รวม 10 รุ่น คาร์ซีทเด็กโต (อัปเดตปี 2024) พร้อมคำแนะนำเลือกยังไง ? เมื่อไหร่ถึงควรเปลี่ยนคาร์ซีท

ถึงเวลาเปลี่ยนคาร์ซีทกันแล้วหรือยังคะ ?
เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ที่เข้ามาอ่านบทความนี้ก็คงจะมีประสบการณ์เลือกคาร์ซีทเด็กเล็กกันมาบ้างแล้ว ตอนนี้กำลังมองหาคาร์ซีทเด็กโตให้กับเจ้าตัวน้อยที่กำลังนั่งตัวเดิมแล้วดูอึดอัดกันอยู่ใช่หรือเปล่าคะ ? ในบทความนี้ BabyGift จะชวนคุณพ่อคุณแม่มาดู 10 รุ่นคุณภาพดี พร้อมกับแนะนำการเลือกคาร์ซีทสำหรับเด็กโตกัน ลองมาดูกันว่า เมื่อเจ้าตัวเล็กของเราเริ่มจะโตขึ้น เราต้องใส่ใจกับเรื่องอะไรบ้าง มีคาร์ซีทรุ่นไหนบ้างที่น่าสนใจ มาหาคำตอบกันได้จากบทความนี้ค่ะ
10 คาร์ซีทเด็กโตคุณภาพดี แนะนำรุ่นฮิต ถูกใจคุณพ่อคุณแม่ by babyGift !
การเลือกคาร์ซีทนั้น นอกจากจะเลือกตามอายุ น้ำหนัก หรือส่วนสูงของลูกน้อยแล้ว อายุการใช้งานของคาร์ซีทก็เป็นสิ่งที่เราควรจะพิจารณาเป็นพิเศษ ก่อนที่เราจะไปดูคาร์ซีทสำหรับเด็กโตทั้ง 10 รุ่นที่ BabyGift แนะนำ จะขอพาผู้อ่านทุกคนมาทำความเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสำคัญ และประเด็นต่างๆ ที่ควรจะพิจารณาก่อนเปลี่ยนคาร์ซีทกันก่อนค่ะ
คาร์ซีทเด็กโต จำเป็นไหม ? ทำไมเด็กโตถึงยังต้องใช้คาร์ซีท

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ให้ลูกนั่งคาร์ซีทตั้งแต่เป็นยังเป็นเด็กเล็กก็คงจะไม่มีปัญหาเรื่องการฝึกลูกนั่งคาร์ซีท แต่สำหรับบ้านไหนที่เด็กๆ เริ่มโตแล้ว และจะต้องนั่งคาร์ซีทตามข้อกฏหมายอันมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค. 2566 เป็นต้นมา ก็ไม่ต้องกังวลไปนะคะ การฝึกลูกนั่งคาร์ซีทไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป แต่ก็ยังมีคุณพ่อคุณแม่บางคนอาจจะเกิดคำถามในใจว่า คาร์ซีทสำหรับเด็กโต มีความจำเป็นไหม ? ซึ่งคาร์ซีทสำหรับเด็กโตนั้น เป็นอุปกรณ์เสริมช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเด็ก ๆ ในขณะที่นั่งรถยนต์เช่นเดียวกันกับคาร์ซีทสำหรับเด็กเล็ก
ซึ่งโดยหลักการแล้ว ควรให้เด็กนั่งคาร์ซีทตั้งแต่เล็ก ๆ เนื่องจากเบาะรถยนต์และสายเข็มขัดนิรภัยในรถยนต์ ไม่ได้ถูกออกแบบเพื่อรองรับกับผู้โดยสารที่เป็นเด็กและมีส่วนสูงน้อยกว่า 150 เซนติเมตร หากเด็กใช้งานสายเข็มขัดนิรภัยของรถยนต์ สายเข็มขัดมักจะพาดตรงบริเวณลำคอ หรือ บริเวณใบหน้า ทำให้เด็กๆ ต้องดึงสายเข็มขัดลงมา จนอยู่ในท่าทางที่ไม่ถูกต้อง ไม่ปลอดภัย และถ้าหากมีการเบรกรถรุนแรง หรือเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน อาจเกิดอันตรายทำให้เด็กๆ บาดเจ็บได้ เช่น สายเข็มขัดกระแทกลำคอ กระแทกที่ใบหน้า ด้วยเหตุนี้ จึงต้องให้ลูกนั่งคาร์ซีทสำหรับเด็กโต และบูสเตอร์ซีท ที่มีการออกแบบเบาะและโครงสร้าง เพื่อทดแทนเบาะรถยนต์ที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อปกป้องตัวเด็ก ด้วยการเพิ่มความสูงของเบาะที่นั่ง พร้อมเสริมฟังก์ชั่นความปลอดภัย ที่จะช่วยให้เด็กๆ นั่งสบาย และปลอดภัยมากขึ้นเมื่อต้องเดินทาง
คาร์ซีทเด็กโตมีกี่แบบ ?
คาร์ซีทสำหรับเด็กโตสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
1. คาร์ซีทสำหรับเด็กโต Forward Facing หรือ Combination Seat
คาร์ซีทแบบนี้ เหมาะใช้เป็นคาร์ซีทตัวที่ 2 ให้กับลูก ใช้งานแบบหันหน้าไปหน้ารถอย่างเดียว บางรุ่นมีเข็มขัดนิรภัย 5 จุด และปรับเป็นบูสเตอร์ซีทได้ในตัวเดียว จึงใช้งานได้ยาวนาน ส่วนใหญ่จะใช้ได้ตั้งแต่อายุ 1 – 12 ปี ตัวคาร์ซีทจะมีลักษณะเบาะกว้าง พนักพิงใหญ่และสูง เพื่อทำให้เด็กนั่งได้สบายและเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของเด็ก
ข้อดี
- โครงสร้างใหญ่ เบาะกว้าง ทำให้ลูกนั่งสบาย ไม่อึดอัด
- พนักพิงจะปรับความสูงได้เยอะ เพื่อรองรับสรีระเด็กได้ตามวัย
- บางรุ่นปรับเป็นบูสเตอร์ซีทได้ในตัวเดียว ใช้งานได้นาน
- วัสดุรองรับแรงกระแทกมีความแข็งแรง ทำให้คาร์ซีทมีความปลอดภัยสูง
ข้อเสีย
- บางรุ่นจะมีน้ำหนักเยอะ เคลื่อนย้ายไม่ค่อยสะดวก
- บางรุ่นไม่สามารถปรับเบาะเอนนอนได้ อาจทำให้เด็กนอนหลับไม่สบาย ควรเลือกแบบปรับเอนได้

