ไขข้อข้องใจ การอยู่ไฟ – ไม่อยู่ไฟ คุณแม่หลังคลอด ช่วยให้หุ่นคุณแม่กลับมาเป๊ะเร็วขึ้น

เพราะความสวย หุ่นดี เป็นสิ่งที่คู่ควรกับผู้หญิงอย่างเราอยู่เสมอ… การเป็นคุณแม่ นอกจากต้องเสียสละ ความเป็นส่วนตัวไปแล้ว ยังต้องเสียสละการมีหุ่นที่สวยเป๊ะ เหมือนสาววัยแรกแย้มอีก เพราะต้องยอมรับก่อนเลยว่าการตั้งครรภ์นี่หุ่นของคุณแม่จะพังแน่นอน และยิ่งขณะตั้งครรภ์ไม่ดูแลรูปร่างตัวเอง น้ำหนักขึ้นมาเยอะอีกหล่ะก็ไม่ต้องพูดถึง หลังคลอดคุณแม่ต้องมานั่งกลุ้มใจเรื่องหุ่นแน่ๆ แต่สุดท้ายแล้วทุกปัญหามีทางออก ถ้าคุณแม่ให้ลูกกินนมแม่น้ำหนักก็จะลดเร็ว และยิ่งได้อยู่ไฟหลังคลอด ตามคำบอกเล่าโบราณอีก ก็พอทำให้หุ่นคุณแม่กลับมาเป๊ะเหมือนเดิมแน่นอน แถมบางคนยังมีผิวพรรณสดใสกว่าตอนก่อนตั้งครรภ์อีก…งานนี้แม่ๆ อยากจะรู้จักวิธีการอยู่ไฟแล้วใช่ไหม มันดียังไงกันนะ???
“อยู่ไฟ” หลังคลอด คงเป็นคำที่คุณแม่ทั้งหลายครุ่นคิดอยู่ในสมองว่า เราควรจะอยู่ไฟหลังคลอดดีไหม อยู่แล้วดีอย่างไร และควรทำที่ไหน วันนี้เราจะมาไขคำตอบคุณแม่ให้หายสงสัยกัน

เพราะร่างกายของคุณแม่หลังคลอดจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแทบจะทุกระบบ ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ไม่ว่าจะเป็นผมร่วง เกิดจากฮอร์โมนในร่างกายลดลงอย่างรวดเร็ว หน้าอกขยายขึ้น เพราะมีการสร้างน้ำนมขึ้นมา ไปจนถึงมดลูกขยายตัวมาก ซึ่งเป็นปัญหาหลักของคุณแม่หลังคลอด
การอยู่ไฟ เป็นการฟื้นฟูสุขภาพอีกรูปแบบหนึ่งสำหรับแม่หลังคลอด ซึ่งในสมัยก่อนยังไม่มียาปฏิชีวนะ ไม่มียาหยุดเลือด ไม่มียากระตุ้นน้ำนม การอยู่ไฟสมัยก่อนจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อช่วยฟื้นฟูร่างกายจากความเหนื่อยล้าให้กลับคืนสภาพปกติ แต่ในปัจจุบัน การอยู่ไฟถูกลดบทบาทลง ถ้าไม่อยู่ไฟในปัจจุบัน ถือว่าไม่อันตรายเพราะมียาครบครันกว่าสมัยก่อน ดังนั้นการอยู่ไฟจำเป็นต้องได้รับการปฏิบัติอย่างถูกต้องและเหมาะสม จึงจะช่วยฟื้นฟูสุขภาพหลังคลอดให้กลับคืนสู่สภาวะปกติได้โดยเร็ว
ประโยชน์ที่ได้จากการอยู่ไฟ คือร่างกายคุณแม่จะฟื้นตัวเร็ว รูปร่างจะกลับมาดีขึ้น, น้ำหนักตัวลดลง, น้ำนมไหลดีขึ้น, เลือดไหลเวียนดี มีเลือดฝาด, ผิวพรรณผ่องใส, มดลูกเข้าอู่เร็ว, ร่างกายแข็งแรง ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรค, แก้ปวดเมื่อย ปวดเอว กระชับกล้ามเนื้อ แค่นี้ก็พบข้อดีของการอยู่ไฟกันไปแล้ว พอให้คุณแม่ได้มีพื้นที่ความสวยหุ่นเป๊ะอยู่บ้าง แต่ควรจะทำกันเวลาไหน ตอนไหนหล่ะ ที่นี่มีคำตอบ
