6 ไอเท็มสุดฮิต ลูกน้อยพกติดตัว ห่างไกล COVID

เป็นยังไงกันบ้างคะ หลังจากกักตัวอยู่บ้านและนั่งเรียนออนไลน์มาร่วมหลายเดือน ตอนนี้หนูๆ ทั้งหลายก็คงจะจะได้กลับไปเข้าเรียนในโรงเรียนจริงๆกับเพื่อนแล้ว แต่สำหรับแม่ๆ ถึงแม้ดูเผินๆ แล้ว สถานการณ์ของเจ้าเชื้อโรคตัวร้าย COVID ดูเหมือนจะดีขึ้น 100 ทั้ง 100 ก็คงยังวางใจได้ไม่เต็มที่ ยังกังวลกันแน่นอน
สำหรับคุณแม่บ้านไหนที่กำลังกังวลกลัวว่า เอ๊ะลูกน้อยจะของเราจะไปติดเชื้อโรคมาไหม หรือของที่ให้ลูกไปเพียงพอไหมน้า เรานำลิสต์ของจำเป็นที่ลูกน้อยควรพกเพื่อให้ปลอดภัยและห่างไกลจาก COVID มาฝากกันค่ะ ไปดูกันเล้ย!

1. อาวุธเลเวล 100 หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ตอนนี้ไม่ว่าหันไปทางไหนก็เห็นแต่คนใส่หน้ากากเต็มไปหมด เพราะหน้ากากเป็นอาวุธชั้นดีที่จะช่วยคุ้มครองทั้งตัวผู้ใส่ และผู้อื่นไปในเวลาเดียวกัน และแน่นอนค่ะ คุณแม่สามารถหาซื้อไซส์เด็กได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็กหรือเด็กโตก็มีวางขายอยู่ทั่วไปเลยค่ะ คุณแม่อาจเลือกแบบใช้แล้วทิ้ง หรืออาจเป็นแบบผ้าที่สามารถนำกลับมาซักใช้ใหม่ได้ก็ได้
อย่าลืมสวมหน้ากากให้ลูกน้อยทันทีเมื่อก้าวเท้าออกจากบ้าน จะให้ดีให้คุณแม่เตรียมหน้ากากสำรองใส่กระเป๋านักเรียนไปเผื่ออีกซักสองสามอันเผื่อเค้าทำหายระหว่างวัน ไม่ต้องห่วงนะคะ ตอนแรกๆ เค้าอาจจะยังไม่ค่อยชิน อาจมีโยเย หรือดึงหน้ากากออกบ้าง แต่ถ้าเค้าได้เห็นเพื่อนๆ ในห้องใส่ ลูกๆ ก็จะยอมใส่ตามไปโดยอัตโนมัติเลยค่ะ

2. กระติกน้ำส่วนตัว พกไว้อุ่นใจ ยุคนี้เป็นยุคของการไม่ใช้สิ่งของร่วมกัน ก็เพราะว่าเจ้าโรค COVID นี้มันสามารถติดต่อกันผ่านสารคัดหลั่งอย่างน้ำมูก หรือน้ำลายได้ยังไงล่ะ! เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว คุณแม่ก็คงจะปฏิเสธไม่ได้ใช่มั้ยคะ ว่าการพกกระติกน้ำส่วนตัวนี่เป็นเรื่องที่จำเป็นมากๆ เป็นเรื่องปกติที่เด็กๆ หลายคนจะชอบทานขนมด้วยกัน ดื่มน้ำด้วยกัน เพราะงั้น คุณแม่อย่าลืมกำชับกับลูกๆ นะคะ ว่าให้ดื่มจากกระติกน้ำของตัวเองอย่างเดียว

3. ช้อนส้อมของหนู คือสิ่งที่ขาดไม่ได้ แม้ว่าโรงเรียนส่วนใหญ่จะมีช้อนส้อมเตรียมเอาไว้ให้ แต่ว่ากันตรงๆ เราก็คงจะหมดห่วงไม่ได้ 100% ว่าช้อนส้อมเหล่านั้นล้างสะอาดและผ่านการฆ่าเชื้อมามากพอแล้วหรือยัง เพราะอย่างนี้นี่แหละค่ะ เราถึงจะต้องเตรียมช้อนส้อมให้ลูกน้อยไปจากที่บ้าน หาถุงซิปล็อกเล็กๆ หรือกล่องใส่ช้อนส้อมน่ารักๆ พกใส่กระเป๋าเอาไว้ จะได้ไม่ต้องกังวลว่าลูกๆ จะต้องไปเสี่ยงกับเชื้อโรคที่อาจอยู่ตามช้อนส้อมส่วนรวมรึเปล่า

