6 เรื่องที่แม่ตั้งครรภ์ต้องระวัง

เดินทางมาเกินครึ่งทางแล้วขอคารวะให้กับความสตรองของแม่ๆ แต่ยิ่งใกล้วันครบกำหนดคลอดเท่าไหร่กลับยิ่งเครียดหนักกว่าเดิม แถมร่างกายของคุณแม่ช่วงนี้ก็จะเปลี่ยนแปลงแบบเยอะมากๆ คุณแม่บ้านไหนที่กำลังกังวลเรื่องท้องเล็ก ช่วง 6 เดือนนี่แหละค่ะ ที่ท้องของคุณแม่ๆ จะเริ่มใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แถมน้ำหนักก็ยังขึ้นพรวดๆ แบบก้าวกระโดด ช่วงนี้คุณแม่จะหิวเป็นพิเศษ แถมยังต้องทานอาหารเยอะขึ้นกว่าเดิมเพราะลูกน้อยของคุณแม่กำลังช่วยใช้พลังงาน
ตั้งแต่ช่วงนี้เป็นต้นไป คุณแม่อาจจะรู้สึกถึงอาการท้องแข็ง อาการท้องแข็งคือเวลาที่มดลูกของคุณแม่หดตัว ท้องของคุณแม่ก็จะแข็งนูนขึ้นมาค่ะ ซึ่งเป็นเรื่องปกตินะ ถ้าไม่ได้เกิดแบบถี่ๆ ติดต่อกัน และเพราะความเปลี่ยนแปลงเยอะแยะเหล่านี้นี่แหละ ทำให้คุณแม่อาจจะต้องดูแลช่วงครึ่งหลังนี้เป็นพิเศษ เรามาดู 6 เรื่องที่คุณแม่ท้อง 6 เดือนต้องระวังกันค่ะ
1.ความเครียดไม่ใช่เรื่องดี
อันที่จริงเรื่องความเครียดก็เป็นสิ่งที่ต้องระวังตั้งแต่ตั้งครรภ์แรกๆ แล้วเนอะ แต่อย่างที่บอกค่ะ ว่าช่วงนี้คุณแม่จะเปลี่ยนไปค่อนข้างมาก อาจจะทำให้เกิดความเครียดไม่รู้ตัว เช่น คุณแม่บางคนอาจจะเป็นกังวลกับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาของตัวเอง หรือบางคนอาจจะมีอาการปวดชายโครงเพราะท้องที่ใหญ่ขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการเครียดตามมา หากคุณแม่เกิดอาการเครียดมากๆ แล้ว จะส่งผลให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนและสารเคมี ซึ่งเจ้าสารเคมีตัวนี้จะส่งผลโดยตรงกับการเจริญเติบโตของลูกน้อยในครรภ์ค่ะ คุณแม่ที่เครียดมักจะคลอดก่อนกำหนด แถมยังทำให้ลูกมีน้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์อีกด้วย

2.ไม่ใช่เวลาของกิจกรรมผาดโผน
ด้วยขนาดท้องที่ใหญ่ขึ้น การทำกิจกรรมผาดโผนต่างๆ อาจเป็นการเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการกระแทกบริเวณหน้าท้อง ซึ่งเป็นอันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์อย่างยิ่งค่ะ แถมการที่คุณแม่เคลื่อนไหวตัวอย่างรวดเร็วหรือทำอะไรแบบปุปปับ ยังเป็นสาเหตุทำให้มดลูกเกิดการบีบรัดตัว เกิดอาการท้องแข็ง และถ้าเกิดคุณแม่มีอาการท้องแข็งบ่อยๆ เข้าล่ะก็ เสี่ยงคลอดก่อนกำหนดอยู่นะ

3. นอนท่าไหนก็ได้?