สำหรับคุณแม่ที่คลอดธรรมชาติควรเว้นระยะให้แผลหายก่อนคือ 7-10 วันและ สำหรับคุณแม่ผ่าคลอดควรเว้นระยะ อย่างน้อย 1 เดือน ถึง 1 เดือนครึ่ง เพื่อให้มั่นใจว่าไม่เกิดการอักเสบติดเชื้อของแผลผ่าคลอด

การอยู่ไฟหลังคลอด มีหลากหลายวิธี ดังนี้
- การนวดเข้าตะเกียบ ช่วยให้สะโพกที่ขยายเข้าที่เร็วขึ้น กระชับขึ้น
- การทับหม้อเกลือ ซึ่งจะช่วยให้การขับน้ำคาวปลา และลดการปวดบริเวณมดลูก ให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้น น้ำคาวปลาเดินดีขึ้น
- การอบสมุนไพร จะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย น้ำนมไหลดีขึ้น เพราะความร้อนจะไปกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
- การอาบน้ำสมุนไพร ช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ และช่วยผ่อนคลาย
- การนั่งถ่าน จะเป็นการใช้ควันสมุนไพรรมบริเวณช่องคลอด ช่วยให้แผลแห้ง แผลปิดเร็ว ช่วยกระชับช่องคลอด ซึ่งในปัจจุบันจะมีไฟส่อง สำหรับอบแผลบริเวณช่องคลอด สามารถใช้ทดแทนการนั่งถ่านได้
ข้อห้ามสำหรับการอยู่ไฟ
- ไม่ทำในกรณีคุณแม่ยังตกเลือดอยู่
- ไม่ทำในกรณีคุณแม่มีไข้ ไม่สบาย
- ไม่ทำในกรณีคุณแม่อ่อนเพลีย มีความดันไม่ปกติ
- ไม่จำเป็นต้องพาลูกเข้าไปอยู่ไฟด้วย

ส่วนคุณแม่คนไหนไม่มีเวลา ไม่สะดวกอยู่ไฟก็ไม่ต้องกังวล เพราะปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์ มีความเจริญก้าวหน้าไปไกลมาก คุณแม่ที่ไม่มีเวลาอยู่ไฟหลังคลอด ก็สามารถหาสมุนไพร และผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปรับความสมดุลของร่างกาย มารับประทาน เป็นตัวอย่างอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้คุณแม่มีทางเลือกและประหยัดเวลามากขึ้น งานนี้ไม่ว่าคุณแม่จะเจอปัญหาสุขภาพหลังคลอดมาหนักแค่ไหน ก็มีสมุนไพรหลากหลายชนิดที่ถูกนำมาสกัดเป็นยาบำรุงร่างกายสำหรับคุณแม่หลังคลอดโดยเฉพาะ จึงสังเกตเห็นได้ว่า คุณแม่ยุคใหม่นี้ เริ่มอยู่ไฟลดน้อยลง
งานนี้รับรองว่าจะช่วยไขข้อสงสัยคุณแม่กันได้แล้วว่า จะอยู่ไฟหลังคลอดดีไหม หรือจะเลือกกินสมุนไพรบำรุงร่างกายดี ก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกและความพึงพอใจของแต่ละบ้าน…แต่ไม่ว่าวิธีไหนก็ควรทำให้ถูกวิธี เชื่อว่าคุณแม่ทั้งหลายจะกลับมายิ้มรับหุ่นใหม่ได้อีกครั้งแน่นอน
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
