7 แบบ เป้อุ้มทารก 1 เดือน เลือกแบบไหนดี ? BabyGift แนะนำ !

เมื่อลูกน้อยอายุ 1 เดือนขึ้นไป คุณพ่อคุณแม่ก็เริ่มต้องพาลูกออกจากบ้านมากขึ้น ไม่ว่าจะพาไปหาหมอ หรือพาไปทำธุระต่าง ๆ ซึ่งถ้าพูดถึงการพาเด็กเล็กออกไปนอกบ้าน นอกจากจะต้องมีรถเข็นเด็กที่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับลูกน้อยแล้ว คุณพ่อคุณแม่หลายๆ คนอาจจะกำลังมองหา เป้อุ้มทารก ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยให้เราอุ้มลูกได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น ไม่ทำให้เมื่อยจนเกินไปเพราะช่วยถ่ายเทน้ำหนักได้ดี สำหรับบทความนี้เราจะพูดถึงเรื่องของการเลือกซื้อเป้อุ้มทารกอย่างไรดีให้เหมาะกับลูกน้อยของเรา ตามไปดูกันเลยค่ะ

BabyGift ชวนคุณแม่เลือก เป้อุ้มทารก 1 เดือน พร้อม 7 แบบเป้แนะนำ  

เป้อุ้มทารก 1 เดือน จำเป็นหรือไม่ ? มีประโยชน์อย่างไร ? 

ก่อนที่ BabyGift จะแนะนำแบบเป้ที่ดีกับลูกน้อยให้กับคุณแม่ ขอพาไปทำความรู้จักกับเป้อุ้มทารกกันก่อนนะคะ เป้อุ้มเด็ก หรือกระเป๋าอุ้มเด็กทารกเป็นอุปกรณ์ทุ่นแรงให้กับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ เพื่อสร้างความสะดวกสบายในการอุ้มลูกน้อยด้วยตัวเอง และยังสามารถทำกิจกรรมอื่นๆ ได้ โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีใครดูลูก เหมาะสำหรับการอุ้มเด็กเล็กตั้งแต่ช่วงแรกเกิดไปจนถึงอายุ 2 – 3 ขวบ ซึ่งเป้อุ้มเด็กจะมีประโยชน์อย่างมากโดยเฉพาะครอบครัวขนาดเล็ก เพราะมักจะไม่มีคนดูแลเด็กเมื่อคุณพ่อคุณแม่ต้องออกไปทำธุระอื่น ๆ นอกบ้าน หรือโดยเฉพาะคุณแม่ที่ต้องทำงานบ้านหรือทำธุระต่างๆ ซึ่งสามารถใช้เป้อุ้มเด็กเพื่อให้ลูกอยู่กับตัวเองได้ และสามารถทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้ไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งคุณแม่สามารถใช้เป้อุ้มทารกได้ตั้งแต่ 1 เดือน ไปจนถึงอายุ 1 ขวบขึ้นไป เราไปดูประโยชน์ของเป้อุ้มเด็กกันต่อเลยค่ะ 

  • ช่วยทุ่นแรงให้กับคุณพ่อคุณแม่เวลาอุ้มลูก โดยไม่ทำให้ปวดเมื่อยจนเกินไป 
  • ทำให้เด็กรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย เพราะได้อยู่ใกล้ชิดคุณพ่อคุณแม่ตลอดเวลา  
  • ทำให้คุณแม่ฟื้นตัวหลังคลอดได้ดี เพราะช่วยปรับปรุงท่าทางและความแข็งแรงให้กับคุณแม่ได้ 
  • การใช้เป้อุ้มเด็กทำให้คุณพ่อคุณแม่ได้ใกล้ชิดกับลูกมากขึ้น และอาจช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้าหลังคลอดของคุณแม่ได้ด้วย  
  • นอกจากนั้นการพาลูกออกไปนอกบ้าน โดยเฉพาะเด็กที่ใช้เป้อุ้มทารก 2 เดือนขึ้นไป จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการให้กับลูกน้อยให้ได้เรียนรู้สิ่งแวดล้อมแปลกใหม่ได้อีกด้วยค่ะ  

ซึ่งนอกจากประโยชน์ที่เล่าไปข้างต้นแล้ว ยังมีข้อดีอื่น ๆ ที่จะตอบคำถามคุณแม่อีกว่า ทำไมถึงควรใช้เป้อุ้มเด็ก ซึ่ง BabyGift เคยเขียนเอาไว้แล้ว ลองตามไปอ่านเพิ่มเติมกันดูนะคะ  

เลือกเป้อุ้มเด็ก อย่างไรดี ? ถึงจะดีต่อลูกน้อยมากที่สุด  

คุณแม่มือใหม่หลายคนอาจมีความกังวลว่าการใช้เป้อุ้มเด็ก จะทำให้ลูกของเราขาโก่งหรือเปล่า ความจริงแล้วนั้น การที่เด็กขาโก่งไม่ได้เป็นผลมาจากการใช้เป้อุ้มเด็ก การอุ้มเข้าเอว หรือการใส่ผ้าอ้อมแต่อย่างใด แต่เกิดจากกรรมพันธ์ุและความผิดปกติของร่างกาย ซึ่งโดยปกติแล้ว กระดูกขาของเด็กเล็กนั้นจะมีความโค้งงอเล็กน้อย และจะค่อยๆ ยืดตรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเด็กโตขึ้น 

