วิธีเลือก เป้อุ้มทารก

รวมสุดยอดวิธี เลือกเป้อุ้มทารก
เพราะเป้อุ้มเด็ก เป็นเครื่องทุ่นแรงที่สำคัญยิ่งสำหรับคุณแม่ ที่เรียกได้ว่าคืออุปกรณ์คู่กายคู่ใจที่พาคุณแม่และลูกน้อยไปทำกิจวัตรด้วยกันได้เสมอ เป้อุ้มลูกนี้จึงเป็นหนึ่งในสิ่งอำนวยความสะดวกประจำบ้านที่กำลังเลี้ยงลูกอ่อน ยิ่งเป็นครอบครัวเล็กที่คุณแม่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียวไม่มีคนมาช่วยเลี้ยงลูก ในช่วงเวลาที่คุณพ่อไปทำงานนอกบ้าน ยิ่งถือเป็นของใช้ที่จะช่วยให้คุณแม่ทำงานและกิจกรรมอื่นๆได้ พร้อมเลี้ยงลูกได้แบบเบ็ดเสร็จ
ซึ่งในยุคสมัยที่การหาเงินได้ฝืดเคือง และข้าวของใช้ราคาสูงเช่นนี้ การเลือกซื้อเป้อุ้มลูกทั้งที เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่จะต้องพิจารณาอย่างถ้วนถี่ และเลือกใช้ให้คุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่าย แต่จะรู้ได้อย่างไร? ว่าเป้อุ้มเด็กแบบไหนดี ทนทานปลอดภัย ใช้งานได้นานจนลูกโต ลองมาอ่านเทคนิคดีๆ เหล่านี้กันเลย
1 ตอบโจทย์การใช้งาน การเลี้ยงลูกของครอบครัว
นั่นคือการเลือกให้ตรงกับสไตล์การเลี้ยงลูกของครอบครัว การทำงานของคุณพ่อคุณแม่และการเดินทางของคนในบ้าน ซึ่งต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ได้แก่
ขนาดของครอบครัวและคนช่วยเลี้ยงลูก เพราะหากเป็นครอบครัวเล็ก คุณแม่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียว คุณพ่อไปทำงาน จำเป็นต้องใช้เป้อุ้มลูก สำหรับเวลาทำงานบ้าน ทำธุระหรือจำเป็นต้องออกไปซื้อของนอกบ้าน แม้แต่เป็นครอบครัวใหญ่ อาจจะได้ใช้เวลาคุณแม่ต้องทำธุระ ผลัดกันใช้เวลาเดินทางไปข้างนอก
สิ่งของที่ใช้กับลูก เวลาที่ต้องพาลูกออกนอกบ้าน เพราะหากคุณพ่อคุณแม่มีข้าวของเครื่องใช้ที่ไม่ต้องพกไปมาก การใช้เป้อุ้มเด็กก็จะทำให้สะดวก พ่อแม่ถือของใช้ และซื้อของได้สบาย ไม่ต้องใช้มืออุ้มหรือเข็นลูก หรือหากเวลาไปไหนที่ต้องใช้พื้นที่จำกัดการใช้เป้อุ้มเด็กก็จะไม่ต้องเปลืองพื้นที่เพราะพับเก็บได้ พกพาง่ายกว่ารถเข็น
การเดินทางของครอบครัว หมายถึงสังเกตการใช้ชีวิตของครอบครัวว่า ต้องออกไปต่างจังหวัด หรือไปเยี่ยมญาติบ่อยหรือเปล่า ใช้เวลาพาลูกออกนอกบ้านนานแค่ไหน หากต้องไปที่ไหนไม่นานนัก การใช้เป้อุ้มเด็กจะมีความคล่องตัวสะดวกกว่ารถเข็น แต่หากต้องใช้เวลาเดินหรือยืน เดินทางนานเป็นชั่วโมง อาจเลือกใช้รถเข็นจะดีกว่า