การมีน้ำนมให้ลูกน้อยกินอย่างเพียงพอเป็นความปรารถนาของคุณแม่ทุกคน แต่การให้นมจากเต้าอย่างเดียวอาจไม่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของแม่ยุคใหม่ การปั๊มนมแม่จึงกลายเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ลูกได้กินนมแม่แม้คุณแม่ไม่อยู่ใกล้ ๆ วันนี้ BabyGift จะมาแชร์เทคนิคการปั๊มนมแม่ให้ถูกวิธีและเกลี้ยงเต้า ที่จะช่วยให้คุณแม่มือใหม่มีน้ำนมเก็บสำรองอย่างมั่นใจ ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป การปั๊มนมคืออะไร การปั๊มนมแม่ คือการนำน้ำนมออกจากเต้าเพื่อเก็บสำรองไว้ให้ลูกน้อยสำหรับมื้อต่อไป โดยสามารถใช้มือบีบหรือใช้เครื่องปั๊มนมเป็นตัวช่วยก็ได้ การปั๊มนมเป็นวิธีที่ช่วยให้คุณแม่สามารถจัดการเวลาได้อย่างยืดหยุ่น โดยไม่ต้องให้นมจากเต้าลูกน้อยตลอดเวลา และยังช่วยให้คนในครอบครัวสามารถช่วยป้อนนมได้ในยามที่แม่ไม่สะดวกอีกด้วย การปั๊มนมกับคุณแม่สำคัญอย่างไร การปั๊มนมแม่ มีความสำคัญอย่างยิ่งทั้งต่อตัวคุณแม่และลูกน้อย สำหรับลูก การได้รับน้ำนมแม่อย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญต่อพัฒนาการและระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง ส่วนคุณแม่เองก็จะได้ประโยชน์จากการปั๊มนมโดยตรง เช่น การป้องกันเต้านมคัดตึง การรักษาระดับน้ำนมให้คงที่และเพียงพอต่อความต้องการของลูกน้อย อีกทั้งยังช่วยให้คุณแม่ประหยัดเวลา ไม่ต้องกังวลว่าลูกจะหิว คุณแม่ควรเริ่มปั๊มนมตอนไหน ระยะเวลาในการเริ่มการปั๊มนมแม่ ขึ้นอยู่กับความพร้อมและความต้องการของคุณแม่แต่ละคน คุณแม่บางคนอาจเริ่มปั๊มนมทันทีหลังคลอดเพื่อกระตุ้นน้ำนม ในขณะที่บางคนอาจรอให้ผ่านไป 2-3 สัปดาห์ หรือเริ่มเมื่อใกล้ถึงเวลาที่ต้องกลับไปทำงาน ทั้งนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการที่คุณแม่มีน้ำนมเพียงพอสำหรับลูกน้อย ซึ่งควรเริ่มฝึกการปั๊มนมแม่ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อให้ร่างกายปรับตัวและสร้างน้ำนมได้อย่างต่อเนื่อง 7 เทคนิคการปั๊มนมที่คุณแม่เตรียมคลอดควรรู้ การเรียนรู้เทคนิคการปั๊มนมแม่ตั้งแต่ก่อนคลอดจะช่วยให้คุณแม่มือใหม่มีความมั่นใจและพร้อมรับมือกับการให้นมลูกได้ดียิ่งขึ้น 1. ปั๊มนมทันทีภายใน 1 ชั่วโมงหลังคลอด หลังคลอดทันทีถือเป็นช่วงเวลาทองในการเริ่มต้นการปั๊มนมแม่ หากลูกน้อยยังไม่สามารถเข้าเต้าได้ คุณแม่ควรเริ่มปั๊มภายใน 1 ชั่วโมงหลังคลอด หรือช้าที่สุดไม่ควรเกิน 6 ชั่วโมง การปั๊มนมแม่ในช่วงนี้จะช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำนมและทำให้ร่างกายเรียนรู้ที่จะผลิตน้ำนมออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ […]
