14 วิธีรับมือลูกแรกเกิด
เตรียมตัวรับมือให้พร้อมกับการเป็นคุณแม่อย่างเต็มตัว กับ 14 วิธีรับมือลูกแรกเกิด
- วางแผนล่วงหน้า : ใครจะเป็นคนตื่นกลางดึกมาดูแลถ้าลูกตื่นร้องไห้
พ่อแม่รู้สึกอย่างไรเวลาลูกร้องไห้มากๆอยากกินนมตลอดเวลา จะยอมเสริมนมผงไหม หรือ ถ้ารู้ว่าลูกได้นมเพียงพอแล้ว จะใจแข็งไม่เสริมแต่ใช้วิธีอื่นๆ ทำให้ลูกสงบแทน จะได้ไม่มาถกเถียงกัน หรือ ขัดแย้งกันภายหลัง ถ้ามีการวางแผนที่ดี การรับมือจะง่ายขึ้นโดยไม่เครียดมาก - ถ้าเป็นไปได้ เลื่อนแผนงานเมกะโปรเจกท์อื่นๆออกไปก่อน : จนกว่าลูกจะอายุครบขวบ
เพื่อลดความเครียดจากการต้องทำงานที่ยิ่งใหญ่สองงานพร้อมๆกัน - วางแผนตารางชีวิตประจำวันตั้งแต่ลูกยังไม่คลอด เมื่อถึงเวลาจริงจะได้ไม่ฉุกละหุก : ในหนึ่งวันมีงานอะไรต้องทำบ้าง
วันไหนที่อยากจะออกไปเที่ยวกันสองต่อสอง และถ้าเป็นไปได้ ก็วางแผนยาวล่วงหน้า 18 ปีไว้เลย - ยืดหยุ่นและประยุกต์ให้เข้ากับสถานการณ์ : อย่าเชื่อตามตัวอักษรในตำราเป๊ะๆ
เด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน ให้สังเกตลูกแล้วปรับตัวให้เข้ากับครอบครัวตัวเอง - จดบันทึก : ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้จดข้อมูล การกิน การนอน การร้องไห้ของลูก อย่างต่อเนื่อง
จะช่วยให้มองเห็นแบบแผนลักษณะประจำตัวของลูกได้เร็ว และ ใช้เป็นข้อมูลส่งต่อให้คนอื่นที่มาช่วยดูแลลูกแทนเวลาพ่อแม่ไม่อยู่ ทำให้การดูแลง่ายขึ้น - จัดลำดับความสำคัญ : จดรายการสิ่งสำคัญที่ต้องทำ
การดูว่าอะไรที่เป็นสิ่งสำคัญ หมายถึง ถ้าไม่ทำสิ่งนั้น จะส่งผลต่อสุขภาพ ความปลอดภัย ความเป็นปกติสุขของครอบครัว ส่วนงานอื่นๆ ถ้าไม่มีเวลาทำ และไม่มีปัญหาด้านค่าใช้จ่าย ก็ควรใช้บริการรับจ้าง เช่น ทำสวน ซักเสื้อผ้า ทำกับข้าว เป็นต้น - ผูกปิ่นโต : โดยเลือกร้านที่สะอาด ปลอดภัย มึคุณภาพดี รสชาติอร่อย และมีหลากหลาย
จะช่วยแบ่งเบาภาระเวลาในการจ่ายตลาด เวลาในคิดรายการอาหาร เวลาในการปรุงอาหารและเก็บกวาดครัว แต่ถ้าไม่มีร้านอาหารในอุดมคติ หรือ มีงบประมาณจำกัด ให้เตรียมทำอาหารครั้งละมากๆ เก็บใส่ตู้เย็นไว้ แล้วเอาออกมาอุ่นกินได้หลายๆมื้อ - อย่าลืมกอดกันบ่อยๆ : เวลาเหนื่อยๆ การได้กอดคนที่เรารัก จะช่วยให้หายเหนื่อยได้
- หาเพื่อนหัวอกเดียวกันออนไลน์ : แต่ต้องกลั่นกรองเรื่องข้อมูลข่าวสาร เพราะอาจทำให้เครียดมากขึ้น ถ้าหมกมุ่นมากเกินไป
- ระวังเรื่องการเปรียบเทียบกับลูกคนอื่น : ทำไมตัวเล็กกว่า ทำไมยังไม่อ้อแอ้
ถ้ามีอะไรสงสัยให้ถามคุณหมอประจำตัว อย่าเก็บความคิดไว้คนเดียว จะทำให้เครียดโดยไม่จำเป็น - การได้หัวเราะเป็นยาวิเศษ : ไปหาซิทคอม หนังตลก มาดูเวลาที่ต้องนั่งให้นมนานๆ หรือ เวลาต้องอุ้มลูกนานๆ
- ถ้าลูกนอน ควรนอนด้วย : เพราะถ้าแม่อดนอนจะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้าหลังคลอด