พาหนะของบ้านที่ใช้ในการเดินทาง รถที่บ้านเล็ก-ใหญ่แค่ไหน หากเป็นรถที่มีขนาดไม่ใหญ่ การใช้รถเข็นเด็กบางรุ่นหรือรุ่นที่พับไม่ได้ มีขนาดใหญ่ อาจจะไม่สะดวกเท่าใช้เป้อุ้มเด็ก รวมถึงหากต้องเดินทางด้วยรถสาธารณะก็ควรใช้เป้อุ้มเด็ก เพราะจะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่เดินทางได้คล่องตัวรวดเร็ว
ราคาเหมาะสม เลือกเป้อุ้มเด็กที่มีราคาเหมาะสมกับฐานะครอบครัว และจะดีมากหากใช้ได้ยาวนานและรักษาสภาพให้ดีจนสามารถขายต่อมือสอง หรือส่งต่อให้ญาติพี่น้องที่มีลูกต่อไปได้
2 คุณสมบัติรองรับน้ำหนักได้ดี มีวัสดุปลอดภัย
ควรเลือกซื้อเป้อุ้มเด็กที่มีคุณสมบัติรองรับน้ำหนักลูกได้ดี ดูคำแนะนำว่าใช้ได้สำหรับเด็กน้ำหนักเท่าไร? ใช้ได้จนถึงลูกอายุโตแค่ไหน ควรมีเนื้อผ้าหรือวัสดุที่นุ่ม เนื้อผ้าบริเวณที่ต้องสัมผัสกับใบหน้าของลูกน้อย เบาะรองนั่งและหลัง ควรมีผิวสัมผัสที่นุ่ม ไม่บาดผิว หากผลิตจากเส้นใยธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้าย Organic ใช้สีธรรมชาติ 100% ก็จะยิ่งมั่นใจได้ว่าปลอดภัยต่อลูกน้อย เหมาะกับลูกเบบี๋ทารกที่ผิวบอบบางแพ้ง่าย

3 ต้องได้มาตรฐาน ออกแบบตรงสรีรศาสตร์ ดีต่อสุขภาพแม่และลูก
คุณแม่ต้องเลือกเป้อุ้มเด็ก ที่มีการออกแบบตรงสรีรศาสตร์ คำนึงถึงสุขภาพที่ดีทั้งต่อคุณแม่และลูกน้อย เพื่อป้องกันอาการปวดหลัง ปวดแขนของคุณแม่ และป้องกันลูกขาโก่ง หรือโรคข้อสะโพกแคลื่อนหลุดในเด็ก คือเป้ควรจะช่วยกระจายน้ำหนักไปยังบริเวณบ่า และมีแถบคาดเอวที่หนาพิเศษ ช่วยพยุงหลัง ลดอาการปวดเมื่อย
หากเป็นเป้ที่ใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิด ควรมีการออกแบบฐานที่นั่งของลูกให้กว้าง เพื่อรองรับท่านั่งที่ถูกต้องของลูกน้อยได้ตั้งแต่วัยแรกเกิดจนโตขึ้น รองรับการเคลื่อนไหวของช่วงข้อต่อสะโพก และขา ป้องกันปัญหากระดูกข้อต่อเคลื่อนที่ ให้ลูกได้นั่งในท่าที่สบายแกว่งขาได้ในท่าที่เป็นธรรมชาติ ไม่กดทับบริเวณขาและแขน รวมถึงหากมี Head Support จะยิ่งดีเพราะจะช่วยประคองศีรษะลูกและคอไปได้พร้อมกัน
4 ความคุ้มค่า ทนทาน ใช้ได้ยาวนานจนลูกโต
