วิธีเลือก เป้อุ้มทารก

รวมสุดยอดวิธี เลือกเป้อุ้มทารก
เพราะเป้อุ้มเด็ก เป็นเครื่องทุ่นแรงที่สำคัญยิ่งสำหรับคุณแม่ ที่เรียกได้ว่าคืออุปกรณ์คู่กายคู่ใจที่พาคุณแม่และลูกน้อยไปทำกิจวัตรด้วยกันได้เสมอ เป้อุ้มลูกนี้จึงเป็นหนึ่งในสิ่งอำนวยความสะดวกประจำบ้านที่กำลังเลี้ยงลูกอ่อน ยิ่งเป็นครอบครัวเล็กที่คุณแม่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียวไม่มีคนมาช่วยเลี้ยงลูก ในช่วงเวลาที่คุณพ่อไปทำงานนอกบ้าน ยิ่งถือเป็นของใช้ที่จะช่วยให้คุณแม่ทำงานและกิจกรรมอื่นๆได้ พร้อมเลี้ยงลูกได้แบบเบ็ดเสร็จ
ซึ่งในยุคสมัยที่การหาเงินได้ฝืดเคือง และข้าวของใช้ราคาสูงเช่นนี้ การเลือกซื้อเป้อุ้มลูกทั้งที เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่จะต้องพิจารณาอย่างถ้วนถี่ และเลือกใช้ให้คุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่าย แต่จะรู้ได้อย่างไร? ว่าเป้อุ้มเด็กแบบไหนดี ทนทานปลอดภัย ใช้งานได้นานจนลูกโต ลองมาอ่านเทคนิคดีๆ เหล่านี้กันเลย
1 ตอบโจทย์การใช้งาน การเลี้ยงลูกของครอบครัว
นั่นคือการเลือกให้ตรงกับสไตล์การเลี้ยงลูกของครอบครัว การทำงานของคุณพ่อคุณแม่และการเดินทางของคนในบ้าน ซึ่งต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ได้แก่
ขนาดของครอบครัวและคนช่วยเลี้ยงลูก เพราะหากเป็นครอบครัวเล็ก คุณแม่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียว คุณพ่อไปทำงาน จำเป็นต้องใช้เป้อุ้มลูก สำหรับเวลาทำงานบ้าน ทำธุระหรือจำเป็นต้องออกไปซื้อของนอกบ้าน แม้แต่เป็นครอบครัวใหญ่ อาจจะได้ใช้เวลาคุณแม่ต้องทำธุระ ผลัดกันใช้เวลาเดินทางไปข้างนอก
สิ่งของที่ใช้กับลูก เวลาที่ต้องพาลูกออกนอกบ้าน เพราะหากคุณพ่อคุณแม่มีข้าวของเครื่องใช้ที่ไม่ต้องพกไปมาก การใช้เป้อุ้มเด็กก็จะทำให้สะดวก พ่อแม่ถือของใช้ และซื้อของได้สบาย ไม่ต้องใช้มืออุ้มหรือเข็นลูก หรือหากเวลาไปไหนที่ต้องใช้พื้นที่จำกัดการใช้เป้อุ้มเด็กก็จะไม่ต้องเปลืองพื้นที่เพราะพับเก็บได้ พกพาง่ายกว่ารถเข็น
การเดินทางของครอบครัว หมายถึงสังเกตการใช้ชีวิตของครอบครัวว่า ต้องออกไปต่างจังหวัด หรือไปเยี่ยมญาติบ่อยหรือเปล่า ใช้เวลาพาลูกออกนอกบ้านนานแค่ไหน หากต้องไปที่ไหนไม่นานนัก การใช้เป้อุ้มเด็กจะมีความคล่องตัวสะดวกกว่ารถเข็น แต่หากต้องใช้เวลาเดินหรือยืน เดินทางนานเป็นชั่วโมง อาจเลือกใช้รถเข็นจะดีกว่า
พาหนะของบ้านที่ใช้ในการเดินทาง รถที่บ้านเล็ก-ใหญ่แค่ไหน หากเป็นรถที่มีขนาดไม่ใหญ่ การใช้รถเข็นเด็กบางรุ่นหรือรุ่นที่พับไม่ได้ มีขนาดใหญ่ อาจจะไม่สะดวกเท่าใช้เป้อุ้มเด็ก รวมถึงหากต้องเดินทางด้วยรถสาธารณะก็ควรใช้เป้อุ้มเด็ก เพราะจะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่เดินทางได้คล่องตัวรวดเร็ว
