5 แบบ 10 ตัวเลือก เบาะนอนเด็ก หายใจผ่านได้ ที่คุณแม่วางใจ อัปเดตปี 2024

เบาะนอนเด็ก เรียกว่ามีความสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับทารก และเด็กเล็ก เนื่องจากเหตุผลหลายอย่าง เช่น ความปลอดภัย ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคไหลตายในเด็ก (SIDS) และป้องกันการติดขัดหรือหายใจไม่ออก เบาะที่มีความแน่นพอเหมาะจะช่วยสนับสนุนกระดูกสันหลังที่กำลังพัฒนาของเด็ก ป้องกันปัญหาสรีระในอนาคต ช่วยให้เด็กนอนหลับได้ลึกและยาวนานขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อพัฒนาการทางร่างกายและสมอง อีกทั้งเบาะเด็กที่ได้มาตรฐาน ปราศจากสารเคมีอันตรายยังส่งผลต่อสุขภาพของเด็กด้วย ดังนั้น การเลือกเบาะนอนสำหรับเด็กที่เหมาะสม และได้มาตรฐานจึงเป็นเรื่องสำคัญมากเพื่อความปลอดภัยและพัฒนาการที่ดีของเด็กนั่นเองค่ะ
รวม 10 ตัวเลือก เบาะนอนเด็ก ที่คุณแม่วางใจ เบาะนอนทารกหายใจผ่านได้ มียี่ห้อไหนบ้าง ?
BabyGift เชื่อว่าคุณพ่อ คุณแม่ หลายคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้ คงจะให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อเบาะนอนทารกกันมาก เพราะฉะนั้นในบทความนี้เราจะมาแนะนำ 10 ตัวเลือกเบาะนอนสำหรับเด็กคุณภาพดี หายใจผ่านได้ ราคาไม่แรง มาให้ได้เลือกกันค่ะ แต่ก่อนจะไปแนะนำยี่ห้อกัน เราขอแนะนำวิธีการเลือกซื้อให้เบื้องต้น ดังนี้ค่ะ

คำแนะนำในการเลือกซื้อเบาะนอนเด็ก
- เลือกวัสดุที่นุ่มนวล และระบายอากาศได้ดี จะช่วยรองรับการนอนของทารกได้อย่างเหมาะสม
- ใส่ใจเรื่องความปลอดภัย หลีกเลี่ยงเบาะนอนที่มีชิ้นส่วนเล็กๆ ที่อาจหลุดออกมาได้ รวมถึงเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานความปลอดภัย
- เลือกเบาะที่สามารถซักได้ง่าย เพื่อรักษาสุขอนามัย และความสะอาดซึ่งจะส่งผลต่อลูกของเรา
BabyGift แนะนำเบาะนอนเด็ก 5 แบบ 10 ตัวเลือก ที่คุณแม่ไว้ใจประจำปี 2024

1. เบาะนอนทารก Baby Crown Nest – PRINCE & PRINCESS
เบาะนอนเด็กยี่ห้อแรกที่ BabyGift อยากแนะนำก็คือ Baby Crown Nest ของ PRINCE & PRINCESS ค่ะ แบรนด์นี้ออกแบบด้วยความใส่ใจ นอนแล้วไม่ยุบตัว ไม่แข็งไม่นุ่มเกินไป กระจายน้ำหนักได้ดี ทำให้ทารกรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่ในท้องของแม่ ทำจากเส้นใยฝ้ายธรรมชาติ Cotton 80% ผสมกับเส้นใย Dracon 20% ที่มีความเหนียวนุ่ม ยืดหยุ่น ทักทอด้วยเทคนิคพิเศษ Breathable 3D Air Mesh ทำให้ช่วยให้ระบายอากาศ หายใจผ่านได้ และความร้อนชื้นได้ดี
