เด็กขาโก่ง เพราะเป้อุ้มเด็กจริงมั้ย ? รวมเรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับเป้อุ้มเด็ก พร้อมรุ่นถูกใจคุณแม่

เมื่อลูกน้อยอายุตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ ท่านก็อาจมีความจำเป็นที่จะต้องพาลูกออกจากบ้านไปทำธุระต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการไปหาหมอ หรือ พาไปเดินเล่นเปลี่ยนบรรยากาศตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งนอกจากจะใช้รถเข็นเด็กเพื่อความสะดวกสบายของคุณพ่อคุณแม่แล้วนั้น ตัวช่วยอีกอย่างหนึ่งที่มักจะเป็นตัวเลือกของคุณพ่อคุณแม่ก็คือ เป้อุ้มเด็ก เพราะสามารถพาลูกน้อยไปได้ทุกที่ เรียกว่าเป็นตัวช่วยทุ่นแรงให้กับคุณพ่อคุณแม่ได้เป็นอย่างดี แต่คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจกำลังกังวลว่า เป้อุ้มลูกนั้น จะทำให้ เด็กขาโก่ง หรือเปล่า มีความปลอดภัยขนาดไหน ควรเลือกอย่างไรดี ในบทความนี้ BabyGift มีข้อมูลดี ๆ มาฝากกันแล้วค่ะ  

ตอบข้อสงสัย เป้อุ้มลูก ใช้แล้วเด็กขาโก่งไหม ? พร้อม 3 ยี่ห้อแนะนำ

เป้อุ้มทารก จำเป็นหรือไม่ มีประโยชน์อย่างไร ?  

เป้สำหรับอุ้มเด็ก เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยทุ่นแรงกายในการอุ้มลูกน้อยวัยทารก เพราะช่วยทำให้คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องอุ้มลูกน้อยด้วยมือตัวเองตลอดเวลา และไม่ต้องหาคนช่วยอุ้ม ด้วยเพราะลูกยังเล็ก ยังเดินไม่ได้ ดังนั้นการทำกิจวัตรประจำวันส่วนใหญ่ของคุณแม่จึงจำเป็นต้องอุ้มลูกไว้บ่อย ๆ ทั้งการอุ้มไล่ลม อุ้มกล่อมนอน อุ้มปลอบโยน อุ้มเดินเล่น อุ้มขณะออกไปทำธุระนอกบ้าน ซึ่งเป็นเวลาหลายชั่วโมงต่อวัน แถมยังต้องอุ้มลูกตั้งแต่แรกเกิดหรือวัยทารกไปจนถึงวัยประมาณเกือบ 2 ขวบ จนเมื่อลูกเดินได้เก่ง 

ดังนั้นการใช้เป้อุ้มลูกก็จะช่วยคุณพ่อคุณแม่ได้มาก ทำให้สามารถพาลูกน้อยไปกับเราได้ทุกที่ ทำกิจกรรมต่าง ๆ ก็สะดวกมากขึ้น เช่น การเดินซื้อของ การออกไปทำธุระนอกบ้าน การออกไปท่องเที่ยว เป็นต้น การใช้รถเข็นเด็กอาจจะต้องใช้พื้นที่ในการจัดเก็บเยอะ แต่การใช้เป้อุ้มทารกนั้น สร้างความสะดวกสบายแก่คุณพ่อคุณแม่มาก ๆ  ลองมาดูเหตุผลเพิ่มเติมกันค่ะว่าทำไมควรใช้เป้อุ้มทารก  