ราคาเหมาะสม เลือกเป้อุ้มเด็กที่มีราคาเหมาะสมกับฐานะครอบครัว และจะดีมากหากใช้ได้ยาวนานและรักษาสภาพให้ดีจนสามารถขายต่อมือสอง หรือส่งต่อให้ญาติพี่น้องที่มีลูกต่อไปได้
2 คุณสมบัติรองรับน้ำหนักได้ดี มีวัสดุปลอดภัย
ควรเลือกซื้อเป้อุ้มเด็กที่มีคุณสมบัติรองรับน้ำหนักลูกได้ดี ดูคำแนะนำว่าใช้ได้สำหรับเด็กน้ำหนักเท่าไร? ใช้ได้จนถึงลูกอายุโตแค่ไหน ควรมีเนื้อผ้าหรือวัสดุที่นุ่ม เนื้อผ้าบริเวณที่ต้องสัมผัสกับใบหน้าของลูกน้อย เบาะรองนั่งและหลัง ควรมีผิวสัมผัสที่นุ่ม ไม่บาดผิว หากผลิตจากเส้นใยธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้าย Organic ใช้สีธรรมชาติ 100% ก็จะยิ่งมั่นใจได้ว่าปลอดภัยต่อลูกน้อย เหมาะกับลูกเบบี๋ทารกที่ผิวบอบบางแพ้ง่าย

3 ต้องได้มาตรฐาน ออกแบบตรงสรีรศาสตร์ ดีต่อสุขภาพแม่และลูก
คุณแม่ต้องเลือกเป้อุ้มเด็ก ที่มีการออกแบบตรงสรีรศาสตร์ คำนึงถึงสุขภาพที่ดีทั้งต่อคุณแม่และลูกน้อย เพื่อป้องกันอาการปวดหลัง ปวดแขนของคุณแม่ และป้องกันลูกขาโก่ง หรือโรคข้อสะโพกแคลื่อนหลุดในเด็ก คือเป้ควรจะช่วยกระจายน้ำหนักไปยังบริเวณบ่า และมีแถบคาดเอวที่หนาพิเศษ ช่วยพยุงหลัง ลดอาการปวดเมื่อย
หากเป็นเป้ที่ใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิด ควรมีการออกแบบฐานที่นั่งของลูกให้กว้าง เพื่อรองรับท่านั่งที่ถูกต้องของลูกน้อยได้ตั้งแต่วัยแรกเกิดจนโตขึ้น รองรับการเคลื่อนไหวของช่วงข้อต่อสะโพก และขา ป้องกันปัญหากระดูกข้อต่อเคลื่อนที่ ให้ลูกได้นั่งในท่าที่สบายแกว่งขาได้ในท่าที่เป็นธรรมชาติ ไม่กดทับบริเวณขาและแขน รวมถึงหากมี Head Support จะยิ่งดีเพราะจะช่วยประคองศีรษะลูกและคอไปได้พร้อมกัน
4 ความคุ้มค่า ทนทาน ใช้ได้ยาวนานจนลูกโต
ควรเลือกซื้อเป้อุ้มลูกที่ปรับการใช้งานได้หลายระดับ มีขนาดที่พอเหมาะ กว้างพอให้ลูกน้อยและคุณแม่ปรับใช้ให้ลูกได้จนอายุประมาณ 3 ขวบ หรือในบางแบบเป้อุ้มเด็กสามารถใช้ได้จนลูกอายุ 4-5 ขวบ เป้อุ้มต้องมีความทนทาน วัสดุเหนียวแน่น คงทน มีอายุการใช้งานยาวนาน ยิ่งมีส่วนเสริมสำหรับลูกน้อยแรกเกิด หรือ New Born Support คุณแม่ก็จะสามารถใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิด โดยไม่ต้องซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่ม เมื่อลูกโตขึ้นก็เพียงปรับขนาดของตัวเป้ให้เหมาะสมกับช่วงอายุของลูก