สำหรับคุณแม่ที่อยากได้ข้อมูลเรื่องเป้อุ้มเด็ก ใช้แล้วลูกขาโก่งไหม BabyGift เคยเขียนเรื่องนี้เอาไว้แล้ว ลองอ่านเพิ่มเติมกันดูได้เลยนะคะ อย่างไรก็ตาม ควรเลือกเป้อุ้มเด็กที่สอดคล้องกับสรีระของเด็กเล็ก เป็นเป้ที่ลูกสามารถหันหน้าเข้าหาตัวคุณพ่อคุณแม่ได้ และสามารถรองรับกระดูกสันหลังและศีรษะของทารกได้ดี มีความยืดหยุ่นที่เด็กสามารถเอนตัวและขยับเคลื่อนไหวสะโพกได้ เพราะถ้าเลือกเป้อุ้มเด็กที่เมื่อเด็กนั่งแล้วมีท่าทางไม่สอดรับกับสะโพก หากนั่งท่านี้นานๆ ก็มีโอกาสที่จะบาดเจ็บหรือข้อสะโพกหลุดได้ แล้วจะเลือกเป้อุ้มเด็กอย่างไรดี มาดูสิ่งที่จะต้องพิจารณากันค่ะ  

  • เลือกเป้อุ้มเด็กที่ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านการบาดเจ็บหรือความผิดปกติทางสรีระ 
  • มีโครงสร้างที่ทำจากวัสดุแข็งแรงและทนทาน มีความปลอดภัย อาจพาลูกไปทดลองนั่งเป้ด้วย เพื่อที่จะได้รู้ว่าเหมาะกับลูกของเราหรือไม่  
  • ควรเลือกเป้อุ้มเด็กที่ลูกนั่งแล้วอยู่ในท่าทางที่สบายและถูกสรีระ ไม่เสี่ยงต่อการเกิดข้อสะโพกหลุด สามารถขยับแขนขาและศีรษะได้โดยที่ไม่ทำให้ลูกอึดอัด 
  • เลือกเป้อุ้มเด็กที่มีสายสะพายไหล่บุนวมกว้างๆ มีที่พาดหลังและสายคาดเอวกว้างๆ ซึ่งจะช่วยกระจายน้ำหนักของเด็กได้อย่างสม่ำเสมอและช่วยลดแรงกดบนไหล่ของเรา 
  • เลือกเป้อุ้มเด็กที่สามารถระบายอากาศได้ดี ไม่ทำให้ลูกร้อนหรืออึดอัดจนเกินไป ควรเลือกวัสดุที่มีคุณภาพดีและทำให้ลูกอยู่ในเป้อุ้มเด็กได้อย่างสบายมากที่สุด  

7 แบบ เป้อุ้มทารก 1 เดือน คุณภาพดีที่ BabyGift แนะนำ

1. เป้อุ้มเด็ก HAENIM 9 (Hipseat Carrier) 

แบบแรกที่อยากแนะนำสำหรับเป้อุ้มทารก 1 เดือนขึ้นไป คือ HAENIM 9 รุ่น Hipseat Carrier ให้คุณพ่อคุณแม่อุ้มลูกได้อย่างสบาย ไม่ทำให้ปวดหลัง ด้วยการออกแบบที่รองรับกับสรีระของเด็ก มั่นใจว่าปลอดภัยต่อลูกน้อย ผลิตและนำเข้าจากประเทศเกาหลี ดูแลรับประกันสินค้านาน 2 ปี  

จุดเด่น  

  • ฐานนั่งแบบ M-Shaped ให้ลูกน้อยนั่งอย่างถูกสรีระ ป้องกันข้อต่อสะโพกอักเสบ  
  • มีแผ่นพยุงศีรษะ ป้องกันลูกคอพับและกระดูกคอเคลื่อน  
  • มีผ้าซับน้ำลาย Organic ไม่ระคายเคืองผิวลูก สามารถถอดซักได้  
  • มีหมวกคลุมศีรษะ ปกป้องแสงแดดให้ลูก สามารถถอดได้  
  • ระบายอากาศดี ไม่ร้อนทั้งลูกน้อยและคนอุ้ม  
  • สายสะพายใหญ่ หนานุ่ม กระจายน้ำหนักได้ดี ไม่ทำให้เมื่อยไหล่  
  • สายคาดเอวขนาดใหญ่ ช่วยอุ้มลูกสบายขึ้น ไม่ปวดหลัง  
  • ฐานนั่ง Hipseat โค้งรับช่วงท้อง หนานุ่ม ไม่อึดอัด ไม่กดแผลผ่าคลอดคุณแม่  

การใช้งาน : 0 – 3 ปี รองรับน้ำหนักได้สูงสุด 20 กิโลกรัม 

แบรนด์ : ประเทศเกาหลี

2. เป้อุ้มเด็ก HAENIM 9 Plus (Hipseat Carrier) 