  1. ประหยัดแรงกาย : ช่วยให้คุณแม่ไม่เมื่อยล้า เพราะเป้จะช่วยรองรับน้ำหนักตัวของลูกน้อยด้วยตัวเป้และสายรัดให้อยู่กับตัวคุณแม่ ทำให้ช่วยบาลานซ์น้ำหนักและกระจายน้ำหนักได้ดี
  2. ลูกปลอดภัย นั่ง และนอนได้สบาย : ซึ่งเป้ที่ใช้อุ้มเด็กส่วนใหญ่จะผลิตจากวัสดุที่ทำด้วยผ้าที่หนานุ่ม ไม่ระคายเคืองผิวลูก มีเบาะรองทั้งบริเวณหน้าท้องและหลัง ทำให้ลูกอยู่ในเป้สำหรับอุ้มเด็กได้อย่างสบาย 
  3. สร้างความสะดวกสบายให้กับคุณพ่อคุณแม่ : เป้สำหรับอุ้มเด็กคือตัวช่วยที่จะทำให้คุณพ่อคุณแม่เลี้ยงลูกพร้อมกับทำงานบ้านหรือทำกิจกรรมอย่างอื่นได้ โดยเฉพาะผู้ปกครองที่ต้องอยู่บ้านคนเดียว ไม่ต้องกังวลว่าจะทิ้งลูกให้อยู่ตามลำพัง เพราะสามารถอุ้มเด็กติดตัวไปได้ทุกที่ 
  4. ทำให้ลูกรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย : เวลาที่ลูกอยู่ในเป้จะรู้สึกเหมือนอยู่ในถุงนอน อยู่ใกล้ชิดอกคุณแม่ ได้ยินเสียงหัวใจของแม่ คล้ายเวลาอยู่ในท้องตอนตั้งครรภ์ จึงทำให้ลูกหลับได้สบาย ได้สัมผัสกับไออุ่นจากร่างกายของคุณแม่ ทำให้รู้สึกอบอุ่นปลอดภัย ไม่งอแง และไม่ต้องกังวลว่าการอุ้มลูกไว้กับตัวบ่อยๆ จะทำให้ลูกติดมือ เพราะการอุ้มลูกนั้นมีข้อดีมากมาย ทั้งต่อตัวคุณแม่และลูกน้อย ช่วยให้แม่ลูกมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน มีความใกล้ชิดผูกพันกันมากขึ้น ส่งผลต่อพัฒนาการทางอารมณ์ของเด็ก และยังช่วยลดภาวะซึมเศร้าหลังคลอดในคุณแม่ด้วย
  5. ช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านสังคมให้กับลูก : การที่ลูกน้อยอยู่ในเป้อุ้มลูกเวลาออกไปนอกบ้าน จะทำให้ลูกได้คุ้นเคยและใกล้ชิดกับคนอื่นๆ รู้สึกตื่นเต้น เพลิดเพลิน ได้พบเห็นผู้คนและสถานที่ต่าง ๆ ส่งผลดีต่อพัฒนาการด้านสังคม ทำให้ลูกได้เรียนรู้สิ่งแวดล้อมที่แปลกใหม่ อันทำให้ลูกสามารถปรับตัวกับบรรยกาศภายนอกได้เร็วขึ้น 

เด็กขาโก่ง เพราะใช้เป้อุ้มเด็กจริงมั้ย ?  

การอุ้มลูกน้อยติดตัวกับคุณแม่ ทั้งการห่อตัวแล้วพันผ้าแบบสมัยก่อน และการใช้เป้อุ้มทารกเป็นสิ่งที่ทำกันมาอย่างยาวนาน เหมือนกับการอุ้มลูกเข้าเอว ทั้งนี้ อาจมีคุณพ่อคุณแม่หลายคนเป็นกังวลว่าการอุ้มลูกเข้าเอว การใช้เป้อุ้มทารก รวมถึงการใส่ผ้าอ้อมจะทำให้ลูกขาโก่งหรือเปล่า ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การที่เด็กขาโก่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการใส่ผ้าอ้อม การใช้เป้อุ้มทารก หรือการอุ้มลูกเข้าเอวแต่อย่างใด แต่เกี่ยวข้องกับพันธุกรรมและความผิดปกติทางร่างกายเป็นหลัก  

โดยทั่วไปแล้ว สรีระกระดูกขาของทารกจะมีลักษณะโค้งงอเล็กน้อย และจะค่อย ๆ ยืดตรงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเกณฑ์ที่จะตัดสินว่า ลูกของเราขาโก่งหรือไม่นั้น ต้องดูหลังจากอายุ 2 ปีขึ้นไป  ส่วนการใช้เป้สำหรับอุ้มเด็กก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกขาโก่งได้น้อย แม้จะมีข้อมูลบางอย่างที่พบว่า การใช้เป้อุ้มลูก อาจเป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุการเกิดโรคข้อสะโพกหลุด (Hip dysplasia) ในเด็กเล็กได้ แต่ก็เป็นเพียงข้อสันนิษฐานหนึ่งที่บอกว่าเกิดจากท่าทางของทารกในขวบปีแรก ซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่ทารกถูกห่อตัวหรือรัดตัวแน่นมากจนเกินไป  และจากหลายปัจจัยอื่น ๆ เช่น กรรมพันธุ์ ท่าทางของลูกน้อยในครรภ์ ท่าคลอดท่าก้น ลักษณะของข้อต่อสะโพกของลูกทารก เป็นต้น  

ซึ่งปัจจุบันเป้ที่ใช้อุ้มเด็กเล็กส่วนใหญ่ ให้ความสำคัญกับการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ทั้งของคุณลูกและคุณแม่ เพื่อให้ลูกน้อยอยู่ในท่าทางที่ถูกต้องขณะอุ้มอย่างปลอดภัย คุณแม่เองก็ใช้เป้อุ้มลูกได้โดยไม่ต้องก้ม เอนหรือเดินผิดอิริยาบถจนต้องปวดหลัง ปวดไหล่ และเป้อุ้มทารกบางยี่ห้อก็ผ่านการรับรองจากสถาบันต่างประเทศ ที่ได้รับการยืนยันว่าใช้แล้วจะไม่ทำให้เกิดโรคกระดูกสะโพกเคลื่อนอันเป็นสาเหตุของอาการขาโก่งอีกด้วย จึงมั่นใจได้ว่า ปลอดภัยสำหรับลูกรักอย่างแน่นอนค่ะ  

จะเลือกใช้เป้อุ้มลูกอย่างไรให้ปลอดภัย ?  