4. เจลแอลกอฮอล์คู่ใจ ตอนนี้ใครก็คงเถียงไม่ได้ว่าเจลแอลกอฮอล์นั้นเป็นคู่หูคู่ใจกับหน้ากาก เพราะเรามักจะพกคู่กันเสมอ ถ้าเปรียบหน้ากากเป็นอัศวิน เจลแอลกอฮอล์นี่ก็คงจะเป็นม้าขาวที่จะมาช่วยฆ่าเชื้อโรคร้ายที่เราอาจสัมผัสไปโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้มีการผลิตเจลแอลกอฮอล์หลอดเล็กๆ พกพาสะดวกออกมามากมาย นอกจากนี้ ยังมีแอลกอฮอล์แบบขวดเล็กหัวสเปรย์มาให้คุณแม่เลือกซื้อ ที่ทั้งใช้ง่ายและราคาสมเหตุสมผล ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณแม่ต้องเลือกเจลแอลกอฮอล์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์มากกว่า 70% นะคะ และที่สำคัญ อย่าลืมดูให้ดี เพราะเจลแอลกอฮอล์ที่เรานำมาล้างมือนั้นต้องเป็นแบบเอทิลแอลกอฮอล์เท่านั้นนะ!

5. Face shield เพิ่มความปลอดภัยอีกขั้น จะว่าไป Face shield นี่อาจเรียกได้ว่าเป็นแค่ออปชั่นเสริม เพราะไม่ได้มีความจำเป็นขนาดนั้น อีกทั้งน้องๆ หนูๆ หลายๆ คนอาจรู้สึกรำคาญ เพราะเหมือนมีอะไรมาบังที่หน้าตลอดเวลา แต่การสวม Face Shield ก็ถือเป็นการเพิ่มเกราะป้องกันให้ลูกน้อยของเราอีกชั้นอยู่นะ เพราะถึงแม้ลูกของคุณแม่จะใส่หน้ากากตลอดเวลา แต่เด็กคนอื่นๆ อาจไม่ใช่ และ Face Shield นี่แหละค่ะ จะเป็นตัวช่วยปกป้องลูกน้อยของคุณแม่จากละอองฝอยของน้ำลายที่อาจกระเด็นมาเวลาเด็กๆ คุยกัน คุณแม่อาจจะลองหาซื้อ Face Shield ไซส์เด็กแบบลายการ์ตูนที่ลูกน้อยชอบ หลอกล่อเค้าซักนิด ใส่ไว้หน่อยก็ไม่เสียหายนะ

6. กระดาษเปียกตัวกู้สถานการณ์ กระดาษเปียกนี่เรียกได้ว่าเป็นตัวช่วยทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะมือเลอะ โต๊ะเลอะ เก้าอี้เลอะ แค่มีกระดาษเปียกก็หมดห่วง คุณแม่อาจจะเริ่มปลูกฝังการรักษาความสะอาดให้กับลูกน้อยด้วยการใช้กระดาษเปียกนี้ก็ได้นะคะ สอนให้เค้ารู้จักทำความสะอาดจุดสัมผัสต่างๆ ก่อนที่เค้าจะจับ แม้จะมีราคาค่อนข้างสูง แต่ถ้าลูกน้อยรู้จักใช้ รู้จักประหยัด กระดาษเปียกก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้ลูกน้อยมีสุขอนามัยที่ดีเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม ควรเลือกซื้อกระดาษเปียกที่ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้กับเด็กนะคะ เพราะกระดาษเปียกชนิดนี้จะปราศจากน้ำหอมและแอลกอฮอล์ จะช่วยให้ลูกน้อยไม่เกิดอาการแพ้ด้วยค่า
และ 6 ไอเท็มด้านบนนี้ ก็คืออาวุธที่สำคัญในยุค New Normal ที่แม่ๆ ควรจัดใส่กระเป๋านักเรียนให้ลูกน้อยพกติดตัว แต่อย่าลืมสอนใช้อุปกรณ์แต่ละอย่างให้ถูกต้องด้วยนะคะ ลูกน้อยจะได้ใช้อย่างถูกวิธีและทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยไอเท็มเหล่านี้บวกกับมาตรการการคัดกรองของโรงเรียน และการจัดห้องเรียนแบบใหม่ที่ให้ความสำคัญในการเว้นระยะห่างระหว่างกัน หรือ Social Distancing คุณแม่ก็สามารถปลดล็อกความกลัวเรื่อง COVID ไปได้มากโขแล้วล่ะ!