ถ้าพ่อหรือแม่คนหนึ่งตื่น อีกคนหนึ่งควรจะนอนหลับ เพื่อที่จะได้ผลัดกันพักผ่อน และผลัดกันเข้ากะหรือเข้าเวรดูแลลูก - อย่าทำตัวเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ : คุณแม่ไม่ควรทำทุกอย่างคนเดียวตั้งแต่การเปลี่ยนผ้าอ้อม ไปจนถึงการทำนัดกับคุณหมอเด็ก
เพราะถ้าคุณเหนื่อยล้าเกินไป จะไม่เป็นการดีสำหรับตัวคุณ และ ลูก คุณพ่อผู้มีประสบการณ์เล่าว่า ขวบปีแรกของลูกผ่านไปได้อย่างไม่ลำบากนักเ เพราะมีพี่เลี้ยงจากศูนย์มาช่วยดูลูกในบางคืนต่อสัปดาห์ หรือ บางคนอาจให้ญาติผู้ใหญ่ หรือ เพื่อนบ้านที่ไว้ใจช่วย - ออกกำลังกายวันละนิด จิตแจ่มใส : ไม่มีเวลาไปยิม ก็เลี้ยงลูกไปด้วย ออกกำลังกายไปด้วย
เช่น เอาลูกใส่เป้อุ้มแล้วเดินสายพาน ขมิบกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานขณะทำอาหาร แขม่วกล้ามเนื้อหน้าท้องขณะนั่งให้นมลูก จ๊อกกิ้งไปด้วยเข็นรถลูกไปด้วย เป็นต้น
ขอบคุณบทความดีๆ จาก คุณหมอ สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
Renolux บริษัทผู้ผลิตสินค้าเพื่อแม่และเด็ก มานานกว่า 40 ปี สัญชาติฝรั่งเศส ก่อตั้งขึ้นในเมือง Nord-Isère ใกล้กับเมือง Lyon เป็นผู้นำนวัตกรรมด้านความปลอดภัยของเด็ก โดยเฉพาะในด้านการผลิตคาร์ซีท จนในปัจจุบันมีการพัฒนากระบวนการผลิตโฟมโพลียูรีเทนแบบพิเศษ ที่เป็นเอกสิทธ์เฉพาะของบริษัท ทำให้จากความเชี่ยวชาญและความรู้ที่สั่งสมมาช่วยให้เราสามารถคิดสร้างสรรค์และควบคุมแต่ละขั้นตอนของการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลเด็กของเราทุกขั้นตอนภายในไซต์ 17,000 ตารางเมตรที่ตั้งอยู่ใน Nord-Isère ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันความรู้ทางอุตสาหกรรมของ Renolux ช่วยให้เราเชี่ยวชาญในเทคนิคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เทคนิคพอลิเมอไรเซชันผ่านกระบวนการจดสิทธิบัตรของเรา (โฟมโพลียูรีเทน) งานโลหะ (การเจาะการตัดการรัดการเชื่อม) สิ่งทอ (การเคลือบการตัดการทำ) และการประกอบในที่สุด มุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกวัน เพราะฉะนั้น การใช้ผลิตภัณฑ์ของ Renolux จะไม่ใช่แค่ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กทั่วไปเท่านั้น แต่ยังได้ความเชี่ยวชาญมากกว่า 40 ปี ในการให้บริการผลิตภัณฑ์ดูแลเด็กที่มีคุณภาพของ Renolux คาร์ซีท Renolux Renofix คาร์ซีทเด็กโตที่สามารถใช้ได้ตั้งแต่เด็กน้ำหนัก 15 – 36 KG. […]
โยคะ ช่วยอะไรคุณแม่ได้บ้าง ชวนคุณแม่เริ่มฝึก 3 ท่าโยคะง่ายๆ ท่านอน ท่าไหว้พระอาทิตย์ ท่าภูเขา คุณแม่คววรู้หลังทำโยคะคุณแม่ไม่ควรอาบน้ำ หรือทานอาหารทันที ควรพัก 30–60นาที เพื่อให้ร่างกายช่วงหลังคลอดมีโอกาสปรับตัว เมื่อคุณแม่แข็งแรงดีแล้ว ค่อยเปลี่ยนจากการทำโยคะมาออกกำลังกายแบบแอโรบิก ขอบคุณข้อมูลจาก : Morther&care