แม้ว่าเป้อุ้มลูกจะไม่ได้เป็นต้นเหตุที่ทำให้ เด็กขาโก่ง แต่ก็ควรเลือกเป้อุ้มทารกที่สอดคล้องกับสรีระของเด็กเล็ก เป็นเป้ที่ลูกสามารถหันหน้าออกได้ทั้งหน้า – หลัง และสามารถรองรับกระดูกสันหลังและศีรษะของทารกได้เป็นอย่างดี มีความยืดหยุ่นที่เด็กสามารถเอนตัวและขยับเคลื่อนไหวสะโพกได้ เพราะถ้าเลือกเป้อุ้มเด็กที่เมื่อเด็กนั่งแล้วมีท่าทางไม่สอดรับกับสะโพก หากนั่งท่านี้นาน ๆ ก็มีโอกาสที่จะบาดเจ็บหรือข้อสะโพกหลุดได้ แล้วจะเลือกเป้อุ้มลูกอย่างไรดี มาดูวิธีการเลือกเป้อุ้มทารกอย่างถูกต้องกันค่ะ 

  • เลือกเป้สำหรับอุ้มเด็กที่มีความปลอดภัย  มีโครงสร้างที่ช่วยพยุงตัวเด็กได้ดี ใช้วัสดุที่มีความปลอดภัยต่อผิวอันบอกบางของลูกน้อย การตัดเย็บมีความแน่นหนา ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย อาจพาลูกไปทดลองนั่งเป้ด้วย เพื่อที่จะได้รู้ว่าเหมาะกับลูกของเราหรือไม่ 
  • ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ คุณแม่ใช้แล้วไม่ทำให้ปวดหลัง ไม่ปวดแขน ไม่เมื่อยไหล่ และลูกใช้แล้วไม่ทำให้เด็กขาโก่งหรือเสี่ยงต่อการเกิดโรคข้อสะโพกเคลื่อนหลุดในเด็ก ควรเลือกเป้อุ้มทารกที่ฐานนั่งเป็นแบบ M-Shaped ให้ลูกน้อยนั่งอย่างถูกสรีระ ป้องกันข้อต่อสะโพกเคลื่อนหลุดในเด็ก  
  • เลือกเป้ที่ลูกนั่งแล้วมีท่าทางสอดรับกับสะโพก กล่าวคือ เป็นท่าที่สะโพกของลูกแยกไปด้านข้างตามธรรมชาติ โดยที่ต้นขาจะกางออก เพื่อรองรับสะโพกและการงอเข่า แต่ถ้าหากนั่งแล้วสะโพกและเข่ายืด ขาห้อยเข้ามาใกล้กัน นั่นคือท่าที่ไม่ถูกต้อง หากอยู่ในท่านี้นานๆ อาจเสี่ยงทำให้สะโพกหลุดได้   
  • หลีกเลี่ยงเป้อุ้มลูกที่ลูกนั่งแล้วมีท่าทางคล้ายตัว C กล่าวคือ ทำให้ลูกห่อตัวโค้งลง ซึ่งอาจทำให้ลูกหายใจลำบากและอยู่ในท่าทางที่ผิดอิริยาบถได้ อาจส่งผลต่อกระดูกสันหลังของลูก ควรเลือกเป้ที่ช่วยพยุงหลังและสรีระของลูกได้ดี ลูกอยู่ในท่าทางที่ลำคอตั้งตรงและหายใจได้สะดวก  
  • มีความกระชับ ใช้แล้วรู้สึกว่ามีความมั่นคง ปลอดภัย ช่วยพยุงไม่ให้ลูกหลังงอ ช่วยประคองศีรษะ คอ หัวไหล่ หลังและเอวของลูกได้เป็นอย่างดี และควรเป็นผ้าที่นิ่ม สามารถระบายอากาศได้ดี ไม่ทำให้ลูกร้อนหรืออึดอัดไม่สบายตัว  

BabyGift แนะนำ เป้อุ้มทารกคุณภาพดี ไม่ต้องกังวลเรื่องทำให้เด็กขาโก่ง 

สำหรับคุณพ่อคุณแม่คนไหนที่เป็นกังวลว่า การใช้เป้อุ้มทารกจะทำให้ลูกขาโก่งหรือไม่ ตอนนี้ก็น่าจะคลายข้อสงสัยกันไปแล้วนะคะ ถ้าเลือกเป้สำหรับอุ้มเด็กที่ได้มาตรฐาน มีคุณภาพดี ดีไซน์ถูกตามหลักสรีรศาสตร์ ก็มั่นใจในเรื่องของความปลอดภัยได้เลย และถ้ากำลังมองหาเป้สำหรับอุ้มเด็กอยู่ละก็ BabyGift มีมาแนะนำแล้วค่ะ  

1. เป้อุ้ม Hugpapa รุ่น Dial-Fit Pro (3in1 Hip Seat Carrier) 