2. Booster seat
สำหรับบูสเตอร์ซีท จะแบ่งย่อยได้ 2 แบบ คือ บูสเตอร์ซีทแบบมีพนักพิง และ บูสเตอร์ซีทแบบไม่มีพนักพิง โดยมีรายละเอียดดังนี้
บูสเตอร์ซีทแบบไม่มีพนักพิง
จะเป็นเบาะรองนั่ง น้ำหนักเบา พกพาสะดวก ฟังก์ชั่นหลัก ๆ จะช่วยเพิ่มความสูงให้เด็กๆ เพื่อให้คาดเข็มขัดนิรภัยของรถยนต์ได้อย่างพอดี สายเข็มขัดไม่รัดคอ เหมาะกับเด็กอายุ 4 ปีขึ้นไป
ข้อดี
- มีน้ำหนักเบา พกพาสะดวก สามาถพกเดินทางไปต่างประเทศได้
ข้อเสีย
- ไม่มีพนักพิงรองรับสรีระ เด็กจะพิงเบาะรถยนต์แทน
- ถ้าหากไม่มีตัวปรับสายเข็มขัด อาจทำให้เข็มขัดนิรภัยรัดจนเกินไป หรือ สายเข็มขัดอาจพาดที่คอของเด็กได้

บูสเตอร์ซีทแบบมีพนักพิง
บูสเตอร์ซีทมีพนักพิงจะช่วยให้นั่งสบายมากขึ้น นอกจากเพิ่มความสูงให้เด็กๆ คาดเข็มขัดนิรภัยของรถยนต์ได้อย่างพอดี สายเข็มขัดไม่รัดคอ ยังมีฟังก์ชั่นความปลอดภัยเสริมอีกด้วย เหมาะกับเด็กอายุ 4 ปีขึ้นไป BabyGift เคยเขียนเรื่องบูสเตอร์ซีทเอาไว้แล้ว สามารถอ่านเพิ่มเติมได้อีกนะคะ
ข้อดี
- มีพนักพิงสูงใหญ่ หนานุ่ม จะช่วยให้เด็กนั่งพิงได้สบายมากขึ้น
- มีฟังก์ชั่นความปลอดภัยเสริม เช่น ซัพพอร์ตข้างศีรษะหนา กันกระแทกได้อย่างปลอดภัย
ข้อเสีย
- บางรุ่นมีน้ำหนักเยอะ อาจเคลื่อนย้ายบ่อยไม่สะดวก
- บูสเตอร์ซีทที่มีพนักพิง ตัวเบาะจะกว้าง ต้องใช้พื้นที่ในการติดตั้ง
เมื่อไหร่ที่ควรเปลี่ยนคาร์ซีทให้ลูก ? และจะเลือกอย่างไรดี ?
การเลือกซื้อประเภทคาร์ซีทโดยทั่วไปนั้น จะพิจารณาจากน้ำหนักและส่วนสูงของเด็ก รวมถึงอายุของเด็ก ซึ่งสามารถแบ่งประเภทคาร์ซีทตามเกณฑ์ของลูกได้ดังนี้
- เด็กแรกเกิด – 3 ปี : ควรใช้คาร์ซีทสำหรับทารกที่เป็นแบบปรับให้หันหน้าไปด้านหลังรถ (Rear – Facing Car Seat) หรือมีน้ำหนักไม่เกิน 13 กิโลกรัม
- เด็กอายุ 3 – 6 ปี ควรใช้คาร์ซีทเป็นที่นั่งแบบหันหน้ามาด้านหน้า (Forward – Facing Car Seat) หรือมีน้ำหนักประมาณ 9 – 18 กิโลกรัม
- เด็กอายุ 4 – 12 ปี : ควรใช้ Booster Seat หรือคาร์ซีทที่เป็นที่นั่งแบบหันหน้ามาด้านหน้า สำหรับเด็กโตใช้ร่วมกับเข็มขัดนิรภัยปกติ (ขึ้นอยู่กับน้ำหนักและส่วนสูง)
ซึ่งการพิจารณาเปลี่ยนคาร์ซีทให้ลูกนั้น อาจดูจากน้ำหนักและอายุของลูกว่า ควรใช้คาร์ซีทประเภทใด และคาร์ซีทที่ใช้ในปัจจุบันมีขนาดเล็กเกินกว่าอายุและน้ำหนักของลูกหรือไม่ หากลูกของเราถึงเกณฑ์ที่ต้องเปลี่ยนมาใช้คาร์ซีทเด็กโตแล้ว ก็ควรเปลี่ยนเพื่อความปลอดภัยและความสะดวกสบายของลูกค่ะ และถ้าลูกมีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป หรือมีความสูงมากกว่า150 เซนติเมตร ก็สามารถนั่งรถได้ตามปกติโดยไม่ต้องใช้คาร์ซีท และควรคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งขณะโดยสารรถยนต์ และนอกจากนี้ การพิจารณาอายุการใช้งานของคาร์ซีทก็สำคัญ ซึ่งโดยทั่วไปผู้ผลิตจะระบุเวลาคุณภาพการใช้งานระหว่าง 7 – 10 ปี หากคาร์ซีทมีอายุการใช้งานมากกว่านี้ก็สมควรเปลี่ยนใหม่ เพราะอาจมีการเสื่อมสภาพ และอาจป้องกันลูกน้อยจากการบาดเจ็บหากเกิดอุบัติเหตุได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ซึ่งสามารถอ่านบทความวิธีตรวจสอบวันหมดอายุของคาร์ซีท ที่ BabyGift ได้เคยเขียนเอาไว้แล้วเป็นข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยนะคะ
คาร์ซีทเด็กโต 10 รุ่นน่าใช้ อัปเดตปี 2024 ที่ BabyGift แนะนำ