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
เชื่อว่าปัญหาที่หลายๆ บ้านจะต้องเจอก็คือ การที่ลูกรักไม่ยอมกินข้าว โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่อายุ 1 ขวบขึ้นไป เมื่อเริ่มเดินได้คล่อง เริ่มวิ่งได้บ้าง ก็จะติดเล่น ไม่ค่อยยอมกินข้าวหรือกินได้น้อย บางคนก็อมข้าว ไม่ยอมเคี้ยว หรือหันหน้าหนี กว่าจะป้อนหมดชามก็ใช้เวลานานเกินไป ซึ่งทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายๆ คนเป็นกังวล เพราะการที่ลูกเราไม่ยอมกินข้าวก็อาจส่งผลต่อสุขภาพและการเติบโตของลูกได้ แต่ปัญหาการกินของลูกรับมือได้ไม่ยากเลยค่ะ เพียงแค่ต้องให้เวลา ใช้ความเข้าใจ และต้องใจแข็งนิดหน่อย ก็จะทำให้ลูกมีวินัยในการกินมากขึ้น ลูกไม่ยอมกินข้าว 1 ขวบ จะแก้ปัญหาอย่างไรดี ? มาลองฝึกลูกน้อยไปพร้อม ๆ กันกับ BabyGift ได้เลยค่ะ ลูกไม่ยอมกินข้าว 1 ขวบ ทำยังไงดี ? ชวนดูเทคนิคดีๆ ที่ทำให้ลูกกินได้มากขึ้น การได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอในปริมาณที่เหมาะสมนั้นเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากสำหรับลูกน้อย เพราะส่งผลต่อการเจริญเติบโตตามวัย หากได้รับสารอาหารไม่เพียงพอนั้นอาจทำให้ลูกมีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์และสุขภาพไม่แข็งแรงได้ โดยทั่วไปแล้ว เมื่อเด็กอายุครบ 1 ขวบจะเริ่มเรียนรู้การปฏิเสธอาหารหรือคายอาหาร เนื่องจากมีพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวร่างกาย สามารถหยิบจับอาหารเข้าปากได้เอง การปฏิเสธ หรือคายอาหารจึงเป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่งที่ช่วยป้องกันไม่ให้ตัวเองกินสิ่งที่เป็นพิษหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าไป โดยส่วนใหญ่แล้ว การที่ลูกไม่ยอมกินข้าว 1 ขวบนั้นจะเกิดขึ้นไม่นานและหายไปได้เอง แต่เด็กบางคนอาจมีพฤติกรรมกินยาก […]
สำหรับคุณแม่มือใหม่ที่ตั้งใจจะให้นมแม่แก่ลูกน้อยอย่างเต็มที่สุดความสามารถ และกำลังเตรียมตัว ซื้อเครื่องปั๊มนม คู่ใจที่มีฟังก์ชั่นการทำงานที่ดีและตอบโจทย์ คงจะต้องหาข้อมูล ศึกษาการทำงานของเครื่องปั๊มนมแต่ละรุ่นกันอย่างจริงจังก่อนเลือกซื้อ พร้อมกับปรึกษาแม่ที่เคยมีประสบการณ์ เพื่อจะได้ซื้อใช้ให้คุณค่ากับราคาที่จ่าย เครื่องปั๊มนมในปัจจุบันก็มีให้เลือกมากมายนับไม่ถ้วน