เป้อุ้มลูกของ Hugpapa รุ่น Dial-Fit Pro มีเทคโนโลยี BOA ช่วยปรับกระชับตัวได้ง่ายมากขึ้นเพียงแค่หมุน ใช้งานได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ปรับได้พอดีกับสรีระของทุกคน  มีน้ำหนักเบาสบาย สามารถอุ้มลูกน้อยได้อย่างง่ายดาย 

จุดเด่น  

  • วัสดุทำจาก Polyurethane มีความนุ่มพิเศษ ไม่เสียทรง คืนรูปรวดเร็ว  
  • ฮิปซีทที่นั่งเอียง 23 องศา ช่วยให้ลูกนั่งสบายมากขึ้น และเป็นแบบ M-Shape ป้องกันข้อสะโพกหลุดในเด็ก 
  • ฮิปซีทเว้าโค้งช่วยให้เข่า และสะโพกเด็ก อยู่ในระดับเดียวกัน และโค้งรับหน้าท้อง ไม่กดแผลผ่าคลอดของคุณแม่ 
  • ได้รับการรับรองจากสถาบัน IHDI มั่นใจได้ว่าลูกนั่งสบายอย่างปลอดภัย ไม่ทำให้ขาโก่ง หลังงอ  
  • มีหมวกคลุมศีรษะ ช่วงป้องกันแสงแดดให้ลูกน้อย  
  • มีผ้าซับน้ำลาย Organic ไม่ระคายเคืองผิว สามารถถอดซักได้  
  • มีแผ่นพยุงศีรษะลูกน้อย ช่วยป้องกันปัญหาคอพับ  
  • มีช่องตาข่ายระบายอากาศ สามารถเปิดระบายเหงื่อและความร้อนได้  
  • สายคาดเอวระบายอากาศได้ดี วัสดุเป็นตาข่ายแบบนุ่มพิเศษ ไม่ทำให้ร้อน  

การใช้งาน : เด็กอายุ 0 – 36 เดือน รองรับน้ำหนักได้สูงสุด 20 กิโลกรัม 

แบรนด์ : ประเทศเกาหลี

2. เป้สำหรับอุ้มเด็ก HAENIM 9 (Hipseat Carrier) 

เป้อุ้มลูกที่สามารถใช้ได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิด ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่อุ้มลูกได้อย่างสบาย ไม่ทำให้ปวดหลัง มีการออกแบบที่รองรับกับสรีระของเด็ก มั่นใจว่าปลอดภัยต่อลูกน้อย ผลิตและนำเข้าจากประเทศเกาหลี ดูแลรับประกันสินค้านานถึง 2 ปี  

 จุดเด่น  

  • ฐานนั่งเป็นแบบ M-Shaped ให้ลูกน้อยนั่งอย่างถูกสรีระ ป้องกันข้อต่อสะโพกอักเสบ  
  • มีแผ่นพยุงศีรษะ ป้องกันลูกคอพับและกระดูกคอเคลื่อน  
  • มีผ้าซับน้ำลาย Organic ไม่ระคายเคืองผิวลูก สามารถถอดซักได้  
  • มีหมวกคลุมศีรษะ ช่วยปกป้องแสงแดดให้ลูก สามารถถอดซักได้  
  • เป้ระบายอากาศได้ดี ไม่ร้อนทั้งลูกน้อยและคนอุ้ม  
  • สายสะพายมีขนาดใหญ่ มีความหนานุ่ม กระจายน้ำหนักได้ดี ไม่ทำให้เมื่อยไหล่  
  • สายคาดเอวมีขนาดใหญ่ ช่วยให้อุ้มลูกได้อย่างสบาย ไม่มีปวดหลัง  
  • ฐานนั่งเป็นแบบ Hipseat โค้งรับช่วงท้อง หนานุ่ม ไม่อึดอัด ไม่กดแผลผ่าคลอดคุณแม่  

การใช้งาน : เด็กอายุ 0 – 36 เดือน รองรับน้ำหนักได้สูงสุด 20 กิโลกรัม  

แบรนด์ : ประเทศเกาหลี

3. เป้สำหรับอุ้มเด็ก HAENIM 9 Plus (Hipseat Carrier)

เป้สำหรับอุ้มเด็กอีกรุ่นหนึ่งของ HAENIM ที่ออกแบบมาเพื่อสุขภาพของคุณพ่อคุณแม่ ให้คุณพ่อคุณแม่อุ้มลูกได้อย่างสบาย ไม่ทำให้ปวดหลัง ออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ ซัพพอร์ตการอุ้มเด็กเล็กได้อย่างปลอดภัย มั่นใจในคุณภาพ ผลิตและนำเข้าจากประเทศเกาหลี ดูแลรับประกันสินค้านาน 2 ปี  