ในเป้อุ้มลูกบางรุ่น ยังมีการออกแบบให้มีซิปหรือตัวปลดล็อกเข็มขัดแบบไร้เสียง Noiseless Waist Belt หรือ Noiseless Zipper เพื่อให้เวลาที่ลูกหลับ คุณแม่สามารถปลดล็อกแล้วอุ้มลูกลงนอนได้ โดยไม่มีเสียงดังจนทำให้ลูกตื่นอีกด้วย
5 ลูกใส่สบาย แม่ใส่ง่าย ปรับได้หลายแบบ
เลือกเป้อุ้มลูกทั้งที ต้องเป็นเป้ที่ลูกใส่สบาย หันหน้าออกได้ทั้งหน้า-หลัง ควรเป็นเป้ที่ปรับได้หลายรูปแบบ คุณแม่อุ้มด้านหน้าบ้าง หรืออาจสะพายเป็นเป้ด้านหลังก็ได้ สามารถปรับการอุ้มได้หลายแบบหลายท่า เช่น เป็นเป้อุ้มหรือหิ้วลูกได้ (Baby Carrier) เป็นที่นั่งอุ้มเด็ก (Hipseat) หรือชุดที่นั่งอุ้มเด็กได้ (Hipseat Carrier) เพราะมีอุปกรณ์ที่นั่งเสริมสำหรับเด็ก เบาะบริเวณหน้าท้องและหลังควรมีความหนา เพราะจะช่วยทำให้กระจายน้ำหนักได้ดีกว่า ลดอาการปวดเมื่อยจากการอุ้มเป็นเวลานาน ทำให้คุณแม่อุ้มลูกได้สบายขึ้น
นอกจากนี้ควรเป็นเป้อุ้มลูกที่คุณแม่ใส่ง่ายและถอดง่าย ไม่ต้องใช้เวลายุ่งยากหลากขั้นตอน แต่เมื่อใส่แล้วต้องหลุดหรือเลื่อนยาก เพื่อความปลอดภัยของลูกรัก

6 กระชับ ระบายอากาศได้ดี
เป้อุ้มลูกที่ดีต้องมีความกระชับพอดีตัว สำหรับทั้งคุณแม่และลูกน้อย สามารถอุ้มลูกทารกเบบี๋แรกเกิดได้กระชับ มั่นคงปลอดภัย ช่วยพยุงไม่ให้ลูกหลังงอ ด้วยการพยุง ประคองศีรษะ คอ หัวไหล่ หลังและเอว อีกคุณสมบัติคือควรเป็นผ้าที่นิ่ม หรือเป็นผ้าตาข่าย ที่ช่วยระบายอากาศได้ดี นอกจากนี้เป้อุ้มเด็กหลายรุ่นหลายยี่ห้อ ยังเลือกใช้วัสดุที่สามารถช่วยป้องกันแสงแดด และละอองฝนได้ด้วย
7 พกพาง่าย ทำความสะอาดสะดวก
สุดท้ายคือแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่เลือกเป้อุ้มลูกที่ม้วนหรือพับเก็บได้ง่าย พกพาได้สะดวก มีน้ำหนักเบา ขนาดกะทัดรัดไม่เทอะทะ เพื่อการหยิบใช้ได้แสนง่ายในทุกการเดินทาง และคุณแม่ต้องอย่าลืมเลือกเป้ที่สามารถถอดซักทำความสะอาดได้ง่าย ไม่ให้มีเชื้อโรคสะสมเพื่อสุขอนามัยที่ดีของลูกน้อย
สนใจเลือกซื้อเป้อุ้มเด็ก สามารถเข้ามา ลองเป้อุ้มเด็กด้วยตัวคุณเองได้ที่ BabyGift ทั้ง 6 สาขา ใกล้บ้านคุณ
ยินดีให้คำแนะนำ พร้อมสาธิตการใช้งานเป้อุ้มเด็กอย่างถูกวิธี
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
เมื่อลูกน้อยอายุประมาณ 5 เดือนขึ้นไป ฟันซี่แรกก็จะเริ่มขึ้น ฟันจะค่อย ๆ ดันเหงือกขึ้นมา ทำให้ลูกเริ่มมีอาการคันเหงือก เจ็บเหงือก ลูกเลยชอบที่จะหยิบของเล่นเข้าปากเพื่อกัดเล่น เคี้ยวเล่น ให้ผ่อนคลายอาการคันเหงือกนี้ แต่เพื่อความสะอาด เพื่อความปลอดภัยกับเหงือกและฟันซี่แรกของลูกน้อย คุณพ่อคุณแม่จึงมักจะมองหายางกัดมาให้ลูกน้อยได้กัดเล่น แต่ยางกัดเด็ก