จุดเด่น
- ตัวเบาะนอนทารกสามารถปรับขนาดได้ ใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 9 เดือน และรับน้ำหนักได้ 2.5 กิโลกรัม
- ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ สามารถใช้วางบนที่นอนกับผู้ใหญ่ ป้องกันการพลิกตัวไปโดนลูกน้อยขณะนอนหลับ หรือวางบนเปลนอนทารกได้อย่างลงตัว และใช้กับเตียงเด็กแรกเกิดได้ วางบนโซฟาได้
- ผ้าปูนอนชั้นบนสุดทำจากโพลีเอสเตอร์ 100% ที่ออกแบบให้มีรูระบายอากาศตลอดทั้งผืน ช่วยให้ลูกน้อยสามารถหายใจผ่านได้ ลดโอกาสการเกิดโรค SIDS หรือการเสียชีวิตเฉียบพลันในเด็กทารก
- มาพร้อมบาร์ของเล่น โมบายผ้านุ่มนิ่ม สีสันน่ารักสดใส ช่วยกระตุ้นพัฒนาการของลูกน้อยตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึง 4 เดือน
- ผ้าปูที่นอนโดยรอบเบาะนอน สามารถถอดซักได้

2. OXY BABY Mattress เบาะนอนหายใจผ่านได้แบบมีขอบกั้น
OXY BABY Mattress เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อของเบาะนอนเด็กที่เหล่าคุณแม่ไว้ใจ รุ่นนี้สามารถหายใจผ่านได้ รุ่นนี้จะมีขอบกั้นกันน้องกลิ้งตก กันคุณแม่นอนทับ ทำให้สามารถนอนบนเตียงเดียวกับคุณแม่ได้ มีความนุ่มแน่น แต่ยืดหยุ่นเพื่อความสบายสูงสุด และช่วยรักษารูปทรงธรรมชาติของกระดูกสันหลังให้กับทารกได้ ระบายอากาศได้รอบทุกด้าน หายใจผ่านได้ ทำให้อากาศไหลเวียนได้สะดวกจึงช่วยลดผดผื่นที่เกิดจากความร้อน และชื้นได้
จุดเด่น
- นอนสบายกว่า ด้วยโครงสร้าง รูปตัวX มีจุดรองรับน้ำหนักที่สม่ำเสมอ ป้องกันปัญหาเกี่ยวกับกระดูกสันหลังในระยะยาวได้
- รองรับน้ำหนักได้ดี ไม่เสียรูปทรงเมื่อใช้งานในระยะยาว
- ใช้วัสดุ Tencel 3D Air Mesh Cover และ Polyester Mattress ปลอดภัยจากสารเคมี
- ซักล้างทำความสะอาดได้ ไม่เสียรูปทรง (ซักมือ หรือ ซักเครื่องใส่ถุงซัก)

3. OXY BABY Mattress เบาะนอนหายใจผ่านได้
เบาะนอนเด็กอีกหนึ่งรุ่นของ OXY BABY Mattress รุ่นนี้ไม่ได้มีขอบกั้น แต่แถมผ้าปูที่นอนให้ค่ะ ตัวเบาะใช้วัสดุที่ปลอดภัยจากสารเคมี มีจุดรองรับน้ำหนักที่สม่ำเสมอ ป้องกันปัญหาเกี่ยวกับกระดูกสันหลังในระยะยาวได้เช่นกัน หายใจผ่านได้ ระบายอากาศรอบด้าน อากาศไหลเวียนได้สะดวก จะวางบนพื้น วางบนเตียงนอนเด็กแรกเกิด หรือเตียงนอนแม่ก็สามารถทำได้ค่ะ มีให้เลือกด้วยกัน 2 ขนาด ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน และความชอบค่ะ
จุดเด่น