 จุดเด่น 

  • ฐานนั่งเป็นแบบ M-Shaped ให้ลูกน้อยนั่งอย่างถูกสรีระ ป้องกันข้อต่อสะโพกอักเสบ  
  • มีแผ่นพยุงศีรษะ ป้องกันลูกคอพับและกระดูกคอเคลื่อน  
  • มีผ้าซับน้ำลาย Organic ไม่ระคายเคืองผิวลูก สามารถถอดซักได้  
  • มีหมวกคลุมศีรษะ ช่วยปกป้องแสงแดดให้ลูกน้อย สามารถถอดซักได้  
  •  วัสดุภายนอกทำจากผ้า Melange ผ้าที่เกิดจากเส้นใยมากกว่าสองสีที่อยู่รวมกัน ทำให้มีความสวยงาม อีกทั้งยังช่วยป้องกันละอองฝน และแสงแดด 
  • ระบายอากาศดี ไม่ร้อนทั้งลูกน้อยและคนอุ้ม  
  • มีสายสะพายขนาดใหญ่ มีความหนานุ่ม กระจายน้ำหนักได้ดี ช่วยให้ไม่เมื่อยไหล่ขณะอุ้ม  
  • มีสายคาดเอวขนาดใหญ่ ช่วยอุ้มลูกสบายขึ้น ไม่ปวดหลัง ทำจากวัสดุ Polyurethane ช่วยลดแรงกดทับหน้าท้องได้ดี   
  • ฐานนั่ง Hipseat โค้งรับช่วงท้อง มีความหนานุ่ม ไม่อึดอัด ไม่กดแผลผ่าคลอดของคุณแม่  

การใช้งาน : เด็กอายุ 0 – 36 เดือน รองรับน้ำหนักได้สูงสุด 20 กิโลกรัม 

แบรนด์ : ประเทศเกาหลี

การใช้เป้อุ้มลูกไม่ทำให้เด็กขาโก่งแต่อย่างใด และถ้าหากเลือกเป้สำหรับอุ้มเด็กที่มีคุณภาพดี ออกแบบมาอย่างเหมาะสมตามหลักสรีรศาสตร์ มีการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย ก็ใช้ได้อย่างไม่ต้องกังวล ถ้าคุณพ่อคุณแม่คนไหนกำลังมองหาเป้อุ้มลูกอยู่ละก็ สามารถเข้ามาเยี่ยมชมสินค้าได้ที่ร้าน BabyGift ร้านจำหน่ายสินค้าแม่และเด็กระดับคุณภาพ มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี คุณพ่อคุณแม่สามารถพาลูกน้อยมาลองนั่งเป้สำหรับอุ้มเด็กได้ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ร้านเบบี้กิ๊ฟทั้ง 5 สาขา ใกล้บ้าน หรือสอบถามผ่านช่องทาง Online ทีมงาน BabyGift ยินดีให้คำแนะนำค่ะ  

อ้างอิงที่มาข้อมูลบางส่วนจาก :  www.bangkokhospitalkhonkaen.com/th/article/1556358426#:~:text=ความเชื่อ%3A%20ใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูป,หลัง%202%20ปีขึ้นไป
https://wearmybaby.co.uk/12-reasons-to-use-a-baby-carrier/
https://www.happiestbaby.com/blogs/baby/how-to-use-a-baby-sling#what%E2%80%99s-the-benefit-of-using-a-baby-carrier?  

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00

บทความแนะนำ

วิตามินมีความสำคัญต่อร่างกายของเราเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะตอนท้อง เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่วิตามินที่เราได้รับเป็นปกตินั้นจะต้องแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งสำหรับเราเอง และอีกส่วนหนึ่งสำหรับลูกน้อย วิตามินส่วนใหญ่ก็จะสามารถพบได้ในอาหารทั่วไปเลยนะคะ หรือคุณแม่บางท่านอาจจะเลือกที่จะเสริมวิตามินเพิ่มเติมก็ได้อยู่ แต่ก่อนที่เราจะมองหาอาหารที่อุดมด้วยวิตามินมาทานนั้น เรามาดูกันก่อนดีกว่าว่าแม่ท้องควรจะเน้นวิตามินตัวไหนเป็นพิเศษกันบ้าง 1. วิตามินบี 1 วิตามินบี 1 เป็นวิตามินที่จะช่วยไม่ให้คุณแม่เกิดอาการเหน็บชา และมีความจำเป็นต่อร่างกายในการสร้างและการทำงานของเนื้อเยื่อ นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในการพัฒนาระบบประสาทต่างๆ ของทารก สำหรับคุณแม่ที่ได้รับวิตามินตัวนี้น้อยเกินไปก็อาจจะทำให้เกิดผลกระทบต่อหัวใจและปอดของลูกน้อยได้ค่ะ อาหารที่มีวิตามินบี 1 ไข่ไก่ ข้าวซ้อมมือ แป้งสาลี 2. วิตามินบี 2 และบี 6 สำหรับวิตามินตัวนี้นั้นจะมีประโยชน์ต่อการพัฒนาสมองรวมถึงระบบประสาทของทารกเป็นอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้น ถ้าได้รับวิตามินตัวนี้น้อยเกินไป ก็อาจจะทำให้สมองของลูกน้อยพัฒนาได้อย่างไม่เต็มที่นะคะ อาหารที่มีวิตามินบี 2 และบี 6 เช่น ตับและไข่แดง 3. กรดโฟลิก กรดโฟลิกเป็นวิตามินที่ช่วยเรื่องของการสร้างอวัยวะให้แก่ลูกน้อย ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในเรื่องของสมองพิการและความพิการของร่างกายส่วนอื่น ๆ อาหารที่มีกรดโฟลิก เช่น ผักโขม อาโวคาโด ข้าวโพด 4. วิตามินบี 12 วิตามินบี 12 ก็เป็นวิตามินที่ช่วยในเรื่องของการทำงานระบบประสาทเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีส่วนในเรื่องของการช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงอีกด้วยนะ และเม็ดเลือดแดงก็มีความสำคัญในการนำออกซิเจนไปเลี้ยงสมองของลูกน้อยของเรานั่นเอง อาหารที่มีวิตามินบี 12 เช่น ไข่ ตับ และผลิตภัณฑ์จากนม 5. วิตามินซี วิตามินซีจะมาช่วยคุณแม่ในเรื่องของภูมิคุ้มกัน […]