1. คาร์ซีท Ailebebe รุ่น Papatto Premium
คาร์ซีท Ailebebe สำหรับตั้งแต่เด็กเล็กถึงเด็กโต รุ่นนี้มี Head Support หนานุ่มถึง 3 ชั้น ช่วยป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง ช่วยปกป้องศีรษะและลำคอของเด็กได้เป็นอย่างดี หมอนนุ่ม ระบายอากาศได้ดี นอนพิงได้สบายมากขึ้น ปรับเอนตามเบาะรถยนต์ได้มากถึง 120 องศา ให้ลูกได้นั่งสบาย พร้อมมั่นใจในความปลอดภัย
จุดเด่น
- ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยจากยุโรป ECE R44/04
- ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ประคองหลังและโอบอุ้มร่างกายให้นั่งสบายตลอดทาง
- มี Top Tether ตะขอเกี่ยวเบาะหลัง ป้องกันคาร์ซีทคว่ำหน้า
- ซัพพอร์ตเป็นหมอนหนานุ่ม 3 ชั้น
- ผ้า Mesh เรียบนุ่ม ตลอดช่วงตัว ระบายอากาศดี
- ช่องระบายอากาศด้านหลัง 864 ช่อง ระบายอากาศดี
- พนักพิงปรับได้ตามความสูง ถึง 145 เซนติเมตร
- ปรับเอนนอนได้ตามเบาะรถยนต์ ได้ 120 องศา
- ปรับเป็นบูสเตอร์ซีท (Booster Seat) ได้ หรือ จะถอดพนักพิงเป็นบูสเตอร์ซีทแบบพกพาได้
การใช้งาน : เด็กอายุ 1 – 11 ปี หรือ น้ำหนัก 9 – 36 กิโลกรัม หรือมีส่วนสูง 75 – 145 เซนติเมตร
การติดตั้ง : ระบบ ISOFIX
แบรนด์ : ประเทศญี่ปุ่น

2. คาร์ซีท Ailebebe รุ่น Swing Moon Premium S Natural
คาร์ซีทสำหรับเด็กโตที่สามารถปรับเอนนอนได้ในตัวถึง 3 ระดับ หมอนมีความหนานุ่ม ให้ลูกนั่งสบายได้ตลอดทาง แถมฟังก์ชั่นป้องกันการกระแทก รองรับสรีระช่วงลำคอเด็กให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมและตั้งตรงได้อย่างปลอดภัย พร้อมเบาะที่ซัพพอร์ตสะโพก ไม่ทำให้ลูกเมื่อยขณะนั่ง
จุดเด่น
- ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยจากยุโรป ECE R44/04
- มีหมอนรองศีรษะหนานุ่ม ปลอดภัยสูง
- มีหมอนรองสะโพก ทำให้นอนสบายขึ้น
- ทำจากผ้าธรรมชาติ สัมผัสนุ่มสบาย
- มีผ้า Mesh เรียบนุ่ม ตลอดช่วงตัว ระบายอากาศดี
- ช่องระบายอากาศด้านหลัง ระบายอากาศดี ทำให้ไม่ร้อน
- พนักพิงปรับได้ตามความสูง 120 เซนติเมตร
- ปรับเอนนอนได้ในตัว ถึง 3 ระดับ ปรับได้มากถึง 120 องศา ทำให้ลูกนอนสบาย
- ปรับเป็นบูสเตอร์ซีท (Booster Seat) ได้
การใช้งาน : เด็กอายุ 1 – 7 ปี หรือ น้ำหนัก 9 – 25 กิโลกรัม หรือมีส่วนสูง 75 – 120 เซนติเมตร
การติดตั้ง : ระบบ Belt
แบรนด์ : ประเทศญี่ปุ่น

3. คาร์ซีท Ailebebe รุ่น Swing Moon Standard
คาร์ซีท Ailebebe รุ่นนี้ มีการ์ดด้านข้างที่หนานุ่ม มีรูปทรงโค้ง ทำให้ลูกพิงสบายได้มากยิ่งขึ้น ช่วยป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง และช่วยปกป้องศีรษะ ลำคอของเด็กๆ ได้อย่างปลอดภัย เบาะปรับเอนได้ในตัวถึง 3 ระดับ ซึ่งเป็นองศาที่เหมาะกับสรีระเด็กโต ช่วยให้นั่งสบายมากขึ้น พักผ่อนได้เต็มที่ตลอดการเดินทาง
จุดเด่น
- ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยจากยุโรป ECE R44/04
- ผ้า Mesh เรียบนุ่ม ตลอดช่วงตัว ระบายอากาศดี
- ช่องระบายอากาศด้านหลัง ระบายอากาศดี
- เบาะหนานุ่ม ไม่ยวบ ยืดหยุ่นสูง สามารถรองรับและกระจายน้ำหนักที่กดทับได้เป็นอย่างดี
- พนักพิงปรับได้ตามความสูง 120 เซนติเมตร
- ปรับเอนนอนได้ในตัว ถึง 3 ระดับ ปรับได้มากสุด 120 องศา
- ปรับเป็นบูสเตอร์ซีท (Booster Seat) ได้
การใช้งาน : เด็กอายุ 1 – 7 ปี หรือ น้ำหนัก 9 – 25 กิโลกรัม รือมีส่วนสูง 75 – 120 เซนติเมตร
การติดตั้ง : ระบบ Belt
แบรนด์ : ประเทศญี่ปุ่น

