เด็กขาโก่ง เพราะเป้อุ้มเด็กจริงมั้ย ? รวมเรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับเป้อุ้มเด็ก พร้อมรุ่นถูกใจคุณแม่

เมื่อลูกน้อยอายุตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ ท่านก็อาจมีความจำเป็นที่จะต้องพาลูกออกจากบ้านไปทำธุระต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการไปหาหมอ หรือ พาไปเดินเล่นเปลี่ยนบรรยากาศตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งนอกจากจะใช้รถเข็นเด็กเพื่อความสะดวกสบายของคุณพ่อคุณแม่แล้วนั้น ตัวช่วยอีกอย่างหนึ่งที่มักจะเป็นตัวเลือกของคุณพ่อคุณแม่ก็คือ เป้อุ้มเด็ก เพราะสามารถพาลูกน้อยไปได้ทุกที่ เรียกว่าเป็นตัวช่วยทุ่นแรงให้กับคุณพ่อคุณแม่ได้เป็นอย่างดี แต่คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจกำลังกังวลว่า เป้อุ้มลูกนั้น จะทำให้ เด็กขาโก่ง หรือเปล่า มีความปลอดภัยขนาดไหน ควรเลือกอย่างไรดี ในบทความนี้ BabyGift มีข้อมูลดี ๆ มาฝากกันแล้วค่ะ
ตอบข้อสงสัย เป้อุ้มลูก ใช้แล้วเด็กขาโก่งไหม ? พร้อม 3 ยี่ห้อแนะนำ
เป้อุ้มทารก จำเป็นหรือไม่ มีประโยชน์อย่างไร ?

เป้สำหรับอุ้มเด็ก เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยทุ่นแรงกายในการอุ้มลูกน้อยวัยทารก เพราะช่วยทำให้คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องอุ้มลูกน้อยด้วยมือตัวเองตลอดเวลา และไม่ต้องหาคนช่วยอุ้ม ด้วยเพราะลูกยังเล็ก ยังเดินไม่ได้ ดังนั้นการทำกิจวัตรประจำวันส่วนใหญ่ของคุณแม่จึงจำเป็นต้องอุ้มลูกไว้บ่อย ๆ ทั้งการอุ้มไล่ลม อุ้มกล่อมนอน อุ้มปลอบโยน อุ้มเดินเล่น อุ้มขณะออกไปทำธุระนอกบ้าน ซึ่งเป็นเวลาหลายชั่วโมงต่อวัน แถมยังต้องอุ้มลูกตั้งแต่แรกเกิดหรือวัยทารกไปจนถึงวัยประมาณเกือบ 2 ขวบ จนเมื่อลูกเดินได้เก่ง
ดังนั้นการใช้เป้อุ้มลูกก็จะช่วยคุณพ่อคุณแม่ได้มาก ทำให้สามารถพาลูกน้อยไปกับเราได้ทุกที่ ทำกิจกรรมต่าง ๆ ก็สะดวกมากขึ้น เช่น การเดินซื้อของ การออกไปทำธุระนอกบ้าน การออกไปท่องเที่ยว เป็นต้น การใช้รถเข็นเด็กอาจจะต้องใช้พื้นที่ในการจัดเก็บเยอะ แต่การใช้เป้อุ้มทารกนั้น สร้างความสะดวกสบายแก่คุณพ่อคุณแม่มาก ๆ ลองมาดูเหตุผลเพิ่มเติมกันค่ะว่าทำไมควรใช้เป้อุ้มทารก
- ประหยัดแรงกาย : ช่วยให้คุณแม่ไม่เมื่อยล้า เพราะเป้จะช่วยรองรับน้ำหนักตัวของลูกน้อยด้วยตัวเป้และสายรัดให้อยู่กับตัวคุณแม่ ทำให้ช่วยบาลานซ์น้ำหนักและกระจายน้ำหนักได้ดี
- ลูกปลอดภัย นั่ง และนอนได้สบาย : ซึ่งเป้ที่ใช้อุ้มเด็กส่วนใหญ่จะผลิตจากวัสดุที่ทำด้วยผ้าที่หนานุ่ม ไม่ระคายเคืองผิวลูก มีเบาะรองทั้งบริเวณหน้าท้องและหลัง ทำให้ลูกอยู่ในเป้สำหรับอุ้มเด็กได้อย่างสบาย