หลังจากที่ได้เห็นข่าวที่เกี่ยวกับลูกน้อย วัยกำลังเริ่มแสบซน เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนเกี่ยวกับรถที่ผู้ปกครองขับ ไม่ว่าเค้าจะชนเรา หรือเราจะชนอะไรก็ตาม มีความเสี่ยงไปหมดดดดดด คาร์ซีท หรือเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็ก เป็นวิธีที่ดีที่สุดเพื่อความปลอดภัยในการเดินทางของเด็ก โดยเฉพาะเด็กเล็กและทารก เพราะคาร์ซีทช่วยลดความเสี่ยงการเสียชีวิตและการบาดเจ็บร้ายแรงอื่น ๆ จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ ความเสี่ยงในที่นี้ คือ เจ้าตัวน้อยของเราสามารถกระเด็น พุ่งหลุดออกจากอ้อมอกอ้อมกอดเราได้ทุกเมื่อ เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ทุกเวลา ต่อให้ระวังแค่ไหนก็เกิดขึ้นได้ หากเด็กไม่ได้อยู่ในระบบยึดเหนี่ยวภายในรถอย่างเหมาะสมและเหตุนี้หลากหลายประเทศถึงมีกฎหมายออกมาเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ที่เดินทางโดยใช้รถ จำเป็นต้องติดตั้งคาร์ซีท ก่อนจะได้ออกจากโรงพยาบาล อ้อมกอดของคุณจะปลอดภัยไปทุกครั้ง เพราะเด็กน้อย จำเป็นต้องมีคาร์ซีท การเลือกคาร์ซีทให้ลูกน้อย มีมาฝากเพียง 5 ข้อ คือ 1. มาตรฐานความปลอดภัย2. เข็มขัดนิรภัย 5 จุด3. ความใหม่ของผลิตภัณฑ์4. ราคา5. ความเหมาะสมกับรถยนต์ อย่างไรก็ตาม ความสำคัญของคาร์ซีทก็มีมากมาย หากไปดูหลายๆ เคสหรือหลายๆ ข่าว ก็จะมีให้เราผู้เป็นพ่อเป็นแม่เห็น ครั้งต่อไปจะมาเล่าเรื่องฝึกการนั่งคาร์ซีทให้กับลูกน้อยให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ได้ลองศึกษาดูนะคะ ขอขอบคุณบทความจาก : monkeykids
การฝึกเด็กทารกให้นั่งมีผลต่อพัฒนาการของเด็กน้อยค่ะ แต่ว่าจะให้เด็กเริ่มหัดใช้เก้าอี้หัดนั่ง ใช้ตอนกี่เดือนดี จะฝึกเด็กน้อยของเราให้นั่งยังไง จะเริ่มให้เด็กหัดนั่งตอนไหนถึงจะดี ในบทความนี้ BabyGift มีเคล็ดไม่ลับมาฝากคุณพ่อคุณแม่กันค่ะ เด็กหัดนั่งกี่เดือนถึงจะดี ? แนะนำเคล็ดลับพร้อมตอบคำถาม และแนะนำยี่ห้อเก้าอี้เด็กน่าใช้ ! เก้าอี้หัดนั่งเป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเด็กทารกฝึกนั่งอย่างปลอดภัย มีโครงสร้างที่มั่นคง และปลอดภัย ช่วยพยุงตัวเด็ก ใช้วัสดุที่นุ่มสบาย มีสายรัดนิรภัยเพื่อความปลอดภัย ซึ่งบางรุ่นก็ออกแบบมาให้มีถาดวางของด้านหน้าให้ด้วย เก้าอี้หัดนั่งจะช่วยให้เด็กได้ฝึกทรงตัว ฝึกกล้ามเนื้อ เตรียมความพร้อมสำหรับการนั่งด้วยตัวเอง สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับการหัดนั่งจะเป็นยังไงบ้างนั้น ตามมาเรียนรู้เพิ่มเติมไปพร้อมๆ กันค่ะ พัฒนาการของเด็ก