อีกหนึ่งแบบเป้อุ้มเด็กเพื่อสุขภาพที่ผลิตและนำเข้าจากประเทศเกาหลี รุ่นนี้พิเศษมี Newborn Support ซัพพอร์ทการอุ้มเด็กตั้งแต่แรกเกิด ไม่ว่าคุณแม่จะมองหาเป้อุ้มเด็กแรกเกิด เป้อุ้มทารก 1 เดือนขึ้นไป ก็ตอบโจทย์ค่ะ 

จุดเด่น 

  • ฐานนั่งแบบ M-Shaped ให้ลูกน้อยนั่งอย่างถูกสรีระ ป้องกันข้อต่อสะโพกอักเสบ  
  • มีแผ่นพยุงศีรษะ ป้องกันลูกคอพับและกระดูกคอเคลื่อน  
  • มีผ้าซับน้ำลาย Organic ไม่ระคายเคืองผิวลูก ถอดซักได้  
  • มีหมวกคลุมศีรษะ ปกป้องแสงแดดให้ลูก สามารถถอดได้  
  • วัสดุภายนอกทำจากผ้า Melange ผ้าที่เกิดจากเส้นใยมากกว่าสองสีที่อยู่รวมกัน ทำให้มีความสวยงาม อีกทั้งยังช่วยป้องกันละอองฝน และแสงแดด 
  • ระบายอากาศดี ไม่ร้อนทั้งลูกน้อยและคนอุ้ม  
  • มีสายสะพายขนาดใหญ่ หนานุ่ม กระจายน้ำหนักได้ดี ช่วยให้ไม่เมื่อยไหล่ขณะอุ้ม 
  • สายคาดเอวขนาดใหญ่ ช่วยอุ้มลูกสบายขึ้น ไม่ปวดหลัง ทำจากวัสดุ Polyurethane ช่วยลดแรงกดทับหน้าท้องได้ดี   
  • ฐานนั่ง Hipseat โค้งรับช่วงท้อง หนานุ่ม ไม่อึดอัด ไม่กดแผลผ่าคลอดของคุณแม่  

การใช้งาน : 0 – 3 ปี รองรับน้ำหนักได้สูงสุด 20 กิโลกรัม 

แบรนด์ : ประเทศเกาหลี

3. Pognae เป้อุ้มเด็ก รุ่น No.5 

นี่คือเป้อุ้มทารก 1 เดือน ไปจนถึงอายุ 3 ปี ที่ลงตัวกับทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยเนื้อผ้า Waterproof ของแบรนด์ POGNAE จากประเทศเกาหลี สามารถใช้งานได้ในกลางแจ้ง เนื้อผ้ามีส่วนผสมระหว่างเส้นใยผ้ายออร์แกนิกและ Polyester อ่อนโยนต่อผิวของลูกน้อย  

จุดเด่น  

  • เนื้อผ้ากันนั้นที่ผสมระหว่าง Organic cotton และ polyester อ่อนโยนต่อผิวเด็กและดูแลรักษาง่าย 
  • มีที่พยุงคอและระบบระบายอากาศแบบม้วนเก็บได้ 
  • เลือกเปลี่ยนสายรัดเพื่อใช้งานได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นนั่งอย่างเดียว หรือพร้อมสายรัดแบบเป้ 
  • สามารถอุ้มได้จากทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เด็กหันหน้าเข้าหรือออกได้ทั้งสองแบบ 
  • รับประกันความพอใจ อุ้มเด็กไม่ปวดหลัง 100% 
  • รองรับสรีระของผู้อุ้มและลูกน้อยได้ตามหลักสรีรศาสตร์  

การใช้งาน : ตั้งแต่แรกเกิด – 3 ปี รองรับน้ำหนักได้สูงสุด 20 กิโลกรัม 

แบรนด์ : ประเทศเกาหลี

4. BABY & ME เป้อุ้มเด็ก  

Baby & Me เป็นแบรนด์เป้อุ้มเด็กอันดับ 1 ในประเทศญี่ปุ่นที่ได้รับรางวัลมากมาย เช่น Good Design Award / Kids Design Award / No.1 Parenting Award จึงรับรองได้ว่าเป็นเป้อุ้มทารก 1 เดือนที่มีคุณภาพดี ได้มาตรฐาน และเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง  

จุดเด่น  

มีการวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยโอซาก้าเรื่องน้ำหนักของเด็กขณะใช้เป้อุ้ม จะทำให้เบาลงไปได้ถึง 53% (ทดสอบกับเด็กช่วงน้ำหนัก 6.5 kg. -11.2 kg.) 