- ตัวเบาะมีความนุ่มแน่น แต่ยืดหยุ่น นอนสบายด้วยโครงสร้าง รูปตัว X
- รองรับน้ำหนักได้ดี ไม่เสียรูปทรงเมื่อใช้งานในระยะยาว
- ตัวเบาะทำความสะอาดง่ายเพียงแค่ฉีดล้าง และแห้งไว ส่วนผ้าปูที่นอนสามารถซักล้างทำความสะอาดได้ ไม่เสียรูปทรง (ซักมือ หรือ ซักเครื่องใส่ถุงซัก)

4. AIRY เบาะนอนหายใจผ่านได้สำหรับทารก, ไซส์ L/70 (รุ่น DUO)
เบาะนอนเด็ก Duo ของ Airy ตัวนี้เป็นไซส์ L ค่ะ สามารถใช้นอนได้ 2 ด้าน ทั้งด้านแน่น เหมาะสำหรับแรกเกิดเป็นต้นไป และด้านนุ่มเหมาะสำหรับช่วงวัย 6 เดือน – 1ปี ขึ้นไป โดยแบ่งตามสรีระของแต่ละช่วงวัย ไม่ยวบง่าย ตัวไส้เบาะใช้วัสดุพิเศษ (EVA) ชนิดเดียวกับที่ใช้ทำยางกัดของทารก มาพร้อมโครงสร้างแบบรังนก 3 มิติ มีความยืดหยุ่นแต่ไม่ยวบ ผลิตจากวัสดุปลอดสารพิษระดับ food grade เนื้อเบาะ นุ่มแน่น รองรับสรีระของทารกได้อย่างเหมาะสม อากาศถ่ายเทได้ดี หายใจผ่านได้ มีให้เลือกด้วยกัน 3 ขนาด ทั้ง S, M, L
จุดเด่น
- หายใจผ่านได้ดีเยี่ยม ผ่านการทดสอบจากสถาบันวิจัยประเทศเบลเยี่ยมว่าหายใจได้ “จริง” และดีกว่าเบาะทั่วไปถึง 7 เท่า
- เนื้อเบาะนุ่ม รองรับสรีระที่เปลี่ยนแปลงไปของลูก ได้แก่ ลำคอ ช่วงบ่า รวมถึง น้ำหนักที่มากขึ้นด้วย
- ตัวเบาะสามารถหายใจผ่านได้ ลดความเสี่ยง การขาดอากาศหายใจในทารก ล้างทำความสะอาดง่าย ไม่สะสมไรฝุ่น ลดการเกิดภูมิแพ้
- เนื้อเบาะแน่นไม่ยวบ เหมาะสำหรับการทำ Tummy Time ฝึกกล้ามเนื้อและพัฒนาการ

5. AIRY O2 เบาะนอนหายใจผ่านได้สำหรับทารก ไซส์ L/70
เบาะนอนเด็ก Duo ของ Airy ตัวนี้เป็นไซส์ L ค่ะ สามารถใช้นอนได้ 2 ด้าน ทั้งด้านแน่น เหมาะสำหรับแรกเกิดเป็นต้นไป และด้านนุ่มเหมาะสำหรับช่วงวัย 6 เดือน – 1ปี ขึ้นไป โดยแบ่งตามสรีระของแต่ละช่วงวัย ไม่ยวบง่าย ตัวไส้เบาะใช้วัสดุพิเศษ (EVA) ชนิดเดียวกับที่ใช้ทำยางกัดของทารก มาพร้อมโครงสร้างแบบรังนก 3 มิติ มีความยืดหยุ่นแต่ไม่ยวบ ผลิตจากวัสดุปลอดสารพิษระดับ food grade เนื้อเบาะ นุ่มแน่น รองรับสรีระของทารกได้อย่างเหมาะสม อากาศถ่ายเทได้ดี หายใจผ่านได้ มีให้เลือกด้วยกัน 3 ขนาด ทั้ง S, M, L
จุดเด่น
- หายใจผ่านได้ดีเยี่ยม ผ่านการทดสอบจากสถาบันวิจัยประเทศเบลเยี่ยมว่าหายใจได้ “จริง” และดีกว่าเบาะทั่วไปถึง 7 เท่า
- เนื้อเบาะนุ่ม รองรับสรีระที่เปลี่ยนแปลงไปของลูก ได้แก่ ลำคอ ช่วงบ่า รวมถึง น้ำหนักที่มากขึ้นด้วย
- ตัวเบาะสามารถหายใจผ่านได้ ลดความเสี่ยง การขาดอากาศหายใจในทารก ล้างทำความสะอาดง่าย ไม่สะสมไรฝุ่น ลดการเกิดภูมิแพ้