ก่อนจะไปดูว่าเก้าอี้หัดนั่ง ใช้ตอนกี่เดือน เราลองมาทำความรู้จักกับตัวอย่างพัฒนาการของเด็กกันก่อนดีกว่าค่ะ ซึ่งพัฒนาการของเด็กแต่ละคนอาจแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่างๆ ซึ่งถ้ามีข้อสงสัย หรือกังวลเกี่ยวกับพัฒนาการของเด็ก ควรปรึกษากับแพทย์นะคะ สำหรับผู้ปกครองที่สนใจเรื่องพัฒนาการของเด็กในด้านต่างๆ อีก ลองอ่านเพิ่มเติมได้อีกนะคะ BabyGift เคยเขียนไว้ในเว็บไซต์แล้วค่ะ เก้าอี้หัดนั่ง ใช้ตอนกี่เดือน ? โดยทั่วไป เด็กจะพร้อมหัดนั่งเมื่ออายุประมาณ 6-8 เดือน ซึ่งในช่วงนี้ กล้ามเนื้อคอและหลังของเด็กจะแข็งแรงพอที่จะรองรับการนั่งได้ดีขึ้นค่ะ แต่ถึงแม้ว่าพัฒนาการของเด็กในช่วง 4-6 เดือนนั้น จะเริ่มควบคุมศีรษะได้ดี และอาจเริ่มพลิกตัวได้แล้ว ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการนั่ง แต่ก็ยังไม่ใช่ช่วงที่เหมาะสมที่สุดในการฝึกนั่ง ซึ่งการเริ่มฝึกหัดนั่งในเด็กอายุ 6-8 เดือนนั้น […]
คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหา โรงเรียนอนุบาลในฝัน ที่เหมาะสมให้กับลูกน้อยอยู่ เราเลยมีตัวเลือกโรงเรียนต่าง ๆ ที่อยู่ในกรุงเทพและปริมณฑลมาฝากกัน หลักสูตรจะน่าสนใจแค่ไหน และโดนใจคุณแม่กันบ้างหรือเปล่า มาดูกันเลยค่ะ โรงเรียนอนุบาลในฝัน มีที่ไหนที่น่าสนใจบ้าง มาดูกันเลย 1. โรงเรียนรุ่งอรุณ โรงเรียนตั้งอยู่บนพื้นที่สีเขียวประมาณ 50 ไร่ โดดเด่นด้านให้นักเรียนเรียนรู้อย่างเป็นองค์รวม เน้นความเป็นธรรมชาติเป็นพื้นฐาน เพื่อพัฒนาเด็ก ๆ ในแบบองค์รวมทั้งกาย ใจ สติปัญญา และสังคม เน้นลงมือทำจนเข้าถึงคุณค่าที่แท้จริงของทุกสิ่งที่เรียนรู้ สามารถนำความรู้มาประยุกต์ใช้อย่างสร้างสรรค์ มีจินตนาการ และโรงเรียนนี้ยังไม่มียูนิฟอร์ม เด็ก ๆ สามารถแต่งกายไปเรียนได้ตามความเหมาะสม ยกเว้นในวันกิจกรรมต่าง ๆ โรงเรียนรุ่งอรุณ เริ่มรับเข้าเรียน : ภาคเรียนที่ 2 เปิดเรียน เดือนกันยายน – ธันวาคม และภาคเรียนที่ 3 เปิดเรียน เดือนมกราคม – เมษายน ข้อมูลติดต่อ : https://www.roong-aroon.ac.th เบอร์โทรศัพท์ : 0 2870 7512 […]
ผ้าฆ่าเชื้อ AG Pure เป็นนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นเพื่อส่งเสริมความสะอาดและสุขอนามัยที่ดีสำหรับเด็กทารกและเด็กเล็ก ที่มีภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง ผ้าชนิดนี้จึงถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์เด็กหลายประเภท โดยเฉพาะในผ้าหุ้มคาร์ซีทแบรนด์ Ailebebe ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ผ้า