ควรเลือกซื้อเป้อุ้มลูกที่ปรับการใช้งานได้หลายระดับ มีขนาดที่พอเหมาะ กว้างพอให้ลูกน้อยและคุณแม่ปรับใช้ให้ลูกได้จนอายุประมาณ 3 ขวบ หรือในบางแบบเป้อุ้มเด็กสามารถใช้ได้จนลูกอายุ 4-5 ขวบ เป้อุ้มต้องมีความทนทาน วัสดุเหนียวแน่น คงทน มีอายุการใช้งานยาวนาน ยิ่งมีส่วนเสริมสำหรับลูกน้อยแรกเกิด หรือ New Born Support คุณแม่ก็จะสามารถใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิด โดยไม่ต้องซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่ม เมื่อลูกโตขึ้นก็เพียงปรับขนาดของตัวเป้ให้เหมาะสมกับช่วงอายุของลูก
ในเป้อุ้มลูกบางรุ่น ยังมีการออกแบบให้มีซิปหรือตัวปลดล็อกเข็มขัดแบบไร้เสียง Noiseless Waist Belt หรือ Noiseless Zipper เพื่อให้เวลาที่ลูกหลับ คุณแม่สามารถปลดล็อกแล้วอุ้มลูกลงนอนได้ โดยไม่มีเสียงดังจนทำให้ลูกตื่นอีกด้วย
5 ลูกใส่สบาย แม่ใส่ง่าย ปรับได้หลายแบบ
เลือกเป้อุ้มลูกทั้งที ต้องเป็นเป้ที่ลูกใส่สบาย หันหน้าออกได้ทั้งหน้า-หลัง ควรเป็นเป้ที่ปรับได้หลายรูปแบบ คุณแม่อุ้มด้านหน้าบ้าง หรืออาจสะพายเป็นเป้ด้านหลังก็ได้ สามารถปรับการอุ้มได้หลายแบบหลายท่า เช่น เป็นเป้อุ้มหรือหิ้วลูกได้ (Baby Carrier) เป็นที่นั่งอุ้มเด็ก (Hipseat) หรือชุดที่นั่งอุ้มเด็กได้ (Hipseat Carrier) เพราะมีอุปกรณ์ที่นั่งเสริมสำหรับเด็ก เบาะบริเวณหน้าท้องและหลังควรมีความหนา เพราะจะช่วยทำให้กระจายน้ำหนักได้ดีกว่า ลดอาการปวดเมื่อยจากการอุ้มเป็นเวลานาน ทำให้คุณแม่อุ้มลูกได้สบายขึ้น
นอกจากนี้ควรเป็นเป้อุ้มลูกที่คุณแม่ใส่ง่ายและถอดง่าย ไม่ต้องใช้เวลายุ่งยากหลากขั้นตอน แต่เมื่อใส่แล้วต้องหลุดหรือเลื่อนยาก เพื่อความปลอดภัยของลูกรัก

6 กระชับ ระบายอากาศได้ดี
เป้อุ้มลูกที่ดีต้องมีความกระชับพอดีตัว สำหรับทั้งคุณแม่และลูกน้อย สามารถอุ้มลูกทารกเบบี๋แรกเกิดได้กระชับ มั่นคงปลอดภัย ช่วยพยุงไม่ให้ลูกหลังงอ ด้วยการพยุง ประคองศีรษะ คอ หัวไหล่ หลังและเอว อีกคุณสมบัติคือควรเป็นผ้าที่นิ่ม หรือเป็นผ้าตาข่าย ที่ช่วยระบายอากาศได้ดี นอกจากนี้เป้อุ้มเด็กหลายรุ่นหลายยี่ห้อ ยังเลือกใช้วัสดุที่สามารถช่วยป้องกันแสงแดด และละอองฝนได้ด้วย
7 พกพาง่าย ทำความสะอาดสะดวก
สุดท้ายคือแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่เลือกเป้อุ้มลูกที่ม้วนหรือพับเก็บได้ง่าย พกพาได้สะดวก มีน้ำหนักเบา ขนาดกะทัดรัดไม่เทอะทะ เพื่อการหยิบใช้ได้แสนง่ายในทุกการเดินทาง และคุณแม่ต้องอย่าลืมเลือกเป้ที่สามารถถอดซักทำความสะอาดได้ง่าย ไม่ให้มีเชื้อโรคสะสมเพื่อสุขอนามัยที่ดีของลูกน้อย
สนใจเลือกซื้อเป้อุ้มเด็ก สามารถเข้ามา ลองเป้อุ้มเด็กด้วยตัวคุณเองได้ที่ BabyGift ทั้ง 6 สาขา ใกล้บ้านคุณ