ไม่ใช่อะไรก็ได้นะคะ คุณพ่อคุณแม่ต้องมั่นใจด้วยว่า วัสดุไร้สารเคมี นุ่มอ่อนโยนสำหรับเด็ก รูปทรงไม่เป็นอันตราย และไม่ทำให้เหงือกและฟันของลูกน้อยบาดเจ็บ แล้วแบบนี้จะเลือกยางกัดเด็กอย่างไรดี เด็กแรกเกิดใช้ยางกัดได้ไหม เรามีคำตอบมาให้ในบทความนี้ค่ะ ยางกัดเด็ก ลดคันเหงือก แบบไหนดี ? ลูกควรใช้ได้ตอนอายุเท่าไหร่ สามารถเริ่มเล่นยางกัดได้ตั้งแต่อายุ 3 เดือน ขึ้นไป เนื่องจากยางกัดเด็กสามารถเป็นของเล่นเสริมพัฒนาการได้ หรือ เมื่อลูกอายุประมาณ 5 เดือน ให้คุณพ่อคุณแม่ลองสังเกตอาการลูก ว่ามักจะหยิบของเล่นทุกอย่างมากัดเล่นหรือเปล่า พอกัดไม่ได้เนื่องจากของเล่นนั้นแข็งเกินไป ระคายช่องปาก ก็จะทำให้ลูกร้องไห้งอแง เริ่มมีน้ำลายไหลมากขึ้นด้วย อาการเหล่านี้บ่งบอกว่าลูกอยากหาอะไรกัดเคี้ยวเล่นเพื่อบรรเทาอาการคันเหงือก ก็สามารถเริ่มใช้ยางกัดเด็กได้แล้วค่ะ ยางกัดเด็กมีกี่ประเภท พร้อมวิธีการเลือกยางกัดที่พ่อแม่ต้องรู้ ! 1. ยางกัดเด็กแบบซิลิโคน ยางกัดเด็กแบบซิลิโคน จะผลิตจากซิลิโคนฟู้ดส์เกรด BPA Free100% […]
คาร์ซีท Ailebebe รุ่น Swingmoon Seriesคาร์ซีทสำหรับเด็กเริ่มเข้าวัยเรียนรู้ ช่วงวัย 1 – 7 ปี หรือน้ำหนัก 9 – 25 kg. ที่ให้ความสบายและปลอดภัยสูงสุด(คาร์ซีท Ailebebe รุ่น Swing Moon Premium S Natural ,รุ่น Swing Moon STD) คาร์ซีทสำหรับเด็กวัย 1 – 7 ปี ปรับใช้งานได้ 2 รูปแบบตามช่วงวัย– Child Style ช่วงวัย 1-4 ปี ใช้เข็มขัดนิรภัยรถยนต์ล็อคตัวคาร์ซีท และเข็มขัดนิรภัยคาร์ซีทล็อคตัวลูกน้อยเพื่อความปลอดภัย– Junior Style ช่วงวัย 3-7 ปี ใช้เข็มขัดนิรภัยรถยนต์ล็อคตัวลูกน้อยเพื่อความปลอดภัยได้เลย เพราะด้วยน้ำหนักเด็กที่มากพอที่จะช่วยกดทับคาร์ซีทให้อยู่อย่างมั่นคงได้ เทคนิคการเลือกคาร์ซีท :ควรเลือกที่เหมาะกับน้ำหนักตัว และอายุของลูกน้อย อย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อประกอบการตัดสินใจก็ได้ เพราะเด็กบางคนอายุมากแต่น้ำหนักตัวน้อย ในขณะที่บางคนอายุน้อยแต่สูงและน้ำหนักตัวมากค่ะ ปรับเอนนอนได้ […]
เป็นเรื่องธรรมดาค่ะ ที่เมื่อรู้ตัวว่าตั้งครรภ์แล้วคุณแม่จะรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับอาหารการกิน ก็เพราะทุกอย่างที่คุณแม่ทานเข้าไปจะมีผลต่อลูกน้อยในท้องโดยตรงนี่เนอะ ของบางอย่างที่คุณแม่ทานเป็นปกติทุกวันอาจจะไม่ได้ปลอดภัยอีกต่อไป ส่วนของบางอย่างที่เจอทีไรก็ต้องเบ้ปากอาจจะมีประโยชน์มากกว่าก็ได้ อาหารการกินนั้นเป็นเรื่องสำคัญเพราะจะมีผลต่อน้ำหนักและความครบถ้วนสมบูรณ์ของร่างกาย รวมถึงสมองของลูกน้อย