ลูกไม่ยอมกินข้าว เป็นปัญหาที่พบเป็นประจำของหลาย ๆ บ้านเลยนะคะ สำหรับเรื่องการกินข้าวยากของลูกน้อย โดยเฉพาะคุณหนูวัย 1 ปีขึ้นไป ที่เริ่มเดินได้คล่อง เริ่มวิ่งได้บ้าง พอถึงเวลากินข้าวเมื่อไหร่ ก็ทำให้คุณพ่อคุณแม่หนักใจไม่น้อยเลย ทั้งกินข้าวน้อย อมข้าว ห่วงเล่นจนใช้เวลานานเกินไปสำหรับอาหาร 1 มื้อ แต่ปัญหาการกินของลูกรับมือได้ไม่ยากเลยค่ะ เพียงแต่ต้องให้เวลา ให้ความเข้าใจ และต้องใจแข็งนิดหน่อย คุณพ่อคุณแม่ก็จะช่วยให้ลูกมีวินัยในการกินมากขึ้นได้ มาลองฝึกลูกน้อยไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ ฝึกให้ลูกทานข้าวเป็นเวลา ให้คุณแม่ทำข้อตกลงกับลูกว่า เข็มนาฬิกาชี้เลขนี้ เวลานี้ คือเวลาทานอาหาร ลูกควรจะหยุดเล่น แล้วมาทานข้าวด้วยกัน หลังทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วลูกค่อยกลับไปเล่นต่อ หรือ จะบอกลูกว่าเวลานี้ต้องทานอาหาร ลูกคือคนสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่อยากทานข้าวด้วย เราต้องทานพร้อมกัน เพื่อฝึกให้ลูกรู้จักเวลาของมื้ออาหาร และรู้ว่าทุก ๆ คนในบ้านก็ทำเหมือนกัน สร้างบรรยากาศการทานอาหารให้ลูก การทานอาหารร่วมกันก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สร้างวินัยการทานอาหารให้ลูกได้ พ่อ แม่ ลูก ร่วมโต๊ะทานอาหารด้วยกัน ไม่ปล่อยให้ลูกทานคนเดียว หรือ แยกโต๊ะลูกออกไป ก็จะช่วยสร้างบรรยากาศการทานอาหารให้ลูก ให้ลูกรู้สึกว่าเขาเป็นคนสำคัญในบ้าน เป็นเหมือนผู้ใหญที่ได้นั่งโต๊ะกินข้าวด้วยกัน ฝึกให้ลูกนั่งเก้าอี้ทานข้าวสำหรับเด็ก คุณพ่อคุณแม่ห้ามตามป้อนข้าว […]
ด้วยนวัตกรรมที่ถูกวิจัยและคิดค้นโดยกุมารแพทย์จากญี่ปุ่น จึงทำให้มี 10 คุณสมบัติพิเศษ จากรถเข็นเด็ก Aprica นี้ ที่ช่วยให้คุณแม่มั่นใจได้ ว่าลูกน้อยปลอดภัยตลอดการเดินทางแน่นอนค่ะ Sofa Cushion ที่สุดของความนุ่มสบายด้วยนวัตกรรมใหม่ ยกโซฟามาไว้ในรถเข็นเด็ก ช่วยรองรับแรงกระแทก เข็นได้กับทุกพื้นผิวให้ลูกน้อยเพลดเพลินนุ่มสบายในทุกการเดินทาง Double Shock ลดแรงสั่นสะเทือนได้ถึง 40% ด้วยระบบรองรับแรงกระแทกได้ถึง 2 จุด ใต้ที่นั่ง และที่ล้อ Ergonomic Design ที่รองรับการเจริญเติบโต 3 ช่วงวัย ได้อย่างลงตัว Multi-Shockless โครงสร้างแบบลดรอยต่อ โครงสร้างของรถเข็นเด็กถูกเชื่อมต่อส่วนต่างๆเป็นชิ้นเดียวกัน จึงช่วยเพิ่มความแข็งแรงและลดการสั่นสะเทือนได้ดี แม้ผ่านการใช้งานที่ยาวนาน Double Thermo System ลดความอับชื้นแบบ Double ลูกน้อยรู้สึกปลอดโปร่ง สบายตัวช่วยปรับอุณหภูมิในร่างกายให้เหมาะสมด้วยฉนวนกับความร้อนพิเศษ ช่วยสะท้อนความร้อนจากพื้นพร้อมช่องระบายอากาศที่ด้านหลัง ช่วยระบายความร้อนได้ดี ลดความร้อนสะสมบริเวณหลังของลูกน้อย ให้ความรู้สึกสบายตัว เบาะรองนอนทรงนาฬิกาทราย เหมาะกับสรีระของลูกน้อยวัยแรกเกิด เพราะเด็กทารกจะนอนในท่ากางแขนกางขา เบาะรองนอนทรง WM สามารถรับสรีระได้อย่างเหมาะสม ช่วยให้เคลื่อนไหวขยับแขนขาได้อย่างเป้นธรรมชาติ High Seat […]