ยินดีให้คำแนะนำ พร้อมสาธิตการใช้งานเป้อุ้มเด็กอย่างถูกวิธี
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
เมื่อลูกน้อยอายุตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ ท่านก็อาจมีความจำเป็นที่จะต้องพาลูกออกจากบ้านไปทำธุระต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการไปหาหมอ หรือ พาไปเดินเล่นเปลี่ยนบรรยากาศตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งนอกจากจะใช้รถเข็นเด็กเพื่อความสะดวกสบายของคุณพ่อคุณแม่แล้วนั้น ตัวช่วยอีกอย่างหนึ่งที่มักจะเป็นตัวเลือกของคุณพ่อคุณแม่ก็คือ เป้อุ้มเด็ก เพราะสามารถพาลูกน้อยไปได้ทุกที่ เรียกว่าเป็นตัวช่วยทุ่นแรงให้กับคุณพ่อคุณแม่ได้เป็นอย่างดี แต่คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจกำลังกังวลว่า เป้อุ้มลูกนั้น จะทำให้ เด็กขาโก่ง หรือเปล่า มีความปลอดภัยขนาดไหน ควรเลือกอย่างไรดี ในบทความนี้ BabyGift มีข้อมูลดี ๆ มาฝากกันแล้วค่ะ ตอบข้อสงสัย เป้อุ้มลูก ใช้แล้วเด็กขาโก่งไหม ? พร้อม 3 ยี่ห้อแนะนำ เป้อุ้มทารก จำเป็นหรือไม่ มีประโยชน์อย่างไร ? เป้สำหรับอุ้มเด็ก เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยทุ่นแรงกายในการอุ้มลูกน้อยวัยทารก เพราะช่วยทำให้คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องอุ้มลูกน้อยด้วยมือตัวเองตลอดเวลา และไม่ต้องหาคนช่วยอุ้ม ด้วยเพราะลูกยังเล็ก ยังเดินไม่ได้ ดังนั้นการทำกิจวัตรประจำวันส่วนใหญ่ของคุณแม่จึงจำเป็นต้องอุ้มลูกไว้บ่อย ๆ ทั้งการอุ้มไล่ลม อุ้มกล่อมนอน อุ้มปลอบโยน อุ้มเดินเล่น อุ้มขณะออกไปทำธุระนอกบ้าน ซึ่งเป็นเวลาหลายชั่วโมงต่อวัน แถมยังต้องอุ้มลูกตั้งแต่แรกเกิดหรือวัยทารกไปจนถึงวัยประมาณเกือบ 2 ขวบ จนเมื่อลูกเดินได้เก่ง ดังนั้นการใช้เป้อุ้มลูกก็จะช่วยคุณพ่อคุณแม่ได้มาก ทำให้สามารถพาลูกน้อยไปกับเราได้ทุกที่ ทำกิจกรรมต่าง ๆ […]
วันนี้ BabyGift จะมาแชร์วิธีการเลือกคาร์ซีทแรกเกิดในฉบับของคุณแพรว เพชรแพรว อัครเตชวาทิน หรือ แม่ PRAEW จากเพจ PRAEW ให้ดูกันค่ะ เพื่อเป็นแนวทางให้แม่ๆทุกคน ที่กำลังมองหาคาร์ซีทแรกเกิดดีๆสักตัวให้เจ้าตัวน้อยอยู่ แต่ไม่รู้จะเลือกอย่างไรดี ต้องให้ความสำคัญตรงไหนเป็นพิเศษ วันนี้เราสรุปมาให้แล้วค่ะ 6 เทคนิคเลือกซื้อคาร์ซีทแรกเกิดในแบบของ แม่ PRAEW 1. วัสดุต้องดี แข็งแรง แม่ PRAEW ให้ความปลอดภัยมาเป็นอันดับ 1 