แต่เราควรจะเลือกรับประทานอาหารแบบไหนดีล่ะ แล้วขนาดไหนถึงจะเรียกว่าพอดี ลองมาดูกัน! 1. โฟเลตโฟเลตหรือกรดโฟลิกเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับคุณแม่มาก ๆ เลยล่ะค่ะ โดยปกติแล้วสาว ๆ บ้านไหนที่เตรียมตัวจะเป็นคุณแม่ คุณหมอก็จะแนะนำให้ซื้อโฟเลตมาทานเพื่อเตรียมตัวไว้ตั้งแต่ยังไม่ท้องเลย เพราะเจ้าตัวโฟเลตนี้เป็นสารอาหารสำคัญที่ร่างกายจะนำมาใช้ในการสร้างระบบประสาท เซลล์สมอง และไขสันหลังของทารกในครรภ์ ถ้ารับสารอาหารตัวนี้เข้าไปไม่เพียงพอแล้วล่ะก็ อาจจะส่งผลให้ทารกมีความพิการทางสมองได้ค่ะ ส่วนคุณแม่บ้านไหนที่ไม่ได้เตรียมตัวตั้งแต่ก่อนท้องก็ไม่ต้องกลัวนะ ยังไงคุณหมอก็จะสั่งโฟเลตให้ทานทุกวันเพื่อบำรุงอยู่แล้ว บำรุงตอนท้องก็ไม่ได้สายเกินไปค่ะ อีกอย่างอาหารหลาย ๆ อย่างที่เรารับประทานกันในชีวิตประจำวันก็มีโฟเลตอยู่บ้างค่ะ ไม่ว่าจะเป็น ผักใบเขียวเข้มอย่างคะน้า ไข่แดง ตับ ฟักทอง แครอท ฯลฯ ที่สำคัญคือคุณแม่ควรจะทานโฟเลตให้ได้วันละ 400-800 ไมโครกรัมกันนะคะ 2. เนื้อสัตว์ต่าง ๆส่วนใหญ่แล้วเนื้อสัตว์ที่มีประโยชน์สำหรับคนท้องจะเป็นจำพวกเนื้อแดงอย่าง “เนื้อวัว” เพราะว่าอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ช่วยเรื่องโลหิตจางของคุณแม่ได้ แล้วก็เป็นสารอาหารที่สำคัญต่อทารกเช่นกัน แต่เนื้อวัวที่คุณแม่ทานควรจะเป็นแบบไร้มัน หรือมันน้อยที่สุดนะคะ เพราะการที่คุณแม่ทานมันเข้าไปมาก ๆ ก็อาจทำให้คลื่นไส้หรือท้องอืดได้นะ เนื้อไก่นี่ก็เป็นอะไรที่แนะนำ เพราะมีโปรตีนสูงและจะช่วยเรื่องน้ำหนักของลูกน้อยด้วยค่ะ ส่วนเนื้อสัตว์ที่คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงในช่วงนี้ก่อนก็เป็นพวกอาหารทะเล เพราะมีการตรวจพบสารปรอทในสัตว์ทะเลที่จับมาจากบางที่ค่อนข้างสูงเลยล่ะ […]
คุณแม่รู้ไหม? ในช่วงตั้งครรภ์นอกเหนือจากบทบาทว่าที่คุณแม่แล้ว ยังเป็นโอกาสดีที่คุณแม่จะได้สวมบทบาทสนุกๆ อีก 10 อย่างเพื่อการตั้งครรภ์อย่างมีคุณภาพและมีความสุข 1.นักออกกำลังกาย : สุขภาพ ที่แข็งแรงเป็นสิ่งสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ ซึ่งการออกกำลังกายอย่างปลอดภัยสามารถทำได้ตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 2 โดยต้องเป็นกีฬา หรือกิจกรรมที่ไม่ใช้แรงหรือมีการกระแทก เช่น การว่ายน้ำ เดิน เต้นแอโรบิกเบาๆ บริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ขี่จักรยาน อยู่กับที่ ควรหาโอกาสออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรงและไม่อ่อนแรงง่าย 2. นักสำรวจ : หมั่นสำรวจ และ สังเกตการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงภายนอก อย่างผิวพรรณ เส้นผม เล็บ เพื่อบำรุงอย่างถูกวิธี รวมถึงการเปลี่ยนแปลงภายใน อาการหรือความผิดปกติต่างๆ การดิ้น ของลูก โรคประจำตัว จดบันทึกการเปลี่ยนแปลง เพื่อจะได้นำไปถามคุณหมอเมื่อนัดตรวจครรภ์ หรือถ้ามีความผิดปกติที่ร้ายแรงจะได้รักษาได้ทันค่ะ 3. นักโภชนาการ : การพิถี พิถันเรื่องอาหารการกินเป็นเรื่องที่ทราบกันดี อยู่แล้ว ซึ่งการกินอาหารครบ 5หมู่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณแม่และช่วยเสริมสร้างความสมบูรณ์ของร่าง กายให้กับลูกในท้อง รวมถึงต้องกินอาหารที่ปรุงเสร็จใหม่ๆ หลีกเลี่ยงอาหารค้างคืนหรืออาหารสำเร็จรูปเพราะคุณค่าทางอาหารจะลดลง หากอยากกินน้ำอัดลม ชา กาแฟ หรือขนมต่างๆ ก็สามารถกินได้ให้พอหายอยาก ไม่ควรกินมากเกินไปเพราะจะทำให้อ้วนและยังมีสารต่างๆ จากส่วนผสมที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ร่างกายค่ะ 4. นักกิจกรรม : วันว่างอย่าลืม ผ่อนคลายด้วยกิจกรรมต่างๆ เช่น การรดน้ำต้นไม้อยู่ที่บ้าน ไปเดินผ่อนคลายเปิดหูเปิดตานอกบ้าน ฟังการเสวนาหรือเข้าอบรมเกี่ยวกับการตั้งครรภ์จะช่วยให้ได้รับความรู้และพัก ผ่อนในวันหยุด 5. […]
ไขข้อข้องใจที่ใครๆหลายๆคน พูดกันว่า ทำไม คาร์ซีท Ailebebe แพง ! มาดูกันสิว่าแพงเพราะอะไร แล้วที่ว่าแพงจริงหรือไม่ คาร์ซีท Ailebebe ทุกตัว จะถูกผลิตขึ้นจากโรงงานผู้ผลิตที่ญี่ปุ่นโดยตรง โดยมีแรงงานซึ่งเป็นคนญี่ปุ่นที่มีความชำนาญและเชี่ยวชาญสูง จึงทำให้ประสิทธิภาพในการใช้งานและค่าแรงสูงตามไปด้วย คาร์ซีท เหมือนกัน…แต่วัสดุภายในไม่เหมือนกันAilebebe เราไม่ได้เลือกใช้วัสดุอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่เราเลือกใช้วัสดุที่หลากหลาย มาช่วยรองรับแรงกระแทกที่ต่างกัน…อ่านซักนิดก่อนซื้อ คาร์ซีท ให้ลูก ส่วนประกอบของ คาร์ซีท มาตรฐานความปลอดภัย การผลิต คาร์ซีท ไม่ได้มองเพียงแค่เรื่องตวามสะดวกหรือความถูกต้องในการติดตั้งเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการลดการเคลื่อนที่หน้า-หลังของ คาร์ซีท ในขณะเกิดอุบัติเหตุ ที่ส่งผลให้เด็กได้รับบาดเจ็บได้อีกด้วย จึงมีการคิดค้นการติดตั้งด้วยระบบ ISOFIX และ Belt ที่ต้องสามารถตอบโจทย์ได้ทั้ง 2 ข้อ จึงเป็นที่มาของการแยกออกเป็น 2 รุ่นย่อย ดังนั้น คาร์ซีท Ailebebe ถึงราคาจะแพง แต่คุ้มค่า คุ้มเกินราคา เมื่อเปรียบเทียบกับนวัตกรรมด้านการปกป้อง ทั้งโครงสร้าง วัสดุรองรับแรงกระแทก และการติดตั้งมาตรฐานสากล กับความปลอดภัยในการเดินทางอย่างปลอดภัยของลูกน้อยที่คุณรัก