พร้อมกับราคาที่มีทั้งหลักร้อย หลักพัน ไปจนถึงหลักหมื่น ตลอดจนมีรูปแบบการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนั้นก่อนเลือกซื้อและศึกษาเครื่องปั๊มแต่ละชนิด เราขอแนะนำให้คุณแม่เน้นในเรื่องการทำงาน 5 อย่างที่สำคัญ หรือ 5 ฟังก์ชั่นที่ต้องใส่ใจ เพื่อให้คุณแม่ได้เครื่องปั๊มนมที่ใช้งานได้คุ้มค่า ปั๊มน้ำนมแม่ได้มีคุณภาพดี เหมาะสมกับการเลี้ยงลูกในแบบเรามากที่สุด 5 ฟังก์ชั่นสำคัญต้องรู้ไว้ ก่อนตัดสินใจ ซื้อเครื่องปั๊มนม 1. ประสิทธิภาพของการปั๊มนม หรือที่เรามักเรียกว่าโหมดปั๊มนม โดยพิจารณาการปั๊มนมของเครื่องปั๊มนมว่า ใช้แรงดูดแบบไหน อย่างไร อาทิ 2. คุณภาพของรอบการดูด คุณแม่ควรสอบถามและอ่านข้อมูลว่าเครื่องปั๊มนมที่สนใจ มีรอบหรือจังหวะในการดูดเท่าไร โดยควรเลือก ซื้อเครื่องปั๊มนม ที่มีรอบดูดมากกว่า 40 ครั้งต่อนาทีขึ้นไป จะทำให้ปั๊มนมออกได้มากกว่า เนื่องจากการดูดประมาณ 40-60 รอบต่อนาที จะใกล้เคียงกับการดูดของลูกน้อยทารก ซึ่งปัจจุบันเครื่องปั๊มนมรุ่นใหม่ มีฟังก์ชั่นให้คุณแม่ปรับรอบการดูดได้ด้วยตัวเองหลายระดับ และในหลายโหมด เพราะในบางรอบของการดูดก็จะไปช่วยในการนวดหรือกระตุ้นน้ำนม เสริมแทนการปั๊มนมอย่างเดียวด้วย เช่น โหมดการนวดกระตุ้นน้ำนมใช้ 45-77 […]
เพราะแม่แต่ละคนมีความเป็นตัวของตัวเองที่แตกต่าง Aprica จึงสรรสร้างนวัตกรรมที่รองรับทุกความต้องการด้วยรถเข็นเด็กหลากหลายรุ่นเพื่อตอบโจทย์ที่ไม่เหมือนกัน แล้วรถเข็นเด็ก Aprica รุ่นไหน เหมาะกับคุณไปดูกันเลย แม่ที่ใส่ใจทุกรายละเอียด ทุ่มเททุกความสุขเพื่อลูกและคนในครอบครัวเป็นสำคัญ ถ้าคำว่า “ที่สุด” คือนิยามของรถเข็นเด็กที่ดีที่สุดสำหรับลูก คือคำตอบเดียวที่คุณต้องการ รถเข็นเด็ก Aprica โดดเด่นในเรื่องนวัตกรรมใหม่ล่าสุดมอบความสบาย นุ่มนวล ปกป้องลูกน้อยแบบ 360 องศา ใส่ใจในสุขภาพและเสริมสร้างพัฒนาการ เพื่อเทวดานางฟ้าตัวน้อย รถเข็นเด็ก Aprica รุ่น Optia รถเข็นเด็ก Aprica รุ่น Soraria Magic basket คุณแม่ทรงพลัง คล่องแคล่ว ขี้เล่น ถ้าคุณและลูกน้อยต้องการความคล่องตัว พร้อมทุกสถานการณ์ รถเข็นเด็กน้ำหนักเบาแต่ครบทุกฟังชันท์ที่เหนือกว่า พร้อมเติมความคล่องตัวด้วยการใช้รถเข็นสลับกับเป้อุ้มเด็กได้ง่าย เป็นตัวช่วยที่ดี ไม่ว่าสถานการณ์ไหนๆ คุณแม่ก็พร้อม รถเข็นเด็ก