โครงสร้างต้องมีมาตรฐาน วัสดุต้องดี แข็งแรงทนทาน ไม่ก๊อกแก๊ก และต้องเข้าใจด้วยค่ะว่าในแต่ละส่วนของร่างกายเด็ก หรือแรงที่เด็กจะได้รับจากการเกิดอุบัติเหตุใช้วัสดุป้องกันที่แตกต่างกันในการปกป้องตัวเด็ก เช่น แรงกระแทกแรงๆ EPS Foam จะป้องกันได้ดีกว่า ส่วนแรงกระแทกเบาๆ แผ่นโพลี่ยูรีเทน จะช่วยป้องกันได้ดีกว่า คาร์ซีทที่เมอใช้อยู่ มีวัสดุที่หลากหลายมาก มีทั้ง EPS Foam ที่เป็นวัสดุโครงสร้างหลัก และแผ่นโพลี่ยูรีเทนที่เสริมเข้ามาบริเวณที่นั่ง ศีรษะและสะโพกทั้ง 2 ด้าน เรียกได้ว่าทุกส่วนออกแบบมาให้รองรับทุกส่วนอย่างดีที่สุดค่ะ อีกสิ่งที่แพรวรู้มา คือเวลาที่เกิดอุบัติเหตุ เด็กที่อยู่บนคาร์ซีทจะได้รับอันตรายจากแรงกระแทกซ้ำๆ […]
ทุกการเดินทางของเด็ก ความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญที่สุด เราจึงร่วมส่งเสริมความปลอดภัยด้วยการมอบคาร์ซีทจาก AILEBEBE และ NEW SEAT, MORE SAFE จำนวน 24 ตัว ให้กับโครงการ “ธนาคารคาร์ซีท” ของสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล และโรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อส่งต่อให้ครอบครัวที่ต้องการใช้คาร์ซีทต่อไป โครงการนี้เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองและบุคลากรของมหาวิทยาลัยมหิดลและโรงพยาบาลรามาธิบดี สามารถยืมคาร์ซีทไปใช้ได้ไม่มีค่าใช้จ่าย เพราะอุบัติเหตุบนท้องถนนสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา การเตรียมพร้อมเพื่อปกป้องชีวิตน้อย ๆ ตั้งแต่วันแรกที่ออกจากโรงพยาบาลจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เราจะร่วมเป็นแรงสนับสนุนความปลอดภัยสำหรับเด็กอย่างต่อเนื่อง เพราะเราเชื่อมั่นว่าทุกการเดินทางที่ปลอดภัย คือการสร้างอนาคตที่สดใสให้กับเด็กทุกคนค่ะ
ว่าที่คุณแม่มือใหม่หลายคนคงจะปวดหัวไม่น้อย ว่าลูกน้อยของเราควรจะหนุน หมอนทารก นอนหรือไม่ แล้ว หมอนหัวทุย จำเป็นไหม กดมือถือหาข้อมูลทีไรก็หาข้อสรุปไม่ได้เสียที ไม่ต้องกังวลไปค่ะ วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจให้หายสงสัยกันค่า หมอนทารก ทารกควรหนุนหรือไม่ คำแนะนำจากกุมารแพทย์ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยกล่าวว่า ท่านอนที่ดีและปลอดภัยสำหรับทารกที่สุดก็คือ การนอนหงายโดยไม่หนุนอะไรทั้งสิ้น เพราะสรีระของกะโหลกศีรษะของทารก ซึ่งจะมีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับลำตัว ทำให้พอดีในการนอนแล้วถึงแม้จะนอนหงาย และนอกจากนี้จะต้องไม่มีสิ่งของอื่นๆ เช่น ผ้าห่ม ตุ๊กตา ของเล่น ฯลฯ อยู่บนเตียงขณะลูกน้อยนอนหลับ เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุจากการนอน หรือโรคไหลตายในทารก (SIDS) ซึ่งเป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิตเด็กๆ มากมายทั่วโลก และโรคนี้มักจะเกิดกับเด็กอายุไม่เกิน 4 เดือนมากที่สุด โดยที่เด็กยังแข็งแรงดีอีกด้วย แม้ปัจจุบันจะยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่หนึ่งในปัจจัยที่ชัดเจนและกระตุ้นให้เกิดการเสียชีวิตคือการที่มีผ้า วัตถุนุ่มๆ หรือการใช้ที่นอนที่อ่อนยวบเกินไป ไปอุดกั้นทางเดินหายใจของลูก จากการที่ลูกเกิดพลิกตัวนอนคว่ำ หรือคว้าวัตถุเหล่านั้นมาโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งเด็กยังเล็กเกินไปที่จะชันคอหรือพลิกตัวกลับได้ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ทารกจึงยังไม่จำเป็นต้องใช้หมอนหนุนนอนจนกว่าจะเข้าสู่วัยเตาะแตะหรือ 18 เดือนขึ้นไป หรือช้ากว่านั้นได้ยิ่งดีค่ะ กลัวลูกหัวแบน ทำไงดี อีกหนึ่งความกังวลใหญ่ของบรรดาแม่ๆ คือ กลัวลูกหัวแบน เพราะต้องนอนหงายตลอดเวลา ปัจจุบันจึงได้มีการผลิตคิดค้นหมอนหนุนสำหรับทารกเพื่อป้องกันหัวแบน และลูกน้อยยังคงนอนหงายได้ด้วย แต่ทั้งนี้คุณหมอและผู้เชี่ยวชาญก็ยังไม่แนะนำให้ใช้หมอนหนุนมากนัก เพราะหากใช้หมอนที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีคุณภาพ […]
ปัญหาลูกทารกนอนยาก ไม่ยอมนอน ถือเป็นหนึ่งปัญหาปวดหัวใจ ทำคุณพ่อคุณแม่หลายๆ บ้านเครียดและไม่สบายใจไปตามๆ กัน เพราะเมื่อลูกนอนยาก งอแง ไม่ยอมหลับ ก็มักจะงอแงร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหล ปลอบอย่างไรก็ไม่หาย กว่าจะนอนได้ก็นานเป็นชั่วโมง แถมเวลาลูกหลับแล้วตื่นมาทีไรก็ยังงอแง อารมณ์ไม่ดี เลี้ยงยากจนคุณแม่ๆ ทั้งหลายเพลียใจ ลูกน้อยทารกควรนอนมากแค่ไหน ? คุณแม่รู้ไหมว่า…ลูกทารกวัยแรกเกิด- 1 เดือน นอนกลางวันถึงวันละ 8-9 ชั่วโมง และกลางคืนอีก 8-9 ชั่วโมง รวม 15-18 ชั่วโมงต่อวัน ส่วนลูกวัย 1 -3 เดือน นอนกลางวันวันละ 6-7 ชั่วโมง และกลางคืนอีก 9-10 ชั่วโมง รวมประมาณ 15 ชั่วโมง จนเมื่อลูกน้อยวัย 6 เดือน เริ่มนอนน้อยลง คือ นอนกลางวันลงเหลือ 3-4 ชั่วโมง และกลางคืน 10-11 ชั่วโมง รวม […]