ปัญหาที่คุณแม่ต้องพบเมื่อมีอายุครรภ์มากขึ้นคือเรื่องของท่านอนค่ะ นอนท่านี้ก็ปวดหลัง นอนท่านั้นก็หายใจไม่สะดวก แถมยังนอนไม่หลับอีกต่างหาก พอคุณแม่ท้องใหญ่ขึ้น การนอนหงายก็อาจจะไม่โอเคซักเท่าไหร่ เพราะคุณแม่จะรู้สึกเหมือนมีอะไรกดทับตลอดเวลา เพราะงั้นท่านอนที่เราแนะนำคือการนอน “ตะแคงซ้าย” ค่ะ ทำไมต้องตะแคงซ้าย? เพราะว่าหลอดเลือดเส้นสำคัญของเราจะอยู่เยื้องไปทางขวาค่ะ ถ้านอนตะแคงขวา น้ำหนักก็อาจจะไปกดทับเจ้าหลอดเลือดเส้นนี้ ทำให้เลือดไหลเวียนไม่ค่อยสะดวก เพราะฉะนั้นการนอนตะแคงซ้ายจึงเป็นท่าที่ดีที่สุด เพราะจะเป็นการลดการกดทับหลอดเลือด ทำให้ลูกน้อยได้รับออกซิเจนและอาหารได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ คุณแม่อาจจะใช้หมอนรองระหว่างขาทั้งสองข้างเพื่อให้รู้สึกสบายเพิ่มขึ้นด้วยก็ได้นะคะ

4. รองเท้าส้นสูงหรอ…อย่าดีกว่า
คุณแม่บางคนติดใส่รองเท้าส้นสูง แต่เราขอแนะนำว่าช่วงนี้ใส่ส้นเตี้ยจะดีกว่า เพราะว่าการที่ท้องคุณแม่ใหญ่ขึ้นอาจจะทำให้คุณแม่ทรงตัวได้ไม่ดีเท่าเดิม เสี่ยงต่อการล้มเป็นอย่างยิ่งเลย แถมการใส่ส้นสูงยังอาจทำให้คุณแม่เกิดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อขา เผลอๆ อาจลามมาถึงหลัง ดีไม่ดีอาจทำให้เกิดตะคริวอีกต่างหาก

5. อย่าลืมเฝ้าระวังสัญญาณอันตราย
ช่วงนี้คุณแม่ต้องคอยระวังสัญญาณต่างๆ เอาไว้ให้ดีเลยล่ะค่ะ สัญญาณอันตรายที่สำคัญที่สุดคือการมีเลือดออกที่ช่องคลอด การมีเลือดออกที่ช่องคลอดไม่ว่าจะช่วงไหนของการตั้งครรภ์ล้วนไม่ใช่เรื่องดี นอกจากนี้ก็จะเป็นพวกอาการท้องแข็งถี่ มีมูกหรือมูกเลือด มีน้ำไหลออกมาจากช่องคลอด ลูกไม่ดิ้น หรือปวดท้องแบบติดต่อกัน ถ้าพบอาการแบบนี้ โปรดอย่านิ่งดูดายนะคะ รีบไปให้ถึงมือคุณหมอโดยเร็วจะดีที่สุดค่ะ

6. เรากินน้ำตาลมากเกินไปมั้ยนะ?
ช่วงนี้คุณแม่จะรู้สึกหิวมากกว่าเดิม แต่ก็อย่าตามใจปากจนเกินไปนะคะ คุณแม่ท้องจะเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานมากกว่าปกติ ซึ่งหากเราเป็นเบาหวานในช่วงท้องนี้เค้าจะเรียกว่า “เบาหวานระหว่างตั้งครรภ์” ค่ะ ซึ่งไม่ใช่โรคที่ติดตัวเราไปตลอดแต่จะเป็นแค่ช่วงที่เราท้องอยู่ เพราะช่วงที่ท้องเนี่ย ร่างกายเราจะไม่สามารถผลิตอินซูลินออกมาได้เพียงพอ ก็เลยทำให้มีระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงกว่าปกติ ละถ้ายิ่งคุณแม่ทานพวกแป้งหรือน้ำตาลเพิ่มเข้าไปอีก ก็ยิ่งทำให้เสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานค่ะ ซึ่งเจ้าเบาหวานนี้ก็อันตรายอยู่นะ เพราะอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ได้ เช่น คลอดก่อนกำหนด ครรภ์เป็นพิษ ภาวะน้ำตาลในเลือดของทารกต่ำ (เพราะร่างกายของทารกผลิตอินซูลินออกมามากเกินไป) เป็นต้น

สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
วันนี้เรามีประสบการณ์จริง จากประโยชน์ของการใช้คาร์ซีท ที่คุ้มค่ามากเท่าชีวิต คุณปีใหม่ คุณแม่มือใหม่ที่ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับคาร์ซีท ตั้งแต่เธอเมื่อเริ่มตั้งครรภ์ เธอให้ลูกนั่งคาร์ซีทตั้งแต่วันแรกที่ออกจากโรงพยาบาล ช่วงนั้นค่อนข้างมีปัญหากับทางบ้านนิดหน่อย เนื่องจากคุณแม่ของเธอเป็นคนหัวโบราณ ไม่เข้าใจเรื่องคาร์ซีท และคิดว่าจะอุ้มหลานเองน่าจะปลอดภัยอยู่แล้ว เธอจึงต้องอธิบายให้คุณแม่เข้าใจอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่ค่อยเป็นผลเท่าไหร่ จนมาวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เธอเล่าว่า วันนั้นเธอ สามีและน้องบีน่าลูกสาววัยเพียง 2 เดือน กำลังเดินทางกลับจากจังหวัดชลบุรี อยู่บนทางด่วนบูรพาวิถี สามีใช้ความเร็วปกติ เธอนั่งที่เบาะหลัง ส่วนน้องบีน่า นอนหลับปุ๋ยอยู่ในคาร์ซีท เมื่อสามีขับออกมาจากช่องเก็บค่าทางด่วน สังเกตเห็นว่ารถคันหน้าที่ขับอยู่เลนขวา ขับช้าผิดปกติ สามีจึงจะแซงซ้ายขึ้นไป ทันใดนั้นรถคันหน้าก็เปลี่ยนเลนมาทางซ้ายกะทันหัน เลยชนเข้าอย่างแรง เมื่อรู้ตัวอีกทีคุณปีใหม่กระเด็นไปอยู่ที่เบาะหน้า เพราะไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย มีรอยฟกช้ำ ระบมไปทั้งตัว Airbag แตกรอบคัน พอมีสติก็รีบเปิดประตูรถไปดูน้องบีน่าก่อนเลย น้องบีน่ายังหลับปุ๋ยอยู่ในคาร์ซีทเหมือนเดิม ไม่มีร่องรอยบาดเจ็บใดๆ นี่ถ้าอุ้มลูกไว้เองจะเป็นยังไงไม่อยากนึกเลย ตัวเองยังเอาไม่รอด ขอบคุณคาร์ซีทมากๆ ลูกรอดตายเพราะคาร์ซีทจริงๆ หลังจากเหตุการณ์นี้ คุณยายของน้องบีน่าก็เข้าใจประโยชน์ของคาร์ซีทแล้วว่าสำคัญมากเพียงใด ในวันนั้นคาร์ซีทได้ทำหน้าที่ปกป้องชีวิตหลานตัวน้อยเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด และได้นำเรื่องนี้ไปบอกต่อ กับคนรู้จักว่า “หลานฉันรอดมาได้เพราะคาร์ซีทแท้ๆ” คุณปีใหม่ใช้คาร์ซีท Ailebebe ที่ซื้อจากร้าน Baby Gift ซึ่งทางเรามีบริการ รับประกันสินค้า เปลี่ยนคาร์ซีทตัวใหม่ให้ลูกค้า หากเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน ทาง Baby […]
เมื่อเริ่มตังครรภ์ มีเจ้าตัวเล็กเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย คุณแม่ทุกคนก็ต้องตื่นเต้นอยากเจอหน้าลูกและสงสัยว่า พัฒนาการทารกในครรภ์ ไปถึงไหนแล้วใช่ไหมคะ เราจึงนำพัฒนาการของลูกน้อยตลอดเก้าเดือนที่อยู่ในท้องของคุณแม่มาให้ชมกัน เบบี้กิ๊ฟขอแสดงความยินดีกับคุณแม่ทุกท่านด้วยนะคะ ลูกน้อยตัวโตแค่ไหนแล้ว เราลองเทียบกับผลไม้ให้ดูค่ะ พัฒนาการทารกในครรภ์ ที่คุณแม่มือใหม่ต้องรู้ พัฒนาการทารกในครรภ์ เดือนที่ 1 พัฒนาการทารกในครรภ์เดือนที่ 1 คุณแม่ส่วนใหญ่จะรู้ตัวว่าตั้งครรภ์ก็เข้าเดือนที่สองไปแล้ว เพราะว่าในเดือนแรกนี้จะเป็นช่วงที่ไข่กับอสุจิเข้าผสมกัน มีการแบ่งเซลล์แล้วก็ฝังตัวของเอ็มบริโอ ซึ่งในระยะนี้เจ้าหนูน้อยก็จะเล็กจิ๋วมาก ๆ เลยล่ะค่ะ มีขนาดไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตรเท่านั้นเอง ส่วนการพัฒนาหลัก ๆ ก็จะเป็นการพัฒนาในส่วนของรก เพื่อเตรียมพร้อมรอรับสารอาหารจากคุณแม่ พัฒนาการทารกในครรภ์ เดือนที่ 2 พัฒนาการทารกในครรภ์เดือนที่ 2 เดือนนี้แหละที่คุณแม่หลาย ๆ ท่านจะเริ่มรู้ตัว มีอาการแพ้ท้อง แล้วก็ไปหาคุณหมอเพื่อการฝากครรภ์กันแล้ว ในช่วงเดือนนี้ลูกน้อยจะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก ประมาณ 2-3 เซนติเมตร แต่ก็จะยังไม่ได้รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของรูปร่างอะไรมากมาย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการพัฒนาของระบบประสาท เนื้อเยื่อเส้นใยประสาท แล้วก็ไขสันหลัง คุณแม่สามารถทำอัลตราซาวด์เพื่อฟังเสียงหัวใจของลูกน้อยเต้นได้แล้วนะคะ พัฒนาการทารกในครรภ์เดือนที่ 3 ทารกในครรภ์จะมีน้ำหนักประมาณ 28 กรัม และมีความยาวประมาณ 7.6 ซ.ม. แล้วค่ะ […]
Q: ขวดนม อุปกรณ์ปั๊มนม ต้องต้ม หรือนึ่ง ให้ปราศจากเชื้อทุกวัน ? A: การนึ่ง หรือต้มฆ่าเชื้อขวดนมและจุกนมหลังใช้งานทุกวันจะทำให้ขวดนมพลาสติกและจุกนมเสื่อมสภาพเร็วขึ้นกว่าปกติ และไม่ได้ช่วยป้องกันโรคให้ทารกเพิ่มขึ้นมากไปกว่าล้างด้วยน้ำสบู่อุ่น ๆ หรือล้างด้วยน้ำร้อนผสมน้ำยาล้างขวดนมหลังใช้งาน การขยันทำให้ปลอดเชื้อมากเกินไป (over-sterilize) ไม่มีประโยชน์กลับเป็นการสร้างสิ่งแวดล้อมให้เชื้อที่ทนความร้อน และสร้างสปอร์ได้เพิ่มมากขึ้น (เพราะคุณไม่ได้ใช้หม้อความดัน หรือฉายรังสี) และทารกจะอาจได้สารพวกโพลีเมอร์ หรือฟอร์มัลดีไฮด์ปนเปื้อนออกมาจากพลาสติกที่เสื่อมสภาพแทน สมาคมกุมารแพทย์อเมริกัน และ USFDA แนะนำให้ต้มหรือนึ่งฆ่าเชื้อขวดนม และอุปกรณ์ปั๊มนมเฉพาะครั้งแรกที่ใช้งานจากนั้นให้ล้างด้วยน้ำสบู่ หรือน้ำยาล้างขวดนมผสมน้ำอุ่น ทุกครั้งหลังใช้งานก่อนผึ่งให้แห้ง โดยไม่ให้้ใช้ผ้าเช็ด กรณีที่ต้องต้มหรือนึ่งฆ่าเชื้อทุกวันคือช่วงทารกป่วย เช่น ท้องร่วง หรือ เป็นฝ้าขาวในปาก คุณแม่ที่กังวลอาจนึ่งหรือต้ม ทุก 3-4 วัน สำหรับนมชง ทุก 1 สัปดาห์สำหรับนมแม่ทั้งนี้ จะต้องไม่มีการปล่อยให้นมบูดคาขวด (ถ้านมบูดคาขวดต้องต้มหรือนึ่งฆ่าเชื้อใหม่เสมอ) อย่างไรก็ตามไม่มีกฎตายตัว หากบ้านมีสภาพแวดล้อมที่ไม่สะอาด อยู่ใกล้แหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค อาจพิจารณาต้มหรือนึ่งให้บ่อยขึ้น สำหรับประเทศไทยที่มีภูมิอากาศร้อนชื้นมีโรคเขตร้อนที่เป็นโรคทางเดินอาหารมาก และประชากรมีสุขอนามัยไม่แน่นอน กุมารแพทย์ไทยหลายท่านอาจแนะนำให้คุณแม่ต้มหรือนึ่งขวดนมทุกวัน และกรณีที่ห้องครัวมีความสกปรกอับชื้นท่อน้ำไม่สะอาด หรือมีกระบะทรายแมวในห้องครัว (ซึ่งไม่ควรมี) คุณแม่อาจเลี่ยงไปตากขวดนม และจุกนมที่อื่นที่มีอากาศถ่ายเทคุณแม่ที่ปั๊มนมห้ามใช้สบู่เหลวในห้องน้ำที่ทำงานล้างขวดนม หรือ […]
รีวิวลูกค้าที่น่ารักจาก Baby Gift Showroom นะคะ…^^ …วันนี้คุณแม่อารมณ์ดีจร้า อากาศเย็นสบายลูกชายก็อารมณ์ดี ไม่งอแง ให้กินก็กิน ให้นอนก็นอน คุณแม่เลยได้พักผ่อนนอนกลางวันอย่างเต็มอิ่ม หลับยาวๆไป พออารมณ์ดี แล้วอากาศก็ดี แดดอ่อนๆ ตอนเย็นๆ ก็เลยคิดว่าจะพาลูกออกมาเดินเล่นสักหน่อย แม่ลูกจะไปยังไงกันอะหรอ ถ้าอุ้มเดินไปคงไมไหว คุณแม่มีตัวช่วยที่ดีที่จะพาลูกออกไปเที่ยวนอกได้อย่างสบายๆ แอ่น แอน แอ๊น !!!! รถเข็นเด็ก Aprica รุ่นใหม่ล่าสุดจร้า รุ่น Optia เพิ่งไปถอยมาไม่กี่วันนี้เอง บอกเลยชอบมาก ใช้ทุกวันคร้า เข็นเดินเล่นในบ้านบ้าง ออกนอกบ้านบ้าง ไปช้อปปิ้งก็สบาย ก็เพราะคุณสมบัติที่สุดยอดไปเลย คุณสมบัติแบบ Double เลิศเล่อเพอร์เฟคที่สุด ไหนๆก็ต้องออกมาเดินเล่น ก็ขอรีวิวซ่ะหน่อยน๊า!!! ก่อนจะซื้อรถเข็นเด็กก็เลือกแล้วเลือกอีก ดูหลายๆยี่ห้อ มีทั้งราคาแพงเว่อวัง แต่คุณสมบัติก็ไม่ได้มีอะไรมาก ส่วนไอ้ที่ราคาถูกๆก็เหมือนจะพังง่าย และก็เข็นน่าลำบากเหลือเกิน โยกไปโยกมาทั้งคัน ลูกนั่งคงเวียนหัวแย่!!! แต่กับรถเข็นเด็ก Aprica รุ่นใหม่ล่าสุด รุ่น Optia ลองเข็นพื้นเรียบก็เข็นง่าย แต่พอลองเข็นกับสนมหญ้าแล้ว ว้าวเลยค่ะ […]
เมื่อลูกน้อยของเราเริ่มโตขึ้นและมีอายุ 6 เดือนขึ้นไป นอกจากการให้นมแม่แล้ว คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ คนอาจจะกำลังมองหาอาหารเสริมอื่น ๆ ให้กับเด็ก ๆ เพื่อรับประทานร่วมกับนมแม่ เป็นการเพิ่มคุณค่าทางโภชนการให้ลูกน้อย ให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากขึ้น และยังเป็นการฝึกให้เริ่ม กินอาหารชนิดอื่นนอกจากนมแม่อีกด้วย โดยทั่วไปแล้วเรามักจะคุ้นเคยกับวิธีการเตรียมอาหารบดละเอียดให้ลูก แต่ปัจจุบันมีการกินที่เรียกว่า BLW (Baby-Led Weaning) ที่เป็นการฝึกให้ลูกน้อยของเราได้ช่วยเหลือตัวเองตั้งแต่เล็ก และยังส่งผลดีต่อการพัฒนาการของลูกอีกด้วย BLW คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร ส่งผลดีต่อเด็กอย่างไร และคุณแม่จะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง มาดูกันเลยค่ะ BLW คืออะไร ? ชวนรู้จักวิธีการฝึกลูกน้อยกินข้าวมื้อแรกด้วยตัวเอง ผู้ปกครองหลายคนอาจเกิดความสงสัยว่า BLW คืออะไร ? Baby – Led Weaning หรือ BLW คือการฝึกให้ลูกของเรากินอาหารได้ด้วยตัวเองตั้งแต่มื้อแรก โดยที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องเตรียมอาหารปั่นหรืออาหารบดให้ลูกน้อย แต่เป็นการให้ลูกน้อยใช้มือหยิบจับอาหารนิ่ม ๆ เป็นชิ้นเล็ก ๆ และกินด้วยตัวเอง ให้ลูกได้ฝึกหยิบจับอาหาร ฝึกเคี้ยว และช่วยเหลือตัวเองตั้งแต่เด็ก จะนั่งกินเองหรือนั่งกินไปพร้อมกับคุณพ่อคุณแม่ก็ได้เช่นกัน โดยสามารถฝึกให้ลูกกินแบบนี้ได้ตั้งแต่อายุ 6 […]
หมอเด็กเค้าเลือกคาร์ซีทแบบไหนให้ลูกตัวเอง….อยากรู้ต้องคลิ๊ก ก่อนซื้อคาร์ซีทให้ลูก ถ้าไปอ่านหนังสือ ก็จะรู้ว่าคาร์ซีท (carseat) มี 4 แบบ (ซึ่งเอาเข้าจริงรู้จริงๆ ตอนมีลูก 55555 ก่อนนั้นรู้แต่ทฤษฎี) คือ แน่นอนในตลาด มี option มากมายไว้หลอกลวงพ่อแม่ขาช้อป 5555 ทั้งแบบตระกร้าที่ยกเข้าออกได้เลย หรือ ประกอบลง stroller (รถเข็น) ได้เลย…. เอาที่สบายใจ 555 เอาหลักในการเลือกของพ่อหมอเลยแล้วกัน 555 ไม่ว่าอะไรก็ตาม เน้นใช้ได้ยาวๆ เป็นหลัก แน่นอน convertible เป็นแบบที่เลือกแบบไม่ต้องคิดเลย เพราะใช้ได้นานดี อย่างน้อยๆ ก็สามสี่ปี อีแบบตระกร้าเนี่ยใช้ได้ปีเดียวก็ต้องเปลี่ยนละ ไม่ไหว พ่อไม่ค่อยมีตังค์ (ต้องเอาไปซื้อของไร้สาระอื่นๆ อีก 55555) ยังๆ ยังไม่จบ เลือกชนิดแล้ว ต้องมาเลือก options อีก ตัวเลือกเรามีดังนี้ เน้นหลัก 3 ข้อในการใช้คาร์ซีท carseat โดย […]

ร้านสินค้าแม่และเด็กที่คัดสรรนวัตกรรมของใช้แม่และเด็กที่มี
คุณภาพให้คำปรึกษาและบริการ อย่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อช่วยให้การเลี้ยงลูกเป็นเรื่องง่าย ปลอดภัย และมีความสุข
Online Shopping
สาขา ปิ่นเกล้า ราชพฤกษ์
สาขา Mega บางนา
สาขา Central World
สาขา BTS วงเวียนใหญ่ (Outlet)
Copyright 2024 © Baby Gift (Retail) Co., Ltd.