4. คาร์ซีท Ailebebe รุ่น Saratto Premium
คาร์ซีทของ Ailebebe รุ่น Saratto Premium มีความพิเศษคือ ปกป้องเด็กๆ ด้วย Impact Shield ไม่ต้องคาดเข็มขัด ลดความอึดอัดในการนั่งคาร์ซีทได้ดี จึงเหมาะสำหรับเด็กที่ไม่ชอบคาดเข็มคัดโดยเฉพาะ และได้รับรองความปลอดภัยแล้วว่า Impact Shield ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้คาร์ซีทได้
จุดเด่น
- ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยจากยุโรป ECE R44/04
- ใช้ Impact Shield หรือ ที่กั้นหน้า ช่วยป้องกันการกระแทก เด็กไม่ต้องคาดเบลท์คาร์ซีท ไม่อึดอัด
- บุด้วยผ้า Mesh เรียบนุ่ม ตลอดช่วงตัว ระบายอากาศดี
- มีช่องระบายอากาศด้านหลัง ระบายอากาศดี
- ปรับพนักพิงปรับได้ตามความสูง ถึง 145 เซนติมตร
- ปรับเอนนอนได้ตามเบาะรถยนต์ 120 องศา
- ปรับเป็นบูสเตอร์ซีท (Booster Seat) ได้ หรือ จะถอดพนักพิงเป็นบูสเตอร์ซีทแบบพกพาได้
การใช้งาน : เด็กอายุ 1 – 11 ปี หรือ น้ำหนัก 9- 36 กิโลกรัม หรือมีส่วนสูง 74 – 145 เซนติเมตร
การติดตั้ง : ระบบ Belt
แบรนด์ : ประเทศญี่ปุ่น

5. คาร์ซีท Renolux รุ่น Olymp
หากอยากได้คาร์ซีทเด็กโตที่มีความนุ่มพิเศษ นั่งสบายมากๆ แนะนำเป็นตัวนี้เลยค่ะ ด้วยเทคโนโลยี Softness สิทธิบัตรหนึ่งเดียวของ Renolux ที่เลือกใช้เหล็กเป็นโครงสร้างหลักของคาร์ซีท ฉีดขึ้นรูปห่อหุ้มด้วยโฟมชนิดพิเศษ จึงมีความแข็งแรงทนทาน และดูดซับแรงกระแทกได้มากกว่าคาร์ซีททั่วไปถึง 40 เปอร์เซ็นต์ อุ่นใจทั้งในเรื่องของความปลอดภัย และความนุ่มสบายเลยล่ะค่ะ
จุดเด่น
- ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ล่าสุดจากยุโรป ECE R129 (i-Size)
- เบาะนุ่มพิเศษ นั่งสบายเหมือนโซฟาระดับพรีเมี่ยม ด้วยเทคโนโลยี Softness Cushion
- ผ่านการทดสอบมาตรฐานความปลอดภัยจาก ADAC เยอรมนี และ TCS สวิตเซอร์แลนด์
- มี Side Protection ป้องกันการชน ช่วยรองรับแรงกระแทกจากอุบัติเหตุด้านข้าง
- มี Top Tether ตะขอเกี่ยวด้านหลังพนักพิงรถยนต์ ช่วยยึดคาร์ซีทไม่ให้เคลื่อนที่
- เนื้อผ้าสัมผัสเย็น ทักถอพิเศษแบบ Topstiches มีลายเส้น ทำให้นุ่ม นั่งสบายมากขึ้น
- ปรับเอนนอนสบายๆ ได้ถึง 108 องศา
- ปรับพนักพิงได้ตามความสูงของเด็ก
- ปรับเป็นบูสเตอร์ซีท (Booster Seat) ได้
การใช้งาน : เด็กตั้งแต่ความสูง 76-150 เซนติเมตร หรือ อายุ 15 เดือน – 12 ปี
การติดตั้ง : ระบบ ISOFIX
แบรนด์ : ประเทศฝรั่งเศส

6. คาร์ซีท Renolux รุ่น Renofix
คาร์ซีทอีกรุ่นหนึ่งของ Renolux ที่ใช้เทคโนโลยี Softness สิทธิบัตรหนึ่งเดียวของ Renolux ทำให้มีความแข็งแรงทนทาน และนั่งได้สบาย มีความนุ่มพิเศษ รองรับแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม มีขนาดใหญ่ ให้ลูกน้อยได้นั่งสบายไม่มีอึดอัด ปรับเอนนอนได้ถึง 4 ระดับด้วยระบบ ISOFIX
จุดเด่น
- ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยจากยุโรป ECE R44/04
- ผ่านการทดสอบความปลอดภัยจาก ADAC เยอรมนี และ TCS สวิตเซอร์แลนด์
- เบาะหนานุ่ม เหมือนยกโซฟามาไว้บนรถ ด้วยเทคโนโลยี Softness Cushion
- รองรับการกระแทกได้ดี ลดการสั่นสะเทือนได้ถึง 40%
- เบาะไม่ดูดซับความร้อนจากร่างกาย นั่งแล้วเย็นสบาย
- ผ้า CoolSoft สัมผัสเย็น ทักถอแบบ Topstiches มีลายเส้น นั่งสบายมากขึ้น
- ปรับเอนนอนได้ตามเบาะรถยนต์
- พนักพิงนุ่ม ปรับพนักพิงศีรษะได้ตามความสูงถึง 150 เซนติเมตร
- มีที่พักแขน นั่งสะดวกสบายมาก
การใช้งาน : เด็กอายุ 4 – 11 ปี หรือมีน้ำหนัก 15 – 36 กิโลกรัม หรือมีความสูง 100 เซนติเมตรขึ้นไป
การติดตั้ง : ระบบ ISOFIX
แบรนด์ : ประเทศฝรั่งเศส

7. บูสเตอร์ซีท Renolux รุ่น Jet
หากกำลังมองหาบูสเตอร์ซีท แนะนำเป็นตัวนี้เลยค่ะ ใช้เทคโนโลยี Softness Cushion อีกเช่นเดียวกัน ทำให้ลูกนั่งได้สบาย ไม่มีเมื่อย ติดตั้งได้ง่ายด้วยสายเข็มขัดนิรภัย 3 จุด เบาะนั่งมีขนาดกว้าง นั่งสบาย มาพร้อมที่พักแขน เหมาะกับการเดินทางในระยะสั้น และครอบครัวที่เปลี่ยนรถยนต์เป็นประจำ
จุดเด่น
- ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยยุโรป ECE R 44/04
- เบาะนุ่มพิเศษ นั่งสบายเหมือนโซฟา ด้วยเทคโนโลยี Softness Cushion
- รูปทรงออกแบบให้เหมาะกับสรีระเด็กโต นั่งสบายแม้เดินทางไกล
- เนื้อผ้าสัมผัสเย็น ทักถอพิเศษมีลายเส้น นั่งสบายมากขึ้น
- สะดวกพกพาเดินทาง และครอบครัวที่เปลี่ยนรถยนต์เป็นประจำ
การใช้งาน : เด็กอายุ 4 -11 ปี หรือ น้ำหนัก 15 – 36 กิโลกรัม หรือมีความสูง 100 เซนติเมตรขึ้นไป
การติดตั้ง : ระบบ Belt
แบรนด์ : ประเทศฝรั่งเศส