AG Pure ในคาร์ซีทฆ่าเชื้อโรคได้จริงไหม ปลอดภัยสำหรับผิวบอบบางของทารกหรือไม่ มาทำความรู้จักกันเลยค่ะ AG Pure คืออะไร ? ผ้าฆ่าเชื้อแบคทีเรียปลอดภัยต่อทารกไหม ? AG Pure คือผ้าฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ที่จดสิทธิบัตรโดย Ailebebe มีคุณสมบัติพิเศษในการฆ่าเชื้อด้วยเส้นใย Agreza® ซึ่งพัฒนาขึ้นโดยสถาบัน Toyobo STC Co., Ltd. จากประทศญี่ปุ่น โดยมีการผสมซิลเวอร์ไอออน ทำให้สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ถึง 99% ผ้าชนิดนี้ได้รับการทดสอบความปลอดภัยจากสถาบัน Boken Quality Efracing Organization และผ่านมาตรฐาน EN71-3 ของยุโรป ซึ่งเป็นมาตรฐานสำหรับของเล่นเด็ก ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัยต่อผิวหนังของทารกและเด็กเล็ก แม้ในกรณีที่เด็กเอาเข้าปากก็ไม่มีอันตราย กลไกการฆ่าเชื้อของเส้นใย Agreza® ด้วยพลัง Silver ion กลไกการฆ่าแบคทีเรียจะใช้ […]
นมแม่ คืออาหารมหัศจรรย์ของลูกน้อย อุดมด้วยสารอาหารมากกว่า 200 ชนิด ที่ครบถ้วนและเหมาะสมที่สุดสำหรับลูกน้อย ซึ่งคุณค่าสารอาหารในนมแม่ สำคัญที่สุดต่อการช่วยส่งเสริมพัฒนาการลูกทุกด้าน ได้แก่ อุ่นนมแม่ให้ถูก ลูกได้คุณค่าเต็มที่ เมื่อรู้ว่านมแม่มีคุณค่ามหาศาลอย่างนี้แล้ว คุณแม่ต้องให้ลูกน้อยกินนมแม่ให้นานที่สุด เพื่อให้ลูกได้รับคุณค่าน้ำนมให้มากที่สุด ด้วยการทำสต๊อกนมแม่เก็บไว้ให้ลูก และให้ความสำคัญกับการอุ่นนมแม่ที่แช่แข็งหรือทำสต๊อกไว้มาให้ลูกกินด้วย เพราะหากอุ่นนมแม่ไม่ถูกวิธี อาจทำให้ลูกเจ็บป่วยท้องเสีย แถมยังสูญเสียสารอาหารที่มีคุณค่าในนมแม่ไป เราจึงขอแนะนำวิธีการอุ่นนมที่ถูกต้อง เพื่อให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารที่ดีที่สุดมาฝากกันค่ะ วิธี อุ่นนมแม่ จากช่องแช่แข็ง ปัจจุบันมีเครื่องอุ่นนม ที่ช่วยอำนวยความสะดวกคุณแม่ในการละลายนมแม่แช่แข็ง ซึ่งมีการทำงานที่หลากหลายทั้งอุ่นนม ละลายน้ำแข็ง อุ่นอาหาร และฆ่าเชื้อได้ โดยคุณแม่ควรพิจารณาเลือกซื้อที่มีมาตรฐานความปลอดภัย สามารถเลือกปรับอุณหภูมิได้ตามความเหมาะสม เพื่อรักษาคุณค่าของนมแม่ไว้ให้ครบถ้วน ข้อควรระวัง เรื่องเข้าใจผิดของการ อุ่นนมแม่ ทำเสียคุณค่าน้ำนม ข้อมูลเพิ่มเติม :https://www.si.mahidol.ac.th/th/division/HpH/admin/news_files/718_49_1.pdf, FB: สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ,https://www.phyathai.com/https://library.thaibf.com/ (คลังข้อมูล มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย)