รังสี UV ฆ่าเชื้อโรคได้จริงหรือ ?

สำหรับครอบครัวที่มีลูกเล็กๆ ส่วนใหญ่การทำความสะอาดขวดนม จะใช้วิธีการต้ม หรือนึ่ง โดยเป็นการฆ่าเชื้อโรคด้วยความร้อนสูง ซึ่งเหมาะกับพาชนะที่เป็นแก้ว หรือซิลิโคน
ส่วนขวดนมแบบพลาสติกการใช้ความร้อนสูงมากๆ ทุกวันจะทำให้ขวดนมพลาสติกและจุกนมเสื่อมสภาพเร็วขึ้นกว่าปกติ และเกิดการปล่อยสารต่างๆ ออกมาจากพลาสติกนั้น เช่น สารพวกโพลีเมอร์ หรือฟอร์มัลดีไฮด์ปนเปื้อนออกมาจากพลาสติกที่เสื่อมสภาพ แถมยังทิ้งไอน้ำไว้ที่ก้นขวด ซึ่งไอน้ำนี้อาจมีเชื้อแบคทีเรียแฝงอยู่
ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ได้มีการคิดค้นการฆ่าเชื้อโรค โดยรังสี UV ที่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้กับหลากหลายผลิตภัณฑ์ เช่น ขวดนมพลาสติก ยางกัด จานชาม หรือแม้แต่อุปกรณ์อเลกทรอนิก มาทำความรู้จักกับ หลอดรังสี UV-C ที่หลายคนสงสัยว่า ฆ่าเชื้อโรคได้จริงไหม?
รังสี UV คืออะไร
แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ประกอบด้วยรังสี 2 ส่วนคือ รังสีที่มองเห็นได้และมองไม่เห็นรังสีที่มองเห็นได้ จะมี 7 สี แต่จะสามารถเห็นต่อเมื่ออากาศมีความชื้นสูง รังสีจากดวงอาทิตย์ตกกระทบกับน้ำในอากาศ เราจะสามารถมองเห็นสีทั้ง 7 ได้ ที่เรียกว่า “รุ้งกินน้ำ” นั่นเอง รังสีที่มองไม่เห็น คือพลังงานในรูปคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่แผ่ออกมาจากดวง อาทิตย์ มี 2 ส่วนคือ
สำหรับครอบครัวที่มีลูกเล็กๆ ส่วนใหญ่การทำความสะอาดขวดนม จะใช้วิธีการต้ม หรือนึ่ง โดยเป็นการฆ่าเชื้อโรคด้วยความร้อนสูง ซึ่งเหมาะกับพาชนะที่เป็นแก้ว หรือซิลิโคน
ส่วนขวดนมแบบพลาสติกการใช้ความร้อนสูงมากๆ ทุกวันจะทำให้ขวดนมพลาสติกและจุกนมเสื่อมสภาพเร็วขึ้นกว่าปกติ และเกิดการปล่อยสารต่างๆ ออกมาจากพลาสติกนั้น เช่น สารพวกโพลีเมอร์ หรือฟอร์มัลดีไฮด์ปนเปื้อนออกมาจากพลาสติกที่เสื่อมสภาพ แถมยังทิ้งไอน้ำไว้ที่ก้นขวด ซึ่งไอน้ำนี้อาจมีเชื้อแบคทีเรียแฝงอยู่
ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ได้มีการคิดค้นการฆ่าเชื้อโรค โดยรังสี UV ที่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้กับหลากหลายผลิตภัณฑ์ เช่น ขวดนมพลาสติก ยางกัด จานชาม หรือแม้แต่อุปกรณ์อเลกทรอนิก มาทำความรู้จักกับ หลอดรังสี UV-C ที่หลายคนสงสัยว่า ฆ่าเชื้อโรคได้จริงไหม?
รังสี UV คืออะไร
แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ประกอบด้วยรังสี 2 ส่วนคือ รังสีที่มองเห็นได้และมองไม่เห็นรังสีที่มองเห็นได้ จะมี 7 สี แต่จะสามารถเห็นต่อเมื่ออากาศมีความชื้นสูง รังสีจากดวงอาทิตย์ตกกระทบกับน้ำในอากาศ เราจะสามารถมองเห็นสีทั้ง 7 ได้ ที่เรียกว่า “รุ้งกินน้ำ” นั่นเอง รังสีที่มองไม่เห็น คือพลังงานในรูปคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่แผ่ออกมาจากดวง อาทิตย์ มี 2 ส่วนคือ

- รังสี UV หรือ Ultra Violet (อัลตราไวโอเลต) ทำให้เกิดการเผาไหม้
- รังสี Infrared (อินฟาเรด ) ทำให้เกิดความร้อน
ระดับควมเข้มของรังสี UV แบ่งตามความเข้มข้นได้ 3 ระดับคือ
- UV-A ระดับความเข้มข้นต่ำสุด ถูกดูดซึมไปในชั้นบรรยากาศเล็กน้อย
- UV-B ระดับความเข้มข้นปานกลาง ถูกดูดซึมไปบางส่วน
- UV-C ระดับความเข้มข้นสูงสุด ถูกดูดซึมไปในชั้นบรรยากาศเกือบหมด ไม่ค่อยหลงเหลือลงมาสู่พื้นโลก
รังสี UV สามารถฆ่าเชื้อได้อย่างไร
- เนื่องจากรังสี UV-C เป็นรังสีที่เป็นอันตรายเพราะมีความสามารถในการเผาไหม้สูง นักวิทยาศาสตร์จึงนำมาประยุกต์ใช้ในการฆ่าเชื้อโรคที่เป็นอันตราย
- หลอดสังเคราะห์รังสี UV-C คือ หลอดไฟชนิดพิเศษที่สังเคราะห์รังสี UV-C เลียนแบบธรรมชาติเพื่อสำหรับการฆ่าเชื้อโรค มีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า Germicidal Lamp (เจิมมิไซโดล แลมป์) หรือเรียกสั้นๆ ว่าหลอด UV
การนำรังสี UV มาประยุกต์ใช้งานภาคอุตสาหกรรม
- สถานที่สาธารณะ ที่มีคนอยู่เป็นจำนวนมากหรืออยู่เป็นเวลานาน เช่นห้องเรียน, ค่ายทหาร, โรงภาพยนตร์, หอประชุม, ห้องรับรอง, สำนักงาน ให้ติดตั้งหลอดUVGI ในท่อฆ่าเชื้อโรคในอากาศ, ท่อปรับสภาพอากาศ
- โรงพยาบาล ตึกคนไข้, ห้องตรวจ, ครัว, ที่เก็บเครื่องมือผ่าตัดและอุปกรณ์ของใช้ต่างๆ อาหารและเครื่องดื่ม ทั้งขั้นตอน ขณะผลิต, บรรจุหีบห่อ, จัดเก็บ
- อุตสาหกรรมการผลิตเวชภัณฑ์ รวมถึง สารปฏิชีวนะ ยา และเครื่องสำอาง
- การป้องกันสัตว์ป่วย ใช้กับเรือนปศุสัตว์, คอก, ฟาร์ม, เล้า, กรงขัง รวมไปถึงสวนสัตว์ได้
- ห้องทดลอง และเครื่องมือทดลองต่างๆ
- โรงงานผลิตน้ำดื่มบรรจุขวด Water
ประโยชน์จากการใช้รังสี UVในชีวิตประจำวัน มีอะไรบ้าง

การใช้รังสี UV ฆ่าเชื้อในน้ำดื่ม

การใช้รังสี UV ฆ่าเชื้อในอากาศ

การใช้ในตู้ปลาเพื่อฆ่าเชื้อป้องกันตะไคร่

การใช้รังสีเพื่อความงาม

การใช้รังสี UV เพื่อดักจับแมลง

การใช้รังสี UV ในเครื่องตรวจธนบัตร
ปัจจุบันได้มีการพัฒนามาเป็น Baby UV Sterilizer ตู้อบแห้งฆ่าเชื้อด้วยแสงยูวี ที่เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนึง ที่ทุกบ้านต้องมี โดยเฉพาะบ้านที่มีลูกเล็กๆ หรือผู้ป่วย ผู้ที่เป็นภูมิแพ้ ที่ต้องดูแลเรื่องความสะอาดเป็นพิเศษ
เพราะเชื้อโรคมีขนาดเล็กและซ่อนอยู่ในสิ่งต่างๆ รอบๆ ตัวเรา คุณพ่อคุณแม่อย่างเราจึงต้องจัดการกับเชื้อโรค ที่อาจจะมาปนเปื้อนอยู่ในสิ่งของเครื่องใช้ของเรา โดยเฉพาะกับของใช้ของลูกน้อยที่ยังไม่มีภูมิต้านทาน ซึ่งมีโอกาศป่วยจากการสัมผัสสิ่งปนเปื้อนได้ง่าย
Prince&Princess จึงผลิต Baby UV Sterilizer ตู้อบแห้งฆ่าเชื้อโรคด้วยรังสี UV ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ในการดูแลลูกน้อยอย่างเหนือกว่า ผลิตและรับรองคุณภาพพร้อมผ่านการทดสอบในห้องวิจัยถึงประสิทธิภาพการทำงานในการฆ่าเชื้อในประเทศเกาหลี


ฆ่าเชื้อโรคอะไรได้บ้าง
- Escherichia coli หรือ E. coli(อิโคไล) เป็นเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดอาการท้องเสีย ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ทำให้ถ่ายอุจจาระเหลว หรือเป็นน้ำ
- Staphylococcus aureus เป็น แบคทีเรียที่ก่อโรคอาหารเป็นพิษ หลังจากรับประทานอาหาร ที่มีแบคทีเรีย ปนเปื้อนเข้าไปประมาณ 1-6 ชั่วโมง อาการของโรคคือ คลื่นไส้อาเจียน ท้องร่วง ปวดศีรษะ มีการเปลี่ยนแปลงความดันโลหิตเป็นระยะๆ อาการมักเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน ในบางรายรุนแรงอาจช็อคได้
- Salmonella Typhimurium แบคทีเรียชนิดนี้หากพบในอาหารเพียงเล็กน้อยก้ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยได้ เช่น ไข่ดิบ นมดิบ เนย ไอศกรีม เนยแข็ง และผักบางชนิด อาการจะเกิดขึ้นหลังบริโภค 6-48 ชั่วโมง อาการทั่วไป ชีพจรเต้นช้ากว่าปกติ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน ปวดศีรษะ ปวดท้อง มีไข้ หนาวสั่นและอ่อนเพลีย ผู้ป่วยอาจเสียชีวิตด้วยโรคนี้เนื่องจากเลือดออกในลำไส้เล็ก และลำไส้ทะลุ
- Pseudomonas aeruginosa เชื้อโรคชนิดนี้จะมีการติดเชื้อกับผู้ที่ภูมิคุ้มกันต่ำมีอาการภูมิแพ้ หรือป่วยมากๆ ก่อให้เกิดโรคปอดบวม และสามารถติดเชื้อได้ในหลายส่วนของร่างกาย คนสุขภาพดีก็สามารถติดเชื้อได้ จากการอาบน้ำหรือเล่นน้ำ ในสระว่ายน้ำที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่ ซึ่งโรคติดเชื้อ ที่ผิวหนังนี้มักจะเกิดการสับสนกับโรคอีสุกอีใส และจะเกิดอาการรุนแรงได้กับผู้ที่มีเชื้อในกระแสเลือดร่วมด้วย

ใช้ฆ่าเชื้อได้กับหลากหลายผลิตภัณฑ์
- สามารใช้ฆ่าเชื้อโรคที่อาจปนเปื้อนของเล่นและของใช้อื่นๆได้
- สามารใช้ฆ่าเชื้อโรคที่อาจปนเปื้อนอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น โทรศัพท์มือถือ รีโมทคอนโทรล ที่เด็กๆ มักชอบเล่นและอาจนำเข้าปาก

4 ขั้นตอนง่ายๆ เพื่อสุขอนามัยที่ดี กับ Baby UV Sterilizer
- ล้างภาชนะให้สะอาด ล้างทำความสะอาดขวดนม และผลิตภัณฑ์สำหรับลูกน้อย ด้วยน้ำยาทำความสะอาดออแกร์นิค และล้างด้วยน้ำเปล่าให้สะอาด
- นำภาชนะวางเรียงแบบหงาย ควรสะบัดน้ำออกและวางเรียงแบบหงายขึ้น เพื่อให้การอบแห้งทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ควรสะบัด 4-5 ครั้ง เพื่อให้ละอองน้ำเหลือน้อยที่สุด
- กดปุ่ม Auto 1 ครั้ง รอเวลา 30 นาที ระบบ Auto เหมาะสำหรับฆ่าเชื้อโรคที่อาจปนเปื้อนในขวดนมเด็กอ่อน รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ไม่สามารถล้างทำความสะอาดได้ ด้วยการทำงานอย่างเป็นระบบ ตู้อบฆ่าเชื้อระบบแสง UV สามารถฆ่าเชื้อและจัดเก็บขวดนมและของใช้เด็กอ่อนอื่นๆ ไว้ในตู้ให้แห้งพร้อมใช้โดยปราศจากความชื้นที่อาจก่อให้เกิดเชื้อราได้ ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ สามารถทำความสะอาดขวดนมได้มากถึง 16 ขวดในเวลาเดียวกัน
(ใช้เวลา 30 นาที อบแห้ง 20 นาที ฆ่าเชื้อด้วย UV 5 นาที (ระบายอากาศไปพร้อมๆกับการอบแห้งและฆ่าเชื้อ 30 นาที)
- นำภาชนะออกมาใช้งานได้เลย เมื่อทำการฆ่าเชื้อโรคด้วยUV จนจบกระบวนการ 30 นาที สามารถนำภาชนะออกมาใช้งานได้ทันที หรือหากยังไม่ได้ใช้งาน ก็สามารถเก็บภาชนะนั้นไว้ในตู้อบแห้งฆ่า Baby UV Sterilizer ได้ เมื่อต้องการนำออกมาใช้ ก็ไม่ต้องทำการฆ่าเชื้อซ้ำให้เสียเวลา

หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้จากผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำปรึกษาและคำแนะนำอย่างถูกต้อง ได้ที่
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
การเป็นแม่มือใหม่คือการเผชิญหน้ากับโลกใหม่ที่เต็มไปด้วยการเรียนรู้และความท้าทาย โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงการดูแลสุขภาพของลูกน้อย เพราะสุขภาพที่ดีเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการเติบโตและพัฒนาการของเด็กๆ ในวัยเด็กแรกเกิด ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ดูยากในตอนเริ่มต้น แต่แม่มือใหม่สามารถเริ่มต้นด้วยเคล็ดลับง่ายๆ ที่จะช่วยให้ลูกมีสุขภาพดีได้ มาดูกันว่า 10 เคล็ดลับที่จะช่วยเลี้ยงลูกให้สุขภาพดีมีอะไรบ้างค่ะ 1. ให้นมแม่เป็นหลัก การให้นมแม่เป็นการมอบสารอาหารที่ดีที่สุดแก่ลูกในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต นมแม่มีทั้งสารอาหารที่ครบถ้วนและภูมิคุ้มกันที่ช่วยป้องกันโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคติดเชื้อที่พบบ่อยในเด็ก เคล็ดลับ: 2. เริ่มอาหารเสริมเมื่อถึงเวลา เมื่อเด็กครบ 6 เดือน ควรเริ่มให้อาหารเสริมเพื่อเสริมสร้างการเจริญเติบโต การเลือกอาหารที่เหมาะสมจะช่วยพัฒนาร่างกายและสมองของลูกได้อย่างดี เคล็ดลับ: 3. ส่งเสริมการนอนหลับที่เพียงพอ การนอนหลับที่เพียงพอช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของเด็กและช่วยพัฒนาสมอง เด็กเล็กต้องการการนอนหลับมากในแต่ละวัน เคล็ดลับ: 4. ฉีดวัคซีนตามกำหนด การฉีดวัคซีนเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคร้ายแรง เช่น โรคหัด คอตีบ หรือบาดทะยัก ซึ่งเป็นสิ่งที่แม่มือใหม่ไม่ควรมองข้าม เคล็ดลับ: 5. ให้ลูกได้รับการเคลื่อนไหว การเคลื่อนไหวเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพัฒนาการร่างกายและสมองของลูก การให้ลูกมีโอกาสเคลื่อนไหวตามวัย เช่น การคลาน การนั่ง หรือการยืน ช่วยเสริมพัฒนาการให้ดีขึ้น เคล็ดลับ: 6. รักษาความสะอาดและสุขอนามัย การรักษาความสะอาดทั้งร่างกายและสิ่งแวดล้อมช่วยป้องกันโรคต่างๆ เช่น การติดเชื้อในช่องปากหรือผิวหนัง […]
การนับอายุครรภ์คือหนึ่งในเรื่องที่สร้างความสับสนให้คุณแม่มือใหม่หลายคน และมักจะถูกถามบ่อย ๆ ว่า “ตอนนี้ท้องกี่เดือนแล้ว?” “อายุครรภ์เท่าไหร่?” ซึ่งบางครั้งคุณแม่เองก็อาจจะยังไม่แน่ใจนัก การทราบอายุครรภ์ที่แม่นยำจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะไม่ใช่แค่เพื่อตอบคำถาม แต่ยังเพื่อความปลอดภัยและพัฒนาการที่ดีของลูกน้อยในครรภ์นั่นเอง วันนี้ BabyGift จะพาคุณแม่มาไขข้อสงสัยและเรียนรู้วิธีการนับอายุครรภ์ให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำที่สุดกัน การนับอายุครรภ์สำคัญอย่างไร การนับอายุครรภ์ที่ถูกต้องและแม่นยำมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดูแลสุขภาพทั้งของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ เพราะจะช่วยให้แพทย์สามารถประเมินพัฒนาการของทารกได้อย่างเหมาะสมในแต่ละสัปดาห์ รวมถึงวางแผนการตรวจครรภ์และติดตามความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดการตั้งครรภ์ ซึ่งจะนำไปสู่การดูแลที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพสูงสุด ประโยชน์ของการนับอายุครรภ์ การนับอายุครรภ์มีประโยชน์หลายอย่างที่คุณแม่ควรรู้ ประการแรกคือช่วยให้แพทย์ประเมินพัฒนาการของทารกในครรภ์ได้ตรงตามช่วงอายุจริง เช่น ขนาดของทารก หรือการเต้นของหัวใจ ประการที่สองคือช่วยกำหนดวันคลอดที่คาดการณ์ไว้ (EDC) ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการเตรียมความพร้อมเรื่องของใช้ต่าง ๆ เช่น ของเตรียมคลอด ของใช้ลูกแรกเกิด อุปกรณ์แม่และเด็กมีอะไรบ้าง หรือการวางแผนการลาคลอด ประการที่สามคือใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจทางการแพทย์ เช่น การให้ยา หรือการทำหัตถการต่าง ๆ อย่างปลอดภัย 6 วิธีนับอายุครรภ์ที่ทำได้ด้วยตัวเอง การนับอายุครรภ์ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด คุณแม่สามารถเริ่มต้นคำนวณได้ด้วยตัวเองหลากหลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีก็มีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป 1. นับอายุครรภ์ที่นับตามวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้าย วิธีนี้เป็นวิธีพื้นฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับคุณแม่ที่จำวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้ายได้แม่นยำ โดยสูตินรีแพทย์จะเริ่มนับอายุครรภ์จากวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้ายที่มา (LMP) และใช้เป็นจุดเริ่มต้นของการตั้งครรภ์ ซึ่งปกติแล้วการตั้งครรภ์จะครบกำหนดที่ 40 สัปดาห์ หรือ 280 วัน นับจากวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้าย และสามารถนำไปคำนวณวันคลอดที่คาดไว้ได้อย่างแม่นยำ […]
ไขข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้คาร์ซีทมือสอง โดย หมอวิน เพจ #เลี้ยงลูกตามใจหมอ ว่าด้วยเรื่องความปลอดภัยของคาร์ซีท #คาร์ซีทมือสอง ตามที่พ่อหมอเคยเขียนเรื่องการเลือกซื้อคาร์ซีทไว้แล้วตั้งแต่ตอนเปิดเพจครับ คลิกอ่านได้ครับที่ https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1318721458224835&substory_index=0&id=1312969582133356 ก็เริ่มมีลูกเพจเริ่มถามเรื่อง “การซื้อคาร์ซีท” ในหัวข้อนอกเหนือจากคำถามเบื้องต้นครับ โดยเฉพาะเรื่อง “การซื้อคาร์ซีทมือสอง” หรือ “คาร์ซีทเก่า” ตามคำแนะนำของราชวิทยาลัยกุมาร ฯ ของสหรัฐอเมริกา … บอกไว้ว่า
เลือกคาร์ซีทที่ปลอดภัยที่สุด จำเป็นต้องเลือกระบบ ติดตั้งคาร์ซีท ที่ดีที่สุดด้วย…จริงหรือ? คุณพ่อคุณแม่หลายคนเห็นแบบนี้แล้วคงสงสัยว่าจริงหรือว่า ติดตั้งคาร์ซีท ระบบการติดตั้งไม่เหมือนกัน ความปลอดภัยก็ไม่เหมือนกันด้วย มาทำความรู้จักกับระบบ ติดตั้งคาร์ซีท กันก่อนว่ามีกี่ระบบ และจะเลือกการติดตั้งอย่างไรให้เหมาะกับรถยนต์ที่คุณใช้ค่ะ ISOFIX คืออะไร? ISOFIX เป็นระบบ ติดตั้งคาร์ซีท แบบใหม่ที่ได้รับมาตรฐานจากสากล และมีใช้อยู่ทั่วโลกทั้งในเอเชียและยุโรป ซึ่งเป็นระบบ ติดตั้งคาร์ซีท สำหรับเด็กที่เพิ่มความปลอดภัยให้กับลูกน้อยได้อย่างมาก โดยไม่ต้องใช้เข็มขัดนิรภัยเพราะระบบ ติดตั้งคาร์ซีท แบบISOFIX นั้นเป็นการยึดติดคาร์ซีทด้วยตัวยึด ISOFIX ที่มีความแข็งแรง แน่นหนาตามมาตรฐานสากล และระบบ ISOFIX ยังช่วยเพิ่มความสะดวกในการ ติดตั้งคาร์ซีท ให้กับคุณพ่อคุณแม่อีกด้วย เนื่องจากปกติแล้วการ ติดตั้งคาร์ซีท จะมี 2 ระบบคือ (ที่เขียนรวมให้ย่อหน้านี้เพราะ ถ้าเผื่อพ่อแม่บางคนเป็นคนไม่ชอบอ่านก็จะอ่านตรงนี้แล้วรู้ว่า ISOFIX คืออะไรแล้วมันดียังไงนะคะ…^^) ISOFIX มีประโยชน์อย่างไร? ติดตั้งคาร์ซีท ด้วยระบบISOFIX ช่วยลดความผิดพลาด เรื่องการเสี่ยงต่อการ ติดตั้งคาร์ซีท ที่ผิดวิธี เนื่องจากคุณพ่อคุณแม่มือใหม่บางท่านอาจสับสน และ ติดตั้งคาร์ซีท ผิดพลาด เช่น ดึงสายเข็มขัดนิรภัยไม่แน่นหนาพอ เป็นต้น ซึ่งเมื่อเกิดอุบัตเหตุจริง จะทำให้เข็มขัดนิรภัยของรถยนต์ที่ใช้ ติดตั้งคาร์ซีท นั้นหลุดออก เป็นสาเหตุที่จะทำให้ลูกน้อยเกิดอันตรายได้ จากผลการทดลองเมื่อ ติดตั้งคาร์ซีท ด้วยระบบ ISOFIX จะมีความปลอดภัยมากกว่า เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ตัวล็อกISOFIX ช่วยยึดติดกับโครงสร้างรถยนต์ได้มั่นคงกว่าจะไม่เกิดการคลาดเคลื่อนจากเบาะรถยนต์ ลดการกระทบกระเทือนกับลูกได้น้อยกว่า ระบบISOFIX ติดตั้งยังไง 1.มาตรวจสอบก่อนว่าที่รถของคุณสามารถ ติตดั้งคาร์ซีท ระบบISOFIX ได้หรือไม่ โดยการตรวจสอบตามในคลิปด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ 2.เมื่อรู้แล้วว่ารถของคุณ ติดตั้งคาร์ซีท ระบบISOFIX ได้ งั้นก็ลองมาติตดั้งคาร์ซีทกันเลยค่ะ โดยทำตามคลิปวิธีการ ติดตั้งคาร์ซีท จากด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ
หมอเด็กเค้าเลือกคาร์ซีทแบบไหนให้ลูกตัวเอง….อยากรู้ต้องคลิ๊ก ก่อนซื้อคาร์ซีทให้ลูก ถ้าไปอ่านหนังสือ ก็จะรู้ว่าคาร์ซีท (carseat) มี 4 แบบ (ซึ่งเอาเข้าจริงรู้จริงๆ ตอนมีลูก 55555 ก่อนนั้นรู้แต่ทฤษฎี) คือ แน่นอนในตลาด มี option มากมายไว้หลอกลวงพ่อแม่ขาช้อป 5555 ทั้งแบบตระกร้าที่ยกเข้าออกได้เลย หรือ ประกอบลง stroller (รถเข็น) ได้เลย…. เอาที่สบายใจ 555 เอาหลักในการเลือกของพ่อหมอเลยแล้วกัน 555 ไม่ว่าอะไรก็ตาม เน้นใช้ได้ยาวๆ เป็นหลัก แน่นอน convertible เป็นแบบที่เลือกแบบไม่ต้องคิดเลย เพราะใช้ได้นานดี อย่างน้อยๆ ก็สามสี่ปี อีแบบตระกร้าเนี่ยใช้ได้ปีเดียวก็ต้องเปลี่ยนละ ไม่ไหว พ่อไม่ค่อยมีตังค์ (ต้องเอาไปซื้อของไร้สาระอื่นๆ อีก 55555) ยังๆ ยังไม่จบ เลือกชนิดแล้ว ต้องมาเลือก options อีก ตัวเลือกเรามีดังนี้ เน้นหลัก 3 ข้อในการใช้คาร์ซีท carseat โดย […]