- สร้างความสะดวกสบายให้กับคุณพ่อคุณแม่ : เป้สำหรับอุ้มเด็กคือตัวช่วยที่จะทำให้คุณพ่อคุณแม่เลี้ยงลูกพร้อมกับทำงานบ้านหรือทำกิจกรรมอย่างอื่นได้ โดยเฉพาะผู้ปกครองที่ต้องอยู่บ้านคนเดียว ไม่ต้องกังวลว่าจะทิ้งลูกให้อยู่ตามลำพัง เพราะสามารถอุ้มเด็กติดตัวไปได้ทุกที่
- ทำให้ลูกรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย : เวลาที่ลูกอยู่ในเป้จะรู้สึกเหมือนอยู่ในถุงนอน อยู่ใกล้ชิดอกคุณแม่ ได้ยินเสียงหัวใจของแม่ คล้ายเวลาอยู่ในท้องตอนตั้งครรภ์ จึงทำให้ลูกหลับได้สบาย ได้สัมผัสกับไออุ่นจากร่างกายของคุณแม่ ทำให้รู้สึกอบอุ่นปลอดภัย ไม่งอแง และไม่ต้องกังวลว่าการอุ้มลูกไว้กับตัวบ่อยๆ จะทำให้ลูกติดมือ เพราะการอุ้มลูกนั้นมีข้อดีมากมาย ทั้งต่อตัวคุณแม่และลูกน้อย ช่วยให้แม่ลูกมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน มีความใกล้ชิดผูกพันกันมากขึ้น ส่งผลต่อพัฒนาการทางอารมณ์ของเด็ก และยังช่วยลดภาวะซึมเศร้าหลังคลอดในคุณแม่ด้วย
- ช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านสังคมให้กับลูก : การที่ลูกน้อยอยู่ในเป้อุ้มลูกเวลาออกไปนอกบ้าน จะทำให้ลูกได้คุ้นเคยและใกล้ชิดกับคนอื่นๆ รู้สึกตื่นเต้น เพลิดเพลิน ได้พบเห็นผู้คนและสถานที่ต่าง ๆ ส่งผลดีต่อพัฒนาการด้านสังคม ทำให้ลูกได้เรียนรู้สิ่งแวดล้อมที่แปลกใหม่ อันทำให้ลูกสามารถปรับตัวกับบรรยกาศภายนอกได้เร็วขึ้น
เด็กขาโก่ง เพราะใช้เป้อุ้มเด็กจริงมั้ย ?

การอุ้มลูกน้อยติดตัวกับคุณแม่ ทั้งการห่อตัวแล้วพันผ้าแบบสมัยก่อน และการใช้เป้อุ้มทารกเป็นสิ่งที่ทำกันมาอย่างยาวนาน เหมือนกับการอุ้มลูกเข้าเอว ทั้งนี้ อาจมีคุณพ่อคุณแม่หลายคนเป็นกังวลว่าการอุ้มลูกเข้าเอว การใช้เป้อุ้มทารก รวมถึงการใส่ผ้าอ้อมจะทำให้ลูกขาโก่งหรือเปล่า ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การที่เด็กขาโก่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการใส่ผ้าอ้อม การใช้เป้อุ้มทารก หรือการอุ้มลูกเข้าเอวแต่อย่างใด แต่เกี่ยวข้องกับพันธุกรรมและความผิดปกติทางร่างกายเป็นหลัก
โดยทั่วไปแล้ว สรีระกระดูกขาของทารกจะมีลักษณะโค้งงอเล็กน้อย และจะค่อย ๆ ยืดตรงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเกณฑ์ที่จะตัดสินว่า ลูกของเราขาโก่งหรือไม่นั้น ต้องดูหลังจากอายุ 2 ปีขึ้นไป ส่วนการใช้เป้สำหรับอุ้มเด็กก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกขาโก่งได้น้อย แม้จะมีข้อมูลบางอย่างที่พบว่า การใช้เป้อุ้มลูก อาจเป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุการเกิดโรคข้อสะโพกหลุด (Hip dysplasia) ในเด็กเล็กได้ แต่ก็เป็นเพียงข้อสันนิษฐานหนึ่งที่บอกว่าเกิดจากท่าทางของทารกในขวบปีแรก ซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่ทารกถูกห่อตัวหรือรัดตัวแน่นมากจนเกินไป และจากหลายปัจจัยอื่น ๆ เช่น กรรมพันธุ์ ท่าทางของลูกน้อยในครรภ์ ท่าคลอดท่าก้น ลักษณะของข้อต่อสะโพกของลูกทารก เป็นต้น
ซึ่งปัจจุบันเป้ที่ใช้อุ้มเด็กเล็กส่วนใหญ่ ให้ความสำคัญกับการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ทั้งของคุณลูกและคุณแม่ เพื่อให้ลูกน้อยอยู่ในท่าทางที่ถูกต้องขณะอุ้มอย่างปลอดภัย คุณแม่เองก็ใช้เป้อุ้มลูกได้โดยไม่ต้องก้ม เอนหรือเดินผิดอิริยาบถจนต้องปวดหลัง ปวดไหล่ และเป้อุ้มทารกบางยี่ห้อก็ผ่านการรับรองจากสถาบันต่างประเทศ ที่ได้รับการยืนยันว่าใช้แล้วจะไม่ทำให้เกิดโรคกระดูกสะโพกเคลื่อนอันเป็นสาเหตุของอาการขาโก่งอีกด้วย จึงมั่นใจได้ว่า ปลอดภัยสำหรับลูกรักอย่างแน่นอนค่ะ
จะเลือกใช้เป้อุ้มลูกอย่างไรให้ปลอดภัย ?

แม้ว่าเป้อุ้มลูกจะไม่ได้เป็นต้นเหตุที่ทำให้ เด็กขาโก่ง แต่ก็ควรเลือกเป้อุ้มทารกที่สอดคล้องกับสรีระของเด็กเล็ก เป็นเป้ที่ลูกสามารถหันหน้าออกได้ทั้งหน้า – หลัง และสามารถรองรับกระดูกสันหลังและศีรษะของทารกได้เป็นอย่างดี มีความยืดหยุ่นที่เด็กสามารถเอนตัวและขยับเคลื่อนไหวสะโพกได้ เพราะถ้าเลือกเป้อุ้มเด็กที่เมื่อเด็กนั่งแล้วมีท่าทางไม่สอดรับกับสะโพก หากนั่งท่านี้นาน ๆ ก็มีโอกาสที่จะบาดเจ็บหรือข้อสะโพกหลุดได้ แล้วจะเลือกเป้อุ้มลูกอย่างไรดี มาดูวิธีการเลือกเป้อุ้มทารกอย่างถูกต้องกันค่ะ
- เลือกเป้สำหรับอุ้มเด็กที่มีความปลอดภัย มีโครงสร้างที่ช่วยพยุงตัวเด็กได้ดี ใช้วัสดุที่มีความปลอดภัยต่อผิวอันบอกบางของลูกน้อย การตัดเย็บมีความแน่นหนา ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย อาจพาลูกไปทดลองนั่งเป้ด้วย เพื่อที่จะได้รู้ว่าเหมาะกับลูกของเราหรือไม่
- ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ คุณแม่ใช้แล้วไม่ทำให้ปวดหลัง ไม่ปวดแขน ไม่เมื่อยไหล่ และลูกใช้แล้วไม่ทำให้เด็กขาโก่งหรือเสี่ยงต่อการเกิดโรคข้อสะโพกเคลื่อนหลุดในเด็ก ควรเลือกเป้อุ้มทารกที่ฐานนั่งเป็นแบบ M-Shaped ให้ลูกน้อยนั่งอย่างถูกสรีระ ป้องกันข้อต่อสะโพกเคลื่อนหลุดในเด็ก
- เลือกเป้ที่ลูกนั่งแล้วมีท่าทางสอดรับกับสะโพก กล่าวคือ เป็นท่าที่สะโพกของลูกแยกไปด้านข้างตามธรรมชาติ โดยที่ต้นขาจะกางออก เพื่อรองรับสะโพกและการงอเข่า แต่ถ้าหากนั่งแล้วสะโพกและเข่ายืด ขาห้อยเข้ามาใกล้กัน นั่นคือท่าที่ไม่ถูกต้อง หากอยู่ในท่านี้นานๆ อาจเสี่ยงทำให้สะโพกหลุดได้
- หลีกเลี่ยงเป้อุ้มลูกที่ลูกนั่งแล้วมีท่าทางคล้ายตัว C กล่าวคือ ทำให้ลูกห่อตัวโค้งลง ซึ่งอาจทำให้ลูกหายใจลำบากและอยู่ในท่าทางที่ผิดอิริยาบถได้ อาจส่งผลต่อกระดูกสันหลังของลูก ควรเลือกเป้ที่ช่วยพยุงหลังและสรีระของลูกได้ดี ลูกอยู่ในท่าทางที่ลำคอตั้งตรงและหายใจได้สะดวก