วันกำหนดคลอดเริ่มใกล้เข้ามาทุกที เบบี้กิ๊ฟมั่นใจว่าคุณแม่หลาย ๆ ท่าน ต้องมีแอบเล็งของใช้ทารกไว้ให้ลูกน้อยตั้งแต่วันแรกที่เริ่มรู้เพศกันแน่ ๆ เลยใช่ไหมคะ ซึ่งการเตรียมของใช้ทารกไว้ล่วงหน้าก็เป็นเรื่องปกติที่สามารถทำได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความเชื่อต่าง ๆ อีกต่อไป แถมยังมีข้อดีคือทำให้มีเวลาให้คิด เลือกซื้อ เปรียบเทียบคุณภาพต่าง ๆ ได้ และยังช่วยให้คุณพ่อคุณแม่มีเวลาในการทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรค ก่อนลูกน้อยต้องสัมผัสอีกด้วย BabyGift เข้าใจแม่ว่าของใช้ทารกมีมากมายเหลือเกินในปัจจุบัน เราจึงรวบรวมผลิตภัณฑ์ของใช้ทารกที่จะต้องเตรียมให้พร้อมก่อนคลอดมาให้เลือก ซึ่งแบ่งตามหมวดหมู่ไว้ให้ดังนี้ค่ะ หมวดให้นม การทานนมถือเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับทารกในช่วงวัยแรกเกิด โดยเฉพาะช่วง 6 เดือนแรก ที่ทารกไม่สามารถกินอย่างอื่นได้นอกจากนม การเตรียมอุปกรณ์เกี่ยวกับการทานนม จึงสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง และโดยเฉพาะอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการทานนมนั้น เป็นจุดที่ลูกได้รับสัมผัสเข้าไปโดยตรง จึงควรพิจารณาเลือกวัตดุ อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน ทนต่อความร้อน และสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ เครื่องปั๊มนม ตัวช่วยกระตุ้นให้คุณแม่มีน้ำนมอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้เก็บน้ำนมของคุณแม่ไว้ให้ลูกน้อยทานได้เรื่อย ๆ การปั๊มนมตามรอบนอกจากจะให้คุณแม่มีน้ำนมในปริมาณที่พอเพียงแล้ว ยังช่วยลดอาการเจ็บปวดเต้านมได้อีกด้วย โดยเครื่องปั๊มนมมีหลากหลายรูปแบบมาก ทั้งแบบปั๊มนมไฟฟ้า หรือปั๊มมือ แบบปั๊มเดี่ยว หรือปั๊มคู่ และแต่ละเครื่องยังมีฟังก์ชั่นที่แตกต่างไปอีก ทั้งระบบการปรับแรงดูด รอบดูด ปั่นจี๊ด นวดกระตุ้น เคลียร์เต้า ต่างๆ […]