- เนื้อเบาะแน่นไม่ยวบ เหมาะสำหรับการทำ Tummy Time ฝึกกล้ามเนื้อและพัฒนาการ
เบาะนอนที่ดีจะช่วยให้ลูกน้อยของคุณนอนหลับสบาย ปลอดภัย และมีการพัฒนาการที่ดี ดังนั้น การลงทุนซื้อเบาะนอนคุณภาพสูงจึงคุ้มค่าอย่างแน่นอนค่ะ และถ้าหากใครสนใจผลิตภัณฑ์เบาะนอนเด็ก หรือสินค้าแม่ และเด็กอื่นๆ ก็สามารถมาเยี่ยมชมสินค้าหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ BabyGift ร้านจำหน่ายสินค้าแม่และเด็กระดับคุณภาพ มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี คุณพ่อคุณแม่สามารถมาเยี่ยมมสินค้าได้ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ร้านเบบี้กิ๊ฟ ทั้ง 4 สาขา ใกล้บ้าน หรือ สอบถามผ่านช่องทาง Online ทีมงาน BabyGift ยินดีให้คำแนะนำค่ะ
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
เมื่อลูกน้อยของเราเริ่มโตขึ้นและมีอายุ 6 เดือนขึ้นไป นอกจากการให้นมแม่แล้ว คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ คนอาจจะกำลังมองหาอาหารเสริมอื่น ๆ ให้กับเด็ก ๆ เพื่อรับประทานร่วมกับนมแม่ เป็นการเพิ่มคุณค่าทางโภชนการให้ลูกน้อย ให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากขึ้น และยังเป็นการฝึกให้เริ่ม กินอาหารชนิดอื่นนอกจากนมแม่อีกด้วย โดยทั่วไปแล้วเรามักจะคุ้นเคยกับวิธีการเตรียมอาหารบดละเอียดให้ลูก แต่ปัจจุบันมีการกินที่เรียกว่า BLW (Baby-Led Weaning) ที่เป็นการฝึกให้ลูกน้อยของเราได้ช่วยเหลือตัวเองตั้งแต่เล็ก และยังส่งผลดีต่อการพัฒนาการของลูกอีกด้วย BLW คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร ส่งผลดีต่อเด็กอย่างไร และคุณแม่จะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง มาดูกันเลยค่ะ BLW คืออะไร ? ชวนรู้จักวิธีการฝึกลูกน้อยกินข้าวมื้อแรกด้วยตัวเอง ผู้ปกครองหลายคนอาจเกิดความสงสัยว่า BLW คืออะไร ? Baby – Led Weaning หรือ BLW คือการฝึกให้ลูกของเรากินอาหารได้ด้วยตัวเองตั้งแต่มื้อแรก โดยที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องเตรียมอาหารปั่นหรืออาหารบดให้ลูกน้อย แต่เป็นการให้ลูกน้อยใช้มือหยิบจับอาหารนิ่ม ๆ เป็นชิ้นเล็ก ๆ และกินด้วยตัวเอง ให้ลูกได้ฝึกหยิบจับอาหาร ฝึกเคี้ยว และช่วยเหลือตัวเองตั้งแต่เด็ก จะนั่งกินเองหรือนั่งกินไปพร้อมกับคุณพ่อคุณแม่ก็ได้เช่นกัน โดยสามารถฝึกให้ลูกกินแบบนี้ได้ตั้งแต่อายุ 6 […]