  • ได้รับการออกแบบโดยการศึกษาวิจัยเรื่ององศาการลงน้ำหนักที่ถูกต้อง ไม่ทำให้คุณพ่อคุณแม่ปวดไหล่ หลัง เข่า 
  • เบาะนั่งมีการทำซัพพอร์ตก้นเด็ก ทำให้เวลาลูกนั่งจะไม่เมื่อย ไม่ปวดก้น นั่งสบาย ถูกสรีระ 
  • มีอุปกรณ์ซัพพอร์ตตัวและคอของเด็ก เหมือนถูกคุณพ่อคุณแม่กอดไว้  
  • เนื้อผ้าเป็น Waterproof Fabric ง่ายต่อการทำความสะอาด 
  • มีตาข่ายเปิดระบายอากาศ ไม่ทำให้ลูกร้อน แต่หากต้องการให้อบอุ่นขึ้นก็สามารถรูดซิปปิดได้ 

การใช้งาน : ตั้งแต่แรกเกิด – 3 ปี รองรับน้ำหนักได้สูงสุด 20 กิโลกรัม 

แบรนด์ : ประเทศญี่ปุ่น

5. เป้อุ้ม Hugpapa รุ่น Dial-Fit Pro (3in1 Hip Seat Carrier)

รุ่นนี้มาพร้อม BOA เทคโนโลยีใหม่ที่ปรับกระชับตัวได้ง่ายมากขึ้นแค่เพียงหมุน ใช้งานได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว ปรับได้พอดีกับสรีระทุกคน มีน้ำหนักเบาสบาย สามารถอุ้มลูกน้อยได้ตั้งแต่แรกเกิด ไม่ว่าจะมองหาเป้อุ้มเด็กแรกเกิด,  1 เดือน หรือว่า เป้อุ้มทารก 2 เดือนขึ้นไป แบบนี้ก็ตอบโจทย์ค่ะ  

  • วัสดุฮิปซีทออกแบบพิเศษ 2 ชั้น โดยทำจาก Polyurethane และ EPP จึงทำให้สัมผัสนุ่มพิเศษ นั่งแล้วไม่ยวบ ไม่เสียทรง คืนรูปรวดเร็ว น้ำหนักเบา 
  • ฮิปซีทที่นั่งเอียง 23 องศา ช่วยให้ลูกนั่งสบายมากขึ้น และเป็นแบบ M-Shape ป้องกันข้อสะโพกหลุด 
  • ฮิปซีทเว้าโค้งช่วยให้เข่าและสะโพกเด็ก อยู่ในระดับเดียวกัน และโค้งรับหน้าท้องไม่กดแผลผ่าคลอด 
  • ได้รับการรับรองจากสถาบัน IHDI ลูกนั่งสบายอย่างปลอดภัย ไม่ทำให้ขาโก่ง หลังงอ  
  • มีหมวกคลุมศีรษะ ป้องกันแสงแดดให้ลูกน้อย  
  • มีผ้าซับน้ำลาย Organic ไม่ระคายเคืองผิว ถอดซักได้  
  • มีแผ่นพยุงศีรษะลูกน้อย ป้องกันปัญหาคอพับ  
  • ช่องตาข่ายระบายอากาศ สามารถเปิดระบายเหงื่อและความร้อนได้  
  • สายคาดเอวระบายอากาศได้ดี วัสดุเป็นตาข่ายแบบนุ่มพิเศษ ไม่ร้อน  
  • สายล็อคเป็นวัสดุหัวแม่เหล็ก ช่วยให้ติดและถอดออกได้สะดวกกว่า หัวล็อคทั่วไป 

การใช้งาน : 0 – 36 เดือน รองรับน้ำหนักได้สูงสุด 20 กิโลกรัม 

แบรนด์ : ประเทศเกาหลี

6. Pognae เป้อุ้มเด็ก รุ่น No.5 Plus

เป้อุ้มเด็ก Pognae No.5 Plus สามารถใช้ได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิดเป็นต้นไป ซึ่งอุปกรณ์ที่นั่งเสริมสำหรับเด็กแรกเกิดของ No.5 Plus นั้นถูกออกแบบมาอย่างประณีตและถูกต้องตามหลักสรีรศาสตร์ จึงช่วยให้อุ้มเด็กอ่อนได้อย่างกระชับปลอดภัย  

จุดเด่น   

  • มีส่วนเสริมเด็กแรกเกิด Newborn Support ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ทำให้อุ้มเด็กอ่อนได้อย่างปลอดภัย 
  • ซิปไร้เสียง Noiseless Waist Belt ช่วยไม่ให้มีเสียงดังที่เกิดจากการถอดเข็มขัด Hipseat เวลาเด็กหลับ 
  • มีที่ปรับขา 3 ระดับ ปรับความกว้างตามช่วงขา เพื่อรองรับสรีระของลูกที่ต่างกันตามช่วงอายุและท่าของการอุ้ม 
  • ถูกหลักการยศาสตร์ (Ergonomic) ทำให้การอุ้มเด็กอยู่ในลักษณะ M Shape 

ให้ลูกรักนั่งสบาย ขาไม่ถ่าง คนอุ้มไม่ปวดหลัง การันตีด้วยตราขององค์กรกระดูกนานาชาติ สถาบันโรคสะโพกหลุด International Hip Dysplasia 

  • เป็นชุดเป้อุ้มเด็กแบบออลอินวัน ALL-IN-ONE baby carrier (Hipseat, Hipseat Carrier, Baby Carrier) 