8. คาร์ซีท PRINCE & PRINCESS รุ่น Mark 12
คาร์ซีทสำหรับเด็กอายุ 3 – 12 ปี ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยยุโรป ECE R 44/04 มี Safety Head Guard ป้องกันการกระแทกบริเวณศีรษะได้ดี มาพร้อม Safety Standard รองรับแรกกระแทกได้ดี ปกป้องลูกได้อย่างมั่นใจ ตัวคาร์ซีทรองรับสรีระลูกทุกช่วงวัย ใช้งานได้อย่างยาวนาน
จุดเด่น
- ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยยุโรป ECE R 44/04
- เมื่อปรับพนักพิงศีรษะให้สูงขึ้น พนักพิงด้านข้างจะขยายออกไปพร้อมกัน รองรับกับสรีระของเด็กที่เจริญเติบโตขึ้น
- ที่ล็อกสายเข็มขัดนิรภัย ช่วยให้สายอยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัย ไม่รั้งคอ
- ปรับระดับพนักพิงศีรษะได้ 10 ระดับ
- ปรับเอนหลังได้ 3 ระดับ สูงสุด 104 องศา
- มีที่วางแก้วน้ำ และนวมหุ้มเข็มขัดนิรภัย
- บุด้วยเนื้อผ้า Twill Cationic ให้สัมผัสนุ่ม มีความยืดหยุ่น
- เบาะใช้ Memory Foam กระจายน้ำหนัก และลดแรงกดทับบริเวณพื้นผิว
- โครงสร้างใช้วัสดุ Polypropylene (PP) และ EPS Foam รองรับแรงกระแทกได้ดี
การใช้งาน : เด็กอายุ 3-12 ปี ที่มีน้ำหนัก 15 – 36 กิโลกรัม
การติดตั้ง : ระบบ Belt และ ISOFIX

9. คาร์ซีท Kinderkraft รุ่น Xpand
คาร์ซีทสำหรับเด็กโตที่ได้รับมาตรฐานความปลอดภัยจากยุโรป มี H – Guard System ที่ช่วยปกป้องศีรษะและต้นคอจากแรงกระแทกเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน พร้อมพนักพิงแบบป้องกันการชนจากด้านข้างขนาดใหญ่ และมีที่วางแขนเพิ่มความปลอดภัย ออกแบบพิเศษตามสรีระเด็ก
จุดเด่น
- ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยยุโรป ECE R 44/04
- มีที่ล็อกสายเบลท์ ปรับระดับได้ ป้องกันไม่ให้สายเบลท์พาดคอเด็ก
- เบาะหนานุ่ม นั่งสบาย
- วัสดุหนา รองรับการกระแทกได้ดี
- ปรับเอนนอนได้ตามเบาะรถยนต์
- พนักพิงนุ่ม ปรับพนักพิงศีรษะได้ตามความสูง ถึง 150 เซนติเมตร
- บุด้วยผ้า WOOL สัมผัสนุ่ม สบายผิว
- มีที่พักแขน นั่งสะดวกสบายมาก
การใช้งาน : เด็กอายุ 3 – 12 ปี หรือ ส่วนสูง 100 เซนติเมตรขึ้นไป
การติดตั้ง : ระบบ ISOFIX
แบรนด์ : ประเทศเยอรมันนี

10. คาร์ซีท Kinderkraft รุ่น Comfort Up
คาร์ซีทสำหรับเด็กโตจากแบรนด์ Kinderkraft ที่มีการรองรับมาตรฐานความปลอดภัยยุโรป R129 (i – Size) จากประเทศเยอรมนี มีน้ำหนักเบาเพียง 6 กิโลกรัม เคลื่อนย้ายได้สะดวก รองรับการใช้งานยาวนานถึง 12 ปี โครงสร้างคาร์ซีทใหญ่ แข็งแรง ดูดซับแรงกระแทกได้ดี ซัพพอร์ตหนานุ่ม ให้ลูกน้อยนั่งได้สบาย
จุดเด่น
- ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ล่าสุดจากยุโรป ECE R129 (i-Size)
- น้ำหนักเบาเพียง 6 กิโลกรัม ติดตั้งง่าย เคลื่อนย้ายสะดวก
- บุด้วยผ้า MESH เรียบนุ่มตามช่วงตัว ช่วยให้เย็นสบาย ระบายอากาศได้ดี
- ปรับเอนนอนได้ตามเบาะรถยนต์ 100 องศา ทำให้ลูกนอนสบายมากขึ้น
- ใช้งานได้ทั้งแบบหันหน้าไปหน้ารถ (Forward Facing) และปรับเป็นบูสเตอร์ซีทเด็กโต (Booster Seat)
- มี Head Support หนา 3 ชั้น ปกป้องศีรษะและลำคอเด็กได้อย่างแน่นหนา
- การ์ดด้านข้างแข็งแรง ป้องกันการกระแทกได้อย่างปลอดภัย
การใช้งาน : เด็กอายุ 15 เดือน – 12 ปี หรือ ส่วนสูง 76 – 150 เซนติเมตร
การติดตั้ง : ระบบ Belt
แบรนด์ : ประเทศเยอรมันนี
การเลือกคาร์ซีทเด็กโตให้ลูกของเรานั้น ก็ต้องคำนึงถึงความสะดวกสบายและความปลอดภัยของเด็กเป็นหลัก หากคาร์ซีทตัวเดิมที่มีอยู่ดูจะเล็กเกินไปสำหรับลูกของเรา ก็อาจถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนคาร์ซีทตัวใหม่ให้กับลูก ซึ่งก็มีหลากหลายแบรนด์ หลากหลายรุ่น หลากหลายแบบให้เลือกด้วยกัน หากคุณพ่อคุณแม่ท่านใดต้องการสอบถามรายละเอียดของสินค้าเพิ่มเติม ก็สามารถสอบถามมาได้ที่ BabyGift ร้านจำหน่ายสินค้าแม่และเด็กระดับคุณภาพ มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี ในการคัดสรรคาร์ซีทที่ดีที่สุดสำหรับเด็กทุกช่วงวัย คุณพ่อคุณแม่สามารถพาเด็กๆ มาลองนั่งคาร์ซีทได้ทุกรุ่น หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ร้านเบบี้กิ๊ฟทั้ง 6 สาขา ใกล้บ้าน หรือสอบถามผ่านช่องทาง Online ทีมงาน BabyGift ยินดีให้คำแนะนำค่ะ
อ้างอิงที่มาข้อมูลบางส่วนจาก : https://www.princsuvarnabhumi.com/news/car-seat
www.samitivejhospitals.com/th/article/detail/ลูกนั่ง-car-seat

สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
ห้องนอนเด็กอ่อน เป็นเรื่องสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ สำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ หากกำลังวางแผนที่จะมีลูกน้อย หรือบางครอบครัวคุณแม่อาจกำลังตั้งครรภ์ และเตรียมพร้อมที่จะจัดบ้าน จัดห้องนอนเพื่อต้อนรับลูกน้อย เพราะห้องนอนที่ดีของลูกน้อยวัยทารกจะส่งผลต่อทั้งสุขภาพ พัฒนาการและอารมณ์จิตใจในอนาคต ด้วยเพราะลูกน้อยทารกต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนอน และการนอนเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ทำให้โกร๊ธฮอร์โมน หรือฮอร์โมนเพื่อการเจริญเติบโตหลั่งเต็มที่ ทำให้ลูกเติบโตอย่างมีพัฒนาการที่ดีและสุขภาพแข็งแรง ซึ่งหากลูกน้อยนอนหลับไม่เต็มที่ หรือมีสิ่งต่างๆ รบกวนเวลานอน ทำให้นอนไม่เพียงพอ ลูกจะงอแง หงุดหงิดง่าย เติบโตได้ไม่ดี แถมยังส่งผลต่ออารมณ์จิตใจ ทำให้เป็นเด็กเลี้ยงยากและอารมณ์ไม่ดี ยิ่งหากห้องนอนไม่มีการเตรียมพร้อมป้องกันอุบัติเหตุไว้อย่างดี ลูกก็อาจจะมีอันตรายในขณะนอนจนถึงชีวิตได้อีกด้วย ฉะนั้นการเตรียมพร้อมเรื่องนอนให้ลูกทารก จึงเป็นเรื่องที่ทุกบ้านต้องพิถีพิถันใส่ใจ ควรเลือกซื้อ จัดวางและเตรียมพร้อมให้ลูกในแบบที่ถูกต้อง เหมาะสม ปลอดภัย จะดีที่สุด 5 เรื่องต้องคิด ก่อนเตรียม ห้องนอนเด็กอ่อน ก่อนเลือกซื้อและจัดเตรียมอุปกรณ์ของใช้ในห้องเด็กอ่อนให้ลูกน้อย มีเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ควรพิจารณาเป็นสำคัญนั่นคือ การเลือกห้องนอนให้ลูก ซึ่งจะต้องให้ความสำคัญกับ 5 เรื่อง นั่นคือ Checklist ห้องนอนเด็กอ่อน ต้องมีอะไรบ้าง เตียงนอน ควรเป็นเตียงนอนที่ออกแบบมาสำหรับเด็กเล็กโดยเฉพาะ ซึ่งเตียงนอนเด็กอ่อน ควรเป็นเตียงที่มีความมั่นคงแข็งแรง และเป็นเตียงใหญ่พอที่จะใช้สำหรับให้ลูกเวลาโตได้อีกระยะหนึ่ง เตียงไม่มีมุมหรือเหลี่ยมแหลมคมที่เป็นอันตราย หากเป็นเตียงที่มีซี่กรง ควรมีความถี่ของซี่กรงรอบเตียงหรือราวกันตกห่างกันไม่เกิน 6 […]
การเดินทางด้วยรถยนต์เป็นสิ่งที่แม่มือใหม่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่การที่ลูกน้อยยังไม่สามารถนั่งในรถได้อย่างปลอดภัยด้วยเข็มขัดนิรภัยธรรมดา การเลือกซื้อคาร์ซีทที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อความปลอดภัยในทุกการเดินทางของลูกน้อย วันนี้เรามีคำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกคาร์ซีทอย่างไรให้เหมาะสมกับลูกน้อยและปลอดภัยที่สุดค่ะ 1. รู้จักประเภทของคาร์ซีท ก่อนที่จะเลือกคาร์ซีทให้ลูกน้อย สิ่งแรกที่ต้องทำความเข้าใจก็คือประเภทของคาร์ซีทที่มีในตลาด ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักๆ ดังนี้: คาร์ซีทสำหรับทารก (Rear-Facing Seat): เหมาะสำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 1 ขวบ หรือมีน้ำหนักไม่เกิน 10 กิโลกรัม คาร์ซีทประเภทนี้จะติดตั้งหันหลังและรองรับศีรษะและคอของเด็กให้ดีเยี่ยม ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุ คาร์ซีทแบบหันหน้า (Forward-Facing Seat): ใช้ได้เมื่อเด็กมีอายุ 1 ปีขึ้นไป หรือมีน้ำหนักประมาณ 9-18 กิโลกรัม ตัวคาร์ซีทจะหันหน้าไปข้างหน้าและมีเข็มขัดนิรภัยในตัว คาร์ซีทแบบบูสเตอร์ (Booster Seat): เหมาะสำหรับเด็กที่มีอายุ 4 ปีขึ้นไป หรือมีน้ำหนัก 15 กิโลกรัมขึ้นไป เพื่อเสริมให้เข็มขัดนิรภัยของรถยนต์สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยกับเด็กที่โตขึ้น 2. เลือกคาร์ซีทที่เหมาะสมกับช่วงวัยของลูก การเลือกคาร์ซีทที่เหมาะสมกับวัยของลูกเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อให้ลูกน้อยได้รับการรองรับที่ดีในขณะนั่งในรถ หากเลือกคาร์ซีทผิดประเภทอาจทำให้ลูกไม่สามารถได้รับความปลอดภัยที่ดีที่สุดในกรณีเกิดอุบัติเหตุ 3. ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ ความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับหนึ่งเมื่อเลือกซื้อคาร์ซีท คาร์ซีทที่ดีจะต้องมีการทดสอบด้านความปลอดภัยผ่านมาตรฐานต่างๆ เช่น มาตรฐาน […]