เชื่อว่าอาการปวดหลังหรืออาการปวดเมื่อยตามร่างกายนั้น ต้องเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนเคยสัมผัสมาก่อน โดยเฉพาะในผู้ที่ต้องนั่งหรืออยู่ในท่าทางเดิมเป็นเวลานาน ๆ และก็อาจจะมองหาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอย่างเบาะยางพาราและเบาะเมมโมรี่โฟมเพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย เนื่องจากวัสดุดังกล่าวให้ความรู้สึกที่นุ่มสบายและช่วยคลายความปวดได้ แต่ทราบหรือไม่คะว่า ปัจจุบันนี้มีสิ่งที่เรียกว่า Vetagel (เวทาเจล) ซึ่งเป็นวัสดุเจลประเภทหนึ่งที่มีความยืดหยุ่นสูง คืนตัวได้เร็ว และลดแรงกดทับได้ดีกว่ามาก ทั้งยังเป็นที่นิยมในประเทศเกาหลีอีกด้วย vetagel คืออะไร มีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง มีประโยชน์ทางด้านสุขภาพของเราอย่างไร ไปอ่านพร้อม ๆ กันเลยค่ะ Vetagel คือ อะไร ? ชวนรู้จักเจลชนิดพิเศษเพื่อสุขภาพ นำเข้าจากเกาหลีใต้ vetagel คือวัสดุเจลชนิดหนึ่ง เป็นเจลใสสีเขียวชนิดพิเศษ ผลิตขึ้นในประเทศเกาหลีใต้ เนื้อเจลจะมีคุณสมบัติเหนียว แข็งแรง มีความยืดหยุ่นสูงมาก แม้มีแรงกดทับหนัก ๆ ก็ไม่เสียรูปทรงง่าย สามารถกระจายแรงกดทับได้ดีและคืนตัวได้เร็ว เมื่อเรากดลงไปในเนื้อเจล เนื้อเจลจะเด้งดึ๋งคืนตัวทันที (Fast Recovery Property) ทำให้เกิดแรงกดทับได้น้อยมาก ๆ ซึ่งแตกต่างจากวัสดุชนิดอื่น ๆ เช่น เมมโมรี่โฟมหรือยางพาราที่เมื่อเราใช้มือกดลงไป วัสดุจะค่อย ๆ คืนตัวช้า ๆ […]
รถเข็นเด็ก แบบไหน ขึ้นเครื่องบินได้? เมื่อลูกน้อยเข้าสู่วัย 6 เดือน เริ่มมีภูมิคุ้มกันที่มากขึ้น คุณพ่อคุณแม่ก็คงอยากจะพาลูกน้อยออกไปท่องเที่ยว ดูโลกกว้าง หรือพาบินลัดฟ้าไปเยี่ยมคุณปู่คุณย่าที่ต่างจังหวัด รถเข็นเด็ก จึงเป็นตัวช่วยให้การเดินทางของคุณและลูกน้อยสะดวกสบาย แล้วรถเข็นแบบไหนกัน ที่สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ และจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มหรือไม่? Babygift ได้เตรียมคำตอบรอไว้ให้คุณพ่อคุณแม่แล้วค่ะ กฎของการนำ รถเข็นเด็ก ขึ้นเครื่องบินของสายการบิน รถเข็นเด็กจัดเป็นสัมภาระติดตัวชนิดหนึ่ง ที่สามารถนำขึ้นเครื่องบินไปได้ โดยเด็ก/ทารก 1 คน มีสิทธิ์ในการนำรถเข็นขึ้นเครื่องได้ 1 คัน โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ในกรณีที่มีมากกว่า 1 คัน ผู้โดยสารจะต้องซื้อน้ำหนักสัมภาระเพิ่ม โดยที่รถเข็นเด็กที่นำขึ้นเครื่องบินไปด้วยนั้น ไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของขนาดพับเล็ก หรือพับใหญ่ แต่จะต้องเป็นรถเข็นที่พับได้เท่านั้น และจะต้องเป็นรถเข็นที่มีน้ำหนักตามที่สายการบินกำหนด โดยสามารถเช็คได้จากขนาดสัมภาระที่สายการบินอนุญาตให้นำติดตัวขึ้นเครื่องบินได้นั่นเองค่ะ วิธีการนำรถเข็นเด็กติดตัวขึ้นเครื่องบิน หมายเหตุ *แต่ละสายการบินมีนโยบายที่แตกต่างกัน รวมถึงนโยบายของสนามบินปลายทาง รวมถึงสภาพอากาศในวันที่เดินทาง กรุณาตรวจสอบเงื่อนไขกับสายการบินทุกครั้งก่อนวันออกเดินทาง เพื่อความสะดวกสบายสูงสุดของท่าน รถเข็นเด็กแบบ “พับเล็ก” สามารถนำเก็บบนช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะ (Overhead bin) ได้หรือไม่? คำตอบคือ ได้ค่ะ หากรถเข็นเมื่อพับแล้วมีขนาดเล็ก ตามขนาดสัมภาระที่สายการบินกำหนด […]
ถ้าพูดถึงสิ่งที่แม่ๆ เป็นกังวลที่สุดตอนนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นไวรัสโคโรน่า หรือ COVID-19 ซึ่งตอนนี้แพร่ระบาดและคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วทั่วโลกกว่า 4,000 ราย แถมยังดูทีท่าไม่มีจะหยุดเสียด้วย COVID-19 หรือที่เราเรียกกันว่าไวรัสโคโรน่านั้น เป็นเชื้อก่อโรคชนิดหนึ่งที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเลยล่ะค่ะ ความน่ากลัวของมันก็คือ มันจะลอยอยู่ในอากาศ ทำให้สามารถติดต่อกันได้ง่ายมากๆ แค่หายใจเข้าไปก็สามารถติดต่อกันได้แล้ว นอกจากการหายใจ การสัมผัสกันก็ยังถือเป็นการแพร่เชื้อชั้นดี ไม่ต้องพูดถึงเวลาไอหรือจามกันเลย แค่ฟังก็รู้สึกชีวิตอยู่ยากแล้ว และยังจะยิ่งยากเข้าไปใหญ่ถ้ามีอีกหนึ่งชีวิตพ่วงมาด้วย แต่อย่ากลัวไปค่ะ เราจะต้องรอด ขอแค่เปลี่ยนตัวเองเป็นคุณแม่สายคลีนตั้งแต่หัวจรดเท้า แค่นี้ก็อย่าหวังว่าเชื้อโรคจะได้แอ้ม วิธีเอาตัวรอดจากไวรัสโคโรน่าฉบับคุณแม่ต้องไปทำงาน 1.พกหน้ากากติดตัวให้เป็นนิสัย คงไม่ใช่แค่พก แต่ขอให้คุณแม่สวมเอาไว้ค่ะ เพราะการสวมหน้ากากเป็นวิธีป้องกันที่ง่ายและเบสิคที่สุดในตอนนี้แล้ว อย่างที่บอกว่าไวรัสจะลอยอยู่ในอากาศ คุณแม่จะไม่ทราบเลยว่าแต่ละครั้งที่หายใจเข้าไปนั้นจะเอาอะไรเข้าไปบ้าง เพราะฉะนั้น คุณแม่ควรจะใส่หน้ากากตลอดเวลา และควรจะเลือกหน้ากากที่มีความเหมาะสมด้วยนะคะ เพราะหน้ากากบางชนิดก็บางเกินไป ไม่สามารถกันได้นะ 2. ล้างมือทุกชั่วโมง ความจริงเรื่องการล้างมือนี่ถ้าไม่มีไวรัสระบาดก็ควรจะทำให้ติดเป็นนิสัยนะ เหตุผลที่เราควรล้างมือบ่อยๆ เพราะไม่ใช่แค่ไวรัสโคโรน่าเท่านั้นที่ติดต่อผ่านการสัมผัส แต่เชื้อโรคอื่นๆ ก็จะตกค้างอยู่ที่มือเรา ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตาม การล้างมือเป็นประจำจะทำให้มือของเราสะอาด เวลาหยิบจับอาหารอะไรเข้าปากก็หมดห่วง อย่าลืมว่าการล้างมือที่ถูกต้องควรล้างทั้งด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงซอกเล็บด้วยนะคะ 3. พกเจลแอลกอฮอล์ บางทีการเดินตามหาน้ำล้างมือในสถานที่ต่างๆ ก็อาจดูจะเป็นเรื่องยากเกินไปซักนิด ดังนั้นเราจึงมีตัวเลือกใหม่ฉบับพกพาให้คุณแม่สะดวกได้มากขึ้นกว่าเดิม เจลแอลกอฮอล์ที่ดีควรมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ที่ 70-95% […]
สำหรับ Working Women หลายๆ คน การทำงานก็คือการสร้างคุณค่าให้กับตัวเอง และเป็นความสุขในการใช้ชีวิต แต่เมื่อบริบทเปลี่ยนไป มีครอบครัว มีลูกขึ้นมาแล้ว ก็ต้องยอมรับว่าการปรับรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ แล้วถ้าเราขับรถเป็นประจำ พอท้องแล้วยังจะขับรถได้อยู่มั้ย ในบทความนี้ BabyGift จะมานำเสนอเรื่องเกี่ยวกับคนท้องขับรถได้มั้ย และคำแนะนำต่างๆ เพื่อให้คุณแม่อุ่นใจกันมากขึ้นค่ะ คนท้องขับรถได้ไหม ? ชวนคุณแม่ดูคำแนะนำ ข้อควรระวังเพื่อความปลอดภัยก่อนขับรถ ตลอดระยะเวลา 9 เดือนของการตั้งครรภ์ คุณแม่มักจะเผชิญกับคำถามมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ ซึ่งหนึ่งในคำถามที่พบบ่อยคือ “คนท้องขับรถได้ไหม?” คำถามนี้มักสร้างความกังวลให้กับคุณแม่หลายคน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องเดินทางเป็นประจำ การตัดสินใจว่าจะขับรถหรือไม่ในระหว่างตั้งครรภ์นั้นเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของทั้งแม่และลูกน้อยในครรภ์ ดังนั้น การทำความเข้าใจถึงข้อควรระวังและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการตัดสินใจที่เหมาะสมในแต่ละสถานการณ์ เราลองมาดูรายละเอียดกันค่ะ คนท้องขับรถได้ไหม ? โดยทั่วไปหากมีความจำเป็นคนท้องสามารถขับรถได้นะคะ แต่หากเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงดีกว่า โดยไม่ควรขับรถในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ เนื่องจากอาจมีอาการแพ้ท้องกะหันทัน จนไม่สามารถโฟกัสที่การขับขี่ได้ดีเท่าที่ควร (อ่านเคล็ดลับลดอาการแพ้ท้องของคุณแม่เพิ่มเติมได้อีกนะคะ) และในช่วงอายุครรภ์ 7-9 เดือน ควรงดขับรถโดยเด็ดขาด เนื่องจากครรภ์ใหญ่ขึ้น หากเบรกกระทันหันอาจทำให้ท้องกระแทกพวงมาลัยได้ อีกทั้งเป็นช่วงเวลาของการเตรียมตัวคลอด ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยหากจำเป็นต้องขับรถ BabyGift มีคำแนะนำเพื่อความปลอดภัยมาฝากดังนี้ค่ะ คำแนะนำเพิ่มเติมเมื่อคนท้องต้องขับรถ คนท้องขับรถมอไซค์อันตรายไหม […]