การเลี้ยงลูกให้มีสุขภาพดีเริ่มต้นจากการให้ลูกกินอาหารที่มีประโยชน์ แต่การที่ลูกไม่ยอมกินข้าวเป็นปัญหาที่แม่หลายคนต้องพบเจอ แม้ว่าจะเป็นเรื่องธรรมดาของเด็กในวัยทารกหรือวัยเด็กเล็ก แต่หากปล่อยไว้ อาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการและสุขภาพของลูกในระยะยาว ดังนั้นวันนี้เรามีวิธีจัดการลูกไม่ยอมกินข้าวที่ได้ผลจริงมาฝากค่ะ 1. สร้างสภาพแวดล้อมในการทานอาหารที่ดี บรรยากาศการทานอาหารที่ดีช่วยให้ลูกอยากทานมากขึ้น คุณแม่ควรสร้างบรรยากาศที่สนุกสนานและไม่กดดันขณะทานอาหาร เช่น การทานอาหารร่วมกันกับครอบครัว หรือการตั้งโต๊ะอาหารที่มีสีสันและดูน่าสนใจ เคล็ดลับ: 2. ให้ลูกมีส่วนร่วมในการเลือกอาหาร เด็กมักจะรู้สึกสนุกและมีความภาคภูมิใจเมื่อได้เลือกหรือช่วยเตรียมอาหารเอง คุณแม่สามารถให้ลูกมีส่วนร่วมในการเลือกเมนูอาหารหรือการจัดเตรียมอาหารบางอย่าง เพื่อให้พวกเขารู้สึกว่าการทานอาหารเป็นเรื่องสนุกและไม่น่าเบื่อ เคล็ดลับ: 3. หลีกเลี่ยงการบังคับให้กินอาหาร การบังคับให้ลูกทานอาหารอาจทำให้ลูกเกิดความเครียดและต่อต้านการทานอาหารมากขึ้น การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับอาหารจะช่วยให้ลูกมีทัศนคติที่ดีต่อการทานอาหาร เคล็ดลับ: 4. เปลี่ยนเมนูอาหารให้หลากหลาย เด็กมักเบื่ออาหารที่ซ้ำซาก ดังนั้นคุณแม่ควรเปลี่ยนเมนูอาหารให้หลากหลายและน่าสนใจ เช่น การทำอาหารในรูปแบบต่างๆ หรือการเพิ่มรสชาติใหม่ๆ เข้าไปในอาหาร เคล็ดลับ: 5. ไม่เสิร์ฟของหวานก่อนมื้ออาหาร การเสิร์ฟของหวานหรือขนมก่อนมื้ออาหารจะทำให้ลูกอิ่มท้องก่อนและไม่อยากทานข้าว ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการให้ขนมก่อนมื้ออาหาร เคล็ดลับ: 6. ทานอาหารร่วมกับลูก การทานอาหารร่วมกับลูกจะช่วยให้ลูกเห็นแบบอย่างในการทานอาหารที่ดี และทำให้ลูกรู้สึกมีส่วนร่วมในการทานอาหารด้วยกัน เคล็ดลับ: 7. ควบคุมเวลาการทานอาหาร การมีเวลาทานอาหารที่ชัดเจนจะช่วยให้ลูกสร้างนิสัยการทานอาหารที่ดี ไม่ทานอาหารระหว่างมื้อซึ่งอาจทำให้ลูกไม่หิวเวลาทานข้าว เคล็ดลับ: 8. ให้รางวัลเมื่อทานอาหารเสร็จ การให้รางวัลเล็กๆ น้อยๆ เมื่อทานอาหารเสร็จแล้วเป็นวิธีหนึ่งที่จะกระตุ้นให้ลูกทานอาหารอย่างเต็มใจ โดยรางวัลไม่จำเป็นต้องเป็นขนมหรือของหวานเสมอไป […]

 คาร์ซีทหมุนได้ จำเป็นต่อคุณพ่อ คุณแม่อย่างไร คุณพ่อและคุณแม่ทุกคน พยายามและสรรหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกน้อยเสมอ เพราะลูกน้อยคือแก้วตาดวงใจของคุณพ่อและคุณแม่ แต่จะดีกว่าไหมถ้าสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อยยังสร้างความสะดวกสบายสำหรับคุณพ่อและคุณแม่ไปพร้อมกัน           การเลือกซื้อคาร์ซีทก็เหมือนกัน นอกจากจะดีที่สุด ปลอดภัยที่สุดแล้ว คุณพ่อคุณแม่ยังคงต้องคำนึงถึงความสะดวกสบายในการใช้งาน ต่อทั้งกับคุณพ่อ คุณแม่ และลูกน้อยอีกด้วย และหนึ่งในปัญหาชวนปวดหัวสำหรับคุณพ่อ คุณแม่ในการใช้คาร์ซีท อย่างปัญหาการอุ้มลูกน้อยเวลาขึ้นลงรถ หรือปัญหาที่จอดรถแคบเกินไป ที่ทำให้การอุ้มลูกน้อยขึ้นลงรถลำบาก อาจจะชนกับรถ หรือกำแพง ที่อาจเป็นอันตรายต่อทั้ง คุณพ่อ คูณแม่ และลูกน้อยได้ ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปถ้าคุณพ่อ และคุณแม่เลือกใช้คาร์ซีทแบบ Convertible Carseat คาร์ซีทหมุนได้ 2 ทิศทาง หรือคาร์ซีทที่หมุนได้ 360 องศา ที่นอกจากปกป้องลูกน้อยได้แล้ว ยังเพิ่มเติมความสะดวกสบายให้กับคุณพ่อคุณแม่ได้อีกด้วย นอกจากนี้คาร์ซีทหมุนได้ยังมีข้อดีอีกมากมาย ทาง Baby Gift จึงขอพา คุณพ่อ คุณแม่ มาเข้าใจถึงข้อดีของคาร์ซีทหมุนได้กันค่ะ ข้อดีของการใช้ คาร์ซีทหมุนได้ .คุณพ่อ และคุณแม่ สะดวกสบายในการอุ้มลูกน้อยขึ้นลงรถ           […]