Aprica รุ่น Luxuna CTS รถเข็นเด็ก Aprica รุ่น Luxuna Light คุณแม่เด็กแนว กิ๊บเก๋ทันสมัย ไม่ชอบตามใคร สนใจทางเลือกใหม่ๆ รักอิสระและความแปลกใหม่ รถเข็นเด็ก แบบ 3 ล้อเท่ห์ๆ ไม่เหมือนใครที่ผสมผสานทุกฟังก์ชั่นอย่างลงตัว และที่โดนใจยิ่งกว่าคือ ความแข็งแรง ทนทาน ไม่ว่าจะไปไหนก็พร้อมลุยทุกสภาพพื้นผิว ใช้ง่ายพับกางสะดวกและขนาดกระทัดรัด […]
การเลี้ยงลูกให้มีสุขภาพดีเริ่มต้นจากการให้ลูกกินอาหารที่มีประโยชน์ แต่การที่ลูกไม่ยอมกินข้าวเป็นปัญหาที่แม่หลายคนต้องพบเจอ แม้ว่าจะเป็นเรื่องธรรมดาของเด็กในวัยทารกหรือวัยเด็กเล็ก แต่หากปล่อยไว้ อาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการและสุขภาพของลูกในระยะยาว ดังนั้นวันนี้เรามีวิธีจัดการลูกไม่ยอมกินข้าวที่ได้ผลจริงมาฝากค่ะ 1. สร้างสภาพแวดล้อมในการทานอาหารที่ดี บรรยากาศการทานอาหารที่ดีช่วยให้ลูกอยากทานมากขึ้น คุณแม่ควรสร้างบรรยากาศที่สนุกสนานและไม่กดดันขณะทานอาหาร เช่น การทานอาหารร่วมกันกับครอบครัว หรือการตั้งโต๊ะอาหารที่มีสีสันและดูน่าสนใจ เคล็ดลับ: 2. ให้ลูกมีส่วนร่วมในการเลือกอาหาร เด็กมักจะรู้สึกสนุกและมีความภาคภูมิใจเมื่อได้เลือกหรือช่วยเตรียมอาหารเอง คุณแม่สามารถให้ลูกมีส่วนร่วมในการเลือกเมนูอาหารหรือการจัดเตรียมอาหารบางอย่าง เพื่อให้พวกเขารู้สึกว่าการทานอาหารเป็นเรื่องสนุกและไม่น่าเบื่อ เคล็ดลับ: 3. หลีกเลี่ยงการบังคับให้กินอาหาร การบังคับให้ลูกทานอาหารอาจทำให้ลูกเกิดความเครียดและต่อต้านการทานอาหารมากขึ้น การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับอาหารจะช่วยให้ลูกมีทัศนคติที่ดีต่อการทานอาหาร เคล็ดลับ: 4. เปลี่ยนเมนูอาหารให้หลากหลาย เด็กมักเบื่ออาหารที่ซ้ำซาก ดังนั้นคุณแม่ควรเปลี่ยนเมนูอาหารให้หลากหลายและน่าสนใจ เช่น การทำอาหารในรูปแบบต่างๆ หรือการเพิ่มรสชาติใหม่ๆ เข้าไปในอาหาร เคล็ดลับ: 5. ไม่เสิร์ฟของหวานก่อนมื้ออาหาร การเสิร์ฟของหวานหรือขนมก่อนมื้ออาหารจะทำให้ลูกอิ่มท้องก่อนและไม่อยากทานข้าว ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการให้ขนมก่อนมื้ออาหาร เคล็ดลับ: 6. ทานอาหารร่วมกับลูก การทานอาหารร่วมกับลูกจะช่วยให้ลูกเห็นแบบอย่างในการทานอาหารที่ดี และทำให้ลูกรู้สึกมีส่วนร่วมในการทานอาหารด้วยกัน เคล็ดลับ: 7. ควบคุมเวลาการทานอาหาร การมีเวลาทานอาหารที่ชัดเจนจะช่วยให้ลูกสร้างนิสัยการทานอาหารที่ดี ไม่ทานอาหารระหว่างมื้อซึ่งอาจทำให้ลูกไม่หิวเวลาทานข้าว เคล็ดลับ: 8. ให้รางวัลเมื่อทานอาหารเสร็จ การให้รางวัลเล็กๆ น้อยๆ เมื่อทานอาหารเสร็จแล้วเป็นวิธีหนึ่งที่จะกระตุ้นให้ลูกทานอาหารอย่างเต็มใจ โดยรางวัลไม่จำเป็นต้องเป็นขนมหรือของหวานเสมอไป […]
เบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กในรถยนต์ทุกที่นั่งจะต้องมีป้ายรับรองมาตรฐาน ECE R44/04 เป็น มาตรฐานความปลอดภัยคาร์ซีท เพื่อบ่งชี้ว่าเบาะตัวนั้นๆได้ผ่านตามข้อกำหนดมาตรฐานความปลอดภัย ป้ายรับรองมาตรฐาน ECE R44/04 จะเป็นป้ายสีส้ม มาตรฐานความปลอดภัยคาร์ซีท ECE 44/03 และ ECE R 44/04 แบ่งตาม Group และแบ่งแยกเป็นประเภทต่างๆ ทั้งหมด 4 ประเภท (4 Categories) ตามการติดตั้งและการใช้งาน ซึ่งจะช่วยให้เราทราบว่าเบาะนั้นๆออกแบบมาสำหรับรถเราหรือไม่ มาตรฐานความปลอดภัยคาร์ซีท ECE 44/03 และ ECE R 44/04 แบ่งตามภูมิภาค จากข้อมูลในหัวข้อนี้คงพอให้ท่านผู้อ่านเข้าใจความหมายและทราบถึงรายละเอียด ข้อมูลของเบาะนั้นจากป้ายมาตรฐาน ตลอดจนเป็นประโยชน์กับผู้ปกครองในการเลือกซื้อเบาะให้เหมาะกับลูกหลานและรถ ที่มีแนวทางการใช้งานเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็ก ในครั้งแรกๆ เด็กๆอาจจะร้องเพราะกลัวการถูกล็อค แต่ถ้าเขาคุ้นเคยเสียก่อน ก็จะลดการร้องไม่ยอมของเด็กได้ การที่เด็กๆร้องก็จะทรมาณใจพ่อแม่เพราะสงสารลูกๆและเป็นสาเหตุทำให้ละเลยการใช้งานเบาะนิรภัยในครั้งต่อๆไป เพราะว่าเด็กที่นั่งอยู่ในเบาะนิรภัยจะมีการป้องกันการชนด้านข้างต่ำ การนั่งในตำแหน่งกลางจะช่วยเพิ่มพื้นที่ในการดูดซับแรงกระแทก แต่ทั้งนี้รถควรจะเป็นรถขนาดใหญ่ที่เบาะกลางมีเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด อย่างไรก็ตามหากไม่สามารถติดตั้งตรงเบาะกลางได้ การติดตั้งทางฝั่งซ้ายหรือขวาก็สามารถทำได้ โดยที่ฝั่งตรงข้ามคนขับ (ฝั่งเดียวกับฟุตบาท) จะปลอดภัยกว่าฝั่งคนขับ สำหรับการใช้งานเบาะนิรภัยร่วมกับรถปิกอัพให้ติดตั้งด้านหน้าข้างคนขับและห้ามใช้ถุงลมในที่นั่งด้านข้างคนขับ 1. เด็กสูงเพียงพอที่ขาและเข่าของเขาสามารถนั่งห้อยขาได้เบาะนั่งรถได้พอดี2. เด็กโตพอที่จะสามารถนั่งตัวตรง หลังพิงพนักพิงได้ตรง3. เข็มขัดนิรภัยของรถส่วนล่างจะต้องรัดได้ตรงส่วนกระดูกเชิงกรานไม่ใช้รัดตรงท้อง4. เข็มขัดที่พาดส่วนบ่าจะต้องพาดผ่านมาตรงส่วนหน้าอก […]