การใช้งาน : 0 – 36 เดือน รองรับน้ำหนักมาถึง 20 กิโลกรัม 

แบรนด์ : ประเทศเกาหลี

ดูรายละเอียด Pognae เป้อุ้มเด็ก รุ่น No.5 Plus

7. Pognae เป้อุ้มเด็ก รุ่น No.5 Max

ไม่ว่าจะมองหาเป้เด็กแรกเกิด หรือเป้อุ้มทารก 1 เดือนขึ้นไป POGNAE รุ่น NO.5 Max นั้นก็รวมทุกสิ่งที่ดีที่สุดไว้ในเป้รุ่นเดียว ทั้งผ้าอุ้มเด็ก Step One Shawl uv Air หรือผ้าอุ้มเด็กแรกเกิด พร้อมระบบ Safety Lock Upgrade ถอดเป้ได้เงียบกริบ ไม่ต้องกลัวลูกตื่น ได้รับการรับรองจากสถาบัน IHDI ขาไม่โก่ง หลังไม่งอ ปลอดภัยทุกวินาทีที่อยู่บนเป้ 

จุดเด่น  

  • มี Baby Stay ที่พยุงก้นลูก ออกแบบตามหลักสรีรวิทยา  
  • Breathable Cool Mesh ระบบระบายอากาศรอบทิศทาง เหมาะกับอากาศประเทศไทย 
  • ถูกหลัก Ergonomic ทั้งผู้อุ้มเเละลูกน้อย 
  • มีแกนพยุงสะบัก ไม่ก่อให้เกิดอาการปวดคอ บ่า ไหล่ 
  • เหล็กเสริมพยุงหลัง 4 ชั้น ไม่ทำให้ปวดหลัง เอว สะโพก กระจายน้ำหนักได้ดี 
  • ผ้า Waterproof กันน้ำ ไม่เก็บความชื้น 
  • ปรับ M Shape / U Shape ได้ตามสรีระและการเติบโตของลูก ไม่ทำให้ลูกมีปัญหาขาโก่งตามมา 

การใช้งาน : ตั้งเเต่เเรกเกิด – 6 ขวบ รองรับน้ำหนักมาถึง 20 กิโลกรัม 

แบรนด์ : ประเทศเกาหลี

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหาเป้อุ้มเด็กแรกเกิด เป้อุ้มทารก 1 เดือน หรือเป้อุ้มทารก 2 เดือนขึ้นไป ก็น่าจะมีตัวเลือกในใจกันบ้างแล้ว หรือถ้ายังไม่แน่ใจว่าควรเลือกแบบไหนดี สามารถเข้ามาเยี่ยมชมสินค้าได้ที่ร้าน BabyGift ร้านจำหน่ายสินค้าแม่และเด็กระดับคุณภาพ มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี คุณพ่อคุณแม่สามารถพาลูกน้อยมาลองนั่งเป้อุ้มเด็กได้ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ร้านเบบี้กิ๊ฟทั้ง 5 สาขา ใกล้บ้าน หรือสอบถามผ่านช่องทาง Online ทีมงาน BabyGift ยินดีให้คำแนะนำค่ะ 

อ้างอิงที่มาข้อมูลบางส่วนจาก  https://wearmybaby.co.uk/12-reasons-to-use-a-baby-carrier/  

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00

บทความแนะนำ

ว่ากันว่า “น้ำนมของแม่นั้นดีที่สุด” มีคำแนะนำทางการแพทย์ว่าควรให้ทารกกินนมแม่ไปจนถึงอายุ 2 ขวบหรือนานกว่านั้น แม้ว่าลูกน้อยจะอายุ 6 เดือนขึ้นไปแล้ว ก็ควรกินน้ำนมของแม่ร่วมกับการกินอาหารอื่น ๆ เพื่อเสริมคุณค่าทางโภชนาการ เพราะในน้ำนมของแม่นั้นมีความสำคัญต่อลูกน้อยมาก ๆ ในน้ำนมมีสารอาหารที่ดีต่อลูกน้อยหลายอย่าง ทั้งยังมีภูมิคุ้มกันที่ช่วยปกป้องลูกน้อยให้แข็งแรง นอกจากนี้ การให้ลูกกินน้ำนมของแม่ก็ยังมีข้อดีต่อตัวคุณแม่เองด้วยเช่นกัน ประโยชน์ของนมแม่ มีอะไรบ้างนั้น มาดูกันเลยค่ะ  ประโยชน์ นมแม่ อาหารเปี่ยมคุณค่าสำหรับลูกน้อย  นมแม่นั้นเป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารกแรกเกิด เพราะเต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ และช่วยเสริมภูมิต้านทานโรคให้กับลูก ประโยชน์ของนมแม่ช่วยลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วย และในขณะที่ทารกกินน้ำนมจากเต้าของนั้น ก็เป็นการช่วยสร้างความผูกพันระหว่างแม่กับลูกด้วย ทั้งยังทำให้ทารกรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยนอกจากนี้ สำหรับคุณแม่เอง การให้ลูกกินนมก็ยังจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ และเบาหวาน โดยองค์การอนามัยโลก และยูนิเซฟมีคำแนะนำเกี่ยวกับการให้นมของแม่เอาไว้ดังนี้ค่ะ  ประโยชน์ของนมแม่ มีอะไรบ้าง ?   ชวนรู้ การให้นมลูกก็มีประโยชน์ต่อคุณแม่เองด้วย   ประโยชน์ของนมแม่ นอกจากจะดีต่อลูกน้อยแล้ว การที่คุณแม่ให้นมลูก ก็มีข้อดีต่อตัวคุณแม่เองด้วย ดังนี้   Tips ในการให้นม สำหรับคุณแม่มือใหม่  เมื่อได้รู้ประโยชน์ของนมแม่กันแล้ว เชื่อว่าคุณแม่หลายๆ ท่านก็อยากจะให้ลูกน้อยของเราได้กินนมตั้งแต่แรกเกินไปจนถึงอายุ 2 – 3 ขวบ แต่ในบางคนก็ต้องกลับไปทำงานประจำหลังพ้นช่วงลาคลอด […]

ลูกควรเลิกใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปเมื่อไหร่? อยากฝึกให้ลูกนั่งกระโถน นั่งชักโครกขับถ่ายเองได้เริ่มเมื่อไหร่ดี? คงเป็นคำถามที่คุณพ่อคุณแม่มักสงสัยกันใช่ไหมคะ เพราะการฝึกลูกให้เลิกใส่ผ้าอ้อม ฝึกลูกนั่งกระโถน ไปจนฝึกให้เข้าห้องน้ำเองได้ก่อนที่จะเข้าโรงเรียน ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกพร้อมที่จะเลิกใส่ผ้าอ้อม พร้อมนั่งกระโถนแล้ว มาเช็กกันเลยค่ะ ทำไมต้องฝึกลูกเรื่องขับถ่าย  การฝึกลูกขับถ่ายให้เหมาะสม จะช่วยส่งเสริมให้ลูกมีพัฒนาการทางร่างกาย อารมณ์ ที่เหมาะสมตามวัย รวมถึงเป็นการปลูกฝังด้านสุขอนามัย ความสะอาด รู้จักร่างกายตัวเอง และรู้จักการช่วยเหลือตัวเองในเบื้องต้นได้ หากพ่อแม่ไม่สอนลูกเรื่องการขับถ่าย ปล่อยให้ขับถ่ายในผ้าอ้อมไปจนโต จะทำให้ลูกมีการขับถ่ายที่ไม่เหมาะสมตามวัย เมื่อลูกต้องไปโรงเรียน จะทำให้มีปัญหาในการดูแลความสะอาด อาจเกิดการขับถ่ายเล็ดราด หรือยังต้องใส่ผ้าอ้อมจนอึดอัด  ส่งผลเสียต่อการเรียนรู้ ส่งผลต่อพัฒนาการตามวัยได้ ฝึกลูกนั่งชักโครก เลิกใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปได้ตอนไหน? วัยที่มีพัฒนาการและพฤติกรรมพร้อมพี่จะเริ่มฝึกได้ ควรเริ่มเมื่ออายุ 1 ปี – 1 ปี 6 เดือน และมักจะทำได้ดีตอนอายุ 2 ปี หรือเด็กบางคนอาจจะมาฝึกตอนอายุ  2 ปี และนั่งกระโถนได้เองตอนอายุ 3 ปี หรือบางคนอาจทำได้เมื่อโตกว่านั้น ขึ้นอยู่กับความพร้อมและสัญญาณต่าง ๆ ที่แสดงออกมาทั้งทางร่างกาย การสื่อสาร และความต้องการของลูก ไม่ควรเกิดจากการบังคับลูก 8 สัญญาณที่บอกว่าลูกพร้อมนั่งกระโถนเองได้แล้ว 7 เทคนิคฝึกลูกขับถ่าย […]

