีทเพื่อรองรับแรงกระแทกโดยเฉพาะ ส่วน EPP Foam (Polypropylene Foam) เป็นวัสดุที่คล้ายกับ EPS Foam แต่มีความยืดหยุ่น ไม่แตกหักง่าย และทนความร้อนดีกว่า จึงนำไปผลิตเป็นภาชนะบรรจุอาหาร ที่สามารถเข้าไมโครเวฟได้ ข้อมูลอ้างอิงจาก http://www.carseatsite.com/FAQ.htm 2. Urethane […]
ปัจจุบัน คาร์ซีท (Car Seat) หรือ เบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็ก ทั้ง คาร์ซีทแรกเกิด คาร์ซีทเด็กโต บูสเตอร์ซีท มีเกณฑ์การทดสอบความปลอดภัยต่างกันและผ่านมาตรฐานมาจากหลายประเทศ แต่ทราบหรือไม่ว่า คาร์ซีทในประเทศไทย มีประกาศจากกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) มาแล้ว ว่าคาร์ซีทจะต้องผลิตหรือนำเข้าเฉพาะคาร์ซีทที่ผ่านการทดสอบความปลอดภัยของยุโรปเท่านั้น ทั้งนี้ ยังมีประกาศเพิ่มข้อบังคับให้คาร์ซีทต้องผ่านการทดสอบการชนจากด้านข้างด้วย ซึ่งตรงกับข้อบังคับของ มาตรฐานคาร์ซีท R129 (i-Size) เป็นมาตรฐานฉบับใหม่ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่ามีความปลอดภัยสูงสุด ก่อนคุณพ่อคุณแม่จะตัดสินใจเลือกซื้อคาร์ซีทให้ลูกรัก แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดของ มาตรฐาน ECE R129 (i-Size) มาก่อน ว่าเพิ่มความปลอดภัยจุดไหนบ้าง เราจะพาไปทำความเข้าใจกันเลย คาร์ซีทในประเทศไทย ใช้มาตรฐานใหม่ ECE R129 (i-Size) จากเดิม ประกาศมาตรฐานความปลอดภัย (Safety Standards) ของคาร์ซีท จากกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) จะเริ่มบังคับใช้ภายในปี 2566 ให้ผู้ประกอบการที่ทำหรือนำเข้าคาร์ซีท ต้องทำหรือนำเข้าเฉพาะคาร์ซีทที่ผ่านการทดสอบความปลอดภัยตามเกณฑ์มาตรฐาน มอก.3418-2565 โดยอ้างอิงมาจากมาตรฐานสากล ECE R44/04 (มาตรฐานยุโรป) ซึ่งเป็นมาตรฐานระหว่างประเทศด้านความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ล่าสุด กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) […]