คำถามที่พบบ่อย “คนท้องสามารถใส่รองเท้าส้นสูงได้รึเปล่า?” แต่แทบทุกครั้งที่มีภาพของดาราที่กำลังท้องใส่ส้นสูง ก็มักจะมีคนเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์และคอมเม้นกันไปในทางไม่ดีซะส่วนใหญ่ ซึ่งเราก็เข้าใจนะว่า อาจจะมีแฟนคลับหลายๆ คนที่เขาเป็นห่วง กลัวว่าจะมีอันตรายต่อเด็กในท้องอะไรก็ว่ากันไป เชื่อเถอะว่า การใส่รองเท้าส้นสูงไม่ได้ส่งผลเสียทางตรงต่อลูกในท้อง แต่ว่า “มันเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้คุณแม่หกล้มได้ง่ายขึ้น” และถึงตอนนั้นแหละที่จะส่งผลต่อลูกในท้องโดนตรง เพราะฉะนั้นถ้าคิดจะใส่ก็ควรระมัดระวังให้มาก ไม่ควรใส่ติดต่อกันเป็นเวลานาน” สำหรับคุณแม่ท้องที่จำเป็นต้องใส่เพื่อให้เกียรติกับงานนั้นๆ เรามี วิธีเลือกรองเท้าส้นสูงสำหรับคนท้องตามนี้เลยค่ะ…^^ 1. เลือกรองเท้าที่มีความสูงของส้นไม่ควรเกิน 2 นิ้ว เพราะถ้าสูงกว่านี้อาจจะเสี่ยงทำให้เท้าพลิกและตกส้นได้นั่นเอง2. รองเท้าส้นสูงแบบทรงเตารีด หรือส้นหนาจะใส่สบายกว่าส้นเข็มและมีพื้นที่รับน้ำหนักเยอะกว่า ความเสี่ยงที่จะล้มก็น้อยกว่าค่ะ3. เลือกรองเท้าที่ระบายอากาศได้ดี เช่น รองเท้าที่เปลือยโปร่งเพื่อความสบายเท้า4. น้ำหนักเบา และนุ่ม เพื่อช่วยรองรับแรงกระแทก พื้นรองเท้าควรเป็นยางที่ยึดเกาะพื้นได้ดี5. เลือกรองเท้าที่ถอดง่าย และสวมใส่ง่าย ไม่แนะนำแบบที่มีสายรัด …ใครบ้าง??? ที่เป็นคุณแม่สุดสตรอง แม้ท้องโตแต่เมื่อออกงานก็มั่นได้กับรองเท้าส้นสูงโดยที่ไม่เป็นอุปสรรค… กุ๊บกิ๊บ – สุมณทิพย์ เหลืองอุทัย ล่าสุดที่โดยหลายคอมเม้นเข้ามาต่อว่าสาวกุ๊บกิ๊บใส่ส้นสูงทั้งๆ ที่ท้องก็ไม่เล็กแล้ว แต่สามีสุดหล่ออย่างหนุ่มบี้ก็เข้ามาแก้ข่าวโดยให้เหตุผลว่า ตอนนี้ภรรยาสาวก็ใส่รองเท้าส้นสูงน้อยลง แต่ที่เห็นในรูปนั่นก็เพราะต้องไปออกงาน เดินพรมแดงซึ่งถือเป็นการให้เกียรติงานนั่นเอง ลิเดีย – ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา นักร้องสาวเสียงดีอย่างสาวลิเดียที่ตอนนี้กลายเป็นไอดอลของคุณแม่หลายๆ คนไปแล้ว โดยจะเห็นในอินสตาแกรมของสาวลิเดียว่าเธอเป็นคุณแม่ที่แข็งแรงมาก สามารถออกกำลังกาย และทำงานได้อย่างสบายๆ เลยล่ะ Chrissy Teigen […]