วันนี้เรามีประสบการณ์จริง จากประโยชน์ของการใช้คาร์ซีท ที่คุ้มค่ามากเท่าชีวิต คุณปีใหม่ คุณแม่มือใหม่ที่ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับคาร์ซีท ตั้งแต่เธอเมื่อเริ่มตั้งครรภ์ เธอให้ลูกนั่งคาร์ซีทตั้งแต่วันแรกที่ออกจากโรงพยาบาล ช่วงนั้นค่อนข้างมีปัญหากับทางบ้านนิดหน่อย เนื่องจากคุณแม่ของเธอเป็นคนหัวโบราณ ไม่เข้าใจเรื่องคาร์ซีท และคิดว่าจะอุ้มหลานเองน่าจะปลอดภัยอยู่แล้ว เธอจึงต้องอธิบายให้คุณแม่เข้าใจอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่ค่อยเป็นผลเท่าไหร่ จนมาวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เธอเล่าว่า วันนั้นเธอ สามีและน้องบีน่าลูกสาววัยเพียง 2 เดือน กำลังเดินทางกลับจากจังหวัดชลบุรี  อยู่บนทางด่วนบูรพาวิถี สามีใช้ความเร็วปกติ เธอนั่งที่เบาะหลัง ส่วนน้องบีน่า นอนหลับปุ๋ยอยู่ในคาร์ซีท เมื่อสามีขับออกมาจากช่องเก็บค่าทางด่วน สังเกตเห็นว่ารถคันหน้าที่ขับอยู่เลนขวา ขับช้าผิดปกติ สามีจึงจะแซงซ้ายขึ้นไป ทันใดนั้นรถคันหน้าก็เปลี่ยนเลนมาทางซ้ายกะทันหัน เลยชนเข้าอย่างแรง เมื่อรู้ตัวอีกทีคุณปีใหม่กระเด็นไปอยู่ที่เบาะหน้า เพราะไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย มีรอยฟกช้ำ ระบมไปทั้งตัว  Airbag แตกรอบคัน พอมีสติก็รีบเปิดประตูรถไปดูน้องบีน่าก่อนเลย น้องบีน่ายังหลับปุ๋ยอยู่ในคาร์ซีทเหมือนเดิม ไม่มีร่องรอยบาดเจ็บใดๆ  นี่ถ้าอุ้มลูกไว้เองจะเป็นยังไงไม่อยากนึกเลย ตัวเองยังเอาไม่รอด ขอบคุณคาร์ซีทมากๆ ลูกรอดตายเพราะคาร์ซีทจริงๆ หลังจากเหตุการณ์นี้ คุณยายของน้องบีน่าก็เข้าใจประโยชน์ของคาร์ซีทแล้วว่าสำคัญมากเพียงใด ในวันนั้นคาร์ซีทได้ทำหน้าที่ปกป้องชีวิตหลานตัวน้อยเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด  และได้นำเรื่องนี้ไปบอกต่อ กับคนรู้จักว่า “หลานฉันรอดมาได้เพราะคาร์ซีทแท้ๆ” คุณปีใหม่ใช้คาร์ซีท Ailebebe ที่ซื้อจากร้าน Baby Gift ซึ่งทางเรามีบริการ รับประกันสินค้า เปลี่ยนคาร์ซีทตัวใหม่ให้ลูกค้า หากเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน ทาง Baby […]

บริษัท เบบี้กิ๊ฟ (ไทยแลนด์) ได้คำนึงถึงความเป็นส่วนตัวของลูกค้าทุกท่าน ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลและใช้ข้อมูลที่จำเป็นของท่าน เพื่อระบุตัวบุคคลตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ แห่งราชอาณาจักรไทย นโยบายความเป็นส่วนตัวอธิบายถึงวิธีที่เราเก็บข้อมูล นำมาใช้ และ การเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว (ในบางกรณี) โดยนโยบายนี้จะอธิบายถึงขั้นตอนการกระทำกับข้อมูลส่วนบุคคล และสุดท้ายนโยบายนี้จะอธิบายถึงตัวเลือกที่ท่านสามารถเลือกได้เกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลของท่านเอง การปกป้องดูแลข้อมูลส่วนตัวของท่านเปรียบเสมือนความไว้วางใจที่ท่านมีให้เราและเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญ ดังนั้นเราจึงจะขอใช้เพียงข้อมูลบางส่วนของท่านอันได้แก่ ชื่อ และข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เฉพาะที่สอดคล้องกับนโยบายความเป็นส่วนตัวที่เราได้กำหนดไว้ ทั้งนี้เราจึงเก็บรวบรวมเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นต่อการดำเนินความสัมพันธ์ทางธุรกรรมของเรากับท่านเท่านั้น ทางเราจะเก็บรักษาข้อมูลของท่านไว้เป็นระยะเวลาตราบเท่าที่กฎหมายกำหนดหรือ เป็นระยะเวลาตามวัตถุประสงค์ในการเก็บข้อมูลนั้นๆ ท่านสามารถเยี่ยมชมและท่องเว็บไซต์ของเราได้โดยไม่จำเป็นต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ โดยตลอดการเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา ท่านจะอยู่ในฐานะผู้ไม่เปิดเผยตัวตน และไม่สามารถระบุตัวตนได้ตลอดเวลา จนกว่าท่านจะลงทะเบียนสมัครบัญชีผู้ใช้ และได้เข้าสู่ระบบด้วยชื่อบัญชีและรหัสผ่านของท่านเอง คลังข้อมูลส่วนบุคคล บริษัท เบบี้กิ๊ฟ (ไทยแลนด์)  จะไม่ยอมให้บุคคลภายนอกมีส่วนร่วมรู้เห็นข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าที่ได้เก็บไว้โดยเด็ดขาด ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บไว้จะได้รับการเปิดเผยเฉพาะภายในเครือบริษัทของเราเพื่อการดำเนินการภายในเท่านั้น เมื่อท่านได้สร้างบัญชีผู้ใช้กับบริษัท เบบี้กิ๊ฟ (ไทยแลนด์) ข้อมูลส่วนบุคคลที่เราจะเก็บไว้ มีดังต่อไปนี้ ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ-นามสกุล, วันเดือนปีเกิด, เพศ, อายุ, เลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก, เลขประจำตัวผู้เสียภาษี, สัญชาติ เป็นต้น ข้อมูลที่ใช้ในการติดต่อ เช่น […]