ว่ากันว่า “น้ำนมของแม่นั้นดีที่สุด” มีคำแนะนำทางการแพทย์ว่าควรให้ทารกกินนมแม่ไปจนถึงอายุ 2 ขวบหรือนานกว่านั้น แม้ว่าลูกน้อยจะอายุ 6 เดือนขึ้นไปแล้ว ก็ควรกินน้ำนมของแม่ร่วมกับการกินอาหารอื่น ๆ เพื่อเสริมคุณค่าทางโภชนาการ เพราะในน้ำนมของแม่นั้นมีความสำคัญต่อลูกน้อยมาก ๆ ในน้ำนมมีสารอาหารที่ดีต่อลูกน้อยหลายอย่าง ทั้งยังมีภูมิคุ้มกันที่ช่วยปกป้องลูกน้อยให้แข็งแรง นอกจากนี้ การให้ลูกกินน้ำนมของแม่ก็ยังมีข้อดีต่อตัวคุณแม่เองด้วยเช่นกัน ประโยชน์ของนมแม่ มีอะไรบ้างนั้น มาดูกันเลยค่ะ ประโยชน์ นมแม่ อาหารเปี่ยมคุณค่าสำหรับลูกน้อย นมแม่นั้นเป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารกแรกเกิด เพราะเต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ และช่วยเสริมภูมิต้านทานโรคให้กับลูก ประโยชน์ของนมแม่ช่วยลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วย และในขณะที่ทารกกินน้ำนมจากเต้าของนั้น ก็เป็นการช่วยสร้างความผูกพันระหว่างแม่กับลูกด้วย ทั้งยังทำให้ทารกรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยนอกจากนี้ สำหรับคุณแม่เอง การให้ลูกกินนมก็ยังจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ และเบาหวาน โดยองค์การอนามัยโลก และยูนิเซฟมีคำแนะนำเกี่ยวกับการให้นมของแม่เอาไว้ดังนี้ค่ะ ประโยชน์ของนมแม่ มีอะไรบ้าง ? ชวนรู้ การให้นมลูกก็มีประโยชน์ต่อคุณแม่เองด้วย ประโยชน์ของนมแม่ นอกจากจะดีต่อลูกน้อยแล้ว การที่คุณแม่ให้นมลูก ก็มีข้อดีต่อตัวคุณแม่เองด้วย ดังนี้ Tips ในการให้นม สำหรับคุณแม่มือใหม่ เมื่อได้รู้ประโยชน์ของนมแม่กันแล้ว เชื่อว่าคุณแม่หลายๆ ท่านก็อยากจะให้ลูกน้อยของเราได้กินนมตั้งแต่แรกเกินไปจนถึงอายุ 2 – 3 ขวบ แต่ในบางคนก็ต้องกลับไปทำงานประจำหลังพ้นช่วงลาคลอด […]
สำหรับคนที่ชอบการเข้าครัว ทำอาหาร ถนอมอาหาร คงรู้จัก อลูมิเนียมฟอยล์ (Aluminium foil) กันอย่างแน่นอน เพราะเป็นอุปกรณ์ในการถนอมอาหารและใช้ในการนำความร้อนปรุงอาหาร ปัจจุบันได้มีนวัตกรรมใหม่ ๆ นำอลูมิเนียมฟอยล์ไปแปรรูปเป็น ถุงเก็บน้ำนม อลูมิเนียมฟอยล์ เพื่อช่วยในการเก็บรักษาน้ำนมแม่ ไม่ให้มีกลิ่นเหม็นหืน และยังช่วยให้อุ่นนมได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจมาก ๆ เราจึงได้หาข้อมูลคุณสมบัติทั้งข้อดีและข้อเสียมาบอกกัน จะน่าใช้หรือไม่ ตอบโจทย์คุณแม่นักปั๊มแค่ไหน ไปดูกันเลย ถุงเก็บน้ำนม อลูมิเนียมฟอยล์ คืออะไร ? คือ การใช้แผ่นอลูมิเนียมฟอยล์ เป็นวัสดุหลักในการผลิตถุงเก็บน้ำนม แทนการใช้พลาสติก โดยการขึ้นรูปถุงนมด้วยอลูมิเนียมฟอยล์ ผ่านการเคลือบด้วย Polyethylene, Polyamide และ Polyester รวม 4 ชั้น ให้ถุงเก็บน้ำนมแข็งแรงทนทานกว่าถุงเก็บน้ำนมพลาสติกใสทั่วไป รวมถึงอลูมิเนียมฟอยล์จะมีคุณสมบัติทึบแสง 100% เพื่อรักษาคุณภาพของน้ำนมแม่ให้คงรสชาติ กลิ่นไม่เหม็นหืน แบบเดียวกันกับการห่ออาหาร ถนอมอาหารในครัวเรือน ทดลองอุ่นนมแม่แช่แข็ง ด้วยเครื่องอุ่นนม Baby Bottle Warmerถุงเก็บน้ำนม อลูมิเนียมฟอยล์ VS ถุงเก็บน้ำนมพลาสติก ถุงเก็บน้ำนมอลูมิเนียมฟอยล์ *อลูมิเนียมฟอยล์นำความร้อนได้ดี จะไม่ต้องใช้โหมดละลายน้ำแข็ง (Defrost) เพราะจะทำให้อุณหภูมิของน้ำนมสูงเกินไป* ถุงเก็บน้ำนมพลาสติก *ความร้อน 60 […]