- มีความกระชับ ใช้แล้วรู้สึกว่ามีความมั่นคง ปลอดภัย ช่วยพยุงไม่ให้ลูกหลังงอ ช่วยประคองศีรษะ คอ หัวไหล่ หลังและเอวของลูกได้เป็นอย่างดี และควรเป็นผ้าที่นิ่ม สามารถระบายอากาศได้ดี ไม่ทำให้ลูกร้อนหรืออึดอัดไม่สบายตัว
BabyGift แนะนำ เป้อุ้มทารกคุณภาพดี ไม่ต้องกังวลเรื่องทำให้เด็กขาโก่ง
สำหรับคุณพ่อคุณแม่คนไหนที่เป็นกังวลว่า การใช้เป้อุ้มทารกจะทำให้ลูกขาโก่งหรือไม่ ตอนนี้ก็น่าจะคลายข้อสงสัยกันไปแล้วนะคะ ถ้าเลือกเป้สำหรับอุ้มเด็กที่ได้มาตรฐาน มีคุณภาพดี ดีไซน์ถูกตามหลักสรีรศาสตร์ ก็มั่นใจในเรื่องของความปลอดภัยได้เลย และถ้ากำลังมองหาเป้สำหรับอุ้มเด็กอยู่ละก็ BabyGift มีมาแนะนำแล้วค่ะ

1. เป้อุ้ม Hugpapa รุ่น Dial-Fit Pro (3in1 Hip Seat Carrier)
เป้อุ้มลูกของ Hugpapa รุ่น Dial-Fit Pro มีเทคโนโลยี BOA ช่วยปรับกระชับตัวได้ง่ายมากขึ้นเพียงแค่หมุน ใช้งานได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ปรับได้พอดีกับสรีระของทุกคน มีน้ำหนักเบาสบาย สามารถอุ้มลูกน้อยได้อย่างง่ายดาย
จุดเด่น
- วัสดุทำจาก Polyurethane มีความนุ่มพิเศษ ไม่เสียทรง คืนรูปรวดเร็ว
- ฮิปซีทที่นั่งเอียง 23 องศา ช่วยให้ลูกนั่งสบายมากขึ้น และเป็นแบบ M-Shape ป้องกันข้อสะโพกหลุดในเด็ก
- ฮิปซีทเว้าโค้งช่วยให้เข่า และสะโพกเด็ก อยู่ในระดับเดียวกัน และโค้งรับหน้าท้อง ไม่กดแผลผ่าคลอดของคุณแม่
- ได้รับการรับรองจากสถาบัน IHDI มั่นใจได้ว่าลูกนั่งสบายอย่างปลอดภัย ไม่ทำให้ขาโก่ง หลังงอ
- มีหมวกคลุมศีรษะ ช่วงป้องกันแสงแดดให้ลูกน้อย
- มีผ้าซับน้ำลาย Organic ไม่ระคายเคืองผิว สามารถถอดซักได้
- มีแผ่นพยุงศีรษะลูกน้อย ช่วยป้องกันปัญหาคอพับ
- มีช่องตาข่ายระบายอากาศ สามารถเปิดระบายเหงื่อและความร้อนได้
- สายคาดเอวระบายอากาศได้ดี วัสดุเป็นตาข่ายแบบนุ่มพิเศษ ไม่ทำให้ร้อน
การใช้งาน : เด็กอายุ 0 – 36 เดือน รองรับน้ำหนักได้สูงสุด 20 กิโลกรัม
แบรนด์ : ประเทศเกาหลี

2. เป้สำหรับอุ้มเด็ก HAENIM 9 (Hipseat Carrier)
เป้อุ้มลูกที่สามารถใช้ได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิด ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่อุ้มลูกได้อย่างสบาย ไม่ทำให้ปวดหลัง มีการออกแบบที่รองรับกับสรีระของเด็ก มั่นใจว่าปลอดภัยต่อลูกน้อย ผลิตและนำเข้าจากประเทศเกาหลี ดูแลรับประกันสินค้านานถึง 2 ปี
จุดเด่น
- ฐานนั่งเป็นแบบ M-Shaped ให้ลูกน้อยนั่งอย่างถูกสรีระ ป้องกันข้อต่อสะโพกอักเสบ
- มีแผ่นพยุงศีรษะ ป้องกันลูกคอพับและกระดูกคอเคลื่อน
- มีผ้าซับน้ำลาย Organic ไม่ระคายเคืองผิวลูก สามารถถอดซักได้
- มีหมวกคลุมศีรษะ ช่วยปกป้องแสงแดดให้ลูก สามารถถอดซักได้
- เป้ระบายอากาศได้ดี ไม่ร้อนทั้งลูกน้อยและคนอุ้ม
- สายสะพายมีขนาดใหญ่ มีความหนานุ่ม กระจายน้ำหนักได้ดี ไม่ทำให้เมื่อยไหล่
- สายคาดเอวมีขนาดใหญ่ ช่วยให้อุ้มลูกได้อย่างสบาย ไม่มีปวดหลัง
- ฐานนั่งเป็นแบบ Hipseat โค้งรับช่วงท้อง หนานุ่ม ไม่อึดอัด ไม่กดแผลผ่าคลอดคุณแม่
การใช้งาน : เด็กอายุ 0 – 36 เดือน รองรับน้ำหนักได้สูงสุด 20 กิโลกรัม
แบรนด์ : ประเทศเกาหลี

3. เป้สำหรับอุ้มเด็ก HAENIM 9 Plus (Hipseat Carrier)
เป้สำหรับอุ้มเด็กอีกรุ่นหนึ่งของ HAENIM ที่ออกแบบมาเพื่อสุขภาพของคุณพ่อคุณแม่ ให้คุณพ่อคุณแม่อุ้มลูกได้อย่างสบาย ไม่ทำให้ปวดหลัง ออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ ซัพพอร์ตการอุ้มเด็กเล็กได้อย่างปลอดภัย มั่นใจในคุณภาพ ผลิตและนำเข้าจากประเทศเกาหลี ดูแลรับประกันสินค้านาน 2 ปี
จุดเด่น
- ฐานนั่งเป็นแบบ M-Shaped ให้ลูกน้อยนั่งอย่างถูกสรีระ ป้องกันข้อต่อสะโพกอักเสบ
- มีแผ่นพยุงศีรษะ ป้องกันลูกคอพับและกระดูกคอเคลื่อน
- มีผ้าซับน้ำลาย Organic ไม่ระคายเคืองผิวลูก สามารถถอดซักได้
- มีหมวกคลุมศีรษะ ช่วยปกป้องแสงแดดให้ลูกน้อย สามารถถอดซักได้
- วัสดุภายนอกทำจากผ้า Melange ผ้าที่เกิดจากเส้นใยมากกว่าสองสีที่อยู่รวมกัน ทำให้มีความสวยงาม อีกทั้งยังช่วยป้องกันละอองฝน และแสงแดด
- ระบายอากาศดี ไม่ร้อนทั้งลูกน้อยและคนอุ้ม
- มีสายสะพายขนาดใหญ่ มีความหนานุ่ม กระจายน้ำหนักได้ดี ช่วยให้ไม่เมื่อยไหล่ขณะอุ้ม
- มีสายคาดเอวขนาดใหญ่ ช่วยอุ้มลูกสบายขึ้น ไม่ปวดหลัง ทำจากวัสดุ Polyurethane ช่วยลดแรงกดทับหน้าท้องได้ดี
- ฐานนั่ง Hipseat โค้งรับช่วงท้อง มีความหนานุ่ม ไม่อึดอัด ไม่กดแผลผ่าคลอดของคุณแม่
การใช้งาน : เด็กอายุ 0 – 36 เดือน รองรับน้ำหนักได้สูงสุด 20 กิโลกรัม
แบรนด์ : ประเทศเกาหลี
การใช้เป้อุ้มลูกไม่ทำให้เด็กขาโก่งแต่อย่างใด และถ้าหากเลือกเป้สำหรับอุ้มเด็กที่มีคุณภาพดี ออกแบบมาอย่างเหมาะสมตามหลักสรีรศาสตร์ มีการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย ก็ใช้ได้อย่างไม่ต้องกังวล ถ้าคุณพ่อคุณแม่คนไหนกำลังมองหาเป้อุ้มลูกอยู่ละก็ สามารถเข้ามาเยี่ยมชมสินค้าได้ที่ร้าน BabyGift ร้านจำหน่ายสินค้าแม่และเด็กระดับคุณภาพ มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี คุณพ่อคุณแม่สามารถพาลูกน้อยมาลองนั่งเป้สำหรับอุ้มเด็กได้ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ร้านเบบี้กิ๊ฟทั้ง 5 สาขา ใกล้บ้าน หรือสอบถามผ่านช่องทาง Online ทีมงาน BabyGift ยินดีให้คำแนะนำค่ะ
อ้างอิงที่มาข้อมูลบางส่วนจาก : www.bangkokhospitalkhonkaen.com/th/article/1556358426#:~:text=ความเชื่อ%3A%20ใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูป,หลัง%202%20ปีขึ้นไป
https://wearmybaby.co.uk/12-reasons-to-use-a-baby-carrier/
https://www.happiestbaby.com/blogs/baby/how-to-use-a-baby-sling#what%E2%80%99s-the-benefit-of-using-a-baby-carrier?
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
เมื่อพี่ตู่เตรียมคาร์ซีท พาน้องริสาออกไปเที่ยวครั้งแรก… แต่มะลิ (แม่บ้าน) ดันถอดเบาะคาร์ซีทไปซักซะงั้น งานนี้พี่ตู่ต้องใส่ผ้าหุ้มกลับเข้าไปเหมือนเดิม เบาะทั้งหมดแบ่งออกเป็น 3 ชิ้น ที่เข้าใจง่ายๆ พี่ตู่บอกว่าง่ายมาก ทำครั้งแรกก็ได้เลย #แท็กสามี #ซักคาร์ซีทให้หน่อย เพราะคุณแม่นุชออกไปทำธุระข้างนอก การพาน้องริสาออกไปเที่ยวครั้งนี้มีแค่สองพ่อลูกเท่านั้น คาร์ซีทจึงจำเป็นมาก พี่ตู่เลือกคาร์ซีท Ailebebe รุ่น Kurutto 4 Grance ผ้าหุ้มตาข่ายระบายอากาศได้ดี น้องริสานั่งแล้วสบายตัว ไม่อึดอัด ไม่งอแง สบายจังเลย…ปะป๋า ของีบแป๊บบบบนะคะ หมุนได้ 360 องศา อุ้มน้องริสาขึ้นลงคาร์ซีทได้ง่าย คาร์ซีท Ailebebe ปลอดภัยแน่นอน เพราะทุกตัวผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวด จากประเทศญี่ปุ่น รีวิวคาร์ซีท Ailebebe รุ่น Kurutto4
คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ ท่าน คงเริ่มรู้จักกับคาร์ซีทกันบ้างแล้ว ว่าเป็นอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยสำหรับลูกน้อยในขณะเดินทาง แต่รู้หรือไม่ว่า คาร์ซีทที่ติดตั้งในรถยนต์แต่ละประเภทนั้น จะต้องติดตั้งตำแหน่งที่แตกต่างกัน เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อย บทความนี้จะพาคุณพ่อคุณแม่ไปหาคำตอบกันว่า วิธีติดตั้งคาร์ซีท ตำแหน่งไหนปลอดภัยมากที่สุด วิธีติดตั้งคาร์ซีท มีอยู่ด้วยกัน 2 วิธี ตำแหน่งที่ควรติดตั้งคาร์ซีทมากที่สุด สำหรับประเทศไทย ตำแหน่งในรถยนต์ที่ควรติดตั้งคาร์ซีทมากที่สุดก็คือ “เบาะหลังฝั่งคนนั่ง” ด้วยเหตุผลดังนี้… รถยนต์ SUV หรือ รถตู้ ติดตั้งคาร์ซีทเบาะไหนดี ติดตั้งคาร์ซีทที่รถตู้ ส่วนใหญ่แล้วรถที่มีนั่งมากกว่า 2 ตอน ควรจะติดตั้งคาร์ซีทที่เบาะแถวสุดท้ายของตัวรถ แต่ก็จะมีข้อควรระวังในเรื่องของการติดตั้ง เช่น ควรจะขยับเบาะให้ห่างจากประตูหลัง เพื่อให้มีระยะห่างกับประตูพอสมควร เพื่อเป็นการเซฟตี้ลูกน้อยให้ปลอดภัยมากที่สุด Alphard ติดตั้งคาร์ซีทได้ไหม ติดตั้งเบาะไหนดี ติดตั้งคาร์ซีทที่รถ Toyota Alphard ควรจะติดตั้งที่เบาะแถวแรก หรือ แถวตอนสุดท้ายของตัวรถ ไม่ควรติดตั้งที่เบาะด้านหน้า เนื่องจากมีถุงลมนิรภัย (Airbag) และคาร์ซีทบางรุ่นอาจมีขนาดใหญ่ ทำให้ทัศนวิสัยในการมองของคนขับลดน้อยลง และสำหรับคาร์ซีทที่มีฟังก์ชั่นหมุนได้ เมื่อติดตั้งไปแล้วจะทำให้หมุนยากหรือหมุนไม่ได้เลย เนื่องจากเบาะรถมีขนาดพอดีตัว พื้นที่จำกัด ทำให้เวลาหมุนแล้วตัวคาร์ซีทจะไปติดที่ข้างเบาะ […]
คาร์ซีทปลอดภัย สำหรับเด็กแรกเกิด จะต้องดูจากอะไรบ้าง วันนี้ BabyGift จะมาบอกวิธีดูคาร์ซีทที่ปลอดภัย แบบลึกซึ้งถึงโครงสร้างกันเลยค่ะ เพราะทุกวัสดุที่ประกอบอยู่ในคาร์ซีทนั้น มีผลต่อความปลอดภัยของลูกน้อยมาก และก่อนคุณพ่อคุณแม่จะตัดสินใจเลือกซื้อคาร์ซีทให้ลูกรัก นี่คือสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องรู้เลยค่ะ โครงคาร์ซีท ทำจากอะไร แบบไหนที่ปลอดภัย 1. โครงพลาสติกทั่วไป (PP) พลาสติกมีความแข็งแรง ทนต่อการกระแทก มีน้ำหนักเบา ส่วนใหญ่มักจะใช้ภายในห้องโดยสารรถยนต์ เช่น แผงประตู หรือ คอนโซลรถ เมื่อใช้พลาสติก 100% ทำเป็นโครงคาร์ซีทสำหรับเด็กโตโดยเฉพาะ ที่น้องมีสรีระแข็งแรงแล้ว ก็เพียงพอต่อการปกป้องน้องให้ปลอดภัยค่ะ แต่สำหรับเด็กแรกเกิด ที่สรีระบอบบาง ต้องการการปกป้องเป็นพิเศษ การใช้พลาสติก 100% เลย อาจจะไม่พียงพอ โครงคาร์ซีทควรจะเสริมด้วยวัสดุอื่น ๆ เพิ่มความแข็งแรงด้วย เช่น เสริมด้วยไฟเบอร์กลาส 2. โครงพลาสติก เสริมไฟเบอร์กลาส ไฟเบอร์กลาส หรือ เส้นใยแก้ว จะใช้เพื่อเสริมความแข็งแรงเป็นพิเศษ ใช้แทนโลหะได้เลย เช่น ทำชิ้นส่วนเครื่องบินเล็ก ทำชิ้นส่วนรถแข่ง เพราะทนต่อการถูกกระแทก ทนต่อการฉีกขาด มีน้ำหนักเบา และยังสามารถดัดโค้งจัดรูปทรงได้ ไม่เปราะง่าย ในการทำโครงคาร์ซีทเด็กแรกเกิด […]
เดินทางมาเกินครึ่งทางแล้วขอคารวะให้กับความสตรองของแม่ๆ แต่ยิ่งใกล้วันครบกำหนดคลอดเท่าไหร่กลับยิ่งเครียดหนักกว่าเดิม แถมร่างกายของคุณแม่ช่วงนี้ก็จะเปลี่ยนแปลงแบบเยอะมากๆ คุณแม่บ้านไหนที่กำลังกังวลเรื่องท้องเล็ก ช่วง 6 เดือนนี่แหละค่ะ ที่ท้องของคุณแม่ๆ จะเริ่มใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แถมน้ำหนักก็ยังขึ้นพรวดๆ แบบก้าวกระโดด ช่วงนี้คุณแม่จะหิวเป็นพิเศษ แถมยังต้องทานอาหารเยอะขึ้นกว่าเดิมเพราะลูกน้อยของคุณแม่กำลังช่วยใช้พลังงาน ตั้งแต่ช่วงนี้เป็นต้นไป คุณแม่อาจจะรู้สึกถึงอาการท้องแข็ง อาการท้องแข็งคือเวลาที่มดลูกของคุณแม่หดตัว ท้องของคุณแม่ก็จะแข็งนูนขึ้นมาค่ะ ซึ่งเป็นเรื่องปกตินะ ถ้าไม่ได้เกิดแบบถี่ๆ ติดต่อกัน และเพราะความเปลี่ยนแปลงเยอะแยะเหล่านี้นี่แหละ ทำให้คุณแม่อาจจะต้องดูแลช่วงครึ่งหลังนี้เป็นพิเศษ เรามาดู 6 เรื่องที่คุณแม่ท้อง 6 เดือนต้องระวังกันค่ะ 1.ความเครียดไม่ใช่เรื่องดี อันที่จริงเรื่องความเครียดก็เป็นสิ่งที่ต้องระวังตั้งแต่ตั้งครรภ์แรกๆ แล้วเนอะ แต่อย่างที่บอกค่ะ ว่าช่วงนี้คุณแม่จะเปลี่ยนไปค่อนข้างมาก อาจจะทำให้เกิดความเครียดไม่รู้ตัว เช่น คุณแม่บางคนอาจจะเป็นกังวลกับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาของตัวเอง หรือบางคนอาจจะมีอาการปวดชายโครงเพราะท้องที่ใหญ่ขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการเครียดตามมา หากคุณแม่เกิดอาการเครียดมากๆ แล้ว จะส่งผลให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนและสารเคมี ซึ่งเจ้าสารเคมีตัวนี้จะส่งผลโดยตรงกับการเจริญเติบโตของลูกน้อยในครรภ์ค่ะ คุณแม่ที่เครียดมักจะคลอดก่อนกำหนด แถมยังทำให้ลูกมีน้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์อีกด้วย 2.ไม่ใช่เวลาของกิจกรรมผาดโผน ด้วยขนาดท้องที่ใหญ่ขึ้น การทำกิจกรรมผาดโผนต่างๆ อาจเป็นการเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการกระแทกบริเวณหน้าท้อง ซึ่งเป็นอันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์อย่างยิ่งค่ะ แถมการที่คุณแม่เคลื่อนไหวตัวอย่างรวดเร็วหรือทำอะไรแบบปุปปับ ยังเป็นสาเหตุทำให้มดลูกเกิดการบีบรัดตัว เกิดอาการท้องแข็ง และถ้าเกิดคุณแม่มีอาการท้องแข็งบ่อยๆ เข้าล่ะก็ เสี่ยงคลอดก่อนกำหนดอยู่นะ 3. […]
เด็กบางคนจะมีเหงื่อออกมาก ทั้งบนศีรษะ หน้า หน้าอก แผ่นหลัง จนหมอน และชุดนอนเปียกชื้น โดยเฉพาะเด็กที่ปกติมีเหงื่อมาก เมื่อนอนไปได้สักระยะหนึ่งอุณหภูมิของร่างกายจะสูงขึ้น ทำให้มีเหงื่อออกจนคุณพ่อคุณแม่ตกใจเกรงลูกจะเป็นโรคร้าย เพราะมีคนกล่าวว่า เหงื่อออกมากเวลากลางคืนอาจจะเป็นอาการระยะเริ่มต้นของโรคต่างๆ ดังนี้ >>>ขอบคุณข้อมูลจาก : เว็ปไซด์ maerakluke.com

ร้านสินค้าแม่และเด็กที่คัดสรรนวัตกรรมของใช้แม่และเด็กที่มี
คุณภาพให้คำปรึกษาและบริการ อย่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อช่วยให้การเลี้ยงลูกเป็นเรื่องง่าย ปลอดภัย และมีความสุข
Online Shopping
สาขา ปิ่นเกล้า ราชพฤกษ์
สาขา Mega บางนา
สาขา Central World
สาขา The Crystal รามอินทรา
สาขา BTS วงเวียนใหญ่ (Outlet)
Copyright 2024 © Baby Gift (Retail) Co., Ltd.