ไม่นานมานี้ดิฉันเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดกับลูกๆทั้งสนุกสนานและปลอดภัยตั้งแต่ออกเดินทางจนถึงจุดมุ่งหมายเลยค่ะรู้สึกขอบใจตัวเองที่กัดฟันให้ลูกนั่งคาร์ซีท ตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลก ทำให้ขับรถได้อย่างมีสมาธิ แต่กว่าจะถึงวันนี้ลูกก็เคยร้องไห้ประท้วงจนแหวะใส่เก้าอี้ตัวเองมาแล้ว ดิฉันใช้วิธีสงบสยบความเคลื่อนไหวร้องได้ร้องไป แค่ 15 นาทีเท่านั้น คลื่นลมก็สงบ ตั้งแต่นั้นมาลูกๆเรียนรู้เลยว่า เวลาขึ้นรถต้องไปนั่งที่ “เก้าอี้วิเศษ”  ของตัวเองและนั่งทุกครั้งแม้ระยะทางจะใกล้หรือไกลเพราะอุบัติเหตุอาจเกิดจากภัยในรถ เช่น ลูกทะเลาะกันที่เบาะหลัง (เจอมาแล้ว) หรือปีนป่ายจนได้รับอันตราย คุณแม่ท่านไหนที่ยังไม่มั่นใจในคาร์ซีท carseat ว่าจะช่วยวันยุ่งๆของคุณแม่ได้มากน้อยแค่ไหน ลองเคล็ดลับต่อไปนี้ดูสิคะ แล้วลูกคุณจะรัก “เก้าอี้วิเศษ” ของตัวเองขึ้นเยอะเลย เคล็ดลับก่อนตัดสินใจเลือกซื้อคาร์ซีท อายุ ประเภทของคาร์ซีท คำแนะนำทั่วไป เด็กอ่อน คาร์ซีทสำหรับเด็กอ่อน เด็กอายุน้อยกว่า 1 ปี และมีน้ำหนักน้อยกว่า 9 kg.– ต้องนั่งคาร์ซีทแบบหันหน้าเข้าหาเบาะ เพราะคอยังไม่แข็งพอรับแรงกระแทกขณะรถวิ่ง เด็กก่อนวัยเรียน เก้าอี้แบบหันหน้าออก เด็กอายุ 1 ปี ขึ้นไป หรือหนัก 9 kg. ขึ้นไป เด็กเล็กวัยเรียน เบาะรองนั่ง เด็กควรสูงอย่างน้อย 120 cm.และต้องมั่นใจว่าเข็มขัดนิรภัยพาดที่ไหล่และต้นขาของเด็กอย่างพอดี เด็กโต เข็มขัดนิรภัย […]

จากเหตุการณ์ครั้งนี้ คุณนานาอยากฝากไปถึงคุณพ่อคุณแม่ทุกท่าน ให้ตระหนักถึงความสำคัญของการใช้คาร์ซีท ในทุกครั้งที่เดินทาง ไม่ว่าใกล้หรือไกล ก็ต้องให้ลูกนั่งคาร์ซีทเสมอ เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ขอปรบมือให้กับคุณนานาและคุณเวย์ ที่เป็นครอบครัวตัวอย่าง ฝึกให้น้องบีน่าและน้องบรู๊คลีน มีวินัยในการนั่งคาร์ซีททุกครั้งที่อยู่บนรถ คาร์ซีท หรือเบาะนั่งนิรภัยในรถยนต์สำหรับเด็ก ช่วยลดโอกาสการบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ การใช้ คาร์ซีท จะช่วยรองรับศีรษะ คอ กระดูกสันหลัง ที่ยังไม่แข็งแรงของเด็กเล็ก ช่วยไม่ให้สมองและไขสันหลังถูกทำลายจากการกระแทกในขณะเกิดอุบัติเหตุ และสิ่งสำคัญควรติดตั้งคาร์ซีทอย่างถูกต้อง ให้ลูกคาดเข็มขัดนิรภัยที่ตัวคาร์ซีทด้วยทุกครั้ง และปรับสายให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ไม่ให้ลูกอึดอัดและไม่หลวมเกินไป เพราะถ้าหลวมเกินไป เมื่อเกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงและไม่คาดฝัน ก็อาจทำให้เด็กหลุดออกจากคาร์ซีท และหลุดออกนอกตัวรถไปจนเป้นอันตรายถึงชีวิต ครอบครัวตัวอย่างเดินทางอย่างปลอดภัย คุณพ่อคุณแม่คาดเบลล์ ลูกๆนั่งคาร์ซีท ว้าว เยี่ยมไปเลย !!! น้องบีน่าและน้องบรู๊คลิน เดินทางอย่างปลอดภัยและหลับสบ๊ายสบายด้วยค่ะ

Menu
All Categories
All Brands
All Ages
Promotions
Locations
BabyGift Family
BabyGift Care
Parents Guide
News & Event

All Categories

All Categories
All Brands
All Ages