เพราะความสวย หุ่นดี เป็นสิ่งที่คู่ควรกับผู้หญิงอย่างเราอยู่เสมอ… การเป็นคุณแม่ นอกจากต้องเสียสละ ความเป็นส่วนตัวไปแล้ว ยังต้องเสียสละการมีหุ่นที่สวยเป๊ะ เหมือนสาววัยแรกแย้มอีก เพราะต้องยอมรับก่อนเลยว่าการตั้งครรภ์นี่หุ่นของคุณแม่จะพังแน่นอน และยิ่งขณะตั้งครรภ์ไม่ดูแลรูปร่างตัวเอง น้ำหนักขึ้นมาเยอะอีกหล่ะก็ไม่ต้องพูดถึง หลังคลอดคุณแม่ต้องมานั่งกลุ้มใจเรื่องหุ่นแน่ๆ แต่สุดท้ายแล้วทุกปัญหามีทางออก ถ้าคุณแม่ให้ลูกกินนมแม่น้ำหนักก็จะลดเร็ว และยิ่งได้อยู่ไฟหลังคลอด ตามคำบอกเล่าโบราณอีก ก็พอทำให้หุ่นคุณแม่กลับมาเป๊ะเหมือนเดิมแน่นอน แถมบางคนยังมีผิวพรรณสดใสกว่าตอนก่อนตั้งครรภ์อีก…งานนี้แม่ๆ อยากจะรู้จักวิธีการอยู่ไฟแล้วใช่ไหม มันดียังไงกันนะ??? “อยู่ไฟ” หลังคลอด คงเป็นคำที่คุณแม่ทั้งหลายครุ่นคิดอยู่ในสมองว่า เราควรจะอยู่ไฟหลังคลอดดีไหม อยู่แล้วดีอย่างไร และควรทำที่ไหน วันนี้เราจะมาไขคำตอบคุณแม่ให้หายสงสัยกัน เพราะร่างกายของคุณแม่หลังคลอดจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแทบจะทุกระบบ ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ไม่ว่าจะเป็นผมร่วง เกิดจากฮอร์โมนในร่างกายลดลงอย่างรวดเร็ว หน้าอกขยายขึ้น เพราะมีการสร้างน้ำนมขึ้นมา ไปจนถึงมดลูกขยายตัวมาก ซึ่งเป็นปัญหาหลักของคุณแม่หลังคลอด การอยู่ไฟ เป็นการฟื้นฟูสุขภาพอีกรูปแบบหนึ่งสำหรับแม่หลังคลอด ซึ่งในสมัยก่อนยังไม่มียาปฏิชีวนะ ไม่มียาหยุดเลือด ไม่มียากระตุ้นน้ำนม การอยู่ไฟสมัยก่อนจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อช่วยฟื้นฟูร่างกายจากความเหนื่อยล้าให้กลับคืนสภาพปกติ แต่ในปัจจุบัน การอยู่ไฟถูกลดบทบาทลง ถ้าไม่อยู่ไฟในปัจจุบัน ถือว่าไม่อันตรายเพราะมียาครบครันกว่าสมัยก่อน ดังนั้นการอยู่ไฟจำเป็นต้องได้รับการปฏิบัติอย่างถูกต้องและเหมาะสม จึงจะช่วยฟื้นฟูสุขภาพหลังคลอดให้กลับคืนสู่สภาวะปกติได้โดยเร็ว ประโยชน์ที่ได้จากการอยู่ไฟ คือร่างกายคุณแม่จะฟื้นตัวเร็ว รูปร่างจะกลับมาดีขึ้น, น้ำหนักตัวลดลง, น้ำนมไหลดีขึ้น, เลือดไหลเวียนดี มีเลือดฝาด, ผิวพรรณผ่องใส, มดลูกเข้าอู่เร็ว, […]