ใครกำลังคิดว่ากระเป๋าใส่ของแม่ ไม่ได้จำเป็นอะไร ใช้อะไรก็ได้ ลองแวะมาอ่านบทความนี้กันก่อนค่ะ พอเป็นคุณแม่แล้วก็มีของใช้มากมายต่างๆ ทั้งของเรา ของลูกเยอะแยะไปหมดใช่มั้ยคะ เพราะฉะนั้นการมีกระเป๋าใส่ของลูกก็จะทำให้คุณแม่มีความสะดวก หยิบของง่าย เป็นระเบียบมากขึ้น และในบทความนี้ BabyGift จะพาคุณแม่มาทำความรู้จักกระเป๋าของคุณแม่กันให้มากขึ้นค่ะ จำเป็นแค่ไหน ? กระเป๋าคุณแม่ ต่างจากกระเป๋าปกติยังไง ? กระเป๋าใส่ของคุณแม่มีความแตกต่างจากกระเป๋าทั่วไปในหลายๆ อย่างค่ะ ไม่ว่าจะเป็นขนาดและความจุ ซึ่งโดยมากมักมีขนาดใหญ่ และมีช่องเก็บของหลายช่อง เพื่อบรรจุของใช้สำหรับทั้งคุณแม่และลูกน้อย มีฟังก์ชันการใช้งานที่ถูกออกแบบมาให้สามารถบรรจุของที่จำเป็นต่อการดูแลลูกได้อย่างครบครัน เช่น มีช่องสำหรับใส่ขวดนม ผ้าอ้อม แผ่นรองเปลี่ยนผ้าอ้อม เป็นต้นค่ะ แล้วเราจะเลือกกระเป๋าใส่ของลูกยังไงให้เหมาะกับเรา ใช้ได้นาน มาดูรายละเอียดกันต่อค่ะ เลือก กระเป๋าคุณแม่ ยังไงดี ? การเลือกกระเป๋าที่เหมาะกับตัวคุณแม่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งาน คุณแม่จึงควรเลือกให้เหมาะกับพฤติกรรมและความต้องการใช้งาน เรามาดูวิธีการเลือกซื้อกันค่ะ 1. ขนาด และความจุ : ควรเลือกขนาดที่เหมาะสมกับความต้องการ ไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป รวมถึงมีช่องเก็บของเพียงพอสำหรับใส่ของใช้ของคุณแม่และลูกของเรา 2. น้ำหนัก ความสะดวกในการพกพา และความปลอดภัย : ให้เลือกวัสดุที่แข็งแรงแต่มีน้ำหนักเบา และมีสายสะพายที่นุ่ม และปรับความยาวได้ […]
เพราะแม่แต่ละคนมีความเป็นตัวของตัวเองที่แตกต่าง Aprica จึงสรรสร้างนวัตกรรมที่รองรับทุกความต้องการด้วยรถเข็นเด็กหลากหลายรุ่นเพื่อตอบโจทย์ที่ไม่เหมือนกัน แล้วรถเข็นเด็ก Aprica รุ่นไหน เหมาะกับคุณไปดูกันเลย แม่ที่ใส่ใจทุกรายละเอียด ทุ่มเททุกความสุขเพื่อลูกและคนในครอบครัวเป็นสำคัญ ถ้าคำว่า “ที่สุด” คือนิยามของรถเข็นเด็กที่ดีที่สุดสำหรับลูก คือคำตอบเดียวที่คุณต้องการ รถเข็นเด็ก Aprica โดดเด่นในเรื่องนวัตกรรมใหม่ล่าสุดมอบความสบาย นุ่มนวล ปกป้องลูกน้อยแบบ 360 องศา ใส่ใจในสุขภาพและเสริมสร้างพัฒนาการ เพื่อเทวดานางฟ้าตัวน้อย รถเข็นเด็ก Aprica รุ่น Optia รถเข็นเด็ก Aprica รุ่น Soraria Magic basket คุณแม่ทรงพลัง คล่องแคล่ว ขี้เล่น ถ้าคุณและลูกน้อยต้องการความคล่องตัว พร้อมทุกสถานการณ์ รถเข็นเด็กน้ำหนักเบาแต่ครบทุกฟังชันท์ที่เหนือกว่า พร้อมเติมความคล่องตัวด้วยการใช้รถเข็นสลับกับเป้อุ้มเด็กได้ง่าย เป็นตัวช่วยที่ดี ไม่ว่าสถานการณ์ไหนๆ คุณแม่ก็พร้อม รถเข็นเด็ก Aprica รุ่น Luxuna CTS รถเข็นเด็ก Aprica รุ่น Luxuna Light คุณแม่เด็กแนว กิ๊บเก๋ทันสมัย ไม่ชอบตามใคร สนใจทางเลือกใหม่ๆ รักอิสระและความแปลกใหม่ รถเข็นเด็ก แบบ 3 ล้อเท่ห์ๆ ไม่เหมือนใครที่ผสมผสานทุกฟังก์ชั่นอย่างลงตัว และที่โดนใจยิ่งกว่าคือ ความแข็งแรง ทนทาน ไม่ว่าจะไปไหนก็พร้อมลุยทุกสภาพพื้นผิว ใช้ง่ายพับกางสะดวกและขนาดกระทัดรัด […]

ร้านสินค้าแม่และเด็กที่คัดสรรนวัตกรรมของใช้แม่และเด็กที่มี
คุณภาพให้คำปรึกษาและบริการ อย่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อช่วยให้การเลี้ยงลูกเป็นเรื่องง่าย ปลอดภัย และมีความสุข
Online Shopping
สาขา ปิ่นเกล้า ราชพฤกษ์
สาขา Mega บางนา
สาขา Central World
สาขา The Crystal รามอินทรา
สาขา BTS วงเวียนใหญ่ (Outlet)
Copyright 2024 © Baby Gift (Retail) Co., Ltd.