เปลนอนเด็กเล็กเป็นของใช้ที่จำเป็นมาก โดยเฉพาะคุณแม่ลูกอ่อนหรือคุณแม่ใกล้คลอด ก็อาจจะมองหาเปลนอนสำหรับทารกเตรียมเอาไว้ให้ลูกน้อย ซึ่งตามท้องตลาดก็มีเปลนอนอยู่หลายแบบหลายฟังก์ชั่นให้เลือกมากมาย จะเลือกเปลนอนทารก แบบไหนดี ? เปลนอนสำหรับทารกมีกี่แบบ ควรเลือกอย่างไร ต้องคำนึงถึงสิ่งใดบ้าง ในบทความนี้ BabyGift มีคำแนะนำดีๆ มาฝากแล้วค่ะ เปลนอนลูกมีกี่แบบ ? เลือกเปลนอนทารก แบบไหนดี ? ชวนคุณแม่มาดูกัน ! ในวัยแรกเกิดนั้น ทารกจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนอนหลับพักผ่อน ดังนั้นแล้ว อุปกรณ์อย่างเปลนอนเด็กเล็ก (Baby Crib) จึงมีความสำคัญมาก ถ้าเลือกแบบมีคุณภาพดี มีความนุ่มสบาย ระบายอากาศได้ดี ก็จะทำให้ลูกน้อยนอนหลับได้อย่างสบายตัว ไม่ร้อน ไม่ปวดเมื่อย ยิ่งลูกน้อยได้นอนหลับพักผ่อนมากเท่าไหร่ ก็จะส่งผลดีต่อพัฒนาการและการเจริญเติบโตของลูกน้อยมากเท่านั้น เครื่องนอนต่างๆ อย่างเช่น เปลนอน ฟูกนอน หมอน ผ้าห่ม จึงมีความสำคัญมากๆ และที่สำคัญที่สุดก็คือ ความปลอดภัย และความแข็งแรงทนทานของเปล คุณพ่อคุณแม่บางคนอาจเกิดคำถามขึ้นมาว่า แล้วจะเลือกเปลนอนทารก แบบไหนดี ? เปลนอนเด็กเล็กก็มีอยู่หลายแบบด้วยกัน ดังนี้ค่ะ 1. เปลโยก เปลโยกสำหรับเด็กเล็กนั้น […]

เชื่อว่าปัญหาที่หลายๆ บ้านจะต้องเจอก็คือ การที่ลูกรักไม่ยอมกินข้าว โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่อายุ 1 ขวบขึ้นไป เมื่อเริ่มเดินได้คล่อง เริ่มวิ่งได้บ้าง ก็จะติดเล่น ไม่ค่อยยอมกินข้าวหรือกินได้น้อย บางคนก็อมข้าว ไม่ยอมเคี้ยว หรือหันหน้าหนี กว่าจะป้อนหมดชามก็ใช้เวลานานเกินไป ซึ่งทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายๆ คนเป็นกังวล เพราะการที่ลูกเราไม่ยอมกินข้าวก็อาจส่งผลต่อสุขภาพและการเติบโตของลูกได้ แต่ปัญหาการกินของลูกรับมือได้ไม่ยากเลยค่ะ เพียงแค่ต้องให้เวลา ใช้ความเข้าใจ และต้องใจแข็งนิดหน่อย ก็จะทำให้ลูกมีวินัยในการกินมากขึ้น ลูกไม่ยอมกินข้าว 1 ขวบ จะแก้ปัญหาอย่างไรดี ? มาลองฝึกลูกน้อยไปพร้อม ๆ กันกับ BabyGift ได้เลยค่ะ ลูกไม่ยอมกินข้าว 1 ขวบ ทำยังไงดี ? ชวนดูเทคนิคดีๆ ที่ทำให้ลูกกินได้มากขึ้น การได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอในปริมาณที่เหมาะสมนั้นเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากสำหรับลูกน้อย เพราะส่งผลต่อการเจริญเติบโตตามวัย หากได้รับสารอาหารไม่เพียงพอนั้นอาจทำให้ลูกมีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์และสุขภาพไม่แข็งแรงได้ โดยทั่วไปแล้ว เมื่อเด็กอายุครบ 1 ขวบจะเริ่มเรียนรู้การปฏิเสธอาหารหรือคายอาหาร เนื่องจากมีพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวร่างกาย สามารถหยิบจับอาหารเข้าปากได้เอง การปฏิเสธ หรือคายอาหารจึงเป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่งที่ช่วยป้องกันไม่ให้ตัวเองกินสิ่งที่เป็นพิษหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าไป โดยส่วนใหญ่แล้ว การที่ลูกไม่ยอมกินข้าว 1 ขวบนั้นจะเกิดขึ้นไม่นานและหายไปได้เอง แต่เด็กบางคนอาจมีพฤติกรรมกินยาก […]

Menu
All Categories
All Brands
All Ages
Promotions
Locations
BabyGift Family
BabyGift Care
Parents Guide
News & Event

All Categories

All Categories
All Brands
All Ages