การนับอายุครรภ์คือหนึ่งในเรื่องที่สร้างความสับสนให้คุณแม่มือใหม่หลายคน และมักจะถูกถามบ่อย ๆ ว่า “ตอนนี้ท้องกี่เดือนแล้ว?” “อายุครรภ์เท่าไหร่?” ซึ่งบางครั้งคุณแม่เองก็อาจจะยังไม่แน่ใจนัก การทราบอายุครรภ์ที่แม่นยำจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะไม่ใช่แค่เพื่อตอบคำถาม แต่ยังเพื่อความปลอดภัยและพัฒนาการที่ดีของลูกน้อยในครรภ์นั่นเอง วันนี้ BabyGift จะพาคุณแม่มาไขข้อสงสัยและเรียนรู้วิธีการนับอายุครรภ์ให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำที่สุดกัน การนับอายุครรภ์สำคัญอย่างไร การนับอายุครรภ์ที่ถูกต้องและแม่นยำมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดูแลสุขภาพทั้งของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ เพราะจะช่วยให้แพทย์สามารถประเมินพัฒนาการของทารกได้อย่างเหมาะสมในแต่ละสัปดาห์ รวมถึงวางแผนการตรวจครรภ์และติดตามความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดการตั้งครรภ์ ซึ่งจะนำไปสู่การดูแลที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพสูงสุด ประโยชน์ของการนับอายุครรภ์ การนับอายุครรภ์มีประโยชน์หลายอย่างที่คุณแม่ควรรู้ ประการแรกคือช่วยให้แพทย์ประเมินพัฒนาการของทารกในครรภ์ได้ตรงตามช่วงอายุจริง เช่น ขนาดของทารก หรือการเต้นของหัวใจ ประการที่สองคือช่วยกำหนดวันคลอดที่คาดการณ์ไว้ (EDC) ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการเตรียมความพร้อมเรื่องของใช้ต่าง ๆ เช่น ของเตรียมคลอด ของใช้ลูกแรกเกิด อุปกรณ์แม่และเด็กมีอะไรบ้าง หรือการวางแผนการลาคลอด ประการที่สามคือใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจทางการแพทย์ เช่น การให้ยา หรือการทำหัตถการต่าง ๆ อย่างปลอดภัย 6 วิธีนับอายุครรภ์ที่ทำได้ด้วยตัวเอง การนับอายุครรภ์ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด คุณแม่สามารถเริ่มต้นคำนวณได้ด้วยตัวเองหลากหลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีก็มีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป 1. นับอายุครรภ์ที่นับตามวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้าย วิธีนี้เป็นวิธีพื้นฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับคุณแม่ที่จำวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้ายได้แม่นยำ โดยสูตินรีแพทย์จะเริ่มนับอายุครรภ์จากวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้ายที่มา (LMP) และใช้เป็นจุดเริ่มต้นของการตั้งครรภ์ ซึ่งปกติแล้วการตั้งครรภ์จะครบกำหนดที่ 40 สัปดาห์ หรือ 280 วัน นับจากวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้าย และสามารถนำไปคำนวณวันคลอดที่คาดไว้ได้อย่างแม่นยำ […]






